ปีพุทธศักราช 2537
ภายในบริเวณลานโล่งกว้างของวัดใหญ่ประจำจังหวัดอึกทึกเลื่อนลั่นจากเสียงเครื่องขยายเสียง ในวันหยุดสงกรานต์ที่ถือเป็นวันปีใหม่ของไทย ได้มีการจัดงานทำบุญอันเป็นประเพณีที่สืบทอดกันมาช้านาน โดยช่วงเช้านั้นจะเป็นการทำบุญเลี้ยงพระ และในช่วงเย็นแบบนี้ที่ขาดไม่ได้คือมหรสพสมโภช ที่มีทั้งวงดนตรี เครื่องเล่นสำหรับเด็กๆ ชิงช้าสวรรค์ และการละเล่น การแสดงโชว์ต่างๆ มากมาย ทำให้หน้าลานกว้างของวัดแคบไปถนัด เมื่อมีร้านรวงเล็กๆ น้อยๆ ขายของกินของใช้ และของเด็กเล่น รวมถึงพวกเกมต่างๆ ตั้งแผงแน่นขนัด ผู้คนมากมายหลั่งไหลเข้ามาเที่ยวชมไม่ขาดสาย ผู้ใหญ่ต่างหอบลูกจูงหลานเข้ามาเที่ยว หนุ่มสาวต่างจูงมือจูงไม้พากันลัดเลาะไปตามซุ้มตามร้านรวง บ้างก็ก่อปราสาททรายกลายเป็นภาพน่ารักน่าเอ็นดู
นายตำรวจหนุ่มยศพันโท พาภรรยา ลูกชายวัยแปดขวบ และลูกสาววัยสองขวบเข้ามาเที่ยวงานในค่ำคืนนี้ด้วย
“คนเยอะมากเลยนะคะพี่” พรพรรณ ภรรยาสาววัยยี่สิบห้าพูดกับสามียิ้มๆ
“อืม ปีนี้บ้านเราจัดงานใหญ่ผู้คนจากจังหวัดใกล้เคียงก็มาเที่ยวกันเยอะจ้ะพรรณ แล้วที่นี่ก็ไม่ไกลจากกรุงเทพฯ คนเลยมาเยอะ พี่ว่าเราพาตาพันกับยายหนูพลอยไปตรงโน้นดีกว่านะ ตรงนี้คนเยอะมาก ว่าไงครับพิมพ์พลอย ไปนั่งชิงช้าสวรรค์กันไหมลูก โน้น...สูงๆ โน่นแน่ะ เห็นมั้ยลูก พันล่ะอยากขึ้นชิงช้าสวรรค์ไหม” อุทิศชี้ชวนลูกสาวตัวน้อยให้ดูชิงช้าวงใหญ่ที่กำลังหมุนเป็นวงกลม แล้วหันไปถามลูกชาย
หนูน้อยพิมพ์พลอยดูท่าว่าจะตื่นเต้นมาก ร้องเสียงดังพลางฉุดมือพ่อและแม่ให้ตรงไปที่เครื่องเล่นที่หมายตาเอาไว้
“พ่อ...เล่น...เล่น”
แต่พันศึกกลับส่ายหน้า...
“ผมอยากยิงปืนครับพ่อ แต่เราพาน้องพลอยไปขึ้นชิงช้าก่อนก็ได้ครับ”
“เอางั้นก็เอา ดูสิน้องสาวเราดึงมือแม่ใหญ่แล้ว” อุทิศลูบผมลูกสาวตัวน้อยพูดยิ้มๆ
“เบาๆ จ้ะยายหนู ดูสิคะคุณ ลูกอยากจะเล่นใหญ่เลย” พรพรรณพูดยิ้มๆ เมื่อเจ้าตัวเล็กดึงรั้งทั้งเธอและเขายกใหญ่ปากก็ร้องลั่นจะเล่นท่าเดียว
นายตำรวจหนุ่มยิ้มกว้าง คว้าเอาลูกสาวตัวน้อยมาอุ้ม ฝ่ายภรรยาจูงมือลูกชายคนเก่ง
“งั้นไปกันเลย ไปครับคุณ ไปลูก...ตาพัน”
สี่คนพ่อแม่ลูกตรงไปยังชิงช้าสวรรค์ซึ่งอยู่อีกด้านของงานซึ่งมีคนต่อคิวซื้อตั๋วกันหนาแน่น ทั้งผู้ใหญ่ ลูกเล็กเด็กแดง และบรรดาหนุ่มสาวที่เกี่ยวก้อยกันเข้ามาเที่ยวในงาน
ขณะที่ยืนรอ อุทิศก็วางลูกสาวตัวน้อยลงให้อยู่กับผู้เป็นภรรยาเพื่อที่ว่าตนเองจะได้ไปเข้าแถวต่อคิวซื้อตั๋ว เสียงประกาศจากซุ้มต่างๆ ดังแข่งกันทั้งตะโกนด้วยปากและตะโกนผ่านเครื่องขยายเสียงขนาดเล็กแบบโทรโข่ง เรียกความสนใจจากผู้คนที่เดินไปมารวมทั้งพรพรรณด้วย อีกทั้งลูกชายก็ชี้ไปทางที่เขายิงปืนกันให้เธอดู เพียงชั่ววินาทีที่เธอหันไปมอง มือเล็กๆ ของลูกสาวก็หลุดออกไปจากการจับกุม เพราะเด็กน้อยมองเห็นขนมสีสันอ่อนๆ ฟองฟูของสายไหมดึงดูดล่อใจให้เดินไปหา ลืมพ่อและแม่ไปชั่วขณะ
ปัง ปัง ปัง!!!!
เสียงวี้ดว้าย เสียงร้องไห้ระงมดังเซ็งแซ่ขึ้นเมื่อสิ้นเสียงกัมปนาท ความชุลมุนโกลาหลเกิดขึ้น ณ เวลานั้นเอง เมื่อมีอันธพาลไล่ทำร้ายคู่อริวิ่งเข้ามาในบริเวณวัด
“คุณคะ”
พรพรรณคว้าลูกชายมากอด ผวาเข้าคว้าแขนสามี หน้าตาตื่นตกใจสุดขีด ต่างคนต่างหลบกันจ้าละหวั่น เกรงจะได้รับลูกหลงจากเสียงปืนนั้น
“เป็นอะไรรึเปล่าพร ลูกพัน แล้วยายพลอยล่ะ!” นายตำรวจหนุ่มหน้าตื่นบ้างเมื่อมองไม่เห็นร่างน้อยๆ ของบุตรสาว