คุณกู้ คุณนายทอดทิ้งท่านไปแล้ว
เมียผมน่ารักจัง
อาภรณ์พิษ ทรราชหลงรัก
ลิขิตรักภรรยาตัวร้าย
ที่แท้เป็นคุณหนูตัวจริง
รักใหม่พันล้าน
โชคชะตาของพระชายา
สามีเป็นถึงเศรษฐีพันล้าน
เสด็จอาเลิกตามใจพระชายาสักทีเถอะ
คุณท่าน คุณนายมาหาอีกแล้ว
ในฤดูใบไม้ผลิของศักราชที่สองร้อย รัชศกชุ่นเหลียน
บ้านเมืองเกิดการผันแปรทางด้านสภาพอากาศ ทำให้ฤดูต่าง ๆ ผกผัน ยามร้อนก็แทบทำให้ทุกอย่างละลายได้ในบัดดล โดยเฉพาะทางภาคตะวันตกของรัฐเถินอิง และในฤดูที่หนาวเหน็บ กลับยาวนานยิ่งกว่าเดิม แม้แต่ไม้ฟืนก็ยังเป็นของล้ำค่า
หากจะพูดถึงฝั่งตะวันออกที่อยู่ติดกับแม่น้ำใหญ่และทะเลกว้าง กลับมีคลื่นพายุโหมกระหน่ำมิหยุดยั้ง ไม่เว้นแต่ละปี จนชาวบ้านชาวเมืองตกระกำลำบากกันไปถ้วนหน้า จนต้องอัญเชิญซินแสเทวดา ซึ่งมีญาณหยั่งรู้ไปจนถึงขั้นเง็กเซียนบนสรวงสวรรค์ ให้ทรงอวยพรแก่ใต้หล้า อย่าได้ประสบกับภัยพิบัติแบบนี้อีกเลย
หลังจากการทำพิธีเกิดขึ้น มีหลายอย่างที่สงบลง แต่ก็ไม่ได้ทำให้ฤดูหนาวเปลี่ยนแปลงไปเลยแม้แต่น้อย เหมือนกับว่า มันถูกคำสาปเพียงแค่อย่างเดียวเท่านั้น
เวลาผ่านไปหลังจากนั้นยี่สิบปี
ในเมืองถี่อาน ซึ่งไม่ได้เป็นเมืองที่ใหญ่นัก แต่มีร้านค้ามากมายให้เลือกชมของซื้อของขาย บรรยากาศในเมืองนี้ช่างคึกคักโดยเฉพาะวันนี้
เมื่อตระกูลจางที่มีชื่อเสียง ได้ทำการสู่ขอบุตรสาวที่งดงามจากตระกูลเสิ่น ให้แต่งงานเข้าพิธีมงคลสมรสกันระหว่างสองตระกูล วันนี้บนถนนหนทางเลยมีขบวนแห่ ที่จัดกันอย่างคึกคักทั่วทั้งสองข้างทาง ทั้งเด็กเล็กและผู้ใหญ่ต่างก็มาเข้าร่วมขบวนแห่เจ้าสาวกันอย่างล้นหลาม
ขบวนเกี้ยวสีแดงที่สวยงามนั้น กลับพากันโดดเด่นอยู่กลางถนนหนทางหนึ่งหลัง มีเกี้ยวหลังสีแดงสดหลังใหญ่ ขบวนแห่มีม้าเดินอยู่รอบด้าน รวมทั้งเหล่าคนที่คุมม้าและขบวน ก็ล้วนอยู่ในชุดมงคล แสดงถึงงานวิวาห์ที่จะเกิดขึ้นในไม่ช้านี้
“ทุกคนช่วยถอยห่างออกไปหน่อย ขบวนเกี้ยวเจ้าสาวกำลังเดินทางอยู่ นี่เจ้าหนู หลีกไปเดี๋ยวนี้เลย!”
เสียงคนคุมม้าคือพ่อบ้านของตระกูลจาง ซึ่งนำหน้าขบวน เขานำทางไปยังบ้านเจ้าบ่าว ได้ว่ากล่าวเด็กน้อยที่กำลังสงสัยว่ามีสิ่งใดอยู่ภายในบ้านหลังเล็กสีแดงตรงหน้า
“พี่สาว ๆ ท่านช่างงดงามจริง ๆ”
เด็กน้อยเอ่ยทักเจ้าสาวจากริ้วขบวน นางส่งยิ้มให้เล็กน้อย เป็นเพราะการแย้มใบหน้าออกมานิดหน่อย จึงทำให้เสิ่นลู่เหยา เห็นว่าภายนอกนั้น มีผู้คนเดินตามขบวนเกี้ยวมากขนาดไหน
“ดีจังเลยที่มีงานมงคลเกิดขึ้นกับตระกูลจาง ช่วงนี้เป็นฤดูใบไม้ผลิ เหมาะแก่การเริ่มต้นชีวิตใหม่อย่างยิ่งเห็นทีข้าคงต้องไปแต่งตัวสวย ๆ เพื่อเข้าร่วมงานมงคลในครั้งนี้เสียแล้วสิ”
เสิ่นลู่เหยา ได้ยินเสียงผู้คนพูดกันหนาหู ว่าคุณชายตระกูลจางช่างโชคดี ที่ได้แต่งงานกับหญิงสาวที่เพียบพร้อม
“ได้แต่งบุตรสาวตระกูลเสิ่นเข้าจวนเป็นฮูหยิน อีกทั้งเจ้าบ่าวยังสง่าผ่าเผย ช่างเหมาะสมกับคุณหนูตระกูลเสิ่นยิ่งนัก น่าอิจฉาคุณชายของตระกูลจางจริง ๆ เลย”
แต่สำหรับเสิ่นลู่เหยานั้น ข่าวนี้ไม่ได้ทำให้นางชอบใจแต่อย่างใด หากมิใช่การหมั้นหมายกันตั้งแต่เด็ก เสิ่นลู่เหยาคงได้เลือกชายหนุ่มที่นางรักและชื่นชม หาใช่จางฮุ่ยเฉินคนนี้
เดิมทีตระกูลจางและตระกูลเสิ่นนั้นเป็นคู่ค้าสำคัญในการค้าผ้าไหม และส่งออกสินค้าจากมณฑลทางภาคตะวันตกของแคว้น ไปจดดินแดนสิ้นสุดทะเลทรายกว้าง ตระกูลเสิ่นนั้นจะนำสินค้าในแคว้นและต่างเมือง ไปให้ตระกูลจางซึ่งเป็นนักเดินทางในการค้าขาย และตระกูลจางก็นำสินค้าใหม่จากต่างแดน กลับมาขายยังแคว้นที่รุ่งเรืองแห่งนี้
นับว่าทั้งสองตระกูลนั้นเกี่ยวดองกันยิ่งนัก เมื่อความสัมพันธ์ทางการค้างอกเงย ความรู้สึกอยากปรองดองทางสายเลือดจึงเกิดขึ้น บิดาของทั้งสองจึงทำสัญญากันขึ้น ว่าเมื่อใดที่ทั้งสองตระกูลมีบุตรชายและบุตรสาวในเวลาไล่เลี่ยกัน จะต้องนำทั้งคู่มาแต่งงานกันเมื่อถึงเวลาอันสมควร
เพื่อการสืบเชื้อสายของคนที่เก่งกล้า มีความปราดเปรื่องในสติปัญญา และความสามารถด้านการค้าขาย ที่ไม่เคยเป็นรองใครในใต้หล้านี้
ตระกูลจางจึงมีตราประทับเป็นนกอินทรี ที่มีสายตากว้างไกลเป็นสัญลักษณ์ของตระกูล ส่วนตระกูลเสิ่นนั้นก็มีม้าศึกสามตัว เป็นตราประทับของตระกูล เพื่อบ่งบอกในเชิงนามธรรมว่าพวกเขานั้นเป็นนักเดินทางที่มีความรวดเร็วอดทน และเฉียบแหลมเกินผู้ใดด้วยเช่นกัน
เสิ่นลู่เหยาเคยได้ยินบิดาเล่ามาเช่นนั้น นางนึกถึงภาพคุณชายจางฮุ่ยเฉินในตอนนี้ ว่าเขานั้นจะรู้สึกเช่นไร หากได้ยินคำบอกเล่าจากนิทานเรื่องนี้เหมือนกัน หรือไม่ เขาจะยินดีหรือรันทดใจกันแน่ที่ได้แต่งงานกัน ซึ่งนางก็มิอาจรับรู้
เสิ่นลู่เหยาแค่เพียงทำตามความปรารถนาของตระกูล นางเองก็ถูกพันธนาการด้วยด้ายสีดำ ที่มิอาจดึงออกจากตัวได้ นางจึงยอมรับมันโดยปริยาย
“ขบวนเกี้ยวเจ้าสาวแห่งตระกูลเสิ่นได้มาถึงแล้ว ทุกท่านได้โปรดถอยออกมาจากบริเวณลานดอกเหมยด้วยขอรับ”
เสียงพ่อบ้านคุมขบวนกล่าวเตือนผู้คนอีกครั้ง เขาลงจากหลังม้า พร้อมสั่งการให้ขบวนเกี้ยวแห่เจ้าสาวไปยังหน้าพิธีของงาน
หลังจากที่เกี้ยวเจ้าสาวลงจอดนิ่งสนิท สาวใช้ของตระกูลจางสี่นาง ต่างเดินเข้ามารับเจ้าสาวให้ออกมาจากที่ตั้งด้านใน พร้อมกับนำฝ่ามือให้เจ้าสาวได้เกาะเกี่ยว และดึงรั้งชายผ้าชุดโคร่งที่ยาวจรดพื้นดินให้ยกขึ้น
เจ้าสาวอยู่ในชุดคลุมยาวสีแดง หลังจากนั้นจึงนำสายสะพายซึ่งประดิษฐ์ด้วยผ้าสีแดงมาคาดให้ ก่อนจะส่งมือเจ้าสาวไปให้เจ้าบ่าวรับไว้เพื่อเดินนำไปสู่โต๊ะใหญ่กลางงาน ซึ่งมีก้านธูป เทียนมงคล และสุรามงคล ตั้งอยู่เต็มทั้งสองฝั่ง เจ้าสาวและเจ้าบ่าวต้องกราบใหว้ฟ้าดิน และบรรพบุรุษตามประเพณี
เสิ่นลู่เหยากะพริบตาอยู่ภายใต้ผ้าคลุมหน้าเจ้าสาว ในมือนางถือธูปที่จุดขึ้นยกจรดปลายคาง พลางมองไปตรงหน้าเพื่อไหว้สามี เขามิได้เห็นใบหน้าภายใต้ผ้าคลุมสีแดงสองชั้นนี้
“คู่บ่าวสาวกราบไหว้ฟ้าดินก็เป็นอันเสร็จพิธีในครั้งนี้แล้ว ขอให้รักกันยืดยาว มีลูกเต็มบ้านหลานเต็มเมือง”