Login to MeghaBook
icon 0
icon เติมเงิน
rightIcon
icon ประวัติการอ่าน
rightIcon
icon ออกจากระบบ
rightIcon
icon ดาวน์โหลดแอป
rightIcon
เกิดใหม่คราวนี้ฮูหยินแสนดีเช่นข้า

เกิดใหม่คราวนี้ฮูหยินแสนดีเช่นข้า

จิรัฐติกาล

5.0
ความคิดเห็น
5.3K
ชม
20
บท

ลู่เหยาได้แต่งเป็นถึงฮูหยิน แต่กลับไม่ได้รับความรักจากสามี แถมยังทิ้งตัวเองและลูกไปถึงสามีปี จนทำให้นางต้องตายอย่างอนารถ ต้องทิ้งบุตรชายไว้เพียงลำพัง เมื่อฟื้นขึ้นมาใหม่ชีวิตนางก็ไม่พ้นที่จะสกุลจางอีกแถมยังต้องแต่งเข้าในฐานะอนุ งานนี้นางยอมกลับไปเพื่อบุตรชายเพียงคนเดียวที่ทิ้งเอาไว้ พร้อมกับเอาคืนทุกคนที่เคยทำร้ายนาง เกิดใหม่คราวนี้ฮูหยินแสนดีไม่มีอีกแล้ว ข้าจะกลายเป็นอนุที่ร้ายกาจ ************** จบดีค่ะ

บทที่ 1 ข้าคือลู่เหยา

ในฤดูใบไม้ผลิของศักราชที่สองร้อย รัชศกชุ่นเหลียน

บ้านเมืองเกิดการผันแปรทางด้านสภาพอากาศ ทำให้ฤดูต่าง ๆ ผกผัน ยามร้อนก็แทบทำให้ทุกอย่างละลายได้ในบัดดล โดยเฉพาะทางภาคตะวันตกของรัฐเถินอิง และในฤดูที่หนาวเหน็บ กลับยาวนานยิ่งกว่าเดิม แม้แต่ไม้ฟืนก็ยังเป็นของล้ำค่า

หากจะพูดถึงฝั่งตะวันออกที่อยู่ติดกับแม่น้ำใหญ่และทะเลกว้าง กลับมีคลื่นพายุโหมกระหน่ำมิหยุดยั้ง ไม่เว้นแต่ละปี จนชาวบ้านชาวเมืองตกระกำลำบากกันไปถ้วนหน้า จนต้องอัญเชิญซินแสเทวดา ซึ่งมีญาณหยั่งรู้ไปจนถึงขั้นเง็กเซียนบนสรวงสวรรค์ ให้ทรงอวยพรแก่ใต้หล้า อย่าได้ประสบกับภัยพิบัติแบบนี้อีกเลย

หลังจากการทำพิธีเกิดขึ้น มีหลายอย่างที่สงบลง แต่ก็ไม่ได้ทำให้ฤดูหนาวเปลี่ยนแปลงไปเลยแม้แต่น้อย เหมือนกับว่า มันถูกคำสาปเพียงแค่อย่างเดียวเท่านั้น

เวลาผ่านไปหลังจากนั้นยี่สิบปี

ในเมืองถี่อาน ซึ่งไม่ได้เป็นเมืองที่ใหญ่นัก แต่มีร้านค้ามากมายให้เลือกชมของซื้อของขาย บรรยากาศในเมืองนี้ช่างคึกคักโดยเฉพาะวันนี้

เมื่อตระกูลจางที่มีชื่อเสียง ได้ทำการสู่ขอบุตรสาวที่งดงามจากตระกูลเสิ่น ให้แต่งงานเข้าพิธีมงคลสมรสกันระหว่างสองตระกูล วันนี้บนถนนหนทางเลยมีขบวนแห่ ที่จัดกันอย่างคึกคักทั่วทั้งสองข้างทาง ทั้งเด็กเล็กและผู้ใหญ่ต่างก็มาเข้าร่วมขบวนแห่เจ้าสาวกันอย่างล้นหลาม

ขบวนเกี้ยวสีแดงที่สวยงามนั้น กลับพากันโดดเด่นอยู่กลางถนนหนทางหนึ่งหลัง มีเกี้ยวหลังสีแดงสดหลังใหญ่ ขบวนแห่มีม้าเดินอยู่รอบด้าน รวมทั้งเหล่าคนที่คุมม้าและขบวน ก็ล้วนอยู่ในชุดมงคล แสดงถึงงานวิวาห์ที่จะเกิดขึ้นในไม่ช้านี้

“ทุกคนช่วยถอยห่างออกไปหน่อย ขบวนเกี้ยวเจ้าสาวกำลังเดินทางอยู่ นี่เจ้าหนู หลีกไปเดี๋ยวนี้เลย!”

เสียงคนคุมม้าคือพ่อบ้านของตระกูลจาง ซึ่งนำหน้าขบวน เขานำทางไปยังบ้านเจ้าบ่าว ได้ว่ากล่าวเด็กน้อยที่กำลังสงสัยว่ามีสิ่งใดอยู่ภายในบ้านหลังเล็กสีแดงตรงหน้า

“พี่สาว ๆ ท่านช่างงดงามจริง ๆ”

เด็กน้อยเอ่ยทักเจ้าสาวจากริ้วขบวน นางส่งยิ้มให้เล็กน้อย เป็นเพราะการแย้มใบหน้าออกมานิดหน่อย จึงทำให้เสิ่นลู่เหยา เห็นว่าภายนอกนั้น มีผู้คนเดินตามขบวนเกี้ยวมากขนาดไหน

“ดีจังเลยที่มีงานมงคลเกิดขึ้นกับตระกูลจาง ช่วงนี้เป็นฤดูใบไม้ผลิ เหมาะแก่การเริ่มต้นชีวิตใหม่อย่างยิ่งเห็นทีข้าคงต้องไปแต่งตัวสวย ๆ เพื่อเข้าร่วมงานมงคลในครั้งนี้เสียแล้วสิ”

เสิ่นลู่เหยา ได้ยินเสียงผู้คนพูดกันหนาหู ว่าคุณชายตระกูลจางช่างโชคดี ที่ได้แต่งงานกับหญิงสาวที่เพียบพร้อม

“ได้แต่งบุตรสาวตระกูลเสิ่นเข้าจวนเป็นฮูหยิน อีกทั้งเจ้าบ่าวยังสง่าผ่าเผย ช่างเหมาะสมกับคุณหนูตระกูลเสิ่นยิ่งนัก น่าอิจฉาคุณชายของตระกูลจางจริง ๆ เลย”

แต่สำหรับเสิ่นลู่เหยานั้น ข่าวนี้ไม่ได้ทำให้นางชอบใจแต่อย่างใด หากมิใช่การหมั้นหมายกันตั้งแต่เด็ก เสิ่นลู่เหยาคงได้เลือกชายหนุ่มที่นางรักและชื่นชม หาใช่จางฮุ่ยเฉินคนนี้

เดิมทีตระกูลจางและตระกูลเสิ่นนั้นเป็นคู่ค้าสำคัญในการค้าผ้าไหม และส่งออกสินค้าจากมณฑลทางภาคตะวันตกของแคว้น ไปจดดินแดนสิ้นสุดทะเลทรายกว้าง ตระกูลเสิ่นนั้นจะนำสินค้าในแคว้นและต่างเมือง ไปให้ตระกูลจางซึ่งเป็นนักเดินทางในการค้าขาย และตระกูลจางก็นำสินค้าใหม่จากต่างแดน กลับมาขายยังแคว้นที่รุ่งเรืองแห่งนี้

นับว่าทั้งสองตระกูลนั้นเกี่ยวดองกันยิ่งนัก เมื่อความสัมพันธ์ทางการค้างอกเงย ความรู้สึกอยากปรองดองทางสายเลือดจึงเกิดขึ้น บิดาของทั้งสองจึงทำสัญญากันขึ้น ว่าเมื่อใดที่ทั้งสองตระกูลมีบุตรชายและบุตรสาวในเวลาไล่เลี่ยกัน จะต้องนำทั้งคู่มาแต่งงานกันเมื่อถึงเวลาอันสมควร

เพื่อการสืบเชื้อสายของคนที่เก่งกล้า มีความปราดเปรื่องในสติปัญญา และความสามารถด้านการค้าขาย ที่ไม่เคยเป็นรองใครในใต้หล้านี้

ตระกูลจางจึงมีตราประทับเป็นนกอินทรี ที่มีสายตากว้างไกลเป็นสัญลักษณ์ของตระกูล ส่วนตระกูลเสิ่นนั้นก็มีม้าศึกสามตัว เป็นตราประทับของตระกูล เพื่อบ่งบอกในเชิงนามธรรมว่าพวกเขานั้นเป็นนักเดินทางที่มีความรวดเร็วอดทน และเฉียบแหลมเกินผู้ใดด้วยเช่นกัน

เสิ่นลู่เหยาเคยได้ยินบิดาเล่ามาเช่นนั้น นางนึกถึงภาพคุณชายจางฮุ่ยเฉินในตอนนี้ ว่าเขานั้นจะรู้สึกเช่นไร หากได้ยินคำบอกเล่าจากนิทานเรื่องนี้เหมือนกัน หรือไม่ เขาจะยินดีหรือรันทดใจกันแน่ที่ได้แต่งงานกัน ซึ่งนางก็มิอาจรับรู้

เสิ่นลู่เหยาแค่เพียงทำตามความปรารถนาของตระกูล นางเองก็ถูกพันธนาการด้วยด้ายสีดำ ที่มิอาจดึงออกจากตัวได้ นางจึงยอมรับมันโดยปริยาย

“ขบวนเกี้ยวเจ้าสาวแห่งตระกูลเสิ่นได้มาถึงแล้ว ทุกท่านได้โปรดถอยออกมาจากบริเวณลานดอกเหมยด้วยขอรับ”

เสียงพ่อบ้านคุมขบวนกล่าวเตือนผู้คนอีกครั้ง เขาลงจากหลังม้า พร้อมสั่งการให้ขบวนเกี้ยวแห่เจ้าสาวไปยังหน้าพิธีของงาน

หลังจากที่เกี้ยวเจ้าสาวลงจอดนิ่งสนิท สาวใช้ของตระกูลจางสี่นาง ต่างเดินเข้ามารับเจ้าสาวให้ออกมาจากที่ตั้งด้านใน พร้อมกับนำฝ่ามือให้เจ้าสาวได้เกาะเกี่ยว และดึงรั้งชายผ้าชุดโคร่งที่ยาวจรดพื้นดินให้ยกขึ้น

เจ้าสาวอยู่ในชุดคลุมยาวสีแดง หลังจากนั้นจึงนำสายสะพายซึ่งประดิษฐ์ด้วยผ้าสีแดงมาคาดให้ ก่อนจะส่งมือเจ้าสาวไปให้เจ้าบ่าวรับไว้เพื่อเดินนำไปสู่โต๊ะใหญ่กลางงาน ซึ่งมีก้านธูป เทียนมงคล และสุรามงคล ตั้งอยู่เต็มทั้งสองฝั่ง เจ้าสาวและเจ้าบ่าวต้องกราบใหว้ฟ้าดิน และบรรพบุรุษตามประเพณี

เสิ่นลู่เหยากะพริบตาอยู่ภายใต้ผ้าคลุมหน้าเจ้าสาว ในมือนางถือธูปที่จุดขึ้นยกจรดปลายคาง พลางมองไปตรงหน้าเพื่อไหว้สามี เขามิได้เห็นใบหน้าภายใต้ผ้าคลุมสีแดงสองชั้นนี้

“คู่บ่าวสาวกราบไหว้ฟ้าดินก็เป็นอันเสร็จพิธีในครั้งนี้แล้ว ขอให้รักกันยืดยาว มีลูกเต็มบ้านหลานเต็มเมือง”

เสิ่นลู่เหยาและจางฮุ่ยเฉิน รับสุรามงคลมาจากมือของฝ่ายบิดาของทั้งสอง ผู้อาวุโสก็ได้อวยพรผ่านจอกในมือ ขอให้พวกเขารักกันยืนยง และร่วมทำกิจการค้าขายให้รุ่งเรืองกันต่อไป

“ทุกท่าน เชิญดื่มอวยพรให้แก่คู่บ่าวสาวในครั้งนี้ด้วย พวกเขาสองคนจะเป็นผู้นำตระกูลรุ่นใหม่ให้แก่ทั้งสกุลจาง และสกุลเสิ่น ขอให้ทั้งสองตระกูงจงเจริญรุ่งเรืองในภายภาคหน้า”

บิดาของจางฮุ่ยเฉิน กล่าวพร้อมกับหันไปพยักหน้ายิ้มแย้มให้แก่ทุกคน และบิดาฝ่ายเจ้าสาวก็ตอบรับความยินดีนี้ด้วยความชื่นมื่น

เมื่อพิธีการเสร็จสิ้น ก็ถึงเวลาส่งบ่าวสาวเข้าจวนวิวาห์ ซึ่งทางด้านสกุลจาง ได้ตกแต่งห้องแห่งนี้ไว้ด้วยความสวยงามแล้ว

เสิ่นลู่เหยาถูกสาวใช้นำพาไปยังห้องด้านใน จนถึงขณะนี้นางก็ยังอยู่ในผ้าคลุมหน้าเหมือนดั่งเช่นเคย ตามประเพณีแล้ว เจ้าบ่าวต้องมาเปิดผ้าคลุมใบหน้าของเจ้าสาวเอง มิว่าเวลาจะผ่านไปนานขนาดไหน แม้จนถึงเช้าวันใหม่ หากเจ้าบ่าวไม่มา นางก็ต้องทนนั่งอยู่แบบนี้ไปจนกระทั่งพระอาทิตย์อัสดง

แต่หาใช่วันนี้ หลังจากนางเข้าไปได้ไม่นาน เจ้าบ่าวอย่างจางฮุ่ยเฉินก็ติดตามเข้าไป อันที่จริงเขาคิดจะต้อนรับแขกให้จนหมด และร่วมดื่มสุรากับสหายรวมทั้งแขกเหรื่อ แต่ก็ถูกบรรดาชายหนุ่มที่เป็นสหายไล่ต้อน จนตัวเองต้องยอมแพ้ และเข้าไปหาเจ้าสาวด้วยความมึนเมาไม่มากนัก

จางฮุ่ยเฉินเปิดประตูให้แง้มออก เขาเดินเข้าไปในห้องหออย่างแผ่วเบา พลางสายตาก็พิจารณาหญิงที่นั่งอยู่ตรงหน้า เขามองเห็นฝ่ามือเรียวงามผุดผ่องที่ยื่นออกมานอกชายเสื้อ ในใจนั้นคิดว่าเสิ่นลู่เหยาคนนี้ จะเป็นคนที่เขาปรารถนามาโดยตลอดหรือไม่

“ข้าได้ยินมาว่าเจ้างดงามมาก คุณหนูแห่งตระกูลเสิ่น แต่ข้ามีเรื่องปักใจนิดหน่อยที่อยากจะถามเจ้าก่อนเราจะร่วมอภิรมย์ต่อกัน”

จางฮุ่ยเฉินเอ่ยทักทายนาง ด้วยคำพูดที่เจ้าสาวในผ้าคลุมแดง ก็รู้สึกสงสัย แต่นางยังคิดว่าเขานั้นเริ่มเมามาย จนอาจพูดสิ่งที่ไม่เป็นความอันใดออกมา

เสียงฝีเท้าเดินเข้ามาใกล้นางจนหัวใจเต้นระทึก ถึงแม้จะมิได้ใส่ใจว่าเขานั้นคิดเช่นไรกับตน แต่เสิ่นลู่เหยานั้นเป็นหญิงสาวแรกรุ่น ย่อมมีการตื่นเต้นและตระหนกเป็นเรื่องธรรมดา

“ไม่ทราบว่าคุณชายต้องการทราบเรื่องอันใดหรือเจ้าคะ หากข้าตอบได้ ก็จะไม่รีรอหรอกเจ้าค่ะ”

นางเอ่ยออกมาด้วยความใสซื่อและเต็มไปด้วยความสัตย์จริง ไม่มีทางเลยที่คนอย่างเสิ่นลู่เหยาจะโกหก นางยังคงนั่งนิ่ง ๆ อยู่บนเตียงไม้ ที่วันนี้กลางที่นอนนั้นเต็มไปด้วยดอกไม้มงคลกลีบกระจาย และแสดงความหอมสดชื่นของมันในยามราตรี

“เจ้าคือคุณหนูของตระกูลเสิ่น ชื่อเสิ่นลู่เหยา”

“ข้าอยากรู้เหลือเกิน ว่าในวัยเด็กของเจ้านั้นมีของสำคัญที่อยู่ติดตัวด้วยหรือไม่ ซึ่งมันจะชี้ว่าเจ้านั้นคือคนที่คู่ควรกับข้าเพราะสิ่งนี้เท่านั้น”

“ข้าไม่เข้าใจคำถามของเจ้าคุณชายจาง สิ่งสำคัญของข้านั้นมีหลายอย่าง ทั้งครอบครัว บิดา พี่น้อง และทรัพย์สิน จนกระทั่งสหายที่เติบโตมาด้วยกัน หากท่านจะชี้จุดที่กว้างมากเกินไป ข้าก็จนปัญญาเจ้าค่ะ”

เมื่อได้ยินคำตอบจากเจ้าสาวใต้หมวกผ้าคลุมแดงตรงหน้า จางฮุ่ยเฉินก็ดูจะหงุดหงิดพอตัว

“เสิ่นลู่เหยา ข้าจะใจเย็นกับเจ้าอีกสักนิด คำถามเดิมนั่นที่ข้าส่งไปให้เมื่อครู่ ข้าอยากให้เจ้าตอบใหม่มาอีกครั้ง ที่เจ้าเอ่ยมากันก็เป็นสิ่งสำคัญที่สุด เจ้าให้ความหมายกับสิ่งมีชีวิต แต่ที่ข้าต้องการคำตอบจากปากเจ้าในคืนนี้ คือสิ่งที่มิได้มีชีวิตเลยสักนิด แต่มันช่างสำคัญกับข้ายิ่งนัก”

เจ้าสาวอย่างเสิ่นลู่เหยายังคงนั่งนิ่ง ๆ มิได้แสดงอาการหรือความตระหนกออกมาเลย สิ่งที่นางสงสัยอยู่ในขณะนี้ มิได้มีใครให้คำตอบแก่นางได้

การทายปริศนา มันคือธรรมเนียมการปฎิบัติก่อนเข้าห้องหอหรืออย่างไร นี่เป็นครั้งแรกและครั้งเดียวของนางเสียด้วยสิ เรื่องเช่นนี้ก็มิได้มีผู้ใดกระซิบบอกนาง แม้แต่มารดาก็ตาม

“คุณชายจางวางใจได้ สิ่งที่ข้าตอบออกมาคือความจริงทุกประการ และข้าก็ยังยืนยันว่าสิ่งที่มิได้มีชีวิตนั้น หาได้สำคัญกับข้าแต่อย่างใด หากคุณชายจะเค้นหาความจริง ข้าเองก็คงมีเท่านี้สำหรับคำตอบ”

ดูท่าว่าปริศนาในครั้งนี้จางฮุ่ยเฉินจะมิได้รับคำตอบต่อไปเสียแล้ว ความอดทนเขาถึงที่สุดจนได้

“ถ้าเป็นเช่นนั้นข้าก็แน่ใจได้แล้วว่าเจ้ามิใช่คนที่ข้าต้องการ คนที่ข้ารักมิใช่เจ้าอย่างแน่นอน”

ชายหนุ่มมีความฝังใจกับบางสิ่งบางอย่าง จนมิอาจทำให้เสิ่นลู่เหยาเข้าใจความรู้สึกของเขาได้ ในเมื่อเขาพูดออกมาเช่นนี้ นางก็เตรียมตัวเอาไว้แล้ว ว่าคงจะมิได้มีการเปิดผ้าคลุมหน้าออก

ช่างน่าละอายเหลือเกิน ที่คุณชายแห่งตระกูลจางผู้นี้รังเกียจนางจนต้องเดินจากไป เสิ่นลู่เหยาอยากรู้จริง ๆ ว่าคนที่ชายหนุ่มปักใจนั้นคือผู้ใด

เสียงฝีเท้าเดินออกไปแล้ว แม้แต่ประตูเข้าห้อง เขาก็มิได้ปิดให้นาง ทำให้ความหนาวเหน็บยามราตรีเข้ามาเยือน จนเจ้าสาวที่ร้างเจ้าบ่าวต้องลุกขึ้นเดินออกมาเหม่อมองไปยังความมืดข้างหน้า

“ข้าจะเป็นคนในใจเจ้าได้อย่างไรเล่าจางฮุ่ยเฉิน ในเมื่อคนที่เจ้าปักใจมิใช่ข้าคนนี้”

เสิ่นลู่เหยาง้างประตูเข้ามาหากัน ก่อนจะปิดมันลงด้วยใบหน้าที่เรียบเฉย ในเมื่อนางเองก็มิได้อยากให้เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นเสียหน่อย

อ่านต่อ

หนังสืออื่นๆ ของ จิรัฐติกาล

ข้อมูลเพิ่มเติม

หนังสือที่คุณอาจชอบ

รอยรักรอยร้าว

รอยรักรอยร้าว

Del Goodman
5.0

เซียวหลิ่นตาบอดจากอุบัติเหตุทางรถยนต์ ลูกสาวคนรวยทุกคนต่างหลีกเลี่ยงเขา มีแต่สวี่โยวหรานยอมแต่งงานกับเขาโดยไม่ลังเล สามปีต่อมา เซียวหลิ่นกลับมามองเห็นได้อีกครั้ง จากนั้รเขา็ยื่นข้อตกลงการหย่าเพื่อยุติการแต่งงานนี้ เขากล่าวอย่างเย็นชาว่า "ฉันพลาดกับชิงชิงมานนานมากพอแล้ว ฉันไม่อยากให้เธอต้องรอนานกว่านี้!" สวี่โยวหรานลงนามในข้อตกลงการหย่าโดยไม่ลังเล ทุกคนต่างก็หัวเราะเยาะเธอตลอด - หัวเราะเยาะว่าที่เธอแต่งเข้าตระกูลเซียวถือว่าเกาะผู้มีอิทธิพลเข้า จากนั้นก็มาหัวเราะเยาะเธอที่ถูกทอดทิ้ง เป็นหญิงที่ไร้ค่า แต่ทุกคนกลับไม่รู้ว่า เธอคือหมออัศจรรย์ที่รักษาดวงตาของเซียวหลิ่นให้หายดี เป็นผู้ออกแบบเครื่องประดับมูลค่าหลักร้อยล้าน ผู้เป็นมือหนึ่งแห่งหุ้นที่ครองตลาดหุ้น และแม้แต่แฮกเกอร์ระดับแนวหน้าและลูกสาวแท้ๆ ของผู้มีอิทธิพล อดีตสามีมาขอร้องขอคืนดี ซีอีโอผู้เผด็จการก็โยนเซียวหลิ่นออกไปนอกประตูอย่างเย็นชา "ดูดีๆ นี่ภรรยาของผม"

ข้าเก็บสามีได้กลางป่า

ข้าเก็บสามีได้กลางป่า

ต้ายวี่
5.0

ไม่คิดว่าการช่วยชีวิตบุรุษแปลกหน้ากลางป่าในวันนั้น จะย้อนกลับมาช่วยชีวิตนางในวันนี้ "บุญคุณช่วยชีวิต วันหน้าข้าจะชดใช้ให้" "เช่นนั้นก็ชดใช้เสียวันนี้... มาเป็นสามีของข้าเถิด" ------ เยี่ยนหลิง : หญิงสาวชาวบ้าน นางเกือบถูก บังคับให้แต่งงานกับบุตรชายหัวหน้าหมู่บ้าน เพื่อแลกกับยารักษาร่างกายให้พี่ใหญ่ แต่แล้วที่นางเก็บบุรุษแปลกหน้าได้ที่กลางป่า ชีวิตนางก็ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป เซียวชินหย่วน : ซื่อจื่อจวนเซียวกั๋วกง ขึ้นเขามาเก็บสมุนไพร แต่ถูกลอบทำร้ายจนพลัดตกเขา โชคดีที่ได้เยี่ยนหลิงช่วยชีวิตเอาไว้

สัญญารักลวงใจ

สัญญารักลวงใจ

Gorden Barros
5.0

เพื่อค่ารักษาของพ่อ ฟางจิ้งหร่านยอมแทนที่น้องสาว แต่งงานกับชายผู้เสื่อมเสียชื่อเสียงและหูหนวก คืนแรกของวันแต่งงาน เธอค่อยๆ ถอดชุดทีละชิ้น ด้วยความคาดหวัง... แต่กลับได้ยินเพียงคำเตือนเย็นชาจากเขา "การแต่งงานของเราเป็นแค่สัญญา" อยู่ข้างกายชายเจ้าอารมณ์คนนี้ ฟางจิ้งหร่านต้องระมัดระวังทุกเมื่อ โดยกลัวว่าจะทำเขาไม่พอใจเข้า ทุกคนรอคอยดูเธอเสียหน้า... แต่ใครจะไปคิดว่า สามีคนนี้กลับกลายเป็น"ที่พึ่งที่มั่นคงที่สุด"ของเธอ จนกระทั่งวันที่สัญญาครบกำหนด ฟางจิ้งหร่านถือกระเป๋าเตรียมตัวจะจากไป... ชายคนนั้นกลับมีดวงตาแดงก่ำ กระซิบขอร้องว่า "อย่าไป..."

ลิขิตรักพญามาร

ลิขิตรักพญามาร

อัญญาณี
5.0

“ว้าย!!..” เธอร้องได้เพียงเท่านั้น ก่อนที่ปากของหยาดน้ำค้างจะถูกมือใหญ่ของใครบางคนปิดเอาไว้ ลำแขนอีกข้างรัดร่างน้อยไว้แน่น ก่อนจะลากไปที่พุ่มไม้รกข้างทาง “อย่าดิ้น อย่าร้อง ไม่งั้นจะจับปล้ำมันตรงนี้แหละ” เสียงที่พูดชิดเรียวหูสะอาด ทำให้เธอรู้ว่าเจ้าของเสียงนั้นคือใคร..เหมันต์ วิเศษเดโช เขาดันร่างเล็กให้แผ่นหลังแนบชิดกับต้นไม้ใหญ่ขนาดสี่คนโอบ ใช้ลำแขนกักร่างบางเอาไว้ “ปล่อยนะ” หญิงสาวพูดเสียงเบาทว่าหนักแน่น เธอไม่กล้าพูดเสียงดังมาก เพราะกลัวว่าคนที่เดินผ่านไปผ่านมาจะได้ยิน “ไปกล่อมพ่อหรือกล่อมลูกมาล่ะ ถึงได้อ้อยอิ่งเป็นชั่วโมงแบบนี้” น้ำเสียงของเหมันต์เขียวเหมือนกับใบหน้าที่เขียวคล้ำด้วยความโกรธ “มันเรื่องของฉัน..คุณไม่เกี่ยว..เราไม่มีอะไรต่อกันแล้ว คุณก็ได้ในสิ่งที่คุณต้องการแล้วนี่ จะมาเอาอะไรกับฉันอีก ปล่อยนะ ฉันจะกลับที่พัก” หยาดน้ำค้างพยายามดิ้นรนหนีพันธนาการที่รัดร่างอยู่ แต่ทว่าลำแขนของเขานั้นหาได้คลายออกไม่ ยิ่งรัดแน่นมากกว่าเก่า เมื่อได้ยินวลีของเธอ “ทำไมผมจะไม่เกี่ยว ในเมื่อน้ำค้างเป็นเมียของผม..เป็นเมีย หรือว่าจำไม่ได้ว่าเราสองคนมีความสุขกันมากแค่ไหน” เขาเท้าความหนหลังให้เธอได้ฟัง ฝ่ายหญิงนิ่งเงียบกับคำพูดของเขา เธอไม่เถียงว่ามีความสุขมากแค่ไหนเวลาได้อยู่ใกล้ชิดกับเรือนกายที่แสนแข็งแรงและอบอุ่น หากแต่ความทุกข์และความเสียใจที่เธอได้รับนั้นมันก็มากมายเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นความสุขหรือว่าความทุกข์ เธอก็ไม่มีวันลืมเช่นกัน และไม่มีทางจะกลับไปจมกับความทุกข์อีกแล้ว “ฉันไม่ใช่เมียคุณ..ถ้าคุณคิดว่าการที่เรามีอะไรกันแล้วฉันจะเป็นเมียคุณ พี่ว่านก็ต้องเป็นสามีของฉันเหมือนกัน” หยาดน้ำค้างคิดว่าวิธีนี้เป็นวิธีที่ดีที่สุด วิธีที่เขาไม่มีทางมายุ่งเกี่ยวกับเธออีก อ้อมแขนที่รัดร่างนิ่มคลายออกโดยอัตโนมัติ หัวใจของคนที่ฟังเต้นเร็ว ดวงตาคมเข้มสีดำเรืองแสงในความมืดที่โรยตัวไปทั่วบริเวณ บ่งบอกอะไรหลายอย่างในแววตา เสียใจ ไม่คาดฝัน ไม่แน่ใจ

เมียหย่ารัก

เมียหย่ารัก

Gabie Parpia
4.9

เธอถูกบังคับแต่งเข้าตระกูลเสิ่น ทุกคนต่างก็คาดหวังว่าเย่ชิงซีจะสามารถให้กำหนดลูกของคุณชายเสิ่น เสิ่นเซียวเหยาได้ ซึ่งขณะนี้กำลังอยู่ในอาการหมดสติ เดิมที่เธอคิดว่าเธอคงจะต้องอยู่เป็นหม้ายไปแบบนี้ตลอดชีวิตนี้แล้ว แต่ไม่คิดว่าสามีเจ้าชายนิทราของเธอกลับฟื้นขึ้นมาได้! ชายหนุ่มลืมตาขึ้น จ้องมองไปยังเธอด้วยสายตาที่เย็นชา "คุณเป็นใคร?" "ฉันเป็นภรรยาของคุณ..." เสิ่นเซียวเหยามีสีหน้างุนงง "ทำไมผมถึงจำไม่ได้ว่าผมมีภรรยาแล้ว ผมไม่ยอมรับการแต่งงานนี้ พรุ่งนี้ผมจะให้ทนายมาจัดการเรื่องหย่า" ถ้าไม่ใช่เพราะคนในตระกูลเสิ่นเข้ามาหยุดเขาไว้ เธอคงจะกลายเป็นภรรยามหาเศรษฐีที่โดนทิ้งในวันที่สองหลังจากการแต่งงานไปแล้ว ต่อมาเธอตั้งครรภ์และวางแผนว่าจะออกไปจากตระกูลเสิ่นอย่างเงียบๆ แต่ชายหนุ่มกลับไม่ยอมปล่อยเธอไป เย่ชิงซียืนยัน"เสิ่นเซียวเหยา คุณรังเกียจฉันมากนักไม่ใช่เหรอ ฉันต้องการหย่า!" เขาลดท่าทีที่เย่อหยิ่งมาโดยตลอดลงและเข้าไปกอดเธอไว้ในอ้อมแขน "ในเมื่อคุณแต่งงานกับผมแล้ว คุณก็เป็นคนของผม คิดจะหย่างั้นเหรอไม่มีทางน่ะ!"

บท
อ่านเลย
ดาวน์โหลดหนังสือ