ย้อนเวลาไปเปิดร้านติ่มซำเพื่อร่ำรวยยุค80

ย้อนเวลาไปเปิดร้านติ่มซำเพื่อร่ำรวยยุค80

จิรัฐติกาล

5.0
ความคิดเห็น
551
ชม
16
บท

เจียซินที่อยู่ในชีวิตปั่นปลายนั้น กลับต้องรู้สึกเสียใจที่เลือกเส้นทางรักผิด เมื่อเลือกหนทางใหม่ได้ เธอก็จะเลือกหนทางที่ดีที่สุด และเขาชายที่เธอเคยละทิ้งไปก็กลายมาเป็นคู่ชีวิต ที่พร้อมจะร่ำรวยไปด้วยกัน

บทที่ 1 No.1

ค่ำคืนหนึ่งในห้องเล็ก ๆ ที่อับทึบ มีผู้หญิงร่างบางคนหนึ่งนามว่า เจียซิน ซึ่งเธอกำลังนั่งพิงกำแพงที่เย็นเฉียบ ร่างกายของเธอเต็มไปด้วยความเหนื่อยล้าและจิตใจที่บอบช้ำ ภายในห้องไม่มีแสงไฟ มีเพียงแสงจันทร์อ่อน ๆ ที่ลอดผ่านหน้าต่างบานเล็กเข้ามา เธอกอดตัวเองแน่น น้ำตาไหลลงอาบแก้มมาอย่างไม่ขาดสาย

เจียซินที่พึ่งนั่งทรุดตัวลงกับพื้นห้องที่เย็นเยียบ มือที่สั่นเทายกขึ้นแตะรอยแดงช้ำบนใบหน้าที่สามีของเธอฝากไว้ ความเจ็บปวดจากการถูกทำร้ายยังคงแผ่ซ่าน แต่ไม่อาจเทียบได้กับความรู้สึกที่แตกสลายภายในใจ เงินทองที่เธอหามาอย่างยากลำบากถูกสามีกวาดไปจนหมด ทิ้งไว้เพียงความว่างเปล่าไว้กับเธอเท่านั้น

เสียงสะอื้นเบา ๆ ดังขึ้นในห้องที่เงียบสงัด เธอกอดตัวเองแน่นราวกับพยายามยึดเหนี่ยวเศษเสี้ยวของความหวังที่หลุดลอยไปให้กลับมา ถึงแม้ว่าจะยังคงมีความคิดที่ไม่ดีเกี่ยวกับสามีวนเวียนอยู่ในหัว

‘ทำไมฉันถึงเลือกเขา’

เจียซินตำหนิตัวเองซ้ำ ๆ ดวงตาแดงก่ำจับจ้องไปยังเงาสะท้อนในกระจก เธอแทบไม่รู้จักตัวเองอีกต่อไป ความฝันในอดีตที่เคยสดใสกลับกลายเป็นฝันร้าย ทุกคำพูดหวานที่สามีเคยพร่ำบอก กลายเป็นคำลวงที่กัดกินจิตใจ

เจียซินเหนื่อยเกินกว่าจะร้องไห้ต่อ แต่หัวใจของเธอกลับแตกสลายจนไม่เหลือชิ้นดี เธอได้แต่ถามตัวเองซ้ำไปซ้ำมาในความมืดมิดว่าเธอจะไปจากนรกขุมนี้ได้อย่างไร หรือเธอจะต้องจมอยู่กับมันตลอดไปจริงหรือ

“ฉันผิดเอง...ที่เชื่อใจเขา”

เสียงพึมพำของเจียซินสั่นเครือ เต็มไปด้วยความเสียใจที่ไม่อาจลบเลือนได้ เธอนึกถึงวันที่เธอตัดสินใจแต่งงานกับสามีคนนี้ หวังว่าการเริ่มต้นชีวิตคู่จะนำมาซึ่งความมั่นคง แต่ทุกอย่างกลับพลิกผัน

สามีของเธอใช้ชีวิตอย่างไร้ความรับผิดชอบ เงินทองที่เธอเก็บหอมรอมริบจากการทำงานหนักถูกเขานำไปใช้จนหมด เจียซินพยายามอดทน หวังว่าสักวันเขาจะเปลี่ยนไป แต่สิ่งที่ได้รับกลับมาคือความเฉยชาและการละเลย

เจียซินก้มหน้ามองมือที่สั่นเทา ความเจ็บปวดและความเสียใจท่วมท้น เธอหวนคิดถึงชีวิตในวัยเด็กที่เรียบง่าย แม้จะลำบากแต่ก็เต็มไปด้วยความอบอุ่นจากครอบครัว

ในความมืดมิดของค่ำคืนนั้น เจียซินที่กำลังกอดตัวเองและพยายามปลอบใจตัวเอง หันไปมองทีวีเก่าที่ตั้งอยู่มุมห้อง หน้าจอสั่นไหวพร้อมเสียงเบา ๆ จากรายการข่าวธุรกิจที่เธอไม่ได้ตั้งใจดู แต่ภาพที่ปรากฏบนหน้าจอกลับทำให้เธอหยุดนิ่ง

ชายหนุ่มในชุดสูทเรียบหรูยืนอยู่กลางเวทีงานสัมมนา ดวงตาของเขามีประกายแห่งความมุ่งมั่น และรอยยิ้มที่ดูเป็นมิตรแต่สง่างาม ซึ่งคนคนนั้นคือ ซูเหอ ชายที่เคยเป็นแฟนของเจียซินในสมัยเรียน

เจียซินเบิกตากว้าง ความทรงจำเก่า ๆ พลันหวนกลับมา ซูเหอคือคนที่เธอเคยรักอย่างจริงใจในช่วงเวลาที่เรียบง่ายที่สุดของชีวิต เขาเคยเป็นคนที่มีความฝันและความมุ่งมั่นที่จะสร้างธุรกิจเป็นของตัวเอง แต่ในตอนนั้นทั้งสองแยกจากกันเพราะเหตุผลบางอย่างที่เธอไม่อยากคิดถึง

ในรายการข่าว ซูเหอถูกสัมภาษณ์เกี่ยวกับความสำเร็จในฐานะนักธุรกิจส่งออกอาหารที่มีชื่อเสียงระดับโลก เขาเล่าเรื่องราวการต่อสู้และความพยายามของตัวเองตั้งแต่เริ่มต้นจากศูนย์จนสามารถขยายธุรกิจไปยังหลายประเทศ

เจียซินนั่งมองหน้าจอด้วยความรู้สึกที่หลากหลาย เธอรู้สึกภูมิใจในตัวของซูเหอ แต่ก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกเศร้ากับชีวิตของตัวเองที่กำลังติดอยู่ในวงจรของความล้มเหลวและความทุกข์ เธอคิดถึงคำพูดของซูเหอในอดีต

“ความสำเร็จไม่ได้มาหาเราเอง เราต้องลุกขึ้นและพยายามอย่างถึงที่สุด”

คำพูดนั้นดังก้องในหัวของเจียซิน เธอสูดลมหายใจลึก ความรู้สึกที่เคยหมดหวังค่อย ๆ ถูกแทนที่ด้วยบางสิ่งที่เธอไม่ได้สัมผัสมานาน นั่นคือความหวัง

เธอไม่อาจย้อนกลับไปแก้ไขอดีตได้ แต่การเห็นซูเหอในวันนี้ทำให้เธอรู้ว่าเธอยังมีโอกาสที่จะลุกขึ้นเปลี่ยนแปลงตัวเองอีกครั้ง

‘ถ้าซูเหอทำได้ ฉันก็ต้องทำได้’

เจียซินคิดในใจ แสงจันทร์ที่ลอดผ่านหน้าต่างดูเหมือนจะสว่างขึ้นอีกครั้ง เธอรู้ว่านี่คือเวลาที่เธอต้องเริ่มต้นใหม่ แม้ว่ามันจะยากเพียงใดก็ตาม

เจียซินหลับตาแน่น น้ำตาเริ่มไหลออกมาอีกครั้ง เธอปาดน้ำตาด้วยหลังมือ ความเสียใจและความเจ็บปวดในใจทำให้เธอแทบหายใจไม่ออก

‘ถ้าฉันเชื่อในตัวเขาสักนิด ถ้าฉันไม่ปล่อยเขาไป’

เจียซินคิด แต่เธอรู้ดีว่าไม่มีทางย้อนกลับไปแก้ไขสิ่งที่เกิดขึ้นแล้วได้ เจียซินปาดน้ำตาอีกครั้ง พยายามรวบรวมสติ เธอไม่สามารถปล่อยให้ตัวเองจมอยู่กับความเสียใจนี้ไปได้ตลอด เธอรู้ว่าการเอาแต่มองย้อนกลับไปในอดีตจะไม่ช่วยให้เธอมีชีวิตที่ดีขึ้นมาได้

เช้าตรู่ในวันถัดมา เจียซินแต่งตัวอย่างเรียบง่ายด้วยชุดเสื้อผ้าซ้ำ ๆ ที่เริ่มเก่า รวบรวมความกล้าเดินออกจากบ้าน มุ่งหน้าไปยังร้านติ่มซำที่เธอทำงานเป็นลูกจ้าง แม้ว่าร่างกายจะยังเจ็บปวดจากความบอบช้ำเมื่อวาน แต่เธอก็ไม่มีทางเลือก เธอต้องทำงานเพื่อประคองชีวิตต่อไป

ร้านติ่มซำที่เจียซินทำงานนั้นอยู่ในตรอกเล็ก ๆ ที่มีกลิ่นหอมของอาหารโชยออกมาจากประตูไม้ที่ถูกเปิดไว้ครึ่งหนึ่ง ป้ายร้านเขียนด้วยตัวอักษรจีนสีทองเด่นชัดบนพื้นหลังสีแดง บ่งบอกถึงความเป็นมาของร้านที่สืบทอดกันมาหลายรุ่น

เมื่อเจียซินเข้าไปในร้าน เจ้าของร้านเป็นชายวัยกลางคนที่มีบุคลิกเคร่งขรึม มองเจียซินด้วยสายตาไม่พอใจทันทีที่เห็นใบหน้าของเธอซึ่งยังมีรอยฟกช้ำเด่นชัด

“นี่เจียซิน เธอปล่อยให้ตัวเองเป็นแบบนี้ได้ยังไง เธอไปทำอะไรมา!”

เจ้าของร้านพูดเสียงดัง จนพนักงานคนอื่น ๆ หันมามอง เจียซินก้มหน้าลงด้วยความอาย ไม่กล้าสบตาใคร

“ถ้าให้เธอออกไปเสิร์ฟ ลูกค้าคงตกใจกันหมด ไปอยู่หลังร้านเลย จัดการของในครัวให้เรียบร้อย อย่าให้ใครเห็นหน้าเธอแบบนี้อีก!”

“ดะ ได้ค่ะเถ้าแก่”

คำพูดนั้นของเถ้าแก่ เหมือนมีดที่กรีดซ้ำลงในหัวใจที่เปราะบางของเจียซิน เธอพยักหน้ารับคำสั่งอย่างเงียบ ๆ รีบเดินไปที่หลังร้านด้วยน้ำตาคลอเบ้า แต่เธอก็พยายามกลั้นเอาไว้

ที่หลังร้านเจียซินจัดการนึ่งติ่มซำและเตรียมจานอาหารด้วยความตั้งใจ แม้จะถูกลดบทบาท เธอก็พยายามทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุด มือของเธอสั่นเล็กน้อยในขณะที่จับเข่งติ่มซำออกจากซึ้งไอน้ำ เธอรู้สึกถึงความร้อนที่แผ่ออกมา แต่ก็ต้องอดทน

‘ฉันต้องทนแบบนี้อีกนานแค่ไหน’

ในใจของเจียซินมีแต่คำถาม แต่ในขณะเดียวกัน เธอก็รู้ว่าการหยุดทำงานไม่ใช่ทางออก

ขณะที่เจียซินกำลังจัดการกับงานในครัว เจียซินแอบมองออกไปยังโต๊ะของลูกค้าที่เต็มไปด้วยผู้คนที่หัวเราะและพูดคุยกันอย่างมีความสุข แม้เธอจะรู้สึกโดดเดี่ยว แต่ภาพเหล่านั้นกลับกลายเป็นแรงผลักดันให้เธออยากเปลี่ยนแปลงชีวิต

เสียงช้อนจานกระทบกันดังเป็นจังหวะในครัวที่อบอวลไปด้วยไอน้ำร้อน เจียซินนั่งยอง ๆ อยู่หน้ากองจานที่สูงล้น มือน้อยๆ ของเธอจับฟองน้ำขัดถูจานแต่ละใบอย่างอ่อนแรง แม้ร่างกายจะเหนื่อยล้าจนแทบยืนไม่ไหว แต่เธอก็พยายามฝืนทำงานต่อ เพราะรู้ว่าหยุดไม่ได้

แต่ไม่นานนัก ร่างของเจียซินเริ่มโอนเอน สายตาของเธอพร่ามัวก่อนที่ความมืดจะเข้าครอบงำ เธอทรุดตัวลงกับพื้น พนักงานคนอื่น ๆ ร้องเสียงหลงและรีบเข้าไปช่วย แต่หารู้ไม่ว่าเจียซินจะหลับไปแบบนี้อีกนานเท่านาน…

“เจียซิน! เจียซิน!”

…เสียงอื้อ ๆ ในหูทำให้เจียซินที่กำลังหลับใหลลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง เธอรู้สึกถึงความเย็นของพื้นโต๊ะไม้เรียบและแสงสว่างจ้ายามบ่ายที่ลอดผ่านหน้าต่างเข้ามา

เจียซินมองรอบตัวด้วยความงุนงง พบว่าตัวเองไม่ได้อยู่ในครัวร้านติ่มซำอีกต่อไป แต่กำลังนั่งอยู่ในห้องเรียนที่คุ้นตา เจียซินกะพริบตาอย่างงุนงง สูดลมหายใจลึกเพื่อเรียกสติของตัวเองกลับคืนมาให้ได้มากที่สุด

เจียซินก้มมองตัวเองด้วยความตกใจ ชุดที่เธอสวมคือชุดนักศึกษาสะอาดเรียบง่ายของมหาวิทยาลัย ชุดที่เธอไม่ได้ใส่มาหลายปีแล้ว เมื่อเห็นอย่างนี้ เสียงหัวใจของเจียซินก็เต้นดังระรัว เจียซินพึมพำออกมาเบา ๆ ขณะที่มองไปรอบตัวเพื่อความแน่ใจอีกครั้ง

“ที่นี่มัน...”

บรรยากาศในห้องนั้นดูคุ้นเคยอย่างน่าประหลาด โต๊ะเรียงเป็นแถว หนังสือและสมุดวางอยู่ตรงหน้า เสียงกระซิบกระซาบของเพื่อนร่วมชั้นดังแผ่วเบา เธอหันไปมองเสื้อผ้าที่ตัวเองใส่ มันคือชุดนักศึกษาสีขาวสะอาดและกระโปรงดำที่เธอไม่ได้สวมมานานหลายปีจริง ๆ

ซึ่งเป็นการแต่งตัวของนักศึกษาผู้หญิงที่ยังไม่เน้นความหรูหรา แต่เป็นการสะท้อนถึงการศึกษาและค่านิยมของสังคมจีนที่ให้ความสำคัญกับการทำงานหนักและการตั้งใจเรียนรู้มากกว่าการแสดงออกถึงตัวตนผ่านการแต่งตัว

‘นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน’

เจียซินหยุดจ้องมองกระดานดำตรงหน้าซึ่งเต็มไปด้วยตัวอักษรจีนที่เขียนด้วยชอล์กขาว และที่มุมขวาด้านบนของกระดานมีวันที่ที่เขียนไว้ด้วยลายมืออักษรจีนอย่างชัดเจนว่าวันนี้คือ…

วันที่ 12 มีนาคม ค.ศ. 1980

เจียซินตาเบิกกว้าง วันนั้นคือวันที่ฝังแน่นในความทรงจำของเธอ มันคือวันที่เธอตัดสินใจบอกเลิกซูเหอ ชายหนุ่มที่เคยเป็นแฟนของเธอสมัยเรียน วันที่เธอเลือกเส้นทางชีวิตที่พาไปสู่ความผิดหวังและเสียใจในอนาคต

เจียซินยกมือขึ้นปิดปากตัวเอง ความรู้สึกหลากหลายถาโถมเข้ามา ทั้งตกใจ สับสน และไม่อยากจะเชื่อสายตาของตัวเอง

“ฉันย้อนเวลากลับมาในอดีตจริง ๆ เหรอ”

เจียซินพึมพำกับตัวเองพร้อมกับหยิกแขนของตัวเองเบา ๆ เพื่อพิสูจน์ว่าเธอไม่ได้ฝัน ซึ่งความเจ็บที่รู้สึกนั้นช่วยยืนยันว่าทุกอย่างตรงหน้าคือความจริง

เสียงของอาจารย์ที่กำลังสอนดังขึ้น แต่เจียซินไม่ได้ฟัง เธอมัวแต่นั่งนิ่ง ใจเต้นแรงจนแทบควบคุมไม่ได้ ภาพของซูเหอผุดขึ้นมาในหัว เขาคงอยู่ที่ไหนสักที่ในมหาวิทยาลัยนี้

‘นี่คือโอกาส…โอกาสที่ฉันไม่เคยคิดว่าจะได้กลับมา’

เจียซินหายใจเข้าปอดลึก ๆ พยายามควบคุมความตื่นเต้นและความหวาดกลัว เธอรู้ว่าสิ่งที่เธอจะทำต่อจากนี้อาจเปลี่ยนแปลงทุกอย่างได้ ไม่ใช่เพียงแค่ชีวิตของเธอ แต่ยังรวมถึงอนาคตของซูเหอด้วย

'ฉันได้โอกาสแก้ตัวครั้งใหญ่แล้ว ฉันจะไม่ทำผิดพลาดอีก’

เจียซินกำมือแน่น รวบรวมความกล้า ขณะที่แสงแดดจากหน้าต่างทอประกายอ่อน ๆ เหมือนเป็นสัญญาณให้เธอรู้ว่า ชีวิตใหม่นี้ เธอจะมีโอกาสได้เริ่มต้นใหม่อีกครั้ง...

อ่านต่อ

หนังสืออื่นๆ ของ จิรัฐติกาล

ข้อมูลเพิ่มเติม

หนังสือที่คุณอาจชอบ

ผัวท่านประธาน ปล่อยฉันเถอะ!

ผัวท่านประธาน ปล่อยฉันเถอะ!

นันทฉัตร ไชยวัฒนา
4.7

ในคืนวันเกิดอายุยี่สิบสองปี ลี่เฉี่ยนโลว่ถูกแฟนหนุ่มวางยา และไปมีอะไรกันกับซือจิ้นเหิง ผู้ชายลึกลับคนหนึ่งตลอดทั้งคืน วันรุ่งขึ้นเธอพบว่าครอบครัวเธอถูกทำลายจนไม่มีอะไรเหลือ เธอแต่งงานกับจิ้นเหิง ได้รับการคุ้มครองจากเขา และใช้เขาเพื่อแก้แค้น "ฉันเป็นภรรยาที่ถูกกฎหมายของเขา" แม้ว่าแม่สามีของเธอจะไม่ยอมรับ แม้ว่าแฟนสาวที่เป็นซุปเปอร์สตาร์ของเขาจะตามมาอยู่ด้วยกัน เธอก็ยังคงยืนยันอยู่อย่างนั้น เธอแท้งโดยบังเอิญ แต่เขากลับเข้าใจผิดว่าเธอไม่อยากมีลูกกับเขา และด้วยความเข้าใจผิดต่าง ๆ อีกหลายหย่าง เธอเลือกที่จะกระโดดลงทะเลเพื่อฆ่าตัวตาย หลายปีต่อมา เมื่อเธอกลับเข้ามาในชีวิตของเขาอีกครั้ง เขาถึงกับตกตะลึง ชายคนนี้ได้สิ่งที่ต้องการจากเธอแล้ว แต่เธอไม่เข้าใจว่าทำไมเขาถึงยังรังควานและทรมานเธอต่อไป

หลินซือเยว่ผู้นี้ มีสามชะตาในคราเดียว

หลินซือเยว่ผู้นี้ มีสามชะตาในคราเดียว

มาชาวีร์
5.0

หลังผ่าตัดนักพรตเฒ่าผู้หนึ่งนั้น นางวูบหมดสติและเสียชีวิตลงไป ลืมตาตื่นขึ้นมาอีกที ก็อยู่ในร่างของคุณหนูปัญญาอ่อนที่มีชื่อเดียวกันผู้นี้เสียแล้วทั้งยังจำอดีตชาติยามเป็นปรมาจารย์เต๋าได้อีกด้วย +++ 1 : ไล่ออกจากอารามไท่ผิงกวน แคว้นจิ้น ราชวงศ์เซวียน อารามไท่ผิงกวน “ไป ๆ อาจารย์ขับไล่พวกท่านออกจากอารามแล้ว อย่าได้มาเหยียบที่นี่อีก” “ศิษย์พี่รองรีบปิดประตูเร็วเข้า !” ตุบ ! ห่อผ้าสองห่อถูกโยนออกมาจากประตูอาราม ปัง ! ตามด้วยเสียงปิดประตูลงสลักอย่างหนาแน่น สตรีนางหนึ่งยืนตัวตรงเป็นสง่า เสื้อผ้ากับเส้นผมของนางปลิวไสวดั่งไผ่ลู่ลม หลินซือเยว่เงยหน้าขึ้นมองป้ายชื่ออารามไท่ผิงกวนด้วยสายตาเลื่อนลอย อาศัยอยู่ที่นี่มานานเท่าใดแล้วนะ บางครั้งนางเองก็ลืมเลือนวันเวลาไปเหมือนกัน “คุณหนูเจ้าคะ ศิษย์น้องทั้งสองของท่านทำเกินไปแล้วนะเจ้าคะ เหตุใดถึงไล่พวกเราสองคนออกจากอารามได้เล่า” เผิงฉือกระทืบเท้าเบา ๆ ตรงไปฉวยห่อผ้าทั้งสองบนพื้น ขึ้นมาคล้องแขนตัวเองไว้ “หากไม่ได้รับคำสั่งจากอาจารย์ ศิษย์น้องทั้งสองคงไม่กล้าขับไล่ข้าออกจากอารามหรอก” น้ำเสียงของนางสงบนิ่งฟังแล้วสบายหูยิ่งนัก หาได้มีความโกรธเกลียดแต่อย่างใด “นั่นรถม้า” นิ้วเรียวสวยชี้ไปยังรถม้าคันที่มีคนนั่งเฝ้าอยู่ “ป้าเผิงไปถามดูว่าใช่รถม้าของเราหรือไม่” เผิงฉือไม่รอช้ารีบตรงไปหาคนเฝ้ารถม้าที่อยู่ใต้ต้นไผ่ในทันที ไม่ช้านางก็กลับมาพร้อมกับรอยยิ้มนิด ๆ “เป็นรถม้าของเราจริง ๆ เจ้าคะคุณหนู คนขับบอกว่าเป็นคนของตระกูลหลินเจ้าค่ะ ได้รับคำสั่งจากท่านพ่อของคุณหนู ให้มารับคุณหนูกลับตระกูลหลินเพื่อไปแต่งงานเจ้าค่ะ” “กลับไปแต่งงานนี่เอง” นางเอ่ยเหมือนไม่ใช่เรื่องใหญ่ หันหลังกลับไปทางประตูอาราม ประสานมือค้อมตัวคำนับลาอาจารย์ เผิงฉือเห็นเช่นนั้นก็อดที่จะคำนับตามนางไม่ได้ ภายในอารามไท่ผิงกวน “อาจารย์เหตุใดถึงไม่บอกลากับศิษย์พี่ใหญ่ไปตรง ๆ ล่ะ ทำเช่นนี้นางไม่โกรธท่านไปจนวันตายเลยรึ” เหอกุ้ยแม้มีอายุยี่สิบแปดปีแล้ว ทว่าเขากราบเป็นศิษย์เจ้าอาวาสชุนหวังเหล่ยหลังสตรีผู้นั้น จึงได้เป็นเพียงแค่ศิษย์พี่รองเท่านั้น “นั่นสิอาจารย์ ศิษย์พี่ใหญ่นางไม่เคยออกจากอารามไปไหนไกล ท่านทำเช่นนี้ไม่ใช่ขับไล่นางไปสู่ความตายหรอกรึ” จางเจียเฟิ่งเห็นด้วยกับศิษย์พี่รองของเขา “ให้มันน้อย ๆ หน่อยเจ้าศิษย์โง่ทั้งสอง พวกเจ้าคิดว่าอารามไท่ผิงกวนแห่งนี้ สามารถอยู่รอดมาได้เพราะใครกัน หากไม่ใช่เพราะฝีมือของศิษย์พี่ใหญ่ของพวกเจ้า เห็นนางเงียบ ๆ แบบนั้น ความคิดนางกว้างไกลยิ่งนัก อาจารย์อย่างข้ายังเทียบนางไม่ติดด้วยซ้ำไป” เจ้าอาวาสชุนปีนี้อายุอานามปาเข้าไปหกสิบห้าปีแล้ว ทว่าร่างกายยังแข็งแรง อารามเต๋าแห่งนี้มีวิถีแบบไม่เคร่งครัด ใช้ชีวิตเยี่ยงฆราวาสผู้หนึ่ง สามารถแต่งงานมีครอบครัวได้ “อาจารย์นางอยู่ในอารามวาดยันต์กันภัยให้ชาวบ้านที่มากราบไหว้ ตั้งโต๊ะรักษาโรคภัยให้ผู้คนในตัวอำเภอฝู แต่หนนี้นางต้องกลับบ้านไปเพื่อแต่งงาน นางบริสุทธิ์ถึงเพียงนั้นมิถูกสามีจับกลืนกินจนไม่เหลือกระดูกหรอกรึ” เหอกุ้ยนึกภาพเทพเซียนผู้สูงส่งอย่างหลินซือเยว่ หากต้องร่วมเตียงกับบุรุษหยาบกระด้าง เพียงเท่านั้นเขาก็ทำใจไม่ได้จริง ๆ แทบอยากจะไปแย่งตัวศิษย์พี่ใหญ่ของตัวเองกลับคืนมา “เลิกคร่ำครวญได้แล้ว กลับไปกวาดลานอารามกับตรวจดูน้ำมันตะเกียงให้เรียบร้อย ศิษย์พี่ใหญ่ของพวกเจ้าไม่อยู่ เจ้าทั้งสองต้องรีบร่ำเรียนศึกษาหาความรู้ อารามไท่ผิงกวนจะได้เจริญรุ่งเรืองในภายภาคหน้าต่อไปได้” เจ้าอาวาสชุนทำเสียงดังใส่ลูกศิษย์ทั้งสอง “ไป ๆ ข้าจะสวดมนต์” โบกมือไล่ทั้งคู่ให้ออกจากห้องสวดมนต์ไป เจ้าอาวาสชุนรีบลุกไปปิดประตูลั่นกลอน ท่าทางลุกลี้ลุกลนจนผิดปกติ ย่องเบา ๆ ไปที่ใต้เตียงนอน ดึงหีบไม้เก่าเก็บออกมา ครั้นกดสลักเปิดออก ก็พบตั๋วเงินจำนวนสามพันตำลึงอยู่ในนั้น ตระกูลหลินที่ไม่ได้บริจาคน้ำมันตะเกียงมาหลายปี จู่ ๆ ก็ส่งตั๋วเงินมาให้ พร้อมกับขอรับคนกลับไปเพื่อแต่งงาน ช่วงนี้ชาวบ้านมาทำบุญที่อารามน้อยลง หลินซือเยว่ก็ไม่รู้ว่าเกิดอันใดขึ้นกับนาง ถึงไม่ยอมลงจากอารามไปรักษาผู้คน รายได้เลยหายหดแทบจ่ายอาหารการกิน(สุรานารี)ไม่พอ ตั๋วเงินสามพันตำลึงนี่มาได้ทันเวลาพอดี ! แครก ๆ ๆ ๆ เสียงกวาดลานหน้าอารามดังขึ้นพร้อมกับเสียงบ่นของเหอกุ้ย “ข้ารู้ว่านางเก่งเอาตัวรอดได้ ข้าเพียงไม่อยากให้นางไปก็เท่านั้น” “ศิษย์พี่รองท่านอย่าได้เสียใจไปเลย ไม่ใช่ว่ามีแต่นางที่ต้องแต่งงานมีครอบครัว ท่านเองก็เถอะที่บ้านส่งคนมารับทุกปีไม่ใช่รึ” จางเจียเฟิ่งรู้ดีว่าตนและเหอกุ้ย ถูกครอบครัวลงโทษด้วยการส่งมาอยู่ยังอารามแห่งนี้ ทว่าเพียงชั่วคราวเท่านั้น “ตัวข้านั้นไม่เป็นไรหรอก เจ้านั่นแหละศิษย์น้องสาม ข้าได้ยินว่าที่บ้านของเจ้า เพิ่งหาคู่หมั้นหมายคนใหม่ให้เจ้าอีกคนแล้วไม่ใช่รึ” สองศิษย์พี่น้องหยุดกวาดลานอาราม แล้วหันหน้าไปมองตากัน จากนั้นพวกเขาก็ถอนหายใจดัง ๆ พร้อมกัน ไม่มีศิษย์พี่ใหญ่อยู่ด้วย นับจากนี้ไปยามทำความผิดใครจะออกหน้าคอยช่วยเหลือ ยามเงินหมดใครจะให้หยิบยืม ยิ่งคิดพวกเขาก็ยิ่งไม่สบายใจเป็นอย่างมาก บนถนนมุ่งหน้าสู่เมืองหลวง รถม้าไม้ธรรมดาไม่เล็กไม่ใหญ่ ไร้ป้ายชื่อตระกูลบอกกล่าว คล้ายไม่อยากให้ผู้อื่นล่วงรู้ว่าคนที่นั่งอยู่ด้านในเป็นใคร เผิงฉือพยายามหลอกถามคนขับรถม้าอยู่หลายหน ถึงสถานการณ์ของตระกูลหลินในยามนี้ นางไม่เคยไปที่นั่นมาก่อนไม่รู้จักใครสักคน คนขับรถม้าตอบว่า เขามีหน้าที่มารับคุณหนูรองกลับบ้านเท่านั้น เรื่องอื่นนั้นเขาไม่รู้จริง ๆ “ได้ถามหรือไม่ ใช้เวลากี่วันในการเดินทาง” หลินซือเยว่เอ่ยเสียงเนิบ ๆ “ถามแล้วเจ้าค่ะ เขาบอกว่าราว ๆ สิบวันก็ถึงเมืองหลวงแล้ว” “สิบวันเชียวรึ” หลินซือเยว่มองห่อผ้าที่วางอยู่ด้านข้าง มีเพียงของใช้จำเป็นของนางไม่กี่ชิ้น พร้อมกับก้อนเงินจำนวนห้าสิบตำลึง “คงต้องแวะซื้อของในอำเภอฝูเสียก่อน” เผิงฉือรีบเปิดม่านบอกกับคนขับรถม้า แต่เขากลับทำเสียงฮึดฮัดคล้ายไม่พอใจ “เสียเวลาเดินทางเปล่า ๆ” น้ำเสียงเขากระด้างกระเดื่อง

ขอโอกาสอีกครั้ง

ขอโอกาสอีกครั้ง

Arny Gallucio
5.0

หลังจากเมา เธอก็ได้รู้จักกับคนใหญ่คนโตคนหนึ่ง เธอต้องการความช่วยเหลือจากเขา ส่วนเขาหลงเสน่ห์รูปร่างที่ดีและความสวยงามของเธอ พอเวลาผ่านไป เธอก็ตระหนักได้ว่าเขามีคนอยู่ในใจแล้ว เมื่อรักแรกของเขากลับมา เขาก็ไม่ค่อยได้กลับบ้าน แต่ละคืนเหวินม่านอยู่ในห้องว่างเปล่าด้วยคนเดียว แต่สุดท้ายแล้ว สิ่งที่เธอได้รับมาก็มีแต่เช็คใบหนึ่งและคำกล่าวลาเท่านั้น เดิมทีคิดว่าเธอจะร้องไห้โวยวาย แต่ไม่คาดคิดว่าเธอหยิบใบเช็คแล้วจากไปอย่างไม่ลังเล: "คุณฮั่ว ลาก่อน!"... พอพบกันอีกครั้ง เธอก็มีคนอยู่ข้างกายแล้ว เขาพูดด้วยตาแดงก่ำ: "เหวินม่าน ผมคบกับคุณมาก่อนนะ" เหวินม่านยิ้มเบา ๆ แล้วพูดว่า "ทนายฮั่ว คนที่บอกเลิก นั่นคือคุณเองนะ! ถ้าอยากจะเดทกับฉัน คุณต้องต่อคิว..." วันถัดมา เธอได้รับเงินโอนหนึ่งแสนล้านพร้อมแหวนเพชร ทนายฮั่วคุกเข่าข้างหนึ่ง: "คุณเหวิน ผมอยากจะแทรกคิว"

วิวาห์ตัวสำรอง ชุด เจ้าสาวพรหมจรรย์ของมหาเศรษฐี

วิวาห์ตัวสำรอง ชุด เจ้าสาวพรหมจรรย์ของมหาเศรษฐี

เนื้อนวล
4.9

เคลวิน แม็คคลาเรน ถูกคู่หมั้นหักหน้าด้วยการประกาศแต่งงานกับชายคนอื่น ด้วยความคั่งแค้นที่ถูกหยามหน้า ทำให้เขาว่าจ้างเด็กสาววัยกำดัดที่ตนเองอุปการะเอาไว้มาแต่งงานด้วย เพื่อเอาคืนคนเคยรักให้กระอักเลือด เพราะบุญคุณล้นหัว ทำให้เฌอปรางต้องยอมลงชื่อในสัญญาจ้างแต่งงาน แทนที่ผู้หญิงคนนั้นที่เขารักมาก "เธออ่านสัญญาละเอียดหรือยัง" "หนูอ่านละเอียดแล้วค่ะ" "ถ้าอ่านละเอียดแล้ว เธอคงรู้ข้อห้ามทั้งสามข้อที่เธอต้องทำให้ได้แล้วใช่ไหม" "ค่ะ หนูทราบแล้วค่ะ" "งั้นลองบอกฉันมาสิ ว่าข้อห้ามมีอะไรบ้าง" หล่อนช้อนตาขึ้นมองผู้มีพระคุณด้วยสายตาที่ซ่อนความเศร้าเอาไว้แทบไม่มิด "ข้อแรก หนูไม่มีสิทธิ์ในตัวของคุณค่ะ" "ถูกต้อง" เขายิ้มอย่างพอใจ "แล้วข้อสองล่ะ" หล่อนกลืนน้ำลายลงคอที่แห้งผาก "ห้ามรักคุณค่ะ" เขายิ้มอย่างพอใจอีกแล้ว "แล้วข้อสามล่ะ" "ห้าม... เอ่อ... ห้ามปล่อยให้ท้องค่ะ เพราะถ้าท้อง คุณจะไม่รับผิดชอบ" "ถูกต้อง และฉันหวังว่าเธอจะเข้าใจ และปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด" หล่อนไม่มีทางเลือกนอกจากฝืนยิ้มออกไป "แล้วถ้าครบสัญญาหกเดือนแล้ว เอ่อ... หนูต้องไปจากที่นี่ไหมคะ" "ฉันคิดว่ามันจะดีสำหรับเรา หากไม่ต้องเห็นหน้ากันอีก หรือเธอคิดว่าไง" ท่าทางของเขาเย็นชา ไร้หัวใจ ทำราวกับกำลังเจรจาธุรกิจไม่มีผิด "เอ่อ หนูแล้วแต่คุณค่ะ" เธอทำได้แค่ฝืนยิ้ม ซ่อนน้ำตา ให้กับผู้ชายที่ตรเองทั้งรักทั้งบูชาเท่านั้น แต่ใครจะรู้เล่าว่า เมื่อสัญญาจบสิ้นลง เธอได้เดินจากไปพร้อมกับเลือดเนื้อเชื้อไขของเขา

ซีอีโอผู้อ่อนแอต้องง้อเธอทุกวัน

ซีอีโอผู้อ่อนแอต้องง้อเธอทุกวัน

Elsworth Underwood
5.0

เซิ่งหนานหยินเกิดใหม่แล้ว ชาติที่แล้ว เธอถูกชายชั่วหักหลัง ถูกชายเสแสร้งใส่ร้าย โดนครอบครัวสามีเล่นงาน จนทำให้เธอล้มละลายและเป็นบ้าไป ในท้ายที่สุด เธอเสียชีวิตอย่างน่าสลดใจด้วยอุบัติเหตุทางรถยนต์เมื่อเธอตั้งครรภ์ได้ 9 เดือน แต่คนร้ายกลับทำเงินได้มากมาย และใช้ชีวิตทั้งครอบครัวอย่างมีความสุข เกิดใหม่ครั้งนี้ เซิ่งหนานหยินคิดตกอล้ว อะไรที่ว่าพระคุณช่วยชีวิต คนรักในใจอะไรกัน ล้วนไม่ต้องไปสน เธอจะจัดการชายชั่วหญิงร้าย สร้างชื่อเสียงให้กับตระกูลเก่าของตนเองขึ้นมาใหม่อีกครั้งและนำตระกูลเซิ่งไปสู่จุดสูงสุดของชีวิต สิ่งที่แตกต่างออกไปก็คือ คนที่หยิ่งมาตลอดในชาติที่แล้ว กลับเป็นฝ่ายริเริ่มมาหาเธอ "เซิ่งหนานหยิน การแต่งงานครั้งแรกผมไม่ทัน การแต่งงานครั้งที่สองก็ต้องถึงคิวผมแล้วสินะ"

ฮูหยินของข้า แซ่บไม่เบา

ฮูหยินของข้า แซ่บไม่เบา

Burke Gee
5.0

ทุกคนรู้ดีว่า บุตรีคนโตที่ไม่เป็นที่โปรดปรานในจวนโหวอันติ้งแห่งเมืองหลวง ทำให้แม่แท้ๆ ของตนต้องเสียชีวิต เป็นคนที่ถูกมองว่าเป็นตัวโชคร้าย ก่อนแต่งงานก็ทำให้แม่เลี้ยงฝันร้ายอยู่หลายวัน ออกเดินทางไปทำบุญนอกเมืองก็ถูกโจรจับตัวไป แต่ใครจะคิดว่าโชคร้ายกลับกลายเป็นโชคดี นางเปลี่ยนนิสัยไปอย่างสิ้นเชิง ไม่ยอมให้ใครมารังแกอีกต่อไปที่แท้ซูชิงซวู่ ผู้สุดยอดสายลับที่ทะลุมิติมาเผชิญกับพ่อที่เย็นชา แม่เลี้ยงที่ชั่วร้าย คู่หมั้นที่นอกใจน้องสาวต่างแม่ แต่ไม่เป็นไร คอยดูว่าเธอจะจัดการพวกชั่วช้า และเอาคืนทุกอย่าง ทว่าทำไมท่านอ๋องผู้นั้นถึงมองมาที่เธอด้วยสายตาแปลกๆ นั่นล่ะเผ่ยเสวียนจู: บุญคุณที่ช่วยชีวิต ไม่มีสิ่งใดตอบแทนได้ นอกจากเอาตัวไปแลก

บท
อ่านเลย
ดาวน์โหลดหนังสือ