ชมดาวต้องทนรับสภาพสถานะเลขาของเจ้านายและสถานะบนเตียงมาตลอดห้าปี เธอคิดว่าอีกไม่นานเขาก็จะขอเธอแต่งงาน หากแต่ว่าเขากลับเห็นเธอเป็นเพียงสถานะรองเท่านั้น จนกระทั่งวันหนึ่งเขาก็ต้องแต่งงาน ไม่ใช่กับเธอแต่เป็นคนอื่น เธอจะเลือกจำยอมอยู่ในความลับต่อไป หรือเลือกที่จะเดินออกมาพร้อมกับเด็กในท้อง!!
งานกาล่าดินเนอร์ของสมาคมผู้ค้าเพชรค่อนข้างน่าเบื่อ ชมดาวยืนรวบมืออย่างสงบอยู่ที่มุมหนึ่งของงาน ดวงตากลมโตประดับด้วยขนตานยาวเป็นแพหนาเหมือนแม่กวางสาวมองไปยังเหล่าผู้บริหารบริษัทขนาดใหญ่ของหลากหลายธุรกิจทั่วฟ้าเมืองไทยที่กำลังยกป้ายประมูลแข่งกันอย่างไม่มีใครยอมใคร
หนึ่งล้าน
หนึ่งล้านห้าแสน
สองล้านห้าแสน
ยอดประมูลยังพุ่งสูงขึ้นเรื่อย ๆ ทั้ง ๆ ที่สร้อยเพชรเส้นนั้นก็ไม่ได้สวยงามเท่าใดในสายตาของเธอ...
คนรวยนี่ดีจัง ใช้เงินเหมือนเบี้ยได้โดยไม่ต้องคิดมาก ไม่เหมือนเธอกว่าจะได้เงินแต่ละบาทแสนยากเย็น ต้องทำงานให้เจ้านายหนุ่มจอมเย็นชาทั้งวันทั้งคืนจนแทบไม่มีเวลาพักผ่อนส่วนตัว...เลขาสาวคิด
ชมดาวถอนหายใจอย่างเบื่อหน่าย ยังไม่เห็นเอกฤทธิ์เจ้านายของเธอประมูลแข่งกับใครเขาสักเส้น แล้วจะมาให้เสียเวลาทำไมก็ไม่รู้
เอกฤทธิ์ทำธุรกิจโฆษณาครบวงจร และยังมีช่องโทรทัศน์ดิจิทัล เขาเป็นนักธุรกิจหนุ่ม ‘โสด’ เนื้อหอมที่ได้ลงนิตยสารดังทุกปี ส่วนเธอก็รับหน้าที่เป็นเลขานุการดูแลจัดการทุกอย่างให้ตั้งแต่เขาเริ่มเข้ามารับตำแหน่งผู้ช่วยประธานกรรมการบริหาร และได้เลื่อนขึ้นเป็นกรรมการใหญ่แทนบิดากระทั่งปัจจุบัน
เรียกได้ว่าชมดาวทำงานกับเขามาแล้วห้าปีกว่า เป็นเลขาฯ ที่รู้งาน...และคู่นอนที่รู้ใจในช่วงสองปีให้หลัง
เดิมทีชมดาวไม่เคยคิดว่าตัวเองจะเดินมาถึงจุดนี้...จุดที่เป็นคู่นอนลับ ๆ ของเจ้านาย
ครั้งแรกที่เธอเผลอตัวเผลอใจไปกับเขาคือตอนที่ไปทำงานที่เกาะช้าง คืนนั้นเธอและเจ้านายดื่มไปค่อนข้างเยอะ กว่าจะมีสติข้าวสารก็กลายเป็นข้าวสุกเสียแล้ว ชมดาวจึงปล่อยเลยตามเลยเพราะการได้ใกล้ชิดเอกฤทธิ์นอกเหนือจากเรื่องงานมันยังทำให้เธอมีความสุข
สุข...กระทั่งลืมระวังตัว
...จนวันนี้เธอไม่สามารถย้อนกลับไปอยู่ตรงจุดเดิมได้อีกต่อไปแล้ว
ชมดาวลูบหน้าท้องที่ยังแบนราบของตัวเอง...เธอพึ่งรู้ว่าตั้งครรภ์เมื่อเช้านี้ และพ่อของเด็กจะเป็นใครไปได้ถ้าไม่ใช่เอกฤทธิ์...เจ้านายของเธอเอง
“สวัสดีครับ”
ชมดาวเงยหน้ามองชายแปลกหน้าที่เข้ามาทัก เลขาสาวยิ้มตามมารยาททันทีราวตั้งโปรแกรมเอาไว้อัตโนมัติ
“สวัสดีค่ะ” เธอตอบรับกลาง ๆ พลางถอยหลังออกห่างจากชายตรงหน้าเล็กน้อยเพราะกลิ่นน้ำหอมฉุนแรงของเขากำลังทำให้เธอคลื่นไส้
“ไม่ทราบว่าคุณมาประมูลเพชรเหมือนกันหรือเปล่าครับ ผมสังเกตอยู่นานแล้ว ไม่เห็นคุณเข้าไปร่วมวง” เขาหาเรื่องชวนคุย
“เปล่าค่ะ ฉันตามเจ้านายมาน่ะค่ะ” ชมดาวตอบเสียงเรียบ
“อ้อ อย่างนี้นี่เอง” ชายหนุ่มยื่นนามบัตรให้เธอ “ผมชื่อเมฆครับ เป็นเจ้าของโชว์รูมรถนำเข้า เผื่อคุณสนใจไปดู ผมจะบริการเป็นพิเศษ”
“ขอบใจ แต่ผมมีรถมากพอแล้ว” เอกฤทธิ์ที่โผล่มาจากไหนไม่รู้เป็นคนรับนามบัตรใบนั้นเอาไว้แทน
ผู้ชายคนนั้นยิ้มเจือ ๆ ให้ชมดาวแล้วปลีกตัวเดินจากไป
เจ้านายของชมดาวเดินเข้ามาพร้อมผู้หญิงคนหนึ่งที่เธอไม่เคยเห็นหน้ามาก่อน เลขาสาวมองทั้งคู่สลับกันไปมา ดู ๆ แล้วเธอน่าจะอายุมากกว่าผู้ติดตามของเอกฤทธิ์ หญิงสาวจึงก้มหัวทักทายอย่างสุภาพแทนการยกมือไหว้
“สวัสดีค่ะ” ชมดาวทัก
“สวัสดีค่ะ คุณคงเป็นเลขาของพี่เอก...แพรวานะคะ ยินดีที่ได้รู้จัก...อีกหน่อยเราคงได้เจอกันบ่อย ๆ”
...เจอกันบ่อย ๆ อย่างนั้นหรือ...ชมดาวเก็บความสงสัยเอาไว้ในใจ เธอยิ้มอ่อน ๆ พร้อมรับคำอย่างสุภาพตามคุณลักษณะของเลขาฯ ที่ดีอีกตามเคย
“ไม่ทราบว่าต้องรอรับเครื่องเพชรไหมคะคุณเอก” ชมดาวถามเจ้านาย
“ไม่ต้อง ฉันไม่ได้ซื้อ เราจะกลับแล้ว เธอเรียกรถมารอได้เลย” เอกฤทธิ์บอกห้วน ๆ ตามนิสัย
“ค่ะ”
ระหว่างชมดาวปลีกตัวออกไปส่งข้อความหาคนรถสายตาของเธอก็เอาแต่เหลือบแลอากัปกิริยาของเจ้านายกับแพรวาด้วยความสงสัย...
ผู้หญิงคนนั้นถึงเนื้อถึงตัวเอกฤทธิ์แปลก ๆ เดี๋ยวกอดแขน เดี๋ยวตีไหล่ ไม่เหมือนคู่ค้าคนอื่น ๆ ที่เคยเจอมา...นี่สินะที่เคยได้ยินมาว่า ‘ผู้หญิงด้วยกันเขาดูออก’ แต่นี่ก็ไม่ใช่ครั้งแรกที่ผู้บริหารเนื้อหอมอย่างเอกฤทธิ์มีผู้หญิงมาติดพัน ตราบใดที่เขายังไม่มีใครเป็นตัวเป็นตนชมดาวก็เบาใจ
ถ้าเอกฤทธิ์รู้ว่าเธอท้อง ความสัมพันธ์ของเธอกับเขาจะพัฒนาไปมากกว่าการเป็นคู่นอนได้ไหม?...ยังเป็นคำถามที่ไม่ได้รับคำตอบ ด้วยความที่ชายหนุ่มไม่ใช่คนช่างเจรจานัก เก็บความรู้สึกเก่งภายใต้ใบหน้านิ่งเฉยจึงเป็นเรื่องยากมากที่ใครจะอ่านใจเขาออกว่าคิดอย่างไร
“ยืนเหม่ออะไร”
“อุ๊ย!”
“เป็นอะไรของเธอ ฉันทักแค่นี้ต้องตกใจด้วย” เอกฤทธิ์ว่าเสียงดุ “รถมาถึงหรือยัง”
“พร้อมแล้วค่ะ เชิญคุณเอกได้เลย”
ชมดาวยืนส่งเจ้านาย แต่เอกฤทธิ์กลับไม่ยอมเดินออกไปเสียที
“คุณเอกมีอะไรจะสั่งอีกหรือเปล่าคะ?”
“วันนี้ฉันจะไปนอนคอนโด...”
เป็นรหัสลับที่รู้กันสองคนว่า หากวันใดเอกฤทธิ์บอกว่าเขาจะไปนอนคอนโดนั่นหมายความว่าชมดาวจะต้องตามไปเป็นคู่นอนให้เขาด้วย
“ทำไม? ไม่อยากไปอีกแล้วเหรอ ช่วงนี้เธอปฏิเสธฉันถี่ขึ้นนะ หรือไม่อยากทำแล้ว”
“เปล่า! ไม่ใช่ค่ะ” ชมดาวรีบปฏิเสธ
ก่อนหน้าที่จะรู้ว่าท้องเธอรู้สึกไม่ค่อยสบายตัว ได้กลิ่นอะไรนิดหน่อยก็เวียนหัวอยากอาเจียน จึงเป็นเหตุทำให้บอกปัดความต้องการของเอกฤทธิ์อยู่หลายครั้งในช่วงหลัง
ส่วนครั้งนี้ เธอไม่แน่ใจว่าคนท้องอ่อน ๆ สามารถมีเพศสัมพันธ์ได้อย่างปลอดภัยไหมจึงยังไม่กล้าตอบตกลงทันที
“พอดีก่อนหน้านี้ดาวเป็นประจำเดือน...” เธออ้าง
เอกฤทธิ์พยักหน้ารับรู้ “ตกลงวันนี้จะไปไหม?”
“ไปค่ะ เชิญคุณเอกค่ะ รถจอดรออยู่แล้ว”
ชมดาวตัดสินใจไปในที่สุด ไม่ใช่เพราะเธออยากมีเซ็กส์ แต่เธออยากอาศัยโอกาสนี้บอกเขาว่าเธอกำลังตั้งท้องลูกของเขา เพราะไม่รู้จะยื้อเวลาออกไปทำไมอีก ไม่ช้าก็เร็วเอกฤทธิ์ก็ต้องรู้เรื่องนี้อยู่วันยังค่ำ
เซ็กส์ระหว่างเอกฤทธิ์และชมดาวในคืนนี้ไม่ร้อนแรงเหมือนทุกที เพราะหญิงสาวเอาแต่ยั้งบอกให้เขาทำเบา ๆ คล้ายเป็นกังวลจนไม่มีอารมณ์ร่วม เมื่อฝ่ายหญิงไม่สนุกไปด้วยหลั่งเพียงครั้งเดียวชายหนุ่มก็หมดอารมณ์ ผิดกับทุกทีที่เขามักจะทำกับเธอจนเช้าของอีกวัน
“ช่วงนี้เป็นอะไรของเธอ” น้ำเสียงเขาติดจะหงุดหงิด
เอกฤทธิ์ลุกขึ้นสวมเสื้อคลุมผ้าขนหนูสีขาว เขานั่งหันหลังให้ชมดาวที่นอนเปล่าเปลือยมองเขาอยู่บนเตียงนอนกว้าง...ครั้งนี้เธอไม่ถึงจุดสุดยอดด้วยซ้ำ
ชมดาวลุกขึ้นจัดการตัวเองให้เรียบร้อยบ้าง พลางเอ่ยปาก “ขอโทษค่ะ ช่วงนี้ดาวคงเครียดไปหน่อย”
“ฉันให้ทำงานหนักเกินไปหรือไง ถ้าเธออยากลาพักร้อนก็ได้นะ”
“เปล่าค่ะ ไม่ใช่เรื่องงาน...พอดีดาวมีเรื่องส่วนตัวที่ยังคิดไม่ตกนิดหน่อย...”
...และเรื่องนั้นก็มีต้นเหตุมาจากคุณ...ชมดาวต่อประโยคจนจบในใจ
ชายหนุ่มถอนหายใจ เขาตั้งใจมีอะไรกับชมดาวเพื่อหยั่งความรู้สึกของตัวเองสำหรับการตัดสินใจครั้งสุดท้าย ทว่าพอเสร็จสมอารมณ์หมายแล้วคำตอบที่ได้ก็ยังคลุมเครืออยู่ดี
ที่ผ่านมาเขามีความสัมพันธ์ทางกายกับชมดาวแค่คนเดียวเป็นเวลาเกือบสองปี เธอเป็นคู่นอนที่ตอบสนองเขาบนเตียงได้อย่างถึงอกถึงใจที่สุดชนิดที่ไม่เคยมีผู้หญิงคนไหนที่เคยผ่านมาในชีวิตสามารถทำได้มาก่อน...
แต่หากถามว่าเขามีความรู้สึกให้เธอมากกว่าคู่นอนคนหนึ่งไหม เอกฤทธิ์ก็ยังตอบไม่ได้เหมือนกัน
“ฉันมีเรื่องจะต้องตกลงกับเธอ”
“คุณเอกดาวมีเรื่องจะบอก”
ทั้งสองคนพูดขึ้นพร้อมกัน
“คุณเอกพูดก่อนเถอะค่ะ” ชมดาวเปิดทาง ติดนิสัยความเป็นเลขาฯ แม้กระทั่งตอนอยู่ด้วยกันตามลำพังในห้องนอนส่วนตัว
“เธอก็รู้ใช่ไหมว่าแม่ฉันกำลังสนใจที่จะลงทุนในธุรกิจเครื่องประดับ” เอกฤทธิ์เกริ่นนำ
“พอได้ยินมาบ้างค่ะ”
ชมดาวแอบแปลกใจที่จู่ ๆ เขาก็วกกลับไปพูดเรื่องงานอีกแล้ว
“ช่วงนี้ธุรกิจทีวีดิจิตอลซบเซา ในรอบหน้าเราอาจไม่เช่าสัมปทานสัญญาณต่อเพราะทำไปก็มีแววจะขาดทุนเพราะโฆษณาสินค้าเลือกไปเข้าทางออนไลน์มากกว่า แม้ภาพรวมใหญ่บริษัทเราจะยังเติบโตได้แต่ก็ไม่เร็วเท่าแต่ก่อน...”
หญิงสาวนั่งฟังเอกฤทธิ์ชักแม่น้ำทั้งห้า เอาแต่พูดทวนเรื่องที่เธอรู้อยู่แล้วอย่างใจเย็น
“แล้วยังไงคะ?” ชมดาวถาม หวังให้เขาพูดเข้าเรื่องเสียที
“แม่ฉันเลยหวังกับธุรกิจตัวใหม่ที่กำลังจะทำมาก เราจำเป็นต้องสร้างเครือข่ายให้เข้มแข็ง...”
“คุณพูดเข้าเรื่องเถอะค่ะ ดาวไม่เข้าใจว่าคุณต้องการสื่ออะไรกันแน่ หรืออยากให้ดาวไปช่วยงานตรงส่วนไหน”
“มันไม่เกี่ยวกับเธอเสียทีเดียว เธอก็แค่ต้องทำหน้าที่เดิมที่ทำอยู่ให้ดีก็พอ”
จนแล้วจนรอดเอกฤทธิ์ก็ยังไม่ยอมพูดเข้าเรื่อง...เขาเองก็ตอบตัวเองไม่ได้เหมือนกันว่าทำไมถึงได้หวั่นใจนักที่จะบอกชมดาวตรง ๆ ว่าเขากำลังจะหมั้นหมายกับลูกสาวนายกสมาคมผู้ค้าอัญมณี ซึ่งก็คือแพรวานั่นเอง
ชมดาวก็เป็นแค่เลขาฯ หน้าห้องที่เขานอนด้วยเพื่อแก้เหงาเป็นครั้งคราว ทำไมต้องแคร์ว่าเธอจะเสียใจหากรู้ว่าเขากำลังจะหมั้นด้วยก็ไม่รู้
“งั้นมีอะไรที่ดาวต้องรู้ล่ะคะ ในเมื่องานส่วนนั้นดาวไม่จำเป็นต้องเข้าไปช่วย”
“เพราะฉันกำลังจะหมั้นกับแพรวาที่เธอพึ่งเจอ เขาเป็นลูกสาวคนเดียวของนายกสมาคมผู้ค้าอัญมณี แม่ฉันจึงคิดว่าการดองกันของสองครอบครัวจะช่วยให้ธุรกิจของเรามั่นคงได้”
เอกฤทธิ์บอกเสียงเรียบราวกับกำลังพูดเรื่องดินฟ้าอากาศ ไม่ใช่เรื่องการสละโสดของตัวเองทั้ง ๆ ที่เขาเพิ่งมีเซ็กส์กับชมดาวเสร็จหมาด ๆ น้ำที่เขาหลั่งเข้ามาในกายเธอยังไม่ทันแห้งด้วยซ้ำ!
หญิงสาวนั่งตัวแข็งค้าง ปวดหนึบไปทั้งหัวใจ...เอกฤทธิ์ช่างเป็นคนเลือดเย็นเหลือเกิน
โชคชะตาเล่นตลกอะไรกับเธอกัน เอกฤทธิ์ไม่เคยคบหากับผู้หญิงคนไหน แถมยังไม่เคยคิดจะมีความสัมพันธ์กับใครจริงจังถึงขั้นแต่งงานมาก่อน แต่ทำไมถึงได้ตัดสินใจหมั้นกะทันหันหลังจากที่เธอพึ่งรู้ตัวว่าตั้งท้องลูกของเขาได้ยังไม่ถึงวัน
“ดาวไม่เข้าใจ...คุณจะหมั้นกับคนอื่นทั้ง ๆ ที่มีดาวอยู่ตรงนี้ได้ยังไง...แล้วเรื่องระหว่างเรา...”
“ก็เป็นคู่นอนกันเหมือนเดิม” ชายหนุ่มยักไหล่ “ถ้าเธอไม่ติดเราก็มาสนุกด้วยกันเป็นครั้งคราวอย่างนี้ต่อไปได้ ตราบใดที่ยังไม่แต่งงานฉันก็ถือว่าตัวเองยังโสด!”
หนังสืออื่นๆ ของ จิรัฐติกาล
ข้อมูลเพิ่มเติม