เจ้าสาวจำยอม
มู่เฉินมองดูอาหารที่ยกมาเสริ์ฟ อาหารของวันนี้แตกต่างไปจากทุกวัน
เขายกตะเกียบขึ้นมาอย่างลังเล “คุณผู้ชายคะ อาหารมือนี้คุณฉินลงมือทำเองเลยนะคะ”
“เธอทำงั้นเหรอ?” มู่เฉินเงยหน้าขึ้นมองเธอ “เธอทำอาหารเป็นด้วยเหรอ?”
“ฉันพอทำได้นิดหน่อยค่ะ” หย่าหยิงตอบอย่างตรงไปตรงมา เธอมองออกว่าเขาดูถูกเธอ ‘เธอไม่รู้อะไรซะแล้ว!’
มู่เฉินเงยหน้าขึ้นมองเธอ แล้วเขาก็หยิบตะเกียบขึ้นมา ก่อนจะคีบอาหารเข้าปากทีละคำทีละคำ เขาชิมมันอย่างช้า ๆ หย่าหยิงที่ยืนอยู่ข้าง ๆ รู้สึกหวั่นใจอยู่ลึก ๆ เธอกลัวเขาจะไม่พอใจ แล้วปัดอาหารบนโต๊ะทิ้ง
มู่เฉินวางตะเกียบลงหลังจากสังเกตเห็นท่าทีของเธอ “ถ้าเธอกล้าที่จะลงมือทำ แล้วเธอจะกลัวอะไร? ในเมื่อเธอทำอะหารเป็น งั้นต่อไปเธอก็เตรียมอาหารทุกมื้อล่ะกัน แล้วในแต่ละมื้อห้ามเตรียมอาหารซ้ำกันเด็ดขาด!”
เขาจงใจแกล้งเธอ ‘ถ้าเธออยากจะทำนัก งั้นฉันก็ให้โอกาส!’
หย่าหยิงไม่ทันสังเกตเห็นอารมณ์คุกรุ่นในแววตาของเขา เธอได้แต่ถอนหายใจด้วยความโล่งอก แต่ว่าตอนนี้เธอก็เจอกับปัญหาใหญ่เข้าแล้ว
วันรุ่งขึ้น มู่เฉินให้คนไปส่งเธอที่วิทยาลัย
“อาหลี่คะ ให้ฉันลงตรงนี้เถอะค่ะ” หย่าหยิงขอร้องให้คนขับรถ ส่งเธอที่หน้าปากทาง
“ไม่ได้ครับ คุณผู้ชายสั่งไว้ว่าให้ส่งคุณให้ถึงหน้าประตูครับ” อาหลี่ขับรถต่อไปจนถึงหน้าประตูวิทยาลัย
หย่าหยิงรู้ดีต่อให้เธอจะพูดยังไงมันก็คงจะไม่มีประโยชน์ ไม่แปลกเลยที่เขาจะไม่เชื่อใจเธอ แต่การที่ทำแบบนี้มันจะทำให้เธอดูเป็นจุดสนใจเกินไป
เธอไม่ชอบตกเป็นเป้าสายตาของใคร
“ขอบคุณนะคะ อาหลี่” หย่าหยิงกล่าวขอบคุณ แล้วเดินเข้าไปในวิทยาลัย
หลังจากแน่ใจแล้วว่าหย่าหลินเดินเข้าวิทยาลัยไปแล้ว อาหลี่ก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาแล้วโทรออก “คุณผู้ชายครับ ผมส่งคุณหย่าหลินเรียบร้อยแล้วครับ เธอเดินเข้าวิทยาลัยไปแล้วครับ”
“คอยจับตาเธอเอาไว้” มู่เฉินตอบกลับปลายสาย
เขาไม่ไว้ใจหย่าหยิง ‘เธอต้องมีแผนอะไรแน่ ๆ ไปเรียนงั้นเหรอ?’
หยี่เจ๋มาหามู่เฉินที่บ้าน “นายครับ”
“มาแล้วเหรอ นั่งสิ” มู่เฉินเรียกหยี่เจ๋ให้มานั่งที่โซฟาในห้องนั่งเล่น
“นายครับ เธอไปไหนซะล่ะครับ?” หยี่เจ๋พูดพลางมองหาไปรอบ ๆ
“นายมาหาเธอเหรอ?” มู่เฉินหรี่ตามองไปที่หยี่เจ๋ เขาไม่ค่อยมาที่คฤหาสน์สักเท่าไร มู่เฉินคาดไม่ถึงว่าคำถามแรกที่หยี่เจ๋ถามขึ้น คือถามหาหย่าหลิน
หลิงยี่เจ๋ส่ายหัวไปมา “เปล่าครับ!” เขาไม่สนใจผู้หญิงแบบนี้ เธอเหมือนจะไร้เดียงสา แต่ธาตุแท้ของเธอก็เป็นแค่ผู้หญิงรักสนุกไปวัน ๆ
“ถ้างั้นมาหาฉันมีอะไร?” มู่เฉินจุดบุหรี่
“ฉินฉางชุนไปนอกเมืองแล้วครับนาย” เหตุผลที่หยี่เจ๋ถามหาหย่าหลินก็เพราะเรื่องนี้
“มันคิดจะหนี” มู่เฉินเดาไว้อยู่แล้ว การที่ฉินฉางชุนส่งลูกสาวมาขัดดอก ก็เพื่อตัวเองจะได้เตรียมตัวหนี
“แล้วนายคิดว่ายังไงครับ ผู้หญิงคนนั้นจะหนีตามพ่อของเธอไปไหมครับ?” สิ่งที่หยี่เจ๋เป็นกังวลมากที่สุดก็คือเรื่องนี้ จิ้งจอกเฒ่าอย่างฉางชุนติดหนี้มู่เฉินเป็นจำนวนมากมายมหาศาล เขาจะต้องหาวิธีต่าง ๆ นา ๆ เพื่อหนีอย่างแน่นอน
มู่เฉินพ่นควันบุหรี่ออกมา ก่อนจะยิ้มอย่างเย็นชา “จะหนีไปได้ไกลสักแค่ไหนกัน? ไม่ว่าฉางชุนจะหนีไปที่ไหน ก็หนีไม่มีทางหนีพ้นเงื้อมมือฉันอยู่ดี”
ถ้าเขาไม่แน่ใจเขาไม่มีทางปล่อยหย่าหลินไปแน่
“นายครับ นายมั่นใจขนาดนั้นเลยเหรอครับ? ดูผู้หญิงคนนั้นไม่ใช่ธรรมดานะครับ!” หยี่เจ๋เพียงแค่กลัวว่าเจ้านายของเขาจะถูกผู้หญิงคนนั้นยั่วยวน จนหลงเสน่ห์แล้วตัดสินใจอะไรผิดพลาด
“อืม ไม่ธรรมดา!” ผู้หญิงคนนั้นทำให้เขาใจอ่อน เป็นเรื่องที่เหนือความคาดหมายของเขามาก
“ไปกันเถอะ! วันนี้ฉันจะไปดูสาขาย่อยสักหน่อย” เหลิ่งซื่อ กรุ๊ป ดำเนินธุระกิจอสังหาริมทรัพย์ต่าง ๆ รวมถึงกิจการโรงแรมหลายแห่ง ตลอดจนสถาบันเทิงชั้นนำ และบริษัทสินเชื่อที่กระจายตัวอยู่ทั่วโลก
นายครับ นายนี่ใจเย็นจริง ๆ นะครับ” หยี่เจ๋เห็นมู่เฉินนิ่งเฉยแบบนี้ เขาก็ค่อนข้างเป็นห่วง
หย่าหยิงกลับไปขนของส่วนตัวของเธอที่หอพัก “หย่าหยิงเธอจะไม่อยู่หอแล้วเหรอ?” เพื่อนของเธอถามขึ้น
“อื้ม” หย่าหยิงไม่ค่อยสนิทกับพวกเขาเท่าไรนัก เธอรู้จักพวกเขาแค่เพียงผิวเผินเท่านั้น เพราะเธอใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับการทำงานพิเศษ หรือไม่ก็อยู่แต่ในห้องสมุดเท่านั้น
“ฉันได้ยินมาว่ามีรถหรูมาส่งเธอเมื่อเช้านี้ จริงไหม?” รูมเมทของเธอถามด้วยความอยากรู้อยากเห็น
หย่าหยิงได้ยินอย่างนั้นก็อึ้งไป เธอไม่ได้ยอมรับ หรือปฏิเสธอะไรออกไป
“ชัวร์ที่สุด!ฉันเห็นกับตาเลยนะ!” รูมเมทอีกคนพูดขึ้น “หย่าหยิงเธอจับผู้ชายรวย ๆ ได้เหรอ? เธอสวยขนาดนี้ มีไฮโซรับเลี้ยงล่ะสิ?”
รูมเมทคนหนึ่งโพลงขึ้น เหตุที่เธอไม่พักอยู่ในหอแล้ว เพราะเธอมีไฮโซรับเลี้ยง ดังนั้นเลยมีรถหรูมาส่งเธอ
“จริงเหรอ? เขาอายุเท่าไร?” “หัวล้านหรือเปล่า?” รูมเมทต่างก็อยากรู้อยากเห็นเรื่องของเธอ หนุ่ม ๆ หล่อ ๆ รวยคงไม่มามองคนอย่างเธอหรอก จริงไหม?
หย่าหยิงเป็นคนไม่พูดมาก ออกจะดูสงบปากสงบคำด้วยซำ้ เธอใช้วิธีไหนจับผู้ชายรวย ๆ กันนะ