Login to MeghaBook
icon 0
icon เติมเงิน
rightIcon
icon ประวัติการอ่าน
rightIcon
icon ออกจากระบบ
rightIcon
icon ดาวน์โหลดแอป
rightIcon
5.0
ความคิดเห็น
74.5K
ชม
84
บท

“เป็นอะไรคะ...ไข้กลับมาหรือเปล่า” มือเล็กยื่นไปแตะหน้าผากของชายหนุ่มอย่างร้อนใจเพราะความเป็นห่วง แต่หัวใจดวงน้อยของหญิงสาวก็ต้องไหววูบหล่นกับพื้นเมื่อมือหนาของอนรรฆปัดมือเล็กของเธอออก “กะ...เกิดอะไรขึ้นคะ” “เก่งนี่...ตีหน้าได้เนียนสนิท...คิดจะโกหกฉันไปอีกนานแค่ไหน” หัวใจดวงน้อยของกมิตตราไหววูบหล่นไปกองกับเท้าทั้งดวง “ทะ...ทำไมคุณเอียนพูดแบบนั้นคะ” ถามไปแล้วหญิงสาวก็ต้องกลั้นหายใจรอคำตอบของอีกฝ่าย ก่อนที่ซองสีน้ำตาลสำหรับใส่เอกสารจะถูกโยนมาตรงหน้าเธอ “นี่ใช่ไหม...สิ่งที่เธออยากได้” น้ำเสียงราบเรียบกับสายตาเย็นชาของอนรรฆมันทำให้กมิตตราแทบจะหายใจไม่ออก “มันซื้อเธอเท่าไร บอกฉันมาสิ...เผื่อฉันจะเสนอเงินในราคาที่สูงกว่ามัน ตัวเธอราคาเท่าไร...กมิตตรา เธอถึงได้ยอมทรยศความไว้ใจของฉัน” ซองเอกสารสีน้ำตาลถูกเขวี้ยงใส่หน้ากมิตตราอย่างแรงด้วยน้ำมือของอนรรฆ “อยากได้ไอ้เอกสารนี่มากใช่ไหม ได้...ถ้าเธออยากได้นักฉันก็จะให้...แต่มีข้อแลกเปลี่ยนนะ” ความหวาดหวั่นของกมิตตราฉายชัดในดวงตาคู่ที่ฉ่ำด้วยหยาดน้ำตาอย่างเห็นได้ชัด “คะ...คุณทำอะไร ยะ...อย่าทำอะไรแก้มเลยนะคะ” เสียงสั่นสะท้านถามออกมาเพียงแผ่วเบาเมื่อเห็นมือหนากระชากสาบเสื้อของตัวเองจนกระดุมหลุดหล่นกระจายลงบนพื้นไปคนละทิศละทาง ดวงตาวาวโรจน์พุ่งมองมาที่เธอ “ยะ...อย่าทำอะไรแก้มเลยนะคะ แก้มขอร้อง” กมิตตรายกมือขึ้นไหว้อ้อนวอน “ไง ตัวสั่นระริกเลย...กลัวหรือว่าตื่นเต้นกันล่ะ” น้ำเสียงเยาะหยันของอนรรฆบีบเค้นหัวใจของเธออย่างแรง “คุณเอียนขา...แก้มขอโทษ อย่าโกรธแก้มเลยนะคะ แก้มจำเป็นจริง ๆ อย่าทำอะไรแก้มเลยนะคะ แก้มกลัว...” เสียงสะอื้นวอนขอของกมิตตราไม่ได้ทำให้อนรรฆใจอ่อนลงแม้แต่น้อย “กลัว...กลัวอะไร เธอควรจะดีใจสิที่ครั้งหนึ่งได้มีโอกาสสนองตัณหาของนายอนรรฆ เอียน แบรนดอน เจ้าพ่อธุรกิจคอมพิวเตอร์ ที่เธอยอมเอาตัวเองเข้าแลกเพราะเงิน” “มะ...ไม่จริงนะคะ...พวกนั้นขู่แก้ม จะทำร้ายน้อง ๆ ของแก้ม...แก้มถึงต้องทำแบบนี้ แก้มไม่ได้อยากหลอกคุณเอียนนะคะ ไม่ได้อยากหลอกทุกคน” “หยุดพูดเถอะ...ฉันสะอิดสะเอียนกับคำพูดมารยาจอมปลอมของเธอจริง ๆ” ดวงตาวาวโรจน์ของอนรรฆลุกโชนขึ้นเมื่อได้ยินเสียงสะอื้นของกมิตตราพูดออกมาแบบนั้น อนรรฆมองผู้หญิงใต้ร่างอย่างสมเพช กมิตตราที่เคยหยิ่งในศักดิ์ศรี เงินไม่สามารถซื้อเธอได้ แม้จะเป็นแค่เด็กกำพร้าไม่รู้หัวนอนปลายเท้า ไม่ได้ร่ำรวย ผู้หญิงที่เขาชื่นชมคนนั้นหายไปไหน ทำไมถึงได้เหลือเพียงผู้หญิงโกหกหลอกลวง และซื้อได้ด้วยเงินคนนี้ ดวงตาแดงก่ำของอนรรฆมองหญิงสาวใต้ร่างอย่างสมเพช “ถือเสียว่าฉันซื้อเธอด้วยใบประมูลนั่นละกัน...ราคามันเกือบพันล้านเลยนะ...ผู้หญิงอย่างเธอหาอีกกี่ชาติก็ไม่มีใครเป็นพ่อบุญทุ่มเท่าฉันหรอกกมิตตรา” พูดจบมือหนาทั้งสองข้างของอนรรฆก็ดึงสาบเสื้อของกมิตตราออกจากกันอย่างแรง เผยให้เห็นสิ่งที่ซ่อนอยู่ด้านใน ในขณะที่หญิงสาวใต้ร่างดิ้นรนพร้อมกับวอนขอเขาอย่างน่าสงสาร แต่อนรรฆหาได้ฟังไม่ “จะดีดดิ้นเพิ่มราคาให้ตัวเองหรือยังไง เรียกมา...กมิตตรา ฉันทุ่มไม่อั้นอยู่แล้ว” แววตาหวาดกลัว เสียงร่ำไห้ มือบางที่ยกขึ้นไหว้วอนขออนรรฆ ไม่ได้ทำให้ชายหนุ่มใจอ่อนลงแม้แต่น้อย แววตาเย็นชามุ่งร้ายมองมาที่เธอเขม็ง ในนั้นมีแต่ความโกรธและเกลียดชัง “คุณเอียน...อย่าทำอะไรแก้มเลยนะคะ แก้มกลัวแล้ว แก้มขอร้อง” กมิตตราสะอื้นไห้ออกมาอย่างน่าสงสาร แต่อีกฝ่ายกลับไม่ได้คิดแบบเดียวกับเธอ ตอนนี้อนรรฆเหมือนสัตว์ร้ายดี ๆ นี่เอง ไม่มีอะไรมาดลใจให้เขาเปลี่ยนใจได้ เสียงกมิตตรากรีดร้องออกมาอย่างสุดเสียงเมื่อใบหน้าคมเข้มก้มลงซุกไซ้กับซอกคอของเธอ โดยที่มือทั้งสองข้างของเขาตรึงข้อมือทั้งสองข้างของเธอให้กางออกบนเตียงกว้าง ไม่ให้เธอดิ้นรนหนีรอดจากเขาไปได้ “อย่า...อย่านะ” เสียงกรีดร้องวอนขอของกมิตตราถูกปิดด้วยริมฝีปากหนาของอนรรฆที่บดขยี้อย่างไร้ความปรานี เพียงครู่เดียวกลีบปากบางของกมิตตราก็ช้ำบวมเจ่อ รสเค็มที่ลิ้นของเธอสัมผัสได้มันทำให้เธอรู้ว่านั่นคือเลือด ร่างบางพยายามดิ้นรนเอาตัวรอดแต่มันกลับไม่ได้ผล หยาดน้ำตาแห่งความเจ็บปวด หวาดกลัว ไหลรินจากหางตาไม่ขาดสาย

บทที่ 1 1

บทที่ 1 เริ่มต้นของเรื่องราวทั้งหมด

คิ้วเรียวราวกับปีกนกของสาวน้อยคนหนึ่งขมวดเข้าหากัน เมื่อท้องฟ้าที่เคยสวยงามเมื่อสักครู่แต่ตอนนี้กลับกลายเป็นมืดครึ้ม สายลมที่พัดโชยเอื่อยเปลี่ยนเป็นแรงจนโบกสะบัดเส้นผมยาวสลวยจรดกลางแผ่นหลังบอบบางปลิวสยายจนเจ้าตัวต้องใช้โบว์มัดผมที่ใส่ข้อมือเอาไว้ออกมารัด ไม่ให้สายลมตีผมเธอจนยุ่ง ดวงตากลมโตประดุจกวางป่าล้อมกรอบด้วยแพขนตาสีดำสนิทเหมือนเส้นผมหรี่ลงเล็กน้อย เพื่อป้องกันไม่ให้ฝุ่นละอองปลิดปลิวเข้าดวงตาทั้งสองข้างของเธอ กมิตตราเร่งฝีเท้าของตัวเองให้เร็วขึ้นเพราะถ้าขืนช้าไปกว่านี้เธอคงหนีไม่ทันฝน

“โอ๊ย...พี่ฝนขา อย่าเพิ่งตกลงมานะคะ ขอให้แก้มกลับถึงบ้านก่อน”

แต่ดูเหมือนพี่ฝนของกมิตตราจะไม่ให้ความร่วมมือ เพราะตอนนี้พี่ฝนเริ่มตกมาเป็นละอองฝอย ๆ เสียแล้ว เมื่อไม่กี่นาทีก่อนตอนที่เธอกำลังปั่นจักรยานไปยังตลาดนัดเล็ก ๆ ข้างหมู่บ้านซึ่งตลาดแห่งนี้จะมีทุกวันพุธ มีทั้งอาหารคาวหวานจากแม่ค้าที่อาศัยอยู่ละแวกนี้ ตอนนั้นอากาศยังดีอยู่เลย ท้องฟ้าแจ่มใสจนไม่ส่อแววว่าจะมีฝนตกด้วย ดวงตากลมโตมองข้าวของหน้าตะกร้าจักรยานด้วยสีหน้าที่ร้อนรน เธอต้องรีบนำผักสดพวกนี้ไปให้คุณแม่อธิการทำกับข้าวให้น้อง ๆ ของเธอที่กำลังรอกินข้าวอยู่ กมิตตราเองก็เหมือนกับน้อง ๆ พวกนั้นของเธอที่เกิดและเติบโตมาในสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าในโบสถ์คริสตจักรเซบัสเตียนของเมืองเชียงใหม่ เธอไม่รู้ด้วยซ้ำว่าบิดาและมารดาของเธอเป็นใคร รู้แต่เพียงว่าคุณแม่อธิการจันดากับคุณแม่อธิการเภตราเป็นผู้เลี้ยงดูคอยสั่งสอนส่งให้เธอได้เล่าเรียนจนจบปริญญาตรี กมิตตรากำลังหางานทำซึ่งงานเดี๋ยวนี้มันก็หายากเหลือเกิน แต่เธอก็ไม่เกี่ยงเพียงเพื่อจะได้มีเงินมาช่วยส่งเสียเลี้ยงดูน้อง ๆ ที่น่าสงสารของเธอ ช่วยเหลือคุณแม่อธิการแบ่งเบารายจ่ายบ้างก็ยังดี

เท้าเล็กพยายามเร่งฝีเท้าจูงจักรยานคันเล็กของตัวเองไปข้างหน้าให้เร็วขึ้น แต่ตรงหน้าเธอนั้นเป็นถนนใหญ่ถึงแม้จะเป็นถนนทางลัดไม่ค่อยมีรถหนาแน่นเหมือนถนนหลักแต่ก็ต้องระมัดระวัง ร่างบางถึงกับสะดุ้งสุดตัว มือเล็กปล่อยจักรยานที่จับเอาไว้ล้มกระแทกพื้น ดวงตากลมโตเบิกกว้างมองฝ่าละอองฝนด้วยความตกใจเมื่อได้ยินเสียงเบรกของรถคันหนึ่งดังลั่นยาวเหยียด เสียงเหล็กกระทบของแข็งจนเกิดประกายไฟก่อนจะพลิกคว่ำหลายตลบบนท้องถนน กมิตตราไม่รู้ตัวเลยว่าตัวเองทรุดลงไปนั่งกับพื้นถนนได้อย่างไร รู้เพียงแต่ว่าตอนนี้สายตาของเธอกำลังมองจ้องรถคันนั้นนอนหงายท้องบนถนนด้วยความตกตะลึง

รถบรรทุกขนาดใหญ่หรือที่เรียกว่ารถสิบล้อหยุดจอดห่างจากเธอไปเล็กน้อยและตอนนั้นนั่นเองที่เธอได้ยินเสียงคุยกันบนรถ เท้าของเธอเย็นเฉียบทันทีเมื่อได้ยินข้อความที่สองคนนั่นคุยกัน

“อัด...มึงว่ามันจะตายไหม”

คำถามของวิทย์ทำให้อัดต้องชะโงกหน้ามองผ่านบานกระจกรถที่เลื่อนลงเพียงแค่ครึ่ง เรียวปากของมันยกสูงขึ้นอย่างเยาะหยันเมื่อเห็นสภาพรถที่หงายท้องอยู่กลางถนน

“จะเหลือเรอะ...ถ้าไม่ตายมันก็เลี้ยงไม่โตล่ะ”

วิทย์มองหน้าเพื่อนก็จะยิ้มออกมาอย่างเห็นด้วย ประกายตาวาวโรจน์เต็มไปด้วยความโหดเหี้ยมไม่มีความสำนึกผิดในสิ่งที่ตัวเองทำแม้แต่น้อย

“ฉันอยากเห็นหน้าไอ้เอียนมันนัก...ถ้ามันเห็นสภาพศพพ่อมัน...มันจะทำหน้ายังไง”

สองหนุ่มหัวเราะกันอย่างสะใจในขณะที่หญิงสาวอีกคนหนึ่งนั่งกองกับพื้นถึงกับอ้าปากค้าง หมายความว่าอย่างไร...สองคนนี้ตั้งใจที่จะทำให้อุบัติเหตุนั้นเกิดขึ้น เร็วเท่าความคิดหญิงสาวลุกขึ้นมาเตรียมที่จะวิ่งหนีออกไปเพราะถ้าเธอได้ยินความลับของพวกมันแล้วมันคงไม่เอาเธอไว้แน่ และการขยับกายของเธอไม่ได้เล็ดลอดสายตาของอัดที่กำลังมองไปรอบด้านเลย

“ซวยแล้วไอ้วิทย์ มีคนเห็นพวกเรา”

วิทย์หันขวับมามองทางด้านหลังผ่านบานกระจกของรถบรรทุกเมื่อได้ยินคำพูดของอัดตะโกนดังออกมา

“ไม่เป็นไร...เหยียบมันให้ติดถนนแค่นี้ก็หมดเรื่อง”

วิทย์พูดกับอัดด้วยสีหน้าเหี้ยมเกรียม เปลี่ยนเป็นเกียร์ถอยหลังพร้อมกับเหยียบคันเร่งถอยรถบรรทุกอย่างสุดแรงหวังจะจัดการปิดปากคนที่รู้เห็นเรื่องนี้ให้สิ้นซาก เสียงเหยียบคันเร่งและแรงรถที่ถอยหลังทำให้กมิตตราเร่งฝีเท้าตัวเองมากยิ่งขึ้น หัวใจดวงน้อยของเธอหายวับไปทั้งดวงเมื่อคิดได้ว่ารถบรรทุกคันนั้นตั้งใจจะถอยมาชนเธอ แต่ก็เหมือนโชคช่วยเมื่อได้ยินเสียงแตรรถยนต์ดังยาวเหยียดของรถยนต์อีกคันหนึ่งที่กำลังขับผ่านมา

“ช่วยด้วย...ช่วยด้วยค่ะ”

เสียงร้องของกมิตตราดังลั่นอย่างขอความช่วยเหลือกับผู้ที่ผ่านมา หัวใจที่หายวับไปทั้งดวงเมื่อสักครู่ค่อย ๆ ชื้นขึ้นมาเมื่อคิดว่าตอนนี้เธอไม่ได้อยู่ตามลำพัง ร่างบางที่เริ่มเปียกชื้นสั่นสะท้านด้วยความโล่งอกทรุดนั่งกับพื้นถนนอย่างไม่มีแรงจะวิ่งต่อ เพราะตอนนี้ขาทั้งสองข้างของเธอชาจนไม่มีแม้แต่แรงจะยืน รถบรรทุกที่กำลังถอยหลังไล่บี้เธออยู่หยุดชะงักจนได้ยินเสียงล้อรถยนต์บดกับพื้นถนนเสียงดัง ก่อนที่มันจะพุ่งไปข้างหน้าและขับหายไปท่ามกลางสายฝนที่เริ่มตกหนาตาขึ้น

“คุณ...เป็นอะไรหรือเปล่า”

เจ้าของรถกระบะที่มาใหม่ลงมาจากที่นั่ง คนขับมองภาพหญิงสาวที่กำลังทรุดนั่งพื้นด้วยสีหน้าตื่นตระหนก ถ้าเขาตาไม่ฝาดรถบรรทุกสิบล้อนั่นตั้งใจจะถอยมาทับหญิงสาวคนนี้แน่

“มะ...ไม่เป็นไรค่ะ...พี่...มีรถโดนชน”

กมิตตรารีบบอกผู้ใจดีที่มาช่วยเธอไว้อย่างรวดเร็ว เพราะถ้าขืนช้ากว่านี้เธอไม่รู้ว่าคนที่อยู่ในรถคันนั้นจะยังปลอดภัยอยู่หรือเปล่า หญิงสาวจึงรีบวิ่งไปยังรถที่หงายท้องอยู่กลางถนนพร้อมกับเจ้าของรถกระบะที่มาช่วยเธอเอาไว้ด้วยสีหน้าที่ร้อนรน ในขณะที่ผู้มีพระคุณของเธอกลับหยิบโทรศัพท์ออกมา เธอไม่รู้ว่าเขาโทร. หาใครแต่คาดคะเนได้ว่าคงเรียกหน่วยกู้ภัยฉุกเฉินมาช่วยเหลือ

เสียงครางอย่างเจ็บปวดดังออกมาเบาหวิว มือของคนเจ็บพยายามเคาะกระจกที่แตกร้าวไปทั่วทั้งบานแต่ยังไม่หลุดออกเป็นชิ้น ๆ เพราะการยืดเกาะของฟิล์มติดรถยนต์บวกกับประสิทธิภาพของกระจกที่ได้คุณภาพนั่นเอง เพื่อขอความช่วยเหลือบอกคนที่อยู่ด้านนอกว่ายังมีคนบาดเจ็บอยู่ด้านใน

“พี่คะ...ทางนี้ค่ะ มีคนติดอยู่ในรถ”

เจ้าของรถกระบะที่มาช่วยเหลือเธอเอาไว้รีบมาดูยังที่เกิดเหตุ ก่อนจะหันซ้ายขวาไปหยิบท่อนไม้พอเหมาะและตะโกนดังลั่นเพื่อให้คนเจ็บที่อยู่ด้านในหลบไปก่อน

“คุณ...เขยิบหนีไปก่อน ผมจะใช้ไม้เคาะกระจกพวกนี้ออก”

ไม่นานเศษกระจกเหล่านั้นก็หลุดออกมาเป็นชิ้น ๆ ร่วงกราวบนท้องถนน ชายร่างหนาคนที่ช่วยเหลือเธอเอาไว้ตะโกนถามคนเจ็บอีกครั้ง

“คุณ...คุณได้รับบาดเจ็บตรงไหนอีกหรือเปล่า ถ้าผมดึงคุณออกมาคุณไหวไหม”

สิ้นสุดคำถามคนบาดเจ็บด้านในก็ตะโกนตอบชายหนุ่มร่างหนาผู้ใจดีนั้นทันที

“ผมเจ็บที่ขาอย่างเดียว...เหมือนขาจะหัก”

“ถ้าอย่างนั้นผมดึงคุณออกมานะ”

ผู้ใจดีเอื้อมมือไปดึงร่างสูงของผู้บาดเจ็บออกมาทันที กมิตตรายกมือขึ้นแตะปากตัวเองด้วยความตกใจเมื่อเห็นรอยเลือดไหลเป็นทางยาวเหนือคิ้วของคนเจ็บ หญิงสาวสูดลมหายใจเข้าปอดเรียกสติตัวเองให้กลับคืนมา เธอต้องมีสติ ถ้าเป็นอย่างนี้เธอไม่สามารถช่วยเหลือคนอื่นได้แน่ ร่างบางเดินไปรอบรถเพื่อมองผู้บาดเจ็บคนอื่นอีก แต่หญิงสาวก็ต้องเบิกตากว้างด้วยความตกใจเมื่อเห็นร่างสิ้นลมหายใจใต้พวงมาลัยรถ ร่างบางผงะออกเล็กน้อย แต่เสียงร้องขอความช่วยเหลือยังคงดังลอยตามลมมาเป็นระยะ กมิตตราเรียกสติตัวเองให้คืนมา หญิงสาวกวาดสายตามองไปทั่วบริเวณ ดวงตากลมโตของหญิงสาวต้องเบิกกว้างขึ้นอีกครั้งเมื่อเหลือบเห็นร่างหนาที่นอนจมกองเลือดไกลจากรถที่เกิดเหตุเพียงแค่สามเมตร ร่างบางถลาเข้าไปหาร่างของผู้บาดเจ็บคนนั้นทันที

อ่านต่อ

หนังสืออื่นๆ ของ พุดน้ำบุษย์

ข้อมูลเพิ่มเติม

หนังสือที่คุณอาจชอบ

ฉันไม่มีทางยอมแพ้

ฉันไม่มีทางยอมแพ้

Tann Aronson
5.0

เมื่อเธออายุยี่สิบ ชิงฉือได้รู้ว่าตนเองไม่ใช่ลูกโดยกำเนิดของตระกูลต้วน เธอถูกลูกสาวที่แท้จริงของตระกูลต้วนล้อมกรอบ จนถูกพ่อแม่บุญธรรมไล่ออกจากบ้านและกลายเป็นตัวตลกในเมือง เมื่อเธอกลับไปหาพ่อแม่ชาวนา จากนั้นก็พบว่าบิดาผู้ให้กำเนิดของเธอเป็นคนที่รวยที่สุดในเมืองเจียงเฉิงส่วนพี่ชายของตนเองเป็นอัจฉริยะในแวดวงต่างๆ ทุกคนมองดูเด็กสาวตัวเล็กคนนี้ด้วยความเห็นใจและถือว่าเธอเป็นสมบัติล้ำค่า แต่ค่อยๆ พบว่า... ที่แท้ว่าน้องสาวเป็นคนมากความสามารถ? อดีตแฟนหนุ่มผู้น่ารังเกียจหัวเราะเยาะ "อย่ามาตามเซ้าซี้ไม่เลิก ฉันมีแต่เมียนเมียนอยู่ในใจ!" คนใหญ่แห่งเมืองหลวงปรากฏตัว "เมียฉันจะเห็นหัวนายเหรอ?"

ห้ามหย่า

ห้ามหย่า

Bronson Heiss
5.0

ในวันแต่งงาน เสิ่นเยวียนถูกคู่หมั้นและน้องสาวของเธอทำร้าย และถูกจำคุกเป็นเวลาสามปีด้วยความทุกข์ทรมาน หลังจากได้รับการปล่อยตัวจากคุก น้องสาวผู้ชั่วร้ายได้คุกคามด้วยชีวิตแม่และพยายามให้เธอมอบตัวกับชายชรา อย่างไรก็ตาม เธอได้พบกับเซียวเป่ยหาน ซึ่งเป็นผู้ทรงอิธิพลที่หล่อเหลาและเย็นชาแห่งแห่งสังคมด้านมืด อย่างไม่คาดคิด และชะตากรรมของเธอก็เปลี่ยนไปตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา แม้ว่าเซียวเป่ยหานจะเย็นชา แต่เขากลับปฏิบัติต่อเสิ่นเยวียนดั่งเป็นสมบัติล้ำค่า นับแต่นั้นมา เธอจัดการคนเสแสร้ง เอาคืนแม่เลี้ยงและไม่ถูกกลั่นแกล้งอีกต่อไป

ข้าไม่ใช่คนดีท่านอย่าได้หวัง

ข้าไม่ใช่คนดีท่านอย่าได้หวัง

จิรัฐติกาล
3.5

จางลี่สตรีเกิดมาพร้อมกับความเกลียดชัง บิดามารดาไม่รัก พี่สาวรังเกียจ รอบด้านทำร้ายร่างกาย ชาติภพนี้นางถูกคนที่ได้ชื่อว่าเป็นสามีทำร้ายจนตาย เมื่อเกิดพบชาติใหม่อีกครั้ง นางก็ขอตอบแทบพวกเขาอย่างสาสม อย่าคิดว่าชาติภพนี้พวกเขาจะได้อยู่สุขสบาย นางในชาตินี้จะถนอมพวกเขาเป็นอย่างดี “ข้าไม่ใช่คนดี ท่านอย่าได้หวังว่าข้าจะดีเหมือนคนอื่น หากท่านปรารถนา พบสตรีที่ดีก็เชิญไปหาที่อื่น” บุรุษปริศนาที่ติดตามนางจะเลือกเส้นทางไหน แล้วนางจะตอบแทนพวกเขาเหล่านั้นเช่นไร รอพวกเขาหาคำตอบ แต่บอกได้เลยว่านางหาได้ใจดีเหมือนชาติที่แล้วไม่ “ข้าเตือนท่านแล้ว ว่าอย่าได้หวังว่าข้าจะเป็นคนดี”

ซีอีโอผู้อ่อนแอต้องง้อเธอทุกวัน

ซีอีโอผู้อ่อนแอต้องง้อเธอทุกวัน

Elsworth Underwood
5.0

เซิ่งหนานหยินเกิดใหม่แล้ว ชาติที่แล้ว เธอถูกชายชั่วหักหลัง ถูกชายเสแสร้งใส่ร้าย โดนครอบครัวสามีเล่นงาน จนทำให้เธอล้มละลายและเป็นบ้าไป ในท้ายที่สุด เธอเสียชีวิตอย่างน่าสลดใจด้วยอุบัติเหตุทางรถยนต์เมื่อเธอตั้งครรภ์ได้ 9 เดือน แต่คนร้ายกลับทำเงินได้มากมาย และใช้ชีวิตทั้งครอบครัวอย่างมีความสุข เกิดใหม่ครั้งนี้ เซิ่งหนานหยินคิดตกอล้ว อะไรที่ว่าพระคุณช่วยชีวิต คนรักในใจอะไรกัน ล้วนไม่ต้องไปสน เธอจะจัดการชายชั่วหญิงร้าย สร้างชื่อเสียงให้กับตระกูลเก่าของตนเองขึ้นมาใหม่อีกครั้งและนำตระกูลเซิ่งไปสู่จุดสูงสุดของชีวิต สิ่งที่แตกต่างออกไปก็คือ คนที่หยิ่งมาตลอดในชาติที่แล้ว กลับเป็นฝ่ายริเริ่มมาหาเธอ "เซิ่งหนานหยิน การแต่งงานครั้งแรกผมไม่ทัน การแต่งงานครั้งที่สองก็ต้องถึงคิวผมแล้วสินะ"

อย่าไปยุ่งกับทายาทสาวลึกลับ

อย่าไปยุ่งกับทายาทสาวลึกลับ

Tripp Zakarison
5.0

อวิ๋นเจินอาศัยอยู่ในตระกูลอวิ๋นมาเป็นเวลา 20 ปี กลับพบว่าเธอเป็นลูกสาวปลอม พ่อแม่บุญธรรมของเธอวางยาเธอเพื่ออยากจะได้เงินมาลงทุน หลังจากที่อวิ๋นเจินรู้เรื่องนี้ เธอก็ถูกไล่กลับไปที่ชนบท จากนั้นเธอก็ค้นพบว่าตัวเองคือลูกสาวแท้ๆ ของตระกูลเฉียวและมีชีวิตที่หรูหราสุด ๆ หลังจากกลับมา เธอได้รับความรักจากครอบครัวและมีชื่อเสียงโด่งดัง น้องสาวจอมปลอมใส่ร้ายอวิ๋นเจิน แต่เธอไม่คาดคิดว่าอวิ๋นเจินจะมีความสามารถต่างๆ เมื่อต้องเผชิญกับการยั่วยุ เธอได้แสดงความสามารถและทักษะต่างๆ มากมายเพื่อจัดการผู้รังแก มีข่าวลือกันว่าอวิ๋นเจินยังคงโสด และชายหนุ่มชื่อดังแห่งเมืองงก็ผลักเธอไปเข้ากำแพง "คุณนายกู้ ถึงตามราเปิดเผยตัวตนได้แล้วนะ"

บท
อ่านเลย
ดาวน์โหลดหนังสือ