หื่นจริงเพื่อนตัวดี

หื่นจริงเพื่อนตัวดี

Sozenro

5.0
ความคิดเห็น
545
ชม
15
บท

เพราะความเชื่อใจและไว้ใจเรื่องมันจึงเกิด หรือ เพราะความต้องการที่ทั้งสองมีตรงกันอันนี้ก็ไม่อาจรู้ได้

บทที่ 1 เพื่อนตัวดี

เสียงดนตรีดังกระหึ่ม ผู้คนภายในต่างโยกย้ายไปตามจังหวะและเสียงของดีเจซึ่งดังขึ้นเป็นช่วง ๆ หนุ่มสาวออกแรงเต้นชนิดที่ไม่สนใจสายตาของใครต่อใคร

“แกมาช้านะ นารา”

เสียงหนึ่งในเพื่อนสนิทที่โต๊ะดังขึ้น เมื่อนาราดาวเด่นประจำแก๊งมาถึงเพื่อนทุกคนต่างก็หันมามองเธอเป็นตาเดียว

“โทษที พวกแกมากันนานยัง?”

“ก็รอแกแค่คนเดียวนี่ละ ขนาดไอ้ธนาตัวสายประจำแก๊งยังมาก่อนแกเลย คิดเอาเองแล้วกัน”

ข้าวเจ้าพูดขึ้นทันที เมื่อนารานั่งลงตรงที่ยังว่าง ชาวีหันไปสั่งพนักงานให้เอาเครื่องดื่มมาเพิ่มแล้วบทสนทนาของแก๊งเพื่อนรักเพื่อนซี้ก็เริ่มขึ้นอีกครั้ง จะมีแต่ธนาซึ่งยังมองนาราไม่วางตา

“ช่วงนี้ชีวิตพวกแกเป็นไงบ้าง?”

นาราเปิดเรื่องให้เพื่อนแล้วยกเครื่องดื่มขึ้นมาจิบ เพราะนานที่จะรวมตัวกันได้ครบแก๊ง ส่วนมากจะเจอแค่หนึ่งหรือสองคนที่จะว่างตรงกัน

“ของฉันก็เหมือนเดิน ยังไม่มีใครเข้ามา”

คำตอบของข้าวเจ้า มันทำให้ทุกคนหันมองเธออย่างไม่เชื่อสายตา เป็นไปได้ไงที่ตัวแม่ของแก๊งยังไม่มีใคร ราวกับว่าต้องมีเรื่องผิดปกติเกิดขึ้นเป็นแน่

“พวกแกมองฉันอย่างนี้หมายความว่าไง”

“ไม่มีใครเข้ามา หรือว่า…แกไม่เอากันแน่” นาราพูดแซวเพื่อนเป็นนัยๆ

“ผิดคาดวะ ฉันคิดว่าแกต้องมีใครก่อนพวกฉันเสียอีก”

เสียงของยูมิตอบแทนเพื่อนทุกคนแล้วเทเครื่องดื่มให้กับชาวี ส่วนธนายังคงมองหน้าของนาราจนชาวีรู้สึกผิดสังเกต

“ไอ้ธนา มึงจะมองนาราอีกนานไหม?”

คำพูดของชาวีทำให้นารารู้ตัวว่าถูกมองอยู่จึงได้หันกลับไปสบตาธนาทันที สายตาที่มองมามันทำเธอรู้สึกว่ามีอะไรแปลกไปจากเพื่อนคนนี้

“มีอะไรติดหน้าฉันหรือ?”

“เปล่า แค่วันนี้เธอดูสวยกว่าทุกครั้งที่เจอ”

กลุ่มแก๊งต่างส่งเสียงโห่ร้องกับคำพูดของธนา ราวกับว่าคำพูดนี้เชื่อถือไม่ได้ นาราหัวเราะชอบใจ เธอเองก็รู้นิสัยของเพื่อนในแก๊งนี้ทุกคนเป็นอย่างดี เอาจริงเธอรู้จักพวกมันมาตั้งแต่ประถมแล้ว จึงไม่คิดจริงจังกับคำพูดนี้เท่าไร

“วันนี้วันดีที่พวกเรามารวมตัวกันครบ ไม่ขาดใครไป” ข้าวเจ้าพูดแล้วยกแก้วขึ้น

“เรามาดื่มกันให้เต็มที่ ไม่เมาไม่กลับ” ชาวีพูดเสริม

“ใช่”

ทุกคนในแก๊งต่างก็ยกแก้วขึ้นแล้วชนจากนั้นทุกคนก็ดื่มหมดแก้ว เว้นแค่ธนาที่ดื่มไปแค่ครึ่งเดียว เมื่อดื่มกันมาได้ระยะหนึ่งยูมิก็เปิดเรื่องขึ้นอีกครั้ง

“ฉัน…ยูมิทั้งสาวทั้งสวย มีดีทุกอย่าง ไม่เคยมีชายใดกล้าเมิน”

“อะไรของแก” ชาวีถามขึ้น

“ฉันถูกผู้ชายคนหนึ่งเมินนะสิ” ยูมิตอบแล้วยกแก้วขึ้นกระดก

“ใครกันกล้าเมินเพื่อนของเรา” นาราถามขึ้น

ทุกคนหันไปสนใจยูมิเป็นตาเดียวกันราวกับว่าในโลกนี้ยังมีผู้ชายที่ตาถั่วอยู่อีกหรือ ไม่ต้องรอให้ยูมิตอบอะไร ทุกคนหันมองตามสายตาที่ยูมิจ้องราวกับจะกินเลือดกินเนื้อเขาคนนั้นให้ได้

“ไอ้บาร์เทนเดอร์นั้นใช่ไหม?”

“ใช่!!! ฉันจะตามจีบนายนั้นให้ได้ คอยดู”

ยูมิชี้มือไปทางเขา โดยที่เพื่อนทุกคนก็รู้สึกคุ้นหน้าบาร์เทนเดอร์หนุ่มนั่นเป็นอย่างมากแต่ก็นึกไม่ออกว่าเคยเจอที่ไหน จึงไม่ได้อะไรมากในเมื่อเพื่อนประกาศออกมาอย่างนั้นจึงได้ปล่อยให้เพื่อนรักคนนี้ทำตามต้องการ

“ไอ้ธนา…แกเลิกกับยัยโนรุยังวะ” ข้าวเจ้าถามเข้าประเด็นทันทีเมื่อนึกออก

“ฉันบอกเลิกเธอไปแล้ว แต่เธอยังตามตื๊อไม่เลิก”

“อะไรวะ เรื่องแค่นี้เอง แกก็หาแฟนใหม่สิ” ชาวีเสนอทางออก

ทุกคนต่างก็พยักหน้าเห็นด้วยกับคำพูดของชาวี เพราะเพื่อนในแก๊งรักกันแบบพี่น้องคอยช่วยเหลือกันราวกับเป็นคนในครอบครัว และรู้ด้วยว่ายัยโนรุทำชั่วอะไรไว้กับธนาเพื่อนของตน แต่เมื่อธนาเลือกที่จะเดินถอยออกมาแล้วจบความสัมพันธ์ จึงไม่มีใครอยากจะยุ่งเกี่ยวกับยัยนั่นอีกจึงได้ปล่อยไป

แต่ถ้าโนรุยังคิดจะมายุ่งยากกับชีวิตของธนาไม่ยอมเลิกราเพื่อนทุกคนในกลุ่มก็พอที่จะจัดการกับยัยนั่นขั้นเด็ดขาด

เสียงดนตรีดังกระหึ่มทำให้คนเพื่อนในกลุ่มแก๊งต่างออกไปเต้น จนตอนนี้ทั้งโต๊ะเหลือแค่นารากับธนาอยู่กันแค่สองต่อสอง ทำให้ทั้งโต๊ะเกิดความเงียบโดยไม่มีใครพูดสิ่งใดออกมาเลยมันทำให้บรรยากาศในตอนนั้นดูอึดอัดจนนาราทนไม่ไหว

“แกจะเอาไงก็พูดมา มองแต่หน้าฉันอยู่ได้”

“ก็ไม่เอาไง”

คำตอบที่ได้ทำให้นาราไปต่อไม่ถูก แต่ธนากลับยิ้มออกมาราวกับว่าการได้แกล้งเธอนั้นเป็นเรื่องสนุกของเขาเสียจริง

“แกไม่ออกไปจีบสาวหรือไง? งานถนัดแกเลยไม่ใช่เหรอ?”

“ไม่อะ ตอนนี้ฉันยังไม่อยากมีใคร? แต่ถ้าเป็นเรื่องบนเตียงก็อีกเรื่องหนึ่ง”

นั่นไง! เสือไม่ทิ้งลายจริงๆ นาราได้แต่ถอนหายใจกับเพื่อนคนนี้เสียจริง เธอยกแก้วเครื่องดื่มขึ้นมากระดกหมดแก้ว เอาจริงๆช่วงนี้ชีวิตเธอก็มีแต่เรื่องเฮงซวยเข้ามาไม่หยุดหย่อน จะว่าไปชีวิตของใครต่างก็มีปัญหากันทั้งนั้นจะเป็นปัญหาเล็กหรือปัญหาใหญ่ก็อีกเรื่องหนึ่ง

“แล้วแกล่ะช่วงนี้เป็นไง?”

ธนามองลึกเข้าไปในดวงตาของหญิงสาวตรงหน้า เขารู้ดีว่าเธอมีเรื่องที่ไม่สบายใจถึงจะเป็นเพื่อนสนิทแต่นาราก็ไม่ยอมเล่าให้ใครฟัง

“แกอย่าทำมาเป็นรู้ดี เลยเอาตัวเองให้รอดก่อน ไอ้ธนา”

คำพูดนั้นเป็นสิ่งที่ยืนยันได้เป็นอย่างดีว่านารามีเรื่องไม่สบายใจจริงๆ เพราะทุกครั้งที่เธอมีเรื่องไม่สบายใจเธอมักจะเฉไฉไปเรื่องอื่นเสมอ

“ตามใจแกก็แล้วกันอยากเล่าก็เล่า ไม่อยากเล่าก็ไม่ต้องเล่า”

นารายกเครื่องดื่มเป็นแก้วที่เท่าไหร่ก็ไม่ทราบได้จนตอนนี้เธอเริ่มที่จะเมา พอดีกลับที่ข้าวเจ้ากลับมายังโต๊ะ

“แกปล่อยให้ยัยนาราเมาอย่างนี้ได้ยังไงวะ ไอ้ธนา”

ทันทีเมื่อข้าวเจ้าเดินมาถึงโต๊ะแล้วเห็นสภาพนาราซึ่งเมาไม่ได้สติเสียแล้ว จนข้าวเจ้าเหนื่อยใจกับเพื่อนแต่ละคนของเธอจริงๆ

“เดี๋ยวฉันพานารากลับไปเอง”

“ไอ้ธนา แกอย่าคิดทำเรื่องไม่ดีกลับเพื่อนนะเว้ย”

ธนาอุ้มร่างบางของนาราไปยังรถ ดีที่วันนี้เขาไม่ได้ดื่มเยอะ เอาจริงวันนี้เขาดื่มกับเพื่อนแค่แก้วเดียว ทั้งที่เขาเป็นนักดื่มตัวยงแท้ๆ แต่วันนี้กลับไม่รู้ทำไมเขาถึงไม่อยากจะดื่ม ราวกับว่าเรื่องไม่สบายใจของนารามันกวนใจเขาเป็นอย่างมาก

เมื่อถึงยังคอนโดของนาราเขาพาเธอขึ้นมาถึงหน้าห้อง พยายามถามหากุญแจห้องจากเจ้าตัวแต่กลับเมาไม่ได้สติ จึงทำให้ชายหนุ่มต้องรื้อกระเป๋าของเธอเพื่อหากุญแจ

“แกอยู่ดีๆสิวะ”

ระหว่างที่ชายหนุ่มกำลังหากุญแจอยู่นาราดึงเขาเกือบจะล้มลงไปตรงหน้าห้องแล้ว ถึงอย่างนั้นธนาก็ยังดึงร่างของเธอเอาไว้แล้วหากุญแจต่อไปจนเมื่อได้มันมาเปิดเข้าไปในห้อง ชายหนุ่มพาร่างบางไร้สติของเพื่อนรักตรงไปยังเตียงนอนทันที

“แกนี่ตัวหนักไม่ใช่เล่น” ธนาพึมพำกับตัวเองก่อนจะเดินไปยังห้องน้ำเพื่อล้างหน้าล้างตา

เมื่อออกมาเขาเห็นหญิงสาวพยายามจะถอดเสื้อชั้นในแต่ด้วยตอนนี้เอื้อมมือไปไม่ถึงจนเมื่อเธอเห็นธนา

“นายปลดตะขอให้หน่อย”

ชายหนุ่มทำตามที่เพื่อนขอร้อง แต่ยังไม่ทันไรนาราพลิกตัวกลับมา ริมฝีปากบางก็ประกบเข้ามาทันที เขาที่พยายามจะดันเธอให้ออกห่างแต่มือของเธอเกี่ยวเข้าไปที่ลำคอเขาดึงให้เขาล้มลงไปนอนบนเตียง

“แกจะทำอะไรวะ ยัยนารา”

ไร้การตอบรับจากร่างบาง แต่ตอนนี้เธอขึ้นคร่อมร่างของเขาเอาไว้ ทำให้ธนาเห็นเนินอกขาวผ่านคอเสื้อที่ห้อยลงมา ในตอนนี้เขาเองก็เกิดอารมณ์ขึ้นจนไม่อาจที่จะหยุดมันได้อีกต่อไป

อ่านต่อ

หนังสืออื่นๆ ของ Sozenro

ข้อมูลเพิ่มเติม

หนังสือที่คุณอาจชอบ

หลินซือเยว่ผู้นี้ มีสามชะตาในคราเดียว

หลินซือเยว่ผู้นี้ มีสามชะตาในคราเดียว

มาชาวีร์
5.0

หลังผ่าตัดนักพรตเฒ่าผู้หนึ่งนั้น นางวูบหมดสติและเสียชีวิตลงไป ลืมตาตื่นขึ้นมาอีกที ก็อยู่ในร่างของคุณหนูปัญญาอ่อนที่มีชื่อเดียวกันผู้นี้เสียแล้วทั้งยังจำอดีตชาติยามเป็นปรมาจารย์เต๋าได้อีกด้วย +++ 1 : ไล่ออกจากอารามไท่ผิงกวน แคว้นจิ้น ราชวงศ์เซวียน อารามไท่ผิงกวน “ไป ๆ อาจารย์ขับไล่พวกท่านออกจากอารามแล้ว อย่าได้มาเหยียบที่นี่อีก” “ศิษย์พี่รองรีบปิดประตูเร็วเข้า !” ตุบ ! ห่อผ้าสองห่อถูกโยนออกมาจากประตูอาราม ปัง ! ตามด้วยเสียงปิดประตูลงสลักอย่างหนาแน่น สตรีนางหนึ่งยืนตัวตรงเป็นสง่า เสื้อผ้ากับเส้นผมของนางปลิวไสวดั่งไผ่ลู่ลม หลินซือเยว่เงยหน้าขึ้นมองป้ายชื่ออารามไท่ผิงกวนด้วยสายตาเลื่อนลอย อาศัยอยู่ที่นี่มานานเท่าใดแล้วนะ บางครั้งนางเองก็ลืมเลือนวันเวลาไปเหมือนกัน “คุณหนูเจ้าคะ ศิษย์น้องทั้งสองของท่านทำเกินไปแล้วนะเจ้าคะ เหตุใดถึงไล่พวกเราสองคนออกจากอารามได้เล่า” เผิงฉือกระทืบเท้าเบา ๆ ตรงไปฉวยห่อผ้าทั้งสองบนพื้น ขึ้นมาคล้องแขนตัวเองไว้ “หากไม่ได้รับคำสั่งจากอาจารย์ ศิษย์น้องทั้งสองคงไม่กล้าขับไล่ข้าออกจากอารามหรอก” น้ำเสียงของนางสงบนิ่งฟังแล้วสบายหูยิ่งนัก หาได้มีความโกรธเกลียดแต่อย่างใด “นั่นรถม้า” นิ้วเรียวสวยชี้ไปยังรถม้าคันที่มีคนนั่งเฝ้าอยู่ “ป้าเผิงไปถามดูว่าใช่รถม้าของเราหรือไม่” เผิงฉือไม่รอช้ารีบตรงไปหาคนเฝ้ารถม้าที่อยู่ใต้ต้นไผ่ในทันที ไม่ช้านางก็กลับมาพร้อมกับรอยยิ้มนิด ๆ “เป็นรถม้าของเราจริง ๆ เจ้าคะคุณหนู คนขับบอกว่าเป็นคนของตระกูลหลินเจ้าค่ะ ได้รับคำสั่งจากท่านพ่อของคุณหนู ให้มารับคุณหนูกลับตระกูลหลินเพื่อไปแต่งงานเจ้าค่ะ” “กลับไปแต่งงานนี่เอง” นางเอ่ยเหมือนไม่ใช่เรื่องใหญ่ หันหลังกลับไปทางประตูอาราม ประสานมือค้อมตัวคำนับลาอาจารย์ เผิงฉือเห็นเช่นนั้นก็อดที่จะคำนับตามนางไม่ได้ ภายในอารามไท่ผิงกวน “อาจารย์เหตุใดถึงไม่บอกลากับศิษย์พี่ใหญ่ไปตรง ๆ ล่ะ ทำเช่นนี้นางไม่โกรธท่านไปจนวันตายเลยรึ” เหอกุ้ยแม้มีอายุยี่สิบแปดปีแล้ว ทว่าเขากราบเป็นศิษย์เจ้าอาวาสชุนหวังเหล่ยหลังสตรีผู้นั้น จึงได้เป็นเพียงแค่ศิษย์พี่รองเท่านั้น “นั่นสิอาจารย์ ศิษย์พี่ใหญ่นางไม่เคยออกจากอารามไปไหนไกล ท่านทำเช่นนี้ไม่ใช่ขับไล่นางไปสู่ความตายหรอกรึ” จางเจียเฟิ่งเห็นด้วยกับศิษย์พี่รองของเขา “ให้มันน้อย ๆ หน่อยเจ้าศิษย์โง่ทั้งสอง พวกเจ้าคิดว่าอารามไท่ผิงกวนแห่งนี้ สามารถอยู่รอดมาได้เพราะใครกัน หากไม่ใช่เพราะฝีมือของศิษย์พี่ใหญ่ของพวกเจ้า เห็นนางเงียบ ๆ แบบนั้น ความคิดนางกว้างไกลยิ่งนัก อาจารย์อย่างข้ายังเทียบนางไม่ติดด้วยซ้ำไป” เจ้าอาวาสชุนปีนี้อายุอานามปาเข้าไปหกสิบห้าปีแล้ว ทว่าร่างกายยังแข็งแรง อารามเต๋าแห่งนี้มีวิถีแบบไม่เคร่งครัด ใช้ชีวิตเยี่ยงฆราวาสผู้หนึ่ง สามารถแต่งงานมีครอบครัวได้ “อาจารย์นางอยู่ในอารามวาดยันต์กันภัยให้ชาวบ้านที่มากราบไหว้ ตั้งโต๊ะรักษาโรคภัยให้ผู้คนในตัวอำเภอฝู แต่หนนี้นางต้องกลับบ้านไปเพื่อแต่งงาน นางบริสุทธิ์ถึงเพียงนั้นมิถูกสามีจับกลืนกินจนไม่เหลือกระดูกหรอกรึ” เหอกุ้ยนึกภาพเทพเซียนผู้สูงส่งอย่างหลินซือเยว่ หากต้องร่วมเตียงกับบุรุษหยาบกระด้าง เพียงเท่านั้นเขาก็ทำใจไม่ได้จริง ๆ แทบอยากจะไปแย่งตัวศิษย์พี่ใหญ่ของตัวเองกลับคืนมา “เลิกคร่ำครวญได้แล้ว กลับไปกวาดลานอารามกับตรวจดูน้ำมันตะเกียงให้เรียบร้อย ศิษย์พี่ใหญ่ของพวกเจ้าไม่อยู่ เจ้าทั้งสองต้องรีบร่ำเรียนศึกษาหาความรู้ อารามไท่ผิงกวนจะได้เจริญรุ่งเรืองในภายภาคหน้าต่อไปได้” เจ้าอาวาสชุนทำเสียงดังใส่ลูกศิษย์ทั้งสอง “ไป ๆ ข้าจะสวดมนต์” โบกมือไล่ทั้งคู่ให้ออกจากห้องสวดมนต์ไป เจ้าอาวาสชุนรีบลุกไปปิดประตูลั่นกลอน ท่าทางลุกลี้ลุกลนจนผิดปกติ ย่องเบา ๆ ไปที่ใต้เตียงนอน ดึงหีบไม้เก่าเก็บออกมา ครั้นกดสลักเปิดออก ก็พบตั๋วเงินจำนวนสามพันตำลึงอยู่ในนั้น ตระกูลหลินที่ไม่ได้บริจาคน้ำมันตะเกียงมาหลายปี จู่ ๆ ก็ส่งตั๋วเงินมาให้ พร้อมกับขอรับคนกลับไปเพื่อแต่งงาน ช่วงนี้ชาวบ้านมาทำบุญที่อารามน้อยลง หลินซือเยว่ก็ไม่รู้ว่าเกิดอันใดขึ้นกับนาง ถึงไม่ยอมลงจากอารามไปรักษาผู้คน รายได้เลยหายหดแทบจ่ายอาหารการกิน(สุรานารี)ไม่พอ ตั๋วเงินสามพันตำลึงนี่มาได้ทันเวลาพอดี ! แครก ๆ ๆ ๆ เสียงกวาดลานหน้าอารามดังขึ้นพร้อมกับเสียงบ่นของเหอกุ้ย “ข้ารู้ว่านางเก่งเอาตัวรอดได้ ข้าเพียงไม่อยากให้นางไปก็เท่านั้น” “ศิษย์พี่รองท่านอย่าได้เสียใจไปเลย ไม่ใช่ว่ามีแต่นางที่ต้องแต่งงานมีครอบครัว ท่านเองก็เถอะที่บ้านส่งคนมารับทุกปีไม่ใช่รึ” จางเจียเฟิ่งรู้ดีว่าตนและเหอกุ้ย ถูกครอบครัวลงโทษด้วยการส่งมาอยู่ยังอารามแห่งนี้ ทว่าเพียงชั่วคราวเท่านั้น “ตัวข้านั้นไม่เป็นไรหรอก เจ้านั่นแหละศิษย์น้องสาม ข้าได้ยินว่าที่บ้านของเจ้า เพิ่งหาคู่หมั้นหมายคนใหม่ให้เจ้าอีกคนแล้วไม่ใช่รึ” สองศิษย์พี่น้องหยุดกวาดลานอาราม แล้วหันหน้าไปมองตากัน จากนั้นพวกเขาก็ถอนหายใจดัง ๆ พร้อมกัน ไม่มีศิษย์พี่ใหญ่อยู่ด้วย นับจากนี้ไปยามทำความผิดใครจะออกหน้าคอยช่วยเหลือ ยามเงินหมดใครจะให้หยิบยืม ยิ่งคิดพวกเขาก็ยิ่งไม่สบายใจเป็นอย่างมาก บนถนนมุ่งหน้าสู่เมืองหลวง รถม้าไม้ธรรมดาไม่เล็กไม่ใหญ่ ไร้ป้ายชื่อตระกูลบอกกล่าว คล้ายไม่อยากให้ผู้อื่นล่วงรู้ว่าคนที่นั่งอยู่ด้านในเป็นใคร เผิงฉือพยายามหลอกถามคนขับรถม้าอยู่หลายหน ถึงสถานการณ์ของตระกูลหลินในยามนี้ นางไม่เคยไปที่นั่นมาก่อนไม่รู้จักใครสักคน คนขับรถม้าตอบว่า เขามีหน้าที่มารับคุณหนูรองกลับบ้านเท่านั้น เรื่องอื่นนั้นเขาไม่รู้จริง ๆ “ได้ถามหรือไม่ ใช้เวลากี่วันในการเดินทาง” หลินซือเยว่เอ่ยเสียงเนิบ ๆ “ถามแล้วเจ้าค่ะ เขาบอกว่าราว ๆ สิบวันก็ถึงเมืองหลวงแล้ว” “สิบวันเชียวรึ” หลินซือเยว่มองห่อผ้าที่วางอยู่ด้านข้าง มีเพียงของใช้จำเป็นของนางไม่กี่ชิ้น พร้อมกับก้อนเงินจำนวนห้าสิบตำลึง “คงต้องแวะซื้อของในอำเภอฝูเสียก่อน” เผิงฉือรีบเปิดม่านบอกกับคนขับรถม้า แต่เขากลับทำเสียงฮึดฮัดคล้ายไม่พอใจ “เสียเวลาเดินทางเปล่า ๆ” น้ำเสียงเขากระด้างกระเดื่อง

ข้าคือดาวมงคลน้อยหลินลู่ฉี

ข้าคือดาวมงคลน้อยหลินลู่ฉี

มาชาวีร์
4.4

เมื่อยมทูตหน้าใหม่ดึงวิญญาณมาผิดดวง เพื่อรักษาไว้ซึ่งสมดุลของโลกวิญญาณ หลินลู่ฉีผู้มีปราณมงคลในยุคปัจจุบัน จึงถูกส่งไปยังต่างโลก สวมร่างเด็กน้อยวัยสามขวบ ที่เพิ่งถูกงูกัดตายด้านหลังอารามเต๋า เจ้าอาวาสไม่อาจยอมรับวิญญาณสวมร่างได้ แต่เมื่อขับไล่วิญญาณร้ายออกจากร่างกายไม่ได้ จึงจำเป็นต้องขับไล่คน ออกจากอารามแทน ++++ "อนิจจาวาสนาเด็กน้อยได้ดับสิ้นลงแล้ว จี้คงเตรียมพิธีสวดส่งวิญญาณให้นางเถอะ" นักพรตเฒ่าสั่งการลูกศิษย์ตัวน้อย หันหลังหมายจะเดินกลับไปยังที่พักของตน "ขอรับท่านอาจารย์" จี้คงขานรับคำสั่ง หันไปเตรียมสิ่งของสำหรับทำพิธีสวดส่งวิญญาณผู้ตาย ทว่าผ่านไปเพียงอึดใจเดียว "อ๊ากกก ! มีผี !" เสียงกรีดร้องดังลั่น ร่างเล็ก ๆ ของเขาวิ่งไปหลบอยู่ด้านหลังผู้เป็นอาจารย์ "จี้คงมีอะไร" "นะนางลืมตาขอรับท่านอาจารย์" เด็กน้อยชี้นิ้วสั่น ๆ ไปที่ศพบนพื้น "ว่าอย่างไรนะ" นักพรตเฒ่ารีบตรงไปคุกเข่าอยู่ด้านข้างศพ เห็นเปลือกตาของนางขยับไปมา ก่อนจะปรือลืมขึ้นอย่างลำบากยากเย็น "นี่มัน...เป็นไปไม่ได้" รีบคว้าข้อมือของเด็กน้อยมาจับชีพจรดู ดวงตาของนักพรตเฒ่ามืดมนลงในทันที แตะนิ้วทำนายชะตา นี่มันคือการสลับร่างเปลี่ยนวิญญาณ ดึงตัวลูกศิษย์ถอยหลังไปสามก้าว "ผีร้ายตนไหนกล้ามาสวมร่างคนตาย จงออกไปเสีย !" ผีร้ายที่ว่ากำลังมึนงงกับเหตุการณ์ตรงหน้า จำได้ว่าเธอกำลังขับรถกลับบ้าน ใช่แล้ว เกิดอุบัติเหตุขึ้น มีรถบรรทุกเสียหลัก พุ่งมาชนรถของเธอ จากนั้นทุกอย่างก็ดับวูบไป ท่าทางเหม่อลอยไร้สติของนางทำนักพรตเฒ่าหวาดระแวงในทันที เตรียมหยิบยันต์ป้องกันภูตผีออกมา ขณะที่เด็กน้อยยกฝ่ามือของตัวเองขึ้นเพ่งมองอย่างประหลาดใจ ดวงตาคู่กลมน้อยกลอกกลิ้งไปมาอย่างสับสน นิ้วมือสั้น ๆ นี่มันอะไร ขยับปลายเท้าเข้าหากัน ขาก็สั้น พลิกฝ่ามือตัวเองไปมา สีหน้าคล้ายคนอยากร้องไห้ นี่มันโลกถล่มใส่หัวของเธอหรืออย่างไรกัน เปรี๊ยะ ! ยันต์ขับไล่ภูตผีถูกปาใส่นางสุดแรง ก่อนที่มันจะปลิวร่อนลงไปกองอยู่บนพื้น ยันต์ไม่เกิดการเผาไหม้ ผีร้ายยังคงอยู่ในร่างกายของเด็กน้อย "เจ้า ๆ ๆ ออกไปจากร่างของนางเดี๋ยวนี้ !" นักพรตเฒ่าชี้นิ้วพร้อมดึงยันต์สายฟ้าฟาดออกมาอีกแผ่น นี่นับเป็นยันต์ที่ทรงพลังที่สุดของเขาแล้ว รีบปาใส่เด็กน้อยสุดแรง เปรี๊ยะ ! ทว่าไร้ผลอยู่ดี... ตาเฒ่านี่เล่นตลกอะไรกัน... [นิยาย3เล่มจบ 252ตอน]

อย่าไปยุ่งกับทายาทสาวลึกลับ

อย่าไปยุ่งกับทายาทสาวลึกลับ

Tripp Zakarison
5.0

อวิ๋นเจินอาศัยอยู่ในตระกูลอวิ๋นมาเป็นเวลา 20 ปี กลับพบว่าเธอเป็นลูกสาวปลอม พ่อแม่บุญธรรมของเธอวางยาเธอเพื่ออยากจะได้เงินมาลงทุน หลังจากที่อวิ๋นเจินรู้เรื่องนี้ เธอก็ถูกไล่กลับไปที่ชนบท จากนั้นเธอก็ค้นพบว่าตัวเองคือลูกสาวแท้ๆ ของตระกูลเฉียวและมีชีวิตที่หรูหราสุด ๆ หลังจากกลับมา เธอได้รับความรักจากครอบครัวและมีชื่อเสียงโด่งดัง น้องสาวจอมปลอมใส่ร้ายอวิ๋นเจิน แต่เธอไม่คาดคิดว่าอวิ๋นเจินจะมีความสามารถต่างๆ เมื่อต้องเผชิญกับการยั่วยุ เธอได้แสดงความสามารถและทักษะต่างๆ มากมายเพื่อจัดการผู้รังแก มีข่าวลือกันว่าอวิ๋นเจินยังคงโสด และชายหนุ่มชื่อดังแห่งเมืองงก็ผลักเธอไปเข้ากำแพง "คุณนายกู้ ถึงตามราเปิดเผยตัวตนได้แล้วนะ"

สวยเก่งอย่างฉันไม่ง้อคุณหรอก

สวยเก่งอย่างฉันไม่ง้อคุณหรอก

Amye Hochschild
5.0

ตลอดระยะเวลาสามปีที่หยุยเอินแต่งงานกับฝู้ถิงหย่วน เธอพยายามทำหน้าที่ภรรยาให้ดีที่สุด เธอคิดว่าความอ่อนโยนของตนจะสามารถละลายใจที่เย็นชาของฝู้ถิงหย่วนได้ แต่ต่อมาเธอก็รู้ตัวว่าไม่ว่าเธอจะพยายามแค่ไหน ผู้ชายคนนี้ก็ไม่มีวันจะตกหลุมรักเธอได้ ด้วยความสิ้นหวังของเธอ สุดท้ายเธอตัดสินใจที่จะยุติการแต่งงานครั้งนี้ ในสายตาของฝู้ถิงหย่วน หยุยเอิน ภรรยาของเขาเป็นผู้หญิงที่โง่ ไม่มีอะไรดีเลยสักอย่าง แต่เขาก็คิดไม่ถึงว่าภรรยาของเขาจะกล้าโยนใบหย่าใส่เขาต่อหน้าคนมากมายในงานเลี้ยงวันครบรอบฝู้ซื่อ กรุ๊ป หลังจากหย่าร้าง ทุกคนต่างคิดว่าพวกเขาจะไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันอีกต่อไป แต่เรื่องราวระหว่างทั้งสองคงไม่ได้จบลงอย่างง่าย ๆ แบบนี้ หยุยเอินได้รับรางวัลบทภาพยนตร์ยอดเยี่ยม และคนที่เป็นผู้มอบถ้วยรางวัลให้กับเธอก็คือฝู้ถิงหย่วน หยุยเอินคิดไม่ถึงว่าผู้ชายที่สูงส่งและแสนเย็นชาคนนี้จะลดตัวลงอ้อนวอนเธอต่อหน้าผู้ชมทั้งหมด"หยุยเอิน ก่อนหน้านี้คือผมผิดเอง ขอโอกาสให้ผมอีกครั้งได้ไหม"หยุยเอินยิ้มด้วยความมั่นใจ"ขอโทษนะคุณฝู้ ตอนนี้ฉันสนใจแต่เรื่องงาน"ชายหนุ่มคว้ามือเธอไว้ ดวยตานั้นเต็มไปด้วยความผิดหวัง หยุยเอินสบัดมือเขาและเดินจากไปโดยปราศจากความลังเลใด ๆ

หยางจื้อซี เกิดใหม่ในหมู่บ้านป่าหมอก

หยางจื้อซี เกิดใหม่ในหมู่บ้านป่าหมอก

จิ้งจอกสะท้านหม้อไฟ
5.0

หยางจื้อซี เด็กกำพร้าจากศตวรรษที่21 ถูกองค์กรมืดเลี้ยงดูจนเติบโตและทำให้เธอกลายเป็นมนุษย์กลายพันธ์ ในระหว่างที่ถูกส่งตัวไปทำภารกิจลับ เธอกลับถูกคนในองค์กรมืดหักหลังและถูกฆ่าโดยเพื่อนสนิทที่เธอไว้ใจมากที่สุด ก่อนสิ้นใจเธอถามเพื่อนสนิทว่าทำไม แต่ไม่ได้รับคำตอบจากปากของอีกฝ่าย สิ่งที่เธอได้รับคือรอยยิ้มที่ดูถูกเหยียดหยามและ คำว่า “โง่” จากปากของอีกฝ่ายเท่านั้น หลังจากที่ตายไปแล้วสิ่งที่เธอคิดไว้ คงจะเป็นนรกหรือที่ไหนสักแห่งที่เป็นโลกหลังความตาย แต่ทว่ามันกลับไม่เป็นเช่นนัน เธอตื่นขึ้นมาในร่างของ หยางจื้อซี เด็กหญิงอายุ เพียง 13 ขวบปีในหมู่บ้านป่าหมอก ในดินแดนโบราณล้าหลังที่ไม่มีในประวัติศาสตร์ คล้ายกับว่าเป็นโลกคู่ขนานที่อยู่อีกมิติหนึ่ง เธอตื่นขึ้นมาในบ้านที่ผุพัง ครอบครัวยากจน มีแม่ที่อ่อนแอและเจ็บป่วย มีพี่น้องที่อายุน้อย มีปู่ย่าตายายที่เห็นแก่ตัวและใจร้าย มีลุงที่เห็นแก่ได้ป้าสะใภ้ที่เต็มไปด้วยความละโมบโมบโลภมาก หยางจื้อซี คิดว่านับจากนี้ไปชีวิตจะต้องอยู่ได้ด้วยตัวเอง หากใครมารังแกก็แค่ทุบตี เธอไม่เชื่อว่าด้วยพลังที่ติดตัวเธอมาจากชาติที่แล้วจะไม่สามารถอยู่รอดได้ในโลกล้าหลังแห่งนี้

บท
อ่านเลย
ดาวน์โหลดหนังสือ