ลิขิตรักใต้ผืนทราย

ลิขิตรักใต้ผืนทราย

ผลิกา(เลอบัว)

4.7
ความคิดเห็น
84.1K
ชม
126
บท

ความวุ่นวายบังเกิดเมื่อเธอดันมีตาวิเศษ และเขาก็ดันมีหูทิพย์ คนนึงมองผ่านทะลุเสื้อผ้าไปเจอซิกแพ็ก ส่วนอีกคนก็ดันได้ยินความคิดหื่นๆ ชีคอัฟฟาน อับดุล ฮาหมัด คาริฟา เจ้าชายมาดนิ่ง นิ่งซะจนไม่มีใครกล้ายุ่งด้วย ยกเว้นเธอ ไม่ยุ่งก็บ้าแล้ว ก็แหมทั้งหล่อล่ำกล้ามแน่นขนาดนั้น ใครจะไปอดใจไหว ถึงจะเป็นของหวงห้าม แต่ถ้าลวนลามทางความคิดก็คงไม่มีใครว่า พรสวรรค์ สาวแว่นสุดเนิร์ดที่เกิดมาพร้อมพรสวรรค์ จริงๆ ก็ไม่ได้เนิร์ดหรอก แว่นที่ใส่ก็ใส่ไว้แค่พรางตาเฉยๆ ขืนไม่ใส่คงได้เป็นตากุ้งยิงทั้งปีทั้งชาติแน่ ไม่รู้ว่านี่เรียกว่าพรสวรรค์หรือฟ้ากลั่นแกล้งกันแน่ที่ประทานดวงตาที่สามารถมองผ่านทะลุเสื้อผ้าได้ นี่ถ้าไม่มีแว่นหนาๆ มาพลางไว้ล่ะก็ทั้งเมาคลีทั้งชีเปลือยนี่เดินกันให้ว่อน เห็นของผู้หญิงก็ดีหน่อย แต่เห็นของผู้ชายก็ดีกว่า เอ้อ! ไม่ใช่ๆ อืม! ใช่ก็ได้ เฮ้อ! ทีนี้ก็รู้แล้วใช่ไหมว่าเธอเนิร์ดหรือไม่เนิร์ด “นี่ก็เหมือนจริง” ไม่พูดเปล่า แต่แม่คุณยังพิสูจน์ด้วยการจับหมับลงไป ยังผลให้เจ้าของกล้ามสะดุ้ง ก่อนจะต้องกัดกรามกรอด เมื่อมือนั้นเริ่มขยับลูบไล้ไปมา “นี่ก็เหมือนจริง” เสียงเธอสูงขึ้นด้วยความตื่นเต้น ในขณะที่มือเรียวกลับเลื่อนต่ำลงเรื่อยๆ ก่อนจะมาหยุดอยู่ที่กล้ามหน้าท้องที่เป็นลอนสวยงามตามอย่างบุรุษเพศผู้ดูแลตัวเอง ก่อนจะบีบขยำมันด้วยความกระหายใคร่รู้ ในตอนนั้นเองที่ทำให้เธอเหมือนจะมีสติรู้ตัวขึ้นมา “บ้าบอ! เธอเป็นผู้หญิงนะพรสวรรค์ ไปลวนลามบีบขยำร่างกายผู้ชายเหมือนผู้หญิงหิวโซแบบนั้นได้ยังไง มันไม่งาม” คนที่เพิ่งรู้ตัวรีบชักมือกลับราวกับต้องของร้อน “หืม! แต่นี่มันในความฝัน ฝันของฉัน...ฉันจะทำอะไรยังไงก็ได้ จะจับจะลูบยังไงก็ได้ จะขยำขยี้ยังไงก็ย่อมได้” หมับ! อีกครั้งที่กล้ามเนื้อหน้าอกและหน้าท้องของเขาถูกคุกคามด้วยมือของผู้หญิงหิวโซ เฮ้อ! กุลสตรีสามสิบวิจริงๆ ‘ให้ตายเถอะ! ยัยหื่นนี่ หื่นกว่าที่คิดซะอีก’ เขาคิดพลางครางฮือ เมื่อมือนั้นสร้างความปั่นป่วนให้เขามากขึ้นทุกที มากจนต้องสูดปากบรรเทาความเสียดเสียวที่กำลังหมุนเกลียวในช่องท้อง และบางครั้งก็ต้องกัดฟันสะกดกลั้นความหื่นกระหายภายในที่ใกล้จะปะทุออกมาเต็มที “หึๆ ก็แค่ความฝัน ไม่ใช่ตัวตนจริงๆ ของเราสักหน่อย เพราะฉะนั้นเราจะย่ำยีผู้ชายคนนี้ยังไงก็ได้ ความฝันของเรา เราจะหื่นยังไงก็ได้” เธอย้ำอีกครั้ง พลางกดมือลงไปที่ขอบกางเกงของอีกฝ่ายอย่างย่ามใจ ครั้นพอจะเคลื่อนต่ำลงไปกว่านั้น ก็มีมือหนึ่งตะปบลงมาซะก่อน ยังผลให้คนทั้งคู่หันมาสบตากัน และดูเหมือนว่าคนที่ตกใจมากกว่าคือเธอ พรสวรรค์ทำหน้าเหลอหลาระคนตกใจ ทันใดนั้นเองเธอก็อุทานขึ้นมา

บทที่ 1 01

ห้องสวีท ณ โรงแรมสุดหรูใจกลางกรุงเทพมหานคร

“ชะตาของท่านกำลังจะเปลี่ยนไป ท่านจะพบกับความยุ่งยากที่กำลังจะมาถึง มันเป็นชะตา แต่ท่านไม่ต้องเป็นกังวลไป เมื่อใดที่ท่านได้พบกับหญิงผู้มีดวงตาแห่งสวรรค์ เมื่อนั้นท่านจะพ้นจากเคราะห์ทั้งปวง นางจะเป็นตัวนำโชคให้ท่าน จงหานางให้เจอ หาไม่แล้วชีวิตของท่านจะพบกับความวิบัติฉิบหายไปตลอดกาล ครอบครัวของท่านจะต้องจมอยู่ภายใต้คำสาปอาถรรพ์ตลอดไป” นั่นคือคำพูดของแม่เฒ่าคนหนึ่งที่ยังดังก้องอยู่ในหัวของชีคอัฟฟาน อับดุล ฮาหมัด คาริฟา เจ้าชายลำดับที่สามแห่งประเทศดามัส ผู้คุมอำนาจทางทหารไว้ในมือกว่าครึ่ง

“ยังทรงคิดมากเรื่องคำพูดของแม่เฒ่าคนนั้นอีกหรือพ่ะย่ะค่ะ” ฮารีฟหนึ่งในองครักษ์คนสนิทถามขึ้น เมื่อเห็นสีหน้าเคร่งเครียดของชีคหนุ่ม แต่ยังไม่ทันที่ท่านชีคจะได้ตอบกลับไป ก็มีเสียงหนึ่งแทรกขึ้นมาซะก่อน

“อย่าทรงเอาเอาเรื่องพรรค์นั้นมาใส่พระทัยเลยพ่ะย่ะค่ะ ก็แค่คำพูดของหญิงแก่คนหนึ่ง ยังไงซะกระหม่อมก็ยังเชื่อว่าหมอดูย่อมคู่กับหมอเดา ทรงลืมๆ มันไปซะเถอะพ่ะย่ะค่ะ” ฮาซานซึ่งเป็นพี่ชายของฮารีฟ และเป็นหนึ่งในองครักษ์ส่วนพระองค์ที่ท่านชีคทรงไว้ใจแย้งขึ้น

“แต่เรื่องแบบนี้ ฟังเอาไว้ก็ไม่เสียหาย ถ้าเกิดที่แม่เฒ่าคนนั้นพูดมาเป็นเรื่องจริง ท่านชีคของเราไม่วิบัติฉิบหายไปเลยรึไง” องครักษ์คนน้องหันมาแย้งพี่ชาย

"งมงาย แกอยากเชื่อก็เชื่อไปคนเดียวสิ ทำไมต้องมาพูดกรอกหูให้ท่านชีคทรงเชื่อด้วย ที่สำคัญกล้าดียังถึงมาแช่งให้ท่านชีควิบัติฉิบหายวะ แกนี่มันปากเสียชะมัด " ฮาซานขึ้นเสียงใส่น้องชายอย่างหัวเสีย

"ไม่ได้แช่งโว้ย แล้วแกก็พูดเองว่าไม่เชื่อเรื่องงมงาย ถ้าไม่เชื่อแล้วจะกลัวว่าท่านชีคจะวิบัติฉิบหายทำไม หรือว่าจริงๆ แล้วแกก็เชื่อ" องครักษ์คนน้องตอกกลับอย่างไม่ยอมแพ้

"ไม่ได้เชื่อ ก็แค่...ไม่ชอบที่แกพูดว่าท่านชีคจะวิบัติฉิบหาย"

“ฉันไม่...” ยังไม่ทันที่คนน้องจะได้ตอบโต้ เสียงหนึ่งก็ดังขึ้นซะก่อน

"หยุดทั้งคู่นั่นแหละ ไม่อย่างนั้นคนที่จะต้องวิบัติฉิบหายจะกลายเป็นพวกแกทั้งสองคน บ้าฉิบ! คำก็วิบัติ สองคำก็ฉิบหาย ใจคอแกสองคนจะให้ฉันวิบัติฉิบหายจริงๆ เลยรึไงถึงจะพอใจ ไม่มีใครตอบได้หรอกว่าคำพูดของแม่เฒ่าคนนั้นเชื่อได้มากน้อยแค่ไหน สิ่งที่เราทำได้ในตอนนี้คือรอ รอให้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์ ถึงตอนนั้นเราคงได้รู้กันว่าอะไรจริงอะไรไม่จริง” เหตุผลของชีคหนุ่มพาให้บรรยากาศกลับมาเครียดอีกครั้ง

“ในเมื่อมันยังพิสูจน์ไม่ได้ว่าเรื่องที่แม่เฒ่าคนนั้นพูดมาเป็นเรื่องจริง แล้วเราจะเครียดไปก่อนล่วงหน้าทำไม จริงไหม” เฟาซีอีกหนึ่งองครักษ์คนสนิทพูดขึ้นบ้าง หลังจากที่นั่งฟังเงียบๆ อยู่นาน

“ก็ฉันไม่อยากรอ จะให้รอไปถึงเมื่อไหร่ หรือต้องรอให้ท่านชีคฉิบหายก่อน” ฮารีฟพูดขึ้นอย่างร้อนใจ แต่ความร้อนใจของเขาก็ทำเอาทุกคนต้องหันขวับมามองแทบจะทันที โดยเฉพาะผู้มีส่วนได้ส่วนเสียกับเรื่องนี้มากที่สุด

“ดูเหมือนแกจะอยากให้ฉันฉิบหายมากเลยสินะฮารีฟ” น้ำเสียงเย็นเยียบของนายเหนือหัว ทำเอาคนฟังถึงกับขนลุกวาบ อารมณ์ร้อนก่อนหน้ากลายเป็นน้ำแข็งไปทันที

“ปะเปล่าพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมแค่ไม่อยากให้พระองค์ประมาท อะไรที่ป้องกันได้ เราก็ควรป้องกันไว้ก่อน กันไว้ดีกว่าแก้นะพ่ะย่ะค่ะ จะได้ไม่ต้องมานั่งเสียใจภายหลัง กระหม่อมคิดว่าเราควรช่วยกันตามหาตัวนำโชคที่จะมาช่วยแก้คำสาปให้พระองค์ตั้งแต่เนิ่นๆ นะพ่ะย่ะค่ะ” ฮารีฟทำสีหน้าจริงจัง แต่ก็ถูกพี่ชายแทรกขึ้นอีก

“แล้วแกรู้เหรอว่าตัวนำโชคที่ว่านั่นเป็นใคร อยู่ที่ไหน เฮอะ! ฉันว่าแทนที่แกจะเอาเวลามาเชื่อเรื่องงมงายพวกนี้ สู้เอาเวลามาช่วยกันวางแผนจับไอ้ฟาฮัสให้ได้ก่อนไม่ดีกว่าเหรอ อย่าลืมสิว่าที่เราอุตส่าห์ถ่อมาถึงเมืองไทยเนี่ย เพราะต้องการตัวไอ้สวะนั่น ไม่ได้มาหาตัวนำโชคที่ไม่รู้ว่ามีตัวตนอยู่จริงรึเปล่า”

“ไม่ได้ลืมโว้ย เรื่องไอ้ฟาฮัสไม่ต้องห่วง ฉันคิดแผนไว้แล้วว่าจะจัดการกับมันยังไง แล้วก็เผอิญว่า...ฉันเป็นคนฉลาด ฉลาดมากพอที่จะจัดการทั้งสองเรื่องไปพร้อมกันได้ ทั้งเรื่องไอ้ฟาฮัส หรือแม้กระทั่งเรื่องตัวนำโชคนั่น” ฮารีฟทำท่ากระหยิ่มยิ้มย่อง จนเฟาซีต้องถาม

“ยังไง”

ฮารีฟอธิบายแผนการด้วยการหันไปรายงานกับชีคอัฟฟานโดยตรง

“สายของกระหม่อมรายงานมาว่าไอ้ฟาฮัสมันกบดานอยู่ที่นี่ไม่ผิดแน่ แต่ครั้งนี้เราจะไม่บุกไปจัดการมันเหมือนทุกครั้งอีก เราจะเปลี่ยนกลยุทธใหม่ เปลี่ยนจากรุกมาเป็นรับ แล้วก็ล่อมันออกมา”

“รุก รับ ล่อ ฟังแล้วทำไมมันเสียวๆ วะ หรือเราจะคิดมากไป แต่มันอดคิดไม่ได้เลยนี่หว่า” ฮาซานบ่นพึมพำกับแผนของน้องชายที่ทำให้ตนต้องคิดสองแง่สองง่าม แต่เจ้าของแผนการดันได้ยินเข้า

“คิดอกุศล ทำไมเป็นคนแบบนี้วะ” ฮารีฟมองหน้าพี่ชายอย่างกล่าวหาราวกับอีกฝ่ายทำผิดร้ายแรงมา

“หรือแกไม่คิด”

“ก็คิด เฮ้ย! หมายถึงคิดเรื่องแผนโว้ย เอ่อ...เรามาว่าเรื่องแผนกันต่อดีกว่ากระหม่อม กระหม่อมคิดว่าเราควรเปลี่ยนแผน แทนที่เราจะเป็นฝ่ายบุกไปหามัน เราก็แค่ล่อให้มันเป็นฝ่ายออกมาแล้วก็ตลบหลังจัดการกับมันพ่ะย่ะค่ะ” สองหนุ่มถุ้มเถียงกันไปมา แต่พอเหลือบไปเห็นสายตาของชีคหนุ่ม ฮารีฟจึงรีบกลับเข้าเรื่องดังเดิม

“แล้วจะล่อมันยังไง” เฟาซีถามเป็นการเป็นงาน ด้วยกลัวอีกฝ่ายจะพากันออกนอกเรื่องอีก

“จะไปยากอะไร ในเมื่อเรามีตัวล่อชั้นดีอยู่กับตัว” ฮารีฟพูดพลางปรายตาไปมองที่ชีคหนุ่มแทนคำตอบ

“ไม่ได้” สองหนุ่มที่เหลือแทบจะโพล่งออกมาพร้อมกัน

“แต่มันเป็นวิธีเดียวที่จะล่อให้มันออกมา ไม่รู้รึไงว่าสิ่งที่มันอยากได้มากที่สุดคืออะไร” แน่นอนว่าคำตอบก็คือชีวิตของท่านชีคของพวกเขานั่นเอง

“ก็เพราะรู้ไง พวกฉันถึงได้ไม่อยากเสี่ยง แกเองก็เหมือนกัน วิธีอื่นมีเป็นร้อยเป็นพัน ทำไมถึงต้องเอาชีวิตท่านชีคไปเสี่ยงด้วย เลิกคิดไปได้เลย ไม่มีใครเห็นด้วยกับแกแน่” ฮาซานต่อว่าน้องชาย

“แต่ฉันเห็นด้วย” เสียงของชีคหนุ่มดังทะลุกลางปล้องท่ามกลางสายตาตกตะลึงของทุนคน

“ท่านชีค!”

“ฉันเห็นด้วยกับแผนของฮารีฟ ฉันไม่อยากเสียเวลาอีก ไอ้ฟาฮัสมันสร้างความเดือดร้อนให้กับบ้านเมืองเรามามากพอแล้ว ฉันปล่อยมันไว้อีกไม่ได้อยากจะจัดการมันเดี๋ยวนี้เลยด้วยซ้ำ” สายตาที่เต็มไปด้วยความเคียดแค้นชิงชังของชีคหนุ่ม ทำเอาเหล่าองครักษ์ถึงกับหน้าเครียด ด้วยรู้ดีว่าถ้าเป็นเช่นนี้คงยากที่จะทัดทานได้

อ่านต่อ

หนังสืออื่นๆ ของ ผลิกา(เลอบัว)

ข้อมูลเพิ่มเติม
I'm yours ยกหัวใจให้คลั่งรักยัยเลขา

I'm yours ยกหัวใจให้คลั่งรักยัยเลขา

มหาเศรษฐี

5.0

เพราะอดีตทำให้ผูกพัน แต่ปัจจุบันทำให้รักหมดใจ พริบพราวพนักงานบัญชีตัวเล็กๆ ที่แทบไม่มีใครรู้จัก ต้องจับพลัดจับผลูกลายมาเลขาท่านประธานคนใหม่ ก็ไม่รู้ว่ามันเป็นเพราะโชคชะตา หรือเพราะเขาเป็นคนกำหนดมาตั้งแต่แรกกันแน่ “ทำไมคุณถึงอยากให้ฉันมาอยู่ที่นี่คะ” “มันคงถึงเวลาแล้วมั้ง เวลาที่เธอควรกลับมาที่ที่เธอควรอยู่ เวลาที่ฉันจะทวงทุกอย่างของฉันคืน” เขาว่าพลางจับไหล่ทั้งสองข้างของเธอให้หันมาประจันหน้ากัน “ฉันก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดี หลายครั้งที่คุณไม่ยอมตอบคำถามฉัน หลายครั้งที่คุณเอาแต่พูดจากำกวม แล้วทุกครั้งคุณก็ทำให้ฉันสงสัย สุดท้ายฉันก็ยังไม่ได้คำตอบจากคุณ เฮ้อ! ใจคอคุณจะไม่ตอบอะไรฉันเลยใช่ไหมคะ” “ตอบสิ ฉันจะตอบทุกอย่างที่เธอสงสัยและอยากรู้ แต่…หลังจากที่เธอให้ในสิ่งที่ฉันต้องการแล้วเท่านั้น” เขาบอกพลางหยักยิ้มมุมปาก “แล้วคุณต้องการอะไร” “เธอไง” เขาโน้มลงมาบอกเสียงกระเส่า ทำเอาเธอถึงกับประหม่าจนต้องกัดเม้มริมฝีปากอย่างไม่รู้จะจัดการกับสถานการณ์ตอนนี้ยังไงดี โดยไม่รู้เลยว่าท่าทางของตัวเองกำลังปลุกเร้าบางอย่างในตัวเขาให้กระเจิดกระเจิง “ฉันชักอยากตอบเธอตอนนี้แล้วสิ เธออยากรู้อะไรพริบพราว” ใบหน้าเขาแดงก่ำ อีกทั้งเสียงทุ้มๆ ก็ยังแหบพร่า อา…! ดูเหมือนนี่จะเป็นสัญญาณอันตรายที่เธอควรหลบเลี่ยง แต่ให้ตายเถอะ! สองขาของเธอกลับไม่ขยับเขยื้อน ราวกับถูกตรึงไว้ กระทั่งใบหน้าคมโน้มลงมาใกล้และสัมผัสไปที่ริมฝีปากอวบอิ่มเบาๆ จากนั้นก็เลื่อนขึ้นมาสัมผัสดวงตาทั้งสองข้างอย่างอ่อนโยน แล้วเลื่อนลงมาจูบที่จมูกอย่างอ้อยอิ่ง อา…! ร่างกายเขากำลังเรียกร้องรุนแรง จนหัวใจเขาไม่อาจปฏิเสธได้อีกต่อไป

พ่ายรักเล่ห์มาเฟีย(1)

พ่ายรักเล่ห์มาเฟีย(1)

มหาเศรษฐี

4.9

“หยุดดิ้นเดี๋ยวนี้ไอรดา อย่ามาทำเป็นไร้เดียงสา คิดเหรอว่าผมโง่จนดูไม่ออกว่าคุณกำลังเสแสร้งแกล้งทำเป็นไม่ประสา เพราะยังไงผมก็ไม่เชื่อว่าผู้หญิงที่อยากได้สเปิร์มคนอื่นจนตัวสั่นอย่างคุณจะไม่สันทัดเรื่องพวกนี้ บางทีคุณอาจจะช่ำชองกว่าผมก็ได้ใครจะไปรู้ ทำไมไม่แสดงมันออกมาให้ผมดูล่ะ เผื่อว่าถ้าผมติดใจ อาจจะแบ่งสเปิร์มฝากไว้ในตัวคุณบ้างก็ได้” ใบหน้าแดงก่ำนัยน์ตาดุกร้าวของเขาบอกให้รู้ว่าตอนนี้เขากำลังไม่พอใจ ที่เธอพยายามดิ้นรนขัดขืน ทั้งที่ร่างกายของเธอกำลังตอบสนองต่อสัมผัสของเขา และมันยิ่งทำให้เขาขัดใจมากยิ่งขึ้นเมื่อคิดว่าเธอเคยพลีกายให้ชายอื่นครอบครองมาแล้วนับครั้งไม่ถ้วน “อ๊าย! ไอ้บ้า ไอ้ยักษ์ปากเสีย ฉันไม่ใช่พวกสำส่อนอย่างคุณนี่ ที่เอะอะก็จะพากันขึ้นเตียงอย่างเดียว” ไอรดายังพยายามผลักไสทุบตีเขาเท่าที่จะทำได้ อย่างน้อยๆ ถ้าเธอจะเสียตัวอีกเป็นครั้งที่สอง เขาก็ควรเจ็บตัวเป็นการตอบแทนบ้าง “จะบอกว่าคุณยังซิงว่างั้นสิ” จิโอวาโน่ยังคงไมเชื่อ และเมื่อเธอพยักหน้าหงึกหงักเขาจึงพูดต่อ “งั้นคงต้องให้ผมพิสูจน์หน่อยแล้วล่ะ ว่าลีลาของผมพอจะทำให้คุณเผยธาตุแท้ออกมาได้บ้างรึเปล่า” สรุปว่าเขายังไม่เชื่ออยู่ดี “กรี๊ด...! อุ๊บ!” เธอกรีดร้องได้แค่นั้น เมื่อเขาทาบทับริมฝีปากลงไปอีกครั้ง และดูเหมือนครั้งนี้เขาจะพยายามหลอกล่อให้เธอตกหลุมพรางอย่างที่เขาว่าเอาไว้ด้วยสัมผัสหนักหน่วงและปลุกเร้าไปในคราวเดียวกัน หญิงที่ไม่ประสาอย่างเธอจึงได้แต่ครางอืออาครั้งแล้วครั้งเล่าด้วยกำลังสับสนมึนงงกับสัมผัสเรียกร้อง รุกเร้า โอ้โลมจากผู้ชายที่ชื่อจิโอวาโน่ และด้วยเสียงครางบวกกับการตอบสนองของเธอทำให้เขายิ้มมุมปากสมใจ คิดว่าคงถึงเวลาที่จะทำให้เธอดิ้นไม่หลุดยอมจำนนต่อหลักฐานว่าเธอมันก็แค่ผู้หญิงร่านรักและเคยผ่านผู้ชายมานับครั้งไม่ถ้วนเท่านั้นเอง “กรี๊ด...!” เสียงกรีดร้องอย่างเจ็บปวดของไอรดา ทำให้จิโอวาโน่ถึงกับชะงักค้าง พลัน! หยุดการเคลื่อนทุกอย่างลง “นี่คุณยัง...”

บุพเพรัก กับดักมาเฟีย

บุพเพรัก กับดักมาเฟีย

มหาเศรษฐี

5.0

***“เธอรู้อะไรไหมแก้วตา ความจริงฉันหวั่นไหวตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอเธอแล้ว แต่ฉันแค่ไม่อยากยอมรับ เพราะฉันยังไม่อยากมีครอบครัว คิดดูสิว่ามาเฟียเพลย์บอยอย่างฉัน จะต้องกลายเป็นผู้ชายกลัวเมีย ไม่อะ ฉันยอมรับไม่ได้ มันเสียเชิงชาย” ***ถึงเธอจะตบตาเขาว่าเป็นผู้ชาย แต่เชื่อเถอะว่าเขาจำเธอได้ตั้งแต่วันแรกที่เธอเหยียบเข้ามาในถิ่นเขาแล้ว ในเมื่อเข้ามาแล้วก็อย่าหวังว่าจะได้กลับออกไปง่ายๆ แล้วเธอจะได้รู้ว่าเขาเจ้าเล่ห์และเผด็จการกว่าที่เธอคิด ***เพราะความจำเป็นบีบบังคับ ทำให้แก้วมุกดาจำต้องปลอมตัวเป็นผู้ชายเพื่อขึ้นไปทำงานบนเรือสำราญลำหรู แต่ใครจะคิดว่าโลกจะกลมทำให้เธอได้พบกับผู้ชายร้ายกาจอย่างอเล็กซิสที่นี่ ที่สำคัญเขายังเป็นเจ้านายเธอด้วย ***อเล็กซิส มอนเตอโร เพลย์บอยและมหาเศรษฐีเจ้าเสน่ห์ ข้างกายเขาที่ไม่เคยขาดแคลนผู้หญิง ทำให้เขาถูกขนานนามว่า “คาสโนวาตัวพ่อ” เพราะเพียงแค่ขยิบตา ผู้หญิงมากมายก็พร้อมจะกระโดดขึ้นเตียง คงมีแต่เธอนี่แหละที่ทำให้เขาต้องใช้เล่ห์เพทุบายถึงจะได้เชยชมความสดสาวแม่คุณ ***“ไอ้หื่น ฉันไม่เชื่อหรอกนะว่าฉันจะเลอะเลือนถึงขั้นข่มขืนคุณได้ ไม่อย่างนั้นฉันต้องรู้สึกอะไรบ้างสิ แต่นี่ฉันไม่เห็นรู้สึกอะไรเลย ไม่เชื่อก็ดูนี่สิ อุ๊ย!” เธอเคยได้ยินมาว่าผู้หญิงที่เสียความบรสุทธิ์ครั้งแรกจะต้องรู้สึกผิดปกติอะไรบางอย่าง เธอจึงลองขยับตัวเพื่อพิสูจน์ กระทั่งรู้สึกร้าวระบมไปทั้งตัว ‘อย่าบอกนะว่าเราบ๊ะจ้ำบ๊ะกับอีตาหื่นนั่นแล้วจริงๆ ไม่! ฉันเสียตัวให้เขาแล้วจริงๆ’ เหมือนเธอจะอึ้งไปชั่วขณะ รู้สึกเหมือนโลกกำลังหยุดหมุน เหมือนมีคนเอาค้อนหนักๆ มาทุบที่หัวเข้าอย่างจัง ที่แรกก็คิดว่าเขาอำเพราะอยากแกล้งเธอเหมือนๆ กับในละครที่พระเอกอยากแก้แค้นนางเอกเลยจัดฉากให้ดูเหมือนว่าพวกเขาได้เสียกัน แต่ให้ตายสิ! ฉากที่เธอเจอกับตัวในวันนี้มันสมจริงยิ่งกว่านั้น เมื่อทุกอย่างดูเหมือนจะชัดเจนในความรู้สึกเธอ ‘ฉันเสียตัว ฉันเสียตัวแล้วจริงๆ ฉันเสียตัวให้กับผู้ชายคนนี้ ไม่.....’ ***“แล้วเมียไม่สงสารผัวบ้างเหรอ จะปล่อยให้ผัวนอนตัวแข็งแบบนี้ทั้งคืนจริงๆ อะเหรอ เมียก็เห็นว่าผัวไม่ได้แข็งแค่ตัว อย่างอื่นของผัวก็แข็ง สงสารผัวเถอะ ผัวขออีกแค่ประตูเดียวเอง ผัวจ๋ารักเมียจ๋านะ ผัวอยากมีลูกกับเมียจริงๆ”ให้ตายสิ เธอจะแพ้เสียงออดอ้อนกับคำว่ารักของผู้ชายคนนี้ทุกครั้งเลยรึไง

บทเรียนลับคลับชั้นสูง

บทเรียนลับคลับชั้นสูง

มหาเศรษฐี

5.0

ว่าแล้วเธอจำต้องยอมสวมบทเป็นนางทาสแต่งตัวให้นายท่านอย่างเขาด้วยความจำใจ แต่เธอก็มีวิธีที่จะไม่ต้องเห็นภาพบาดตานั่น ด้วยการปิดตามันดื้อๆ นี่แหละ รับรองไม่เห็นชัวร์ (เอ่อ! แต่ไอ้การปิดตาแบบนี้ ถึงมันจะไม่เห็นแต่มันก็ยังสัมผัสได้นี่) ยังไม่ทันขาดคำ ขณะที่เธอกำลังคุกเข่าเพื่อสวมอันเดอร์แวร์ให้เขาพร้อมกับปิดตาไปด้วย และไอ้การที่เธอกำลังปิดตานี่แหละที่ทำให้เธอทำอะไรไม่ค่อยสะดวก พยายามคลำโน่นคลำนี่เงอะงะไปหมด แน่นอนว่ามันอันตรายต่อความมั่นคงแห่งราชอาณาจักรของเขาด้วยเช่นกัน และเพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาที่จะตามมา เขาจึงพยายามเหวี่ยงตัวหลบมือเรียวของเธอ ในขณะที่เธอกลับพยายามไล่ตามจับมันอย่างไม่ยอมแพ้เช่นกัน ให้ตายเถอะ! ไม่เข้าใจเลยจริงๆ ว่าเธอกำลังคลำหาอะไร แล้วเธอมาไล่จับของเขาเพื่ออะไรเนี่ย เดี๋ยวก็เป็นเรื่องหรอก เขากับเธอยังคงเล่นไล่จับกันอย่างเสียวไส้ ด้วยการขยับเอวซ้ายขวาซ้าย เอ้าซ้ายขวาซ้าย ‘ซึ่งกูไม่เข้าใจเลยว่าทำไมกูต้องมายืนส่ายเอวอยู่แบบนี้ด้วย ให้ตายเถอะกูอยากถ่ายภาพนี้เก็บไว้จริงๆ เลย แม่คุณจะได้รู้ว่า ตัวเองกำลังตามล่าอะไรอยู่’ แต่เมื่อทำแบบนั้นไม่ได้ เขาจึงต้องส่ายเอวต่อไป เธอขยับมาทางซ้าย เขาจึงย้ายมาทางขวา เมื่อเธอไล่ตามมา เกือบจะคว้าได้แล้วเชียว เขารีบเบี่ยงตัวหลบ กลัวจะพบกับความเสียว ขยับเอวเพียงนิดเดียว เธอกลับเลี้ยวตามมาทัน (หมับ!!!) “ฮ่าๆๆ จับได้แล้ว” เธอหัวเราะชอบใจ เมื่อในที่สุดเธอก็คว้าหมับเข้ากับอะไรบางอย่างได้สำเร็จ โดยไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามันคืออะไร เมื่อไม่รู้ก็ต้องดูให้เห็นกับตา “กรี๊ด...! ลามกจกเปรต ทุเรศที่สุด เอามันออกไป เอาออกไปเดี๋ยวนี้นะ” เธอโวยลั่นกับบางอย่างที่อยู่ในมือ แต่ที่น่ากลัวไปกว่านั้นคือ มือเธอที่กำลังขยับส่ายไปส่ายมาราวกับจับปลาชะโดตัวโต ทำเอาคนถูกจับถึงกับต้องรีบขยับตามแทบไม่ทัน ราวกับกลัวว่ามันจะหลุดติดมือเธอไป ให้ตายเถอะ! ไม่เข้าใจว่าแม่คุณจะส่ายไปส่ายมาเพื่ออะไร ‘ไม่ใช่ปลาช่อนนะเว้ยเฮ้ย! แล้วมันก็ดิ้นไม่ได้ เอ๊ะ! หรือว่าได้วะ’ “นี่! แม่คุณ ช่วยตั้งสติแล้วก้มมองหน่อยเถอะ ว่าไอ้ที่อยู่ในมือคุณน่ะ ผมไปบังคับให้คุณจับมันรึเปล่า อูว! ถ้าขืนคุณยังไม่หยุดขยับตั้งแต่ตอนนี้ล่ะก็ เกิดปลาที่อยู่ในมือคุณมันพ่นน้ำออกมาอย่าหาว่าผมไม่เตือน” คำเตือนของเขาทำเอาเธอถึงกับรีบปล่อยมือทันที อีโรติก

ยั่วรักมาเฟีย

ยั่วรักมาเฟีย

สมัยใหม่

4.5

“อย่าบอกนะว่าเธอกำลังคิดเรื่องลามกอยู่ เธอนี่มันหื่นตัวแม่จริงๆ เดี๋ยวก็อ่อย เดี๋ยวก็ยั่ว ใจคอจะปล้ำฉันให้ได้เลยใช่ไหม” เขาว่าพลางส่ายหน้าน้อยๆ ก่อนจะหันไปลอบยิ้มอีกทาง แม้ว่าลึกๆ ในใจ ‘สุดที่รัก’ จะอยากเป็นเจ้าสาวของ ‘เลโอนาร์ด แบร์นาร์ด’ มาเฟียผู้ทรงอิทธิพลแห่งสเปนมากเพียงใด แต่เพราะมาดขรึมๆ กับหน้านิ่งๆ ของเขา มันเลยทำให้เธออยากรู้จริงๆ ว่าการหมั้นครั้งนี้เกิดจากความเต็มใจของเขารึเปล่า ดังนั้นเพื่อพิสูจน์ว่าเขาไม่ใช่พระอิฐพระปูน และเธอก็ไม่ได้ไร้เสน่ห์จนเกินเยียวยา เธอจึงต้องยั่ว ยั่วให้เขารู้ว่าผู้หญิงอย่างเธอไม่ได้มีดีแค่ยั่วโมโห ถึงจะเป็นการยั่วระดับอนุบาลก็เถอะ แต่เชื่อเถอะว่าเธอจะทำให้เขาหวั่นไหวได้…มั้ง “หยุด ไม่ต้อง ฉันถอดเองได้” สุดที่รักบอกพลางรีบถอดเสื้อผ้าของตัวเองเร็วๆ ด้วยกลัวว่าเขาจะฉีกมันอีก “ทำอะไร” เขาขมวดคิ้วด้วยความสงสัย “ก็มันเสียดาย คุณถอดเองทีไรมันกลายเป็นเศษผ้าทุกที เพราะฉะนั้นตั้งแต่นี้เป็นต้นไป ห้ามคุณถอดเสื้อผ้าฉันอีกเป็นอันขาด” สีหน้าจริงจังของเธอ ทำเอาเลโอนาร์ดถึงกับหลุดขำออกมา “เธอจะเป็นคนถอดเองทุกครั้งที่ฉันต้องการงั้นสิ” “อืม! เฮ้ย! ไม่ใช่ ถอดทุกครั้งที่คุณต้องการ ฉันก็แย่น่ะสิ” เธอรีบแก้ต่างเมื่อเผลอรับคำเขาไป “แล้วจะเอายังไง” “โอ๊ย! คนบ้านี่ฉันเจ็บนะ ก็ในเมื่อคุณไม่ได้รู้สึกอะไร ไม่รัก ไม่หึง ไม่หวง แล้วคุณจะมาสนใจอีกทำไมว่าฉันจะคบจะคุยกับใคร นอกเสียจากว่าทั้งหมดที่คุณเป็นอยู่ตอนนี้ คุณจะยอมรับว่าคุณรักฉัน ไม่งั้นคุณก็ไม่มีสิทธิ์มาห้ามไม่ว่าฉันจะคุยกับใคร” “อืม!” เฮ้อ! จะฟังคำว่ารักจากผู้ชายคนนี้มันช่างยากซะจริง

ถ้าจะรัก ภพชาติก็แค่ปากซอย

ถ้าจะรัก ภพชาติก็แค่ปากซอย

ประวัติศาสตร์

5.0

เธอจากไปด้วยความเคียดแค้นชิงชัง ในขณะที่เขากลับยังอยู่เพื่อเฝ้ารอด้วยความคะนึงหา เมื่อคนหนึ่งอยากลืม แต่อีกคนกลับจดจำทุกลมหายใจ แล้วจะมีหนทางไหมที่จะทำให้หัวใจของพวกเขากลับมาเต้นเป็นจังหวะเดียวกัน “นี่ฉันหลุดมาอยู่ในยุคไหนวะเนี่ย บทจะข้ามภพก็ข้ามกันได้ง่ายๆ แบบนี้เลย? นี่ข้ามภพนะเว้ย ไม่ใช่ข้ามถนนหน้าปากซอย” “เจ้าเป็นตัวอะไร” คำถามโต้งๆ ทำเธอชะงัก ก่อนหันมาจ้องเขาตาขวางพลางบ่นงึมงำ “ถามแบบนี้ สู้ชี้หน้าด่ากันยังดูหยาบคายน้อยกว่า” “เป็นปิศาจรึ” คำถามนี้ทำเธอราวกับถูกตบหน้าอีกครั้ง “ไม่รู้ว่าข้าจะอดทนได้อีกนานเพียงใด เมื่อเจ้าช่างน่าปรารถนาเหลือเกิน” เขาบอกเสียงพร่า ขณะลูบไล้ที่แก้มนวลเบาๆ ก่อนจะค่อยๆ เลื่อนลงมาแตะที่ริมฝีปากอวบอิ่มอย่างอ้อยอิ่ง “เช่นนั้นท่านก็อยู่ให้ห่างจากข้าเถิดท่านฝู” “อย่าว่าแต่จะให้อยู่ห่างกัน แม้แต่ละสายตาจากเจ้า ข้ายังทำมิได้ หากต้องทำเช่นนั้น ข้าคงขาดใจตายเสียก่อน” “สายตาของท่านกำลังทำข้าใจคอไม่ดี” “ไม่ดีเยี่ยงไร” “ก็…มันอาจทำให้ข้าเผลอทำอะไรๆ ท่านน่ะสิ” “เช่นนั้นก็จงรู้เอาไว้ว่าการกระทำเมื่อครู่ของเจ้า ก็ทำให้ข้าใจคอไม่ดีเช่นกัน” “ไม่ดียังไง” เธอย้อนถามบ้าง “ก็ไม่ดีตรงที่ มันจะทำให้ข้ามิอาจรักษาคำพูดที่ให้ไว้ หากว่าข้า…ปรารถนาในตัวเจ้าเกินกว่าจะทนรอได้” เสียงเขาแหบพร่า อีกทั้งนัยน์ตาก็ยังแดงก่ำด้วยไฟปรารถนาที่กำลังพลุ่งพล่าน “เช่นนั้น…ก็ไม่ต้องรอสิ”

หนังสือที่คุณอาจชอบ

หยางจื้อซี เกิดใหม่ในหมู่บ้านป่าหมอก

หยางจื้อซี เกิดใหม่ในหมู่บ้านป่าหมอก

จิ้งจอกสะท้านหม้อไฟ
5.0

หยางจื้อซี เด็กกำพร้าจากศตวรรษที่21 ถูกองค์กรมืดเลี้ยงดูจนเติบโตและทำให้เธอกลายเป็นมนุษย์กลายพันธ์ ในระหว่างที่ถูกส่งตัวไปทำภารกิจลับ เธอกลับถูกคนในองค์กรมืดหักหลังและถูกฆ่าโดยเพื่อนสนิทที่เธอไว้ใจมากที่สุด ก่อนสิ้นใจเธอถามเพื่อนสนิทว่าทำไม แต่ไม่ได้รับคำตอบจากปากของอีกฝ่าย สิ่งที่เธอได้รับคือรอยยิ้มที่ดูถูกเหยียดหยามและ คำว่า “โง่” จากปากของอีกฝ่ายเท่านั้น หลังจากที่ตายไปแล้วสิ่งที่เธอคิดไว้ คงจะเป็นนรกหรือที่ไหนสักแห่งที่เป็นโลกหลังความตาย แต่ทว่ามันกลับไม่เป็นเช่นนัน เธอตื่นขึ้นมาในร่างของ หยางจื้อซี เด็กหญิงอายุ เพียง 13 ขวบปีในหมู่บ้านป่าหมอก ในดินแดนโบราณล้าหลังที่ไม่มีในประวัติศาสตร์ คล้ายกับว่าเป็นโลกคู่ขนานที่อยู่อีกมิติหนึ่ง เธอตื่นขึ้นมาในบ้านที่ผุพัง ครอบครัวยากจน มีแม่ที่อ่อนแอและเจ็บป่วย มีพี่น้องที่อายุน้อย มีปู่ย่าตายายที่เห็นแก่ตัวและใจร้าย มีลุงที่เห็นแก่ได้ป้าสะใภ้ที่เต็มไปด้วยความละโมบโมบโลภมาก หยางจื้อซี คิดว่านับจากนี้ไปชีวิตจะต้องอยู่ได้ด้วยตัวเอง หากใครมารังแกก็แค่ทุบตี เธอไม่เชื่อว่าด้วยพลังที่ติดตัวเธอมาจากชาติที่แล้วจะไม่สามารถอยู่รอดได้ในโลกล้าหลังแห่งนี้

เลขาบนเตียง

เลขาบนเตียง

เนื้อนวล
4.9

เธอเฉิ่ม เธอเชย และเธอเป็นเลขาของเขา หน้าที่ของเธอคือเลขาหน้าห้อง แต่หลังจากความผิดพลาดในค่ำคืนนั้นเกิดขึ้น สถานะของเธอก็เปลี่ยนไปจากเดิม จากเลขาหน้าห้อง กลับกลายเป็นเลขาบนเตียงแทน... “เวลาทำงาน คุณก็เป็นเลขาหน้าห้องของผม แต่ถ้าผมเหงา คุณก็ต้องทำหน้าที่เลขาบนเตียง...” “บอส...?!” “ผมรู้ว่าคุณตกใจ ผมเองก็ตกใจเหมือนกันกับสถานะของพวกเรา แต่มันเกิดขึ้นแล้ว จะทำยังไงได้ล่ะ” “บอสคะ...” หล่อนขยับตัวพยายามจะออกจากอ้อมแขนของเขา แต่ชายหนุ่มไม่ยอมปล่อย “ว่าไงครับ” “แก้ว... แก้วว่าให้แก้วทำเหมือนเดิมดีกว่าค่ะ หรือไม่ก็ให้แก้วลาออกไป...” “ผมให้คุณลาออกไม่ได้หรอก คุณเป็นเลขาที่รู้ใจผมที่สุด อย่าลืมสิแก้ว” “แต่แก้ว...” หล่อนอยู่ในฐานะนางบำเรอของเขาไม่ได้ หล่อนทะเยอทะยานต้องการมากกว่านั้น แต่ก็รู้ดีว่าไม่มีวันจะได้สิ่งที่หวังมาครอบครอง “ทำตามที่ผมบอก ไม่มีอะไรยากเย็นเลย”

ซีอีโอผู้อ่อนแอต้องง้อเธอทุกวัน

ซีอีโอผู้อ่อนแอต้องง้อเธอทุกวัน

Elsworth Underwood
5.0

เซิ่งหนานหยินเกิดใหม่แล้ว ชาติที่แล้ว เธอถูกชายชั่วหักหลัง ถูกชายเสแสร้งใส่ร้าย โดนครอบครัวสามีเล่นงาน จนทำให้เธอล้มละลายและเป็นบ้าไป ในท้ายที่สุด เธอเสียชีวิตอย่างน่าสลดใจด้วยอุบัติเหตุทางรถยนต์เมื่อเธอตั้งครรภ์ได้ 9 เดือน แต่คนร้ายกลับทำเงินได้มากมาย และใช้ชีวิตทั้งครอบครัวอย่างมีความสุข เกิดใหม่ครั้งนี้ เซิ่งหนานหยินคิดตกอล้ว อะไรที่ว่าพระคุณช่วยชีวิต คนรักในใจอะไรกัน ล้วนไม่ต้องไปสน เธอจะจัดการชายชั่วหญิงร้าย สร้างชื่อเสียงให้กับตระกูลเก่าของตนเองขึ้นมาใหม่อีกครั้งและนำตระกูลเซิ่งไปสู่จุดสูงสุดของชีวิต สิ่งที่แตกต่างออกไปก็คือ คนที่หยิ่งมาตลอดในชาติที่แล้ว กลับเป็นฝ่ายริเริ่มมาหาเธอ "เซิ่งหนานหยิน การแต่งงานครั้งแรกผมไม่ทัน การแต่งงานครั้งที่สองก็ต้องถึงคิวผมแล้วสินะ"

ข้าคือดาวมงคลน้อยหลินลู่ฉี

ข้าคือดาวมงคลน้อยหลินลู่ฉี

มาชาวีร์
4.5

เมื่อยมทูตหน้าใหม่ดึงวิญญาณมาผิดดวง เพื่อรักษาไว้ซึ่งสมดุลของโลกวิญญาณ หลินลู่ฉีผู้มีปราณมงคลในยุคปัจจุบัน จึงถูกส่งไปยังต่างโลก สวมร่างเด็กน้อยวัยสามขวบ ที่เพิ่งถูกงูกัดตายด้านหลังอารามเต๋า เจ้าอาวาสไม่อาจยอมรับวิญญาณสวมร่างได้ แต่เมื่อขับไล่วิญญาณร้ายออกจากร่างกายไม่ได้ จึงจำเป็นต้องขับไล่คน ออกจากอารามแทน ++++ "อนิจจาวาสนาเด็กน้อยได้ดับสิ้นลงแล้ว จี้คงเตรียมพิธีสวดส่งวิญญาณให้นางเถอะ" นักพรตเฒ่าสั่งการลูกศิษย์ตัวน้อย หันหลังหมายจะเดินกลับไปยังที่พักของตน "ขอรับท่านอาจารย์" จี้คงขานรับคำสั่ง หันไปเตรียมสิ่งของสำหรับทำพิธีสวดส่งวิญญาณผู้ตาย ทว่าผ่านไปเพียงอึดใจเดียว "อ๊ากกก ! มีผี !" เสียงกรีดร้องดังลั่น ร่างเล็ก ๆ ของเขาวิ่งไปหลบอยู่ด้านหลังผู้เป็นอาจารย์ "จี้คงมีอะไร" "นะนางลืมตาขอรับท่านอาจารย์" เด็กน้อยชี้นิ้วสั่น ๆ ไปที่ศพบนพื้น "ว่าอย่างไรนะ" นักพรตเฒ่ารีบตรงไปคุกเข่าอยู่ด้านข้างศพ เห็นเปลือกตาของนางขยับไปมา ก่อนจะปรือลืมขึ้นอย่างลำบากยากเย็น "นี่มัน...เป็นไปไม่ได้" รีบคว้าข้อมือของเด็กน้อยมาจับชีพจรดู ดวงตาของนักพรตเฒ่ามืดมนลงในทันที แตะนิ้วทำนายชะตา นี่มันคือการสลับร่างเปลี่ยนวิญญาณ ดึงตัวลูกศิษย์ถอยหลังไปสามก้าว "ผีร้ายตนไหนกล้ามาสวมร่างคนตาย จงออกไปเสีย !" ผีร้ายที่ว่ากำลังมึนงงกับเหตุการณ์ตรงหน้า จำได้ว่าเธอกำลังขับรถกลับบ้าน ใช่แล้ว เกิดอุบัติเหตุขึ้น มีรถบรรทุกเสียหลัก พุ่งมาชนรถของเธอ จากนั้นทุกอย่างก็ดับวูบไป ท่าทางเหม่อลอยไร้สติของนางทำนักพรตเฒ่าหวาดระแวงในทันที เตรียมหยิบยันต์ป้องกันภูตผีออกมา ขณะที่เด็กน้อยยกฝ่ามือของตัวเองขึ้นเพ่งมองอย่างประหลาดใจ ดวงตาคู่กลมน้อยกลอกกลิ้งไปมาอย่างสับสน นิ้วมือสั้น ๆ นี่มันอะไร ขยับปลายเท้าเข้าหากัน ขาก็สั้น พลิกฝ่ามือตัวเองไปมา สีหน้าคล้ายคนอยากร้องไห้ นี่มันโลกถล่มใส่หัวของเธอหรืออย่างไรกัน เปรี๊ยะ ! ยันต์ขับไล่ภูตผีถูกปาใส่นางสุดแรง ก่อนที่มันจะปลิวร่อนลงไปกองอยู่บนพื้น ยันต์ไม่เกิดการเผาไหม้ ผีร้ายยังคงอยู่ในร่างกายของเด็กน้อย "เจ้า ๆ ๆ ออกไปจากร่างของนางเดี๋ยวนี้ !" นักพรตเฒ่าชี้นิ้วพร้อมดึงยันต์สายฟ้าฟาดออกมาอีกแผ่น นี่นับเป็นยันต์ที่ทรงพลังที่สุดของเขาแล้ว รีบปาใส่เด็กน้อยสุดแรง เปรี๊ยะ ! ทว่าไร้ผลอยู่ดี... ตาเฒ่านี่เล่นตลกอะไรกัน... [นิยาย3เล่มจบ 252ตอน]

ที่แท้เป็นคุณหนูตัวจริง

ที่แท้เป็นคุณหนูตัวจริง

Nadia Lada
5.0

เสิ่นชิงกลายเป็นลูกสาวของชาวนาจากคุณหนูที่ร่ำรวยของตระกูลเสิ่นในชั่วข้ามคืน ลูกสาวตัวจริงใส่ร้ายเธอ คู่หมั้นของเธอทำให้เธออับอาย และพ่อแม่บุญธรรมของเธอก็ไล่เธอออกจากบ้าน... ทุกคนต่างรอที่จะหัวเราะเยาะเธอ ทว่าเธอกลับกลายเป็นทายาทของตระกูลเศรษฐีในเมืองอย่างกะทันหัน นอกจาดนี้ เธอยังมีตัวตนหลากหลาย เช่น หัวหน้าแฮ็กเกอร์ระดับนานาชาติ นักออกแบบเครื่องประดับชั้นนำ นักเขียนผู้ยิ่งใหญ่ที่ลึกลับ และอัจฉริยะด้านการแพทย์! พ่อแม่บุญธรรมเสียใจกับการตัดสินใจของตนและบังคับให้เธอแบ่งทรัพย์สินครึ่งหนึ่งให้เพราะพวกเขาเลี้ยงดูเธอมา เมื่อเสิ่นชิงหยิบกล้องออกมาแล้วบันทึกท่าทางอันน่าเกลียดของพวกเขา อดีตคู่หมั้นรู้สึกเสียใจและพยายามจะคืนดีกับเธอ เสิ่นชิงหัวเราะเยาะ "เขาคู่ควรงั้นเหรอ" จากนั้นก็ไล่เขาออกจากเมือง ในที่สุด ผู้มีอำนาจแห่งเมืองก็พูดอ้อนวอนเบาๆ "ไม่จำเป็นต้องแต่งเข้าตระกูลผม เดี๋ยวผมไปหาเอง"

บท
อ่านเลย
ดาวน์โหลดหนังสือ