Login to MeghaBook
icon 0
icon เติมเงิน
rightIcon
icon ประวัติการอ่าน
rightIcon
icon ออกจากระบบ
rightIcon
icon ดาวน์โหลดแอป
rightIcon
ลิขิตรักใต้ผืนทราย

ลิขิตรักใต้ผืนทราย

ผลิกา(เลอบัว)

4.7
ความคิดเห็น
82.6K
ชม
126
บท

ความวุ่นวายบังเกิดเมื่อเธอดันมีตาวิเศษ และเขาก็ดันมีหูทิพย์ คนนึงมองผ่านทะลุเสื้อผ้าไปเจอซิกแพ็ก ส่วนอีกคนก็ดันได้ยินความคิดหื่นๆ ชีคอัฟฟาน อับดุล ฮาหมัด คาริฟา เจ้าชายมาดนิ่ง นิ่งซะจนไม่มีใครกล้ายุ่งด้วย ยกเว้นเธอ ไม่ยุ่งก็บ้าแล้ว ก็แหมทั้งหล่อล่ำกล้ามแน่นขนาดนั้น ใครจะไปอดใจไหว ถึงจะเป็นของหวงห้าม แต่ถ้าลวนลามทางความคิดก็คงไม่มีใครว่า พรสวรรค์ สาวแว่นสุดเนิร์ดที่เกิดมาพร้อมพรสวรรค์ จริงๆ ก็ไม่ได้เนิร์ดหรอก แว่นที่ใส่ก็ใส่ไว้แค่พรางตาเฉยๆ ขืนไม่ใส่คงได้เป็นตากุ้งยิงทั้งปีทั้งชาติแน่ ไม่รู้ว่านี่เรียกว่าพรสวรรค์หรือฟ้ากลั่นแกล้งกันแน่ที่ประทานดวงตาที่สามารถมองผ่านทะลุเสื้อผ้าได้ นี่ถ้าไม่มีแว่นหนาๆ มาพลางไว้ล่ะก็ทั้งเมาคลีทั้งชีเปลือยนี่เดินกันให้ว่อน เห็นของผู้หญิงก็ดีหน่อย แต่เห็นของผู้ชายก็ดีกว่า เอ้อ! ไม่ใช่ๆ อืม! ใช่ก็ได้ เฮ้อ! ทีนี้ก็รู้แล้วใช่ไหมว่าเธอเนิร์ดหรือไม่เนิร์ด “นี่ก็เหมือนจริง” ไม่พูดเปล่า แต่แม่คุณยังพิสูจน์ด้วยการจับหมับลงไป ยังผลให้เจ้าของกล้ามสะดุ้ง ก่อนจะต้องกัดกรามกรอด เมื่อมือนั้นเริ่มขยับลูบไล้ไปมา “นี่ก็เหมือนจริง” เสียงเธอสูงขึ้นด้วยความตื่นเต้น ในขณะที่มือเรียวกลับเลื่อนต่ำลงเรื่อยๆ ก่อนจะมาหยุดอยู่ที่กล้ามหน้าท้องที่เป็นลอนสวยงามตามอย่างบุรุษเพศผู้ดูแลตัวเอง ก่อนจะบีบขยำมันด้วยความกระหายใคร่รู้ ในตอนนั้นเองที่ทำให้เธอเหมือนจะมีสติรู้ตัวขึ้นมา “บ้าบอ! เธอเป็นผู้หญิงนะพรสวรรค์ ไปลวนลามบีบขยำร่างกายผู้ชายเหมือนผู้หญิงหิวโซแบบนั้นได้ยังไง มันไม่งาม” คนที่เพิ่งรู้ตัวรีบชักมือกลับราวกับต้องของร้อน “หืม! แต่นี่มันในความฝัน ฝันของฉัน...ฉันจะทำอะไรยังไงก็ได้ จะจับจะลูบยังไงก็ได้ จะขยำขยี้ยังไงก็ย่อมได้” หมับ! อีกครั้งที่กล้ามเนื้อหน้าอกและหน้าท้องของเขาถูกคุกคามด้วยมือของผู้หญิงหิวโซ เฮ้อ! กุลสตรีสามสิบวิจริงๆ ‘ให้ตายเถอะ! ยัยหื่นนี่ หื่นกว่าที่คิดซะอีก’ เขาคิดพลางครางฮือ เมื่อมือนั้นสร้างความปั่นป่วนให้เขามากขึ้นทุกที มากจนต้องสูดปากบรรเทาความเสียดเสียวที่กำลังหมุนเกลียวในช่องท้อง และบางครั้งก็ต้องกัดฟันสะกดกลั้นความหื่นกระหายภายในที่ใกล้จะปะทุออกมาเต็มที “หึๆ ก็แค่ความฝัน ไม่ใช่ตัวตนจริงๆ ของเราสักหน่อย เพราะฉะนั้นเราจะย่ำยีผู้ชายคนนี้ยังไงก็ได้ ความฝันของเรา เราจะหื่นยังไงก็ได้” เธอย้ำอีกครั้ง พลางกดมือลงไปที่ขอบกางเกงของอีกฝ่ายอย่างย่ามใจ ครั้นพอจะเคลื่อนต่ำลงไปกว่านั้น ก็มีมือหนึ่งตะปบลงมาซะก่อน ยังผลให้คนทั้งคู่หันมาสบตากัน และดูเหมือนว่าคนที่ตกใจมากกว่าคือเธอ พรสวรรค์ทำหน้าเหลอหลาระคนตกใจ ทันใดนั้นเองเธอก็อุทานขึ้นมา

บทที่ 1 01

ห้องสวีท ณ โรงแรมสุดหรูใจกลางกรุงเทพมหานคร

“ชะตาของท่านกำลังจะเปลี่ยนไป ท่านจะพบกับความยุ่งยากที่กำลังจะมาถึง มันเป็นชะตา แต่ท่านไม่ต้องเป็นกังวลไป เมื่อใดที่ท่านได้พบกับหญิงผู้มีดวงตาแห่งสวรรค์ เมื่อนั้นท่านจะพ้นจากเคราะห์ทั้งปวง นางจะเป็นตัวนำโชคให้ท่าน จงหานางให้เจอ หาไม่แล้วชีวิตของท่านจะพบกับความวิบัติฉิบหายไปตลอดกาล ครอบครัวของท่านจะต้องจมอยู่ภายใต้คำสาปอาถรรพ์ตลอดไป” นั่นคือคำพูดของแม่เฒ่าคนหนึ่งที่ยังดังก้องอยู่ในหัวของชีคอัฟฟาน อับดุล ฮาหมัด คาริฟา เจ้าชายลำดับที่สามแห่งประเทศดามัส ผู้คุมอำนาจทางทหารไว้ในมือกว่าครึ่ง

“ยังทรงคิดมากเรื่องคำพูดของแม่เฒ่าคนนั้นอีกหรือพ่ะย่ะค่ะ” ฮารีฟหนึ่งในองครักษ์คนสนิทถามขึ้น เมื่อเห็นสีหน้าเคร่งเครียดของชีคหนุ่ม แต่ยังไม่ทันที่ท่านชีคจะได้ตอบกลับไป ก็มีเสียงหนึ่งแทรกขึ้นมาซะก่อน

“อย่าทรงเอาเอาเรื่องพรรค์นั้นมาใส่พระทัยเลยพ่ะย่ะค่ะ ก็แค่คำพูดของหญิงแก่คนหนึ่ง ยังไงซะกระหม่อมก็ยังเชื่อว่าหมอดูย่อมคู่กับหมอเดา ทรงลืมๆ มันไปซะเถอะพ่ะย่ะค่ะ” ฮาซานซึ่งเป็นพี่ชายของฮารีฟ และเป็นหนึ่งในองครักษ์ส่วนพระองค์ที่ท่านชีคทรงไว้ใจแย้งขึ้น

“แต่เรื่องแบบนี้ ฟังเอาไว้ก็ไม่เสียหาย ถ้าเกิดที่แม่เฒ่าคนนั้นพูดมาเป็นเรื่องจริง ท่านชีคของเราไม่วิบัติฉิบหายไปเลยรึไง” องครักษ์คนน้องหันมาแย้งพี่ชาย

"งมงาย แกอยากเชื่อก็เชื่อไปคนเดียวสิ ทำไมต้องมาพูดกรอกหูให้ท่านชีคทรงเชื่อด้วย ที่สำคัญกล้าดียังถึงมาแช่งให้ท่านชีควิบัติฉิบหายวะ แกนี่มันปากเสียชะมัด " ฮาซานขึ้นเสียงใส่น้องชายอย่างหัวเสีย

"ไม่ได้แช่งโว้ย แล้วแกก็พูดเองว่าไม่เชื่อเรื่องงมงาย ถ้าไม่เชื่อแล้วจะกลัวว่าท่านชีคจะวิบัติฉิบหายทำไม หรือว่าจริงๆ แล้วแกก็เชื่อ" องครักษ์คนน้องตอกกลับอย่างไม่ยอมแพ้

"ไม่ได้เชื่อ ก็แค่...ไม่ชอบที่แกพูดว่าท่านชีคจะวิบัติฉิบหาย"

“ฉันไม่...” ยังไม่ทันที่คนน้องจะได้ตอบโต้ เสียงหนึ่งก็ดังขึ้นซะก่อน

"หยุดทั้งคู่นั่นแหละ ไม่อย่างนั้นคนที่จะต้องวิบัติฉิบหายจะกลายเป็นพวกแกทั้งสองคน บ้าฉิบ! คำก็วิบัติ สองคำก็ฉิบหาย ใจคอแกสองคนจะให้ฉันวิบัติฉิบหายจริงๆ เลยรึไงถึงจะพอใจ ไม่มีใครตอบได้หรอกว่าคำพูดของแม่เฒ่าคนนั้นเชื่อได้มากน้อยแค่ไหน สิ่งที่เราทำได้ในตอนนี้คือรอ รอให้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์ ถึงตอนนั้นเราคงได้รู้กันว่าอะไรจริงอะไรไม่จริง” เหตุผลของชีคหนุ่มพาให้บรรยากาศกลับมาเครียดอีกครั้ง

“ในเมื่อมันยังพิสูจน์ไม่ได้ว่าเรื่องที่แม่เฒ่าคนนั้นพูดมาเป็นเรื่องจริง แล้วเราจะเครียดไปก่อนล่วงหน้าทำไม จริงไหม” เฟาซีอีกหนึ่งองครักษ์คนสนิทพูดขึ้นบ้าง หลังจากที่นั่งฟังเงียบๆ อยู่นาน

“ก็ฉันไม่อยากรอ จะให้รอไปถึงเมื่อไหร่ หรือต้องรอให้ท่านชีคฉิบหายก่อน” ฮารีฟพูดขึ้นอย่างร้อนใจ แต่ความร้อนใจของเขาก็ทำเอาทุกคนต้องหันขวับมามองแทบจะทันที โดยเฉพาะผู้มีส่วนได้ส่วนเสียกับเรื่องนี้มากที่สุด

“ดูเหมือนแกจะอยากให้ฉันฉิบหายมากเลยสินะฮารีฟ” น้ำเสียงเย็นเยียบของนายเหนือหัว ทำเอาคนฟังถึงกับขนลุกวาบ อารมณ์ร้อนก่อนหน้ากลายเป็นน้ำแข็งไปทันที

“ปะเปล่าพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมแค่ไม่อยากให้พระองค์ประมาท อะไรที่ป้องกันได้ เราก็ควรป้องกันไว้ก่อน กันไว้ดีกว่าแก้นะพ่ะย่ะค่ะ จะได้ไม่ต้องมานั่งเสียใจภายหลัง กระหม่อมคิดว่าเราควรช่วยกันตามหาตัวนำโชคที่จะมาช่วยแก้คำสาปให้พระองค์ตั้งแต่เนิ่นๆ นะพ่ะย่ะค่ะ” ฮารีฟทำสีหน้าจริงจัง แต่ก็ถูกพี่ชายแทรกขึ้นอีก

“แล้วแกรู้เหรอว่าตัวนำโชคที่ว่านั่นเป็นใคร อยู่ที่ไหน เฮอะ! ฉันว่าแทนที่แกจะเอาเวลามาเชื่อเรื่องงมงายพวกนี้ สู้เอาเวลามาช่วยกันวางแผนจับไอ้ฟาฮัสให้ได้ก่อนไม่ดีกว่าเหรอ อย่าลืมสิว่าที่เราอุตส่าห์ถ่อมาถึงเมืองไทยเนี่ย เพราะต้องการตัวไอ้สวะนั่น ไม่ได้มาหาตัวนำโชคที่ไม่รู้ว่ามีตัวตนอยู่จริงรึเปล่า”

“ไม่ได้ลืมโว้ย เรื่องไอ้ฟาฮัสไม่ต้องห่วง ฉันคิดแผนไว้แล้วว่าจะจัดการกับมันยังไง แล้วก็เผอิญว่า...ฉันเป็นคนฉลาด ฉลาดมากพอที่จะจัดการทั้งสองเรื่องไปพร้อมกันได้ ทั้งเรื่องไอ้ฟาฮัส หรือแม้กระทั่งเรื่องตัวนำโชคนั่น” ฮารีฟทำท่ากระหยิ่มยิ้มย่อง จนเฟาซีต้องถาม

“ยังไง”

ฮารีฟอธิบายแผนการด้วยการหันไปรายงานกับชีคอัฟฟานโดยตรง

“สายของกระหม่อมรายงานมาว่าไอ้ฟาฮัสมันกบดานอยู่ที่นี่ไม่ผิดแน่ แต่ครั้งนี้เราจะไม่บุกไปจัดการมันเหมือนทุกครั้งอีก เราจะเปลี่ยนกลยุทธใหม่ เปลี่ยนจากรุกมาเป็นรับ แล้วก็ล่อมันออกมา”

“รุก รับ ล่อ ฟังแล้วทำไมมันเสียวๆ วะ หรือเราจะคิดมากไป แต่มันอดคิดไม่ได้เลยนี่หว่า” ฮาซานบ่นพึมพำกับแผนของน้องชายที่ทำให้ตนต้องคิดสองแง่สองง่าม แต่เจ้าของแผนการดันได้ยินเข้า

“คิดอกุศล ทำไมเป็นคนแบบนี้วะ” ฮารีฟมองหน้าพี่ชายอย่างกล่าวหาราวกับอีกฝ่ายทำผิดร้ายแรงมา

“หรือแกไม่คิด”

“ก็คิด เฮ้ย! หมายถึงคิดเรื่องแผนโว้ย เอ่อ...เรามาว่าเรื่องแผนกันต่อดีกว่ากระหม่อม กระหม่อมคิดว่าเราควรเปลี่ยนแผน แทนที่เราจะเป็นฝ่ายบุกไปหามัน เราก็แค่ล่อให้มันเป็นฝ่ายออกมาแล้วก็ตลบหลังจัดการกับมันพ่ะย่ะค่ะ” สองหนุ่มถุ้มเถียงกันไปมา แต่พอเหลือบไปเห็นสายตาของชีคหนุ่ม ฮารีฟจึงรีบกลับเข้าเรื่องดังเดิม

“แล้วจะล่อมันยังไง” เฟาซีถามเป็นการเป็นงาน ด้วยกลัวอีกฝ่ายจะพากันออกนอกเรื่องอีก

“จะไปยากอะไร ในเมื่อเรามีตัวล่อชั้นดีอยู่กับตัว” ฮารีฟพูดพลางปรายตาไปมองที่ชีคหนุ่มแทนคำตอบ

“ไม่ได้” สองหนุ่มที่เหลือแทบจะโพล่งออกมาพร้อมกัน

“แต่มันเป็นวิธีเดียวที่จะล่อให้มันออกมา ไม่รู้รึไงว่าสิ่งที่มันอยากได้มากที่สุดคืออะไร” แน่นอนว่าคำตอบก็คือชีวิตของท่านชีคของพวกเขานั่นเอง

“ก็เพราะรู้ไง พวกฉันถึงได้ไม่อยากเสี่ยง แกเองก็เหมือนกัน วิธีอื่นมีเป็นร้อยเป็นพัน ทำไมถึงต้องเอาชีวิตท่านชีคไปเสี่ยงด้วย เลิกคิดไปได้เลย ไม่มีใครเห็นด้วยกับแกแน่” ฮาซานต่อว่าน้องชาย

“แต่ฉันเห็นด้วย” เสียงของชีคหนุ่มดังทะลุกลางปล้องท่ามกลางสายตาตกตะลึงของทุนคน

“ท่านชีค!”

“ฉันเห็นด้วยกับแผนของฮารีฟ ฉันไม่อยากเสียเวลาอีก ไอ้ฟาฮัสมันสร้างความเดือดร้อนให้กับบ้านเมืองเรามามากพอแล้ว ฉันปล่อยมันไว้อีกไม่ได้อยากจะจัดการมันเดี๋ยวนี้เลยด้วยซ้ำ” สายตาที่เต็มไปด้วยความเคียดแค้นชิงชังของชีคหนุ่ม ทำเอาเหล่าองครักษ์ถึงกับหน้าเครียด ด้วยรู้ดีว่าถ้าเป็นเช่นนี้คงยากที่จะทัดทานได้

อ่านต่อ

หนังสือที่คุณอาจชอบ

หนังสืออื่นๆ ของ ผลิกา(เลอบัว)

ข้อมูลเพิ่มเติม
บท
อ่านเลย
ดาวน์โหลดหนังสือ