อานนท์ ชายหนุ่มอายุ 25 ปี โสด หน้าตาดาษดื่น เติบโตมาจากบ้านเด็กกำพร้าอุ่นไอรัก อาชีพหลักคือการขายอาหารตามสั่งในฟู๊ดเซนเตอร์ห้างดัง อาชีพรองเป็นผู้ช่วยนักเขียนนิยาย รับจ้างหาข้อมูลต่าง ๆ ส่งให้กับนักเขียน งานไหนได้เงิน อานนท์ทำทั้งหมด ในวันหยุดยาว กลางวันนอกจากต้องไปยืนทำอาหารตามสั่ง กลางคืนยังต้องมานั่งหาข้อมูลส่งให้ผู้ว่าจ้างงานด่วนอีก ทำให้พักผ่อนไม่เพียงพอ วิญญาณจึงบ๊ายบายจากโลกเก่า ไปเกิดใหม่ในร่างของจางอี้หมิง บุตรชายตัวน้อยอายุ 5 ขวบของบัณฑิตจาง ที่ถูกบ้านหลักมอบหนังสือแยกบ้าน พร้อมขับไล่ครอบครัวให้มาอยู่บ้านนอก อุตส่าห์ได้กลับมาเกิดใหม่ทั้งทีในครอบครัวที่อบอุ่น มีพ่อ แม่ และย่าตามที่อานนท์เคยฝันไว้ แต่ทำไมถึงแถมความยากจนมาให้เขาด้วย ชาติก่อนก็สู้ชีวิตจนตาย มาชาตินี้ชีวิตสู้กลับยิ่งกว่านิยายที่เขาเคยอ่านเสียอีก นี่สินะ!!! ของฟรีไม่มีในโลก มันต้องมีสิ่งแลกเปลี่ยนกันอย่างสมน้ำสมเนื้อ
หลังจากที่แก้ปัญหาของทั้งสองจวนเรียบร้อยแล้ว หลินไห่ หวงห่าวหราน และสองพ่อลูกสกุลจางจึงได้เดินไปยังเรือนของเถ้าแก่หลินซึ่งอยู่ห่างจากเหลาซิ่งฝูไปเพียงไม่กี่ตรอกซอย เถ้าแก่หลินเดินนำทุกคนไปยังห้องหนังสือของเรือน บ่าวหญิงคนหนึ่งเห็นว่ามีแขก จึงได้เร่งไปแจ้งให้นายหญิงของตนทราบ
ตู้จินเหมยคือชื่อภรรยาของเถ้าแก่หลินไห่ นางมีอายุมากแล้ว แต่ด้วยการรักษารูปร่างที่ดี ทำให้มองดูราวกับหญิงวัยกลางคนเท่านั้น ความงามยังด้อยกว่าหูไป๋หงอยู่หนึ่งส่วน ฮูหยิน ของเรือนเดินนำบ่าวไพร่ยกน้ำชาและขนมมารับรองแขกของสามี
“ท่านพี่ น้ำชาและขนมเจ้าค่ะ” ฮูหยินเอ่ยแล้วจึงเดินไปนั่งข้าง ๆ สามี
“คารวะฮูหยินหลิน” แขกทั้งสามคนกล่าวทักทายภรรยาเจ้าของบ้าน
“ไม่ต้องมากพิธีหรอกคุณชายหวง ส่วนสองคนนี้คงเป็น หมิงหมิงน้อยกับบิดา ใช่หรือไม่” ฮูหยินหลินตอบรับการคารวะจากคุณชายหวง และหันไปสอบถามชายหนุ่มกับเด็กน้อยที่นั่งตรงข้ามสามีนาง
“เรียนฮูหยินหลิน ใช่แล้วขอรับ ข้าชื่อจางอี้เทา ส่วนบุตรชายข้าชื่อจางอี้หมิงขอรับ” จางอี้เทาตอบคำถามของหญิงชรา
“ฮูหยินหลินอันใดช่างห่างเหินยิ่งนัก สามีข้ารับบุตรชายเจ้าเป็นหลานบุญธรรมแล้ว ต่อไปเจ้าก็สมควรเรียกพวกข้าว่าท่านพ่อบุญธรรมและท่านแม่บุญธรรม ส่วนเจ้าหมิงหมิงน้อยก็เรียกท่านย่าใหญ่ เข้าใจหรือไม่” ตู้จินเหมยแก้ไขให้สองพ่อลูกสกุลจางเข้าใจในสถานะของตน และให้เรียกตนเองว่าท่านย่าใหญ่ เพราะเด็กน้อยยังมีย่าแท้ ๆ เช่นหูไป๋หงอยู่
“เรียนท่านแม่บุญธรรม ข้าและบุตรชายขอขอบคุณในความกรุณาที่ท่านทั้งสองมีต่อครอบครัวของข้าขอรับ หมิงเอ๋อร์ ยังไม่รีบเรียกท่านย่าใหญ่อีกหรือ” จางอี้เทาเอ่ยขอบคุณและเตือนบุตรชายที่ยังนั่งฟังโดยไร้ซึ่งปฏิกิริยาตอบรับ
“ท่านย่าใหญ่” จางอี้หมิงสะดุ้งและรีบเรียกขานออกมา
โธ่ ก็คนมัวแต่นั่งฟังเพลิน ๆ นี่นา ลืมไปเลยว่าในบทสนทนาพูดถึงตัวเองด้วย
“ดียิ่ง ไหนหมิงหมิงน้อย มาหาย่าใหญ่สิ ท่านปู่ของเจ้าเล่าเรื่องราวของเจ้าให้ข้าฟังจนข้าอยากจะเห็นเจ้ามาตั้งหลายวันแล้ว รู้หรือไม่ ในที่สุดเจ้าก็มาเยี่ยมท่านย่าใหญ่ของเจ้าได้เสียที”
จางอี้หมิงได้ยินเช่นนั้นจึงลุกขึ้นและเดินเข้าไปกอดหญิงชราตรงหน้า
“นานแค่ไหนแล้วนะที่ข้าไม่มีเด็กน้อยมาให้ได้ชื่นใจแบบนี้ ต่อไปนี้เจ้าต้องมาหาย่าใหญ่บ่อย ๆ รู้หรือไม่”
ฮูหยินหลินถึงกับน้ำตาลคลอ รู้สึกเหมือนตนเองได้โอบกอดบุตรหลานแท้ ๆ แต่จะให้ทำเช่นไรได้ พวกเขาอาศัยอยู่ที่เมืองหลวง นาน ๆ ครั้งถึงจะกลับมาเยี่ยมสองปู่ย่าที่บ้านนอก ช่างอกตัญญูยิ่งนัก
“คุณชายหวง ข้าต้องขอโทษด้วยที่เสียมารยาทไปหน่อย จะให้อดใจได้เช่นไรไหว คนแก่เช่นข้า ไหนเลยจะมีความสุขมากไปกว่าการได้ชื่นชมบุตรหลานตัวน้อยเช่นนี้ จริงหรือไม่เจ้าคะท่านพี่” ตู้จินเหมยกล่าวขออภัยคุณชายหวงที่นั่งอยู่ด้วย
“ฮูหยินหลินอย่าได้เกรงใจ เป็นข้าเสียอีกที่มาอยู่ในช่วงเวลาที่พวกท่านกำลังมีความสุข เห็นเช่นนี้ข้าก็พลอยมีความสุขไปด้วย วันนี้ข้ามีเวลาทั้งวัน คงต้องรบกวนเถ้าแก่หลินและฮูหยินแล้ว” คุณชายหวงบอกปฏิเสธคำขอโทษของหญิงชราด้วยความสุภาพอ่อนโยน
“เช่นนั้นคุณชายหวงรอสักครู่ ข้าจะไปนำภาพวาดมาให้ชม” เถ้าแก่หลินไห่แจ้งแก่ชายหนุ่มตรงหน้าแล้วจึงลุกจากไป เพียงไม่นานก็กลับมาพร้อมกับบ่าวรับใช้ที่ยกภาพซึ่งอยู่ในกรอบไม้อย่างดีและมีขนาดไม่ใหญ่มากนักมาตั้งไว้กลางห้องทำงาน
ภาพที่ปรากฏอยู่ตรงหน้า เป็นภาพของหญิงสาวนางหนึ่งยืนหันหลังท่ามกลางต้นไม้สีส้มและสีเหลืองทองเบ่งบานไปทั่ว หวงห่าวหรานเมื่อเห็นภาพนี้แล้วถึงกับลุกขึ้นเดินไปชื่นชมอย่างใกล้ชิด
“ไร้โรยรา ท่านพ่อบุญธรรมถึงกับมีภาพไร้โรยราเช่นนั้นหรือนี่” จางอี้เทาอุทานออกมาด้วยความตกใจเป็นอย่างมาก
“อาเทา เจ้าว่าเช่นไรนะ” หลินไห่เอ่ยถามเพื่อความแน่ใจ
“ภาพนี้มีชื่อว่า ไร้โรยรา ขอรับ เป็นภาพที่ท่านหมอเทวดาพเนจรท่านหนึ่งได้วาดขึ้นเพื่อเปรียบความงามของภรรยาที่ต่อให้แก่ชราเช่นไรก็ยังคงสวยงามดั่งต้นแปะก๊วย เนื่องจากท่านหมอได้ใช้ยาสมุนไพรล้ำค่ามากมายในการคงความงามของภรรยาเอาไว้ขอรับ” จางอี้เทาเอ่ยอธิบายความหมายและที่มาของภาพให้กับบุคคลทั้งสองในห้องได้รับฟัง
“เหตุใดชาวบ้านธรรมดาเช่นพี่ชายถึงได้รู้จักภาพนี้เล่า” คุณชายหวงเอ่ยถามขึ้นมาด้วยความสงสัย
ตัวของเขาเองนั้นถือว่าเป็นคนที่ชอบและมีความรู้ในเรื่องงานศิลปะพอสมควร ในเมืองไห่ถังนี้มีเพียงไม่กี่คนที่สามารถเอาชนะเขาได้ แต่ชายที่อยู่ตรงหน้าเขาในเวลานี้ การแต่งกายก็ไม่ได้แตกต่างจากชาวบ้านทั่วไป เหตุใดถึงรู้จักภาพที่แม้แต่ตัวเขาก็หารู้จักไม่
“เรียนคุณชายหวง ข้าเคยเป็นบัณฑิตและอาจารย์ในสำนักศึกษาที่เมืองหลวงมาก่อนที่จะย้ายมาอาศัยอยู่ที่เมืองไห่ถังนี้ ข้าไม่เคยได้เห็นภาพของจริง เพียงแต่เคยเห็นภาพเลียนแบบที่สำนักศึกษาหลวงขอรับ”
“โอ้ พี่ชาย ท่านเคยเป็นถึงบัณฑิต ข้าต้องขออภัยหากล่วงเกินท่านไป” หวงห่าวหรานยกมือขออภัยต่อชายหนุ่มตรงหน้า
“คุณชายหวงมิต้องเกรงใจ ในตอนนี้ข้าเป็นเพียงชาวบ้านธรรมดาเท่านั้น หาได้คู่ควรให้คุณชายคารวะไม่” จางอี้เทารีบยกมือคารวะตอบ
“ในเมื่อท่านเป็นบุตรชายบุญธรรมของเถ้าแก่หลินแล้ว เช่นนั้นข้าขอเรียกท่านว่าพี่อี้เทาได้หรือไม่ ขอให้พี่อี้เทาเรียกว่าข้าว่าห่าวหรานเถิด”
“ย่อมได้ น้องห่าวหราน”
หลังจากที่สองบัณฑิตผู้ทรงภูมิได้มีโอกาสทำความรู้จักและวิจารณ์ถึงภาพไร้โรยราตรงหน้าแล้ว พวกเขาก็เหมือนได้เจอสหายรู้ใจ พากันตัดขาดจากโลกภายนอก เถ้าแก่หลินและตู้จินเหมยหาได้มีความรู้เรื่องภาพวาดไม่ จึงขอตัวพาหลานชายคนใหม่ไปเดินเล่นในเรือน ทั้งยังให้แนะนำถึงสถานที่ต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นสระบัว สวนดอกไม้นานาพรรณ และสุดท้าย ยังบอกให้เด็กชายมาเยี่ยมบ่อย ๆ ฮูหยินหลินยังกล่าวอีกว่าจะเตรียมห้องพักสำหรับเด็กน้อยไว้ให้ด้วย
จางอี้หมิงซึ่งได้รับความรักความเมตตาจากผู้สูงวัยทั้งคู่จึงคิดจะตอบแทนด้วยการเข้าครัว สอนท่านย่าใหญ่และพ่อครัวของเรือนให้ทำอาหารมื้อกลางวันด้วยความสนุกสนาน ตู้จินเหมยถึงกับยิ้มประดับบนใบหน้าตลอดเวลา นานเท่าไรแล้วนะที่นางไม่ได้มีความสุขเหมือนเช่นวันนี้
เมื่อได้เวลามื้ออาหาร เถ้าแก่หลินได้เชื้อเชิญให้คุณชายหวงอยู่กินข้าวที่เรือนของตนด้วย ซึ่งชายหนุ่มก็ไม่ปฏิเสธ ทั้งยังเอ่ยชมอาหารในวันนี้ด้วยความพึงพอใจ เมื่อกินข้าวเสร็จแล้วจึงขอตัวกลับจวน และจะนำเรื่องภาพวาดไร้โรยรานี้ไปแจ้งให้กับท่านเจ้าเมืองได้ทราบ
ณ ศาลาหลังใหญ่ของเรือนเถ้าแก่หลิน หลังจากกินมื้อกลางวันเสร็จ ทุกคนจึงย้ายมานั่งยังสระบัวหลังเรือน สายลมเอื่อย ๆ ที่พัดผ่านทำให้จางอี้หมิงที่กินข้าวอิ่มถึงกับหนังตาหย่อน ง่วงนอนขึ้นมาเสียอย่างนั้น แม้จะนั่งผงกศีรษะจนชนเข้ากับเสาของศาลาไปหนึ่งที แต่เด็กน้อยก็ยังคงฝืนร่างกายเอาไว้
ตู้จินเหมยเห็นดังนั้นจึงขอตัวพาหลานชายไปนอนพักในห้องรับรองที่นางคิดว่าจะยกให้เป็นห้องของเด็กชายต่อไป จางอี้เทาได้โอกาสพูดคุยถึงเรื่องช่างที่จะจ้างให้ไปสร้างบ้านกับเถ้าแก่หลิน โดยเขาเอ่ยเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับกองกำลังเหลียงอันและ หนิงอ๋องให้กับบิดาบุญธรรมได้รับฟัง รวมทั้งเรื่องกลุ่มการค้าหลัวถง การขายสูตรหัวเชื้อน้ำตาลผักและเกลือผักด้วย
“อาเทา รู้หรือไม่ เจ้าโชคดีแล้วที่ได้ทำการค้ากับหนิงอ๋อง ความร่ำรวยมาเยือนเจ้าแล้ว หนิงอ๋องเป็นคนดีและยุติธรรมมาก ที่บ้านเมืองสงบ ไม่มีสงคราม ส่วนหนึ่งก็มาจากหนิงอ๋องด้วย เจ้าอย่าได้ทำอันใดให้หนิงอ๋องขุ่นเคืองใจ รู้หรือไม่”
“สำหรับช่างสร้างบ้านนั้น ข้าเห็นด้วยที่ให้ติดต่อนายช่างเหอตามที่เถ้าแก่หวังบอกไว้ เอาเช่นนี้ดีหรือไม่ ยังพอมีเวลา อีกหนึ่งชั่วยามรอให้หมิงหมิงน้อยตื่น พวกเราก็ไปพบนายช่างเหอกัน ข้าจะไปช่วยเจ้าอีกแรง” หลินไห่ออกความเห็นและสรุปข้อควรทำให้เรียบร้อย
“เช่นนั้นก็เอาตามที่ท่านพ่อบุญธรรมบอกขอรับ”
เวลาผ่านไปราวหนึ่งชั่วยาม จางอี้หมิงจึงเดินกลับมาที่ศาลาซึ่งหลินไห่กับจางอี้เทากำลังนั่งเล่นหมากรุกกันอยู่ เมื่อท่านปู่บุญธรรมซึ่งนั่งหันหน้าออกจากศาลาเห็นเด็กน้อยเดินมา จึงเอ่ยทักขึ้น
“หมิงหมิงน้อย เจ้าตื่นแล้วหรือ เป็นเช่นไร นอนอิ่มหรือไม่”
“ท่านปู่ ข้าหายง่วงแล้วขอรับ”
“หมิงเอ๋อร์ ระหว่างที่เจ้านอนหลับพักผ่อน พ่อกับท่านปู่ของเจ้าได้ปรึกษากันถึงเรื่องช่างที่จะจ้างให้ไปสร้างบ้าน ท่านปู่เห็นด้วยกับเถ้าแก่หวังเรื่องนายช่างเหอ พ่อจึงรอให้เจ้าตื่นเพราะเดี๋ยวท่านปู่จะพาพวกเราไปหานายช่าง ท่านปู่ส่งคนไปแจ้งนายช่างเหอไว้เรียบร้อยแล้ว”
“หากในเมื่อตอนนี้เจ้าหายง่วงแล้ว ก็ให้พวกเราก็ไปกันเถอะขอรับ” จางอี้เทาแจ้งเรื่องทั้งหมดให้บุตรชายรับฟังและหันไปชวนชายชราเพื่อเดินทางไปหานายช่างตามที่ได้ตกลงกันไว้
“อาเทา เจ้าช่างเก่งยิ่ง สมแล้วที่เป็นอาจารย์ มาครั้งหน้าข้าขอแก้มือใหม่” หลินไห่เอ่ยชมบุตรบุญธรรมตรงหน้า ฝีมือการเล่นหมากของจางอี้เทาไม่ธรรมดา สมแล้วที่เป็นบัณฑิตและอาจารย์จากเมืองหลวง สองพ่อลูกสกุลจางคู่นี้ช่างมีเรื่องให้คนแก่อย่างเขาตื่นตาตื่นใจได้ตลอดจริง ๆ
“ได้ขอรับ ข้าพร้อมทุกเมื่อ” จางอี้เทาค้อมศีรษะรับปาก
ระยะทางระหว่างเรือนของหลินไห่กับร้านของนายช่างเหอจะว่าใกล้ก็ใกล้ จะว่าไกลก็ไกล เถ้าแก่เหลาซิ่งฝูจึงเลือกใช้วิธีเดินทางด้วยรถม้า
เมื่อเดินทางมาถึง เหอซีผู้เป็นเจ้าของร้านได้รอพวกเขาอยู่ก่อนแล้ว เห็นได้จากการที่คนงานของร้านนำพวกเขามาพบนายช่างเหอทันทีที่มาถึง
ภายในห้องทำงานนี้แสนเรียบง่าย เมื่อกวาดสายตามองโดยรอบแล้ว จะเห็นว่ามีเพียงโต๊ะทำงานและชั้นวางม้วนกระดาษกองใหญ่ ซึ่งคาดว่าน่าจะเป็นแบบของบ้าน ร้านรวง หรือแม้แต่จวนหรูหราที่นายช่างเหอรับทำนั่นเอง
จางอี้หมิงมองดูเจ้าของร้านด้วยความอยากรู้อยากเห็นตามประสา นายช่างเหอผู้นี้เป็นชายวัยกลางคน รูปร่างสูงใหญ่กำยำ ด้วยพื้นฐานคงเป็นผู้ที่ทำงานใช้กำลังมาตั้งแต่เยาว์วัย ใบหน้ามีหนวดเคราครึ้ม ทำให้มีสีหน้า ท่าทางน่าเกรงขามในสายตาเหล่าลูกจ้าง
“เถ้าแก่หลิน เชิญนั่ง ๆ” เหอซีเอ่ยทักทายหลินไห่
“คารวะนายช่างเหอ” สองพ่อลูกสกุลจางเอ่ยทักทายบ้าง
“ไม่ต้องมากพิธี นี่คงเป็นพ่อลูกบ้านจางที่ท่านให้บ่าวมาแจ้งว่าจะให้ข้าไปสร้างบ้านให้ใช่หรือไม่” เหอซีหันไปเอ่ยทักทายสองพ่อลูก
“ใช่แล้ว นายช่างเหอ” หลินไห่ตอบ
“ช่วงนี้ข้าไม่มีรายการสร้างบ้านที่ไหน เพราะอาจจะใกล้ฤดูหนาวแล้ว ไม่มีบ้านไหนสร้างบ้านในเวลาเช่นนี้กัน มีเพียงซ่อมแซมบ้านเล็ก ๆ น้อย ๆ เท่านั้น ข้าสามารถเริ่มงานได้ทันที ว่าแต่พวกเจ้ามีแบบบ้านที่ต้องการจะสร้างแล้วหรือไม่”
“เรียนนายช่าง ข้าปรึกษากันแล้วในครอบครัว สำหรับในฤดูหนาวนี้ ข้าอยากจะสร้างบ้านแบบชาวบ้านธรรมดาทั่วไปขอรับ จำนวนสี่ห้องนอน ขอเพียงแข็งแรง ทนทานและไม่พังลงมาเมื่อหิมะตกหนักก็เพียงพอแล้วขอรับ” จางอี้เทาเป็นผู้ตอบคำถาม
“ได้ ไม่มีปัญหา แล้วมีสิ่งไหนที่ต้องการอีกหรือไม่”
“ข้าอยากให้สร้างเตาผิงไว้ในห้องโถงของบ้าน ทำเป็นปล่องลมให้ควันลอยออกไปนอกบ้าน มีเตาอบไว้ตรงห้องครัว มีห้องอาบน้ำแยกออกไปต่างหาก ข้าต้องการบ้านอีกสองหลังที่เป็นห้องโล่ง ๆ ไม่จำเป็นต้องมีห้องนอน หลังหนึ่งขอให้มีเตาผิงรอบ ๆ บ้านอีกสามจุด อีกหลังข้าจะทำเป็นโรงเก็บเสบียง ขนาดและแผนผังของบ้านเป็นเช่นนี้ขอรับ...”
จางอี้หมิงขอกระดาษและพู่กันจากนายช่างเหอแล้วให้บิดาลงมือวาดบ้านที่ต้องการสร้างให้กับเหอซีได้ดู เนื่องจากบ้านสกุลจางได้ตกลงคุยรายละเอียดกันมาแล้ว จางอี้เทารู้ล่วงหน้ามาก่อนแล้ว จึงลงมือวาดแบบบ้านและอธิบายให้นายช่างเหอได้ฟังอย่างละเอียด
“อืม บ้านที่สร้างก็ไม่ได้แตกต่างจากบ้านของชาวบ้านทั่วไป แต่การทำเตาผิงและปล่องลมให้ควันลอยออกไปนอกบ้านข้ายังไม่เคยเห็นการสร้างบ้านแบบนี้ รวมทั้งเตาอบด้วย ข้าไม่มั่นใจว่าจะสร้างได้หรือไม่นะ” เหอซีบอกออกมาด้วยสีหน้าวิตกกังวลเล็กน้อย
เขาเคยสร้างบ้านมามากมาย แต่ยังไม่เคยเห็นใครสร้างบ้านแบบนี้ จึงเกรงว่าจะไม่สามารถทำได้ลุล่วงตามแบบแผน
“ท่านลุงเหออย่าได้เป็นกังวลไปเลยขอรับ ท่านพ่อข้าสามารถบอกวิธีการทำให้ได้ขอรับ เพียงแต่อยากจะทราบว่าจะต้องใช้เวลาทั้งหมดกี่วันหรือขอรับ” จางอี้หมิงเอ่ยถาม
“จากที่เจ้าบอกมา ประมาณการสร้างสิบห้าถึงยี่สิบวัน แต่คงไม่เกินหนึ่งเดือน บ้านไม่น่าจะใช้เวลานาน ข้ากังวลแต่เฉพาะปล่องลมและเตาอบมากกว่า เพราะข้ายังไม่เคยทำมาก่อน”
“ถือว่าสร้างได้รวดเร็วอยู่ขอรับ นับจากวันนี้ไปยังเหลือเวลาอีกสองเดือนครึ่ง บ้านข้าคงพอทันได้สะสมเสบียงไว้สำหรับฤดูหนาวปีนี้ ท่านลุงเหอคิดค่าจ้างเป็นเงินเท่าไรหรือขอรับ ท่านลุงเหออย่าลืมคิดค่าโต๊ะ เก้าอี้ และเตียงนอนด้วยนะขอรับ”
เหอซีลงมือคำนวณค่าใช้จ่ายต่างๆ ทั้งค่าแรง ค่าวัสดุอุปกรณ์ต่าง ๆ เมื่อคำนวณได้แล้วจึงแจ้งแก่ลูกค้า
“เจ้าลองดูรายการค่าใช้จ่ายที่ข้าเขียนสรุปให้เถิด หากตกลงจ่ายตามนี้ ข้าก็พร้อมสร้างบ้านตามแบบที่เจ้าต้องการ แม้ความจริงบ้านของเจ้าอาจจะไม่แพงถึงเพียงนี้ แต่เพราะมีการทำปล่องลม เตาผิงและเตาอบ รวมถึงบ้านหลังเล็กอีกสองหลังเพื่อให้ทันเวลา ข้าจำเป็นต้องใช้คนจำนวนมาก รวมถึงวัสดุอุปกรณ์ต่าง ๆ เพิ่มขึ้น ข้าต้องซื้อมาอีกที” นายช่างใหญ่อธิบาย
เขายื่นรายการค่าใช้จ่ายและค่าแรงให้บิดาของหนูน้อยตัดสินใจ จางอี้เทาไล่สายตามองรายการและราคาดูแล้ว อันที่จริง สิ่งที่พวกเขาต้องการหลาย ๆ อย่างนั้นเป็นสิ่งที่บ้านอื่นไม่เคยสั่งทำมาก่อน ดังนั้นทั้งราคาของและค่าแรงคน เขาจึงคิดว่ามิได้เหลือบ่ากว่าแรงนักถ้าจะเอ่ยตกลง
“ข้ารับราคานี้ ยังมีรายละเอียดอื่นอีกหรือไม่ขอรับ” เขาตอบรับ
“เช่นนั้นก็ดี การจ่ายค่าจ้างข้าจะขอรับมัดจำครึ่งหนึ่งในวันที่เริ่มงาน และจ่ายทั้งหมดในวันที่ส่งมอบเรือน หากเจ้าตกลงข้าจะทำหนังสือสัญญามาให้พวกเจ้าลงลายมือไว้ พวกเจ้าคิดเห็นเป็นเช่นไร”
“ท่านพ่อ ข้าไม่นึกว่าจะแพงขนาดนี้ แต่ช่างมันเถอะขอรับ เพราะเราทำเองไม่ได้ ก็ถือว่าสมควรแล้ว ท่านพ่อคิดเห็นเช่นไรขอรับ” จางอี้หมิงโอดครวญถึงตำลึงที่ต้องจ่ายออกไป
กว่าจะหามาได้ลำบากแทบแย่ แต่จะทำไงได้ หากไม่มีบ้านสำหรับฤดูหนาวนี้ บ้านสกุลจางได้หนาวตายกันหมดแน่
“พ่อว่าไม่แพงหรอกหมิงเอ๋อร์ อย่างที่นายช่างเหอบอก ทุกอย่างต้องซื้อหามาทั้งนั้น ถึงแม้ว่าจะเป็นบ้านธรรมดาแต่เพราะต้องซื้อทุกอย่างจึงมีราคาสูงเช่นนี้ ท่านพ่อบุญธรรมเห็นด้วยหรือไม่ขอรับ” จางอี้เทาตอบบุตรชายก่อนหันไปถามความเห็นของหลินไห่
“อืม นายช่างเหอเป็นคนดีและซื่อสัตย์มาก ข้าว่าไม่แพงหรอกเมื่อเทียบกับเรือนในเมืองไห่ถัง ชาวบ้านไม่เสียสักอีแปะเพราะพวกเขาก่อสร้างกันเอง ในเมื่อพวกเจ้าทำเองไม่ได้ก็ต้องยอมเสียเงินเช่นนี้แหละ” หลินไห่ออกความเห็น
“เป็นอันว่าพวกเจ้าตกลงให้ข้าสร้างบ้านตามแบบที่ได้บอกมา เช่นนั้นรอข้าสักครู่ ข้าจะไปร่างสัญญามาให้” เหอซีบอกลูกค้าแล้วจึงหยิบกระดาษสัญญามาเขียนส่งให้
หลังจากที่อ่านสัญญาจนละเอียดและเห็นว่าเรียบร้อยดีแล้ว จางอี้เทาจึงลงลายมือชื่อและเก็บสัญญาไว้กับตนเองหนึ่งฉบับ
“การสร้างจะเริ่มในอีกห้าวันข้างหน้า พวกเจ้าตกลงหรือไม่ ขอเวลาข้าเตรียมคนงานและอุปกรณ์พร้อมวัสดุต่าง ๆ ให้พร้อม” เหอซีกล่าว “ข้ามีอุปกรณ์อยู่บ้างแล้ว เพียงแต่ต้องการซื้อเพิ่มในส่วนของการสร้างปล่องลม”
“ได้ขอรับ” จางอี้เทาตอบรับ สามวันเป็นเวลาที่ไม่นานมากนัก อีกทั้งบ้านจางก็ต้องการสิ่งที่ไม่เคยมีมาก่อนด้วย
ส่วนจางอี้หมิงก็ได้แต่นั่งฟัง เขาไม่แน่ใจว่าในโลกนี้ผู้คนเตรียมการก่อสร้างกันกี่วัน ดังนั้นจึงให้บิดาเป็นคนเจรจาและตัดสินใจจะดีกว่า
เมื่อทุกอย่างเสร็จสิ้นเรียบร้อยแล้ว เวลาก็ล่วงไปใกล้เย็น รถม้าของเหลาซิ่งฝูมาส่งสองพ่อลูกสกุลจางลงที่จอดเกวียนของผู้เฒ่าผินคนขับเกวียนของหมู่บ้านหลัวถง โชดดีที่ทั้งสองคนมาทันไม่เช่นนั้นคงได้ค้างคืนในเมืองไห่ถังเป็นแน่
จางอี้หมิงบอกลาท่านปู่ เขาสวมกอดชายชราแน่นก่อนจะรีบขึ้นเกวียนไปพร้อมบิดา จางอี้เทาเองก็ยกมือคารวะเถ้าแก่หลินไห่เช่นกัน สองพ่อลูกพูดคุยกันนิดหน่อยก่อนจะเงียบลงด้วยความเหน็ดเหนื่อย
เด็กน้อยมองดูบิดาแล้วแย้มรอยยิ้ม อย่างน้อยตอนนี้พวกเขาก็จะมีบ้านไว้หลบหนาว ไม่ต้องทนอยู่ในกระท่อมปลายนา ท่านแม่และท่านย่าก็จะได้คลายกังวล แม้จะเพิ่งมาอยู่แต่อานนท์ในร่างจางอี้หมิงก็รักครอบครัวจางมาก
เขาจะต้องทำให้ครอบครัวกลับมาร่ำรวยอีกครั้งให้จงได้
ขอท่านพ่อ ท่านแม่และท่านย่าโปรดรออีกนิดเถิด
บทที่ 1 ไร้โรยรา
07/08/2023
บทที่ 2 บันไดดิน
07/08/2023
บทที่ 3 อาหารอันใดช่างหอมเช่นนี้
07/08/2023
บทที่ 4 ช่วยชีวิต
07/08/2023
บทที่ 5 ประทานรางวัล
07/08/2023
บทที่ 6 ปัญหาที่ไร้ทางออก
07/08/2023
บทที่ 7 กลับคำพูด
07/08/2023
บทที่ 8 เจ้าปลูกผักได้หรือไม่เล่า
07/08/2023
บทที่ 9 ข้อแลกเปลี่ยน
07/08/2023
บทที่ 10 หุ้นส่วนการค้า
07/08/2023
บทที่ 11 อาหารชนิดใหม่ของเหลาซิ่งฝู
07/08/2023
บทที่ 12 จุดจบของหลวนซาน
07/08/2023
บทที่ 13 มากถึงเพียงนี้
07/08/2023
บทที่ 14 ได้เวลาปลดปล่อยความจน
07/08/2023
บทที่ 15 น้ำปรุงรส
07/08/2023
บทที่ 16 ฤดูหนาวมาเยือน
07/08/2023
บทที่ 17 สิ่งที่ไม่คาดคิด
07/08/2023
บทที่ 18 รอดตายแล้ว
07/08/2023
บทที่ 19 ต้นลูกหนาม
07/08/2023
บทที่ 20 พบท่านเจ้าเมือง
07/08/2023
หนังสืออื่นๆ ของ Ocean Books
ข้อมูลเพิ่มเติม