Login to MeghaBook
icon 0
icon เติมเงิน
rightIcon
icon ประวัติการอ่าน
rightIcon
icon ออกจากระบบ
rightIcon
icon ดาวน์โหลดแอป
rightIcon
การเริ่มต้นใหม่ของอดีตจอมมาร

การเริ่มต้นใหม่ของอดีตจอมมาร

Lucifeen

5.0
ความคิดเห็น
7.5K
ชม
42
บท

เมื่อฟ้ากำลังเล่นตลก ทำให้หนุ่มธรรมดาในปัจจุบันย้อนอดีตกลับไปเป็นจอมมาร แต่ด้วยสถานการณ์ที่ไม่เป็นใจนั้น จึงทำให้เขาต้องจำใจปลอมตัวไปเป็นสะใภ้ของสกุลหลินที่เป็นคู่ปรับของจอมมารในอดีตชาติ

บทที่ 1 กวีบทที่ ๑ น้ำย่อมไหลตามกระแส

"เหวอ!! น..นายท่าน!! ได้โปรดข้าน้อย..ข้าน้อยผิดไปแล้วขอนายท่านโปรดเมตตาข้าน้อยด้วย!"

ชายแก่ท่าทางลนลาน คุกเข่าคลานหมอบกับพื้นด้วยท่าทางหวาดกลัวต่อชายผู้ยืนอยู่เบื้องหน้า ใบหน้างามหยดย้อยแต่หารู้ไม่ว่านั่นเป็นเพียงรูปลักษณ์ภายนอกที่ภายในหม่นหมองเน่าเปื่อยเหมือนกับจิตใจของเจ้าของใบหน้าที่กำลังยิ้มเย้ยนั่น

"ให้อภัยหรือ? ให้ข้าให้อภัยเจ้าผู้ทรยศงั้นหรือ? หึหึ..."

ใบหน้าจ้องมองชายที่กำลังอ้อนวอนด้วยท่าทางสมเพชเวทนาเปี่ยมสุขพลางเอ่ยถามขึ้นเพื่อไตร่ตรองคำอ้อนวอนนั่น แต่ล้วนแล้ว นิสัยใจของของเขาผู้นี้ คงจะมีเพียงคำตอบเดียวที่เลือกขึ้นมาเป็นอย่างแรก

"ได้โปรดนายท่าน ข้าน้อย... ข้าน้อยเพียงแค่ทำแบบนั้นเพราะตั้งใจจะช่วยครอบครัวของข้า... ฮึก พวกเขากำลังลำบากข้าถึง... แต่..แต่ข้ามิได้ตั้งใจจะทำร้ายท่านเลยแม้แต่น้อยนะขอรับ"

"หื้ม? ครอบครัว?"

"อึก..."

ชายแก่กระตุกตัวสั่นเมื่อเสียงที่เอ่ยนั่นกำลังแสดงท่าทางตั้งคำถามอย่างไม่สบอารมณ์นัก

"ไหนเจ้าบอกข้าว่า ครอบครัวของเจ้าถูกคนในตระกูลหลินฆ่าตายหมดสิ้นแล้วนี่? ไยถึงเอ่ยว่าช่วยครอบครัว?"

".....น..นายท่านเฉินจือหาน! ได้โปรด! ข้า...ข้ามิได้มีเจตนาคิดปองร้ายต่อท่าน ข้าสาบาน ข้าสาบาน!! ได้โปรด!!"

ชายแก่ไร้ทางออก ได้แต่ก้มลงคว้าเข้าที่ขาของผู้เป็นนาย กอดไว้แน่นอ้อนวอนร้องขอความเมตตาจากนายของตนเอง น้ำตาไหลรินลงมาอย่างยากที่จะหยุดยั้ง แต่ใบหน้าของเฉินจือหานกลับมิใช่เช่นนั้นเลย

"ทันทีที่เจ้ากล้าทรยศข้า แสดงว่าเจ้าเตรียมตัวตายมาเสียอย่างดี ไยข้าจักไม่ตอบสนองความต้องการของเจ้ากันเล่า?"

"เอ๊ะ? น..นายท่าน ม..ไม่..ด..ได้โปรดเถิด! อึก อั๊ก!!! อ๊าก!!"

เสียงกรีดร้องดังขึ้นอย่างน่าสยดสยอง ร่างนอนหมอบกับพื้นค่อยๆ ลอยขึ้นเรื่อยๆ ใบหน้าซีดเผือดพร้อมกับมือของตนเองที่กำลังกำคอของตนเหมือนมีอะไรบางอย่างมารัดคอไว้เสียแน่น เฉินจือหานจ้องมองชายตรงหน้าที่กำลังทรมานอย่างสุขสมขณะอีกฝ่ายสีผิวเริ่มเหี่ยวย่นซีดเซียว สีตาขาวโพลนแต่กายยังมีวิญญาณอยู่ เสียงร้องตะโกนด้วยความเจ็บปวดค่อยๆ แผ่วลงเรื่อยๆ ไอหมอกหนาสีดำไหลลอยออกจากร่างเหี่ยวย่นเข้าสู่ร่างของอีกฝ่ายราวกับดูดกลืนพลังชีวิตจนเกลี้ยง ก่อนที่จะมีแสงสว่างกลมสีขาวสดบริสุทธิ์หลุดออกมาจากร่างชราก่อนสิ้นใจ

".... ทั้งที่บอกว่ารับใช้ข้าเยี่ยงทาสแต่ดวงวิญญาณกลับสีใสบริสุทธิ์ ใสจนน่าคลื่นไส้..."

เขาเอ่ยขึ้นสั้นๆ ริมฝีปากจรดลงบนดวงแก้วกลมสีขาวเรืองรอง ก่อนกินดวงแก้วนั่นเข้าสู่ร่างกาย

"สกุลหลิน.... ไม่ว่ายังไงก็มักจะเข้ามาสอดแนมข้าเสมอ หึ... แต่อีกไม่นานหรอก... ประเดี๋ยวพวกเจ้าก็ใกล้สิ้น.. ข้าจะกินวิญญาณพวกเจ้าให้หมดทั้งสกุลเอาให้เท่ากับสิ่งที่พวกเจ้าแย่งชิงมาจากข้า หึหึ ฮ่า ฮ่า ฮ่า!"

...

"หลีเหว่ย.. หลีเหว่ย!!"

"เหวอ!!! อึก.. อะไรของพวกนายเนี่ย! เรียกเบาๆ ไม่ได้หรือไง คนกำลังหลับเพลินๆ"

สีหน้างัวเงียถูกปลุกขึ้นจากการหลับ ชายหนุ่มกวาดตามองไปรอบๆ ห้องถึงได้รู้ว่าตัวเองยังคงอยู่ในหอสมุดใจกลางเมือง

"ปลุกนายเป็นชาติแล้วไม่ยอมตื่นเองนี่! พวกเรามาหาข้อมูลนะ ไม่ใช่ให้มานั่งหลับ"

"จ้าๆ ขอโทษครับ แล้ว..พวกนายอ่านอะไรกันล่ะ?"

ชายหนุ่มชะโงกหน้ามองเหล่าเพื่อนของตัวเองที่กำลังนั่งอ่านหนังสือจดลงสมุด เพื่อหาข้อมูลไว้ศึกษาในการวิจัยที่จำเป็น

"กลไกราคา ส่วนเจ้านั่นอ่านทฤษฎีการคํานวณ"

"อะไรกัน อ่านอะไรไม่เห็นบันเทิงเลย"

"งั้นแกก็ไปหาอะไรที่มันบันเทิงมาอ่านแล้วเงียบๆ เซ่! อ่ะ นี่!"

เพื่อนของเขายื่นหนังสือเล่มหนาส่งมาให้

"อ่านนี่แล้วมาเล่าให้ฉันฟังสิ เล่าให้ละเอียดไม่เอาเล่าแบบส่งเดช"

"อะไร? นิทานกระต่ายกับเต่าหรอ?"

"แกอยากตายไหมล่ะหลีเหว่ย?"

"จ้าๆ ขอโทษ ว่าแต่ หนังสืออะไรล่ะ..."

เขาจ้องมองหนังสือเล่มหนา ที่บันทึกเรื่องราวเรื่องเล่าของสงครามเลือดเมื่อหลายพันปีก่อน แต่แล้วก็หลุดหัวเราะออกมาเพราะคิดว่ามันเป็นเรื่องตลกเหลวไหลซะมากกว่า

"ฮิฮิ เอาจริง? จะให้ฉันอ่านเรื่องนี้จริงดิ มันก็แค่เรื่องแต่งที่โด่งดังสมัยก่อน มีความจริงแค่5เปอร์เซ็นต์ นอกนั้นเป็นเรื่องแต่งที่ทำให้เรื่องมันดูสนุกก็แค่นั้นเอง"

"ถ้านายจะมาพูดแค่นี้ก็กลับบ้านไปเถอะ คนเขาจะอ่านหนังสือ"

"อ้าๆ รู้แล้วๆ ฮิฮิ ฉันเคยอ่านเรื่องนี้แล้ว แต่ก็จำไม่ค่อยได้เยอะหรอกนะ รู้แค่ว่าตอนจบของสงครามเลือด ตระกูลชื่อดังทั้ง5 ตระกูลต้องห้ำหั่นต่อสู้กับแม่ทัพมารนามว่าเฉินจือหาน ต้องเสียสละสมาชิกของคนในตระกูลไปนับร้อยนับพันชีวิต สงครามก็จบลง โดยที่แม่ทัพมารถูกสังหาร ตัดหัวเสียบประจาน แต่ตระกูลที่เหลือรอดมีเพียงสองตระกูลคือ ตระกูลหลินและตระกูลโจว แล้วต่อมาตระกูลหลินคิดก่อกบฏแต่ไม่สำเร็จและถูกสังหารหมู่ในที่สุดจนเหลือเพียงตระกูลโจวที่ยังอยู่รอดจนถึงตอนนี้"

"เอาจริงๆนะ ถ้าแม่ทัพมารอะไรนั่นไม่ก่อสงครามเรื่องพวกนี้ก็คงไม่เกิด บ้านเมืองคงสงบสุขกว่านี้เยอะ" เพื่อคนหนึ่งออกความเห็น

"อะไรกันพวกนาย ไม่ตั้งใจอ่านหนังสือแต่มาฟังฉันเล่าเนี่ยนะ แล้วก็มาด่าฉันว่าไม่สนใจอ่านหนังสือ? บ้าแล้ว"

"ก็นายนั่นล่ะ เล่าให้อยากฟัง ไปๆ อ่านต่อ อีกไม่นานก็จะมืดแล้ว หอสมุดปิดแล้วนี่แหละจะเป็นเรื่องแย่" ทั้งสามคนเริ่มกลับมาเข้าสู่โหมดตั้งใจกันอีกครั้ง

'กริ้ง.... กริ้ง..'

"อ่ะ.." หลีเหว่ยหันมองไปตามเสียงของกระดิ่งด้วยท่าทางฉงน

"อะไรหรอ?" เพื่อนในกลุ่มเอ่ยปากทักขึ้นกับท่าทางของเขาที่ดูเหม่อไปเล็กน้อย

"ฉัน..คิดว่าได้ยินเสียงกระดิ่ง"

"กระดิ่ง? ในนี้มีใครเขาสั่นกระดิ่งกันเล่า เงียบออกจะตาย หูนายเพี้ยนหรือไง? อ่านหนังสือกันได้แล้วจะได้รีบกลับบ้าน"

ใบหน้าจ้องมองหาที่มาของเสียงอย่างไม่ละสายตา แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่เจอเจ้าของเสียงกระดิ่งที่ว่านั่นเลยสักนิด หลีเหว่ยหันกลับมาสนใจบนโต๊ะของตัวเองอีกครั้งแล้วถอนหายใจเบาๆ

"คิดไปเอง..มั้ง"

...

"ท่านเฉินจือหาน น้ำสำหรับอาบได้เตรียมไว้ให้ท่านแล้วเจ้าค่ะ"

"....อย่าให้ใครเข้ามาตอนที่ข้ากำลังบำเพ็ญ"

ใบหน้านิ่งเรียบเดินตรงเข้ามายังด้านในห้องที่มีบ่ออาบน้ำขนาดใหญ่ ไฟจากตะเกียงจุดเปล่งแสงสีส้มนวลรอบบริเวร ฝีเท้าย่างก้าวเดินลงไปในบ่อแช่ที่ควันพวยพุ่งจากไอร้อนมายังจุดกึ่งกลางของบ่อ ยกมือขึ้นปัดเป่าแสงไฟรอบๆ ให้เปร่งเป็นสีม่วง พลางสูดลมหายใจรวบรวมญาณของตนเองให้เป็นหนึ่ง

".....ท่านเฉินจือหาน"

"...เฉินจือหาน!!! "

"อึก!" เปลือกตาลืมขึ้นกวาดตามองไปรอบๆ "ผู้ใดบังอาจมารบกวนข้า!"

ต่อให้เปร่งเสียงเอ่ยถามออกไป แต่กลับไม่มีใครกล่าวขานตอบรับ สีหน้าหงุดหงิดคลายกังวลพลางกลับมานั่งตั้งญาณของตนเองใหม่ เหงื่อเริ่มไหลซึม ร่างกายกลับรู้สึกหนักอึ้ง

"เฉินจือหาน!! เจ้าตัวอัปยศ!!"

"อึก!! ข้าถามว่าใครกัน!!! " แววตาโมโหร้ายผุดขึ้น จ้องมองไปรอบๆ อย่างไม่สบอารมณ์นัก

"เฉินจือหานสมควรตาย!!" เสียงนั่นยังคงดังก้อง แต่กลับไม่มีใครอยู่ในบริเวณนั้นเลยแม้แต่น้อย

"อึก บ้าเอ้ย..."

"เฉินจือหาน เฉินจือหาน เฉินจือหาน!! ช่วยด้วย ท่านเฉินจือหานโปรดไว้ชีวิตข้า! ท่านเฉินจือหาน!!"

มือกุมศีรษะไว้แน่น ร่างกายเริ่มหนักอึ้งขึ้นเรื่อยๆ ขณะรีบพยุงร่างเดินกลับขึ้นจากบ่อ เปลวไฟสีม่วงเริ่มโหมกระหน่ำ แต่เมื่อมองไปรอบๆ ด้าน มันกลับทำให้เขานั้นมองเห็นเพียงความมืด

"อ..อะไรกัน ข้า..เกิดอะไรขึ้น! อึก... ในหัวจะ..ระเบิด.."

"เฉินจือหาน!! ข้าจะฆ่าเจ้าซะ!! "

"อึก..อ๊าก!! ออกไปให้พ้น!! "

มือปิดหูแน่นกรีดร้องอย่างร้อนรนเพื่อหยุดยั้งเสียงเรียกปริศนาที่ร้องออกมารอบด้าน "ออกไป อย่ามาเข้าใกล้ข้า!! พวกเจ้ารู้ไหมว่าข้าเป็นใครกัน!! อย่ามาเหิมกับข้า เจ้าพวกวิญญาณ ข้าเป็นนายเจ้า อย่า..อึก..."

"นายท่าน? เกิดอะไรขึ้น! " เสียงฝีเท้าย่ำเข้ามาด้วยท่าทางแตกตื่นพยายามดึงสติอีกฝ่ายจากความมืดที่แผ่ออกมา

"อึก.. อ๊าก!! ออกไป!! เสียง.. อึก ออกไป!!"

นิ้วเรียวยาวคว้าเข้าที่คอของทหารรับใช้แล้วบีบไว้แน่น ร่างลอยเหนือพื้น ดิ้นทุรนทุรายก่อนถูกอีกฝ่ายกลืนกิน ผิวหนังเหี่ยวย่นเหมือนกับที่ชายคนก่อนเคยเป็นก่อนจะสิ้นใจทรุดตัวลงไปนอนแน่นิ่งทั้งที่ไม่มีความผิด แต่ถึงอย่างนั้นมันกลับไม่ได้ทำให้ความสงบสติของเฉินจือหานนั้นลดลงมาได้เลย

"ทำไม..ทำไมล่ะ..ข้า..ข้าดึงพลังชีวิตมาแล้ว ข้ากินมันไปแล้ว ทำไมข้ายังไม่ดีขึ้น ทั้งที่ อึก..อ๊าก!!"

ดวงตามองร่างกายตัวเองด้วยความสับสน นิ้วมือหยาบกระด้างเหี่ยวย่นราวกับคนแก่ แม้แต่ดวงตาเริ่มค้ำเปลี่ยนเป็นสีขาวโพลน สภาพของเขาไม่ต่างอะไรกับศพของคนที่จือหานคร่าชีวิตไป

"อึก.. มันจะต้องผิดพลาด มันจะต้องผิด..พลาด ทำไม..ข้าถึง.. อึก... อะ..อ๊าก!!! " ราวกับเวลานั้นได้หยุดนิ่ง ร่างยืนแน่นิ่งเหมือนวิญญาณนั้นหลุดออกจากร่างและดับสูญ สายตาที่เคยเกรี้ยวกราดหม่นหมองจนกระทั่งร่างทั้งร่างเซล้มลงจมหายไปในบ่อ

...

"ย่าส์~ ทำไมวันนี้อากาศมันหนาวขนาดนี้นะ"

"ทำมาบ่น ดึกป่านนี้แล้วแท้ๆ รีบกลับบ้านกันเถอะ พรุ่งนี้ไว้เจอกันนะพรรคพวก"

ชายหนุ่มทั้งสามแยกย้ายกันกลับบ้านตามเวลาที่สมควรขณะ หลีเหว่ยยังคงเดินเตร่ไปเรื่อยๆ ริมถนน ใบหน้าหยุดยืนจ้องมองรูปปั่นขนาดใหญ่ที่เป็นรูปปั้นของโจวเฉิงเคอ บุรุษผู้กำราบแม่ทัพมารในสงครามเลือดในสวนสาธารณะกลางเมือง

"อ้า ยังไม่อยากกลับบ้านเลยแฮะ โอ๊ะ ลืมเลย ต้องโทรหายัยนั่นก่อน"

ใบหน้าเปี่ยมสุขยกโทรศัพท์ขึ้นโทรติดต่อหาใครสักคนก่อนกลับบ้าน ขณะรถขับผ่านถนนใหญ่ที่เริ่มน้อยนิดเต็มที

"ฮัลโหล"

[พี่คะ ดึกดื่นป่านนี้ทำไมยังไม่กลับบ้าน แม่เป็นห่วงอยู่นะคะ]

"รู้แล้วๆ กำลังกลับแล้ว เธอน่ะ ยังไม่นอนหรือไง? "

[กำลังจะนอนค่ะ แต่เห็นพี่โทรมาหาน่ะ]

"ขอโทษแล้วกันที่โทรกวน ฉันกำลัง..'กริ้ง... กริ้ง...' อึก.." แววตาหันมองไปยังต้นตอของเสียงนั่น มันดังมาจากริมแม่น้ำที่ไม่ห่างกันมากนัก "ขอโทษนะ พี่จะรีบกลับ แค่นี้ก่อน"

[เอ๊ะ? พี่คะ มีอะไรหรือเปล่า?] หลีเหว่ยตัดสายไปในทันที เขาเริ่มเร่งฝีเท้าตามเสียงของกระดิ่งที่ยังสั่นเปร่งเสียงออกมาเป็นระยะ กวาดตามองไปรอบๆ ถึงแม้จะไม่เจออะไรเลย แต่เสียงกลับยิ่งใกล้เข้ามาเรื่อยๆ

"เสียงนี่.. เหมือนเคยได้ยินที่ไหนมาก่อนจริงๆ ด้วย" ร่างกายเดินตรงมายังแม่น้ำขนาดใหญ่ จ้องมองหาเสียงนั่นอย่างสงสัย "เสียงอยู่แถวๆ นี้ แต่ทำไม.."

"เฉินจือหาน..."

"อึก.." เสียงทุ้มต่ำเรียกดังออกมาจากในแม่น้ำ ใบหน้าเริ่มซีด แต่ไม่ว่ายังไงก็ยังไม่รู้ที่มาของเสียงนั่นที่ดังออกมาเพื่อล่อลวงให้เขานั้นตามเข้าไป

"อะไรกัน..อึก! อ้ะ! ป..ปวดหัว.." มือยกกุมศีรษะด้วยความปวดร้าวที่จู่ๆ กลับรู้สึกเจ็บแปลบขึ้นมาเหมือนถูกบีบอย่างรุนแรง

"จือหาน..."

"อึก..ป..ปวดหัว.. ใคร..ใครกำลัง.. อ้ะ! ว..เหวอ!"

ร่างเซตกลงไปในแม่น้ำขณะรีบตะเกี่ยตะกายขึ้นจากฝั่งแต่กลับรู้สึกเหมือนถูกดึงให้จมลงไป

"อึก! แอ๊กๆ ช..ช่วยด้วย! อึก! "

ผิวน้ำเคลื่อนไหว แต่ร่างยิ่งจมลงไป หลีเหว่ยดิ้นรนพยายามขึ้นมาจากฝั่ง แต่สุดแล้วกำลังก็เริ่มค่อยๆหายไปเรื่อยๆ ร่างเริ่มคล้อยจมลงไปในแม่น้ำลึก ริมฝีปากได้แต่กรีดร้องด้วยความหวาดกลัว

'กำลังตาย..ฉัน..ฉัน..กำลังจะตาย..'

...

อะไรกัน... ที่นี่..ที่ไหน ทำไมถึงรู้สึก.. "อึก ฮ้า!!" ชายหนุ่มรีบพยุงตัวขึ้นจากบ่อน้ำแล้วหอบหายใจอย่างลนลาน "อึก เฮ้อ.. แอ๊กๆ นึก..นึกว่า..นึกว่าจะตายซะแล้ว"

มือลูบน้ำออกจากหน้า กวาดตามองไปรอบๆ บ่อด้วยความสงสัย

"...ทำไม.. ถึงมาโผล่นี่ ที่นี่มันที่ไหน?"

หลีเหว่ยพยุงร่างขึ้นจากบ่อน้ำด้วยความมึนงง พยายามไล่สายตามองไปรอบๆ เหมือนกับเป็นห้องกว้างขนาดใหญ่ที่จุดตะเกียงเล็กๆ ไว้ล้อมรอบ เขาเสยผมขึ้นแต่แล้วก็หยุดชะงัก

"ผ..ผม? ทำไม ฉันจำได้ว่าผมฉันไม่ได้ยาวขนาดนี้.." เมื่อลองสางผมตัวเอง ถึงได้รู้ว่าเส้นผมของเขานั้นมันยาวมากทั้งที่ตัดสั้นตลอด

"หรือว่า...ฉันตายแล้วมาอยู่บนสวรรค์? อ้า ต้องใช่แน่ๆ ใช่แน่ๆ .. ฮ่า ฮ่า ฮ่า"

หลีเหว่ยหัวเราะปลอบขวัญตนเองพลางฟุบตัวนอนลงกับพื้น

"ฉันตายแล้ว ฮรื่อ.. ยังไม่ได้บอกลาแม่กับน้องสาวเลย พวกเขาต้องคิดถึงฉันมาแน่ๆ ....อ่ะ อึก.. ฮึก..... ว๊าก!!!!!!!"

ระหว่างที่กำลังตั้งสติเรียกขวัญตนเองอยู่นั้น หลีเหว่ยรีบลุกขึ้นอย่างรวดเร็วแล้วกรีดร้องด้วยความตกใจเมื่อเห็นศพตรงหน้ากำลังนอนแน่นิ่งด้วยสภาพซูบผอม

"ว๊าก!! อ๊าก!! ผีหลอก ผีหลอก อ๊าก!!!"

"น..นายท่าน! เกิดอะไรขึ้น?"

ข้ารับใช้วิ่งวุ่นกันเข้ามาเมื่อตกใจเสียงกรีดร้องที่ออกมาจากห้อง ท่าทางลนลานจ้องผู้คนที่วิ่งเข้ามาเป็นโขยงยิ่งทำให้หลีเหว่ยตกใจ ในความงงฉงนเข้าไปอีก

"พวกนายๆ อ๊ากก อะไรกัน อื้ยย ท..ทำไม แต่งตัวอย่างนั้นล่ะ? คอสเพลย์กันหรอ? หรืออะไร?"

"ข..ขอรับ? " แต่ดูเหมือนว่าพวกเขานั้นจะไม่เข้าใจกับสำนวนที่อีกฝ่ายพูด ผู้คนจ้องมองมายังเขาด้วยท่าทางสงสัยผิดแปลก บ้างก็เริ่มส่งเสียงกระซิบพูดคุย บ้างก็ทำหน้าวิตกกังวลด้วยความกลัว

"ก..ก็พวกนาย แต่งตัวยังกับจะไปคอสเพลย์ที่ไหน น..นั่นศพ.. ศพจริงๆ ใช่ไหม อ๊าก!! "

"น..นายท่าน!!"

"ท่านพี่?"

"เอ๊ะ? .." เสียงเรียกมาแต่ไกล ขณะหญิงสาววิ่งตรงเข้ามาหาด้วยความเป็นห่วง "เกิดอะไรขึ้น?" ใบหน้าสะสวยเรียวยาว จ้องมองมายังหลีเหว่ยอย่างเศร้าสร้อย

"น..นายท่านจู่ๆ ก็กรีดร้องออกมา แล้วก็พูดแปลกๆ พวกข้าฟังแล้วมิค่อยรู้ความ" เธอฟังคำพูดของพวกเขาแล้วขมวดคิ้วด้วยความสงสัยก่อนเดินก้าวเข้ามาหาอีกฝ่ายด้วยท่าทางกล้าๆ กลัวๆ

"ท..ท่านพี่? เป็นอะไรหรือไม่เจ้าคะ?"

"ท่านพี่? ทำไมถึงเรียกฉันว่าท่านพี่ล่ะ นี่พวกนายโอเคกันหรือเปล่า? ฉันว่าพวกนายอินบทกันเกินไปนะ"

"..ท่านพี่จือหาน ท่าน.." สายตาสาดส่องหยุดชะงักจ้องมองหญิงสาวหลังถูกเรียกชื่อที่ไม่เคยคิดว่าจะได้ยิน "อะไรนะ เมื่อกี้ เธอ..เรียกฉันว่าอะไรนะ? "

"ท่าพี่..จือหาน? เฉินจือหาน?"

"..... อ่ะ ฮ่ะ ฮ่า ฮ่า ไม่น่าใช่ มันเป็นไปไม่ได้...."

ท่าทางสับสนรีบพยุงตัวขึ้นก่อนฝ่าผู้คนวิ่งออกไปจากห้อง หลีเหว่ยจ้องมองไปรอบๆ บริเวณ ยิ่งทำให้หน้าเริ่มซีดขึ้นเรื่อยๆ

"บ..บ้าไปแล้ว ฉันกำลังฝันหรืออะไรกันอยู่ คงไม่ใช่อย่างที่คิด ไม่ใช่..ไม่น่าใช่.."

เมื่อวิ่งออกมาจนถึงประตูใหญ่ บรรยากาศของอากาศที่หนาวจัดยิ่งทำให้ใบหน้าตกอกตกใจยิ่งซีดหนักขึ้นไปอีก

".....ไม่จริงน่ะ" อาคารบ้านเรือนเก่าแก่ที่ไม่ควรจะมีอยู่ แต่มันกลับมีทุกที่ ตึกรามบ้านช่องอาคารสูงๆ มันได้หายไปแล้ว "น..นี่ คุณครับ" มือเล็กคว้าชาวบ้านที่เดินผ่านไปมา แต่พวกเขากลับมองหลีเหว่ยด้วยความหวาดกลัวและเดินหนี

"ท..ทำไมถึงมองฉันแบบนั้นล่ะ ฉัน... อึก.."

ฝีเท้าวิ่งกลับไปยังบ่อน้ำนั่นอีกครั้ง สีหน้าหวาดหวั่นฉายขึ้นมาบนใบหน้าแล้วรีบนั่งลงที่ขอบบ่อเพื่อชะโงกหน้ามองดูตัวเองในน้ำ "..ม..มันก็ฉันหนิ.. หน้าฉันหนิ ทำไม.. เสื้อผ้า ผม เกิดอะไรขึ้น" ใบหน้าขาวซีดจ้องมองกลับไปยังข้ารับใช้และหญิงสาวที่อ้างว่าเป็นน้องอย่างฉงน

"อย่าบอกนะว่าเฉินจือหานที่ว่า... คือฉันในอดีตหรอ?"

อ่านต่อ

หนังสือที่คุณอาจชอบ

ท่านแม่ทัพข้าคือศรีภรรยา NC25+

ท่านแม่ทัพข้าคือศรีภรรยา NC25+

ซีไซต์
5.0

องค์หญิงสิบสามนามหลินฮุ่ยหมินสตรีผู้ที่งดงามโดดเด่นไม่เป็นรองผู้ใดแต่กลับมีฐานะต่ำต้อยในวังหลวงด้วยพระมารดาเสียชีวิตตั้งแต่นางยังเด็ก ท่ามกลางความคับแค้นใจนางยังต้องคำสาปร้ายต้องกลายร่างเป็นสัตว์ทุกคืนวันพระจันทร์เต็มดวง เขาคือ หยางเอ้อหลาง แม่ทัพหนุ่มผู้มีความสามารถรูปโฉมสง่างามและเป็นวีรบุรุษคนสุดท้ายของสกุลหยาง ทั้งยังเป็นที่รักเคารพของชาวเมือง ทว่าด้วยความสามารถและตำแหน่งใหญ่โต ฮ่องเต้มิอาจวางใจจึงได้คิดกำจัดเขาให้พ้นตำแหน่งเสีย โดยมอบสมรสพระราชทานให้หยางเอ้อหลางกับพระธิดาของตน เดิมทีชีวิตของคนสองคนย่อมไม่บรรจบ เมื่อสตรีที่หมายหมั้นกับหยางเอ้อหลางคือองค์หญิงใหญ่ที่ปักใจรักเขาตั้งแต่เยาว์วัย ทว่าเรื่องไม่เป็นเช่นนั้น เมื่อคนทั้งคู่เกิดอุบัติเหตุจนคนเข้าพิธีสมรสกลายเป็นองค์หญิงสิบสาม ท่ามกลางความหวาดกลัวขององค์หญิงสิบสามที่กลัวความลับจะเปิดเผย ท่ามกลางหยางเอ้อหลางที่พยายามพาสกุลหยางให้รอดพ้น ท่ามกลางการแตกหักของความสัมพันธ์พี่น้องที่แสนรักใคร่ระหว่างองค์หญิงใหญ่และองค์หญิงสิบสามเพราะบุรุษเพียงผู้เดียว หลินฮุ่ยหมินจะทำเช่นใด เพื่อจะยุติเรื่องราวน่าเวียนหัวนี้

เพลงกาม

เพลงกาม

มณีน้ำเพชร
5.0

เนื้อตัวเต้นเร่าเตลิดเพลิดไปตามสัมผัสร้อนแรง เธอบังคับให้หยุดคิดถึงคนอื่นนอกจากคุณวายุ แต่เมื่อริมฝีปากของวายุแตะเข้ากับกลีบกาย พร้อมทั้งตวัดลิ้นเลียไปทั่วซอกหลืบ กลีบเนื้อบอบบางแต่อวบอูมของ 'หมูชมพู' จึงกระดิกแอ่นหยัดบั้นท้ายกระดกซอกหลืบสวนทางกับเรียวลิ้นของวายุ "คุณอุ่น และหอมมากหมูชมพู" พรรณชมพูส่ายวนโคกเนินที่เบียดบดไปกับริมฝีปากหนา ลิ้นของเขาปาดไปมาบนติ่งกระสันเหมือนกับปาดหน้าเค้ก เธอดิ้นพรวดพราดกัดริมฝีปากจนเบี้ยวไปข้างหนึ่ง ลิ้นสากๆ ห่อม้วนชำแรกเข้าไปในร่องสาวอันชุ่มฉ่ำ เมื่อนั้นริมฝีปากที่ถูกกัดจะห้อเลือดก็แยกอ้า พรรณชมพูเผลอกรีดร้องครวญครางถึงใครบางคน ที่จมอยู่ในห้วงความคิดไม่เคยเลือนหาย "อ๊า พี่เสือ" วายุผงกหัวขึ้นมองคนที่กำลังแอ่นลำคอและลำตัวทอดโค้ง แววตาของเขาไหววาบเป็นไฟ และเขาก็กัดกลีบกายบางๆ สีชมพูจนหมูชมพูของเขาสะดุ้งเฮือกสุดตัว "อ๊ะ เฮือก" เธอถูกกัด

ความลับของท่านประธาน

ความลับของท่านประธาน

ปีศาจชอนซา
5.0

นายพายุ ศิระภาคิณ อายุสามสิบปี นักธุรกิจหนุ่มประธานบริษัทส่งออกผ้าไทย วีรกรรมที่เขาทำไว้เมื่อสิบกว่าปีก่อน กำลังจะย้อนกลับมา เมื่อนางสาวแพรไหม โภสิกุล ดีไซเนอร์สาวอายุยี่สิบเก้าปี ได้ปรากฏตัวขึ้นหลังจากที่เธอนั้นหายออกไปจากมหาวิทยาลัย กว่าสิบปี โดยไม่ทราบสาเหตุ ซึ่งทำให้ท่านประธานหนุ่มเริ่มอยากรู้ชีวิตของเธอ เมื่อครั้งหนึ่งเรือนร่างอันบอบบางอรชรเคยหล่อหลอมเป็นหนึ่งเดียวกับเขามาแล้ว ถ้าหากเขาต้องการสานสัมพันธ์กับเธออีกครั้ง มันก็ไม่แปลกหากเธอนั้นยังโสดแพรไหมจะยังต้องการเขาอยู่หรือไม่ ในเมื่อเธอคิดว่าพายุนั้นเป็นแค่ผู้ชายที่พรากความบริสุทธิ์ไปจากเธอเท่านั้น ซึ่งเวลานี้เธอก็ยังคงมองเขาในด้านลบอยู่ดี แม้ว่าเวลาจะผ่านไปเป็นสิบปีแล้วก็ตาม "แม่ของหนูชื่ออะไร ตอนนี้อยู่ที่ไหน บอกฉันได้ไหม" พายุถามพร้อมกับจ้องลงไปที่ดวงตาแป๋วของเด็กหญิงตรงหน้า เมื่อเขามั่นใจว่าสายตาจะไม่โกหก "แม่ของหนูชื่อแพรไหม!" เด็กหญิงพูดออกมา พร้อมกับจ้องสายตาคมของผู้เป็นบิดาอย่างไม่กะพริบตา เพื่อยืนยันว่าเธอนั้นไม่ได้โกหก “ฮ่ะ!” พายุอุทานออกมาเสียงดัง ขณะที่หัวใจของเขานั้นเต้นแรง ก่อนจะยิ้มกว้างออกมาด้วยความดีใจที่สุดในชีวิต "ถ้าคุณไม่เชื่อ พาหนูไปตรวจดีเอ็นเอก็ได้นะคะ" เด็กหญิงพูดออกมาพร้อมกับมีใบหน้าที่เศร้าหม่น เมื่อเธอคิดว่าบิดาคงไม่เชื่อในสิ่งที่เธอนั้นพูดออกมา "ไม่จำเป็น!" พายุพูดออกมาด้วยน้ำเสียงแข็ง เพื่อยืนกรานที่จะตรวจดีเอ็นเอ จนทำให้คนฟังนั้นหวาดกลัว เพราะใยไหมคิดว่าบิดานั้นไม่เชื่อใจเธอ "หนูขอโทษที่มารบกวน หนูขอตัวกลับก่อนนะคะ สวัสดีค่ะ" ใยไหมพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือ เธอยกมือขึ้นไหว้ผู้เป็นบิดาอย่างนอบน้อม ประหนึ่งว่าจะไม่ได้เจอเขาอีกแล้วในชีวิตนี้ เมื่อเธอได้สัญญากับผู้เป็นมารดาเอาไว้ หากถูกปฏิเสธแล้วไซร้ จะขอกลับไปไม่กลับมาหาชายตรงหน้าอีกเลยตราบชั่วชีวิต "แล้วหนูจะไปไหน นั่งลงก่อนสิ" พายุพูดพร้อมกับจับร่างเล็กของลูกสาวนั่งลงข้าง ๆ อีกครั้ง "ที่บอกว่าไม่จำเป็น นั่นเป็นเพราะว่าพ่อเชื่อว่าหนูเป็นลูกของพ่อโดยไม่ต้องตรวจดีเอ็นเอ!" พายุพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่น ใยไหมไม่รอช้าโผเข้าไปกอดผู้เป็นบิดาอีกครั้งในทันที ก่อนจะร้องไห้ออกมาเพราะความดีใจ "ไม่ร้องนะครับคนเก่งของพ่อ" พายุพูดพร้อมทั้งเอื้อมมือไปเช็ดน้ำตาที่แก้มใสของลูกสาวออกจนสิ้น ในขณะที่ตัวของเขาเองก็น้ำตาคลอเช่นกัน "หนูขอเรียกพ่อว่าคุณป๋านะคะ" เสียงเจี๊ยวจ๊าวพูดออกมาอย่างรื่นหู คุณป๋าที่เด็กหญิงพูดนั้น ทำให้พายุอดที่จะหัวเราะออกมาอย่างชอบใจไม่ได้ "ฮ่า! ฮ่า! ฮ่า! ทำไมถึงต้องเรียกพ่อว่าคุณป๋าด้วยละ หืม" พายุเอ่ยถามลูกสาวออกมา ขณะที่เขายังคงกอดเด็กหญิงเอาไว้ ด้วยความรักความผูกพันของสายใยระหว่างพ่อลูก ที่มันพันผูกจนมาสามารถอธิบายออกมาเป็นคำพูดได้ "มาดาม ไม่ชอบให้หนูมีพ่อ หนูก็จะมีคุณป๋าแทนยังไงล่ะคะ" คำตอบของลูกสาวทำให้พายุยิ้มไม่หุบครั้งแล้วครั้งเล่า เธอช่างเป็นเด็กฉลาดและร่าเริง ผิดกับแพรไหมมารดาของเธอ ที่ชอบทำหน้าเหมือนแบกโลกทั้งใบเอาไว้ตลอดเวลา "ทำไมถึงเรียกแม่ว่ามาดาม ตอนนี้แม่แต่งงานไปแล้วหรือยัง" เวลานี้พายุลุ้นคำตอบจากลูกสาว หรือแพรไหมจะแต่งงานกับฝรั่งตาน้ำข้าวไปแล้ว ใยไหมถึงได้เรียกเธอว่ามาดาม "แม่ยังไม่มีใคร มีแค่ลุงดนัยที่ชอบมาข้องแวะ แต่หนูไม่ชอบเขาเลย เพราะเขาชอบทำตัวเป็นเจ้าข้าวเจ้าของมาดามอยู่เรื่อย" คำตอบของลูกสาวช่างอิ่มเอมใจ เมื่อแพรไหมไม่มีใครเขาก็พร้อมจะสานสัมพันธ์ แต่งานนี้คงจะยากหากผู้ชายคนนั้นมาข้องแวะ แต่เขามีลูกสาวที่ยืนเคียงข้างแล้วจะกลัวอะไร "ถ้าพ่ออยากจะจีบแม่ต้องทำยังไง" "โอ้! เจ๋งเป้งมากค่ะคุณป๋า เดี๋ยวหนูจะช่วยเอง" ใยไหมพูดออกมาด้วยความดีใจ นั่นคือสิ่งที่เธอปรารถนามาแสนนาน อยากให้บิดามารดาได้ลงเอยกันสักที "ลูกรับปากพ่อแล้วน๊า... " พายุพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่น่ารัก "แต่เราต้องมาทำข้อตกลงกันก่อนค่ะ คุณป๋า" ใยไหม ผละออกจากอกกว้างของผู้เป็นบิดา พร้อมกับหยิบคุกกี้ตรงหน้าเข้าปาก "หิวหรือยัง ไปทานข้าวก่อนดีไหม" พายุเอ่ยถามออกมาด้วยความห่วงใย เมื่อเห็นลูกสาวนั้นหยิบคุกกี้เข้าปากคำโต "เดี๋ยวค่อยไปทานก็ได้ค่ะ แต่เราต้องมาทำข้อตกลงกันก่อน เรื่องที่หนูเป็นลูกสาวของคุณป๋า ห้ามให้ใครรู้ ทุกอย่างจะเป็นความลับระหว่างเราได้ไหมคะ" พายุทำหน้าสงสัยกลับไปให้เด็กหญิง เธอกำลังคิดจะทำอะไร ใครหลายคนคงดีใจหากได้เป็นลูกสาวของท่านประธาน "ทำไมเป็นลูกสาวพ่อมันไม่ดีตรงไหนเหรอ ลูกถึงไม่อยากให้ใครรู้" พายุเอ่ยถามออกไปด้วยน้ำเสียงที่แสดงออกถึงความน้อยใจ เมื่อลูกสาวไม่อยากให้ใครรับรู้ว่าเขาเป็นบิดาของเธอ "เป็นลูกสาวของป๋าดีที่สุดแล้ว แต่หนูไม่อยากให้ใครมองมาดามในทางไม่ดี ทุกคนต้องรู้แน่ สาเหตุที่มาดามต้องออกจากมหา'ลัยกลางคัน" คำบอกเล่าของใยไหมเป็นเหมือนดังคมหอก ที่ทิ่มแทงเข้ามาในหัวใจของพายุ เด็กหญิงตรงหน้าช่างมีความคิดแบบผู้ใหญ่ เธอถูกเลี้ยงมาแบบไหนทำไมถึงได้ฉลาดอย่างนี้ แพรไหมคงดูแลอบรมลูกสาวมาอย่างดี ต่างจากเขาผู้เป็นบิดาที่ไม่เคยได้เหลียวแล "พ่อขอโทษนะ ที่ไม่เคยได้ดูแลหนูเลย ต่อจากนี้ไปพ่อจะไม่ทิ้งหนูกับแม่ให้อยู่กันตามลำพังอีกแล้ว" คำพูดของผู้เป็นบิดากำลังทำให้เด็กหญิงหัวใจพองโต เธอดีใจที่ผู้เป็นพายุไม่ปฏิเสธ แถมเขายังคิดที่จะสานสัมพันธ์กับมาดามของเธออีกครั้ง คงไม่มีอะไรทำให้เด็กหญิงมีความสุขเท่าสิ่งนี้มาก่อนเลยในชีวิต "ก่อนอื่นคุณป๋า ต้องจีบมาดามให้ติดก่อน หนูบอกเลยว่างานหิน มาดามดื้อจะตาย ขนาดลุงดนัยตามจีบหลายปี มาดามยังปฏิเสธทุกครั้ง แต่ลุงดนัยก็ตื้ออยู่ได้" ใยไหมพูดพร้อมกับทำหน้างอ ออกมาได้อย่างน่ารัก "ป๋ามีลูกสาวคอยช่วยจะกลัวอะไร ไปทานข้าวกันดีกว่า เดี๋ยวป๋าจะไปส่งที่บ้าน" พายุพูดออกมาด้วยสายตาที่มีความหวัง เขาคงไม่ต้องใช้นักสืบ ในเมื่อโชคชะตากำหนดให้หญิงสาวเดินเข้ามาในชีวิตของเขาเอง แถมอยู่ดี ๆ ก็ได้ลูกสาวมาหนึ่งคน ที่น่ารักซะจนทำให้เขานั้นอยากไว้หนวด

ห้ามหย่า

ห้ามหย่า

Bronson Heiss
5.0

ในวันแต่งงาน เสิ่นเยวียนถูกคู่หมั้นและน้องสาวของเธอทำร้าย และถูกจำคุกเป็นเวลาสามปีด้วยความทุกข์ทรมาน หลังจากได้รับการปล่อยตัวจากคุก น้องสาวผู้ชั่วร้ายได้คุกคามด้วยชีวิตแม่และพยายามให้เธอมอบตัวกับชายชรา อย่างไรก็ตาม เธอได้พบกับเซียวเป่ยหาน ซึ่งเป็นผู้ทรงอิธิพลที่หล่อเหลาและเย็นชาแห่งแห่งสังคมด้านมืด อย่างไม่คาดคิด และชะตากรรมของเธอก็เปลี่ยนไปตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา แม้ว่าเซียวเป่ยหานจะเย็นชา แต่เขากลับปฏิบัติต่อเสิ่นเยวียนดั่งเป็นสมบัติล้ำค่า นับแต่นั้นมา เธอจัดการคนเสแสร้ง เอาคืนแม่เลี้ยงและไม่ถูกกลั่นแกล้งอีกต่อไป

บท
อ่านเลย
ดาวน์โหลดหนังสือ
การเริ่มต้นใหม่ของอดีตจอมมาร
1

บทที่ 1 กวีบทที่ ๑ น้ำย่อมไหลตามกระแส

25/09/2023

2

บทที่ 2 กวีบทที่ ๒ สกุลใหญ่

25/09/2023

3

บทที่ 3 กวีบทที่ ๓ อู๋เสี่ยวเชียน

25/09/2023

4

บทที่ 4 กวีบทที่ ๔ เบื้องลึกก่อนเกิด...

25/09/2023

5

บทที่ 5 กวีบทที่ ๕ ดอกไม้ย่อมผลิบาน

25/09/2023

6

บทที่ 6 กวีบทที่ ๖ เป็นไป

25/09/2023

7

บทที่ 7 กวีบทที่ ๗ เขากุ่ยอิง

25/09/2023

8

บทที่ 8 กวีบทที่ ๘ คร่ำครวญ

25/09/2023

9

บทที่ 9 กวีบทที่ ๙ อดีตของเฉินจือหาน

25/09/2023

10

บทที่ 10 กวีบทที่ ๑๐ เด็กน้อยจือหาน

25/09/2023

11

บทที่ 11 กวีบทที่ ๑๑ ลี่เหลียน

25/09/2023

12

บทที่ 12 กวีบทที่ ๑๒ ม่านหมอก

25/09/2023

13

บทที่ 13 กวีบทที่ ๑๓ ราตรีรัตติกาล Nc 18+

25/09/2023

14

บทที่ 14 กวีบทที่ ๑๔ พระจันทร์เลือด

25/09/2023

15

บทที่ 15 กวีบทที่ ๑๕ หอเดือนเคียง

25/09/2023

16

บทที่ 16 กวีบทที่ ๑๖ ก่อนสามหอคอย

25/09/2023

17

บทที่ 17 กวีบทที่ ๑๗ สหาย

25/09/2023

18

บทที่ 18 กวีบทที่ ๑๘ ผู้ต้องสงสัย Nc 18+

26/09/2023

19

บทที่ 19 กวีบทที่ ๑๙ รอบแรก

26/09/2023

20

บทที่ 20 กวีบทที่ ๒๐ งานเลี้ยง

26/09/2023

21

บทที่ 21 กวีบทที่ ๒๑ จงระวัง

26/09/2023

22

บทที่ 22 กวีบทที่ ๒๒ กระวนยิ่ง

26/09/2023

23

บทที่ 23 กวีบทที่ ๒๓ ความคลื้นเคลง Nc 18+

26/09/2023

24

บทที่ 24 กวีบทที่ ๒๔ ผันแปล

26/09/2023

25

บทที่ 25 กวีบทที่ ๒๕ อดีตของผู้เริ่ม

26/09/2023

26

บทที่ 26 กวีบทที่ ๒๖ ผู้ริเริ่ม Nc 18+

26/09/2023

27

บทที่ 27 กวีบทที่ ๒๗ ครั้งสุดท้าย

26/09/2023

28

บทที่ 28 กวีบทที่ ๒๘ หนักขึ้น

26/09/2023

29

บทที่ 29 กวีบทที่ ๒๙ บุรุษไร้พ่าย

26/09/2023

30

บทที่ 30 กวีบทที่ ๓๐ กลับ

26/09/2023

31

บทที่ 31 กวีบทที่ ๓๑ ก่อนจาก

26/09/2023

32

บทที่ 32 กวีบทที่ ๓๒ โกหกหลอกลวง

26/09/2023

33

บทที่ 33 กวีบทที่ ๓๓ ความจริง

26/09/2023

34

บทที่ 34 กวีบทที่ ๓๔ เล่า

26/09/2023

35

บทที่ 35 กวีบทที่ ๓๕ ให้พบ

26/09/2023

36

บทที่ 36 กวีบทที่ ๓๖ ไม่อาจกลับ

26/09/2023

37

บทที่ 37 กวีบทที่ ๓๗ ความจริง

26/09/2023

38

บทที่ 38 กวีบทที่ ๓๘ ซ่อนเร้น

26/09/2023

39

บทที่ 39 กวีบทที่ ๓๙ ผันเปลี่ยน Nc 18+

26/09/2023

40

บทที่ 40 กวีบทที่ ๔๐ จากหาย

26/09/2023