Login to MeghaBook
icon 0
icon เติมเงิน
rightIcon
icon ประวัติการอ่าน
rightIcon
icon ออกจากระบบ
rightIcon
icon ดาวน์โหลดแอป
rightIcon
คุณอาขา (อัญญาณี)

คุณอาขา (อัญญาณี)

อัญญาณี

5.0
ความคิดเห็น
12.3K
ชม
64
บท

“คุณอาขา” เจ้าของเสียงหวานหยดย้อยดังกังวาน “ที่นี่ตอนดึกๆ อากาศหนาวจังเลยนะคะ ดูสิคะขนบนแขนของกุ๊กลุกพรึบเลยค่ะ” สาวน้อยวัยดรุณีถลกแขนเสื้อโค้ทขึ้นสูง แล้วยื่นลำแขนให้ชายหนุ่มข้างกายดูขนเส้นเล็กบนลำแขนที่ลุกชันตามอากาศหนาวเหน็บ ด้วยความหนาวเย็นนี้เองทำให้สาวร่างเล็กเบียดชิดผู้ปกครองวัยกำหนัดเพื่อหาไออุ่นอย่างเสียมิได้ ทั้งที่เธอสวมชุดกันหนาวแบบเต็มยศแล้วก็ตาม “ชะ...ใช่ค่ะอากาศมันเริ่มหนาวแล้ว หนาวมากๆ ด้วยค่ะ” เสียงใหญ่พูดขึ้น พยายามข่มอารมณ์บางอย่างที่แล่นพล่านในร่างกาย เธอหนาว...แต่เขากลับรู้สึกร้อน ร้อนรุ่มไปหมดทั้งตัว จนอยากจะถอดเสื้อผ้าออกจากกายแล้วใช้ความเย็นของอากาศดับไฟในร่าง ยิ่งเธอเบียดชิดร่างกายหาไออุ่น อุณหภูมิความร้อนยิ่งเพิ่มมากขึ้น ธาตุไฟในร่างแตกซ่านจะไม่ให้เขาเกิดอาการเช่นนี้ได้อย่างไร ก็เธอเล่นเบียดกระแซะกายหาไออุ่นอย่างเด็กขาดความอบอุ่น ดอกอุบลที่อยู่ภายใต้เสื้อโค้ทสัมผัสกับท่อนแขนกำยำของเขาโดยไม่ได้ตั้งใจ ‘จะทนได้สักกี่น้ำวะเนี่ย’ คนปากแข็งพล่ามในใจ ปรายตามองณัฏฐลักษณ์ สาวน้อยวัยยี่สิบเอ็ดปี เด็กในปกครองตามันระยับที่โจนาธานปรารถนาจะพุ่งเข้าใส่วันละหลายๆ รอบ

บทที่ 1 1

1

สวัสดีค่ะคุณอา

คุณอาเป็นยังไงบ้างคะ สบายดีหรือเปล่า กุ๊กสบายดีค่ะ ต้องขอโทษคุณอาด้วยนะคะที่ไม่ได้เขียนจดหมายมาหาคุณอาหลายเดือน ช่วงนี้กุ๊กยุ่งๆ ค่ะ ไหนจะเรื่องเรียน เรื่องการทำหนังสือเดินทาง แต่ดีหน่อยที่คุณอาช่วยเหลือเรื่องวีซ่า ไม่อย่างนั้นกุ๊กคงไม่ได้ไปหาคุณอาแน่ๆ เลยค่ะ

กุ๊กตื่นเต้นที่สุด เดือนหน้ากุ๊กก็จะได้เจอคุณอาแล้ว ไม่รู้ว่าคุณอายังจำกุ๊กได้หรือเปล่า เพราะครั้งสุดท้ายที่เราเจอกัน ตอนนั้นกุ๊กเรียนอยู่ม.6 มันก็สี่ปีแล้วนะคะที่เราไม่ได้เจอกัน กุ๊กคิดถึงคุณอามากๆ เลยค่ะ ทั้งตื่นเต้นดีใจที่ได้เจอคุณอาและได้ไปเมืองนอกเป็นครั้งแรกในชีวิต

กุ๊กมีเรื่องยินดีจะบอกคุณอาด้วยนะคะ กุ๊กได้เกียรตินิยมอันดับหนึ่งค่ะ กุ๊กเก่งหรือเปล่าคะคุณอา กุ๊กเรียนเก่งอย่างนี้แล้วคุณอาจะให้อะไรเป็นของขวัญคะ อ้อ...อีกอย่างนึงที่กุ๊กจะอวดคุณอา ตอนนี้กุ๊กพูดภาษาอังกฤษเก่งขึ้นมากแล้วนะคะ อาจารย์ยังบอกเลยว่าฉายเดี่ยวได้แล้ว ทีนี้กุ๊กก็จะได้คุยกับคุณอาได้เสียที

กุ๊กรบกวนคุณอาแค่นี้นะคะ เดือนหน้าเจอกันค่ะคุณอา

รักคุณอาค่ะ

น้องกุ๊ก

โจนาธานอ่านเนื้อความในกระดาษจดหมายสีชมพูด้วยรอยยิ้ม จดหมายฉบับนี้ทิ้งห่างจากฉบับที่แล้วร่วมสามเดือน จะมีใครรู้หรือไม่ว่าคนอย่าง โจนาธาน แมคเคนซีจะเฝ้ารอจดหมายของสาวน้อยวัยละอ่อนนามว่า ณัฏฐลักษณ์ อัศวนันท์ หรือน้องกุ๊กทุกวัน ครั้นจะเขียนจดหมายไปหาเองก็ไม่ถนัดนัก เพราะโจนาธานไม่ถนัดเขียน ถนัดพูดซะมากกว่า

เขายกกระดาษจดหมายฉบับนั้นขึ้นสูง ก่อนจะมาแนบตรงปลายจมูกแล้วสูดดมกลิ่นหอมจากแป้งเด็กที่เธอเทใส่ไว้ในซองจดหมายอย่างเช่นทุกครั้ง มันช่างชื่นใจเหลือเกิน กลิ่นแป้งยี่ห้อนี้ติดจมูก ติดอยู่ในจิตใจและความรู้สึกของเขาตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้สูดดม ประหนึ่งว่าเขากำลังจุมพิตแก้มหอมๆ ของเจ้าของจดหมายก็ไม่ปาน

จดหมาย คือการสื่อสารระหว่างคนที่อยู่สหรัฐอเมริกากับคนที่อยู่เมืองไทย ณัฏฐลักษณ์ในเวลานั้นพูดภาษาอังกฤษไม่เก่ง ไม่คล่องหรือจะพูดได้ว่า สื่อสารกับชาวต่างชาติไม่ได้เลย แม้ว่ามารดาของเธอจะได้สามีใหม่เป็นชาวอเมริกัน ทว่าแมทธิวพูดภาษาไทยได้ดีมาก จึงสื่อสารกับเธอเป็นภาษาไทยทุกคำ ณัฏฐลักษณ์จึงไม่ใส่ใจเรียนภาษาอังกฤษเท่าใดนัก

จนกระทั่งมารดากับพ่อเลี้ยงประสบอุบัติเหตุเสียชีวิต ในวันที่เดินทางไปพักผ่อนที่ต่างจังหวัด โจนาธานน้องชายแมทธิวรีบรุดมาเมืองไทยหลังจากทราบข่าวว่าพี่ชายได้รับอุบัติเหตุอาการสาหัส พอมาถึงคนที่กำลังใกล้จะเสียชีวิตพูดฝากฝังณัฏฐลักษณ์ที่แมทธิวรักไม่ต่างกับลูกไว้กับโจนาธาน พอน้องชายรับปากแมทธิวก็หมดลมหายใจ จากโลกนี้ไปอย่างไร้ความกังวล

ในเวลานั้นณัฏฐลักษณ์ในวัย 12 ปีเหมือนเรือที่ลอยคว้างกลางทะเล หาที่พึ่งไม่ได้ ทว่ายังดีที่เธอยังมีโจนาธาน อาหนุ่มที่เข้ามาดูแลทั้งเรื่องความเป็นอยู่และการเรียน แรกๆ ทั้งคู่แทบจะไม่คุยกันเลย เพราะสื่อสารกันคนละภาษา สนทนาผ่านล่ามเท่านั้น และในอีกหนึ่งเดือนต่อมา โจนาธานได้เดินทางกลับประเทศสหรัฐอเมริกา หลังจากจัดการเรื่องหลานสาวนอกไส้เสร็จสิ้น

โจนาธานจะมาเยี่ยมณัฏฐลักษณ์ปีละสองครั้งนานหกปี เขาจึงมีความคิดว่า สมควรที่จะให้หญิงสาวเรียนภาษาอังกฤษได้แล้ว เขาจึงจ้างครูสอนภาษามาสอนเธอเป็นการส่วนตัว และนับตั้งแต่นั้น ณัฏฐลักษณ์เริ่มเขียนจดหมายมาหาตน เพราะถือว่าเป็นการฝึกปรือเรื่องการเขียนอ่านไปในตัว

“ชื่นใจจัง” คนที่สูดดมจดหมายพูดพร้อมรอยยิ้ม ก่อนจะพับจดหมายให้อยู่ในรูปเดิม สอดเก็บเข้าไปในซองจดหมายที่มีแป้งฝุ่นโรยอยู่ด้านใน จากนั้นก็ไปรวมเก็บไว้ในกล่องไม้ใต้โต๊ะทำงานที่มีจดหมายหลายสิบซองซ้อนทับในนั้น แล้วยังมีดอกกุหลาบแห้งหลายสิบดอกวางอยู่ในกล่องไม้กล่องนั้นด้วย เป็นดอกกุหลาบที่เขาและเธอช่วยกันปลูก

จากนี้ก็รอเวลาที่เขาและเธอจะได้พบกันครั้งแรกในรอบสี่ปี...

หนึ่งเดือนต่อมา

“จอนคะ จอน” เสียงร้องปานขาดใจดังลอดผ่านปากของสาวร้อนแรงแห่งปี โมนิก้า ฟรองซัวส์ นางแบบสาวลูกครึ่งอเมริกัน-ฝรั่งเศสที่นอนร่างสั่นสะเทือนอยู่ใต้ร่างหนาที่เคลื่อนไหวอย่างดุดัน ไม่ปรานีร่างสาวที่บิดเร้า ร้องเรียกหาความสุขไม่ขาดปาก

ก๊อก ก๊อก ก๊อก เสียงเคาะประตูดังขึ้นหลายครั้ง ส่งผลให้พายุอารมณ์ของโจนาธานสะดุดลงกลางคัน แต่ทว่าเขายังควบขี่เหนือร่างระหงเร็วรี่ หวังว่าตนเองจะเดินทางไปยังสวรรค์เบื้องบนเร็วๆ ทว่า...

ก๊อก ก๊อก ก๊อก เสียงเคาะประตูยังคงดังไม่หยุด

“โธ่โว้ย!...อะไรนักหนาวะ”

เจ้าของห้องสบถออกมาอย่างหัวเสีย เมื่อตนเองตกสวรรค์เอาดื้อๆ ดึงร่างของตนเองออกห่างร่างอ่อนระทวยของคู่ขาสาว ก้าวลงจากเตียงก่อนจะคว้าเสื้อคลุมมาสวมทับร่างล่อนจ้อนของตัวเอง

“มีอะไรไซลัส ถ้าไม่ใช่เรื่องด่วนมึงเจ็บตัวแน่”

โจนาธานพูดใส่หน้าเจ้าของมือที่เคาะประตู ส่งสายตาดุๆ ไม่พอใจให้ไซลัส แต่คนที่อยู่นอกห้องหาได้เกรงกลัว เพราะคิดว่าเรื่องที่ตนจะบอกเจ้านายขี้โมโหของตนนั้นนั้น สำคัญกับโจนาธานมาก

“คุณจอนต้องไปรับคุณกุ๊กที่สนามบินนะครับ ลืมหรือเปล่าครับคุณจอน” ไซลัสตอบเจ้านายหนุ่มสุดหล่อ

“ตายห่า...ลืมไปเลย” โจนาธานอุทานเสียงดัง หน้าตาตื่นตกใจ “นายไปรอข้างล่าง อีกยี่สิบนาทีฉันจะลงไป” เขารีบปิดประตูทันทีที่สั่งลูกน้องเสร็จ

“มีอะไรคะจอน” โมนิก้าลุกขึ้นนั่ง คว้าผ้าห่มมาปกปิดร่างกาย มองดูท่าทางรีบร้อนของเขาด้วยความสงสัย

“ฉันมีธุระด่วน เธอใส่เสื้อผ้าแล้วกลับบ้านไปได้เลย” เขาพูดอย่างไม่ใส่ใจ เดินเข้าไปในห้องน้ำรีบอาบน้ำแล้วออกมาแต่งตัวกะจะให้เสร็จภายในสิบห้านาที

“คุณจะไปไหนคะจอน” เธอเอ่ยถามเมื่อเห็นโจนาธานแต่งตัวอย่างเร่งรีบ ซึ่งไม่ใช่นิสัยของเขาเลย

“ฉันต้องไปรับกุ๊กที่สนามบิน”

เขาตอบไปแต่งตัวไป เครื่องหมายคำถามเกิดขึ้นในสมองของเธอทันที กุ๊กคือใคร มีความสำคัญอะไรที่โจนาธาน แมคเคนซีต้องไปรับด้วยตัวเอง

“ใครคะกุ๊ก” โมนิก้าย้อนถาม

“ไม่ใช่เรื่องของเธอที่จะต้องรู้ เธอแต่งตัวเสร็จแล้วก็กลับอพาร์ตเม้นต์ของเธอซะ” คนที่กำลังง่วนกับการแต่งตัวสั่งอีกครั้ง

หลังจากที่แต่งตัวเสร็จเรียบร้อย เจ้าของห้องก็เร่งฝีเท้าไปยังประตูห้อง เปิดออกกว้างแล้วเดินออกไปทันที ปล่อยให้คนที่อยู่ในห้องจมอยู่กับความสงสัยเพียงลำพัง

“ใครนะกุ๊ก” โมนิก้าพูดเหมือนถามตัวเอง กุ๊กเป็นใครกัน อาจจะเป็นลูกค้าคนสำคัญที่โจนาธานต้องดูแล หรืออาจจะเป็นหญิงคนใหม่ของเขาก็เป็นได้ เพราะเขาเปลี่ยนคู่ควง คู่นอนเป็นว่าเล่น ความอยากรู้บวกกับไม่ต้องการให้ตนเองกระเด็นออกมาจากตำแหน่งคู่ควงคนใหม่ของชายผู้โด่งดัง คิดได้ดังนั้นนางแบบสาวรีบเด้งตัวลุกขึ้นยืน ก้าวเท้าเร็วๆ ออกไปจากห้อง ตามหลังโจนาธานไปติดๆ งานนี้เธอต้องรู้ให้ได้ว่า กุ๊กคือใคร

อ่านต่อ

หนังสืออื่นๆ ของ อัญญาณี

ข้อมูลเพิ่มเติม
สวาทรัก อสูรร้าย

สวาทรัก อสูรร้าย

มหาเศรษฐี

5.0

"คนอย่างเธอความเจ็บปวดแค่นี้มันยังน้อยเกินไป เธอต้องเจ็บเหมือนกับที่มินามิเจ็บ และต้องเจ็บยิ่งกว่าหลายร้อยเท่า ฉันจะทำให้เธอตายอย่างช้าๆ แต่ทุกข์ทรมานแสนสาหัส เธอจะไม่ได้ยินหรือสัมผัสกับความอ่อนโยนเมตตาจากฉัน สิ่งที่ฉันจะมอบให้เธอมีเพียงความเกลียดชังเท่านั้น จำใส่กะโหลกไว้" เรียวเหวี่ยงร่างงามไปที่เตียงนอนอย่างแรง มือหนาจับที่ข้อเท้าของเธอไว้แน่นเมื่อรู้ว่าเธอกำลังกระเถิบตัวหนี "หนีสิ หนีเลย ถ้าเธอหนี คนที่ตายเป็นคนแรกคือแม่ของเธอ ฉันจะให้แม่เธอตายเหมือนหมูเหมือนหมาข้างถนน เหมือนกับที่เธอฆ่าแม่ของฉัน" ดวงตาเขาเปล่งแสงแรงกล้าของความอาฆาต เมื่อนึกถึงข้อนี้อยากจะฆ่าหญิงสาวตรงหน้าให้ตายตามมารดาและคนที่เขารัก แต่ความตายอาจจะไม่ทำให้เขาสะใจ นอกจากกระกระทำต่อไปนี้ที่สะใจเขามากที่สุด ทรรศิกาหยุดดิ้นรนขัดขืน เขาจึงปล่อยข้อเท้าของเธอให้เป็นอิสระ จัดการปลดเปลื้องเสื้อผ้าต่อหน้าเธอ ความกลัวเริ่มเกาะกินจิตใจของเธอมากขึ้นเรื่อยๆ อยากจะวิ่งหนีออกไปจากที่นี่ แต่เมื่อนึกถึงมารดา ทำให้เธอก้มหน้ารับชะตากรรมที่กำลังจะเกิดขึ้น เรื่องที่คุณน่าจะสน

ชิงรัก

ชิงรัก

มหาเศรษฐี

5.0

ความอิจฉาน้องสาวต่างมารดาคือจุดเริ่มต้นของแผนการ “ชิงไอศูรย์” มาเป็นของตน เธอจึงใช้เล่ห์เหลี่ยมง่ายๆ คือวางยานอนหลับเขา พอตื่นขึ้นมาก็จะติ๋งต่างว่า เขากับเธอมีอะไรกัน ทว่าแผนเกิดผิดพลาด ยาที่ผสมในไวน์กลับเป็นยาปลุกเซ็กซ์ ผลที่ออกมาคือ ไอศูรย์มีความสัมพันธ์ทางกายกับเธอจริงๆ ในที่สุด ชเนตตีได้แต่งงานกับเขาตามตั้งใจ ทว่าผลที่ออกมา ไม่ได้เป็นไปตามที่คิดไว้ “เนยใส่อะไรในแก้วไวน์ของพี่ใช่ไหม ไม่อย่างนั้นพี่จะไม่มีวันอยู่ในสภาพแบบนี้” เขาถามอีกครั้งเมื่อเห็นอีกฝ่ายเงียบ เสียงที่ถามเข้มห้วน ใบหน้ายังคงเรียบตึง สายตาถมึงทึงใส่ร่างอวบที่ย่นคอหนีน้ำเสียงแผดกร้าว “ตอบพี่มา” “ใส่อะไร เนยไม่รู้เรื่อง…ฮือ…พี่เจย์ทำผิดแล้วอย่ามาโทษว่าเนยวางยาพี่นะ…ฮือ” เธอยังคงปากแข็งต่อไป หลบสายตาแข็งกร้าวพัลวัน

ลิขิตรักพญามาร

ลิขิตรักพญามาร

มหาเศรษฐี

5.0

“ว้าย!!..” เธอร้องได้เพียงเท่านั้น ก่อนที่ปากของหยาดน้ำค้างจะถูกมือใหญ่ของใครบางคนปิดเอาไว้ ลำแขนอีกข้างรัดร่างน้อยไว้แน่น ก่อนจะลากไปที่พุ่มไม้รกข้างทาง “อย่าดิ้น อย่าร้อง ไม่งั้นจะจับปล้ำมันตรงนี้แหละ” เสียงที่พูดชิดเรียวหูสะอาด ทำให้เธอรู้ว่าเจ้าของเสียงนั้นคือใคร..เหมันต์ วิเศษเดโช เขาดันร่างเล็กให้แผ่นหลังแนบชิดกับต้นไม้ใหญ่ขนาดสี่คนโอบ ใช้ลำแขนกักร่างบางเอาไว้ “ปล่อยนะ” หญิงสาวพูดเสียงเบาทว่าหนักแน่น เธอไม่กล้าพูดเสียงดังมาก เพราะกลัวว่าคนที่เดินผ่านไปผ่านมาจะได้ยิน “ไปกล่อมพ่อหรือกล่อมลูกมาล่ะ ถึงได้อ้อยอิ่งเป็นชั่วโมงแบบนี้” น้ำเสียงของเหมันต์เขียวเหมือนกับใบหน้าที่เขียวคล้ำด้วยความโกรธ “มันเรื่องของฉัน..คุณไม่เกี่ยว..เราไม่มีอะไรต่อกันแล้ว คุณก็ได้ในสิ่งที่คุณต้องการแล้วนี่ จะมาเอาอะไรกับฉันอีก ปล่อยนะ ฉันจะกลับที่พัก” หยาดน้ำค้างพยายามดิ้นรนหนีพันธนาการที่รัดร่างอยู่ แต่ทว่าลำแขนของเขานั้นหาได้คลายออกไม่ ยิ่งรัดแน่นมากกว่าเก่า เมื่อได้ยินวลีของเธอ “ทำไมผมจะไม่เกี่ยว ในเมื่อน้ำค้างเป็นเมียของผม..เป็นเมีย หรือว่าจำไม่ได้ว่าเราสองคนมีความสุขกันมากแค่ไหน” เขาเท้าความหนหลังให้เธอได้ฟัง ฝ่ายหญิงนิ่งเงียบกับคำพูดของเขา เธอไม่เถียงว่ามีความสุขมากแค่ไหนเวลาได้อยู่ใกล้ชิดกับเรือนกายที่แสนแข็งแรงและอบอุ่น หากแต่ความทุกข์และความเสียใจที่เธอได้รับนั้นมันก็มากมายเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นความสุขหรือว่าความทุกข์ เธอก็ไม่มีวันลืมเช่นกัน และไม่มีทางจะกลับไปจมกับความทุกข์อีกแล้ว “ฉันไม่ใช่เมียคุณ..ถ้าคุณคิดว่าการที่เรามีอะไรกันแล้วฉันจะเป็นเมียคุณ พี่ว่านก็ต้องเป็นสามีของฉันเหมือนกัน” หยาดน้ำค้างคิดว่าวิธีนี้เป็นวิธีที่ดีที่สุด วิธีที่เขาไม่มีทางมายุ่งเกี่ยวกับเธออีก อ้อมแขนที่รัดร่างนิ่มคลายออกโดยอัตโนมัติ หัวใจของคนที่ฟังเต้นเร็ว ดวงตาคมเข้มสีดำเรืองแสงในความมืดที่โรยตัวไปทั่วบริเวณ บ่งบอกอะไรหลายอย่างในแววตา เสียใจ ไม่คาดฝัน ไม่แน่ใจ

สะใภ้สุดขั้ว แม่ผัวสุดขอบ

สะใภ้สุดขั้ว แม่ผัวสุดขอบ

มหาเศรษฐี

5.0

จะกี่หมัดก็ไม่หวั่น กี่ยกก็ไม่กลัว เธอจะ Knock Out ด้วยหัวใจติดปลายนวม ภัทรียายินดีสานต่อค่ายมวยและรับผิดชอบหนี้สินรุงรังต่อจากพ่อซึ่งเสียชีวิต แต่ ณ วันนี้หนี้สินสามปีที่ผัดผ่อนมาตลอดทำให้เธอมืดแปดด้าน ไม่ว่าความหวังแสนริบหรี่แค่ไหน เธอก็คว้าไว้อย่างไม่รอช้า ไม่เว้นแม้แต่การเป็นภรรยาหลอกๆ ต่อให้ต้องโดนแม่สามีดูถูกทุกขณะ น้องสาวสามีจ้องเหยียดชาติกำเนิดทุกครั้งที่เจอหน้า ภัทรียาก็ไม่หวั่นเกรงแม้แต่น้อย เพราะเธอคือ... ‘มะปราง ลูกจ่าดาบ ศิษย์จอมทอง’ นักมวยสาวหุ่นกระชากใจหนุ่มๆ หากไม่เพราะกำลังจะถูกแม่จับคลุมถุงชน ธัชธรรมจึงต้องเลือกใช้วิธีสิ้นคิด จ้างนักมวยสาวหมัดหนักที่กำลังร้อนเงินมาเป็นภรรยากำมะลอ จดทะเบียนจริง อยู่ด้วยกันจริง...และทำท่าว่าจะต้องอยู่ด้วยกันอีกนาน รออีกอย่างเดียวเท่านั้น... รอให้สะใภ้กำมะลอยอมเป็นภรรยาตัวจริงของเศรษฐีหนุ่มหล่อ

พิศวาสทาสเสน่หา

พิศวาสทาสเสน่หา

มหาเศรษฐี

5.0

“บ้าอำนาจชะมัด” หญิงสาวแอบบ่น กระแทกตัวลงนั่งริมสุดของขอบโซฟา ทิ้งระยะห่างจากเขาให้มากที่สุด “นี่แม่คุณ มานั่งใกล้หน่อยสิ นั่งไกลอย่างนั้นแล้วจะบริการฉันได้ยังไง ไม่เห็นเหรออาหารหมดถ้วยแล้ว” ถ้ารู้มาก่อนว่าคนที่จองห้องวีไอพีคือเขาคนนี้ เธอไม่ยอมเป็นพนักงานเสิร์ฟจำเป็นแน่นอน หญิงสาวเขยิบร่างกายเข้ามาอีกนิด ตักอาหารใส่ถ้วย ก่อนจะวางไว้ตรงหน้าเขาเหมือนเดิม “ป้อนด้วยสิ” เขาพูดอย่างอารมณ์ดี “ดิฉันมีหน้าที่คอยให้บริการอำนวยความสะดวกให้กับคุณ ตามที่เห็นสมควรนะคะ การป้อนอาหารเป็นนอกหน้าที่ของดิฉัน” สร้อยระย้าพูดด้วยน้ำเสียงค่อนข้างเข้ม จ้องมองอีกฝ่ายอย่างไม่พอใจ ชายหนุ่มกระตุกยิ้มกับท่าทีแสนพยศของเธอ ขยับร่างกายเข้ามาประชิดร่างบางอย่างรวดเร็ว โดยที่หญิงสาวไม่ทันตั้งตัว “ว้าย!!..ปล่อยนะ” หญิงสาวร้องเสียงหลง ผลักร่างหนาให้ออกห่าง แกะมือใหญ่ที่รัดเอวของเธอไว้แน่น แต่ยิ่งพยายามเอวของเธอก็ต้องถูกรัดแน่นมากยิ่งขึ้น ไม่เพียงเท่านั้นร่างงามลอยขึ้นเหนือเบาะ เนื่องจากเขาอุ้มร่างของเธอมานั่งบนตัก “พยศนักนะ” ไม่เคยมีผู้หญิงคนไหนกล้าปฏิเสธเขามาก่อน เห็นจะมีเพียงผู้หญิงกลิ่นกายเย้ายวนใจคนนี้ ยิ่งชิดใกล้เลือดในกายของเขาเดือดพล่าน ความต้องการปะทุขึ้นมาทันที เรียวปากใหญ่ปิดสนิทปากนุ่มที่กำลังจะอ้าปากต่อว่า ทำให้เขาสอดแทรกลิ้นร้อนชื้นเข้าไปภายในโพรงปากอย่างง่ายดาย เรียวลิ้นหนาตวัดพัดโบกกับลิ้นนุ่มที่ตื่นกลัวทำอะไรไม่ถูก เนื่องจากจูบนี้เป็นจูบแรกของชีวิตสาว สมองของเธอนั้นเริ่มมีกลุ่มหมอกควันสีขาวเข้ามาปกคลุม ความว่างเปล่ากำลังเข้ามาแทนที่ ไม่มีสตินึกคิด ความหวานนุ่มชวนหอมหวานที่เขาได้สัมผัส กระตุ้นความเป็นชายของเขาให้ตื่นจากการหลับใหล เสียงครางที่ดังทักท้วงในลำคอสาว เสมือนยากระตุ้นให้ความดันโลหิตของเขาเสียดทานกับความต้องการทางเพศ ร้อนรุ่มไปทั้งกาย มือใหญ่ลูบแผ่นหลังบางไปมา ก่อนจะวกมากอบกุมทรวงอกขนาดพอเหมาะกับฝ่ามือของเขา ไม่ใหญ่มากเกินไปจนล้นมือและไม่เล็กจนเสียอารมณ์

หนังสือที่คุณอาจชอบ

ต้องมนต์บุปผา

ต้องมนต์บุปผา

โรแมนติก

5.0

หลิวซือซือผู้หญิงธรรมดาคนหนึ่งที่นอกจากรูปร่างหน้าตาที่สวยหยดย้อยแล้ว แทบจะไม่มีความสามารถหรือความโดดเด่นในเรื่องอื่น และหากจะว่ากันไปหญิงสาวก็เป็นคนที่ค่อนข้างใสซื่อบริสุทธิ์อยู่ไม่น้อย เพราะได้รับการรับเลี้ยงประดุจไข่ในหินจากผู้เป็นพ่อและแม่ที่มีฐานะไม่ธรรมดา เธอรักในอาชีพนักแสดงแม้พ่อแม่จะคัดค้านแต่สุดท้ายก็ตามใจเธอเพราะไม่ต้องการให้ลูกสาวเสียใจ อยู่มาวันหนึ่งด้วยบทบาทที่ต้องแสดงในซีรีส์ย้อนยุค ทำให้พ่อของเธอหาขลุ่ยโบราณเล่มหนึ่งมาให้ ตั้งแต่ได้รับขลุ่ยมาหลิวซือซือก็มักฝันประหลาด ว่าเธอได้พบผู้ชายคนหนึ่งในเขาเป็นแม่ทัพอยู่ระหว่างสงครามอีกทั้งตนเองยังมีโอกาสช่วยเขาหลายครั้ง ที่น่าประหลาดใจคือ ฝันนั้นของเธอเหมือนจะเป็นความจริงไปแล้ว เขาคือใครและเกี่ยวข้องกับเธอด้วยเหตุใด ทำไมเธอจึงมักฝันประหลาดเช่นนี้???

ฉันไม่มีทางยอมแพ้

ฉันไม่มีทางยอมแพ้

โรแมนติก

5.0

เมื่อเธออายุยี่สิบ ชิงฉือได้รู้ว่าตนเองไม่ใช่ลูกโดยกำเนิดของตระกูลต้วน เธอถูกลูกสาวที่แท้จริงของตระกูลต้วนล้อมกรอบ จนถูกพ่อแม่บุญธรรมไล่ออกจากบ้านและกลายเป็นตัวตลกในเมือง เมื่อเธอกลับไปหาพ่อแม่ชาวนา จากนั้นก็พบว่าบิดาผู้ให้กำเนิดของเธอเป็นคนที่รวยที่สุดในเมืองเจียงเฉิงส่วนพี่ชายของตนเองเป็นอัจฉริยะในแวดวงต่างๆ ทุกคนมองดูเด็กสาวตัวเล็กคนนี้ด้วยความเห็นใจและถือว่าเธอเป็นสมบัติล้ำค่า แต่ค่อยๆ พบว่า... ที่แท้ว่าน้องสาวเป็นคนมากความสามารถ? อดีตแฟนหนุ่มผู้น่ารังเกียจหัวเราะเยาะ "อย่ามาตามเซ้าซี้ไม่เลิก ฉันมีแต่เมียนเมียนอยู่ในใจ!" คนใหญ่แห่งเมืองหลวงปรากฏตัว "เมียฉันจะเห็นหัวนายเหรอ?"

ภรรยาห้าตำลึงเงิน

ภรรยาห้าตำลึงเงิน

เมืองแฟนตาซี

5.0

คนเราบางครั้งก็หวนนึกขึ้นมาได้ว่าตายแล้วไปไหน ซึ่งเป็นคำถามที่ไร้คำตอบเพราะไม่มีใครสามารถมาตอบได้ว่าตายไปแล้วไปไหน หากจะรอคำตอบจากคนที่ตายไปแล้วก็ไม่เห็นมีใครมาให้คำตอบที่กระจ่างชัด ชลดา หญิงสาวที่เลยวัยสาวมามากแล้วทำงานในโรงงานทอผ้าซึ่งตอนนี้เป็นเวลาพักเบรค ชลดาและเพื่อนๆก็มานั่งเมาท์มอยซอยเก้าที่โรงอาหารอันเป็นที่ประจำสำหรับพนักงานพักผ่อน เพื่อนของชลดาที่อยู่ๆก็พูดขึ้นมาว่า "นี่พวกแกเวลาคนเราตายแล้วไปไหน" เอ๋ "ถามอะไรงี่เง่าเอ๋ ใครจะไปตอบได้วะไม่เคยตายสักหน่อย" พร "แกล่ะดารู้หรือเปล่าตายแล้วไปไหน" เอ๋ยังถามต่อ "จะไปรู้ได้ยังไง ขนาดพ่อแม่ของฉันตายไปแล้วยังไม่รู้เลยว่าพวกท่านไปอยู่ที่ไหนกัน เพราะท่านก็ไม่เคยมาบอกฉันสักคำ" "อืม เข้าใจนะแก แต่ก็อยากรู้อ่ะว่าตายแล้วคนเราจะไปไหนได้บ้าง" "อืม เอาไว้ฉันตายเมื่อไหร่ จะมาบอกนะว่าไปไหน" ชลดาตอบเพื่อนไม่จริงจังนักติดไปทางพูดเล่นเสียมากกว่า "ว๊าย ยัยดาพูดอะไร ตายเตยอะไรไม่เป็นมงคล ยัยเอ๋แกก็เลิกถามได้แล้ว บ้าไปกันใหญ่" พรหนึ่งในกลุ่มเพื่อนโวยวายขึ้นมาทันที แต่ใครจะรู้ว่าหลังจากวันนั้นที่คุยกันที่โรงอาหารจะเป็นการคุยเล่นกันวันสุดท้ายของชลดา เพราะหลังจากเลิกงานกลับมาชลดาก็เสียชีวิตระหว่างเดินทางกลับหอพักด้วยสาเหตุวัยรุ่นยกพวกตีกันและมีการยิงกันเกิดขึ้นและชลดาคือผู้โชคร้ายที่ผ่านทางมาพอดี ท่ามกลางความเสียใจของเพื่อนๆ เอ๋ได้แต่หวังว่า ชลดาคงไม่มาบอกกับเธอจริงๆหรอกใช่ไหมว่าตายแล้วไปไหน

บท
อ่านเลย
ดาวน์โหลดหนังสือ