+++++++++++++ “อือ... พริบีนา... จะ...เจ็บค่ะ” “ฉันชอบ... เวลาเธอเจ็บเพราะฉัน” สิ้นคำเขาก็ขบอีกครั้ง จนร่างของเธอเต็มไปด้วยรอยแดงๆ เหมือนกลีบกุหลาบช้ำๆ “คนบ้า!” “ฉันดูดเธอได้ทั้งคืน... ดูดแรงๆ ตลอดทั้งเนื้อทั้งตัว...” ‘รวิสรา’ ต้องตกใจจนแทบสิ้นสติ เมื่อจู่ๆ ‘พริบีนา เอล เชสตัค’ มกุฎราชกุมารผู้หล่อเหลาแห่งเอล มอร์เรเวีย ก็ปรากฏตัวขึ้นตรงหน้า และบอกว่าเขาคือเจ้าของที่แท้จริงของเพนต์เฮาส์หรูใจกลางปารีส ที่แม่ของเธอทิ้งเอาไว้ให้ ก่อนจะหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย หากเรื่องกลับวุ่นวายยิ่งกว่าเดิม... เมื่อรู้ว่าน้องชายวัยขวบเศษของเธอ คือทายาทที่เกิดจากการขโมยสเปิร์มของเขา หญิงสาวจึงจำใจสุ่มเสี่ยงต่อความหวั่นไหว แล้วยอมใช้ชีวิตร่วมชายคาเดียวกัน กับเจ้าชายหนุ่มผู้เร่าร้อนตลอดหนึ่งสัปดาห์ เพื่อแย่งกรรมสิทธิ์ในตัวเด็กน้อย โดยไม่ให้สูญเสียพรหมจรรย์ของตัวเอง
รถยนต์หรูแล่นอย่างเรียบเรื่อย บนถนนสายหลักใจกลางกรุงปารีส กระทั่งมาจอดหน้าเพ้นต์เฮ้าส์แห่งหนึ่งอันเป็นจุดหมายปลายทาง จากนั้นไม่นานเสียงกริ่งประตูดังขึ้น ส่งผลให้รวิสราที่กำลังง่วนกับการเลี้ยงเด็กอ่อนเงยหน้าขึ้นมองจอภาพจากกล้องวงจรปิด แต่มองไม่เห็นใครสักคนเดียว ขณะที่เสียงกริ่งยังคงดังซ้ำๆ อยู่อย่างนั้น
“กล้องเสียสินะ” หญิงสาวพึมพำกับตัวเองอย่างหงุดหงิดน้อยๆ บ่นกล้องวงจรปิดที่มาเสียเอาก็ตอนนี้ มันน่าหงุดหงิดน่ะ เจ้าหล่อนคิดอย่างหัวเสีย ก่อนวางร่างจ้ำม่ำอวบอั๋นของทิกเกอร์ ทารกน้อยวัยขวบเศษบนเบาะนอนอันนุ่มนิ่ม ก่อนวิ่งไปเปิดประตูอย่างกระวีกระวาด
“บ้าจริง!” หญิงสาวสบถเมื่อพบว่า ไม่เพียงกล้องที่เสีย แต่ตาแมวยังใช้ไม่ได้อีกด้วย คราวนี้ความหงุดหงิดที่มีอยู่เป็นทุนเพิ่มดีกรีขึ้นมาอีกระดับ มือเพรียวพลางเปิดประตูขึ้นพรวด ทันใดนั้นเอง ดวงตากลมโตที่ประดับไปด้วยแพขนตายาวงอนถึงกับเบิกกว้างขึ้นอย่างตะลึงพรึงเพริดกับสิ่งที่เห็นอยู่ตรงหน้า
ชายหนุ่มเจ้าของดวงหน้าหล่อเฉลา ดวงตาสีเทอร์ควอยซ์ จมูกโด่งเป็นสันโง้งตรงกลางอย่างคนดื้อรั้น ริมฝีปากสีชมพูอ่อนจาง พร้อมรูปร่างสูงสมาร์ท มองก็รู้เลยว่ารูปร่างที่อยู่ใต้สูทสามชิ้นสีเทาควันบุหรี่เข้มนั้น ต้องเป็นเรือนร่างของผู้ชายสมบูรณ์แบบคนหนึ่ง รวิสรามองจ้องดวงหน้าหล่อสะอาดดูสูงศักดิ์ ยืนตระหง่านปรากฏตัวต่อหน้าเธอนิ่งแน่วราวต้องมนต์สะกด ปากอ้าค้างน้ำลายแทบสอเพราะไม่เคยเห็นผู้ชายเจ้าของความหล่ออย่างดึงดูดใจเท่านี้มาก่อน สมองเธอหยุดทำงานชั่วขณะ ราวกับว่าจักรวาลกำลังหยุดหมุนเพราะถูกบางสิ่งที่มีพลังดึงดูดรุนแรงยิ่งกว่า
รวิสรานิ่งงันเหตุเพราะไม่รู้จะพูดอะไรในเวลาต้องมนตร์เช่นนี้ นี่เจ้าหล่อนลืมเสียสนิทหรือว่า ในค่ำนี้จะมีใครบางคนต้องการมาพบเธอเพื่อเจรจาเรื่องทิกเกอร์!
‘ทวงทายาท! จริงด้วย... หรือเขาคือคนที่ต้องการมาพบฉัน’
หญิงสาวนิ่งงัน เพียงเพราะตลึงตลานในรูปโฉมอันงดงามของชายหนุ่มผู้มาเยือนอยู่ชั่วขณะ ก่อนเรียกสติคืนมา จึงได้เอ่ยถามคนแปลกหน้าที่สุดแสนจะดูดีตรงหน้าว่า เขามีธุระอะไร... จะใช่คนเดียวกันหรือไม่ที่เธอรับนัดเขาผ่านเลขานุการเสียงเข้มเมื่อก่อนหน้านี้
“คุณมาหาใครคะ มีธุระอะไรที่นี่?” รวิสราเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงเย็นชาพอกันกับอีกฝ่าย ด้านหลังเขามีชายสองคนสูงใหญ่ เจ้าของหุ่นมาดแมนดูแข็งแรง แต่หน้าตาดี สะอาดสะอ้าน หากก็หล่อน้อยกว่าชายหนุ่มตรงหน้าที่กำลังยืนจ้องเธอเขม็ง
พูดถึงความหล่อมันก็อีกเรื่อง... แต่เดี๋ยวนะ! พวกเขามายืนเรียงหน้ากระดานกันทำไมที่หน้าเพ้นท์เฮ้าต์ของหล่อนกันล่ะ
ผู้ชายพวกนี้เป็นคนดีหรือคนเลว รวิสราอยากรู้เพียงเท่านี้
ถ้าเลว... จะได้ไล่พวกเขากลับ ชนิดที่มาทางไหนก็กลับไปทางนั้นเลย เสียเวลาเลี้ยงทิกเกอร์เปล่าๆ นี่เธออยู่ในสภาพหัวฟู เสื้อผ้ารุงรังรุ่ยร่าย ตื่นนอนขึ้นมา ยังไม่ทันได้อาบน้ำอาบท่า ผัดแป้งแต่งหน้า หรือแม้แต่หวีผมเลยด้วยซ้ำ ก็เพราะอะไรจะสำคัญเท่ากับการพุ่งตัวไปดูแลเลี้ยงดูทิกเกอร์ พ่อเสือน้อยของหล่อนกันเล่า ที่ยิ่งนับวันทิกเกอร์ก็โตวันโตคืน ยิ่งโตก็ยิ่งแสบแบบไร้ขีดจำกัด
“เธอคงเป็น... มิสกอบกรกุล?” เสียงคำถามสั้นๆ ฟังดูเรียบนิ่งน่ากริ่งเกรง ความเคร่งขรึมช่างเข้ากันดีเสียเหลือเกินกับท่วงท่าเย็นชาเชือดเฉือนอันดูไม่เป็นมิตรของเขา
“...” รวิสรากำลังงงว่าเขาหมายถึงใคร เธอหรือชนิสราผู้เป็นแม่ ‘กอบกรกุล’ คือนามสกุลของเธอ
หญิงสาวใช้นามสกุลตามผู้เป็นมารดามาตั้งแต่วัยเยาว์
“เธอเป็นแม่แบบไหนกัน?” ผู้มาเยือนเอ่ยเยาะหยันเมื่อสายตาคมปราบมองเห็นสารรูปที่ดูไม่ได้ของผู้หญิงที่กำลังยืนต้อนรับเขาด้วยท่าทีที่ไม่เป็นมิตรพอๆ กัน
“ฉันต้องการเข้าไปพบทิกเกอร์และเจรจาเรื่องเด็กคนนี้” ชายหนุ่มจอมหยิ่งเอ่ยเจตนาต่อ หลังจากมองสำรวจเรือนร่างที่จัดว่าดูอวบอิ่มในเสื้อผ้าที่แทบจะเรียกว่าผ้าขี้ริ้วนั่น ด้วยมาดนิ่งขรึม ดวงตาคมกล้าเจือแววเย็นชาช่างดูเชือดเฉือน รวิสรามองเขาอย่างงงงวย ผู้ชายแปลกหน้าคนนี้ แม้เป็นเจ้าของดวงหน้าหล่อเหลา รูปร่างสูงสง่า ดวงตาเย็นชาทว่าน่าค้นหาและดูเดียวดายอย่างประหลาด
เธอไม่เคยพบเห็นชายหนุ่มยุโรปที่หน้าตาหล่อเหลาอย่างนี้มาก่อนเลย ยอมรับว่าแรกพบในชั่ววินาทีนั้น สายตาคมปราบของเขาสร้างพลังบางอย่างกระตุ้นเร้าเลือดในกายสาวสะพรั่งอย่างเธอให้ปั่นป่วนวุ่นวาย หัวใจเต้นแรงอย่างที่ไม่มีผู้ชายคนไหนเคยทำได้มาก่อน เขาไม่เพียงดูดี หากดูสูงส่งมีสกุลอย่างที่เธอเองก็อธิบายไม่ถูก
แต่น่าเสียดายที่เขาช่างเย็นชาและดูไม่เป็นมิตรจนเกินไป การมาของเขาต้องไม่ใช่เรื่องดีอย่างแน่นอน
“คุณรู้จักฉันได้ยังไง?” รวิสรานิ่งอย่างงงงัน เมื่อชายแปลกหน้ารู้จักชื่อเธอ สมองหญิงสาวเริ่มทำงาน กลไกการป้องกันตนเองก็เริ่มขึ้น ร่างกายสับสนปั่นป่วน ทำให้หล่อนนึกถึงป้าบุศยาที่เคยพูดอยู่เสมอว่าหล่อนและทิกเกอร์ เด็กชายวัยขวบเศษๆ อาจจะตกอยู่ในอันตรายไม่วันใดก็วันหนึ่ง เพราะสิ่งที่ชนิสราผู้เป็นแม่ทำเอาไว้นั่นเอง
ชายหนุ่มตรงหน้า มองสำรวจหญิงสาวตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้าอย่างเย็นชาเชือดเฉือน ก่อนเดินเลยเธอเข้าไปภายในที่พักอาศัยโดยไม่สนใจว่า เจ้าของสถานที่จะอนุญาตหรือไม่ ในเวลาเดียวกันนั้นกลุ่มชายร่างสูงโปร่งแลดูสมาร์ทในชุดสูทสามชิ้นสีดำก็เดินตามเข้าไปอย่างเย็นชาพอกันกับผู้เป็นนาย
“มิสครับ เราเข้าไปคุยข้างในดีกว่า ผมรับประกันว่าคุณจะไม่ได้รับอันตราย พวกเรามาเจรจาไม่ได้คุกคาม” เลขานุการหนุ่มของคนเย็นชาหันมาพูดกับเจ้าหล่อนท่าทางสุภาพกว่าใครเพื่อน คงเป็นคนเดียวที่มีความเป็นมิตรกระมัง
“แต่นี่... พวกคุณกำลังบุกรุก” รวิสราเริ่มส่งเสียงโวยลั่น สีหน้าไม่พอใจอย่างเห็นได้ชัด เขากำลังเสียมารยาทและคุกคามเธอ ที่นี่มันที่พักอาศัยของเธอนะ เขาไม่มีสิทธิ์ทำอะไรแบบนี้!
‘มันชักจะเกินไปแล้ว’ รวิสราคิดอย่างฉุนๆ
“เราเข้าไปคุยกันข้างในเถอะครับ” ผู้ติดตามคนหนึ่งของเขาเอ่ยด้วยน้ำเสียงจริงจังทว่าอ่อนน้อมและให้เกียรติจนรวิสรามองจ้องมาด้วยสายตาที่เป็นมิตรขึ้น เพราะเหตุว่าเธอไม่อยากสร้างศัตรู หากไม่จำเป็น ทั้งนี้ก็เพื่อความปลอดภัยของเธอและทิกเกอร์
หญิงสาวฉุกนึกขึ้นมาได้ว่าปล่อยเด็กเล็กนอนทิ้งไว้เพียงลำพัง เธอจึงรีบรุดเข้าในบ้านในสภาพกึ่งเดินกึ่งวิ่ง ตรงปรี่ไปที่ร่างเด็กน้อยที่หลับปุ๋ยไปแล้วเรียบร้อย เธออุ้มร่างเล็กขึ้นมาแล้ววางลงบนเปล เด็กน้อยสะดุ้งผวาตัวเล็กน้อยเพราะถูกขัดจังหวะการหลับที่อยู่ในช่วงเคลิบเคลิ้ม จากนั้นไม่นานเด็กน้อยก็หลับลงไปอย่างง่ายดาย ‘เด็ก’ เลี้ยงง่าย ถือเป็นความโชคดีของเธอ
หลังจากกล่อมเด็กน้อยจนนอนหลับปุ๋ย หายห่วงแล้วเรียบร้อย รวิสราก็มานั่งบนโซฟาตรงข้ามกับชายหนุ่มเจ้าของแววตาเย็นชา ดูเขาช่างเคร่งขรึม และไม่เป็นมิตรเอาเสียเลย เขาเป็นใครมาจากไหนกันนะ ท่าทางแต่งตัวดูดีโก้หรู แต่ที่เมืองไทย โจรก็คือพวกใส่สูทดีๆ นี่เอง ดังนั้นเธอจึงเตรียมพร้อมรับสถานการณ์เสมอ ถ้าพวกเขาคิดจะทำอะไรมิดีมิร้ายกับเธอ
ว่าแต่... ผู้หญิงตัวเล็กๆ อย่างเธอจะพอประมืออะไรพวกเขาได้?
“คราวนี้พวกคุณจะบอกฉันได้หรือยังว่ามีธุระอะไรที่นี่ และคุณคงไม่รู้สินะคะว่ากำลังบุกรุกคุกคามฉันอย่างน่ารังเกียจที่สุด” รวิสราเอ่ยขึ้นน้ำเสียงไม่เป็นมิตร ท่าทางขึงขังเอาเรื่อง จงใจขู่ เธอไม่แสดงออกสักนิดเดียวว่ากลัวคนที่ดูท่าจะมีอิทธิพลอย่างพวกเขา
“เอาล่ะ ให้ทนายของฉันเจรจาแทนก็แล้วกัน” ชายหนุ่มเจ้าของแววตาเย็นชาพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น ซึ่งก็เหมาะกันดีกับแววตาคมปราบคู่นั้นของเขา
“ทนาย? นี่ฉันไปทำเรื่องผิดกฎหมายอะไรต่อคุณไม่ทราบ?” รวิสราเอ่ยขึ้นถามด้วยน้ำเสียงเข้มขึง ดวงตาเจือแววสงสัยหากพยายามเก็บความรู้สึก เธอไม่ต้องการให้คนพวกนี้เห็นว่าเธอกำลังอ่อนแอ ไม่อย่างนั้นพวกเขาจะกลายเป็นฝ่ายได้เปรียบทันที
“ผมชื่อเยล ยูราย เป็นทนายประจำตระกูลเอล เชสตัค” ทนายหนุ่มหยุดพูด เมื่อเขาละเอาไว้ซึ่งฐานะที่แท้จริงของเอล เชสตัค ตามความประสงค์ของพริบีนา เขายังไม่ต้องการเปิดเผยฐานะที่แท้จริงของตน
“ฉันทราบแล้วค่ะ” หญิงสาวตอบหน้าเรียบนิ่ง ไม่แสดงอารมณ์ใดๆ หากจดจ้องผู้มาเยือนอย่างไม่วางตา พวกเขาไม่น่าไว้วางใจเลยสักคนเดียว
“พวกเรามาเพื่อเจรจากับมิสกอบกรกุล” ทนายบอกเจตนาของการมาครั้งนี้ด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“เข้าเรื่องเลยยูราย” คนเย็นชาเอ่ยแทรกขึ้นมาอย่างนึกรำคาญ น้ำเสียงมั่นคงราบเรียบ หากจุดประสงค์กลับเร่งเร้า ให้การเจรจาครั้งนี้เสร็จสิ้นโดยเร็ว เขาต้องการความรวบรัดและถูกต้องที่สุด
“ครับ” ทนายหนุ่มพยักหน้ารับอย่างนอบน้อม ท่าทีที่เห็นทำให้รวิสราเดาว่า ชายหนุ่มที่นั่งหน้าเย็นชาตรงหน้าเธอต้องไม่ธรรมดาแน่ๆ “เราต้องการรับเด็กคนนั้นกลับไปดูแลในฐานะผู้ปกครอง” ทนายหนุ่มสรุป
“ผู้ปกครอง?” รวิสราครางเสียงแผ่ว
“ครับ เพราะท่านผู้นี้... คือพ่อที่แท้จริงของเด็ก” ยูรายบอกความจริงอย่างกระจ่างชัด หลังจากที่รวิสราสงสัยมานาน เธอเดาตั้งแต่เมื่อคืนตอนเขาโทรมาแล้วว่าเขาต้องเป็นอะไรกับทิกเกอร์แน่ๆ แต่จากที่ดูๆ รูปลักษณ์ภายนอกแล้วก็น่าเชื่ออยู่ไม่น้อย ด้วยดวงตาสีเทอร์ควอยซ์เอย ผมสีน้ำตาลและผิวสีขาวแบบชาวยุโรป มันอาจจะเป็นยีนที่ถูกถ่ายทอดจากเขาไปสู่ทิกเกอร์ก็ได้ แต่ถึงจะเป็นพ่อ แล้วไงล่ะ เพราะตอนนี้ทิกเกอร์อยู่ในฐานะลูกของเธอต่างหาก เจ้าหล่อนเลี้ยงดูทิกเกอร์มาตั้งแต่แบเบาะ เพราะฉะนั้นเธอคือคนสำคัญอันดับหนึ่งสำหรับทิกเกอร์แบบที่ไมมีใครเทียบได้
‘ถ้าจะเอาตัวทิกเกอร์ไป ข้ามศพหล่อนไปก่อนเถอะย่ะ’
“พวกคุณกำลังพูดอะไรกัน เหลวไหลใหญ่แล้ว” หญิงสาวตวาดลั่น เธอยอมเป็นนางมารร้ายและจะไม่สนใจด้วยว่าทำตัวงี่เง่าแค่ไหนที่กีดขวางคนเป็นพ่อลูกกัน แต่เธอรักทิกเกอร์ คนพวกนี้คิดจะมาพรากทิกเกอร์ไปจากเธอ
อ๋อ... อ้างว่าเป็นพ่องั้นเหรอ แค่เหมือนกันจากรูปลักษณ์ภายนอกมันไม่พอหรอก เอาเอกสารหรืออะไรก็ได้มายืนยันสิ ต่อให้มีอะไรมายืนยัน ฉันก็ไม่ให้ทิกเกอร์ไปหรอก หญิงสาวคิดอย่างแข็งกระด้างขณะปรายตาไปมองเด็กชายตัวน้อยที่กำลังหลับปุ๋ยอย่างน่ารักน่าเอ็นดูบนโซฟานุ่ม ที่ประจำของลูกเสือตัวน้อย
‘ฉันไม่มีวันยอมให้พวกเขาเอาทิกเกอร์ไปเด็ดขาด!’ เธอครางในใจ
“ไม่เหลวไหลหรอกครับคุณผู้หญิง เรารู้ความจริงแล้ว” ยูรายพูดเสริม น้ำเสียงมั่นคงฟังดูน่าเชื่อถือสมกับเป็นทนาย
“เรามีหลักฐานยืนยันครับ ดังนั้นเราจึงต้องการทวงทายาท”
“ไม่ค่ะ ฉันคือผู้ปกครองของแก และฉันไม่มีวันยอมให้ใครพรากแกไปจากฉันค่ะ” รวิสรายืนกรานหนักแน่น ดวงตาคู่โตจ้องคนใจร้ายที่อ้างสิทธิ์ความเป็นพ่ออย่างวาวโรจน์พอกัน
ในเมื่อเขาร้ายมา ก็ไม่มีเหตุผลที่เจ้าหล่อนจะดีตอบ
“เธอคิดว่าตัวเองเป็นแม่ที่ดีนักงั้นเรอะ? ฉันไม่ยอมให้เลือดเนื้อเชื้อไขของตระกูลต้องตกต่ำแบบนั้นได้หรอก และเธอเองไม่ควรเห็นแก่ตัวอย่างที่กำลังทำอยู่” เขาคำรามเสียงดุดัน แววตาที่มองมานั้นเข้มขึงวาวโรจน์เหมือนมีพลังบางอย่างที่เข้มแข็งเหนือใคร รวิสรามองแล้วเกิดความรู้สึกสะท้าน หากก็อธิบายไม่ได้ว่าความรู้สึกเย็นวาบไปทั่วสรรพางค์นั้นคืออะไร
“เห็นแก่ตัวงั้นหรือคะ” หญิงสาวทวนอย่างนึกฉุน มือกำแน่นด้วยความกรุ่นโกรธ
“เธอคิดสิ เด็กจะมีชีวิตสดใสและอนาคตที่ดีแค่ไหนถ้าอยู่ในฐานะหลานชายคนเดียวของตระกูลเอล เชสตัค ถ้าเธอ...” สิ่งที่พูดนั้น เนื้อความมันช่างดูถูกเย้ยหยันอีกฝ่ายเสียเหลือเกิน
รวิสรากำมือแน่น เม้มริมฝีปากเป็นเส้นตรงอย่างชั่งใจคิด เธออยากตอบโต้เขา ตอนนี้โกรธเลือดขึ้นหน้าได้ที่แล้วเสียด้วย ด้วยท่าทีของเขาก็ไร้ความเป็นมิตรอยู่แล้ว ประโยชน์อะไรจะรักษาน้ำใจกันอีกต่อไป ในเมื่อเขาเองยังไม่ให้เกียรติเธอเลยแม้จนนิดเดียว
“ไม่เคยมีใครพูดจาดูถูกฉันแบบคุณเลย” หญิงสาวพูดแทรกขึ้น น้ำเสียงเจือแววกรุ่นโกรธอย่างถึงขีดสุด
“ใช่ฉันอาจไม่ร่ำรวย แต่ฉันก็รักและให้ความอบอุ่นกับแกได้แบบที่คนเป็นแม่พึงจะทำ แต่คุณสิดูท่าทางแล้ว คงไม่ทำได้ดีไปกว่าใช้เงินเลี้ยงลูกหรอกค่ะ แล้วแกจะโตมาแบบไหนกัน ถ้าให้ฉันเดา ก็คงไม่พ้นนิสัยแย่ๆ แบบคุณแน่นอน” รวิสราทิ้งท้ายก่อนลุกขึ้นยืน
“ฉันหมดธุระแล้ว เชิญพวกคุณกลับไปได้... มาทางไหน กลับไปทางนั้นเลยค่ะ” หญิงสาวหยุดพักครู่หนึ่งเพื่อสูดลมหายใจเข้าปอดลึกๆ เพื่อสะกดกลั้นความโกรธที่กำลังพวยพุ่งอยู่ภายในก่อนจะทิ้งท้ายเป็นการตัดบทที่เย็นชาอย่างไม่ต้องมีใครสอน
“ประตูอยู่ทางนั้นค่ะ” เธอไล่ตะเพิดพวกเขาอย่างไม่หวาดเกรงเลยจนนิดเดียว
รวิสราตวัดสายตามองเขา พร้อมฟันธงในทันทีว่า ผู้ชายคนนี้มิได้ควรค่าแก่การเสวนาด้วยเลยสักนิด ท่าทีที่ดูเย็นชา เย่อหยิ่งจองหองอย่างร้ายกาจไม่มีความเป็นมิตร ต่อให้รูปลักษณ์ภายนอกเขาจะดูดีเพียงใดก็ตาม ผู้ชายแบบนี้น่ะเหรอ จะมาขอสิทธิ์เพื่อดูแลทิกเกอร์
‘ไม่มีทาง’ เธอไม่มีวันยอมส่งตัวทิกเกอร์ให้เขาแน่ๆ ต่อให้เป็นพ่อบังเกิดเกล้าก็เถอะ
ลองจินตนาการดูสิว่าทิกเกอร์จะโตมาแบบไหนถ้ามีพ่อที่เย็นชาเหมือนหุ่นยนต์แบบนี้เลี้ยงดูใกล้ชิดน่ะ
แม้ไม่มีตำราใดๆ ระบุว่า ‘ความเย็นชา’ เป็นโรคติดต่อหรือถ่ายทอดกันได้ทางพันธุกรรมก็เถอะ แต่อย่างน้อยการเลี้ยงดูใกล้ชิดมันก็มีผลต่อเด็กนะ เธอไม่อยากเห็นทิกเกอร์โตขึ้นมาเป็นหุ่นยนต์จอมเย็นชาเสียนิสัยอย่างเขา
‘ฉันไม่ชอบเขา... เกลียดเขา ผู้ชายไม่น่าคบ’ รวิสราคิด
ไม่นานนัก กลุ่มผู้มาเยือนก็เดินจากมาโดยไม่ทิ้งคำบอกกล่าวสักคำ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เจ้าของดวงตาเย็นชาแสนคมกริบคู่นั้น ท่าทางเขาจะไม่พอใจอย่างยิ่ง
“คุณไม่น่าพูดจาแข็งกร้าวกับนายท่านแบบนั้น พวกเรามาเจรจาด้วยดีๆ แต่ท่าทีของคุณที่แสดงออกไปแบบนั้น ผมเกรงเหลือเกินว่า เรื่องราวมันจะยากมากขึ้นนะครับ” คนเป็นทนายโน้มลงมากระซิบกระซาบอย่างหวาดๆ เขารู้นิสัยนายท่านของเขาเป็นอย่างดี ผู้หญิงเอเชียคนนี้ยังไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าเจ้าหล่อนกำลังจะโดนอะไร และท้าทายอยู่กับใคร
“ฉันไม่สนใจค่ะ พวกคุณคุกคามฉันก่อน และขอบอกตรงนี้เลย ใครหน้าไหนก็พรากตาหนูไปจากฉันไม่ได้เด็ดขาด ทางที่ดีพวกคุณไม่ควรมาที่นี่อีก ต้องให้พูดซ้ำไหมคะ?” รวิสราเสียงแข็งกร้าว
“แต่คุณต้องไม่ลืมความจริงข้อหนึ่งนะครับ ว่านายท่านเป็นพ่อเด็ก เลือดให้ตัวเขามีอยู่ครึ่งหนึ่งในร่างกายของเด็กตัวเล็กๆ นั่น เขาย่อมมีสิทธิ์โดยชอบธรรม”
ทนายหนุ่มย้ำอย่างหนักแน่น คนได้ฟังเม้มริมฝีปากแน่นแทบเป็นเส้นตรง เธอจะต่อสู้กับพวกเขาให้ถึงที่สุด ต่อให้เอาเรื่องกฎหมายมาอ้างก็ตาม เพราะเธอจะไม่มีวันยอม
“ฉันไม่สนใจค่ะ และเชิญคุณกลับไปได้แล้วนะคะ” เธอไล่ทนายที่เอาแต่ถอนใจยาว สีหน้าเขาดูวิตกกังวลอย่างยิ่ง ดูเหมือนจะรู้ว่าเรื่องราวจากนี้ไปคงไม่ใช่เรื่องเล็กๆ อีกต่อไปแล้ว
ท่าทางการเจรจาอย่างสันติจะไม่สำเร็จ เขาไม่อยากคิดเลยว่า ต่อไปสาวน้อยเอเชียคนนี้จะเจออะไรอีกบ้าง
บทที่ 1 Hate at first sight
26/02/2024
บทที่ 2 แผนทวงทายาท
26/02/2024
บทที่ 3 ท้าพนัน
26/02/2024
บทที่ 4 เกมเดิมพัน
26/02/2024
บทที่ 5 ทายาทที่หายไปกับปู่ผู้เอาแต่ใจ
26/02/2024
บทที่ 6 รักที่ถูกแย่งชิง
26/02/2024
บทที่ 7 ความผิดที่ต้องชดใช้
26/02/2024
บทที่ 8 สามีภรรยาตามกฎหมาย
26/02/2024
บทที่ 9 ของจริง
26/02/2024
บทที่ 10 ชายในฝัน
26/02/2024
บทที่ 11 เผลอไผล... ใกล้ชิด
26/02/2024
บทที่ 12 บทเรียนจากปริ้นซ์
26/02/2024
บทที่ 13 รักที่ไม่ธรรมดา... จากผู้หญิงธรรมดาๆ คนหนึ่ง
26/02/2024
บทที่ 14 ลอบหนี
26/02/2024
บทที่ 15 รักแท้คือการแย่งชิง
26/02/2024
บทที่ 16 หนีรัก
26/02/2024
บทที่ 17 ตามหัวใจ
26/02/2024
บทที่ 18 เมื่อรักคืนใจ
26/02/2024
บทที่ 19 เจ้าหญิงสามัญชน
26/02/2024
บทที่ 20 เกมลักพา
26/02/2024
บทที่ 21 ชิงตัวประกัน
26/02/2024
บทที่ 22 ชิงตัว
26/02/2024
บทที่ 23 บทส่งท้าย
26/02/2024
หนังสืออื่นๆ ของ ภัคร์ภัสสร
ข้อมูลเพิ่มเติม