Login to MeghaBook
icon 0
icon เติมเงิน
rightIcon
icon ประวัติการอ่าน
rightIcon
icon ออกจากระบบ
rightIcon
icon ดาวน์โหลดแอป
rightIcon
โซ่เสน่หาบัญชาหัวใจ

โซ่เสน่หาบัญชาหัวใจ

ภัคร์ภัสสร

5.0
ความคิดเห็น
278
ชม
22
บท

ดูเหมือนโชคชะตาของ ‘รินรุ้ง’ จะไม่มีวันหนีพ้นจากความวุ่นวายได้ ตอนที่ยังเป็นพนักงานขาย ของรีสอร์ตที่ไทย ก็ต้องคอยรองรับอารมณ์ของลูกค้า พอหนีมาเป็นพี่เลี้ยงเด็กที่สเปน ก็ยังไม่วายต้องสู้รบตบมือกับเด็กหญิงจอมแก่แดด ผู้หวงบิดายิ่งกว่าจงอางหวงไข่ และพร้อมจะใช้ความแสบป่วนหัวผู้หญิงทุกคนที่เข้าใกล้ แต่นั่นก็ยังไม่ใช่จุดพีก เพราะลูกสาวที่ว่าร้าย ยังร้อนแรงไม่ถึงครึ่งของตัวพ่อ งานนี้หญิงสาวคงต้องลงทุนลงแรงอย่างหนัก เพื่อหาทางกำราบสองพ่อลูกให้ได้ ก่อนที่ชีวิตของเธอจะกลายเป็นการตกนรกทั้งเป็น ‘เซคิโอ ด็อพบาร์ กอนซาเลซ’ นักธุรกิจหนุ่มมหาเศรษฐีชาวสเปน ไม่คิดเลยว่าผู้หญิงลึกลับที่เขาขโมยจูบเธอในเรือนร้างกลางสายฝน จะกลายเป็นคนเดียวกันกับพี่เลี้ยงคนใหม่ของลูกสาว ที่สำคัญ เขาเคยคิดว่าการขย้ำ ‘ลูกแกะน้อย’ ที่หลงเข้ามาใน ‘รังหมาป่า’ คงเป็นเรื่องง่าย หากตัวอุปสรรคสำคัญที่ชายหนุ่มต้องจัดการเป็นอันดับแรก ถ้าคิดจะเคลมรินรุ้ง ก็ไม่ใช่อื่นไกล แต่เป็น ‘ลูกหมาป่าตัวน้อย’ ของเขานั่นเอง “เจ็บ” พูดเสียงเครือ “ไหนดูซิ” เซคิโอพุ่งพรวดเข้าไปหา ก่อนจะคุกเข่าลง มองเลือดที่ไหลซึมออกจากเท้าเธอ “กลับห้องก่อน อยากเลือดทะลักหมดตัวหรือไง” เขารีบอุ้มเธอขึ้น น้ำเสียงลนลานเป็นห่วงเจือบงการ “เรื่องของฉัน เลือดนี่มันก็เลือดฉันนะ!” เธอเถียง ที่เจ็บอยู่แบบนี้ เพราะเขาไม่ใช่หรือไง “อย่าดื้อสิ... แต่ถ้าเธออยากเลือดออกจริงๆ ล่ะก็ ฉันมีวิธีที่เจ็บน้อยกว่านี้นะ จะเอาไหม” ++++++++++++++++++++++++++++ เพราะถูกปลดกลางอากาศ ทั้งที่ไม่มีความผิดใดๆ รินรุ้ง หงสกรพงษา จึงตัดสินใจรับข้อเสนอไปทำงานสบายๆ ที่สเปน ตามบัญชาของแม่เลี้ยง หากเธอไม่เคยรู้เลยว่า นั่นจะเป็นจุดเปลี่ยนครั้งสำคัญในชีวิต! . โฉมหน้าสุภาพบุรุษมหาเศรษฐีทายาทสายการบินที่ยิ่งใหญ่ระดับโลก เจ้าของตำแหน่งสุดยอดหนุ่มในฝันหลายปีซ้อนที่สาวน้อย สาวใหญ่ต่างคลั่งไคล้มาตลอด แต่ไม่มีใครรู้เลยว่า ภายใต้ฉากหน้าราวเทพบุตรนั้น เซคิโอ เดอ ด็อพบาร์ กอนซาเลซ ได้ซ่อนคราบซาตานร้ายเอาไว้อย่างมิดชิด หัวใจเขาปิดตายนานกว่าแปดปีหลังสูญเสียคู่หมั้นสาวที่เขารัก มันถูกเปลี่ยนเป็นความแค้นรอวันสะสาง และเมื่อ... ‘ลูกแกะตัวน้อย’ ติดกับดักมาให้เขาแก้แค้น . . กลับกลายเป็นว่า เจ้าหล่อนคือหญิงสาวคนเดียวกันที่ขโมย ‘หัวใจ’ ที่เคยเหี่ยวเฉาของเขาไป เพียงเพราะจุมพิตดื่มด่ำไร้เดียงสา ในค่ำคืนแห่งโชคชะตา ที่เขายากจะลืม!

บทที่ 1 หนึ่งจุมพิต... พิชิตใจ

เดอะบลูมรีสอร์ต, เขาใหญ่ จังหวัดนครราชสีมา ประเทศไทย

สายลมเย็นกลางป่าไม้อุดมสมบูรณ์บนเขาใหญ่ นำพากลิ่นไม้ดอกนานาพรรณมาให้ได้รับรู้ถึงความหอมละมุน ทอดสายตามองออกไปนั้นมีกุหลาบพันปีสีสวยดอกโตส่งกลิ่นหอมอ่อนๆ เจืออยู่ในอากาศ อุโมงค์ดอกวิสทีเรียสีขาวบานสะพรั่งตระการตา รวมทั้งช่วงนี้ดอกไม้เมืองหนาวที่ประดับประดาอยู่เต็มทุ่งดอกไม้กำลังเบ่งบาน อวดโฉมความงดงามของมัน มวลผีเสื้อต่างโบยบินฉวัดเฉวียน จากดอกนี้ไปดอกนั้น บ้างก็เกาะดูดน้ำหวานที่ดอกไม้ดอกโต พลางขยับปีกด้วยจังหวะเชื่องช้า

ถัดไปนั้นเป็นตัวอาคารทรงสูง โดยรอบทำด้วยกระจก ออกแบบให้เป็นโดมขนาดใหญ่ ภายในสามารถมองทิวทัศน์ด้านนอกได้แบบสามร้อยหกสิบองศา เพื่อจัดงานเลี้ยงต้อนรับผู้หลักผู้ใหญ่ กรุ๊ปสัมมนา หรือแม้แต่งานแต่งงานก็มาจัดที่นี่บ่อยๆ เพราะนอกจากจะได้บรรยากาศท่ามกลางทิวเขาที่โอบล้อมรอบโดยมีรีสอร์ตคล้ายแอ่งกระทะน้อยๆ และปลูกประดับด้วยเหล่ามวลหมู่ไม้ดอกไม้ประดับที่สวยงามตระการตาแล้ว ยังเป็นที่เลื่องลือว่าที่นี่มีการบริการที่ยอดเยี่ยม อาหารอร่อยหลากหลายเมนูชนิดที่ไม่แพ้ที่ใดในประเทศไทย หากที่สำคัญกว่านั้นคือพนักงานสาวฝ่ายจัดเลี้ยงของที่นี่ขึ้นชื่อลือชาเรื่องการบริการด้วยใจและมีความสวยน่ารักการันตี เพราะนอกจากทิวทัศน์จะทำให้แขกผู้มาเยี่ยมเยือนรู้สึกเจริญตาเจริญใจแล้ว พนักงานสาวๆ สวยๆ ก็เป็นอีกปัจจัยหนึ่งซึ่งดึงดูดนักท่องเที่ยวมาจากทั่วสารทิศ

พนักงานสาวเจ้าของรูปร่างแบบบางแลดูสมส่วนในกางเกงยีนส์รัดรูปสีดำ เข้ากันดีกับเชิ้ตแขนยาวสีขาวพับแขนครึ่งท่อน ผมยาวสีดำที่เคยยาวสลวยวันนี้ถูกรวบตึงทรงหางม้า รองเท้าบูตหนังกระชับเท้า ส่งให้ทุกก้าวย่างของหญิงสาวเต็มไปด้วยความมั่นใจ รูปลักษณ์เรียบแต่หรู น้อยแต่สวยลงตัว ดูทะมัดทะแมง เธอก้าวเท้าอย่างฉับไว มาดกระตือรือร้นเพื่อดูแลสั่งงานเจ้าหน้าที่แต่ละแผนกอย่างขะมักเขม้น เพราะในวันนี้จะมีกรุ๊ปสัมมนากรุ๊ปใหญ่เดินทางมาจากกรุงเทพฯ มหานคร

หญิงสาวสั่งงานอย่างเป็นงานเป็นการ ก่อนยกนาฬิกาข้อมือขึ้นมาดูเวลา นาฬิกาข้อมือเรือนเล็กบอกเวลาว่าเธอจะช้าไม่ได้

”ใกล้เวลาที่ลูกค้าจะมาถึงแล้ว พวกเราทุกคนพร้อมนะคะ” เจ้าของร่างแบบบางเงยหน้าสบตาพนักงานทุกคนพร้อมคำถามที่ฟังดูปลุกเร้า เหมือนเรียกกำลังใจจากทีมนักกีฬาก่อนลงสนามแข่งขัน

”พร้อมค่ะ/ พร้อมครับ”

“ดีมากค่ะ งั้นพวกเราประจำหน้าที่กันได้เลยนะคะ ตอนนี้ลูกค้าคงใกล้เข้ามาภายในรีสอร์ตแล้ว ส่วนรินจะดูงานอยู่รอบๆ เพื่อรอต้อนรับลูกค้า หลังจากลูกค้าเข้าพักแล้ว หากใครมีปัญหาอะไรให้วิทยุเรียกรินทันที ต้องรีบแจ้งนะคะ อย่าดองปัญหาโอเคไหมคะ” รินรุ้งเป็นพนักงานบริหารระดับกลาง ในตำแหน่ง Sale Coordinator Manager กำลังมอบหมายงานให้กับเหล่าพนักงานที่คล้ายการประชุมน้อยๆ ก่อนที่ลูกค้ากรุ๊ปใหญ่จะมาถึง

การดูแลต้อนรับงานรีสอร์ต เป็นเรื่องที่ไม่ยากหากก็ไม่ง่าย อาจจะมีปัญหาหยุมหยิมจุกจิกชวนเวียนหัวมากกว่า เพราะต้องไม่ลืมว่าในการลงกรุ๊ปทัวร์ สัมมนาแต่ละครั้งนั้นก็เหมือนจับปูใส่กระด้ง แขกที่ต่างคนต่างมาร้อยพ่อพันแม่แต่ต้องมาอยู่รวมกันในเวลาเดียวกัน คนหนึ่งจะเอาแบบหนึ่ง อีกคนจะเอาอีกแบบหนึ่ง ปัญหามันต้องมีอยู่แล้วเป็นธรรมดา หากมีการจัดการที่ดี ปัญหาต่างๆ ก็จะคลี่คลายไปได้ และทุกครั้งปัญหาที่เกิด รินรุ้งก็จะแก้ไขได้ด้วยดีมาโดยตลอด เธอจึงเป็นพนักงานที่ได้รับความไว้วางใจจากผู้เป็นนายอย่างไม่ต้องสงสัย

แต่โบราณว่าคนรักเท่าผืนหนังคนชังเท่าผืนเสื่อฉันใดก็ฉันนั้น ในเมื่อเธอเป็นพนักงานดาวรุ่ง ก็ย่อมมีคนเกลียดเป็นธรรมดา เพราะมีความดีความชอบเกินหน้านี่ล่ะ ที่ทำเอาพนักงานรุ่นพี่บางคนถึงกับหมั่นไส้ๆ หากรินรุ้งหาได้สนใจไม่ กลับตั้งหน้าตั้งตาทำงานของตัวเองอย่างตั้งใจต่อไป

”ครับ/ ค่ะ” เหล่าพนักงานชั้นผู้น้อยรับคำด้วยน้ำเสียงแข็งขัน สีหน้าแต่ละคนตื่นเต้นและเบิกบานรอการมาของลูกค้ากรุ๊ปใหญ่ที่แว่วว่าในนี้มีบางส่วนมาจากต่างประเทศ

”งั้นแยกย้ายทำงานได้แล้วค่ะ สู้ๆ นะคะพวกเรา!” รินรุ้งส่งเสียงปลุกใจเพื่อนร่วมงานด้วยใบหน้ายิ้มแย้มแจ่มใสหลังจากสั่งงานแล้ว ร่างเล็กก็เดินไปที่ฟรอนต์เพื่อดูเรื่องเอกสารและคุยกับพนักงานส่วนหน้า

ตื๊ดๆๆๆๆ จู่ๆ โทรศัพท์มือถือของหญิงสาวก็ดังขึ้น

“ค่ะแม่” เสียงหวานเอ่ยเมื่อเธอกดรับสาย

“แกจะกลับบ้านเมื่อไหร่” เสียงเจ้าอารมณ์กรอกมาตามสาย

“อีกสามวันค่ะแม่ วันนี้มีกรุ๊ปลง รินขายฟังก์ชั่นได้ค่าคอมเยอะเลยนะแม่ เดือนนี้น่ะ” รินรุ้งอวดอย่างภูมิใจ และขณะนี้เธอเองก็กำลังยุ่งเสียด้วย ปกติแล้วรินรุ้งมักจะไม่รับสายใครในเวลางาน

“แกจะบ้างานอะไรนักหา แล้วไอ้งานที่แกทำเนี่ยเขาเห็นค่าแกบ้างไหม ทำงานจนไม่มีเวลาพัก เงินเดือนนิดเดียว”

“แต่มันก็พอใช้จ่ายนี่คะแม่ อีกอย่างรินก็สนุกกับงานนี้ด้วย”

“สนุกกับงาน แล้วมันกินได้เรอะ ไอ้ความสนุกน่ะ เงินทองพอใช้ไหมล่ะหา”

“...” รินรุ้งถึงกับสะอึกไม่รู้จะตอบกลับไปอย่างไรดี

“ฉันบอกแกกี่ครั้งแล้วให้หางานในกรุงเทพฯ ทำซะ แล้วไอ้พวกรีสอร์ตหรือไม่ก็โรงแรมที่อยู่ในกรุงเทพฯ ทำไมไม่หา ดอดไปทำงานทำไมถึงเขาใหญ่ อยากมีผัวเป็นช้างรึไง” เสียงอีกฝ่ายตวาดเสียงแว้ดชวนแสบแก้วหูจนหญิงสาวต้องผินหน้าออกมาจากลำโพงโทรศัพท์มือถือ

“แม่ก็... สมัยนี้งานเลือกได้ที่ไหนกันล่ะ” รินรุ้งเถียงบ้าง ปกติก็ไม่อยากมีปากมีเสียงนักหรอก เพราะอย่างน้อยท่านก็เป็นผู้หญิงที่พ่อรัก

“แล้วที่ฉันฝากงานให้ทำไมแกไม่ทำ”

“ถ้าที่นั่นเป็นโรงแรมปกติเหมือนที่อื่นๆ ก็โอเคหรอกค่ะ แต่ข้างในเป็นกาสิโนของคนมีอิทธิพล หนูไม่อยากทำหรอกแม่”

“อย่ามาทำเป็นใสซื่อบริสุทธิ์นักเลย มันก็ได้เงินเหมือนกันนั่นล่ะ”

“แม่อยากให้รินทำงานในนั้น เพื่อที่แม่จะได้เข้าออกได้สบายๆ ใช่ไหมล่ะ” รินรุ้งพูดแทงใจดำเข้า ปลายสายถึงกับเงียบไปครู่หนึ่งก่อนที่เสียงตวาดแว้ดๆ จะกรอกมาตามสายอีกครั้ง คราวนี้คนเป็นลูกตั้งรับแทบไม่ทัน

“นี่แกอย่ามาดูถูกฉันนะ ไม่ต้องอาศัยแก เจ้าของเขาก็สนิทกับฉันอยู่แล้ว ไม่งั้นจะฝากฝังแกทำงานกับเขาได้ไง อีนังลูกไม่รักดี”

“โธ่แม่... ถ้ารินทำงานในนั้นก็เท่ากับแม่ส่งรินไปตายทั้งเป็น เท่ากับฝังรินทั้งเป็นเลยนะ เงินที่ได้มาจากที่อย่างนั้นมันก็ไม่ต่างจากการทำบาปหรอกนะแม่ รินไม่เอาด้วยหรอก”

“ฉันขอยื่นคำขาดเลย สิ้นเดือนนี้แกต้องลาออกแล้วไปทำงานในที่ที่ฉันหาให้”

“ทำไมล่ะแม่”

“ไม่ทำไมหรอกน่า ถึงแกไม่ทำที่โรงแรมนั่น ฉันก็มีงานอื่นให้แกไปทำ อย่าเซ้าซี้ ฉันสั่งให้ทำอะไรแกก็ต้องทำ!” อัมพาผู้เป็นแม่เลี้ยงยื่นคำขาด นางก้าวเข้ามาในครอบครัวหงสกรพงษาเมื่อสี่ปีที่แล้ว ในเวลาที่เธออายุครบยี่สิบปี ซึ่งการที่บิดาตัดสินใจแต่งงานใหม่นั่นก็เพราะเห็นว่ารินรุ้งเติบโตพอที่จะดูแลตนเองได้ บรรลุนิติภาวะในทางกฎหมายแล้ว

“แม่ก็รู้นี่ การลาออกจากงานต้องแจ้งล่วงหน้าสามสิบวัน ไม่งั้นบริษัทเขาจะไม่คืนเงินประกันนะ” รินรุ้งอ้าง

“ทิ้งมันไปเลย เงินไม่กี่พันนั่นน่ะ งานใหม่ที่ฉันหาให้แก รายได้หลายร้อยเท่าเงินประกันกระจอกๆ นั่นเสียอีก” นางมิวายส่งเสียงตะคอกกลับมา จนคนฟังเริ่มใจเสีย

ความจริงแล้วรินรุ้งมีนิสัยไม่ยอมคนสักเท่าไหร่ หากเธอยอมละเว้นให้แม่เลี้ยงก็เพราะเห็นแก่พ่อ แม้ว่าท่านจะจากไปแล้ว หญิงสาวก็ยังให้เกียรติคนเป็นแม่เลี้ยงว่าอย่างน้อยนางก็คือผู้หญิงที่พ่อของตนรักและใช้ชีวิตร่วมกันในเวลาบั้นปลายช่วงสุดท้าย

ในวันที่อภิชาติผู้เป็นพ่อล่วงลับไป มรดกที่ข้าราชการผู้ซื่อสัตย์อย่างท่านจะพึงมีได้ ท่านก็ได้จัดสรรเอาไว้ให้แม่เลี้ยงอย่างยุติธรรม แต่มันก็ไม่ได้ทำให้อัมพาพอใจ เพราะนับวันเธอเอาแต่จะเข้ามายุ่มย่าม วุ่นวาย ทำตัวเจ้ากี้เจ้าการกับรินรุ้งจนหญิงสาวอ่อนใจ

“งานอะไรเหรอแม่”

“แกไม่ต้องถามมาก ถ้าแกไม่ทำตามที่ฉันสั่ง ชาตินี้ไม่ต้องมาเรียกฉันว่าแม่” คนเป็นแม่เลี้ยงตวาดเสียงดังมาตามสาย

“แม่!” ไม่ทันแล้ว ปลายสายวางไปอย่างหงุดหงิดเสียแล้ว

หญิงสาวทำอะไรไม่ได้มากไปกว่าส่ายหน้าอย่างเซ็งๆ เธอรู้ดีว่า หลังจากการจากไปของพ่อ ก็ดูเหมือนจะทำให้ชีวิตเธอยากลำบากมากขึ้นไปด้วย เพราะแม่เลี้ยงและพี่สาวต่างมารดานั้นจ้องแต่จะหาเรื่องไม่เว้นวัน แม้เธอจะพยายามบอกตัวเองให้ชินชา หากก็ไร้ผล

“พี่รินคะ เชิญทางนี้ได้ไหมคะ ลูกค้าวีไอพีมีปัญหาค่ะ” จุ๊บแจงหรือจีรนันท์กึ่งเดินกึ่งวิ่งหน้าตาตื่น ตรงรี่เขามาบอก ทำเอารินรุ้งหลุดออกมาจากห้วงคำนึง พอตั้งสติได้ก็รีบตอบกลับไป

“แย่จริง ปัญหาอะไรอีกล่ะ คนเดิมหรือเปล่า” รินรุ้งหมายถึงอบิเกล แขกสาวที่มาเดินทางมาเข้าพักเพื่อรอคนรักนักธุรกิจหนุ่มสเปนที่จะตามมาทีหลัง แต่ปัญหาคือเมื่อวานห้องพักของเธอแอร์เสีย ขอเปลี่ยนห้อง หญิงสาวจัดการเปลี่ยนห้องในราคาเท่ากันให้ ซึ่งอีกฝ่ายไม่ยอม ต้องการให้ทางรีสอร์ตชดเชยในระดับที่เธอพอใจ

เจ้าหล่อนต้องการห้องในโซนที่มีสระว่ายน้ำ ซึ่งไม่มีห้องว่าง และโวยวายจนกลายเป็นเรื่องเป็นราวจนเมื่อวานรินรุ้งโดนเจ้านายตำหนิ แต่โชคดีที่มีลูกค้ารายหนึ่งเช็กเอาต์เนื่องจากมีธุระด่วนต้องรีบกลับกรุงเทพฯ เธอจึงพอจะแก้ไขสถานการณ์ไปได้อย่างเฉียดฉิว หากนั่นก็ไม่ได้ทำให้แขกคนสวยแต่ขี้เหวี่ยงพึงพอใจนัก ที่แสบกว่านั้นคือเจ้าหล่อนยังส่งใบประเมินพนักงานและการบริการให้เจ้านาย แถมยังคอมเพลนรินรุ้งจนเสียหาย ซึ่งมันล้วนแต่เป็นการกล่าวหาทั้งนั้น รินรุ้งต้องใช้ความอดทนเป็นอย่างมากกับสถานการณ์ที่กำลังเผชิญ

“ใช่ค่ะ คนเมื่อวาน...” จีรนันท์ เพื่อนร่วมงานรุ่นน้องตอบหน้าก็พลันซีดเผือด

“เอาอีกแล้ว” รินรุ้งกลอกตาอย่างเหนื่อยหน่ายกับปัญหาที่ไม่จบไม่สิ้น

“พี่รีบไปที่โซนวิลล่าเถอะค่ะ ตอนนี้ไอ้มี่กำลังแย่แล้ว” พนักงานรุ่นน้องกำลังหมายถึง มี่ หรือรัศมี พนักงานเออีน้องใหม่ซึ่งนับว่าสนิทกับรินรุ้งในระดับหนึ่ง เธอมีหน้าที่ขายกรุ๊ปทัวร์สัมมนาและขายฟังก์ชั่น และในวันนี้พนักงานเออีทุกคนก็กำลังวิ่งวุ่นหัวปั่นกับการเตรียมต้อนรับกรุ๊ปทัวร์

“ได้จ้ะ พี่ไปเดี๋ยวนี้” หญิงสาวรีบเดินไปขึ้นรถกอล์ฟที่มีพนักงานขับรถพาเธอไปยังโซนท้ายรีสอร์ต สายตาคู่หนึ่งมองตามหญิงสาวขึ้นนั่งบนรถกอล์ฟจวบจนกระทั่งลับตาไป...

***

ณ โดมชมวิว

เรือนร่างสูงมีเสน่ห์อย่างสมบูรณ์แบบ ยืนตระหง่านทอดสายตามองออกไปยังทิวเขาห่างไกลสุดลูกหูลูกตาเบื้องหน้า ด้วยความรู้สึกผ่อนคลายยากหาสิ่งใดเปรียบได้ ชายหนุ่มเพิ่งเดินทางมาถึงที่พัก เขาไม่ได้เหยียบย่างลงบนผืนแผ่นดินนี้นานกว่าแปดปีแล้ว เพราะถ้าไม่เพราะมาเพื่อเจรจาธุรกิจ เขาเองก็พยายามเลี่ยงที่จะมาที่นี่โดยไม่จำเป็น

เซคิโอ ด็อพบาร์ กอนซาเลซ นักธุรกิจหนุ่มไฟแรงวัยสามสิบสี่ เชื้อสายไทย-สโลวัก-สแปนิช เขามีแม่เป็นคนไทย ส่วนผู้เป็นพ่อนั้น เป็นนักธุรกิจชาวสเปน เชื้อสายสโลวัก ผู้คร่ำหวอดอยู่ในโลกธุรกิจการบินพาณิชย์อันดับต้นๆ ของโลก เป็นที่แน่นอนว่าธุรกิจสายการบินที่ดีที่สุดแห่งยุโรปต้องอยู่ภายใต้กับบริหารของเขาในฐานะทายาทเพียงคนเดียวอย่างไม่ต้องสงสัย

โลกรู้จักเขาในฐานะผู้บริหารหนุ่มที่ประสบความสำเร็จอย่างยอดเยี่ยมแม้อายุยังน้อย โดยก้าวเข้ามาช่วยผู้เป็นบิดาบริหารสายการบินตั้งแต่วัยเพียงยี่หกปีเท่านั้น

“เซคิโอ... คิดอะไรอยู่” จู่ๆ อบิเกล หญิงสาวมาดเปรี้ยว เจ้าของดวงหน้าสวยเฉี่ยวก็ส่งเสียงทักทายขึ้น พร้อมสวมกอดร่างสูงจากด้านหลัง ก่อนซบหน้าแนบกับแผ่นหลังกว้างอย่างเสน่หา ฉุดเขาออกมาจากห้วงคำนึงที่ในนั้นมีแต่ภาพความทรงจำเก่าๆ ระหว่างเขากับคู่หมั้นสาวผู้จากไปอย่างไม่มีวันกลับเมื่อแปดปีที่ผ่านมา

ชายหนุ่มนักธุรกิจมาดเพลย์บอยอย่างเขาหากแท้จริงคือ เขาไม่ใช่ผู้ชายเจ้าชู้เลยแม้แต่น้อย เซคิโอไม่เคยเป็นฝ่ายเข้าหาผู้หญิงก่อนเลยสักครั้งตั้งแต่แตกเนื้อหนุ่ม สะพานที่ทอดให้สาวๆ แม้เพียงครั้งยังไม่เคย ขณะเดียวกันเขาก็ไม่ใช่พวกที่ถูกล่าง่ายๆ จากสาวสวยล่าสวาท ทายาทไฮโซตระกูลดังแม้สักนิด ความสัมพันธ์ระหว่างเขากับสาวๆ นอกจากเกิดขึ้นเพราะไม่อยากปฏิเสธ ทำให้พวกหล่อนเสียน้ำใจแล้ว ต่างฝ่ายยังสนุกกันภายใต้พื้นฐานของความพึงพอใจมากกว่าการผูกมัดและครั้งนี้ก็เช่นกัน

“คุณก็รู้ไม่ใช่เหรอ สำหรับผมจะคิดถึงอะไรได้อีกนอกจากงาน” ชายหนุ่มตอบน้ำเสียงนิ่งเฉยพอๆ กับสายตาเขาที่ทอดมองไกลออกไปยังทิวเขาสีเทาสุดลูกหูลูกตา

“คุณบ้างานมากเกินไปแล้ว” นางแบบสาวคู่ควงเริ่มทำเสียงงอน นับเป็นความไม่พอใจเรื่องที่สอง เนื่องจากเขาปล่อยให้เธอรอนาน โดยอ้างว่าติดต่อการเจรจาทางธุรกิจที่ภูเก็ต ทั้งที่ฝ่ายผู้ใหญ่ต้องการให้การมาเมืองไทยครั้งนี้เป็นการมาเพื่อพัฒนาความสัมพันธ์ของคนทั้งสอง ในฐานะทายาทธุรกิจยักษ์ใหญ่ที่ในอนาคตจะต้องแต่งงานกัน แต่...

“เป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้จริงๆ” เขาเสริม หากอบิเกลส่ายหน้ามองมาด้วยดวงตาพราว กอดคอเขา เหนี่ยวดวงหน้าหล่อเข้ามาจุมพิต

“รู้ค่ะ... แอบบี้อยากถ่ายรูป” หญิงสาวเอ่ยน้ำเสียงออดอ้อน “...กับคุณ” แววตาเต็มไปด้วยประกายเชิญชวน เธอมีเสน่ห์ชวนมองก็จริง หากสำหรับเซคิโอแล้วนั่นไม่ใช่ความปลุกเร้าที่ชวนตื่นเต้นสักนิด

“คุณก็รู้... ผมไม่ถ่ายรูปร่วมกับใคร อบิเกล” ซีอีโอหนุ่มเอ่ยตอบเสียงเย็นชา ไม่เพียงแต่ไม่ชอบออกสื่อเพราะหวงความเป็นส่วนตัวเท่านั้น เซคิโอยังไม่นิยมร่วมถ่ายภาพกับบรรดาคู่ขาคู่ควงเสียด้วย เพราะถ้าเมื่อไหร่ที่ภาพพวกนั้นหลุดไปอยู่ในมือสื่อ ขบวนการใช้สื่อเป็นเครื่องมือในการผูกมัดเขาก็จะคุกคามความอิสระของเขาโดยทันที

เพื่อหลีกเลี่ยงหายนะแห่งความโสด เขาจึงปฏิเสธมันเสียตั้งแต่ต้นด้วยประการทั้งปวง

“งั้น... ฉันเป็นนางแบบ คุณเป็นช่างภาพให้ได้ไหมคะ” คู่ควงสาวสวยยังไม่หยุดอ้อน ปากสีแดงเลือดนกโค้งขึ้นเป็นรอยยิ้มสุดยั่วยวน หากแปลกตรงที่มันไม่ได้สร้างความปั่นป่วนในเรือนกายเขาเอาเสียเลย เขาอาจจะชินกับการทอดสะพานสารพัดของสาวๆ สวยๆ ที่เต็มไปด้วยจริตจะก้าน ต่างๆ นานา แต่ที่มาก็เพื่อจุดประสงค์เดียวกัน คือจ้องจับเขา ความจริงข้อนี้เซคิโอรู้เป็นอย่างดีและรับมือได้อย่างไม่ยี่หระ

“นั่นไม่มีปัญหาอยู่แล้ว” ชายหนุ่มส่งยิ้มตอบกลับมาอย่างตามใจ

‘หวงตัวนัก ระวังไว้เถอะ!’ เธอคิดในใจอย่างอยากเอาชนะ ชวนถ่ายรูปท่ามกลางบรรยากาศสวนสวยดีๆ ไม่ชอบ ระวังจะได้นอนถ่ายรูปบนเตียงกับฉันในสภาพเปลือยเปล่า... นั่นคือสิ่งที่อบิเกลหมายมาดเอาไว้และไม่เคยคิดที่จะลดละ

นางแบบสาวควงแขนชายหนุ่มเดินไปยังจุดที่เป็นแลนด์มาร์กของรีสอร์ตแล้วให้เขาถ่ายภาพให้ด้วยสมาร์ตโฟนของเขา โดยอ้างว่ามือถือตัวเองแบ็ตหมดเพราะลืมชาร์จทั้งคืน แต่เจตนาที่แท้จริงแล้ว อยากให้ภาพตนปรากฏอยู่ในเครื่องของเขา หลังจากนี้เธอจะได้มีเรื่องตอแยเขา อย่างน้อยก็ทวงรูปก็แล้วกัน

หากช่างภาพสมัครเล่นอย่างเซคิโอกลับสับสนตัวเองตลอดทั้งเช้า ภาพเหตุการณ์เมื่อคืนที่ผ่านมากลับวนเวียนอยู่ในสมองไม่จางหาย แม้แต่ภาพนางแบบหุ่นสวยตรงหน้าก็มิอาจลบความทรงจำที่ผ่านมาเพียงชั่วคืนนั้นได้

เขาถ่ายภาพให้นางแบบคู่ควงไปเรื่อยๆ กระทั่งภาพล่าสุดที่มีฉากหลังเป็นทิวเขาสุดลูกหูลูกตา มีไอหมอกลอยอยู่จางๆ เพราะเป็นยามเช้า มันจะสวยกว่านี้มากหากไม่ติดตรงที่มีรถกอล์ฟสีขาววิ่งเข้ามาในเฟลมแบบนี้!

***

นางแบบสาวสายเลือดละตินรับสมาร์ตโฟนของชายหนุ่มมาเลื่อนดูภาพถ่ายอย่างเพลิดเพลิน พยายามออดอ้อนขอถ่ายเซลฟี่กับชายหนุ่มก็ได้รับการปฏิเสธเช่นเคย

‘เย็นชากับฉันไปเถอะ เซคิโอ สักวันคุณต้องคุกเข่าขอฉันแต่งงาน!’ นางแบบสาวคิดอย่างหมายมาด

ทั้งที่ชายหนุ่มเพิ่งเดินทางมาถึง เขากลับต้องอยู่เป็นเพื่อนอบิเกลตามบัญชาของมารดาที่ต่อสายตรงมาจากมาดริด เขานั้นไม่อยากขัดใจผู้เป็นแม่ อีกไม่กี่ชั่วโมงเขาและเธอก็จะบินกลับมาตุภูมิแล้ว อันที่จริงอบิเกลก็ไม่ได้น่ารังเกียจอะไรนักหรอก แต่จะให้รักก็คงจะไม่ใช่ คนเคมีไม่ตรงกัน มันยากที่จะพัฒนาความสัมพันธ์

ทุกครั้งเซคิโอจึงพยายามเว้นระยะห่างกับหญิงสาวมากพอสมควร จนนางแบบสาวที่อารมณ์ค้างจากการหงุดหงิดพนักงานที่นี่หลายครั้งหลายคราอดทำหน้างอใส่ไม่ได้ เธอต้องการการดูแลเอาใจมากกว่านี้ มันถึงจะคู่ควรกับการแต่งงานที่ทางผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่ายตั้งใจเอาไว้

จะว่าไปก็มีแต่ฝ่ายทางแม่ของคนทั้งสองเท่านั้นที่เห็นว่าเขากับอบิเกลเหมาะสมกัน นอกจากนั้นก็เป็นที่รู้ๆ กันอยู่ว่าธุรกิจของสองตระกูลนั้นเป็นคู่แข่งกันยิ่งกว่าไม้เบื่อไม้เมาเสียอีก

หลังจากพนักงานนำสัมภาระของชายหนุ่มไปเก็บที่วิลล่าที่พัก ทั้งสองหนุ่มสาวก็นั่งรับประทานอาหารเช้าของทางรีสอร์ตกระทั่งอิ่ม การสนทนาระหว่างมื้อดูจะราบเรียบ ติดจะน่าเบื่อสำหรับเขาเสียด้วยซ้ำ บางครั้งเขาก็แสดงออกชัดเจนจนเกินไปว่าถูกบังคับให้มาอยู่ที่นี่ ตรงนี้ กับผู้หญิงที่ให้ตายเขาก็ไม่มีวันรักเธอได้

ช่วงสายๆ ทั้งอบิเกลและเซคิโอก็ออกไปเที่ยวไร่ใกล้เคียง กินอาหารเมนูไทยในมื้อกลางวันที่ไร่ชื่อดัง ที่นี่ปลูกองุ่นพันธุ์ดี แล้วยังเปิดไร่เพื่อนักท่องเที่ยวเข้ามาศึกษาการผลิตไวน์ทุกขึ้นตอน มีวิทยากรคอยให้คำอธิบายอีกด้วย ชายหนุ่มคิดว่าไวน์องุ่นที่ผลิตที่นี่มีรสชาติไม่เลวเลย มีความเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่น่าสนใจ เห็นทีเขาจะต้องสั่งซื้อกลับสเปนสักจำนวนหนึ่ง แม้เทียบไม่ได้แม้แต่กับไวน์เกรดนิวเวิร์ล[ New World Wines (ไวน์โลกใหม่) – คือไวน์ที่ไม่ได้ผลิตในประเทศที่มีการผลิตไวน์เป็นวัฒนธรรมดั้งเดิม ส่วนใหญ่เป็นประเทศนอกทวีปยุโรปที่เพิ่งมีการผลิตไวน์ไม่เกิน 500 ปี เช่น ชิลี อาร์เจนตินา ออสเตรเลีย อเมริกาเป็นต้น แม้ในกระบวนการผลิตมีลักษณะ Innovation ไม่ยึดติดกับเกณฑ์ดั้งเดิมเช่นพันธุ์องุ่น ดิน และสภาพอากาศ หากแต่ผลิตเพื่อสนองความต้องการของตลาดที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ แต่ไม่ว่าจะเป็นไวน์โลกเก่า หรือไวน์โลกใหม่ ต่างก็มีเอกลักษณ์พิเศษในแบบเฉพาะตัว ที่กลุ่มนักดื่มไวน์พึงพอใจ ] แต่เขาก็อยากจะนำติดไม้ติดมือกลับไปเป็นของฝากบ้าง ทั้งสองหนุ่มสาวใช้เวลาด้วยกันทั้งวัน กว่าจะกลับที่พักในตอนเย็น

“แอบบี้ ผมอยากสำรวจแถวนี้หน่อยน่ะ คุณไปพักผ่อนก่อนนะ” เขาว่า

“ฉันไปด้วยสิคะ” เธออ้อนขอติดตาม

“อย่าดีกว่า ผมจะไปดูงานสักหน่อย... ผมกับเฟอร์นันโดกำลังมองหาลู่ทางขยายธุรกิจอยู่ ในอนาคตย่านนี้จะมีรถไฟความเร็วสูง อาจจะกระทบสายการบินโลว์คอสที่ผมมีหุ้นส่วน...” เขาตัดบท ก่อนหันไปพยักหน้าชวนคนของเขาแล้วก็แยกตัวเดินออกไปเฉยๆ อบิเกลทำได้เพียงยืนหน้างอด้วยความไม่พอใจ

***

กว่าเซคิโอจะกลับมาถึงวิลล่าที่พักก็มืดมาก เขาสังเกตว่าพนักงานหลายคนกำลังวุ่นวายหน้าตาตื่น เหมือนเกิดเรื่องราวใหญ่โตอะไรสักอย่าง แต่เขาก็ต้องสลัดความสงสัยนั้นทิ้งไปทันทีเมื่อรถกอล์ฟมารับเขาไปส่งยังด้านหน้าที่พัก เนื่องจากระยะทางจากหน้าฟรอนต์ไปถึงวิลล่าไกลเกินกว่าจะเดินด้วยเท้าเปล่า

เมื่อถึงด้านหน้าวิลล่า สายตาคมกล้ามองเข้าไปยังที่พักซึ่งเงียบผิดปกติ เขาเดาว่าอบิเกลอาจจะกำลังใช้เวลาส่วนตัวในการประทินความงามในยามค่ำ เท้ายาวจึงก้าวพาตนเองไปยืนตรงหน้าประตู ก่อนหยิบคีย์การ์ดเตรียมจะเปิดเข้าไป หากแต่...

“ช่วยด้วย... ช่วยด้วยค่ะ” แว่วเสียงราวกระซิบดังมาตามสายลม

“...” ชายหนุ่มหยุดเพื่อเงี่ยฟังเสียงที่เบาแผ่วอยู่ไกลๆ และไม่ใช่ภาษาสเปนและก็ไม่ใช่ภาษาที่เขาคุ้นชิน หากแต่รับรู้ได้ว่าน่าจะเป็นเสียงร้องขอความช่วยเหลือ ซีอีโอหนุ่มหยุดรอฟังเพื่อให้แน่ใจอีกครั้งจึงไม่ทันได้ไขกุญแจประตูที่พัก

“ช่วยด้วย... มีใครอยู่ตรงนั้นไหม”

ร่างสูงหันหลังมองออกไปยังลานกว้างด้านหน้าวิลล่าที่พัก เสียงแว่วๆ ที่เขาได้ยินเหมือนเป็นการร้องขอความช่วยเหลือ สายตาที่มองออกไปนั้นมืดสนิท เพราะวิลล่าวีไอพีที่เขาเข้าพักนั้นอยู่ไกลออกมาจากโซนอื่นมาก เพื่อความเป็นส่วนตัวนั่นเอง

ซีอีโอหนุ่ม ไม่รอให้ได้ยินเสียงเป็นครั้งที่สาม เซคิโอตัดสินใจเดินลงจากวิลล่าเพื่อไปตามเสียงดังกล่าวท่ามกลางความมืด มีเพียงแสงแปลบปลาบของสายฟ้าแลบในระยะไกล นั่นทำให้เขาพอจะเดาได้ว่าอีกไม่นานจากนี้ที่นี่คงมีฝนเทลงมาแน่นอน... เขาจึงควรเร่งช่วยเจ้าของเสียงเรียกนั้นให้ปลอดภัยโดยเร็วที่สุด

“ช่วยด้วย... ช่วยด้วยค่ะ ใครอยู่ตรงนั้น ช่วยฉันด้วยนะคะได้โปรด...”

สิ่งที่แน่ใจได้ในตอนนี้คือเสียงมนุษย์ ชายหนุ่มเร่งฝีเท้า เขาจำต้องรวบรวมสมาธิฟังเสียงและคาดเดาว่ามันมาจากทางไหนกันแน่ ท่ามกลางความมืดของรีสอร์ตใจกลางขุนเขาแบบนี้ มีแสงไฟเพียงริบหรี่จากเสาไฟหลอดเล็กๆ เพียงไม่กี่ต้น เพราะบริเวณนี้ห่างไกลจากส่วนสำนักงานและวิลล่าที่พักของนักท่องเที่ยว

เท้ายาวในรองเท้าสำหรับเดินเที่ยวก้าวมาหยุดอยู่หน้าสิ่งปลูกสร้างที่น่าจะเป็นเรือนเก็บของ อุปกรณ์ก่อสร้างหรืออะไรก็แล้วแต่ นาสิกประสาทรับรู้ได้ถึงกลิ่นคล้ายน้ำมัน ยาง และผงซักฟอก มันน่าจะเป็นที่เก็บอุปกรณ์ทำความสะอาดหรือไม่ก็เป็นบางส่วนของแผนกซักล้างของรีสอร์ต

“ช่วยด้วยค่ะ มีใครอยู่ตรงนั้น...”

แน่ใจในทันที เขาเอ่ยถามออกไปด้วยภาษาอังกฤษ “มีคนติดอยู่ในนั้นใช่ไหม”

“...”

แม้ไม่มีเสียงตอบกลับมา แต่เขาก็แน่ใจแล้วว่ามีคนกำลังรอความช่วยเหลือติดอยู่ในนั้น

ปัง!!

หลังจากกระชากสุดแรงจนประตูเปิดออก ร่างสูงก็พุ่งพรวดเข้าไปด้านใน ความมืดทำให้เขามองไม่เห็นอะไร และโชคร้ายที่เขาลืมโทรศัพท์มือถือเอาไว้กับคนสนิทตั้งแต่แยกทางกันเมื่อหลายนาทีก่อน

เซคิโอก้าวเข้าไปข้างในอย่างช้าๆ เขาไม่รู้ว่าสวิตซ์ไฟอยู่ตรงไหน จึงปล่อยให้สายตาค่อยๆ ปรับสภาพในที่มืดจนภาพสิ่งของเริ่มชัดขึ้น

กึก!

ทันใดนั้นชายหนุ่มก็สะดุดเข้ากับอะไรบางอย่างที่นุ่มๆ จึงย่อตัวลงแล้วเอื้อมไปจับวัตถุนั้น มันอุ่นๆ และมีผ้าห่อหุ้มเอาไว้ ทำให้เขามั่นใจว่าเป็นร่างกายมนุษย์

“คุณ!”

“...”

เซคิโอมองไปรอบๆ แล้วเข้าไปประคองร่างที่หมดสติเข้ามากอดเอาไว้ ร่างนั้นยังหายใจหากหมดสติไปแล้ว อาจจะเป็นเพราะความอ่อนเพลียที่ติดอยู่ในนี้นานหลายชั่วโมง ขาดน้ำ ขาดอาหาร กลิ่นหอมบางอย่างที่ได้สูดดมทำให้เขารู้ในทันทีว่าร่างนั้นคือผู้หญิง ด้วยสัญชาติญาณแห่งการปกป้อง ทำให้เขาตัดสินใจคลำหาร่องรอยบาดแผลและเลือดจากการถูกทำร้าย ไม่ว่าจะจากคนหรือสัตว์ แต่ก็ไม่พบอะไร

‘น่าจะยังปลอดภัย’ เขาคิดอย่างโล่งอก

ครืน ครืน!!

ลำแสงแปลบปลาบที่ปรากฏขึ้นก่อนจะตามด้วยเสียงฟ้าคะนองดังมาแต่ไกล แต่ละครั้งทำเอาพื้นดินสะเทือนเลื่อนลั่น ไม่ทันที่จะคิดอะไรออก ฝนก็เทลงมาอย่างไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย ประตูที่เปิดค้างเอาไว้ก็ถูกกระแสลมแรงพัดจนมันปิดกระแทกดังปัง

‘...ในระหว่างสัปดาห์นี้ภายใต้อิทธิพลของลมมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังแรงเข้าปกคลุมทะเลอันดามันและประเทศไทยตลอดทุกพื้นที่ ส่งผลให้ประเทศไทยมีฝนตกชุก เกิดพายุฝนฟ้าคะนองและลมกระโชกแรงในบางพื้นที่ โดยเฉพาะฝั่งตะวันตกของประเทศ ภาคกลางตอนบนและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ...’

เซคิโอนึกถึงรายละเอียดข่าวพยากรณ์อากาศที่เขาติดตามมาระหว่างทางจากคลื่นวิทยุภาษาอังกฤษเพียงไม่กี่สถานีในประเทศไทย เขารู้อยู่แล้วว่าต้องเผชิญกับสภาพอากาศแบบนี้ หากไม่คาดเดามาก่อนว่าฝนมันจะกระหน่ำขนาดนี้!

“พับผ่า แล้วก็เทลงมาจนได้” เขาสบถ “เราคงติดฝนอยู่ในนี้อีกยาวเลยหนูน้อย... ใครทำกับเธอแบบนี้ ทำไมมาติดในนี้อยู่ได้” เขาไม่เข้าใจเลยจริงๆ ได้แต่ส่ายหน้าช้าๆ หลังจากพึมพำกับตนเองเบาๆ พร้อมทอดสายตาฝ่าความมืดมองร่างน้อยที่ให้ความรู้สึกอุ่นๆ ในอ้อมแขนเขา

***

เวลาผ่านไปมากกว่าสามชั่วโมง เมื่อฝนขาดเม็ด ชายหนุ่มยกข้อมือขึ้นดูนาฬิกาท่ามกลางแสงสลัว เวลาเกือบตีสามเข้าไปแล้ว ชายหนุ่มส่ายศีรษะอย่างหงุดหงิดเมื่อสภาพดินฟ้าอากาศช่างไม่เป็นใจ ร่างกายเขาเองก็อ่อนเพลียและรู้สึกง่วง หากไม่เพราะกลิ่นหอมอ่อนๆ ของหญิงสาวที่เจือจางในอากาศชื้นๆ ยามหลังฝนแบบนี้ที่ช่างปลุกเร้าอารมณ์อย่างบอกไม่ถูก หากไม่เพราะสำนึกแห่งความเป็นพลเมืองดีมีมนุษยธรรมแล้วละก็... ป่านนี้เขาคงหลับบนเตียงนุ่มหลังออกกำลังกายกับแม่นางแบบปากแดงไปนานแล้ว

ชายหนุ่มระบายยิ้มกับตัวเอง ก่อนมองไปยังคนที่นอนอยู่ใกล้ๆ ร่างเล็กเริ่มขยับ ไม่นานจากนั้นดวงตากลมโตก็ลืมขึ้นมาอย่างช้าๆ

“กรี๊ดดด!!!” เสียงร้องลั่นทำคนอยู่ใกล้หูแทบดับ

“เฮ้! เดี๋ยวก่อน ใจเย็นๆ ฟังก่อน” เขายังพยายามใจเย็น แต่ดูเหมือนหญิงสาวจะไม่ฟังอะไรทั้งนั้น ในสายตาเธอแล้ว เขาคงไม่ต่างจากโจรปล้นสวาทกระมัง เซคิโอกดไหล่บอบบางเอาไว้ แต่เธอก็ยังดิ้น

“แกเป็นใคร แกคิดจะทำอะไรฉัน” หญิงสาวโวยวาย มองเห็นสีหน้าหวั่นหวาดและตื่นกลัวในความมืด

“หยุด!” เขามองเห็นหน้าเธอไม่ชัดนัก มีเพียงแสงสลัวจากเสาไฟที่อยู่ลิบๆ ภายนอก นั่นไม่มากพอที่จะทำให้มองเห็นอะไรชัดนัก รวมทั้งรูปร่างหน้าตาของหญิงสาวที่กำลังโวยวายเพราะความเข้าใจผิด

“ไม่หยุด!” เธอตะเบ็งเสียงดังยิ่งขึ้น

“บอกให้หยุด!”

“ไม่หยุด! แกออกไปให้พ้นนะ!”

“นี่ผมเป็นคนเข้ามาช่วยคุณนะ” เขาคำราม

“ช่วยงั้นเหรอ คนฉวยโอกาสแบบนี้ยังเรียกว่าช่วยงั้นเหรอ”

“ผมมันหน้าเหมือนคนโกหกอย่างงั้นเหรอ”

“ใช่! โรคจิตด้วย ออกไปเดี๋ยวนี้นะไอ้โจรชั่ว!!!” หญิงสาวตะโกนไล่เขาอย่างสุดเสียง หัวใจเต้นรัวระทึกไปด้วยความกลัว เหงื่อผุดพรายทั่วสรรพางค์ รวมทั้งฝ่ามือน้อยๆ ของเธอก็เปียกชุ่ม ทั้งที่อากาศภายนอกนั้นค่อนข้างเย็นเนื่องจากฝนเพิ่งหยุดตก

“รู้ว่าจะเป็นแบบนี้ผมจะไม่มาช่วยเลย” เขาตวาดกลับอย่างรู้สึกผิดหวัง

“ช่วยด้วยค่า ช่วยด้วย มีคนลวนลามฉัน” เธอไม่ฟัง แถมยังตะโกนก้องแข่งกับเสียงฟ้าร้องครืนๆ ด้านนอก

“ผมเปล่านะ!”

โอ้ย เขาอยากจะบ้า นี่เขามันเหมือนโจรจริงๆ ใช่ไหม แล้วไอ้ตำแหน่งสุดยอดหนุ่มในฝันสาวๆ ที่เขาได้รับหลายปีซ้อนนั่นมันอะไร มายาใช่ไหม ทำไมความหล่อลากมากเสน่ห์ใช้กับผู้หญิงคนนี้ไม่ได้เลย

เขาคือฮีโร่ผู้ช่วยชีวิตเธอ เธอควรตอบแทนเขาดีๆ ต่างหาก อย่างน้อยๆ ก็สักจูบหนึ่ง พระเจ้า!

“แล้วเสื้อผ้าฉันอยู่ในสภาพนี้ได้ยังไง” เชิ้ตกระดุมหลุด ขากางเกงถูกพับขึ้นเกือบเหนือเข่า ชายหนุ่มมองตามสภาพเสื้อผ้าที่หลุดลุ่ย เขาเพียงต้องการตรวจร่างกายเธอว่าไม่ได้ถูกสัตว์มีพิษกัด เขาพลาดตรงที่ไม่ได้จัดการพวกมันให้กลับไปอยู่ในสภาพเดิม เธอไม่มีวันรู้หรอกว่าเขาต้องอดทนอดกลั้นสักแค่ไหนกับเรือนร่างที่แสนจะนุ่มนิ่ม แล้วก็หอมไปทั้งเนื้อทั้งตัวอย่างนี้ ไม่อย่างนั้นล่ะก็... ป่านนี้เธอเสร็จเขาไปแล้ว

“ไม่ บอกว่าไม่ก็ไม่สิ! ผู้หญิงอย่างคุณ ต่อให้แก้ผ้าผมยังไม่สนเลย” ถ้อยคำสบประมาทเปล่งออกมาอย่างหงุดหงิด โทษฐานที่ทำคุณบูชาโทษ หากนั่นเขากำลังปดคำโตออกไป

“ไอ้บ้า! คนลามก! ฉันไม่เชื่อคุณหรอก”

“บอกว่าไม่ไง ผมบอกว่าไม่ได้ลวนลาม ถ้าลวนลามจริงๆ ต้องแบบนี้!” เขาเลือดขึ้นหน้าด้วยความโมโห พลันคว้าร่างเล็กเข้ามาใกล้ ก่อนกดจุมพิตร้อนแรงลงไปปิดปากเธอเสียมิด และมันเป็นเป็นห้องเก็บเสียงชั้นดี เซคิโอเพิ่งรู้ในนาทีนี้เองว่า การปราบคนขี้โวยวายนั้นไม่มีอะไรได้ผลดีเท่าจูบร้อนๆ สักครั้งสองครั้งอีกแล้ว

แม่เจ้า! เขาคิดว่าเธอจะหวานแค่ในจินตนาการ แต่เมื่อลิ้มรสปากอิ่มสวยจริงๆ ถึงได้รู้ว่าไม่มีอะไรจะหวานได้เท่านี้อีกแล้ว ชายหนุ่มคิดด้วยหัวใจลำพองขณะละเลียดจูบ จู่โจมหญิงสาวโดยที่เธอไม่มีโอกาสขัดขืนได้เลย จุมพิตเขาไม่เพียงปิดเสียงโวยวายได้เสียจนมิด หากรินรุ้งกลับรู้สึกเหมือนว่าสติตนเองล่องลอยหายไป หูอื้อตาลายไม่ได้ยินเสียงฝนฟ้าคะนองที่กำลังประกาศศักดาอยางกึกก้องเลยด้วยซ้ำ

เพียะ! ทันใดนั้น ร่างน้อยก็ดึงสติเฮือกสุดท้ายกลับมาได้ ก่อนออกแรงที่เหลืออยู่เพียงนิด ฟาดฝ่ามือลงบนแก้มสากๆ ของโจรปล้นจุมพิตจนหน้าหัน ก่อนถ้อยคำผรุสวาทจะตามมาติดๆ

“เลว! แกมันเลว รังแกได้แม้ผู้หญิงไม่มีทางสู้” สิ้นถ้อยคำบริภาษหญิงสาวก็สูดลมหายใจเข้ายาวลึก และเป็นลมหมดสติไปอีกครั้งด้วยความอ่อนแรง

เซคิโอหมดปัญญาจะอธิบายใดๆ อีกต่อไปแล้ว หากมีสิ่งเดียวที่เขาคิดจะทำตอนนี้ คือพาเธอออกไปจากที่นี่โดยเร็วที่สุด ในขณะที่ฝนกำลังขาดช่วง ก่อนที่มันจะเทลงมาอีกครั้ง

เขาไม่รู้หรอกว่าเธอติดในนี้มานานเท่าไหร่แล้ว แม้การช่วยครั้งนี้จะดูเป็นเรื่องตลกร้าย เพราะเธอไม่ได้คิดว่าเขาเป็นฮีโร่ หากเป็นคนโรคจิตก็เถอะ กระนั้นเขาก็ยังมีมนุษยธรรมและคิดว่าความสำคัญเร่งด่วนตอนนี้คือช่วยพาเธอออกไปส่งให้ส่วนออฟฟิศของรีสอร์ต

***

วันรุ่งขึ้น

หญิงสาวตื่นนอนขึ้นมาในห้องพักสำรองสำหรับพนักงาน ไม่มีใครรู้ว่ารินรุ้งหายตัวไปไหนตั้งแต่บ่าย รู้เพียงเธอไม่ได้อยู่รอต้อนรับลูกค้ากรุ๊ปใหญ่จนทุกคนวุ่นวายกันไปหมด พนักงานบางส่วนก็ออกตามหาจนทั่ว แต่ก็ไม่พบ แถมตอนตกดึกฝนที่เทลงมาก็เป็นอุปสรรคในการออกตามหาอีก โดยเฉพาะกระท่อมเก็บของท้ายรีสอร์ตก็อยู่ไกลออกไปจนทุกๆ คนต่างมองข้าม

“ผมพบเธอหมดสติอยู่ในเรือนเก็บของท้ายรีสอร์ต เธอถูกขังไว้ที่นั่น“ นั่นคือคำบอกเล่าจากชายหนุ่มรูปร่างสูง หน้าตาดี มีดีกรีเป็นถึงซีอีโอสายการบินใหญ่จากยุโรป ก่อนที่เขาจะเช็กเอาต์ออกจากที่พักในเช้าตรู่ของวันนี้พร้อมคนรัก!

รินรุ้งปลอดภัย เพียงแต่ร่างกายอ่อนเพลียมากเท่านั้น ดูเหมือนว่าเรื่องที่เกิดขึ้นจะไม่ใช่อุบัติเหตุเสียแล้ว ว่าแต่ใครล่ะที่ขังเธอเอาไว้แบบนั้น แต่โชคยังดีที่มีคนไปเจอและช่วยเอาไว้

แล้วความรู้สึกนั้น... จูบแรกที่เขาประทับเอาไว้ มันเป็นความรู้สึกที่ยากจะลืม ‘จูบจริง หรือเพียงฝันไป...’

ในขณะที่ฝ่ายบุคคลที่ต้องรับผิดชอบเรื่องนี้เองก็จับมือใครดมไม่ได้ แถมรินรุ้งที่ถูกกระทำแท้ๆ ยังโดนข้อหาทิ้งลูกค้า ขาดความรับผิดชอบ มีอันต้องรับโทษอีกกระทงจากเดิมที่เพิ่งถูกตำหนิไปหมาดๆ นี่มันคืออะไร ใครช่วยอธิบายได้ไหม ทำไมชีวิตรินรุ้งถึงได้ซวยซ้ำซวยซ้อนแบบนี้ แล้วนี่ยังจะมีอะไรเลวร้ายไปกว่านี้อีกไหม

แต่กระนั้น... ในความโชคร้ายก็ยังพอมีสิ่งดีๆ เหลืออยู่บ้าง เมื่อรัศมีพนักงานรุ่นน้องเล่าให้เธอฟังอย่างตื่นเต้นว่า

“แขกที่ไปเจอและช่วยชีวิตพี่รินเอาไว้หล่อมากเลยนะคะ แต่คุณเค้าเช็กเอาต์ออกไปแล้วแต่เช้า” พนักงานสาวรุ่นน้องรายงานเสียงเจื้อยแจ้ว

‘ใครนะผู้มีพระคุณที่ช่วยเธอเอาไว้’ หญิงสาวครุ่นคิด หลังจากมีพนักงานมาแจ้งว่าแขกที่เข้าพักโซนวีไอพีมีปัญหา รินรุ้งก็รีบนั่งรถกอล์ฟเพื่อไปที่ห้องพักของแขก แต่ยังไม่ทันพบใคร จู่ๆ ก็มีใครบางคนใช้ผ้าป้ายยาสลบมาปิดจมูกเธอจากด้านหลัง จนกระทั่งไปรู้สึกตัวในเรือนเก็บของ รินรุ้งจำได้เท่านี้...

“งั้นเหรอ”

“พี่รินคงไม่ทันได้เจอ เขาพักห้องเดียวกับแขกที่วีนพี่รินนั่นแหละ”

“จริงเหรอ”

“อืม...” พยักหน้ารัวๆ แล้วว่าต่อ “น่าเสียดายเนอะ คนหล่อๆ ไม่น่าไปเป็นแฟนกับผู้หญิงนิสัยเหวี่ยงๆ แบบนั้นเลย”

“...”

“พี่รินเป็นไงบ้าง ต้องหาหมอไหมคะ”

“พี่ดีขึ้นแล้ว”

“สรุปว่าใครกันนะที่มันแกล้งพี่ริน แล้วทำไมต้องทำกันขนาดนี้ด้วย” รัศมีว่า สีหน้าไม่พอใจเพราะโกรธแทนรินรุ้ง

“นั่นสิ พี่นึกไม่ออกไปมีศัตรูที่ไหน”

“ว่าแต่... พี่รินไม่เป็นไรแน่นะ”

“แน่จ้ะ”

โชคดีก็จริงที่เธอไม่เป็นอะไร... แต่ข่าวร้ายยิ่งไปกว่านั้นคือ...

“ถ้าไม่เป็นไรก็ดีแล้ว... ว่าแต่พี่ริน... นายบอกว่าพอพี่รินตื่นแล้วให้ไปเขียนใบลาออกด้วยนะ” รัศมีจำใจเอ่ย ทั้งที่ในใจเองก็รู้สึกโหวงๆ กับข่าวร้ายที่ตนต้องเป็นตัวแทนฝ่ายบุคคลให้มาบอกเพื่อนร่วมงานที่สนิทที่สุด

$$$$$$$$

อ่านต่อ

หนังสือที่คุณอาจชอบ

หนังสืออื่นๆ ของ ภัคร์ภัสสร

ข้อมูลเพิ่มเติม
บท
อ่านเลย
ดาวน์โหลดหนังสือ