เหมันต์ไม่ช่วยอะไร วันนี้จะกินอะไรดีเพคะฝ่าบาท

เหมันต์ไม่ช่วยอะไร วันนี้จะกินอะไรดีเพคะฝ่าบาท

จันทร์ส่องแสง

5.0
ความคิดเห็น
1.4K
ชม
29
บท

เรื่องนี้มีแต่ของกิน ผู้ช่วยแม่ครัวของเรากำลังจะกุมหัวใจฮ่องเต้หนุ่มหล่อด้วยสิ โอ้แม่เจ้า เจอฮ่องเต้สายซึนเสียด้วยพร้อมกับเรื่องเข้าใจผิดมากมาย

บทที่ 1 ปฐมบท

“เรื่องมันมีอยู่ว่า ช่างเถอะ ไม่อยากจะเล่าเลยเล่าแล้วมันยาวและเจ็บปวด

เอาเป็นว่าฉันที่เคยเป็นผู้ช่วยแม่ครัวย้ำว่าผู้ช่วยแม่ครัวไม่ได้เป็นช๊งเป็นเชฟอะไรกับเขาหรอก

ก็แค่ผู้ช่วยแม่ครัวในร้านอาหารแต่ต้องทำทุกอย่าง ทุกอย่างจริงๆ ขัดห้องน้ำ ล้างจาน และทำอาหารแทนแม่ครัว แต่เขาดันเรียกว่าเป็นคนปรุงเพราะวันไหนที่แม่หัวหน้าแม่ครัวไม่มา อี่ศรีคนนี้แหละจะต้องทำทุกงาน ตั้งแต่หั่นผักยันปรุง

“ก็คิดว่าช่วยๆ กัน”

เจ้าของร้านพูดเมื่อวันสุดท้ายของปี ที่แม่ครัวแกดันกลับบ้านที่ต่างจังหวัดไม่บอกไม่กล่าวสักคำ เราจึงต้องใช้คำว่าช่วยๆ กันตั้งแต่เช้า

อีศรีไพรคนนี้ก็เลยต้องทำทุกตำแหน่งในร้าน จน..จนในที่สุดฉันก็ได้พัก ดื่มสุราในคืนข้ามปีพร้อมกับน้องๆเด็กเสิร์ฟในร้านที่แอบรินสารพัดสุราที่ลูกค้าดื่มไม่หมด มาลงขวดเก็บไว้ ผลจากสุราที่เรียกว่า หลาสยกษัตรย์ผสมกันทำเอาร่างกายที่อ่อนล้ามาทั้งวันทิ้งตัวหล่นตุ๊บในท่าตะแคงข้างลงบนพื้นกระเบื้องในท่านั่ง

โลกหมุนติ้วสีฟ้าขาวเหลือง แดง ม่วง น้ำเงิน ส้ม ชมพูแสงสว่างวาบ

แล้วมาหล่นตุ๊บอีกทีที่ไหนสักแห่ง

“$@#*+&&¢£¥%”

จูนแป็บ…เขาพูดอะไรกัน สะบัดศีรษะไปมา

“เร็วเข้า ฝ่าบาทเพิ่งจะกวาดเครื่องเสวยลงพื้นจนหมดพวกเจ้าขืนช้าเกรงว่าเอาคอไปพาดไว้ที่ลานประหาร”เสียงเข้มของใครบางคนแค่ฟังน้ำเสียงก็รุ้แล้วว่าวางอำนาจแค่ไหน

อ่อภาษาจีน ทำไมพูดภาษาจีน แล้วที่นี่ที่ไหนอย่าถามโง่ๆ ออกไปนะศรีไพร

อืมคงเป็นฝันแหละ จะต้องเป็นฝันแน่ๆ ก็ดันดื่มเสียเกือบหมดขวด ซีวาส รีกัล ผสมกับแบล็ค เรด และอื่นๆบลาๆๆหอมละมุนเหนื่อยๆ ฟาดเสียเต็มพิกัด แล้วดื่มแบบซ๊อตด้วยสิ

“คุณหนูเข่อชิง รีบลุกมาช่วยกันอย่ามัวแต่ฝันกลางวันคิดว่าตัวเป็นคุณหนูบ้านใหญ่“คุณหนู!ใครกันคือคุณหนู อย่าบอกนะว่าศรีไพรมาเป็นคุณหนูบ้านใหญ่

เสียงป้าตื้อที่พูดไม่พูดเปล่าเดินมาดึงหูศรีไพรให้ติดมือไปด้วย อ้าวนั่นประชดหรอกหรือ

”ปล่อยนะ”

ปากพูดตามองรอบๆตัว นี่มันห้องครัว แต่ทำไมใหญ่โตมโหราฬขนาดนี้ นางในห้องเครื่องที่ต่างนั่งกุมขมับเพราะกลัวจะถูกลงทัณฑ์ในเมื่อฮ่องเต้ไม่ยอมเสวยอะไรเลยทุกอย่างจึงมาลงที่ห้องเครื่อง

”หือข้าล่ะเกลียดความเสแสร้งของเจ้าจริงแม่นางน้อยเข่อชิง วางท่าราวกับคุณหนูกลางวันแอบงีบ กลางคืนนอนแต่หัวค่ำ คนอื่นเขากลุ้มใจแต่เจ้ากลับหลับได้สบายๆ”

ฟาดมือลงบนแผ่นหลังเสียงดังตุ๊บตั๊บ

“ยอมแล้ว ยอมแล้ว”เจ็บจัง! ศรีไพรรีบลุกขึ้นมามนั่งตากลม

”ไปช่วยกันปรุงอาหาร หลายวันมานี้ไม่มีอาหารชนิดใดที่ฝ่าบาทยอมเสวย หัวหน้าห้องเครื่องจึงให้พวกเราลองปรุงอาหารถวาย ทุกคนในห้องเครื่องจะต้องปรุงเครื่องเสวยแล้วลองนำไปถวายฝ่าบาท วันนี้ถึงคิวเจ้าแล้วเข่อชิง“

”หา ทำอาหารอีกแล้วหรือ”เบ้ปากด้วยความเบื่อหน่าย

“เจ้าจะทำอาหารชนิดไหนเลือกเอาจะของคาวรึของหวาน หากฝ่าบาททรงยอมเสวยจึงได้ไปต่อแต่หากฝ่าบาทกวาดเครื่องเสวยของเจ้าทิ้งไปนั่นเท่ากับว่าพวกเราซวยแล้วเข่อชิงเหลือเพียงเจ้ากับ เฟยฟางสองคนเท่านั้นที่จะช่วยพวกเราไม่เช่นนั้นคงต้องหอบห่อผ้ากลับไปทำนาไร่”

“ยายแก่ แกพูดง่ายไปแล้ว หากวันนี้ฝ่าบาทยังไม่ยอมเสวยคาดว่าจะโมโหหิวจนสั่งประหารพวกเราเสียทีเดียว ในเมื่อไม่เสวยอะไรมาห้าวันแล้วนั่นเท่ากับพวกเราถึงคราวซวย”

ลุงซุนพูดด้วยน้ำเสียงเป็นกังวล

โอ้โห้โอโห้ ตึงเครียดขนาดนี้เลยหรือ ความเป็นความตายนี่คนดีดี อย่างศรีไพรจะนิ่งเฉยได้อย่างไรกัน ยนานๆจะได้เป็นคนดีเสียที ปกติปแล้วช่างหัวมัน

“ได้ยินไหมเข่อชิง เจ้าเร่งลงมือเถิด”

ศรีไพรยิ้มเจื่อนๆ ดึงผ้าสีทึมมาคาดที่เอวกิ่ว ถลกแขนเสื้อขึ้น เอาวะ

เหลือบตามองวัตถุดิบในกระจาด มีสิ่งใดพอใช้ได้บ้าง

“ของดีๆ ทำถวายก็ถูกกวาดลงพื้นจนสิ้น เหลือวัตถุดิบเท่าที่เห็น”ป้าตื้ออธิบายฉอดๆ

“แล้วทำไมไม่นำมาเพิ่ม”ลุงซุนบ่น

“ตาแก่ ข้าเห็นว่านำมาเพิ่มได้ฝ่าบาทก็ไม่ยอมเสวยของดีๆ ไม่ว่าจะหมูตุ๋นหรือไก่ตุ๋นก็กวาดลงพื้นเสียสิ้น”

ศรีไพรถอนหายใจ

“ถอยไปเลยทั้งสองคน”จะให้เร่งมือแต่มาเสียงดังข้างๆ

ส่งเสียงเข้ม เหมือนทุกครั้งที่กำลังจะลงมือปรุงอะไรสักอย่างการทำอาหารสำหรับศรีไพรคือศิลปะอย่างหนึ่งที่ต้องใช้ใจและสมาธิ

ป้าตื้อกับลุงซุนมองตากันแล้วถอยออกไปปล่อยให้ศรีไพรง่วนกับวัตถุดิบตรงหน้า

“อะไรดี”

เหลือบไปที่กระจาดที่วางอยู่ตรงนั้น หยิบของบางอย่างขึ้นมาดูขึ้นมาดู

“นั่นเจ้าจะทำอะไรของสกปรกแบบนั้นไม่เหมาะกับเครื่องเสวยฝ่าบาทเป็นถึงโอรถสวรรค์”

ลุงซุนพูดดังๆ กลัวว่าศรีไพรจะเอาของที่ไม่เหมาะแก่ฐานะของฮ่องเต้ทำปรุงเรื่องเสวย

ศรีไพรหยิบของสิ่งนั้นมาหั่นเป็นชิ้นยาวๆ บั้งเหมือนกับบั้งหมึกสับปะรดตั้งกระทะเทน้ำมันใส่ โยนสิ่งที่หั่นบังไว้ลงไปทอดด้วยไฟแรงไม่สนใจสายตาของลุงซุน

“เจ้า เจ้าบังอาจนัก”ชี้มือสั้นระริกไปที่ศรีไพร ที่บัดนี้หลุดกเข้าไปในโลกส่วนตัวเสียแล้วไม่สนใจเสียงรอบข้าง

“ลุงเชิญออกไปรอด้านนอกเสร็จแล้วจะยกออกไปให้”

ดันหลังตาลุงซุนให้ถอยห่างเตาดึงท่อนฟืนออกเสียหนึ่งดุ้นเบาไฟใช้ไฟกลางสำหรับทอดเมื่อความร้อนจากน้ำมันเริ่มรีดเอาความชื้นจากของที่โยนลงไปจนได้ยินเสียงน้ำมันเดือด

หันกลับไป ยิ้มกับครก

อย่างน้อยก็มีวัตถุดิบสำหรับโขลกพริกแกงละว้า

หั่นข่าตระไคร้เตรียมไว้ หยิบลูกมะกรูดมาปอกเอาเปลือกสีเขียวออกบางๆหั่นฝอยเตรียมไว้

คว้าพริกกับเครื่องเทศมาโขลกเสียงโขลกพริกแกงดังลั่นวังหลวง

หันกลับไปพลิกของทอดที่กำลังสุกเหลืองด้านหนึ่งให้อีกด้านหนึ่งลงไปทอดบ้าง หั่นตะไคร้ลงไปทอดที่หลังเพราะตะไคร้จะสุกก่อนหากใส่ไปพร้อมกันจะต้องไหม้แน่ๆ

โขลกพริกแกงจนละเอียด สีแดงสดยกไม่ตีพริกขึ้นมาสูดดมกลิ่นหอม

เสร็จแล้วก็ใช้กระชอนที่สานจากไม้ไผ่ช้อนเอาของทอดสีเหลืองทองที่กรอบนอกนุ่มในพร้อมกับตะไคร้ที่เหลืองสวยเช่นกันขึ้นมาสะเด็ดน้ำมันรินน้ำมันออกจากกระทะ เหลือน้ำมันนิดหน่อย ใส่พริกแกงที่โขลกลงไปผัด เสียงซ่าาดั่งๆทำเอาอะดีนาลีนพุ่งปรี๊ด

คราวนี้เองที่ป้าตื้อมาชะโงกมองที่หน้าต่าง

“ฮัดชิ้ว หืมมม”

“เป็นอย่างไรป้าหอมไหม”ศรีไพรถามยิ้มๆ

“สิ่งนี้เรียกอะไรที่เจ้ากำลังผัดอยู่นั่น”

ป้าตื้อถามด้วยความอยากรู้

“อ่อ นี่คือพริกแกง”

“ไม่มีพิษแน่ใช่ไหมฝ่าบาท เกรงว่าจะต้องพิษจึงไม่ยอมเสวย”ศรีไพรขมวดคิ้ว

“อ้าวเหรอ นึกว่าอาหารไม่ถูกปาก”

“นั่นก็มีส่วนอย่างมากฝ่าบาทเกรงว่าจะมีคนวางยาพิษเลยยอมอด แต่รู้ไหม ว่าท่านหมอพูดว่านั้นเพราะไม่มีเครื่องเสวยที่ทำให้ฝ่าบาทอยากเสวยมากกว่า”

ป้าตื้อพูดไม่หยุด ตาก็มองสิ่งที่ศรีไพรกำลังลงมือปรุงน้ำตาลนิดเต้าเจี้ยวหน่อย ใส่เห็ดหอมหั่นลงไปจนเห็ดหอมสุกจึงนำของทอดสีเหลืองทองกับตะไคร้ทอดกรอบลงไปคลุกเคล้ายกกระทะออกจากเตา ใส่ใบกะเพราลงไปเป็นอันเสร็จพิธี หอมไปทั่วห้องเครื่อง

เหล่านางในห้องเครื่องมาชะโงกมองว่ามันคือเครื่องเสวยที่มีชื่อว่ากระไร

ศรีไรตักผัดเผ็ดใส่จานเงินหาฝามาปิดครอบไว้

ยกวางในถาด ตักข้าวสาลีที่หุงร้อนๆ ในหม้อใส่ถ้วยสองใบวางข้างผัดเผ็ดในถาด

“เสิร์ฟร้อนๆ”

“เครื่องเสวยนี้มีชื่อว่าอย่างไร”

“ผัดเผ็ด”

ป้าตื้อพยักหน้ากับนางในห้องเครื่องที่รีบยกเครื่องเสวยไปถวายฮ่องเต้

“เดี๋ยวแน่ใจหรือว่าจะถวายเครื่องเสวยชนิดนี้”

“ตาแก่ อยู่เฉยๆ เสียข้าเห็นว่าเครื่องเสวยที่นางทำกลิ่นหอมชวนให้น้ำลายสอเรื่องอื่นค่อยว่ากันอีกที พวกเรากำลังเข้าตาจน”

ลุงซุนถอนหายใจ ศรีไพรเช็ดมือที่เพิ่งจะล้างกับผ้ากันเปื้อนที่มัดไว้ที่เอว

“ถ้ามีอะไรผิดพลาดฉันรับผิดชอบเพียงคนเดียวลุงก็บอกไปว่าฉันดื้อไม่ยอมเชื่อฟังลุง”ป้าตื้อส่ายหน้าไปมา

“เอาเหอะน่าตาแก่นางหวังดีน่า บางทีฝ่าบาทอาจเลือกเครื่องเสวยของนางก็ได้”

“แล้วเฟยฟางเล่านางปรุงเครื่องเสวยที่ชื่อว่าอะไร”

ลุงซุนเอ่ยปากถามนางในห้องเครื่องอีกคนนามว่าอี้เอ่อร์

“ป่านนี้นางยังยืนนิ่งไม่รู้ว่าจะปรุงสิ่งใดถวาย”

อี้เอ่อร์ตอบเบาๆ

นางในห้องเครื่องยกถาดผัดเผ็ดและข้าวร้อนๆ สาวเท้ายังห้องบรรทมของฮ่องเต้หรวนหนิงหลง宁龙 (หนิงหลง) = มังกรแห่งความสงบเสงี่ยม

“กลิ่นอะไร”

หรวนหนิงหลง ลุกขึ้นจากแท่นบรรทมในท่านอนหงายหยียดยาวยกมือก่ายหน้าผากหลับตานิ่งกับท้องที่เลิกร้องไปนานแล้ว

ขันทีชราเป่ยกงกงรีบประสานมือท่าทีนอบน้อม

“ฝ่าบาทนางในห้องเครื่องนำเครื่องเสวยชุดใหม่มาแล้วคาดว่าจะเป็นของสิ่งนี้ที่ส่งกลิ่นข้าน้อยเห็นว่าฝ่าบาททรงบรรทมจึงไม่ได้ปลุก”หนิงหลงถอนหายใจ

“ยกเข้ามา ทดสอบพิษ”

เป่ยกงกงโบกมือให้นางในห้องเครื่องที่ยกถาดเข้ามาวาง

แล้วเอื้อมมือเปิดฝาครอบผัดเผ็ดออกช้าๆ

กลิ่นหอมเผ็ดร้อนขจรขจายไปทั่วห้องบรรทม หนิงหลงจ้องมองสิ่งที่อยู่ในจานเงิน ไม่อาจบอกได้ว่าคือสิ่งใดกันในเมื่อถูกบั้งและทอดจนเป็นสีเหลืองทอง

เป่ยกงกงคีบเอาผัดเผ็ดเข้าปาก ดวงตากลับเบิกโพลงด้วยรสแปลกลิ้น รสสัมผัสเผ็ดร้อนทว่าลงตัวทั้งกลมกล่อมหอมหวน จนทำให้น้ำลายไหลได้เลยทีเดียว เคี้ยวช้าๆ แล้วกลืน รสดีเสียจนสึกเสียดายที่คีบชิ้นเล็กไปอยากจะลิ้มรสอีกสักคำ ความเผ็ดร้อนในปากบวกกับกลิ่นหอมของเครื่องเทศในพริกแกงกับกลิ่นฉุนของใบกะเพราช่างพอเหมาะพอเจาะส่งผลให้ความกรอบนุ่มของทอดสีเหลือง ชูรสได้ดี รสเผ็ดทำให้เจริญอาหาร แต่ไม่วายสงสัยว่าของสิ่งนี้ทำจากวัตถุดิบใดกันแน่ ถึงจะใกล้เคียงกับเนื้อหมูแต่ก็ไม่ใช่ซะทีเดียว

“ไม่มีพิษพ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาทจะเสวยเลยหรือไม่”

“เลื่อนถาดมาตรงหน้าข้า”

สูดดมกลิ่นหอมจนน้ำลายสอแต่ไม่อาจแสดงกิริยาว่าหิวจนตาลายออกมาด้วยเป้นคนที่มักจะสะกดกลั้นความรู้สึกได้ดีตามประสานักรบนั่นเอง

หนิงหลงทรุดกายลงนั่งบนเก้าอี้ เป่ยกงกงเลื่อนถาดอาหารตรงหน้าส่งตะเกียบเงินให้อย่างนอบน้อม หนิงหลงคีบผัดเผ็ดชิ้นหนึ่งใส่ปาก

รู้สึกถึงความเผ็ดที่ปลายลิ้น พอเคี้ยวจึงสัมผัสรสกลมกล่อมความกรอบนอกนุ่มในยิ่งทำให้รสสัมผัสมีความน่าพิศวง ความเผ็ดในตอนท้ายบวกกับกลิ่นหอมแทรกซึมไปทั่วปากพริกแกงไม่ได้เผ็ดจี๊ดจ๊าดแต่ก็เผ็ด พอรู้สึกเผ็ดก็พุ้ยข้าวร้อนๆ ใส่ปากแก้เผ็ดยิ่งอร่อย จนแทบลืมเคี้ยว

เป่ยกงกงยิ้มแก้มปริ

เดินมากระซิบกระซาบกับนางในห้องเครื่อง

แล้วโบกมือให้นางกลับไป

“รสดี จริงๆ เครื่องเสวยนี่มีชื่อว่าอะไร”

หนิงหลง มองหาถ้วยข้าวอยากจะเพิ่มข้าวอีก เป่ยกงกงรู้ทันรีบยกถ้วยข้าวร้อนๆ มาวางตรงหน้า นึกชื่นชมคนจัดถาดอาหารที่เพิ่มข้าวมาราวกับจะรู้ว่ามื้อนี้ฝ่าบาทจะเสวยข้าวถึงสองถ้วย

“อ่า นางในห้องเครื่องที่ยกถาดอาหารมานางเรียกมันว่า…ผัดเผ็ด”

อ่านต่อ

หนังสืออื่นๆ ของ จันทร์ส่องแสง

ข้อมูลเพิ่มเติม
มนตราฟาโรห์

มนตราฟาโรห์

โรแมนติก

5.0

.....อามูเนส... .. ราชินีที่รักแห่งข้าขอเทพธิดาไอซิส มอบชีวิต อมตะให้ข้าและนาง ...รอ เจ้าอยู่ที่นี่ ตราบ ดวงอาทิตย์อับแสง ..รอเจ้าอยู่ร่วมเดินทางสู่ฟากฟ้า พร้อมกัน” คำขอครั้งสุดท้ายของ..โฮรัส.. ผู้เลื่องชื่อเทพแห่งสงคราม กับเจ้าหญิงผู้ซึ่งตกเป็นเชลย ด้วยจุดเปลี่ยนที่บิดาของอามูเนส ผู้เลอโฉมเลื่องลือไปไกล พ่ายแพ้ให้แก้ฟาโรห์โฮรัสเทพสงครามผู้ยิ่งใหญ่ เป็นจุดเริ่มต้นของ คำขอต่อเทพแห่งความเป็นอมตะไอซิส คำขอครั้งสุดท้ายจะเป็นจริงไหมและเอวาสาวสวยนักโบราณคดีที่ขุดค้นพบ คำขอนั้นของฟาโรห์โฮรัสจะ สามารถค้นพบความจริงต่างๆได้อย่างไร ล่องลอยไปกับดินแดน ไอยคุปต์ด้วยกันใน...มนตราฟาโรห์...

หนังสือที่คุณอาจชอบ

เป็นสุดที่รักของผู้เผด็จการ

เป็นสุดที่รักของผู้เผด็จการ

Charlton Buccafusco
5.0

ตลอดสิบปีที่ฉู่จินเหอรักเหลิ่งมู่หยวนฝ่ายเดียว เอาใจใส่กับเขาอย่างเต็มที่ แต่เธอไม่เคยคิดว่าที่แท้เธอเป็นแค่ตัวตลกคนหนึ่งเท่านั้น ที่สำนักงานเขตเพื่อทำการหย่า เหลิ่งมู่หยวนมองดูฉู่จินเหอด้วยความเย็นชาและพูดอย่างเหยียดหยามว่า "ถ้าเธอคุกเข่าลงและขอร้องฉัน ฉันอาจจะให้โอกาสเธอกอีกครั้ง ฉู่จินเหอเซ็นอย่างไม่ลังเลและออกจากตระกูลเหลิ่ง สามเดือนต่อมา ฉู่จินเหอปรากฏตัวอย่างเปิดเผย ในเวลานั้น เธอเป็นประธานเบื้องหลังของ LX นักออกแบบลับที่ล้ำค่าที่สุดในโลก และเจ้าของเหมืองที่มีมูลค่าหลายร้อยล้าน ทางตระกูลเหลิ่งคุกเข่าลงและขอร้องให้คืนดีและขอการให้อภัย ฉู่จินเหอแยู่ในโอบกอดของซีอีโอโจว ซึ่งเป็นคนใหญ่คนโตในโลกธุรกิจอย่างมีความุข เธอเลิกคิ้วพลางเยาะเย้ย "ฉันในตอนนี้ไม่ใช่คนที่พวกคุณมาเกี่ยวข้องได้"

ธิดาแค้นต้องเอาคืน

ธิดาแค้นต้องเอาคืน

Casey Haag
5.0

ตระกูลซูล่มสลาย จวนเจิ้นกั๋วทั้งตระกูลถูกประหารชีวิตในคืนเดียว ชาติก่อน… ซูเฉิงอิ้งถูกน้องสาวหลอกใช้ ถูกชายเจ้าชู้เล่นตลก ชาติก่อน… ซูเฉิงอิ้งใช้ชีวิตอย่างเจียมเนื้อเจียมตัวอยู่แคว้นเป่ยเหลียงสิบกว่าปี แต่กลับถูกกล่าวหาว่าคบคิดกับศัตรู คนทั้งแคว้นเซิ่งถังต่างก็ด่าทอยกใหญ่ ชาติก่อน… ซูเฉิงอิ้งต้องยืนมองน้องสาวกับรักแรกของตนสนิทสนมกัน ครองโลก ส่วนตัวเองกลับโดนประหารชีวิต เลือดสาดตะวัน เมื่อตื่นขึ้นอีกครั้ง… ซูเฉิงอิ้งถือดาบกลับมา ฟาดแรก… ตัดสายเลือด ฟันน้องสาวอกตัญญู ฟาดที่สอง… ตัดความรัก ฟันรักแรกที่หน้าเนื้อใจเสือ ฟาดที่สาม… ตัดคำพูด ฟันทุกเสียงนินทาของเป่ยเหลียงที่บิดเบือนความจริง ฟาดที่สี่… ตงฟางไป๋เยว่ “หรือว่าฮูหยินอยากจะฆ่าสามีผู้นี้ด้วยหรือ” ซูเฉิงอิ้ง“หุบปาก…”

บทรักมาเฟียร้าย

บทรักมาเฟียร้าย

จิรัฐติกาล
5.0

“ผู้หญิงคนนี้เป็นของมาร์โก ใครก็ห้ามมายุ่งอีกเด็ดขาด” เขาประกาศให้รับรู้ทั่วกัน แต่ถามว่าผู้หญิงของเขาตอนนี้มีสีหน้ายังไง ถามได้! เธอยังช็อกไม่หายปล่อยให้เขาจับจูงเข้าไปในห้องจนเหตุการณ์สงบแล้วเธอก็ยังไม่รู้ตัวเหมือนเดิม! พระเจ้านี่มันเรื่องบ้าอะไร! เธอกลายเป็นผู้หญิงของมาเฟียได้ยังไง เรื่องชักจะวุ่นวายเกินไปแล้ว เธอตามไม่ทันจริง... ตั้งสติไว้ยัยแอน เธอต้องตั้งสติ ตั้งสติบ้าอะไร เขาก็ประกาศอยู่ว่าเธอเป็นของเขา ไม่ ๆ ไม่ใช่ พวกเราแค่นอนด้วยกันคืนเดียว ยังไงก็แค่เรื่องเข้าใจผิด ยังไงเขาก็คงคิดจะขู่เล่น ๆ โธ่เอ้ยยัยโง่ เขาประกาศขนาดนั้น ลองไปสิเธอได้ถูกผูกติดกับเตียงแน่ ชาตินี้อย่าหวังจะไปไหนได้เลย เธอลืมไปแล้วหรือไงว่าคนนั้นคือมาเฟียมาร์โก มาเฟียที่มีอิทธิพลสุดในเมืองนี้! เธอจะบ้าตายเพราะเถียงกับตัวเองนี่แหละ แถมยังต้องมานั่งเสียใจที่มาเจอคนที่น่ากลัวที่สุดในเมือง พระเจ้าแกล้งเธอเกินไปแล้ว แบบนี้เธอจะทำยังไงดี!!

ร่านรักเริงใจ

ร่านรักเริงใจ

ลิลเอง
4.9

“หยุดนะดอน หยุดเดี๋ยวนี้ อือ อูยยย” ขาของวิรามรอ้ากว้างยินยอมให้ใบหน้าสามีคุณชายซุกซบเข้าหาจุดกระสัน ปากสั่งให้หยุด ตรงข้ามกับปฏิกิริยาแอ่นกายรับการปรนเปรอ “วิจะ...โกรธ อูยส์...เกลียด โอ๊ะ...อ๊ายส์...อีตาบ้า” วิรามรกระเสือกกระสนตัวหนี แต่นายดอนหรือจะยอมพ่าย ปากหยักไม่ละจากกลีบแคมอวบ ลิ้นแบกว้างไล้เลียแยะแยงรูฉ่ำที่กำลังหลั่งน้ำหวานให้ดื่มกิน “หยุด...ดะเดี๋ยวนี้...โอย..ไม่ คุณมัน...ซาตานจริงๆ นะดอน อ้ายซ์...คุณกัดฉัน” “ดูดจ้ะยาหยีไม่ใช่กัด” ดูเถอะ ยังมีหน้าเงยขึ้นมาแจกแจงเสียอีก วิรามรนึกอยากจะยกเท้าขึ้นถีบร่างหมอบคู้ระหว่างกลางขาเรียวให้กระเด็น ถ้าขาหล่อนมันจะไม่ทรยศผู้เป็นเจ้าของ เพราะนอกจากจะไม่ทำอย่างที่ใจคิดแว่บๆ ยังกระหวัดโอบไหล่หนาไว้แน่น “อะ...อูยส์...ดอน นี่จะ...ฆ่าวิใช่มั้ย” ดอนเหลือบมองสีหน้าเสียวสุขของภรรยาแว่บหนึ่งไม่ตอบ ก็ปากไม่ว่างนี่ ใครไม่ได้ลิ้มรสไม่รู้หรอกว่าที่หอยสวยๆ ของภรรยาสุดรักของเขาขับหลั่งออกมายามเกิดอารมณ์ซ่านเสียวหวานหอมแค่ไหน ชวนลุ่มหลงแค่ไหน

บท
อ่านเลย
ดาวน์โหลดหนังสือ
เหมันต์ไม่ช่วยอะไร วันนี้จะกินอะไรดีเพคะฝ่าบาท
1

บทที่ 1 ปฐมบท

17/06/2024

2

บทที่ 2 เฟยฟางผู้งดงามอ่อนหวาน

17/06/2024

3

บทที่ 3 ไม่เป็นไรข้ามาแล้ว

17/06/2024

4

บทที่ 4 เคล็ดวิชา

17/06/2024

5

บทที่ 5 ศรีไพร

17/06/2024

6

บทที่ 6 แครอทโง่ๆ

17/06/2024

7

บทที่ 7 แตงโมโง่ๆ

17/06/2024

8

บทที่ 8 ตอนพิเศษ

17/06/2024

9

บทที่ 9 พบ

17/06/2024

10

บทที่ 10 เหมันต์ไม่ช่วยอะไร

17/06/2024

11

บทที่ 11 หวาน

17/06/2024

12

บทที่ 12 ของหวาน

17/06/2024

13

บทที่ 13 เชฟใหญ่

17/06/2024

14

บทที่ 14 ฮ่องเต้เสด็จ

17/06/2024

15

บทที่ 15 ท่านอย่าเอาไปเล่าต่อนะ

17/06/2024

16

บทที่ 16 ปิ่นนี่เป็นของไทเฮาเชียวนะ

17/06/2024

17

บทที่ 17 กังวลกับนาง

17/06/2024

18

บทที่ 18 อิจฉา

17/06/2024

19

บทที่ 19 หอมกรุ่น

17/06/2024

20

บทที่ 20 คนสำคัญ

17/06/2024

21

บทที่ 21 วันอะไร

17/06/2024

22

บทที่ 22 เอาไงดี

17/06/2024

23

บทที่ 23 ตอนพิเศษ

17/06/2024

24

บทที่ 24 ขอบคุณที่คิดถึงข้า

17/06/2024

25

บทที่ 25 หย่อนเบ็ด

17/06/2024

26

บทที่ 26 เซอร์ไพรส์

17/06/2024

27

บทที่ 27 บทสรุป

17/06/2024

28

บทที่ 28 จบบริบูรณ์

17/06/2024

29

บทที่ 29 ตอนพิเศษ

17/06/2024