สาวงามที่ฉํนเก็บมาดันเป้นอัศวินจากต่างโลกซะงั้น!

สาวงามที่ฉํนเก็บมาดันเป้นอัศวินจากต่างโลกซะงั้น!

ปากกาเสี่ยงทาย

5.0
ความคิดเห็น
1.1K
ชม
29
บท

จากบ้านนอกคอกนา สู่สถาบันที่เต็มไปด้วยลูกคนรวย เพื่อนร่วมชั้นปีที่มีวิถีชีวิตต่างกันสุดขั้ว จนเริ่มไม่มั่นใจว่าคิดถูกหรือผิดที่เลือกเป็นนักเรียนทุนที่นี่ แต่ในวันคืนที่ท้อแท้กับการปรับตัวในสังคมใหม่ ฉันก็ได้พบกับสาวงามคนนึง แถมยังมาตัวเปล่า! (ตัวเปล่าจริงๆ นะ) สาวงามสุดแปลกที่พูดจาโบร่ำโบราณ และดูท่าจะไม่มีที่ไปจึงพลั้งปากไปว่ามาพักกับฉันไปก่อนก็ได้... แล้วก็ได้รู้ความจริงว่าเธอเป็นอัศวินสาวมาจากต่างโลก!? อะไรกันเนี่ย นอกจากเพื่อนในโรงเรียนที่หลุดโลกแล้ว ตอนนี้คนที่อยู่ในบ้านฉันก็หลุดโลกเหมือนกันเรอะ!? และแล้ววันคืนที่แสนน่าปวดหัวกับการอยู่ร่วมกับคนที่มาจากสังคมก็เริ่มขึ้น หรือบางที นี่อาจจะเป็นจุดเปลี่ยนบางอย่างสำหรับฉันก็ได้มั้ง?

บทที่ 1 บทนำ การพบพาน

ยืดอก หลังตรง มองไปข้างหน้า สง่าดั่งบุปผาแสนบริสุทธิ์

นั่นคือคำขวัญโรงเรียนที่ฉันอยู่ สถาบัญโอเมกิ ซึ่งเป็นโรงเรียนชั้นแนวหน้าทั้งในด้านวิชาการและกีฬา อีกทั้งยังทีอีกหนึ่งความโดดเด่นไม่เหมือนใคร นั่นก็เพราะที่แห่งนี้เต็มไปด้วยลูกคุณหนูผู้มั่งมีทั้งหลาย

ไม่ว่าจะเป็นลูกเจ้าของบริษัทยักษ์ใหญ่ นักการเมืองผู้มีชื่อเสียง หรือผู้ถือครองอหังสาริมทรัพย์มากมี ล้วนส่งลูกหลานตนเองมายังสถาบันแห่งนี้ทั้งสิ้น เพราะที่นี่มีการศึกษาที่เพรียบพร้อมให้เหล่าผู้ปกครองพึงพอใจ

แน่นอนว่าแม้แต่ชนชั้นหาเช้ากินค่ำก็ใฝ่ฝันให้ลูกๆ มาเรียน แต่คงไม่มีทางรับค่าใช้จ่ายไหว…เพราะงั้นทางโรงเรียนจึงมีระบบ ‘ทุนการศึกษา’ ให้กับผู้ที่คู่ควร

และในปีนี้ ฉันก็คือผู้ชนะ

“ขอบใจจ๊ะ เอมิโกะคุง ขอโทษที่ต้องให้ช่วยจนมืดค่ำนะ”

“ด้วยความยินดีค่ะ! แค่นี้เองสบายมาก”

ฉันยิ้มตอบอาจารย์ด้วยความขันแข็ง พอดีตอนมาส่งบันทึกประจำวันก็เจออาจารย์จมอยู่กับกองเอกสาร เลยอาสาช่วยงานจนเสร็จในที่สุดซึ่งตะวันก็ลับฟ้าเป็นที่เรียบร้อย

เพราะแบบนั้นอาจารย์จึงเสนอว่าจะขับรถไปส่งที่บ้าน แน่นอนว่าฉันปฏิเสธไป

“ไม่เป็นไรจริงๆ ใช่ไหมจ๊ะ”

“ค่ะ บ้านหนูอยู่ใกล้ๆ นี้เอง สบายมากค่ะ!”

“งั้นเหรอ ระวังตัวด้วยนะ”

ฉันโบกมือลากับอาจารย์จนรถเคลื่อนผ่านไปไกล ภายใต้ท้องฟ้ามืดมิดที่มีเพียงแสงไฟจากถนน รอบตัวฉันไม่มีใครจนสัมผัสได้ถึงความวังเวง ในตอนนั้น ฉันก็ถอนหายใจออกมา

“เฮ้อออ ในที่สุดก็หมดไปอีกวัน”

เหนื่อยสุดๆ ไปเลยโว้ย!! ถึงจะอยู่โรงเรียนนี้มาได้หนึ่งเดือนก็ไม่รู้สึกชินกับบรรยากาศของที่นี่สักที เพื่อนรอบตัวต่างก็เปล่งประกายระยิบระยับจนตาแทบบอดในทุกวัน

หลังเลิกเรียนทุกครั้งไม่วายจะชวนกันไปงานสังสรรค์ที่ฉันไม่รู้จัก จนเหมือนมิติลึกลับที่น่ากลัวแล้วต้องคอยปฏิเสธเรื่อยมา เพราะงั้นวันนี้ที่เห็นโอกาสเลยขอช่วยงานอาจารย์เพื่อหลีกเลี่ยงคำชวน

และก็อย่างที่คิด ได้อยู่คนเดียวแบบนี้สบายใจที่สุดจริงๆ

“ฮึบ~ วันนี้กินอะไรดีนะ”

เห็นว่าที่ร้านสะดวกซื้อมีข้าวปั้นรสใหม่ขายด้วยนี่นะ บะหมี่สำเร็จรูปก็ใกล้หมดแล้วไปซื้อเก็บไว้ทีเดียวเลยแล้วกัน ถึงการเป็นนักเรียนทุนจะทำให้ไม่มีปัญหาด้านการเงินก็เถอะ

แต่เพราะมาเรียนไกลบ้านเลยต้องอยู่ห้องพักคนเดียวกินอะไรแบบนี้ทันสะดวกแล้วก็เร็วกว่า หลังเลือกของจ่ายเงินเสร็จสรรพก็เดินออกมาโดยที่ตายังผมมองแต่พื้นทางเดิน

จะว่าไป ในคำขวัญบอกว่าให้ยืดอกมองไปข้างหน้าสินะ ถึงมันจะสง่างามจริงก็เถอะแต่ฉันชอบที่จะมองพื้นมากกว่า ไม่ต้องเผลอสบตากับใครจนต้องทักทายกัน แถมยังได้มองไม่ให้สะดุดล้มด้วย

แถมอีกอย่าง…บางที ฉันก็รู้สึกว่าแสงจากหลอดไฟมันจ้าเกินไป สู้มองความสว่างที่สะท้อนบนพื้นสบายตากว่าเยอะ เหมือนตอนนี้ที่เห็นเพียงพื้นคอนกรีดและเงาตนเองที่ค่อยๆ ขยายใหญ่ขึ้น…เอ๊ะ!?

พอเห็นความประหลาดบนพื้นฉันก็รีบเงยหน้าขึ้นมามีอะไรอยู่บนหัว แต่ทุกอย่างมันเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว ตาฉันมองทันเพียงแค่สิ่งเดียวนั่นก็คือ

ตูด

‘โครม!!’

มีตูดร่วงลงมาจากฟ้าและตกใส่หัวฉันจนล้มคว่ำไปกับพื้น รู้สึกถึงความหนักบนหลังจนออกแรงดันออกให้ขยับไปด้านข้าง มีความเจ็บแปร๊บที่ศอกซ้ายแต่ก็ถือว่าโชคดีที่ไม่ได้เจ็บหนักอะไร

“โอย อะไรล่ะเนี่ย…”

ฉันค่อยๆ ลุกขึ้นนั่งส่ายหัวปัดความมึนที่ล้มออก มองไปรอบตัวว่าเกิดอะไรขึ้น ข้างทางเดินมีต้นไม้เอนออกมาเล็กน้อย พร้อมใครบางคนที่ร่วงใส่หัวฉันนอนคว่ำอยู่เหมือนกัน

อย่าบอกนะว่าตกต้นไม้แล้วมาทับฉันพอดีน่ะ?

“อึก…”

คนที่นอนคว่ำอยู่ส่งเสียงครวนครางพลางดันร่างตัวเองขึ้นมา เลยได้เห็นชัดๆ ว่าคนที่ร่วงใส่หัวฉันเป็นหญิงสาวชาวต่าฃชาติ นุ่งน้อยห่มน้อยจนน่าตกใจ ไม่สิ เป็นเสื้อขาดนี่? แล้วที่แปะบนผ้าบางจุดนี่ เหล็ก?

เธอมองรอบตัวราวกับกำลังตั้งสติใหม่อีกครั้งจนสายตามาอยู่ที่ฉัน พวกเรายืนขึ้นมองกันครู่หนึ่งจนฉันมั่นใจ ว่าบนตัวเธอที่มีผ้าน้อยชิ้นคือชุดที่ขาดหลุดลุ่ยและมีเกราะที่แตกหักตามตัว

“หรือว่า…ข้าร่วงลงมาทับท่านหรือ?”

ข้า? ท่าน? ทำไมใช้คำพูดคำจาแบบนั้นล่ะ ไหนจะชุดเกราะอีกเป็นการคอสเพลแบบสวมบทบาทรึไงนะ ลงทุนกันจริงๆ วงการนี้

“ใช่ค่ะ เมื่อกี้คุณร่วงลงทาทับฉัน” ”

พอบอกแบบนั้นหญิงสาวก็เปิดตากว้าง และรีบก้มหัวขอโทษในทันที อย่างน้อยก็ขอโทษกันละนะไม่คิดจะเอาความอะไรอยู่แล้วด้วย รีบรับคำขอโทษแล้วดลับบ้านดีกว่า

แต่ในตอนที่กำลังจะปริปากบอกว่าไม่เป็นไร กผ้ได้ยินเสียง ‘แกร๊ก’ ดังมาจากคู่สนทนา และในตอนนั้นเอง ชุดเกราะบนตัวเธอก็หลุดออกจนหมด…ส่งผลให้เสื้อบางส่วนฉีกขาดกว่าเดิม

“กรี๊ด!! หะ หะ เห็นหมดแล้วนะคะ!”

ฉันรีบกมือขึ้นมาปิดตาตัวเองพลางชี้ไปที่หน้าอกของหญิงสาว เมื่อครู่มันถูกเกราะบดบังไว้ก็จริงแต่เมื่อไร้เหล็กกล้า เนื้อแน่นก็เด้งออกมาจนเหมือนได้ยินเสียง ดึ๋งๆ แว่วมาตามสายลม

เธอคนนั้นยกหัวขึ้นยืนตัวตรงมองอกตัวเอง แล้วทำเพียงส่งเสียง อ้อ ออกมาเรียบเฉย

“ชุดเกราะนี้ใช้มาเต็มที่แล้วค่ะ การที่ข้ายังอยู่ดีถือว่ามันได้ทำหน้าที่ตนเองลุล่วงแล้ว โปรดอย่าเสียดาย”

“ไม่ใช่แบบนั้น! ปิดด้วยสิยะ อย่ามายืนยืดอกเปลือยๆ แบบนั้นสิ!!”

“อ้อ นั่นสินะ”

ฉันเหลือบตาไปดูว่าเธอได้หาอะไรมาปิดรึยัง แล้วก็ได้เห็นว่าเธอทำเพียงใช้มือพาดอกสองข้างปิดหัวนมไว้เท่านั้น ไม่ทีชุดเปลี่ยนเรอะ! แต่จากที่เห็นก็ไม่มีสัมภาระอะไรเลยด้วยนี่นะ

“โธ่! รอเดี๋ยวนะ”

ฉันวางกระเป๋าลงแล้วเผิดคุ้ยของข้างใน โชคดีที่วันนี้มีคาบพละฉันเลยพกเสื้อวอร์มมาด้วย จึงหยิบเสื้อออกมาคลุมร่างของสาวคอสเพลตรงหน้าที่ยังทำหน้างงๆ อยู่

“ใส่นี่ไปก่อนแล้วกัน อาจจะตัวเล็กไปหน่อยนะคะ”

“แต่ตัวข้าเปื้อนนะ”

“ช่างเถอะน่า! ใส่นี่กลับบ้านไปอาบน้ำแลเวค่อยซักก็ได้ อย่างน้อยก็ดีกว่าเปลือยเดินกลางเมือง!”

ให้ตายสิคิดอะไรอยู่เนี่ยผู้หญิงคนนี้ กะอีแค่เปื้อนถ้าเทียบกับโป๊มัรใช่เรื่องที่ต้องกังวลที่ไหน ฉันบังคับให้เธอสวมเสื้อวอร์มและรูดซิปปิดหน้าอกเอาไว้ แต่ยังไม่ทันจะก้มลงหยิบกางเกง เธอก็คว้ามือฉันไว้

“เดี๋ยว แผลที่ศอกท่าน…เป็นเพราะข้าหรือ?”

“ก็ใช่น่ะสิ ให้ตายเถอะไปทำอีท่าไหนถึงร่วงลงมาจากฟ้าได้ล่ะนั่น”

พอพูดขึ้นมาฉันก็ถือวิสาสะบ่นอุบอิบแล้วสะบัดมือออก แต่เธอคนนั้นก็ยังคงคว้าไปอีกครั้งจนรู้สึกกังวลว่าจะทำอะไรรึเปล่า ทว่าพอมองไปในดวงตาที่แสนจริงจังนั้นก็รู้สึกว่าไม่มีเจตนาร้ายอะไร

“ข้าต้องชดใช้ท่านยังไงรึ”

“เอ๊ะ ไม่ต้องหรอกค่ะฉันแค่บ่นไปเรื่อย”

“ไม่ได้! ข้าทำให้ผู้บริสุทธิ์ต้องบาดเจ็บ ถือเป็นเรื่อยร้ายแรง ตามจริงควรรับโทษสถานหนักเสียด้วยซ้ำ”

“จริงจังเกินไปแล้ว แผลแค่นี้ล้างก็เหมือนหายแล้วนั่นแหละ”

“ถึงแบบนั้นอย่างน้อยให้ข้าได้ทำแผลให้ท่านเถอะ ช่วยนำทางไปแม่น้ำล้างแผลที!”

เธอจับมือทั้งสองข้างฉันไว้แล้วขยับเข้ามาใกล้จนรู้สึกอึดอัดใจ คนคนนี้ จริงจังเกินจนรับมือไม่ถูกเลยแฮะ ทำเอานึกถึงเพื่อนในโรงเรียนเลย…

แต่ว่าเพราะได้เข้ามาใกล้เลยมองเห็นร่างกายเธอชัดขึ้น…บนตัวเธอมีบาาดแผลเล็กๆ น้อยๆ เต็มไปหมด อย่างนี้นี่นี่เอง ที่ว่าเปื้อนไม่ได้หมายถึงแค่คราบสกปรก แต่หมายถึงแผลด้วยสินะ

สุดท้ายฉันก็ทำได้แค่ถอนหายใจ

“เข้าใจแล้ว งั้นไปที่สวนสาธารณะเถอะ เดี๋ยวฉันทำแผลให้เธอด้วย”

“เอ๊ะ แต่…”

“ไม่งั้นเสื้อฉันคงเปื้อนเยอะกว่าเดิม มีเลือกเปื้อนนี่ชวนให้รู้สึกไม่ดีจะตายไป”

ตามคาด พอฉันบอกจะทำแผลให้ด้วยเธอก็มีทีท่าจะปฏิเสธ แต่พอยกเรื่องเสื้อเผื้อนขึ้นมาก็ยอมอย่างว่าง่าย ถึงจะเพิ่งเจอกันแต่ก็เป็นคนที่มองออกง่ายจนน่าตกใจ

พวกเรามุ่งหน้าไปสวนสาธารณะแล้วจัดแจงใช้น้ำก็อกล้างบาดแผล แล้วใช้ผ้าเช็ดหน้าซับน้ำออก และก็ถึงเวลาของก้นกระเป๋าฉันออกโรง มีทั้งยาฆ่าเชื้อแล้วก็พลาสเตอร์ปิดแผล

พวกเราทำแผลจนเสร็จฉันก็จับสาวคอสเพลให้อยู่ในชุดวอร์มสุดคลาสสิค และในตอนนั้นเอง

‘โจ๊ค’

ก็มีเสียงท้องร้องออกมาจากผู้หญิงตรงหน้า จนแก้มนั้นแดงระเรื่องพลางกล่าวขอโทษอย่างแผ่วเบา ทำเอาฉันเกาหัวด้วยควาทมึนงงกัยคนแปลกคนนี้

“กลับบ้านได้รึเปล่า”

“ก็…เกรงว่าคงยาก”

เธอพูดแบบนั้นพลางก้มหน้าตาเศร้าหมองลงอย่างเห็นได้ชัด ฉันมองดูตามตัวเธอที่ไม่มีสัมภาระอะไรติดตัวเลยสักอย่างก็พอจะเข้าใจบางอย่างได้อยู่

“ไกลเหรอ?”

สาวคอสเพลพยักหน้า อ้าา อย่างที่คิดจริงๆ ไม่มีทั้งเสื้อเปลี่ยน แล้วก็คงไม่มีเงินด้วย ถ้าบ้านอยู่ไกลคงต้องขึ้นรถไฟไปแต่ไม่มีจ่ายสินะ

ช่วยไม่ได้ คุยกันมาขนาดนี้คงกลับไปเฉยๆ ไม่ได้ ฉันคุ้ยของในถุงกับกระเป๋า แล้วยัดใส่มือของเธอ ซึ่งในนั้นมีเงินจำนวนนึงกับข้าวปั้นรสใหม่ที่เพิ่งซื้อมา

“เอ้า คิดว่าเท่านี้คงไปถึงได้นะ รีบไปก่อนหมดรถไฟเที่ยวสุดท้ายล่ะ นี่ก็ดึกแล้ว”

“นี่มัน...เงินรึ?”

เหมือนว่าเธอจะตกใจที่คนแปลกหน้ายัดเงินใส่มือ ฉันจึงพยักหน้าว่าให้รับไปแล้วบอกลา ใช่ มันเริ่มดึกแล้วฉันต้องรีบกลับไปกินข้าวเคลียร์การบ้านและรีบนอน

แค่นี้ก็ใช้เวลานานเกินแล้วสำหรับการกลับบ้าน แต่หลังก้าวออกมาได้ไม่นานเธอก็ส่งเสียงทัก

“คือว่า! ขอทราบนามท่านได้หรือไม่”

ยังคีพคาร์แน่นจริงวุ่ย ถึงจะอยู่ในชุดวอร์มก็ยังพูดสำเนียงโบราณอีกเหรอเนี่ย แต่นั่นสินะ บอกชื่อไว้ก็ไม่เสียหายเผื่อเจ้าตัวจะกลับมาคืนเสื้อ

“คุโรมิ เอมิโกะ ไว้เจอกันนะคะ”

ฉันตอบชื่อเธอไปแล้วรีบวิ่งเหยาะๆ ไปทางกลับห้องพัก เป็นคืนที่ยาวนานจริงเกิดเรื่องประหลาดที่ชีวิตนี้ไม่คิดว่าจะได้เจอ ไม่สิ ตั้งแต่มาอยู่โรงเรียนนี้แล้วละมั้ง ทุกวันก็มีแต่เรื่องไม่คุ้นหูคุ้นตา

แต่ว่า เพราะแบบนั้นแหละเลยต้องพยายามในทุกๆ วัน หลังวิ่งเหยาะออกมาได้แป๊บนึงฉันก็หยุดเท้าแล้วเปลี่ยนเป็นค่อยๆ เดินแทน ถึงจะอยากรีบกลับก็เถอะแต่ภ้าเหนื่อยเกินจะไม่อยากทำการบ้านเอา

ทุกอย่างกลับมาเงียบสงบอีกครั้งจนเรื่องวุ่นวายเมื่อกี้เหมือนเป็นเพียงความฝัน ในสายตายังคงมีแต่ภาพพื้นคอนกรีตที่คุ้นตา เพราะง่าเดินมาใกล้ถึงห้องพักแล้ว

ในตอนนั้นสายตาฉันที่มีเพียงเงาตัวเองก็มีสิ่งแปลกปลอมเข้ามา ข้างหน้า มีคนเดินสวนมา ฉันไม่คิดอะไรแล้วหลบข้างขณะที่เดินต่อ

แต่แล้ว มือฉันกลับถูกคว้าไว้ด้วยแรงที่เยอะจนรู้สึกเจ็บ แน่นอว่าพอเป็นแบบนั้นฉันก็รีบสะบัดสุดแรง

“ทำอะไรของคุณคะ!”

ฉันเงยหน้าขึ้นมองอีกฝ่าย จึงได้รู้ว่าคนที่คว้าแขนเป็นชายตัวโตที่ใบหน้าแดงก่ำ พร้อมกันนั้นกลิ่นก็ฉุนเข้ามาในจมูก อะไรเนี่ย ต่อจากสาวคอสเพลก็เจอคนเมาเรอะ!

แต่แบบนี้ท่าไม่ดีแฮะ ฉันตัดสินใจไม่รอคำตอบแล้วรีบก้าวเท้าออกมาในทันที แต่ชายคนนั้นยังคงเดินตามส่งเสียงเหม็นหึ่งออกมา

“นั่นมันเครื่องแบบโอเมกินี่ ลูกคุณหนูมาทำอะไรเวลานี้เหรอจ๊ะ”

“เสียใจด้วยนะคะฉันไม่ใช่ลูกคุณหนู ไม่มีอะไรให้ไถนอกจากบะหมี่หรอกค่ะ”

นี่ถูกหมายหัวเพราะเครื่องแบบเหรอเนี่ย!? พวกคุณหนูคุณนายมันอยู่ยากจริงวุ้ย แค่โดนคิดว่ามีเงินหน่อยก็ดึงดูดแต่อะไรแปลกๆ แล้วรึไง

แต่มือฉันก็ถูกคว้าไปอีกครั้ง แต่คราวนี้ ถึงสะบัดไปก็ไม่หฃุด อีกทั้งยังออกแรงเยอะกว่าเก่าจนแขนชาไปหมด

“อย่าพูดงั้นสิจ๊ะ ถึงไม่มีเงิน แต่ก็ยังทำเรื่องสนุกๆ ได้นะ”

พูดจบ เขาก็ดึงมือฉันให้จับอกชายตัวโตที่มีแต่กล้ามเนื้อหยาบกร้าน ขนทั้งตัวฉันลุกซู่พร้อมความพะอืดพะอมเต็มลำคอ น่าขยะแขยง ทั้งกลิ่นเหล้าทั้ฃกลิ่นตัวอีกทั้งยังใบหน้าที่เต็มไปด้วยความหื่นกาม

“ช่วยด้วย! ใครก็ได้ช่วยด้วยค่ะ!”

ฉันตะโกนสุดเสียงใต้แสงไฟข้างทาง บ้านทุกหลังยังคงปิดไฟเงียบสงัดไร้การตอบรัยต่อความช่วยเหลือ คนเมาหัวเราะในลำคอเย้ยหยั่นมั่นใจในชัยชนะ

“ไม่มีอัศวินขี่ม้าขาวมาช่วยเจ้าหญิงหรอกนะ”

คำพูดหยอกเย้านั้นทำให้ฉันนึกเกลียดที่ตัวเองกำลังสวมชุดของสถาบันลูกคุณหนูขึ้นมา แม้ว่าจะเป็นความใฝ่ฝั่นทร่จะได้ต่อยอดอนาคต แต่หากรู้ว่าจะทำให้มาเจอเรื่องแบบนี้ฉันคงไม่สนใจ

และในตอนที่น้ำตาเริ่มรินไหลเตรียมใจกับสถานการณ์ตรงหน้า ก็ได้ยินเสียงฝีเท้าวิ่งมาแต่ไกล เป็นอีกครั้งที่ทุกอย่างเกิดจึ้นอย่างรวดเร็ว คราวนี้สิ่งที่อยู่ในสายฉันคือ

เท้า

‘โครม!’

มีเท้าเตะก้านคอของชายเมาที่กำลังแทะโลมฉันอยู่จนมือที่จับคลายลงและร่างเขาก็กีะเด็นไปชนกับเสาไฟข้างๆ มองเห็นตาขางเหลือกน้ำลายฟูมปาก ดูทรงแล้วคงสลบเหมือดไปในทันที

น่ากลัว! แรงเตะอะไรขนาดนั้น!

“ท่านคุโรมิเป็นอะไรรึเปล่า!”

เสียงใสที่เต็มไปด้วยความจริงจังนั้นดึงสติฉันอีกครั้ง คนที่เตะชายคนนั้นลอยละลิ่วคือสาวคอสเพลซึ่งแสดงสีหน้ากังวล อา…ไม่รู้ทำไม ทั้งๆ ที่ก็เปผ้นคนแปลกหน้า แตาพอเห็นเธอแล้วก็รู้สึกสบายใจขึ้นมา

จนขาอ่อนแรงและปล่อนตัวทรุดลงไปกับพื้น

“ท่านคุโรมิ! ชายคนนั้นทำท่านบาดเจ็บเหรอ มันต้องชดใช้!”

เธอพูดแบบนั้นพลาวมองเขม่นไปยังชายหมดสติ แล้วหักนิ้วกร๊อบแกร๊บทำท่าจะเดินเข้าไปหา แต่ว่า มือฉันก็ยื่นไปคว้าชายเสื้อเอาไว้ แล้วหวังว่าจะสื่อไปถึง

ว่าตอนนี้ฉันไม่อยากอยู่คนเดียว

“…ไม่เป็นไรนะท่านคุโรมิ ข้าอยู่ตรงนี้”

เธอพูดแบบนั้นพลางคุกเข่าลงอยู่ระดับสายตาฉันและยื่นมือมาลูบหัวเบาๆ ความกลัวทั้งหมดมลายหายไปในพริบตา ไม่รู้ว่าผ่านไปนานเท่าไหร่แต่ฉันทำเพียงจับชายเสื้อสาวคอสเพลไว้จนสงบใจลงได้

“ขอบคุณนะคะ ช่วยได้มากเลย”

“ไม่เลย เทียบกับที่ท่านคุโรมิช่วยข้าไว้ไม่ได้หรอก”

เป็นคนที่จริงจังจริงๆ ทั้งที่ความจริงคำพูดนั้นควรเป็นของฉันมากกว่า แค่ข้าวปั้นหนึ่งก้อนกับเงินแค่นิดหน่อย มันเทียบกับความบริสุทธิ์ของฉันที่เกือบเสียไปไม่ได้เลย

แต่จากสายตาของสาสแปลกหน้าที่มองมานั้น…พูดไปก็คงไม่ฟัง ฉันตบหน้าตัวเองดึงสติแล้วลุกขึ้นอีกครั้ง หันไปมองชายที่น้ำลายฟูมปากอยู่ คงต้องแจ้งตำรวจแต่ว่ามีสิ่งหนึ่งที่อยากทำ

ฉันเดินเข้าไปใกล้ชายคนนั้นโดยที่ไม่ปล่อยมือจากสาวคอสเพล

ขอสักทีเถอะ!! ฉันกระทืบไปที่หว่างขาของเขาสุดแรงทีนึง โดยมองข้ามเสียงร้องโหยหวนแล้วโทรหาตำรวจในทันที

“เฮ้อ โล่งแล้ว ขอบคุณอีกครั้งนะคะ…คุณ?”

“โอะ ขออภัยที่เสียมารยาท ข้า เซเลสทีน เดอ เมริซิก้า อัศวินแห่งราชอาณาจักร เทอเรส”

เธอแนะนำตัวเต็มยศพลางยืดอกที่น่ากังวลว่าซิปจะแตกรึเปล่า ทำเอารู้สึกเอือมเล็กน้อยว่ายังจะโรลเพลในเวลานี้อีกเกรอ

“เอาชื่อจริงสิ”

“เอ๊ะ เซเลสทีน คือชื่อจริงข้านะส่วน เดอ เมริซิก้า เป็นนามแห่งเกียรติยศที่ได้รับมาจากพระราชา หลังเป็นส่วนหนึ่งในการปราบจอมมาร”

เซ็ตติ้งเวอร์แท้! มาจากอนิเมะเรื่องไหนละเนี่ยไม่คุ้นชื่อตัวละครหรือประเทศเลย เพราะเวอร์เกินจนไม่ดังรึเปล่านะเป็นฉันก็ไม่อยากอ่านพวกรายละเอียดเยอะๆ เหมือนกัน

หรือว่าผู้หญิงคนนี้จะเป็นแฟนพันธ์แท้จัดจนอยากจะโปรโมทอนิเมะสุดที่รักจนทำชุดคอสเพลเกรดต่ำที่พังเละเทะระหว่างใส่ แถมยังโรลเพลเป็นตัสบะครขั้นสุดเพื่อให้คนสนใจกันนะ…

เฮ้อ หิวแล้วเริ่ทจะเพ้อเจ้อแฮะ อยากกลับบ้านแล้วเมื่อไหร่ตำรวจจะมานะ แถมอีกอย่าง

“ไม่กลับบ้านเหรอคะ จะไม่ทันเที่ยวสุดท้ายเอานะคะ”

“ข้าเพิ้งนึกขึ้นได้ ท่านคุโรมิดูเป็นคุณหนู เดินคนเดียวตอนกลางคืนคงอันตรายจึงตัดสินใจไล่ตามมา ตั้งใจว่าจะส่งท่านถึงที่พำนักก่อน”

อ้อ เพราะชุดสินะ…ก็มีข้อดีเหมือนกันนี่นา ถึงจะน่ากังวลเรื่องรถไฟก็เถอะแต่ถือว่าช่วยได้มากจริงๆ แต่แล้ว เซเลสทีน (?) ก็ก้มหน้าเศร้าอีกครั้ง และคืนเงินใส่มือฉัน

“อีกอย่าง…เกรงว่าข้าคงกลับไปไม่ได้แล้ว”

“เอ๊ะ หมายความว่ายังไงเหรอคะ”

ไม่เจ้าใจสิ่งที่เซเลสทีนกำลังพูดถึง กลับไปไม่ได้นี่…โดนไล่ออกจากบ้านเหรอ!? หรือว่าเผ็นโฮมเลส ไม่สิ ถ้าแบบนั้นจะมีเงินแต่งชุดคอสเพลได้ไงเล่า งงไปหมดแล้วเนี่ย

แต่ยังไม่ทันที่เธอจะได้ตอบ ตำรวจก็มาและถามถึงสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ซึ่งฉันก็เล่าไปตั้งแต่ที่โดนชายคนนี้ทักจนถึงที่กระทืบน้องน้อยของเขา แม้ว่าตำรวจจะทำหน้าซีดหน่อยแต่ก็รับเรื่องไป

ฉันตรงกลับห้องพักตามความตั้งใจเดิมโดยมีเซเลสทีนตามมาจนถึงบันไดขึ้นอพาร์ทเม้น

“ข้าขอบคุณสำหรับข้าวปั้นและชุดจริงๆ สักวันจะต้องตอบแทนท่านให้ได้”

“พูดเรื่องอะไรน่ะ เท่านี้ก็เกินพอแล้วค่ะ”

กลายเป็นรู้สึกตลกกับความจริงจังเกินเหตุของปม่สาวคอสเพลคนนี้ซะแล้วสิ ฉันโบกมือลาเธอในขณะเดินขึ้นห้อง ท้ายที่สุดเธอก็ไม่ตอบว่าทำไมถึงกลับไม่ได้แต่คงเป็นเรื่องส่วนตัวละมั้ง

พอหันหลังกลับไปมอง เซเลสทีนก็ยังคงยืนโบกมือให้ไม่ละสายตาไปไหน ความเป็นห่วงของเธอที่มีให้ฉันเป็นของจริงและคงจะอยู่อย่างนั้นจนกว่าจะมั่นใจว่าฉันกลับถึงห้องอย่างปลอดภัย

แต่ว่าในดวงตาที่เต็มด้วยความหนักแน่นนั้น ฉันกลับรู้สึกว่าเธอกำลังเศร้าหมอง…

“คือว่า!”

ฉันหยุดเท้าอยู่กลางขั้นบันได หันไปเรียกเซเลสทีนที่แสดงสีหน้าประหลาดใจ ฉันนึกทบทวนคำว่าไม่มีที่ไปของเธอ ผสมรวมกับความใส่ใจฉันในตอนที่มาส่ง

“ถ้าไม่มีที่ไปจริงๆ มาพักกับฉันไปก่อนไหมคะ”

จะปล่อยให้คนที่ทำดีด้วยแบบนี้ไปเป็นตายร้ายดีข้างถนนฉันคงนอนไม่หลับแน่ ไหล่ของเซเลสทีนกระตุกกึกเผิดตากว้สงจับจ้องมายังฉัน

“จะดีหรือ? ข้าเพิ่งพบท่านคุโรมิเมื่อไม่กี่นาทีก่อนเองนะ”

“ก็…คงไม่คิดจะทำอะไรแปลกๆ ใช่ไหม”

“ข้ามิบังอาจหรอก!”

เธอรีบส่ายหน้าปฏิเสธทันควัน เป็นคนมองออกง่ายจนหลุดหัวเราะออกมา จริงอยู่ที่ชวนคนเพิ่งเจอกันมาอยู่ด้วยเป็นความคิดที่แปลก แต่ก็เชื่อว่าเซเลสทีนคงไม่เป็นไร อยากเชื่อแบบนั้น

จึงพยักหน้าใจ

“ถ้างั้นก็ดีแล้วล่ะ ฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะ”

อ่านต่อ

หนังสือที่คุณอาจชอบ

กามเทพคุกคามรัก

กามเทพคุกคามรัก

วรดร
5.0

ดีแลนถอนหายใจแรงๆ รีบเดินเข้าไปในคลับชั้นสูง สถานที่นัดหมายเพื่อเจรจาธุรกิจ และคู่ค้าของเขา เลือกสถานที่แห่งนี้สำหรับการเจรจา รอยยิ้มเย็นชาประทับอยู่บนมุมปากได้รูป ตลอดทางที่เดินเข้าไปด้านในบรรยากาศเหมือนเดิม คลับไหนๆ ก็เหมือนกันหมด เป็นแหล่งที่คนรุ่นใหม่ใช้เป็นที่ปลดปล่อย หาความสนุกใส่ตัวเอง แตกต่างที่เฟอร์นิเจอร์และการตบแต่ง ที่เหมือนกันจนแยกไม่ออก ทุกๆ คลับจะต้องมีผู้หญิงสาว สวยไว้คอยให้บริการ สำหรับสกายล์ฮอลล์ แห่งนี้ ตัวเจ้าของคือณรงค์ ดีแลนรู้จักเป็นอย่างดี เมื่อสองหนุ่มเรียนมาด้วยกัน ตั้งแต่ประถม จนถึงระดับวิทยาลัย’ มีผู้หญิงสาวสวยหลายคนพยายามส่งสายตาให้ จนดีแลนเริ่มรำคาญ “Hi!” มีใครบางคนโบกมือเรียก ชายผู้นั้นลุกขึ้นยืนและส่งเสียงทัก ดีแลนเพ่งมอง เขาส่งยิ้มให้ เมื่อคนคนนั้นคือคู่ค้าคนสำคัญของเขานั่นเอง อดัม เทียร่า นักธุรกิจลุกครึ่งจีน-โปรตุเกต ชายผู้นี้กำลังสนใจ และอยากร่วมทุนในโครงการใหม่เอี่ยมของ หวังเทียนกรุป เกี่ยวกับโครงการพัฒนาพลังงานทางเลือกใหม่ ชายหนุ่มโบกมือรับ เขามองฝ่าความมืด เพื่อหาทางเดินไปยังโต๊ะ VIP เพลงคลาสสิคดังเบาๆ บรรยากาศสลัวๆ เหมาะสำหรับทำอย่างอื่นมากกว่าการเจรจาทางธุรกิจ แต่เมื่อคู่ค้ามีความต้องการแบบนี้ ดีแลนก็เลี่ยงไม่ได้ เขาไม่ชอบบรรยากาศแบบนี้เลย... เหม็นทั้งควันบุหรี่ และกลิ่นเหม็นหืนอื่นๆ จนแทบจะสำลัก “คุณมาช้า” อดัมบ่น เขาเสือกแก้วบรั่นดีให้กับคนมาใหม่ “ขอโทษครับ ผมไม่ชินทางนักเลยหลงทางเพราะต้องใช้ตัวช่วย” ดีแลนไม่ได้ขยาย เขาหลงทางเพราะวิ่งตามคำชี้นำของแอพพิเคชั่นตัวหนึ่ง กว่าจะรู้ตัวว่าออกนอกเส้นทาง ก็เตลิดไปไกลเกินกว่าจะวกรถกลับมา สาเหตุเพราะเขาทิ้งร้างการขับรถยนต์มาหลายปี ดีแลนมีคนขับรถให้แต่เมื่อมีนัดกะทันหัน เขาเลยจำเป็นต้องขับรถมาเอง “คุณจริงจังกับชีวิตเกินไป ผมเลยอยากให้คุณผ่อนคลายบ้าง” อดัมเกิดมาบนกองเงินกองทอง ไม่ต้องทำงานก็มีกิน เขาเลยใช้ชีวิตได้เต็มที่ ดีทว่าเขามีหัวธุรกิจ ถึงจะผลาญสมบัติของตระกูลไปบ้าง ก็ไม่ทำให้เทียร่าสะเทือน สาวสวยสามนางเดินมายืนขนาบข้างเขา ดีแลนขยับตัวหนี เขาส่งสายตาปราม เมื่อตนเองไม่ชอบผู้หญิงบริการเหล่านี้ “มาสนุกกันเถอะ สาวๆ พวกนี้ผมจัดไว้ให้คุณเลยนะ”

ทะลุมิติมาเป็นภรรยาตัวน้อยของสามีพิการ

ทะลุมิติมาเป็นภรรยาตัวน้อยของสามีพิการ

มาชาวีร์
4.8

เจ้าของร่างเดิมถูกท่านย่าตัวเอง ขายให้ชายพิการด้วยเงินเพียงห้าตำลึง จึงคิดสั้นไปกระโดดน้ำฆ่าตัวตาย ทำให้วิญญาณของเซี่ยซือซือทะลุมิติมาเข้าร่างแทน ชีวิตในโลกนี้บิดามารดาล้วนตายไปแล้ว เหลือเพียงน้องสาวกับน้องชายร่างกายผอมแห้งหิวโซสองคน เธอต้องช่วยพวกเขาให้รอด ก่อนจะถูกคนชั่วพวกนี้ขายทิ้งไปแบบเธอ 1 : ทะลุมิติ แคว้นจ้าว หมู่บ้านตระกูลแซ่อวี่ ภายในบ้านสกุลเซี่ย “ท่านพี่รีบกินเร็วเข้า” เสียงเด็กเล็กดังก้องอยู่ข้างหูอย่างน่ารำคาญ ว่าแต่ฉันมีน้องชายตั้งแต่เมื่อไหร่กัน รู้สึกได้ถึงอะไรแข็ง ๆ มาแตะที่ริมฝีปาก ทว่ายังลืมตาไม่ขึ้น “ท่านพี่กินสิ ๆ” เซี่ยซือซือรู้สึกหนักอึ้งไปทั้งศีรษะ พยายามที่จะเปิดดวงตาขึ้นมอง เจ้าของเสียงเล็ก ๆ ด้านข้าง “ท่านพี่ ๆ ท่านพี่อย่าตายนะ ลืมตาสิท่านพี่” “นังตัวดีออกมาเดี๋ยวนี้นะ !” เสียงเอะอะโวยวายดังหนวกหูเซี่ยซือซือเป็นอย่างมาก ปัง ๆ เสียงเคาะประตูดังขึ้นเรื่อย ๆ เซี่ยซือซือลืมตาขึ้นจนได้ พลันสมองกลับมีเรื่องราวพรั่งพรูเข้ามาไม่ขาดสาย จนต้องกรีดร้องออกมาอย่างเจ็บปวด อ๊าก ! “พี่รอง !” เด็กน้อยเซี่ยซือหยางในวัยสามหนาวเรียกพี่สาวพร้อมเบะปากอยากร้องไห้ “ท่านพี่ !” เซี่ยซานซานทิ้งบานประตูที่ตัวเองดันไว้ หันกลับมาดูพี่สาวด้วยความตกใจ “ท่านพี่ ๆ ท่านเป็นอะไร อย่าทำให้พวกข้าตกใจสิท่านพี่ !” ผลัวะ ! มีคนถีบประตูบานเก่าผุพังเข้ามาภายในห้อง เด็กทั้งสองรีบเข้าไปขวางผู้บุกรุกไม่ให้ทำร้ายพี่สาว แม่เฒ่าเซี่ย เซี่ยจิ่วเม่ย หน้าตาแลดูดุร้าย ไม่ใช่หญิงชราใจดีแต่อย่างใด ด้านหลังของแม่เฒ่าเซี่ยยังมีลูกสะใภ้บ้านใหญ่ กับบ้านรองเดินตามมา ท่าทางดุดันเอาเรื่อง “ไอ้พวกบ้านสามตัวดี กล้าลักขโมยอาหารเอาไว้กินเอง ยังเห็นแม่เฒ่าอย่างข้าอยู่ในสายตาหรือไม่ ไอ้พวกหมาป่าตาขาว ดูซิวันนี้ข้าจะจัดการพวกเจ้าอย่างไร” “ท่านย่าพวกข้าไม่ได้ขโมยนะ นี่เป็นหมั่นโถวของท่านพี่ ท่านพี่ไม่สบายข้าแค่เก็บไว้ให้ท่านพี่เท่านั้นเอง” เซี่ยซานซานยังเป็นเด็กหญิงวัยสิบหนาว แต่นางข่มความกลัวตอบโต้ผู้ใหญ่ในบ้านออกไป “หึ กฎบ้านก็มีบอกอยู่แล้วถ้าพลาดมื้ออาหารไปก็คืออด แต่พวกเจ้ากลับแหกกฎ แอบยักยอกอาหารเก็บไว้กินเอง ยังมีหน้ามาเถียงท่านแม่อีก ท่านแม่ท่านต้องลงโทษคนบ้านสามนะเจ้าคะ ไม่เช่นนั้นข้าไม่ยอมจริง ๆ ด้วย ตอนนั้นยวี่เฟยของข้านางได้พลาดมื้อเย็นไป ท่านก็ไม่ให้นางกินนะเจ้าคะ” สะใภ้บ้านรองนามว่าจงอี้ซิน ย้อนรำลึกถึงเรื่องลูกสาววัยแปดปีของตัวเองขึ้นมา “ดูเจ้าเด็กพวกนี้สิท่านแม่ กางแขนปกป้องพี่สาวตัวเอง ช่างน่าสมเพชไม่รู้จักสำเหนียกกำลังตัวเอง ถุย !” หลินพ่านเอ๋อสะใภ้บ้านใหญ่มองดูเด็กทั้งสองพร้อมถ่มน้ำลายใส่ตรงหน้า แม่เฒ่าเซี่ยมองลูกสะใภ้ทั้งสองสลับกันไปมา เดินตรงไปกระชากหมั่นโถวเย็นชืดแถมแข็งปานหิน ออกจากมือของเซี่ยซือหยาง “แง ๆ ๆ” เด็กน้อยถูกแย่งของกินของพี่สาวไป ถึงกับแผดเสียงร้องลั่น “เจ้าคนชั่ว ! เอามานะ ของท่านพี่ข้า” กำปั้นน้อย ๆ ทุบไปยังต้นขาของแม่เฒ่เซี่ย “เจ้าเด็กเนรคุณกล้าตีข้ารึ นี่นะ !” แม่เฒ่าเซี่ยเตะทีเดียวเซี่ยซือหยางก็กระเด็นไปติดกับผนังห้อง “น้องเล็ก !” เซี่ยซานซานรีบวิ่งไปอุ้มน้องชายขึ้นมากอดไว้ด้วยความตกใจ “ท่านย่า น้องเล็กยังเด็กไม่รู้ความ เหตุใดท่านถึงได้ใจร้ายเช่นนี้” “แง ๆ ๆ” เสียงร้องไห้ของเด็กน้อยฟังแล้วน่าสงสารจับใจ ดวงตาที่ปิดไว้ก่อนหน้าของเซี่ยซือซือ ลืมขึ้นหลังจากค้นพบว่า ตัวเองได้ทะลุมิติมายังอดีตอันไกลโพ้นแล้วจริง ๆ หลังจากหลับตาลืมตาอยู่หลายหน เรียบเรียงความคิดที่ไหลเข้ามาไม่ยอมหยุด เมื่อค่อย ๆ จัดการกับมันได้ ความเจ็บปวดที่ศีรษะก่อนหน้าจึงบางเบาลง และมองเหตุการณ์ตรงหน้าอย่างเฉยชา ครบสูตรของการทะลุมิติจริง ๆ มีท่านย่าผู้ชั่วร้าย ขนาบข้างด้วยป้าสะใภ้เลวทั้งสอง ครั้นหันไปมองน้องสาวในวัยสิบขวบของตัวเองกับน้องชายตัวน้อย ทั้งตัวดำเมี่ยมเหมือนไม่ได้อาบน้ำมาเป็นเดือน ร่างกายผอมแห้งเหลือแต่กระดูก เสื้อผ้าเก่าขาดมีรอยปะชุนเต็มไปหมด เส้นผมแห้งกรังเหมือนไม่ผ่านน้ำมานาน ยกมือของตัวเองขึ้นมาดู ไม่ได้มีสภาพต่างกันแม้แต่น้อย ครั้นเงยหน้ามองป้าสะใภ้ใหญ่ร่างกายอวบอ้วนเต็มไปด้วยก้อนไขมัน ป้าสะใภ้รองแม้ไม่ได้อ้วนแต่ก็ไม่ได้ผอม ยิ่งแม่เฒ่าเซี่ยด้วยแล้ว ร่างกายบึกบึนเหมือนคนกินดูอยู่ดีมาตลอด “ท่านแม่ดูอาซือมองท่านสิเจ้าคะ” สะใภ้ใหญ่เห็นสายตาเย็นเยียบของคนที่นอนอยู่บนเตียงก็อดแปลกใจไม่ได้ ดูเยือกเย็นจนไม่น่าไว้ใจ “เจ้าอย่าคิดว่ากระโดดน้ำตายแล้วทุกอย่างจะจบนะอาซือ ข้ารับเงินคนบ้านถานมาแล้ว ถ้าเจ้าตายข้าจะให้อาซานไปแทนเจ้า” คำพูดของแม่เฒ่าเซี่ยทำให้ดวงตาของเซี่ยซือซือเบิกกว้าง ท่านย่าของนางขายนางให้คนบ้านถานในราคาแค่ห้าตำลึง เจ้าของร่างเดิมไม่อยากไปเป็นเมียคนพิการ เลยไปกระโดดน้ำฆ่าตัวตาย ทว่าเธอที่มาจากยุคปัจจุบันกลับเข้ามาแทนที่เจ้าของร่างนี้ เจ้าของร่างเดิมว่ายน้ำไม่เป็น จึงได้ขาดอากาศตายใต้น้ำ แต่เธอที่เข้ามาสวมร่างกลับพาร่างนี้ขึ้นมาจากน้ำได้ โชคชะตาคงเล่นตลกให้เธอกับเจ้าของร่างเดิมมีชื่อเดียวกัน “ท่านย่าอาซานยังเด็กนัก ท่านอย่าได้ทำเช่นนั้นเลย” นานมากกว่าที่นางจะเอ่ยออกมา “มันอยู่ที่เจ้าอาซือ ข้าขอเตือนเอาไว้ อีกสองวันคนบ้านถานจะมารับตัวเจ้าแล้ว อย่าให้เกิดเรื่องขึ้น ไม่อย่างนั้นข้าจะส่งอาซานไปแทนเจ้า แล้วขายซือหยางทิ้งเสีย” แม่เฒ่าเซี่ยจ้องหน้าเซี่ยซือซือแบบอาฆาต เด็กนี่ก่อนหน้าดูอ่อนแอไร้ทางสู้ ทำไมวันนี้ถึงได้ดูแปลกตาไปนัก “ท่านแม่เจ้าคะ ท่านจะลงโทษคนบ้านสามเรื่องหมั่นโถวนี่อย่างไรเจ้าคะ” สะใภ้ใหญ่ยังไม่ยอมปล่อยสามพี่น้องไปง่าย ๆ “พรุ่งนี้งดอาหารบ้านสาม” แม่เฒ่าเซี่ยเอ่ยแล้วหันหลังเดินออกจากห้องของเด็กน้อยทั้งสามไป โดยมีสะใภ้ใหญ่เดินตามไปด้วย “พวกเจ้าได้ยินแล้วใช่ไหม จำใส่หัวเอาไว้ดี ๆ ด้วยล่ะ” สะใภ้รองหมุนตัวตามหลังไปติด ๆ “ท่านพี่ต่อไปท่านอย่าทำเช่นนี้อีกนะเจ้าคะ ข้ากับน้องเล็กจะทำอย่างไร ถ้าท่านไม่อยู่” เซี่ยซานซานปล่อยเสียงร้องไห้ในทันที

บท
อ่านเลย
ดาวน์โหลดหนังสือ
สาวงามที่ฉํนเก็บมาดันเป้นอัศวินจากต่างโลกซะงั้น!
1

บทที่ 1 บทนำ การพบพาน

28/09/2024

2

บทที่ 2 ทั้งหมดคือเรื่องจริงเรอะ!!

28/09/2024

3

บทที่ 3 ผลของคำสาป

28/09/2024

4

บทที่ 4 ญาติมาหา

28/09/2024

5

บทที่ 5 คำขอของลูกคุณหนู

28/09/2024

6

บทที่ 6 พรรคพวกที่แสนดี

28/09/2024

7

บทที่ 7 อันตรายในโรงเรียนลูกคุณหนู( )

28/09/2024

8

บทที่ 8 สิ่งที่สนใจ

28/09/2024

9

บทที่ 9 ความลับที่แบ่งปัน

28/09/2024

10

บทที่ 10 หากในตอนนั้น...

28/09/2024

11

บทที่ 11 กลายเป็นอะไรไปแล้วเนี่ย!!

28/09/2024

12

บทที่ 12 ท้าดวล

28/09/2024

13

บทที่ 13 ไม่ไหวหรอก!!

28/09/2024

14

บทที่ 14 เปิดอกเปิดใจ

28/09/2024

15

บทที่ 15 การตัดสินใจ

28/09/2024

16

บทที่ 16 บอกความจริง

28/09/2024

17

บทที่ 17 สุดยอดการมัดมือชก

28/09/2024

18

บทที่ 18 สิ่งสำคัญในการขี่ม้า

28/09/2024

19

บทที่ 19 จุดประสงค์การแข่ง

28/09/2024

20

บทที่ 20 โอกาสที่มีในมือ

28/09/2024

21

บทที่ 21 เรื่องที่ทุกคนปิดบัง

28/09/2024

22

บทที่ 22 ความปรารถนาที่แท้จริง

28/09/2024

23

บทที่ 23 ความรู้สึกที่เริ่มเด่นชัด

28/09/2024

24

บทที่ 24 หนทางข้างหน้าและสิ่งที่เชื่อ

28/09/2024

25

บทที่ 25 คนที่ทำสิ่งเป็นไปไม่ได้ให้เป็นไปได้

28/09/2024

26

บทที่ 26 ความรู้สึกที่แท้จริง

28/09/2024

27

บทที่ 27 ตอนพิเศษ ทริปที่ไม่มีวันลืมเลือน

28/09/2024

28

บทที่ 28 ตอนพิเศษ การพบพานของเด็กสาวผู้โชคดีที่สุดในโลก

28/09/2024

29

บทที่ 29 ตอนพิเศษ การพบพานของผู้รักสัตว์

28/09/2024