5.0
ความคิดเห็น
18
ชม
12
บท

เธอสูญเสียเขาไปในคืนแต่งงาน...แต่ไม่นานหลังจากนั้น ชายแปลกหน้ากลับปรากฏตัว พร้อมหัวใจดวงเดิมที่เธอเคยมอบให้ใครคนหนึ่ง ในร่างใหม่ ที่รักเธอไม่ต่างจากเดิม

บทที่ 1 ความทรงจำที่ยังหายใจ

เสียงฝนตกเบา ๆ นอกหน้าต่างคล้ายบทกล่อมของค่ำคืน

ห้องหออบอวลด้วยกลิ่นกุหลาบขาว และแสงไฟอุ่นละมุนราวอยู่ในฝัน

กานต์ยืนอยู่ตรงหน้าเธอ ดวงตาจับจ้องด้วยแววตาที่ไม่อาจละไปไหน

มือของเขาเลื่อนมาถอดผ้าคลุมผมเจ้าสาวออกอย่างเบามือ ก่อนจะเอ่ยเสียงต่ำและนุ่มนวล

“รู้ไหมครับ ผมเคยคิดถึงภาพในวันนี้มาตลอด แต่พอเห็นคุณจริง ๆ ในชุดเจ้าสาว ผมกลับไม่แน่ใจว่ากำลังฝันอยู่หรือเปล่า”

นารายิ้มบาง ๆ ดวงตาเธอเป็นประกาย ปลายนิ้วแตะมือเขาเบา ๆ

ไม่มีคำพูดใดจำเป็นในตอนนั้น ความเงียบของหัวใจพูดแทนทุกอย่าง

“เหนื่อยไหมวันนี้”

เสียงทุ้มแผ่วเบาของกานต์ดังขึ้น ก่อนจะตามมาด้วยสัมผัสอ่อนโยนที่แตะลงบนไหล่นารา เขานั่งลงข้างเธอ พลางยื่นมือมาจับมือเธอไว้แน่น

“นิดหน่อยค่ะ แต่ตอนนี้หายแล้ว” นารายิ้มจาง ๆ ก่อนจะเอนศีรษะลงบนไหล่เขาอย่างไว้ใจ

กานต์ก้มหน้าลงจูบเบา ๆ ที่หน้าผากเธอ “ขอบคุณนะ ที่ยอมเดินมาจนถึงวันนี้ด้วยกัน”

“ฉันต่างหากที่ต้องขอบคุณ... ขอบคุณที่ไม่เคยปล่อยมือฉันเลย ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น”

กานต์ขยับกายเข้ามาใกล้ รั้งตัวเธอเข้าสู่อ้อมแขนแน่นขึ้น ลมหายใจเขาอุ่นอยู่ใกล้ใบหน้าเธอ ราวกับจะบอกให้รู้ว่า เขาอยู่ตรงนี้ อยู่เพื่อเธอ

“ให้ผมช่วยเปลี่ยนชุดนะครับ” เสียงเขานุ่มและจริงใจ

กานต์ช่วยปลดกระดุมชุดเจ้าสาวของเธอด้วยความทะนุถนอม ทุกการเคลื่อนไหวมีความระมัดระวัง และเต็มไปด้วยความรัก

เมื่อเธออยู่ในชุดซับในอันเบาบาง เขาจึงถอดเสื้อสูทของตัวเองออก

เขานั่งลงข้างเธอ คว้ามือที่คล้ายกับสั่นเบา ๆ ของเธอมากุมไว้แน่น

“ไม่ต้องกลัวนะครับ”

“ฉันไม่ได้กลัว...” เธอยิ้ม “…แค่ยังไม่เชื่อว่านี่คือความจริง”

กานต์โอบเธอเข้ามาแนบอก “ผมรักคุณนะ นารา”

“ฉันก็รักคุณค่ะ”

ปลายนิ้วของเขาไล้ไปตามแนวกรอบหน้าของเธออย่างแผ่วเบา ก่อนจะหยุดที่ริมฝีปากนุ่มที่เขารู้จักดี ริมฝีปากหญิงสาวที่เขารอจะเป็นเจ้าของเพียงผู้เดียวมาตลอดชีวิต

จูบแรก...แผ่วเบาและสั่นไหว

จูบที่สอง...มั่นคง อบอุ่น และเต็มไปด้วยความรัก

แขนของกานต์โอบกระชับคนในอ้อมกอดไว้แน่น ราวกับไม่ต้องการให้ช่วงเวลานี้ผ่านพ้นไป นาราซบหน้าแนบอกเขา ฟังจังหวะหัวใจที่เต้นเป็นจังหวะเดียวกับเธอ แล้วปล่อยให้อารมณ์นำพาทุกสิ่งทุกอย่างไปอย่างเนิบนุ่ม...ละมุนละไม

ไม่มีความเร่งรีบ มีเพียงความมั่นคงที่สะสมมาตลอดหลายปี

มืออันอบอุ่นสอดสัมผัสเข้าไปภายใต้ชุดที่บางเบาของนารา เขาลูบไล้สัมผัสผิวอันอ่อนนุ่มของเธออย่างทะนุถนอม ริมฝีปากร้อนผ่าวเคลื่อนวนขบเม้มลงมาตามซอกคอที่หอมกรุ่นของหญิงสาวในอ้อมกอด

นาราทำได้เพียงหลับตา สะกดกลั้นความเสียวซ่านของการถูกสัมผัสจากชายที่เธอรักมาเป็นเวลาเนิ่นนาน

..........

เสียงโทรศัพท์ดังแทรกเข้ามากะทันหัน

ชื่อ "อรดา" สว่างบนหน้าจอ

กานต์หงุดหงิดและไม่เต็มใจที่จะรับสายเรียกเข้านี้ ทว่านารากลับหยุดการกระทำของเขา และให้เขารับสายเจ้าปัญหานี้ก่อน

“ฮัลโหล…ว่าไงอรดา?”

เสียงปลายสายตื่นตระหนก

“ขอโทษที่โทรมากลางดึกค่ะคุณกานต์ แต่ฉันโทรติดต่อคุณนาราไม่ได้เลย ตอนนี้ฐานข้อมูลบริษัทโดนเจาะ ข้อมูลลูกค้ารั่วไหลหมดเลยค่ะ!”

"อะไรนะ" เขาหันมาสบตานารา

เธอพยักหน้าโดยทันที “กานต์ ไปค่ะ เราต้องไปดูเอง ข้อมูลเหล่านี้เป็นข้อมูลสำคัญจะให้เกิดความผิดพลาดไม่ได้”

..........

รถแล่นฝ่าสายฝนในค่ำคืนที่เงียบสงัด

มือของกานต์จับมือเธอไว้แน่น

“ไม่ต้องกังวลนะครับ ผมอยู่ตรงนี้”

"ก็ไม่รู้ว่าทำไมต้องเกิดเรื่องร้ายในคืนวันแต่งงานของเราแบบนี้ด้วย” เธอกระซิบตอบ ถึงแม้ว่ากานต์จะบอกเธอว่าไม่ต้องกังวล แต่ลึก ๆ แล้วเธอก็ยังไม่สามารถปล่อยวางเรื่องนี้ลงไปได้

ระหว่างที่รถเคลื่อนตัวไปอย่างรวดเร็ว

จู่ ๆ แสงไฟจากรถบรรทุกก็พุ่งเข้ามาจากด้านข้าง!

เสียงเบรก เสียงกระแทก เสียงทุกอย่างปะทะกันในวินาทีเดียว

โลกทั้งใบหมุนคว้าง ก่อนจะดับวูบลงในความมืด

นาราค่อย ๆ ลืมตา เสียงไซเรนดังแว่วอยู่ไกล ๆ

กลิ่นควันและแสงวูบไหวจากไฟฉุกเฉินทำให้สติของเธอค่อย ๆ กลับมา

ร่างกายปวดระบม แต่สิ่งแรกที่เธอคิดถึงคือคนข้างตัว

“กานต์...?” เธอเรียกชื่อเขาเสียงสั่น มือควานหาอย่างลนลาน

เขานอนแนบอยู่ข้างเธอ แขนยังโอบเธอไว้แน่น

เลือดจากหน้าผากเขาไหลช้า ๆ ริมฝีปากซีด และหายใจแผ่วจนแทบไม่ได้ยิน

“กานต์! ได้ยินไหม?!” เสียงเธอสั่นเครือ น้ำตารื้นขึ้นมาทันที

กานต์ขยับตัวเล็กน้อย ดวงตากะพริบช้า ๆ มองหน้าเธอ

“คุณ...ปลอดภัยไหม...เจ็บตรงไหนหรือเปล่า…”

“ไม่ต้องห่วงฉัน...คุณต่างหาก คุณเลือดออกเต็มไปหมดเลย!”

เธอรีบเอามือกดแผลเขาไว้ แม้จะตัวสั่นจนควบคุมไม่ได้

เสียงรถพยาบาลใกล้เข้ามา

นารากัดฟันพยายามประคองเขาไว้

“เดี๋ยวนะ กานต์...อย่าหลับนะ ได้ยินไหม...เดี๋ยวคนมาช่วยแล้ว”

“ไม่เป็นไร...คุณปลอดภัยก็ดีแล้ว…” เขาพูดแผ่วเบา ริมฝีปากแทบไม่ขยับ

“อย่าพูดแบบนั้น! คุณต้องไม่เป็นไร...กานต์ ได้ยินไหม?!”

เขาพยายามจะยิ้ม แต่ก็หมดแรง

แววตายังมองเธอไม่วาง ราวกับอยากแน่ใจว่าเธอปลอดภัยจริง ๆ

“ช่วยด้วย! ตรงนี้ค่ะ!” เธอตะโกนไปยังทีมกู้ชีพที่วิ่งเข้ามา

มือของเธอจับมือเขาแน่นไม่ยอมปล่อย

และในวินาทีนั้นเธอรู้แค่อย่างเดียวว่า...เธอไม่เคยกลัวอะไรเท่านี้มาก่อน

ทว่าร่างกายของเธอก็ได้รับการกระทบกระเทือนอย่างรุนแรง สติสัมปชัญญะที่มีเริ่มเลือนลาง ในที่สุดแสงสว่างตรงหน้าก็ดับมืดไป

.................

เสียงเครื่องวัดชีพจรดังแผ่วเบา เคล้ากับกลิ่นยาในห้องสีขาวสว่าง

ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานเท่าไหร่แล้ว นาราค่อย ๆ ลืมตาขึ้น ภาพพื้นเพดานจาง ๆ ค่อยชัดขึ้นทีละน้อย

สติของเธอกลับมาเพียงครึ่งหนึ่ง แต่หัวใจกลับเจ็บแน่นราวมีอะไรบางอย่างขาดหาย

ภาพสุดท้ายก่อนที่ทุกอย่างจะดับลง

คือใบหน้าของกานต์…เลือดเปื้อนหน้าเขา แขนยังโอบเธอไว้แน่น

และเสียงของเขา…ยังคงก้องอยู่ในหัว

“คุณปลอดภัยก็ดีแล้ว…”

แค่หลับตา เสียงนั้นก็ชัดเจนจนเจ็บ

ในระหว่างที่นารากำลังคิดทบทวน ประตูห้องก็เปิดออกเบา ๆ

ชายคนหนึ่งในชุดกาวน์สีขาวเดินเข้ามาช้า ๆ พร้อมสีหน้าที่จริงจังเกินกว่าที่ผู้ได้พบเห็นจะรู้สึกสบายใจ

“คุณนารา…” เสียงที่อ่อนโยนแต่ทุ้มหนักของหมอดังขึ้น

“คุณฟื้นขึ้นมาแล้ว ตอนนี้รู้สึกมีส่วนไหนที่ยังไม่ค่อยโอเคบ้างไหมครับ"

ได้ยินคำถามจากคุณหมอเจ้าของไข้ นาราทำได้เพียงสายศีรษะไปมาอย่างช้า ๆ โดยที่ไม่ได้ตอบอะไรกลับ

หมอหยิบชาร์ตรายงานผลการตรวจขึ้นมาอ่านคู่หนึ่ง หลังจากได้เซ็นชื่อรับรองก็กล่าวขึ้นว่า "สภาพร่างกายของคุณโดยรวมถือว่าไม่เป็นอะไรมาก มีเพียงแผลบาดเจ็บแค่เล็กน้อย"

หลังจากเปิดดูรายงานทางการแพทย์อีกครู่หนึ่งเขาก็วางมันไว้ที่เดิม

"แต่ทางที่ดีหมอจะให้คุณพักดูอาการอีกสักหนึ่งอาทิตย์ ถ้าไม่มีอะไรมากก็สามารถกลับบ้านได้ครับ” เขากล่าวอธิบาย

เธอหันไปมองเขา ดวงตายังพร่ามัวจากทั้งน้ำตาและฤทธิ์ยา เอ่ยถามทันทีโดยที่ไม่สนใจอาการบาดเจ็บของตัวเอง "หมอคะ กานต์....กานต์เขาเป็นยังไงบ้าง ตอนนี้อยู่ที่ไหนเขาปลอดภัยดีใช่ไหมคะ"

หลังจากได้ยินคำถามสีหน้าของหมอก็เปลี่ยนเป็นเคร่งเครียดขึ้นอย่างไม่สามารถปกปิดได้

“คุณกานต์...เขาบาดเจ็บสาหัสมากครับ” หมอพูดอย่างระมัดระวัง

“เราทำได้แค่ประคองชีวิตเขาไว้ให้ถึงตอนนี้ เขาเสียเลือดมาก มีบาดแผลภายในหลายจุด"

"เขา...คงรอให้คุณฟื้นขึ้นมา....”

หมอไม่ได้บอกโดยละเอียดเพราะไม่อยากให้กระทบต่อจิตใจของเธอ เพียงแต่คำพูดสุดท้ายของหมอ...คล้ายมีใครกดหัวใจเธอลงอย่างแรง

นาราขยับตัวลุกขึ้นทันที แม้ร่างกายจะยังอ่อนแรงจนแทบจะทรงตัวไม่อยู่

“ฉัน...ฉันอยากเจอเขา”

หมอพยักหน้า

“เขาอยู่ห้อง ICU ชั้นบน ผมจะพาคุณไป”

บุรุษพยาบาลเข็นรถเข็นเข้ามา ประคองเธอนั่งบนรถเข็นอย่างมั่นคง หลังจากย้ายขวดน้ำเกลือมายังรถเข็นเรียบร้อย ก็เข็นพาเธอออกไปอย่างช้าๆ

ห้อง ICU

นารานั่งอยู่บนรถเข็นหน้าห้อง มือแนบกระจก

ใบหน้าเธอซีดเซียว ดวงตาแดงก่ำจากการร้องไห้ไม่หยุด

เธอไม่อาจขยับรถเข็นเข้าไปข้างใน...เพราะใจยังไม่พร้อมจะเห็นความจริง

ในเงาสะท้อนของกระจก ไม่ใช่แค่ภาพของเธอที่สะท้อนออกมา

แต่คือเงาอีกเงาหนึ่ง รอยยิ้มของกานต์ในวันเก่า…อบอุ่น อ่อนโยน และเต็มไปด้วยความมั่นใจ

..........

สิบเก้าปีก่อน

หลังงานศพของพ่อแม่เธอจบลง

เด็กหญิงนาราในวัยแปดขวบยืนเงียบ ๆ อยู่หน้าบ้านหลังใหญ่

บ้านของครอบครัว “วรเมธินทร์” ที่เธอแทบไม่รู้จักใครเลย

เธอกำตุ๊กตาแน่น ไม่ยอมพูดกับใคร

จนกระทั่งมีเสียงฝีเท้าเบา ๆ เดินเข้ามาใกล้

เด็กชายคนหนึ่งในชุดนักเรียนยื่นมือมาตรงหน้า พร้อมรอยยิ้มอันอ่อนโยน

“ตั้งแต่นี้ไป ฉันจะอยู่ข้างเธอนะ”

เขาคือ กานต์ วรเมธินทร์

และในวันนั้น เขาคือคนแรกที่ทำให้เธอรู้สึกว่าโลกนี้ยังปลอดภัย

..........

ภาพความทรงจำเลือนหายไป

นารายังยืนอยู่ที่เดิม หน้าห้อง ICU

น้ำตาหยดใหม่ไหลลงบนกระจกเย็นเฉียบ

เธอสูญเสียพ่อแม่

และตอนนี้...เธอกำลังจะสูญเสียผู้ชายที่เคยยื่นมือให้เธอในวันที่โลกทั้งใบพังลง

หัวใจของนาราแตกสลาย กานต์คือสิ่งเดียว ที่ทำให้เธอยืนอยู่ตรงนี้ต่อไปได้

อ่านต่อ

หนังสือที่คุณอาจชอบ

ท่านแม่ทัพข้าคือศรีภรรยา NC25+

ท่านแม่ทัพข้าคือศรีภรรยา NC25+

ซีไซต์
5.0

องค์หญิงสิบสามนามหลินฮุ่ยหมินสตรีผู้ที่งดงามโดดเด่นไม่เป็นรองผู้ใดแต่กลับมีฐานะต่ำต้อยในวังหลวงด้วยพระมารดาเสียชีวิตตั้งแต่นางยังเด็ก ท่ามกลางความคับแค้นใจนางยังต้องคำสาปร้ายต้องกลายร่างเป็นสัตว์ทุกคืนวันพระจันทร์เต็มดวง เขาคือ หยางเอ้อหลาง แม่ทัพหนุ่มผู้มีความสามารถรูปโฉมสง่างามและเป็นวีรบุรุษคนสุดท้ายของสกุลหยาง ทั้งยังเป็นที่รักเคารพของชาวเมือง ทว่าด้วยความสามารถและตำแหน่งใหญ่โต ฮ่องเต้มิอาจวางใจจึงได้คิดกำจัดเขาให้พ้นตำแหน่งเสีย โดยมอบสมรสพระราชทานให้หยางเอ้อหลางกับพระธิดาของตน เดิมทีชีวิตของคนสองคนย่อมไม่บรรจบ เมื่อสตรีที่หมายหมั้นกับหยางเอ้อหลางคือองค์หญิงใหญ่ที่ปักใจรักเขาตั้งแต่เยาว์วัย ทว่าเรื่องไม่เป็นเช่นนั้น เมื่อคนทั้งคู่เกิดอุบัติเหตุจนคนเข้าพิธีสมรสกลายเป็นองค์หญิงสิบสาม ท่ามกลางความหวาดกลัวขององค์หญิงสิบสามที่กลัวความลับจะเปิดเผย ท่ามกลางหยางเอ้อหลางที่พยายามพาสกุลหยางให้รอดพ้น ท่ามกลางการแตกหักของความสัมพันธ์พี่น้องที่แสนรักใคร่ระหว่างองค์หญิงใหญ่และองค์หญิงสิบสามเพราะบุรุษเพียงผู้เดียว หลินฮุ่ยหมินจะทำเช่นใด เพื่อจะยุติเรื่องราวน่าเวียนหัวนี้

หยางจื้อซี เกิดใหม่ในหมู่บ้านป่าหมอก

หยางจื้อซี เกิดใหม่ในหมู่บ้านป่าหมอก

จิ้งจอกสะท้านหม้อไฟ
5.0

หยางจื้อซี เด็กกำพร้าจากศตวรรษที่21 ถูกองค์กรมืดเลี้ยงดูจนเติบโตและทำให้เธอกลายเป็นมนุษย์กลายพันธ์ ในระหว่างที่ถูกส่งตัวไปทำภารกิจลับ เธอกลับถูกคนในองค์กรมืดหักหลังและถูกฆ่าโดยเพื่อนสนิทที่เธอไว้ใจมากที่สุด ก่อนสิ้นใจเธอถามเพื่อนสนิทว่าทำไม แต่ไม่ได้รับคำตอบจากปากของอีกฝ่าย สิ่งที่เธอได้รับคือรอยยิ้มที่ดูถูกเหยียดหยามและ คำว่า “โง่” จากปากของอีกฝ่ายเท่านั้น หลังจากที่ตายไปแล้วสิ่งที่เธอคิดไว้ คงจะเป็นนรกหรือที่ไหนสักแห่งที่เป็นโลกหลังความตาย แต่ทว่ามันกลับไม่เป็นเช่นนัน เธอตื่นขึ้นมาในร่างของ หยางจื้อซี เด็กหญิงอายุ เพียง 13 ขวบปีในหมู่บ้านป่าหมอก ในดินแดนโบราณล้าหลังที่ไม่มีในประวัติศาสตร์ คล้ายกับว่าเป็นโลกคู่ขนานที่อยู่อีกมิติหนึ่ง เธอตื่นขึ้นมาในบ้านที่ผุพัง ครอบครัวยากจน มีแม่ที่อ่อนแอและเจ็บป่วย มีพี่น้องที่อายุน้อย มีปู่ย่าตายายที่เห็นแก่ตัวและใจร้าย มีลุงที่เห็นแก่ได้ป้าสะใภ้ที่เต็มไปด้วยความละโมบโมบโลภมาก หยางจื้อซี คิดว่านับจากนี้ไปชีวิตจะต้องอยู่ได้ด้วยตัวเอง หากใครมารังแกก็แค่ทุบตี เธอไม่เชื่อว่าด้วยพลังที่ติดตัวเธอมาจากชาติที่แล้วจะไม่สามารถอยู่รอดได้ในโลกล้าหลังแห่งนี้

คุณสามีเป็นผู้พิการ

คุณสามีเป็นผู้พิการ

Devocean
4.9

"คุณต้องการเจ้าสาว ส่วนฉันก็ต้องการเจ้าบ่าว ทำไมเราไม่แต่งงานกันล่ะ?" ภายใต้เสียงเยาะเย้ยของทุกคน ถังเลี่ยน ซึ่งถูกคู่หมั้นของเธอทอดทิ้งในพิธีแต่งงาน กลับแต่งงานกับเจ้าบ่าวพิการข้างบ้านที่ถูกรังเกียจ ถังเลี่ยนคิดว่าอวิ๋นเซินเป็นชายหนุ่มที่น่าสงสาร และเธอสาบานว่าจะให้ความรักใคร่แก่เขาและตามใจเขาหลังแต่งงาน ใครจะรู้ว่าเขาแกล้งเป็นแบบนั้น... ก่อนแต่งงาน อวิ๋นเซินว่า "เธอต้องสนใจเงินของผมถึงยอมแต่งงานกับผม ผมจะหย่ากับเธอหลังจากที่ผมใช้ประโยชน์เธอเสร็จ" หลังแต่งงาน อวิ๋นเซินว่า "ภรรยาของผมต้องการหย่าทุกวัน แต่ผมไม่อยากหย่า ทำอย่างไรดีล่ะ"

ไป๋ฟางเซียน ภรรยาข้ามภพ

ไป๋ฟางเซียน ภรรยาข้ามภพ

รอยหยัก/宁安 หนิงอัน
5.0

“อันตัวข้า มีนามว่าไป๋ฟางเซียน” ปกติคนอื่นข้ามเวลาคงได้รับมิติ พลังวิเศษ ความเทพทรูต่าง ๆ แล้วนางเล่า ไม่เห็นเป็นเหมือนในนิยายที่เคยอ่านบ้าง เท่านั้นยังไม่พอ! นางยังเข้ามาอยู่ในร่างสาวงามอันดับหนึ่ง มีสถานะเป็นถึงภรรยาของท่านแม่ทัพ ที่สามีหาได้รักใคร่ชมชอบไม่ ออกจะเกลียดแสนเกลียดเสียด้วยซ้ำไป หนำซ้ำสามีหน้าตายผู้นั้นดันมีคนที่ตนพึงใจอยู่แล้ว เช่นนี้นางจะเอาตัวรอดต่อไปในโลกที่ไม่รู้จักได้อย่างไร นอกจากจะต้องปรับตัวอย่างมากแล้ว นางต้องคิดหาวิธีรับมือกับบุรุษผู้เป็นสามีที่จ้องแต่จะกินหัวนางอยู่ทุกเมื่อเชื่อวันอีกด้วย! โอ สวรรค์ ท่านเกลียดชังอะไรข้านักหนา เหตุใดถึงให้ข้าเผชิญชะตากรรมเช่นนี้ ชีวิตสงบสุขที่ใฝ่ฝัน คงได้จบสิ้นกันแล้ว แต่ช่างเถอะ ในเมื่อมันเป็นสิ่งที่ต้องเจอ ไม่สามารถหลีกหนีได้ นาง! ไป๋ฟางเซียนผู้นี้! จะขอร่วมลงประชันสนามอารมณ์กับเขาเอง! ให้มันรู้กันไปเลยว่า ภรรยาอย่างนาง จะเอาชนะสามีอย่างเขา... ไม่ได้!

นางบำเรอก้นครัว ชุด Sweet Temptations

นางบำเรอก้นครัว ชุด Sweet Temptations

เนื้อนวล
4.9

หล่อนถูกส่งมาบรรณาการในฐานะทาสบำเรอความใคร่ เพื่อแลกกับหนี้สินก้อนโต นอนกับเขาจนกว่าเขาจะเบื่อ แล้วเมื่อนั้นแหละหน้าที่บำเรอบนเตียงของหล่อนจึงจะหมดไป พะแพง ถูกส่งตัวมาเป็นนางบำเรอให้กับมหาเศรษฐีเจ้าของบ่อนคาสิโนที่ใหญ่ที่สุดในลาสเวกัส หน้าที่ของหล่อนคือทำให้เดมอน ลินการ์ด มีความสุขที่สุดยามอยู่บนเตียง หล่อนก้มหน้าก้มตาทำทุกอย่างเพื่อให้เขาพึงพอใจ แต่ไม่นานเขาก็เบื่อหน่าย ขับไล่ไสส่งหล่อนออกไปจากชีวิต ข่าวงานแต่งงานของเขากับผู้หญิงคนใหม่ที่ทั้งสวยและแสนคู่ควรดังก้องคับแผ่นฟ้า ในขณะที่หล่อนต้องหลบอยู่ในซอกหลืบของความมืดมิดเพื่อซ่อนเลือดเนื้อเชื้อไขของเขาเอาไว้อย่างรวดร้าวทรมาน

บท
อ่านเลย
ดาวน์โหลดหนังสือ