5.0
ความคิดเห็น
7.1K
ชม
101
บท

เขาเหลือบสายตามองแก้มบางที่อยู่ไม่ห่างจากปาก จมูกน้อย ๆ ของนางคลอเคลียอยู่ที่ลำคอของเขาเมื่อก้าวเดิน เขาไม่คิดให้เสียเวลา ลดฝีเท้าในการเดินให้ช้าที่สุดเท่าที่จะทำได้ แล้วคิดกำไรด้วยการจูบมุมปากและหอมแก้มของเธออย่างเอาเป็นเอาตาย แต่ก็แผ่วเบานุ่มนวล เพราะไม่อยากทำให้นางตื่นจนเสียโอกาส มือไม้ก็ลูบไล้ความนุ่มเนียนจนลื่นมือของผิวแท้ ที่มีเพียงผ้าผืนน้อยปิดกั้นไว้ “สตรีขี้เมามันไม่งาม แต่ข้าก็ชอบถ้าเป็นเจ้า” เขาพึมพำชิดริมฝีปากอวบอิ่ม ประทับจูบลงไปแนบแน่นเมื่อวางร่างของนางลงบนเตียงเรียบร้อยแล้ว...

บทที่ 1 1

“ถึงไหนแล้วยิป พวกเราจะเมากันหมดแล้วนะ”

(ลิ้นพันแบบนี้ฉันว่าพวกแกเมาแล้ว ไม่ใช่จะเมาหรอก)

“ไม่ต้องมายอกย้อนตอนนี้หล่อนถึงไหนแล้ว”

(ใกล้ถึงแล้ว อีกไม่เกินสิบนาที แค่นี้นะ)

“ว่าไงนังแวน ไอ้ยิปซีมันถึงไหนแล้ว” เพื่อนชายใจหญิงที่ชื่อปลาหมึกถามเสียงอ้อแอ้

“อีกสิบนาทีถึงชัวร์ แกไปรอรับที่หน้าร้านได้เลย”

“ไปไม่ไหวแล้ว ขืนไปฉันคงโดนหนุ่ม ๆ ที่แอบมองฉุดไปข่มขืนแน่” ปลาหมึกทำเสียงวี้ดว้ายน่าหมั่นไส้

“แกขย่มมันหรือมันขย่มแกล่ะนังหมึก คิก ๆ ๆ”

“หยาบคายที่สุดนังปลา ข่มขืนย่ะไม่ใช่ขย่ม” ปลาหมึกทำปากขมุบขมิบแล้วสะบัดหน้าจนคางเชิด

“แวนแกดูกะเทยควายงอนสิ” ปลาหัวเราะดังลั่นกับท่าทีของเพื่อนชายใจหญิง

“กรี๊ด!.. พวกแกว่าฉันเป็นกะเทยควายเหรอ ถ้าไอ้ยิปมาเมื่อไหร่ฉันจะให้มันจัดการพวกแกคอยดู” ปลาหมึกทำเป็นโวยวายเสียงดังลั่น แต่เธอก็รู้ว่าเพื่อนหยอกเพราะรัก และพวกเธอก็มักจะเล่นกันแบบนี้เสมอจนถือเป็นเรื่องปกติ

“พูดถึงไอ้ยิปแล้วฉันก็เห็นใจมันจริง ๆ นะ เรียนปีหนึ่งเสียพ่อ พอเรียนจบปริญญาโทก็มาเสียแม่ไปอีก แล้วยังเกิดเป็นลูกคนเดียวอีก ญาติพี่น้องก็อยู่ไกลแทบไม่เคยติดต่อกัน ความสนิทสนมจึงไม่มี ถ้ามันไม่มีพวกเรามันจะเป็นยังไงบ้างวะ” แวนรำพันถึงเพื่อนด้วยความเห็นใจ เพราะเป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่สมัยมัธยมจึงรู้เรื่องดีทุกอย่าง

แม้ความสูญเสียของเพื่อนจะผ่านมาเป็นปี แต่ก็ยังจำได้ดี

“ถ้าสงสารมันก็อย่าหนีไปมีผัวก่อนก็แล้วกัน ให้มันมีก่อนแล้วพวกเราค่อยมีทีหลัง”

“แกคิดได้ไงวะนังปลา” แวนใช้สายตาตำหนิเพื่อน แล้วพูดด้วยสีหน้าจริงจัง “แกคิดว่าหน้าตาอย่างพวกเราจะขายออกก่อนยิปซีเหรอวะ ยังไงมันก็ขายออกก่อนพวกเราอยู่แล้ว”

“ขำ ๆ น่านังแวน แต่ฉันว่าเป็นยิปซีก็ดีเหมือนกันนะ ไม่ต้องมีห่วงอะไร ผิดกับพวกเราลิบลับ ที่ยังต้องส่งเสียครอบครัวอยู่ คนเก่ง ๆ อย่างมันไม่ลำบากหรอก เรียนเก่งจบปริญญาโทแค่อายุยี่สิบสอง กีฬาก็เก่ง กับข้าวก็เก่ง สวย หุ่นดี ภาษาก็เก่งทั้งไทย จีน อังกฤษ ฝรั่งเศส ล่าสุดได้ข่าวแว่วมาว่าบ้าเกาหลี ไปแอบเรียนมาซะคล่องเชียว ใครกล้าสู้มันวะ ฉันว่าพ่อกับแม่ของมันไปอย่างหมดห่วงแล้ว เพราะท่านส่งเสียให้มันเรียนจนความรู้มันล้นสมองแล้ว” พูดจบก็ยกแก้วค็อกเทลมาดื่มแก้กระหายไปอึกใหญ่

“พวกแกเล่าเรื่องพ่อยิปซีให้ฉันฟังบ้างสิ แกก็รู้ว่าฉันรู้จักพวกแกทีหลัง” นังปลาหมึกของเพื่อน ๆ ร้องขอ เพราะส่วนตัวแล้วหล่อนก็นิยมชมชอบความเก่งของเพื่อนจนยกให้เธอเป็นไอดอล แต่ก็ไม่เคยรู้เรื่องบิดาของเธอมากนัก เพราะไม่เคยถามสักที

“ฉันเล่าเอง” แวนยกมือเสนอตัว “พ่อยิปซีเป็นเจ้าของค่ายมวยที่อยู่ติดกับบ้านฉันทุกวันนี้ไง พ่อรักมันมาก สอนให้มันต่อยมวยตั้งแต่เด็ก แล้วให้เรียนวิชาป้องกันตัวสารพัด ถึงขนาดได้ลงแข่งเลยนะแก ส่วนแม่ของมันก็กลัวว่าลูกจะเป็นทอมก็เลยส่งให้ไปเรียนพวกดนตรี ภาษา เย็บปักถักร้อย แล้วก็สอนให้ทำอาหาร ทำขนม

แต่พอมันสอบติดมหาลัยเข้าปีหนึ่งยังไม่ทันไรพ่อมันก็ตายเพราะโรคหัวใจล้มเหลวเฉียบพลัน แม่มันก็เลยตัดสินใจขายค่ายมวยให้เพื่อนพ่อ เอาเงินมาเป็นทุนการศึกษาให้มันนั่นแหละ แล้วแม่มันก็ป่วยกระเสาะกระแสะมาตลอด ตอนหลังก็ต้องเลิกขายของ แต่ไอ้ยิปซีมันก็ใกล้จบแล้วตอนนั้น ไม่นานแม่มันก็ป่วยหนักแล้วก็จากมันไป ฝืนทนจนลูกเรียนจบแล้วจึงไปอย่างสบายใจไร้กังวล” เธอสรุปส่งท้าย

“แกเคยคุยกับแม่มันเหรอถึงรู้ลึกขนาดนั้นน่ะ” ปลาขัดขึ้น

“วันนี้แม่ฉันอาจจะมาหาแกก็ได้นังปลา” เสียงห้วน ๆของคนที่ยืนอยู่ข้างหลังทำให้ทุกคนให้ไปมอง

“ยิปซี!” อุทานออกมาพร้อมกัน

“เออฉันเอง” กล่าวจบก็นั่งลงข้างเพื่อนชายใจหญิงของตัวเอง แล้วจุ๊บแก้มใส ๆ นั้นหนึ่งที “เดี๋ยวนี้สวยกว่าฉันอีกนะปลาหมึก”

ปลาหมึกมองเพื่อนสาวตั้งแต่หัวจรดเท้า ใบหน้าแต้มด้วยรอยยิ้มเพราะได้รับคำชมที่ถูกใจ จิ้มนิ้วไปที่หน้าผากของเพื่อนรักด้วยความหมั่นไส้

“แค่แกชมว่าฉันสวยครึ่งหนึ่งของแกฉันก็ดีใจแล้วย่ะ ไม่ต้องมากกว่าแกหรอก คนอะไรหุ่นก็ดี หน้าก็สวย เก่งไปหมดทุกอย่าง เลิศไม่มีที่ติ ฉันไม่อยากจะเชื่อเลยว่าแกเคยเป็นนักมวย”

“ใครบอกนักมวย ยูโด เทควันโด ฟันดาบฉันก็เป็นนะแก ลองกันสักตั้งมั้ย” แล้วหัวเราะเมื่อเห็นหน้าตาของเพื่อนรัก

“ฉันขอแค่ความสวยกับหุ่นของแกก็พอ เรื่องอื่นฉันยอมแพ้” ปลาหมึกยกมือทั้งสองข้างขึ้นสูงเพื่อยืนยันคำพูด เรียกเสียงหัวเราะของเพื่อน ๆได้ดี

เพื่อนทั้งสี่ดื่มสังสรรค์ ผลัดกันเล่าเรื่องที่ต่างประสบพบเจอแลกเปลี่ยนกันอย่างออกรส

“ทำไมแกไม่ไปเป็นไกด์วะยิป ได้ใช้ความสามารถเต็มที่ด้วย”

“ก็ที่นี่เงินมันดีนี่หว่า ไม่ต้องเดินทางให้เหนื่อยด้วย”

“ไม่ต้องเดินทางตรงไหนวะ ฉันโทรหาแกทีไรแกก็ออกพื้นที่ตลอด ระวังนะโว้ย ฉันเคยอ่านข่าวพวกที่ไปทวงหนี้แล้วถูกยิงตาย ฉันเป็นห่วงแกนะ” ปลาหมึกเตือนเพื่อนที่เป็นฝ่ายเร่งรัดหนี้สินของบริษัทการเงินแห่งหนึ่ง

“นั่นปากเหรออีหมึก!” ปลาตวาดเพื่อนแล้วชี้หน้าแบบคาดโทษ

“อะไรยะ ฉันพูดเพราะเป็นห่วงยิปมันหรอกนะ” ปลาหมึกเชิดหน้าโต้ตอบเพื่อน

“หยุด! กินเหล้า ๆ อย่ามาทะเลาะกัน ชนแก้วโว้ยชนแก้ว” แวนห้ามทัพแล้วยกแก้วรอชน

“ฉันชอบทำงานแบบนี้นะ สนุกดี เดินทางบ้างก็ช่างมันเพราะแค่ในเมืองไทย แต่ถ้าเป็นไกด์ก็ต้องบินไปต่างประเทศ ซึ่งฉันปรับตัวกับอากาศไม่ค่อยไหวน่ะ ฉันมันคนผิวบางพวกแกก็รู้” หญิงสาวทำหน้าทะเล้นใส่เพื่อน

“ผิวบางหรือกลัวหนาวกันแน่ แกไม่ต้องมาทำเป็นผู้ดีหรอก” แวนดักคออย่างรู้ทัน เพราะเพื่อนของเธอคนนี้ไม่ชอบอากาศหนาว ถ้าอากาศเริ่มเย็นเมื่อไหร่ภูมิแพ้จะกำเริบ ต้องพึ่งยาอยู่ตลอดเวลา

“พวกแก..ตกลงเรื่องลาพักร้อนว่ายังไง ลาได้ตรงกันหรือเปล่า” ยิปซีหรือพุทธิญาชี้หน้าเพื่อนทีละคนเพื่อเอาคำตอบ “ดีมาก ต่อไปก็มาโหวตกันว่าจะไปเที่ยวที่ไหนดี”

อ่านต่อ

หนังสืออื่นๆ ของ ณศิกมล / ซินเหมย

ข้อมูลเพิ่มเติม
บ้านไร่สายสวาท

บ้านไร่สายสวาท

โรแมนติก

5.0

วิโมกข์คือชายหนุ่มวัยยี่สิบเจ็ดที่ผิดหวังจากความรักอย่างรุนแรง เขากลายเป็นคนอ่อนแอไร้หลัก หมกมุ่นอยู่กับสุรานานนับเดือน แต่หลังจากนั้นก็ได้สติเพราะคำพูดแทงใจของเด็กสาววัยสิบเจ็ดปีคนหนึ่ง เจ็ดปีต่อมาเขาได้กลายเป็นนายหัวผู้ทรงอิทธิพลในธุรกิจค้าหอยเป๋าฮื้อ และต้องเผชิญหน้ากับอดีตคนรักที่เข้ามาอยู่ในบ้านของเขาอีกครั้ง... ชาร์มมิ่งในวัยยี่สิบสี่ปีเดินทางจากนิวยอร์กสู่สงขลาอีกครั้งหลังจากเจ็ดปีผ่านไป เพราะถูกเพื่อนรักขอร้องให้มาแสดงละครขัดขวางอดีตคนรักของพี่ชาย เธอไม่อยากทำแบบนี้เลยเพราะพอใจที่จะแอบรักเขาไปแบบนี้มากกว่า แต่จะทำไงได้ล่ะ.. ในเมื่อเธอก็ถูกผู้เป็นย่าคอยจับคู่อยู่เรื่อยไป จึงตัดสินใจเลือกในสิ่งที่หัวใจปรารถนา... การแสดงที่มาจากส่วนลึกของจิตใจจริงๆ จึงเริ่มต้นขึ้นนับตั้งแต่วินาทีที่เธอเจอหน้าเขา

สลักรักอ๋องนักรบ

สลักรักอ๋องนักรบ

เมืองแฟนตาซี

5.0

มีเพียงปาฏิหาริย์เท่านั้นที่ทำให้เธอฟื้นขึ้นมาได้ ซึ่งผู้ที่ทำหน้าที่นั้นได้ดีที่สุดก็คือยมทูตรับส่งวิญญาณ เขารีบตามหาวิญญาณของเธอเพื่อพากลับเข้าร่างโดยเร็วที่สุด แต่ทุกอย่างก็สายเกินแก้เพราะเขาเจอเธอเมื่อร่างของเธอถูกเผาไปแล้ว ทางเดียวที่จะแก้ไขความผิดก็คือต้องส่งเธอกลับไปในร่างของคนอื่นที่เพิ่งหมดลมหายใจ และด้วยเหตุผลที่เธอเรียกร้องบางประการ จึงทำให้เธอได้กลับไปเกิดใหม่ในรัชสมัยของราชวงศ์หมิง ในร่างของหญิงสาววัย 19 ปีนามว่า "เฟิ่งต้าชวี่" แต่ "เฟิ่งต้าชวี่" ไม่ใช่ดรุณีแรกแย้มไร้เจ้าของ นางเป็นพระชายาที่แสนบริสุทธิ์ของแม่ทัพผู้เกรียงไกร "อ๋องใหญ่เกาหรงซาน" พระชายาที่เขาเขียนหนังสือหย่าทิ้งไว้ในห้องหอตั้งแต่วันแรกที่แต่งงาน แต่เพราะความรักและหน้าที่ของสตรีชาวฮั่น นางจึงทนอยู่อย่างปวดร้าวในตำหนักของเขาตลอด 2 ปีก่อนจะตรอมใจตาย

กระดังงาสีรุ้ง

กระดังงาสีรุ้ง

โรแมนติก

5.0

"ณัฐวรา" สถาปนิกสาวสวยแม่ม่ายลูกสอง ความน่ารักของเธอถูกตาต้องใจประธานคนใหม่อย่างแรง เขารุก ๆ และรุก แล้วเธอจะหนีทำไม ในเมื่อหัวใจก็เรียกร้องต้องการ ก็เขาตรงตามสเป็กซะขนาดนั้น สูงใหญ่ บึกบึน แถมเป็นลูกครึ่งด้วยสิ คงหนีไม่พ้นเขาแน่ ๆ "เควิน" ---------------- เหตุการณ์บางอย่างทำให้ "สินี" ต้องล้มเหลวกับชีวิตคู่ เธอเริ่มมองเขาที่เคยเป็นกำลังใจและให้ความช่วยเหลือเธออยู่ตลอดเวลา จนมันพัฒนามาเป็นความรักครั้งใหม่ในระยะเวลาสั้น ๆ "นภดล" ผู้ชายที่แอบเฝ้ามอง แอบหลงรักเธอมาตลอดเวลาห้าปี ------------------------------- หญิงสาวฟุบตัวลงกับอกแกร่งอย่างเหนื่อยหอบ เพราะงัดกลยุทธ์ออกมาพิชิตใจเขาจนหมดสิ้น “เควี่คะ” เรียกเขาเสียงหอบ “ว่าไงครับฮันนี่” เขาลูบศีรษะเธอแผ่วเบา “ถูกใจกับของขวัญมั้ยคะ” เธอถามเพราะอยากรู้ว่าตัวเองทำได้ดีพอมั้ยสำหรับครั้งแรก “ถ้าบอกว่าไม่ถูกใจจะขอแก้ตัวมั้ยครับ” แล้วหัวเราะเบา ๆ เมื่อถูกค้อนใส่ “ถูกใจที่สุดเลยครับ ให้ผมบ่อย ๆ นะ ผมรับได้ทุกโอกาส ทุกเทศกาลเลยนะครับ นะครับฮันนี่” เขาอ้อนวอนขอ “ค่ะ ถ้าคุณทำตัวน่ารักกับน้ำผึ้งนะคะ” “ผมจะทำตัวน่ารัก และเป็นสามีที่ดีของคุณภรรยานะครับ” “สามีภรรยาอะไรคะ พูดแบบนี้น้ำผึ้งเขินนะ” แล้วขยับตัวจะลงไปนอนบนที่นอน แต่เขารั้งไว้ไม่ยอมปล่อย “นอนกับอกผมนี้แหละ ไม่ต้องกลัวว่าผมจะหนัก เพราะตัวคุณเบาอย่างกับนุ่น” แล้วกอดเธอกระชับขึ้น “ไม่เอาค่ะ ขอน้ำผึ้งนอนบนเตียงแล้วซบอกคุณดีกว่า อุ่นดี”

หนังสือที่คุณอาจชอบ

บุตรีอนุผู้ถูกทอดทิ้ง

บุตรีอนุผู้ถูกทอดทิ้ง

มาชาวีร์
4.8

หลี่เมิ่งเหยาย้อนเวลามาอยู่ในร่าง ของเด็กสาววัยสิบสองปี ในวันที่มารดาอนุผู้โง่เขลา ถูกขับไล่ออกจากจวน โชคยังดีที่ตอนตาย นางสวมกำไลหยกโลกันตร์เอาไว้ มันจึงติดตามนางมาที่นี่ด้วย +++ 1 : มารดาโง่ จนถูกไล่ออกจากตระกูล จวนตระกูลหลี่เจ้าเมืองถัง สตรีสองนางถูกสาวใช้จับคุกเข่าลง ตรงหน้าของหลี่หงซวนเจ้าเมืองถัง ทั้งยังเป็นพ่อสามีของทั้งคู่อีกด้วย ท่านกำลังสอบสวนเรื่องของสะใภ้ใหญ่ของบ้านสาม ถูกฮูหยินรองกับอนุรวมหัวกันลอบทำร้าย ด้วยการวางยาขับเลือดในถ้วยน้ำแกงบำรุงครรภ์ ทำให้นางต้องสูญเสียทารกในครรภ์ไป “ท่านพ่อข้าไม่รู้จริง ๆ ว่านั่นเป็นยาขับเลือด ฮูหยินรองบอกว่าเป็นน้ำแกงบำรุงครรภ์ ให้ข้าเป็นคนนำไปมอบให้ฮูหยินใหญ่ เป็นนางนั่นเอง นางหลอกข้า !” เฉาซูหลิ่งชี้นิ้วไปทางสตรีด้านข้าง ร้อนรนเอ่ยออกมาเหมือนคนไม่ได้รับความเป็นธรรม “อนุเฉาเจ้าอย่ามาใส่ร้ายข้านะ เจ้าทำคนเดียวทั้งนั้นไม่เกี่ยวกับข้าเลย” ฮูหยินรอง ถูซวงอี้ ชี้นิ้วใส่หน้าเฉาซูหลิ่งกลับคืน ต่างคนต่างโยนความผิดให้กัน ฮูหยินผู้เฒ่าหลิวเยี่ยนหนานโบกมือให้คนเข้ามา “ข้าให้โอกาสพวกเจ้าสองคนพูดความจริง แต่กลับไม่มีใครยอมรับความผิดแม้แต่คนเดียว มันน่าจับส่งทางการให้รู้แล้วรู้รอด” พ่อบ้านหลัวให้คนลากสาวใช้คนหนึ่งเข้ามา สภาพของนางถูกทรมานจนเนื้อตัวบวมช้ำไปหมด “เรียนนายท่านข้าให้คนไปค้นห้องสาวใช้ทุกคนในจวน พบเทียบยาซ่อนไว้ใต้หมอน จากห้องของสาวใช้คนนี้ขอรับ” ถูซวงอี้ถึงกับคุกเข่าต่อไปไม่ไหว ทิ้งตัวลงไปนั่งอยู่บนพื้น สาวใช้ที่ถูกทรมานจนสภาพน่าเวทนานั่น เป็นเสี่ยวอิงสาวใช้สินเดิมของนางเอง “ฮูหยินรอง ข้าขอโทษ ข้าทนต่อไปไม่ไหวจริง ๆ ข้าขอโทษ !” เสี่ยวอิงโขกศีรษะลงตรงหน้าของถูซวงอี้แรง ๆ น้ำตาไหลนองหน้าจน แทบไม่เป็นผู้เป็นคนอยู่แล้ว พ่อบ้านหลัวเอ่ย “ข้าให้คนไปถามที่หอโอสถแล้วขอรับนายท่าน เป็นเทียบยาขับเลือดจริง ๆ” หลี่หงซวนมองไปทางบุตรชายคนที่สามของตน พบว่าเขามีสีหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออก สตรีที่คุกเข่าอยู่ตรงหน้าคือฮูหยินรอง กับอนุภรรยาที่เขารักใคร่ไม่ต่างกัน เหตุใดถึงได้คิดร้ายต่อฮูหยินใหญ่ของเขาได้ เป็นเหตุให้เขาต้องสูญเสียลูกที่อยู่ในท้องของนางไป เดิมทีฮูหยินใหญ่ของเขาก็ตั้งท้องยากอยู่แล้ว เขารอมาตั้งนานกว่าจะมีวันนี้ได้ ไม่คิดมาก่อนว่าจะต้องสูญเสียไปเช่นนี้ “หย่วนเจ๋อนี่เป็นเรื่องในเรือนของเจ้า เจ้าอยากตัดสินเรื่องนี้ด้วยตัวเองหรือไม่” ผู้เป็นบิดาเอ่ยถามบุตรชาย “ไม่ ข้าไม่อยากเห็นหน้าพวกนางอีกต่อไป แล้วแต่ท่านพ่อเถอะขอรับ ข้าขอตัวไปดูฮูหยินใหญ่ก่อน” หลี่หย่วนเจ๋อคำนับบิดา สะบัดแขนเสื้อเดินจากไปในทันที หางตายังไม่แม้แต่จะมองสตรีทั้งสองนาง เฉาซูหลิ่งลนลานตามเขาไป “ท่านพี่ช่วยข้าด้วย ข้าไม่ผิดนะเจ้าคะ ท่านพี่ !” แต่ถูกบ่าวรับใช้ขวางทางเอาไว้ หลี่หงซวน “หยุดโวยวายได้แล้วอนุเฉา เจ้าเป็นคนถือถ้วยน้ำแกงใส่ยาขับเลือด ไปมอบให้ฮูหยินใหญ่ด้วยตัวเอง ยังคิดจะหนีความผิดนี้ไปได้อีกรึ” “ท่านพ่อขะข้าข้า...ไม่ผิด” เฉาซูหลิ่งทิ้งตัวไปด้านหลังอย่างหมดเรี่ยวแรง เดิมทีนางก็ไม่เป็นที่โปรดปรานของพ่อแม่สามีอยู่แล้ว เพราะไม่สามารถให้กำเนิดบุตรชายได้ ครั้นได้บุตรสาวก็นิสัยขี้ขลาดขี้กลัว ไหนเลยจะเชิดหน้าชูตาให้ตระกูลหลี่ได้ เฉาซูหลิ่งนั่งเหม่อลอย คล้ายคนจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว ขณะที่หลี่หงซวนกำลังประกาศโทษทัณฑ์ของพวกนาง ถูซวงอี้กับคนของนาง ถูกขายออกจากจวน ไปอยู่หอนางโลมอย่างเงียบ ๆ ชาตินี้อย่าได้ก้าวเท้า กลับมาเหยียบที่จวนตระกูลหลี่อีก ส่วนเฉาซูหลิ่งถูกขับไล่ออกจากจวน ไปพร้อมกับบุตรสาว ให้ไปอยู่เรือนร้างของตระกูลหลี่ที่เมืองฉาง ห้ามกลับมาที่ตระกูลหลี่อีกชั่วชีวิต “ท่านพ่อท่านขับไล่ข้าไป ข้ายังพอรับได้ เหตุใดต้องขับไล่เหยาเอ๋อร์ไปด้วย นางเพิ่งจะสิบสองปีเองนะเจ้าคะ” เฉาซูหลิ่งนึกถึงบุตรสาวร่างกายผ่ายผอม นอนซมเพราะพิษไข้อยู่ เกิดนึกสงสารนางขึ้นมาจับใจ ฮูหยินผู้เฒ่าหันไปมองสามีเล็กน้อย นางเห็นเด็กสาวคนนั้นมาตั้งแต่เกิด แม้ไม่ได้เอ็นดูแต่ก็นับว่าเป็นสายเลือดเดียวกัน “ฮูหยินเรื่องนี้ข้าตัดสินใจไปแล้ว ไม่อาจคืนคำได้” คำพูดของประมุขของตระกูล มีหรือใครจะกล้าขัด เฉาซูหลิ่งปล่อยเสียงร้องไห้โฮออกมาดัง ๆ นางโง่งมจนทำให้บุตรสาว ต้องมารับเคราะห์กรรมตามไปด้วย “ลากตัวอนุเฉาออกไป หารถม้าสักคันให้คนส่งนาง ไปที่เรือนร้างเมืองฉาง” คำสั่งของหลี่หงซวนเป็นคำขาด บ่าวไพร่รีบทำตามในทันที ครั้นได้อยู่ด้วยกันเพียงลำพังกับฮูหยินผู้เฒ่า หลี่หงซวนถึงได้บอกเหตุผล ที่ต้องตัดสินใจทำเช่นนี้ นั่นเพราะตระกูลจี้ได้ยื่นคำขาดมา ให้ขับไล่พวกเขาออกไปให้หมด อย่าให้เหลืออยู่แม้แต่ตนเดียว ไม่ต้องการให้คนที่ทำร้ายบุตรสาวของพวกเขา อยู่ระคายสายตาของจี้ชิวหรงอีกต่อไป ฮูหยินผู้เฒ่าแค่นออกมาหนึ่งคำ “อ้างเหตุผลข้าง ๆ คู ๆ ความจริงแล้วต้องการกำจัดอนุในเรือนบุตรสาวทิ้งให้หมด นี่กระทั่งเด็กคนหนึ่งก็ไม่เว้น แต่ก็เอาเถอะ เหยาเอ๋อร์อยู่ที่นี่ ก็ใช่จะมีประโยชน์อันใด นางไม่ได้อยู่ในสายตาของพวกเราด้วยซ้ำ ให้นางไปกับแม่ของนางนั่นแหละดีแล้ว” หลี่หงซวนนั้นเป็นเพียงเจ้าเมืองเล็ก ๆ มีตำแหน่งเป็นขุนนางขั้นที่ห้า ฝั่งตระกูลจี้บ้านเดิมของจี้ชิวหรงนั้น อยู่ในเมืองหลวงมีตำแหน่งใหญ่โตกว่าหนึ่งขั้น เรื่องนี้เขาจึงต้องขบคิด ถึงผลได้ผลเสียในอนาคตอีกด้วย การเสียสละอนุกับหลานสาวคนหนึ่ง เพื่อชดเชยให้แก่คนตระกูลจี้ นับว่าเป็นเรื่องสมควรทำแล้ว “ข้าก็คิดเช่นฮูหยินนั่นแหละ เพียงแต่สะใภ้สามแท้งคราวนี้ ไม่รู้จะยังสามารถตั้งท้องได้อีกหรือไม่ พวกเรารอดูไปก่อนดีกว่า หากนางไม่สามารถตั้งท้องได้จริง ๆ เราค่อยหาอนุมาให้หย่วนเจ๋อภายหลังก็ยังได้ ยามนั้นคนตระกูลจี้จะเอาอะไรมาง้างกับเราได้อีก” “จริงดังท่านว่าเจ้าค่ะ” ฝ่ายเฉาซูหลิ่งที่ถูกคนใช้ ลากตัวออกมาให้เก็บของในเรือน นางส่งเสียงเอะอะโวยวายตลอดทาง พร่ำบอกต้องการพบหลี่หย่วนเจ๋อให้ได้ แต่ถูกสาวใช้ขวางไว้ไม่ให้ไป นางจำใจกลับไปยังห้องนอนของตัวเอง รีบเก็บของสำคัญใส่ห่อผ้าเพื่อออกเดินทาง

สามีใหม่ของฉัน สุดยอดน่าดูเลย

สามีใหม่ของฉัน สุดยอดน่าดูเลย

Thaddeus Shore
5.0

ทั้งเมืองรู้กันดีว่า หลังจากที่ลู่ซิงหลานถูกเปิดเผยว่าเป็นลูกสาวปลอม เธอก็ถูกสามีขับไล่ออกจากชีวิต พ่อแม่ก็ทอดทิ้ง พี่ชายก็รังเกียจ ครอบครัวของสามีตัดสินใจไล่เธอออกจากบ้านอย่างเด็ดขาด แต่ใครจะคิดว่าเธอกลับไปพึ่งพา ลี่จิ่งเหยียน ผู้ทรงอิทธิพลในวงการแทนในทันที ขณะที่ทุกคนรอให้ลี่จิ่งเหยียนถีบลู่ซิงหลานออกไปนั้น ลู่ซิงหลานก็เริ่มเปิดเผยตัวตนที่แท้จริงอย่างใจเย็น มันมีแต่เรื่องที่ทำให้ประหลาดใจเท่านั้น แต่สิ่งที่น่าทึ่งที่สุดคือบรรดาผู้ทรงอิทธิพลต้องคุกเข่าต่อหน้าเธอเป็นแถว สามีเก่าที่เป็นคนไม่ดีอยากกลับมาง้อขอคืนดี ลู่ซิงหลานก็จัดการเขาทิ้งทันที และกลับยิ้มให้สามีใหม่แล้วพูดว่า "ที่รัก คุณสามารถพึ่งพาฉันได้นะ" ใครจะคิดว่าลี่จิ่งเหยียนเองก็เป็น ผู้ทรงอิทธิพลไม่เบา พร้อมยิ้มแย้ม "แต่ที่รัก ผมอยากครองใจคุณมากกว่า" องค์กรระหว่างประเทศเพิ่งเผชิญกับสามเหตุการณ์สำคัญ หนึ่งคือการที่ลู่ซิงหลานหย่าร้าง สองคือการที่ลี่จิ่งเหยียนแต่งงาน และสามคือคู่รักที่มีตัวตนลับมากมายที่แกล้งทำเป็นอ่อนแอเพื่อหลอกลวง ทั้งสองสมคบคิด ทำอะไรไม่ดี

คุณสามีเป็นผู้พิการ

คุณสามีเป็นผู้พิการ

Devocean
4.9

"คุณต้องการเจ้าสาว ส่วนฉันก็ต้องการเจ้าบ่าว ทำไมเราไม่แต่งงานกันล่ะ?" ภายใต้เสียงเยาะเย้ยของทุกคน ถังเลี่ยน ซึ่งถูกคู่หมั้นของเธอทอดทิ้งในพิธีแต่งงาน กลับแต่งงานกับเจ้าบ่าวพิการข้างบ้านที่ถูกรังเกียจ ถังเลี่ยนคิดว่าอวิ๋นเซินเป็นชายหนุ่มที่น่าสงสาร และเธอสาบานว่าจะให้ความรักใคร่แก่เขาและตามใจเขาหลังแต่งงาน ใครจะรู้ว่าเขาแกล้งเป็นแบบนั้น... ก่อนแต่งงาน อวิ๋นเซินว่า "เธอต้องสนใจเงินของผมถึงยอมแต่งงานกับผม ผมจะหย่ากับเธอหลังจากที่ผมใช้ประโยชน์เธอเสร็จ" หลังแต่งงาน อวิ๋นเซินว่า "ภรรยาของผมต้องการหย่าทุกวัน แต่ผมไม่อยากหย่า ทำอย่างไรดีล่ะ"

ข้าคือดาวมงคลน้อยหลินลู่ฉี

ข้าคือดาวมงคลน้อยหลินลู่ฉี

มาชาวีร์
4.4

เมื่อยมทูตหน้าใหม่ดึงวิญญาณมาผิดดวง เพื่อรักษาไว้ซึ่งสมดุลของโลกวิญญาณ หลินลู่ฉีผู้มีปราณมงคลในยุคปัจจุบัน จึงถูกส่งไปยังต่างโลก สวมร่างเด็กน้อยวัยสามขวบ ที่เพิ่งถูกงูกัดตายด้านหลังอารามเต๋า เจ้าอาวาสไม่อาจยอมรับวิญญาณสวมร่างได้ แต่เมื่อขับไล่วิญญาณร้ายออกจากร่างกายไม่ได้ จึงจำเป็นต้องขับไล่คน ออกจากอารามแทน ++++ "อนิจจาวาสนาเด็กน้อยได้ดับสิ้นลงแล้ว จี้คงเตรียมพิธีสวดส่งวิญญาณให้นางเถอะ" นักพรตเฒ่าสั่งการลูกศิษย์ตัวน้อย หันหลังหมายจะเดินกลับไปยังที่พักของตน "ขอรับท่านอาจารย์" จี้คงขานรับคำสั่ง หันไปเตรียมสิ่งของสำหรับทำพิธีสวดส่งวิญญาณผู้ตาย ทว่าผ่านไปเพียงอึดใจเดียว "อ๊ากกก ! มีผี !" เสียงกรีดร้องดังลั่น ร่างเล็ก ๆ ของเขาวิ่งไปหลบอยู่ด้านหลังผู้เป็นอาจารย์ "จี้คงมีอะไร" "นะนางลืมตาขอรับท่านอาจารย์" เด็กน้อยชี้นิ้วสั่น ๆ ไปที่ศพบนพื้น "ว่าอย่างไรนะ" นักพรตเฒ่ารีบตรงไปคุกเข่าอยู่ด้านข้างศพ เห็นเปลือกตาของนางขยับไปมา ก่อนจะปรือลืมขึ้นอย่างลำบากยากเย็น "นี่มัน...เป็นไปไม่ได้" รีบคว้าข้อมือของเด็กน้อยมาจับชีพจรดู ดวงตาของนักพรตเฒ่ามืดมนลงในทันที แตะนิ้วทำนายชะตา นี่มันคือการสลับร่างเปลี่ยนวิญญาณ ดึงตัวลูกศิษย์ถอยหลังไปสามก้าว "ผีร้ายตนไหนกล้ามาสวมร่างคนตาย จงออกไปเสีย !" ผีร้ายที่ว่ากำลังมึนงงกับเหตุการณ์ตรงหน้า จำได้ว่าเธอกำลังขับรถกลับบ้าน ใช่แล้ว เกิดอุบัติเหตุขึ้น มีรถบรรทุกเสียหลัก พุ่งมาชนรถของเธอ จากนั้นทุกอย่างก็ดับวูบไป ท่าทางเหม่อลอยไร้สติของนางทำนักพรตเฒ่าหวาดระแวงในทันที เตรียมหยิบยันต์ป้องกันภูตผีออกมา ขณะที่เด็กน้อยยกฝ่ามือของตัวเองขึ้นเพ่งมองอย่างประหลาดใจ ดวงตาคู่กลมน้อยกลอกกลิ้งไปมาอย่างสับสน นิ้วมือสั้น ๆ นี่มันอะไร ขยับปลายเท้าเข้าหากัน ขาก็สั้น พลิกฝ่ามือตัวเองไปมา สีหน้าคล้ายคนอยากร้องไห้ นี่มันโลกถล่มใส่หัวของเธอหรืออย่างไรกัน เปรี๊ยะ ! ยันต์ขับไล่ภูตผีถูกปาใส่นางสุดแรง ก่อนที่มันจะปลิวร่อนลงไปกองอยู่บนพื้น ยันต์ไม่เกิดการเผาไหม้ ผีร้ายยังคงอยู่ในร่างกายของเด็กน้อย "เจ้า ๆ ๆ ออกไปจากร่างของนางเดี๋ยวนี้ !" นักพรตเฒ่าชี้นิ้วพร้อมดึงยันต์สายฟ้าฟาดออกมาอีกแผ่น นี่นับเป็นยันต์ที่ทรงพลังที่สุดของเขาแล้ว รีบปาใส่เด็กน้อยสุดแรง เปรี๊ยะ ! ทว่าไร้ผลอยู่ดี... ตาเฒ่านี่เล่นตลกอะไรกัน... [นิยาย3เล่มจบ 252ตอน]

บท
อ่านเลย
ดาวน์โหลดหนังสือ