/0/29657/coverbig.jpg?v=4eb593b17447c3f3c017c5fd9d2b88ad&imageMogr2/format/webp)
วันที่ฉันได้รับการปล่อยตัวจากเรือนจำ ดอน วรโชติ คู่หมั้นของฉัน กำลังยืนรออยู่ เขาบอกว่าชีวิตของเราจะได้เริ่มต้นกันเสียที เจ็ดปีที่แล้ว เขาและพ่อแม่ของฉันอ้อนวอนให้ฉันรับผิดแทนเคท น้องสาวบุญธรรมของฉัน เธอเมาแล้วขับรถชนคนแล้วหนี พวกเขาบอกว่าเคทเปราะบางเกินกว่าจะเข้าไปอยู่ในคุกได้ โทษจำคุกเจ็ดปีของฉันเป็นแค่การเสียสละเล็กๆ น้อยๆ แต่ทันทีที่เรามาถึงคฤหาสน์ของตระกูล โทรศัพท์ของดอนก็ดังขึ้น เคทมี ‘อาการกำเริบ’ อีกแล้ว เขาทิ้งฉันให้ยืนอยู่คนเดียวกลางโถงทางเข้าโอ่อ่า แล้วรีบวิ่งไปหาเธอ จากนั้นพ่อบ้านก็แจ้งว่าฉันต้องไปพักที่ห้องเก็บของฝุ่นเขรอะบนชั้นสาม เป็นคำสั่งของพ่อแม่ พวกเขาไม่อยากให้ฉันไปรบกวนจิตใจเคทตอนเธอกลับมา ทุกอย่างเป็นเพราะเคทเสมอ เธอคือเหตุผลที่พวกเขาเอาเงินทุนการศึกษาของฉันไป และเธอคือเหตุผลที่ฉันต้องเสียเวลาชีวิตไปเจ็ดปี ฉันเป็นลูกสาวแท้ๆ แต่กลับเป็นได้แค่เครื่องมือที่ถูกใช้แล้วทิ้ง คืนนั้น ขณะที่ฉันอยู่คนเดียวในห้องแคบๆ โทรศัพท์มือถือราคาถูกที่ผู้คุมคนหนึ่งให้มาก็สั่นเพราะมีอีเมลเข้า เป็นข้อเสนอตำแหน่งงานลับที่ฉันเคยสมัครไว้เมื่อแปดปีที่แล้ว มาพร้อมกับตัวตนใหม่และแพ็กเกจย้ายที่อยู่ทันที มันคือทางรอด ฉันพิมพ์ตอบกลับด้วยนิ้วที่สั่นเทเทา “ฉันตกลง”
วันที่ฉันได้รับการปล่อยตัวจากเรือนจำ ดอน วรโชติ คู่หมั้นของฉัน กำลังยืนรออยู่ เขาบอกว่าชีวิตของเราจะได้เริ่มต้นกันเสียที
เจ็ดปีที่แล้ว เขาและพ่อแม่ของฉันอ้อนวอนให้ฉันรับผิดแทนเคท น้องสาวบุญธรรมของฉัน เธอเมาแล้วขับรถชนคนแล้วหนี
พวกเขาบอกว่าเคทเปราะบางเกินกว่าจะเข้าไปอยู่ในคุกได้ โทษจำคุกเจ็ดปีของฉันเป็นแค่การเสียสละเล็กๆ น้อยๆ
แต่ทันทีที่เรามาถึงคฤหาสน์ของตระกูล โทรศัพท์ของดอนก็ดังขึ้น เคทมี ‘อาการกำเริบ’ อีกแล้ว เขาทิ้งฉันให้ยืนอยู่คนเดียวกลางโถงทางเข้าโอ่อ่า แล้วรีบวิ่งไปหาเธอ
จากนั้นพ่อบ้านก็แจ้งว่าฉันต้องไปพักที่ห้องเก็บของฝุ่นเขรอะบนชั้นสาม เป็นคำสั่งของพ่อแม่ พวกเขาไม่อยากให้ฉันไปรบกวนจิตใจเคทตอนเธอกลับมา
ทุกอย่างเป็นเพราะเคทเสมอ เธอคือเหตุผลที่พวกเขาเอาเงินทุนการศึกษาของฉันไป และเธอคือเหตุผลที่ฉันต้องเสียเวลาชีวิตไปเจ็ดปี ฉันเป็นลูกสาวแท้ๆ แต่กลับเป็นได้แค่เครื่องมือที่ถูกใช้แล้วทิ้ง
คืนนั้น ขณะที่ฉันอยู่คนเดียวในห้องแคบๆ โทรศัพท์มือถือราคาถูกที่ผู้คุมคนหนึ่งให้มาก็สั่นเพราะมีอีเมลเข้า เป็นข้อเสนอตำแหน่งงานลับที่ฉันเคยสมัครไว้เมื่อแปดปีที่แล้ว มาพร้อมกับตัวตนใหม่และแพ็กเกจย้ายที่อยู่ทันที มันคือทางรอด
ฉันพิมพ์ตอบกลับด้วยนิ้วที่สั่นเทเทา
“ฉันตกลง”
บทที่ 1
ฉันจำวันที่ต้องเข้าคุกได้ดี ไม่ใช่เพราะคำตัดสินของศาล แต่เป็นเพราะครอบครัวของฉันเอง
เจ็ดปีที่แล้ว เคท ศิริวัฒนา น้องสาวบุญธรรมของฉัน เมาแล้วขับรถ เธอชนคนแล้วหนี โชคดีที่คนนั้นรอดชีวิต แต่ความผิดก็ยังร้ายแรงอยู่ดี
พ่อกับแม่ ซึ่งเป็นครอบครัวศิริวัฒนา เรียกฉันเข้าไปนั่งคุย จอย พี่สาวแท้ๆ ของฉันก็อยู่ที่นั่นด้วย
“เคทไม่ค่อยสบาย” แม่พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ลูกจะเข้าคุกไม่ได้หรอก มันจะทำให้ลูกแย่”
“ลูกไปแทนได้ไหม” พ่อถามโดยไม่มองหน้าฉัน “แค่ไม่กี่ปีเอง”
ฉันปฏิเสธ ไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่พวกเขาขอ แต่คืนหนึ่ง พวกเขาก็จับฉันยัดเข้าไปในรถ ไม่ใช่รถของพวกเขา แต่เป็นรถตำรวจ
ดอน วรโชติ คู่หมั้นของฉันก็อยู่ที่นั่น เขาเป็นนักการเงินผู้ทรงอิทธิพลในกรุงเทพฯ ที่สามารถบันดาลให้ทุกอย่างเกิดขึ้นได้ เขาเป็นคนจัดการทุกเรื่อง เขาประคองใบหน้าฉันไว้ในมือ ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความเจ็บปวดที่ฉันไม่เข้าใจ
“แอนนา ออกมาเมื่อไหร่ ผมจะแต่งงานกับคุณ” เขาสัญญา “ทนหน่อยนะ แค่เจ็ดปีนี้เท่านั้น นี่เป็นทางเดียวที่จะปกป้องคุณจากชะตากรรมที่เลวร้ายกว่านี้”
ฉันไม่เข้าใจว่าชะตากรรมที่เลวร้ายกว่าที่เขาพูดถึงคืออะไร ฉันเข้าใจแค่การถูกหักหลังเท่านั้น
ตอนนี้ เจ็ดปีผ่านไปแล้ว ประตูเหล็กหนักอึ้งเลื่อนเปิดออก ฉันเดินออกมาสู่โลกภายนอกที่รู้สึกว่าสว่างจ้าและเสียงดังเกินไป
รถเก๋งสีดำมันวาวคันหนึ่งจอดรออยู่ ดอน วรโชติ ก้าวออกมา เขายังดูเหมือนเดิม หล่อเหลาราวกับเทพบุตรในชุดสูทสั่งตัด ไม่มีผมสักเส้นที่หลุดลุ่ย
เขาอ้าแขนจะกอดฉัน แต่ฉันถอยหลังก้าวหนึ่ง
สีหน้าเขาเจ็บปวด แขนที่กางออกตกลงข้างลำตัว “แอนนา”
ฉันก้มมองตัวเอง เสื้อผ้าที่ใส่อยู่เป็นของราคาถูกที่ทางเรือนจำจัดหาให้ ผมของฉันแห้งกร้าน ผิวซีดเผือด ฉันผอมแห้งเหลือแต่กระดูกและเงา อาหารในคุกกับงานหนักตลอดเจ็ดปีได้สลักเสลาฉันให้กลายเป็นคนที่ตัวเองก็จำไม่ได้ ในทางกลับกัน เขาดูเหมือนเพิ่งเดินออกมาจากนิตยสาร ความแตกต่างนี้มันช่างบาดตาบาดใจเหลือเกิน
“ผมอยู่นี่แล้ว” เขาพูดด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล “ผมบอกแล้วว่าจะมารอ เราจะแต่งงานกัน เราจะเริ่มต้นชีวิตใหม่”
คำสัญญานั้นฟังดูกลวงเปล่า เป็นเพียงเสียงสะท้อนจากชาติที่แล้ว ฉันมองเขา มองเขาจริงๆ และไม่รู้สึกอะไรเลย ความรักที่เคยมี ความหวังอย่างสิ้นหวังที่ทำให้ฉันมีชีวิตรอดในช่วงสองสามปีแรกในนั้น ได้กลายเป็นเถ้าถ่านไปหมดแล้ว
“พวกเขาอยู่ไหน” ฉันถาม เสียงแหบพร่าเพราะไม่ค่อยได้ใช้งาน
สีหน้าของดอนเคร่งขรึมลง “พ่อแม่ของคุณ... แล้วก็จอย... พวกเขามาไม่ได้ เคทมีอาการกำเริบอีกแล้วเมื่อเช้านี้ พวกเขาต้องรีบพาเธอไปโรงพยาบาล”
แน่นอน เคท ต้องเป็นเคทเสมอ เด็กสาวผู้อ่อนแอและขี้โรคที่พ่อแม่รับมาเลี้ยงเมื่อหลายปีก่อน เธอคือทุกสิ่งทุกอย่างของพวกเขา ส่วนฉันที่เป็นลูกสาวแท้ๆ กลับเป็นแค่ของนอกสายตา เป็นเครื่องมือที่ถูกใช้แล้วทิ้ง
ฉันจำวันที่ตามหาพ่อแม่ผู้ให้กำเนิดเจอได้ ฉันเต็มไปด้วยความหวัง ฉันเป็นเด็กกำพร้าและคิดว่าตัวเองได้เจอบ้านแล้ว แต่พวกเขากลับมีลูกสาวที่สมบูรณ์แบบอย่างเคทอยู่แล้ว ฉันเป็นเพียงความจริงอันน่าอึดอัดใจ
ดอนขับรถพาฉันกลับไปที่คฤหาสน์ศิริวัฒนา มันไม่ใช่บ้านของฉัน เป็นแค่บ้านที่ฉันเคยอาศัยอยู่ พ่อบ้าน ชายที่รู้จักฉันมาตั้งแต่ฉันยังเป็นวัยรุ่น มองฉันด้วยสายตาดูถูกเหยียดหยาม
“คุณท่านและคุณผู้หญิงสั่งให้คุณแอนนาไปใช้ห้องหลังบ้านบนชั้นสามค่ะ” เขาพูดด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความเย่อหยิ่ง “ท่านไม่อยากให้คุณไปรบกวนคุณเคทตอนเธอกลับมา”
ห้องหลังบ้านที่ว่าก็คือห้องเก็บของดีๆ นี่เอง ฝุ่นเขรอะและถูกลืม มันเป็นที่ที่พวกเขาโยนฉันไปอยู่เสมอ ให้พ้นหูพ้นตา
ดอนดูอึดอัดใจ “เดี๋ยวผมจะคุยกับพวกท่านเองนะแอนนา นี่มันไม่ถูกต้อง”
แต่แล้วโทรศัพท์ของเขาก็ดังขึ้น “แม่คุณโทรมา” เขาพูด สีหน้าเต็มไปด้วยความกังวล “ผมต้องไปโรงพยาบาล เคทถามหาผม”
เขาเลือกเธออีกแล้ว แน่นอน เขาเลือกเธอเสมอ
ฉันพยักหน้า ไม่รู้สึกอะไรนอกจากความว่างเปล่าอันลึกล้ำ “ไปเถอะ”
เขาจากไป ฉันยืนอยู่คนเดียวกลางโถงทางเข้าโอ่อ่า เป็นเหมือนวิญญาณในบ้านของครอบครัวตัวเอง ฉันเดินขึ้นบันไดหลังไปยังห้องเล็กๆ คับแคบที่ถูกเตรียมไว้ให้
ประตูแง้มอยู่ ฉันได้ยินเสียงพ่อแม่คุยกันอยู่ในห้องนั่งเล่นหลักชั้นล่าง
“จัดการให้ยัยนั่นเรียบร้อยรึยัง” เสียงแม่ของฉัน แหลมและหงุดหงิด
“เรียบร้อยครับคุณผู้หญิง เธออยู่ในห้องเก็บของแล้วครับ” พ่อบ้านตอบ
“ดี ขังไว้ในนั้นแหละ เราจะให้ลูกมารบกวนจิตใจเคทไม่ได้ ดอนกำลังไปโรงพยาบาล เขารู้ว่าอะไรสำคัญกว่า”
หัวใจของฉัน ซึ่งฉันคิดว่ามันกลายเป็นหินไปแล้ว รู้สึกเจ็บแปลบขึ้นมาอย่างเย็นเยียบ
ฉันปิดประตูห้องเล็กๆ ของตัวเองแล้วนั่งลงบนที่นอนนุ่มยวบ โทรศัพท์ของฉัน โทรศัพท์ราคาถูกที่ผู้คุมใจดีคนหนึ่งให้มา สั่นขึ้น เป็นอีเมล
หัวข้อเรื่องเขียนว่า: “ตำแหน่งงานลับ - สถาบันวิจัยแห่งชาติ”
มันเป็นข้อเสนอ ตำแหน่งงานในแผนกบูรณะงานศิลปะที่เป็นความลับ ตำแหน่งที่ฉันเคยสมัครไว้เมื่อแปดปีที่แล้ว ก่อนที่ชีวิตของฉันจะถูกขโมยไป มันมาพร้อมกับตัวตนใหม่และแพ็กเกจย้ายที่อยู่
ทางรอด
ฉันพิมพ์ตอบกลับด้วยนิ้วที่สั่นเทา
“ฉันตกลง”
บทที่ 1
วันนี้20:36
บทที่ 2
วันนี้20:36
บทที่ 3
วันนี้20:36
บทที่ 4
วันนี้20:36
บทที่ 5
วันนี้20:36
บทที่ 6
วันนี้20:36
บทที่ 7
วันนี้20:36
บทที่ 8
วันนี้20:36
บทที่ 9
วันนี้20:36
บทที่ 10
วันนี้20:36
บทที่ 11
วันนี้20:36
บทที่ 12
วันนี้20:36
บทที่ 13
วันนี้20:36
บทที่ 14
วันนี้20:36
บทที่ 15
วันนี้20:36
บทที่ 16
วันนี้20:36
บทที่ 17
วันนี้20:36
บทที่ 18
วันนี้20:36
บทที่ 19
วันนี้20:36
บทที่ 20
วันนี้20:36
บทที่ 21
วันนี้20:36
บทที่ 22
วันนี้20:36
บทที่ 23
วันนี้20:36
บทที่ 24
วันนี้20:36
บทที่ 25
วันนี้20:36
บทที่ 26
วันนี้20:36
บทที่ 27
วันนี้20:36
บทที่ 28
วันนี้20:36
บทที่ 29
วันนี้20:36
บทที่ 30
วันนี้20:36
หนังสืออื่นๆ ของ Gavin
ข้อมูลเพิ่มเติม