Login to MeghaBook
icon 0
icon เติมเงิน
rightIcon
icon ประวัติการอ่าน
rightIcon
icon ออกจากระบบ
rightIcon
icon ดาวน์โหลดแอป
rightIcon
นพรัตน์ & ณัชชา

นพรัตน์ & ณัชชา

SHASHAwriter

5.0
ความคิดเห็น
66.9K
ชม
112
บท

“ในเมื่อเราย้อนกลับไปแก้ไขอะไรไม่ได้แล้ว ก็อยากจะขอร้องเธอสักสองเรื่อง...จะได้ไหม” คราวนี้เป็นนพรัตน์ที่ใจคอไม่ดีขึ้นมาบ้าง มองแผ่นหลังของเธอ หยั่งเชิงอึดใจเดียว ถามกลับสั้นๆ “อะไร” “คือ...” เอ่ยขึ้นมาคำหนึ่งอย่างลังเล ก่อนจะหันมองข้ามไหล่สบตากับเขาตรงๆ พูดด้วยน้ำเสียงให้ฟังดูกังวลใจอยู่พอประมาณ “คือตอนนี้เรากำลังคบอยู่กับติน เธอจำตินได้ใช่ไหม เอ่อ ธารินทร์ที่เรียนห้องเดียวกันกับพวกเราน่ะ...และเรากับตินก็มีแพลนจะแต่งงานกันปลายปี” จากใบหน้าที่ดูเฉยเมยของชายหนุ่มค่อยๆแปรเปลี่ยนเป็นขมึงบึ้งตึงในทันที ใบหน้าหล่อเหลาบัดเดี๋ยวแดงบัดเดี๋ยวเขียว แววตาที่จ้องตอบดูคุกคามเอาเรื่อง แล้วก็นิ่งอยู่เป็นนาน พูดอะไรไม่ออกราวกับถูกน็อคด้วยหมัดนุ่ม ๆ ที่ซ่อนก้อนเหล็ก ก้อนเล็กๆ แต่ใส่อัดกันจนแน่นที่ปลายนวมนั่น เห็นท่าทีเขาแล้ว ยิ้มบางๆส่งให้ เอ่ยต่ออีกหน่อย “อยากขอร้องแค่ว่าอย่าพูดเรื่องเมื่อคืนนี้ออกไปจะได้ไหม ขอให้มันจบลงที่นี่” หยุดหน่อยหนึ่ง ประเมินท่าทีของเขาเห็นแววตาเหมือนกับมีกองไฟเต้นเร่าๆในนั้น ก็หลุบตาลง ยิ้มน้อยๆ บอกต่ออีกข้อ “และระหว่างเรา มันจะต้องไม่เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นอีก” ย้ำด้วยเสียงหนัก ๆ ในตอนท้าย “ได้ใช่ไหมนพรัตน์” ในอกในใจเขาเดือดพล่านคล้ายมีคนจุดไฟตั้งเตาอยู่ข้างในนั้น นพรัตน์ยืดตัวตรง สูดลมหายใจเข้าอย่างต้องการระงับอารมณ์ที่เดือดปุดๆ หลังจบคำขอร้องของเธอ มีแพลนจะแต่งงานกับธารินทร์อย่างนั้นหรือ อย่าพูดเรื่องระหว่างเขากับเธอเมื่อคืนนี้อีกอย่างนั้นหรือ และ เรื่องแบบเมื่อคืนนี้จะไม่มีทางเกิดขึ้นอีก...อย่างนั้นหรือ นพรัตน์บิดริมฝีปากลง แล้วว่าเสียงหยัน “ไอ้แว่นมันคงดีใจน่าดู ที่เมียมัน มีประสบการณ์เข้าหอมาแล้ว”

บทที่ 1 1

แรงปะทะเบาๆจากร่างของหญิงสาวสองคนตรงหัวมุมหน้าทางเข้าห้องน้ำของชั้นบนสุดในห้างสรรพสินค้าชื่อดังกลางเมืองทำเอาทั้งคู่ชะงักงันกันไปเป็นครู่ ก่อนที่อีกฝ่ายจะก้มหน้าเตรียมเดินหลบ แต่อีกคนมองจ้องนิ่งอึดใจเดียว รีบเรียกเอาไว้ก่อนที่ทางนั้นจะทันได้พ้นไปจริงๆ ราวกับไม่อยากทักทายเพื่อนสมัยเรียนอย่างไรอย่างนั้น

คนอัธยาศัยดีกว่าร้องเรียกเพื่อนอย่างร้อนรน

“เดี๋ยวค่ะ ณัช ณัชชาใช่ไหม”

หญิงสาวเจ้าของชื่อ ‘ณัชชา’ ที่อีกฝ่ายออกปากเรียกหยุดแล้วหันมายิ้มบางๆ ดูฝืนชอบกล ทักกลับเสียงเบาอย่างเสียมิได้

“อ้าว ว่าไงปูนิ่ม”

“โหย ดีใจอ่ะ จำชื่อเราได้ด้วย นี่ไม่เจอกันนานแค่ไหนแล้วเนี่ย ตั้งแต่จบมอหกเลยไหม”

ด้วยพื้นฐานนิสัยไม่ใช่คนช่างพูด จึงทำเพียงยิ้มน้อยๆตอบไปเท่านั้น แม้จะไม่ได้อยู่ห้องเดียวกัน แต่ทั้งสองเรียนในระดับชั้นเดียวกัน เคยทำกิจกรรมร่วมกันบ่อยครั้ง ตั้งแต่สมัยเรียนมัธยมศึกษาตอนต้นถึงตอนปลาย

‘ปูนิ่ม’ หรือ ‘อัญจารีย์’ รีบชวน

“ว่างไปนั่งคุยกันก่อนไหมณัช”

รอยยิ้มยังคงประดับอยู่บนใบหน้า ตอบออกไปตามจริง

“เราต้องทำงานน่ะปูนิ่ม”

อัญจารีย์มองเครื่องแบบของอีกฝ่ายที่เป็นชุดสูทเสื้อกางเกงขายาวสีเทาแต่งขอบดำ คลับคล้ายจะเป็นพนักงานในสถานเสริมความงามมีชื่อบนชั้นนั้น ก็พยักหน้าอย่างพอเข้าใจว่าเพื่อนคงปลีกตัวไปนั่งดื่มตามคำชวนไม่ได้ แล้วเลยขอเบอร์โทรศัพท์เพื่อใช้ติดต่อกันก่อนแยกตัวจากมา

หญิงสาวเจ้าของชื่อเล่นปูนิ่ม พาตัวเองลงไปยังด้านล่างสุดของตัวห้างสรรพสินค้า ผ่านทางออกสู่ด้านนอก มองขึ้นไปบนฟ้าตอนนี้เริ่มมืดลงมากกว่าตอนที่มาถึง เหมาะสมกับเวลาที่ล่วงเข้าทุ่มห้าสิบพอดิบพอดี แต่กระนั้นถนนด้านหน้ายังคงคึกคักด้วยยวดยานพาหนะและผู้คนที่เดินขวักไขว่กันอยู่ ยืนรอที่ทางเท้าไม่นาน รถคันหรูสีดำปาดเข้ามาจอดขนาบตรงที่ยืนคอย จึงเปิดประตูขึ้นนั่งที่เบาะด้านข้างคนขับ เจ้าของรถพาสี่ล้อคันงามออกสู่ถนนเบื้องหน้าในทันที

“ตรงเวลามาก...ค่ะคุณนพ”

แสร้งลากเสียงยาวยียวนใส่สารถีรูปงาม ชายรองของบ้านอัศวหาญญ์วรกุล ผู้ซึ่งขึ้นชื่อว่าหน้าตาดีกว่าพี่กว่าน้องที่เหลือ นพรัตน์ประคองพวงมาลัยรถยนต์ เหลือบมองหญิงสาวเบาะด้านข้างถามเนิบๆ

“ได้อะไรมาบ้าง”

“ไม่ได้อะไรเลยคุณนพ กระเป๋าที่ปูนิ่มจองไว้ ร้านไม่ยอมเช็คของก่อน สายมันนะด้ายรุ่ยเชียว ดีที่ปูนิ่มตาไวเห็นเข้าเลยบอกเขาว่าไม่เอาแล้ว แกล้งทำหน้าบึ้งๆด้วยแหละ เท่านั้นเอ๊ง...เขารีบให้ส่วนลดปูนิ่มเลย ส่วนรุ่นใหม่ที่กำลังจะมาอ่ะนะ ปูนิ่มก็ห้าสิบห้าสิบ ไม่ได้ชอบมากเท่าไร ร้านกระซิบบอกส่วนลดแล้วก็เลยว่าอะๆเอาก็ได้ เขาบอกจะรีบส่งมาให้ไม่เกินสามวันนี้ค่ะ”

“ทั้งร้านมีใบเดียว?” เสียงถามแม้ฟังว่าเรียบแต่คนฟังสัมผัสได้ว่าอีกฝ่ายกำลังยียวนตน ยิ้มแล้วก็ว่า

“แหม มันก็มีหลายใบอยู่หรอก แต่รุ่นที่ปูนิ่มอยากได้ มันมีใบเดียวไง” บอกจบ เมินออกไปมองด้านนอกรถ ค่อยเอ่ยขึ้นเสียงเบาลงผิดวิสัย “ปูนิ่มเจอเพื่อนด้วยนะคุณนพ”

ชายหนุ่มทิ้งช่วงไปอึดใจใหญ่ๆ กว่าจะถามออกมาได้

“ใคร”

“ณัชชา”

อัญจารีย์ตอบออกไปแล้ว ก็ไม่รู้ว่าคิดไปเองหรือไม่ ว่าบรรยากาศบนรถอึมครึมลงเล็กน้อย แล้วเลยจ้องอีกฝ่ายนิ่งๆ ถามเขากลับ “คุณนพจำณัชชาได้ไหม คุณห้องเดียวกับเขานี่ เด็กห้องคิงไม่ใช่หรือไง”

ชายหนุ่มเจ้าของรถหรูหัวใจกระตุกวูบขึ้นจังหวะหนึ่งพร้อมสะดุดลมหายใจของตัวเอง ไม่ตอบอะไรอีกฝ่าย เจ้าหล่อนเลยขยับตัวมองหน้าชายหนุ่มจริงจัง หรี่ตาก่อนว่า

“จำไม่ได้จริงอ่ะ แล้วว่าแต่ปูนิ่มความจำสั้น”

ชายรูปงามเจ้าของรถยังคงนิ่ง อัญจารีย์เย้าต่อไม่ยอมให้จบง่ายๆ “ไม่เห็นถามเหมือนทุกทีเวลาปูนิ่มเจอเพื่อนคนอื่นเลยล่ะว่าสวยขึ้นไหม อกตู้มหรือเปล่า ไม่ก็ก้นเด้งมากไหม แปลกนะเนี่ย” ถามจบเอียงคอมองจ้องหน้าด้วยสายตาจับผิด

นพรัตน์ผินหน้าไปมองทางอื่นชั่วคราว ถามให้ตัวเองหลุดพ้นจากอาการน่าสงสัยของหญิงสาวข้างกาย

“สวยไหม”

อัญจารีย์เลยเลิกให้ความสนใจกับท่าทีของชายหนุ่ม ขยับนั่งตัวตรงมองไปที่ถนนด้านหน้า นิ่งคิดครู่เดียว ตอบออกไป

“ถ้าเทียบกับตอนเรียน ปูนิ่มว่าตอนนั้นณัชชาเธอดูน่ารักกว่านี้เยอะเลยนะ เมื่อกี๊ตอนเจอกันเธอก็ดูสวยดีอยู่หรอก แต่แววตาดูซึมๆยังไงไม่รู้ ไม่สดใส ปูนิ่มว่าณัชชาเธอดูผอมไปหน่อยด้วยแหละ”

คนจำใจถามครางรับสั้นๆ “อือม์”

“นี่คุณนพ ไม่อยากเม้าเพื่อน ถึงเธอจะผอมแต่อกเธอตู้มมากเลยนะ”

ว่าจบได้ยินชายหนุ่มทำเสียงอย่างหนึ่งในลำคอ เลยหัวเราะเบาๆ หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเลื่อนบนหน้าจอไปมาบอกทั้งที่ยังก้มหน้าอยู่

“ปูนิ่มขอเบอร์มาด้วย กะว่าจะเอาไว้โทรคุยกัน เลี้ยงรุ่นรอบนี้ต้องลากณัชชาไปให้ได้เลยคอยดู”

อัญจารีย์เงียบไปอึดใจเดียว บอกต่ออีกคล้ายระลึกถึงความหลัง

“ณัชชาเนี่ยเป็นคนเดียวในรุ่นมั้งเนอะคุณนพที่ติดต่อไม่ได้เลย เห็นไหมมัวแต่โม้ ลืมถ่ายรูปคู่ด้วยกันเอาไว้เป็นหลักฐาน จะได้เอาไปบอกคนอื่นๆได้ว่าอิฉันพบเพื่อนที่ตามตัวยากสุดแล้วจริงๆ”

“เขายอมหรือไง”

“ยอมอะไรคะคุณนพ ยอมให้ถ่ายรูปอ่ะ”

“อือม์”

“ไม่รู้สิ อิฉันก็เนียนๆไปสิคะ นี่ยังจำได้เลยนะ สมัยนั้นน่ะ ณัชชาเธอคบใครที่ไหน แต่แอบเห็นนะว่ามีคนไปวอแวกับนุ้งณัชเพื่อนน้อยอยู่คนหนึ่ง หึงนะคะรู้ไหม”

อัญจารีย์เรียกฉายาบุคคลที่สามที่เพื่อนคนอื่นตั้งสมญานามให้พร้อมรอยยิ้มแปลกๆบนใบหน้าของเจ้าหล่อน ปรายตามองนพรัตน์อย่างต้องการให้รู้ว่าตนระแคะระคายเรื่องซุบซิบสมัยเรียนมัธยมปลายเช่นกัน

“แล้วไง”

เสียงถามเย็นชาแต่ยอกย้อนคล้ายร้อนตัวของชายหนุ่ม ทำเอาอัญจารีย์ยิ้มกริ่มขึ้นในทันที ว่ากลับด้วยท่าทีสบายอกสบายใจ

“ไม่แล้วไงหรอก ใครจะกล้าแล้วไงกับคุณนพล่ะคะ”

“ชักพูดมากแล้วเนี่ย ลงเลยไหม”

“เอะอะไล่ลงรถตลอด เกลี๊ยดเกลียด”

“เดี๋ยวเตรียมตัวลงเลย ส่งข้างหน้านี่แล้วกัน”

ว่าจบเลื่อนมือเร่งเสียงเพลงลูกกรุงของนักร้องชื่อดังในตำนานบนพวงมาลัยรถยนต์ อัญจารีย์มุ่ยหน้าบ่นพึม “เปลี่ยนเพลงเถอะคุณนพ ฟังอะไรก็ไม่รู้คอนทราสกับคนกับรถมากๆเลย”

ชายหนุ่มเมิน แล้วมองออกไปที่ด้านนอกรถไม่พูดอะไรต่อ จ้องไฟจราจรตรงแยกใหญ่ใจกลางมหานครนิ่งราวกับมันเป็นสิ่งมหัศจรรย์อยู่เป็นนาน พร้อมความทรงจำในอดีตที่วาบผ่านเข้ามาในหัวของเขา พยายามลืมเลือนมันไปหลายครั้งแล้วแต่ก็ทำไม่ได้เลยสักครั้งเดียว

อ่านต่อ

หนังสือที่คุณอาจชอบ

หนังสืออื่นๆ ของ SHASHAwriter

ข้อมูลเพิ่มเติม
บท
อ่านเลย
ดาวน์โหลดหนังสือ