เพราะถูกเข้าใจผิดคิดว่าจะมาเป็นภรรยาคนใหม่ ทำให้บุตรชายเพียงคนเดียวอย่าง "จิรัฎฐ์" ไม่ยอมรับเเละพยายามข่มขู่หญิงสาวด้วยวิธีต่าง ๆ เพื่อให้ออกไปจากชีวิตบิดา แต่กลายเป็นว่าเขากลับติดใจบทลงทัณฑ์ซะเอง
บทนำ
ภายในห้องทำงานสี่เหลี่ยมขนาดใหญ่ของหม่อมหลวงณรงค์ฤทธิ์เจ้าของบริษัทอสังหาริมทรัพย์...บรรยากาศอัดแน่นเต็มไปด้วยความเครียด แม้แต่แอร์เย็นๆ ที่พัดลงกระทบผิวยังไม่ช่วยทำให้ใจของเขานั้นดูเย็นแต่อย่างใด
‘วาดคุณต้องฟังที่ผมอธิบายก่อนนะ สิ่งที่คุณเห็นที่คุณได้ยินคุณกำลังเข้าใจผิด’ เสียงของผู้เป็นสามีเอ่ยขึ้น เพราะตนนั้นยังไม่ได้ทันจะบอกความจริงให้ภรรยาฟังนั้นก็กลับมีเรื่องขึ้นมาเสียก่อน
‘อธิบายหรือคะ เราอยู่ด้วยกันมายี่สิบกว่าปี จนป่านนี้ตาเพลิงโตจะมีครอบครัวแล้ว แล้วคุณยังคิดจะมีเล็กมีน้อยอีกหรือคะ’ ธัญพิมลผู้เป็นภรรยามองใบหน้าสามีด้วยความผิดหวังและเสียใจ เพราะหล่อนเองไม่เคยคิดว่าสามีนั้นจะเก็บเงียบมีเล็กมีน้อยมานานโดยที่ตัวเองไม่เคยรู้มาก่อนเลย
‘มันไม่จริงนะ ข่าวที่คนอื่นพูดมาเป็นแค่เรื่องที่เขาเล่าปากต่อปาก คุณต้องฟังผมอธิบายนะวาด เด็กคนนั้น...’
‘จะให้วาดฟังคุณว่าเด็กคนนั้นเป็นกิ๊กคุณหรือคะ ทำไม…ทำไมคุณถึง...’ ธัญพิมลมองใบหน้าของสามีด้วยความเจ็บปวด
ใบหน้าของธัญพิมลเริ่มแสดงการการอึดอัดออกมา การหายใจเริ่มติดขัดและมือเรียวที่เริ่มเหี่ยวย่นเกาะกุมที่หน้าอกด้วยสีหน้าทรมาน หม่อมหลวงณรงค์ฤทธิ์ผู้เป็นสามีเดินเข้าไปหาภรรยาที่รักด้วยสีหน้าตกใจและเป็นห่วงเมื่อเห็นอาการกำเริบของภรรยา
‘ออกไป ไม่ต้องมาแตะตัววาด!’ ธัญพิมลใช้มืออีกข้างผลักสามีออก ใบหน้าของหล่อนเริ่มอิดโรยและซีดเข้าไปทุกที สายตามองชายหนุ่มที่รักอย่างตัดพ้อด้วยความเจ็บปวดทั้งกายและใจ ไม่คิดว่าสามีที่อยู่ร่วมทุกร่วมสุขกันมานานจะทำร้ายหล่อนได้มากขนาดนี้
‘วาด ที่จริงแล้วเด็กคนนั้นคือ...’
เสียงบทสวดอภิธรรมงานศพที่ทุกคนต่างมาร่วมงานด้วยความเศร้าโศกเสียใจกับการจากไปของภรรยาหม่อมหลวงณรงค์ฤทธิ์ จตุรัตน์หัสโยธิน ป่วยเป็นโรคหัวใจวายเฉียบพลัน พร้อมไปด้วยเสียงซุบซิบนินทาต่างๆ นานาในแง่ลบและแง่บวก
บรรยากาศที่เต็มไปด้วยความหมองเศร้าโดยเฉพาะจิรัฎฐ์ บุตรชายวัยยี่สิบเจ็ดปี คนเดียวของของตระกูลที่ร้องไห้เสียใจกับการจากไปของมารดาอย่างกะทันหันทั้งที่ไม่ควรจะเกิดขึ้น
สายตาคมของเหลือบไปมองหญิงสาวเจ้าของร่างเล็กที่กำลังเดินเข้ามาในงานในชุดนิสิต ชายหนุ่มลุกขึ้นจากที่นั่งเดินตรงเข้ามาหาเธอด้วยสายตาที่เกลียดชัง แต่ทว่าเขากลับทำอะไรไม่ได้ทั้งที่ใจนั้นอยากจะไล่หญิงสาวออกไปจากงานนี้ก็ตาม
จิรัฎฐ์ปรายตามองหญิงสาวร่างเล็กที่เดินเข้าไปหาบิดาด้วยความ ขุ่นเคือง มือแกร่งกำหมัดแน่นแทบอยากจะฟาดไปที่กำแพงแรงสักทีเพื่อระบายความเจ็บแค้นที่อยู่ข้างในอกออกมา เขาเกลียดพวกผู้หญิงที่หวังจะสบายทางลัด ก็แค่พวกผู้หญิงไร้ค่า
ชายหนุ่มสูดหายใจเข้าลึกๆ เพื่อระบายความโกรธแค้นที่อยู่ในใจเขาออก แต่ดูเหมือนว่าจะไม่ได้ช่วยให้เขาดีขึ้นแม้แต่น้อย กลับยิ่งทำให้เขาแทบคลั่งเข้าไปอีก สุดท้ายแล้วจิรัฎฐ์ทนความอึดอัดต่อไปไม่ไหว เขาตัดสินใจเดินเข้าไปหาบิดาที่กำลังยืนคุยกับหญิงสาวอยู่
“ดูท่าทางจะคุยกันสนุกดีนะครับ” จิรัฎฐ์เอ่ยขึ้นพลางจ้องหญิงสาวที่ยืนข้างบิดาด้วยสายตารังเกียจดูแคลน
“ตาเพลิง” หม่อมหลวงณรงค์ฤทธิ์กล่าวตักเตือนบุตรชายด้วยคำพูดผ่านทางสายตา
พาขวัญ หญิงสาวเจ้าของใบหน้าเรียวสวย ดวงตากลมสีน้ำตาลดำ ผมตรงสีดำที่ถูกรวบเป็นจุกหางม้าอยู่ทางด้านหลังมองชายหนุ่มผู้ขึ้นชื่อว่าเป็น บุตรของผู้มีพระคุณของเธอด้วยความหวั่นกลัวในใจ
“เพลิง! หยุดพูดอะไรไร้สาระได้แล้ว อย่าหาว่าฉันไม่เตือน!” จิรัฎฐ์ได้แต่ขบฟันกรามเก็บความแค้นไว้ในใจรอเวลาที่จะชำระ สายตาคมของเขาปรายตามองหญิงสาวที่ก้มหน้าต่ำลงพลางแสยะยิ้มออกมาด้วยความสมเพชและเหยียดหยาม ก่อนจะก้าวเดินจากไปทั้งที่ใจเขาไหม้แทบเผาหญิงสาวที่ยืนอยู่ข้างบิดาให้เป็นจุล
หม่อมหลวงณรงค์ฤทธิ์สายหน้าให้กับบุตรชายที่คิดแค้นเรื่องไม่เป็นเรื่อง ทั้งที่จริงแล้วภรรยาของเขาไม่ได้เสียชีวิตเพราะพาขวัญแม้แต่น้อยแต่เป็นเพราะอาการกำเริบเฉียบพลันทำให้ไม่สามารถรักษาชีวิตภรรยาที่รักไว้ได้
“คุณลุงคะ หนูขอโทษที่เป็นเหตุทำให้...”
ไม่แปลกเลยที่เธอรู้จักเขา ถึงแม้จะไม่เคยคุยกันตรงๆ สักที แต่สายตาของเขามองมาที่เธอทุกครั้ง เต็มไปด้วยความเยือกเย็นและน่ากลัว ครั้งแรกที่พบกับเขาเพราะว่าหม่อมหลวงณงค์ฤทธิ์พามาให้รู้จัก ในตอนที่บริจาคช่วยทุนการศึกษาเธอ
“ไม่ใช่ความผิดของหนูจีนหรอก เพราะเจ้าเพลิงใจร้อนชอบเข้าใจอะไรผิดน่ะ อย่าไปสนใจเลย” ชายหนุ่มวัยกลางคนอายุราวๆ สี่สิบห้าปีเอ่ยขึ้นพร้อมกับยิ้มให้พาขวัญด้วยรอยยิ้มที่อ่อนโยน
“ค่ะ ขอบคุณคุณลุงมากจริงๆ นะคะ ที่ช่วยเหลือหนูตั้งมากมาย”
พาขวัญยกมือขึ้นไหว้ขอบคุณพลางยิ้มให้ก่อนหันไปสบกับสายตาคมที่จ้องมองเธอไม่วางด้วยความเคียดแค้น
“แล้วนี่หนูมายังไงล่ะ”
“เพิ่งเลิกเรียนเลยนั่งรถเมย์และข้ามสะพานจากฝั่งด้านโน้นมาค่ะ” เธอพูดพลางยกมือชี้ให้
“งั้นเดี๋ยวลุงจะแวะไปส่งหนูที่หอก่อน ดึกๆ กลับบ้านคนเดียวมันอันตราย”
“ไม่ต้องหรอกค่ะหนูเกรงใจ แค่นี้หนูไม่รู้จะตอบแทนบุญคุณของคุณลุงยังไงแล้วค่ะ”
พาขวัญพูดปฏิเสธพลางส่ายหน้าด้วยความเกรงใจ เพราะที่ผ่านมาหม่อมหลวงณรงค์ฤทธิ์ ช่วยอุปถัมภ์เธอด้านการศึกษาและเงินทุนมาโดยตลอด
“ไม่ต้องหรอก ฉันช่วยเธอเพราะว่าฉันอยากช่วย แล้วนี่ปีนี้เรียนจบแล้วใช่ไหมล่ะ จะไปทำงานที่ไหนหาไว้หรือยัง”
“หาไว้แล้วค่ะ แต่ยังไม่ได้งานเลยค่ะ งานสมัยนี้หายากค่ะ”
หญิงสาวพูดด้วยน้ำเสียงปนเศร้า เธอรู้ว่าการหางานทำในสมัยนี้ช่างยากลำบากเสียจริง เธอยังไม่รู้เลยด้วยซ้ำว่าเรียนจบแล้วจะเป็นยังไงต่อ ทำไมสรรค์ไม่ยุติธรรมกับเธอเลย บางคนเกิดมาพร้อมกับหน้าตาและฐานะร่ำรวย แต่นี้เธอเกิดมาพร้อมกับความยากจน
“งั้นไว้หนูเรียนจบแล้วย้ายมาทำงานที่บริษัทพร้อมกับย้ายมาอยู่ที่บ้านของลุงเลยดีไหม” หม่อมหลวงณรงค์ฤทธิ์เอ่ยขึ้นด้วยความเห็นใจ เขาอยากจะช่วยเด็กสาวคนนี้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้เพื่อชดใช้กับสิ่งที่เขาเคยทำผิดเอาไว้อย่างไม่น่าให้อภัย
พาขวัญเมื่อได้ยินก็ตกใจกับข้อเสนอของหม่อมหลวงณรงค์ฤทธิ์ แต่เธอไม่อาจที่จะรับไว้ได้อีกแล้ว
“ไม่ค่ะ หนูไม่อยากรบกวนคุณลุงมากไปกว่านี้อีกแล้ว”
“ลุงไม่ถือว่ารบกวนหรอกนะ ลุงดีใจที่ได้หนูเป็นคนเก่งเข้ามาช่วยงาน เอาเป็นว่าเพื่อความสบายใจลุงจะหักเงินเดือนหนูทุกเดือนเดือนล่ะยี่สิบเปอร์เซ็นไว้เป็นค่าที่อยู่โอเคไหม” หม่อมหลวงณรงค์ฤทธิ์กล่าวขึ้นเพราะว่าพาขวัญนั้นเรียนได้เกรดดีมาตลอด
“แต่...”
“เอาเป็นว่าตกลงตามนี้น่ะ ลุงดีใจที่หนูมาอยู่เป็นครอบครัวเดียวกัน”
“คุณลุงคะ แต่หนูรับไว้ไม่ได้จริงๆ ค่ะ” หญิงสาวเอ่ยขึ้นปฏิเสธอีกครั้งด้วยความเกรงใจต่อผู้มีพระคุณของเธอ
“เอาเป็นว่ารับไว้เถอะ ลุงให้หนูด้วยความเต็มใจ ถ้าหนูไม่รับไว้ลุงรู้สึกเสียใจนะ” เป็นคำที่เธอไม่สามารถปฏิเสธได้เลยจริงๆ พาขวัญได้แต่พยักหน้ารับพร้อมกับยกมือไหว้ขอบคุณอีกครั้ง
“ขอบคุณนะคะ คุณลุงที่ดูแลและช่วยเหลือหนูมาตลอด”
“ไม่เป็นไร ลุงเห็นหนูเหมือนลูกสาวคนหนึ่งมาตลอด” พาขวัญได้แต่ยิ้มรับกล่าวขอบคุณหลายต่อหลายครั้ง
จิรัฎฐ์มองบิดาที่ยืนคุยอยู่กับหญิงสาวด้วยความหงุดหงิดใจ เขาแทบอยากจะเดินเข้าไปลากเธอออกจากงานด้วยซ้ำ!
คิดหรือว่าทุกอย่างจะจบเพียงเท่านี้ เพราะคนอย่างเขา ต้องชำระแค้นกับผู้หญิงคนนี้ อย่างคิดว่าจะเลื่อนขั้นยกตัวเองเป็นเมียคนใหม่ของบิดาเขาไม่มีทางให้มันเกิดขึ้นเด็ดขาด!
บทที่ 1 บทนำ
03/01/2022
บทที่ 2 Chapter 1
03/01/2022
บทที่ 3 Chapter 2
03/01/2022
บทที่ 4 Chapter 3
03/01/2022
บทที่ 5 Chapter 4
03/01/2022
บทที่ 6 Chapter 5
03/01/2022
บทที่ 7 Chapter 6
03/01/2022
บทที่ 8 Chapter 7
03/01/2022
บทที่ 9 Chapter 8
03/01/2022
บทที่ 10 Chapter 9
03/01/2022
บทที่ 11 Chapter 10
03/01/2022
บทที่ 12 Chapter 11
03/01/2022
บทที่ 13 Chapter 12
03/01/2022
บทที่ 14 Chapter 13
04/01/2022
บทที่ 15 Chapter 14
04/01/2022
บทที่ 16 Chapter 15
04/01/2022
บทที่ 17 Chapter 16
04/01/2022
บทที่ 18 Chapter 17
04/01/2022
บทที่ 19 Chapter 18
04/01/2022
บทที่ 20 Chapter 19
04/01/2022
บทที่ 21 Chapter 20
04/01/2022
บทที่ 22 Chapter 21
04/01/2022
บทที่ 23 Chapter 22
04/01/2022
บทที่ 24 Chapter 23
04/01/2022
บทที่ 25 Chapter 24
04/01/2022
บทที่ 26 Chapter 25
04/01/2022
บทที่ 27 Chapter 26
04/01/2022
บทที่ 28 Chapter 27
04/01/2022
บทที่ 29 Chapter 28
04/01/2022
บทที่ 30 Chapter 29
04/01/2022
บทที่ 31 Chapter 30
04/01/2022
บทที่ 32 Chapter 31
04/01/2022
บทที่ 33 Chapter 32
04/01/2022
บทที่ 34 Chapter 33
04/01/2022
บทที่ 35 Chapter 34
04/01/2022
บทที่ 36 Chapter 35
04/01/2022
บทที่ 37 Chapter 36
04/01/2022
บทที่ 38 Chapter 37
04/01/2022
บทที่ 39 Chapter 38
04/01/2022
บทที่ 40 Chapter 39
04/01/2022
หนังสืออื่นๆ ของ Mamaya Writer
ข้อมูลเพิ่มเติม