บุปผางามซ่อนรัก

บุปผางามซ่อนรัก

ManaMi

5.0
ความคิดเห็น
36.5K
ชม
73
บท

นาง...ศิษย์สำนักเต๋า เรียบร้อยดุจผ้าขาวที่พับไว้ เขา...เจ้าสำนักดินแดนตะวันตก ดิบเถื่อนและไม่ไว้หน้าใคร เมื่อนางต้องมาพบกับเขา ความอดทนและความเป็นกุลสตรีของนางต้องแตกออกเป็นเสี่ยงไม่รู้กี่รอบต่อกี่รอบ! “อยู่กับข้าไม่ดีตรงไหน ข้าเป็นถึงเจ้าสำนักเสือขาว เป็นลูกบุญธรรมของข่านเผ่าทูเจวี๋ย หน้าตาหล่อเหลา มีวรยุทธ์สูงส่ง เจ้าคิดว่าข้ายังไม่ดีพอสำหรับเจ้าอีกหรือ” ชายหนุ่มกล่าว “ข้าไม่สน” นางตอบกลับโดยไม่หยุดคิด คราวนี้เขาไม่พูดอะไรอีก ยอมปล่อยมือจากนางแต่โดยดี หนำซ้ำยังลุกขึ้นยืน มือเกี่ยวบนขอบกางเกงซึ่งเป็นอาภรณ์ชิ้นเดียวบนตัวของเขา ดวงตาก็มองจดจ่อบนใบหน้าของนาง ระหว่างที่นางมองเขาอย่างไม่เข้าใจ เขาก็ถอดกางเกงของตนต่อหน้าต่อตานางโดยไม่มีการบอกกล่าวล่วงหน้า หญิงสาวลืมตัวเบิกตามองส่วนสงวนของเขาเต็มๆ คนเปลือยเปล่าล่อนจ้อยต่อหน้านางกลับไม่สะทกสะท้าน ยังหันกลับมากำชับนาง “ข้าจะอาบน้ำ อย่าแอบดูข้าล่ะ” หญิงสาวหน้าแดงแจ๋ เปล่งเสียงคำรามใส่ด้วยความเดือดดาล ก่อนจะวิ่งออกจากห้องไปทันที “สายตาของข้าแปดเปื้อนแล้ว คนสารเลว!”

บทที่ 1 รับคำสั่ง

‘เกิดเป็นมนุษย์ล้วนแล้วแต่มีโชคชะตาที่เปลี่ยนแปลงได้ตลอด สวรรค์ไม่เคยอนุญาตให้ใครได้มีช่วงเวลาสงบสุขนานนักหรอก นี่แหละคือความเป็นมนุษย์ละ’

นั่นก็คือคำสอนยาวเหยียดของเจ้าสำนักอู๋เล่ยซิงในยามที่ศิษย์ในสำนักตะโกนโทษดินฟ้าเมื่อพบเจอกับปัญหาที่คิดไม่ตก... ก็เหมือนกับที่นางกำลังประสบพบเจอในตอนนี้นี่ไง!

ไป๋หลันคือศิษย์สำนักเต๋าซานเหลิงที่ขึ้นชื่อเรื่องรักความสงบมากที่สุด ในทางเดียวกัน นางก็เป็นคนที่ใจอ่อนกับศิษย์พี่ศิษย์น้องในสำนักมากที่สุดเช่นกัน ในเมื่อศิษย์น้องจู่ๆ ก็ล้มป่วยออกทำภารกิจไม่ได้ สำหรับไป๋หลัน นางรู้ดีเชียวละว่าศิษย์น้องคนนี้มิได้ป่วย ก็แค่เกิดปอดแหกขึ้นมาเท่านั้นเอง

หญิงสาวคิดพลางแหงนหน้ามองท้องฟ้า ชายเสื้อและชายกระโปรงสีขาวขยับไหวยามกระแสลมพัดผ่าน ทั้งสีหน้าและแววตาของนางแสดงว่ากำลังลังเล นางไม่แน่ใจว่าควรจะเดินหน้าต่อหรือถอยหลังกลับดี ทั้งที่รับปากศิษย์น้องคนที่สามไปแล้วแท้ๆ ว่านางจะทำภารกิจแทนให้สำเร็จ หากแต่ว่าเมื่อนางมาถึงดินแดนตะวันตก นางกลับเกิดความลังเลที่จะทำหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายเสียอย่างนั้น

เมื่อไม่นานนี้เอง เจ้าสำนักอู่เล่ยซิงถูกราชสำนักวานให้สืบเรื่องเภทภัยทางดินแดนตะวันตก ตอนแรกนางและศิษย์คนอื่นๆ เข้าใจว่าเภทภัยในที่นี้ก็คือภูตผีปีศาจ ศิษย์น้องคนที่สามมีความเชี่ยวชาญเรื่องไล่ผีจับปีศาจ เหตุนี้นางจึงถูกเลือก แต่ต่อมาเมื่อรู้ว่าเภทภัยนี้ไม่ได้เกิดจากภูตผี ศิษย์น้องคนที่สามจึงล้มป่วยกะทันหัน!

เรื่องนั้นยืนยันได้เมื่อนางเดินทางมาถึงเมืองซาเป่ย ตลอดทางนางได้ยินคนพูดถึงโจรทะเลทรายมากกว่าปีศาจร้ายเสียอีก

และสิ่งที่ทำให้นางลังเลว่าจะก้าวต่อไปข้างหน้าดีหรือไม่ หาใช่เพราะนางเกิดความหวาดกลัวเหมือนศิษย์น้องคนที่สามแต่อย่างใด นางเพียงแค่กลัวว่าหากจวนตัวจนเกิดการต่อสู้ นางก็ไม่อยากลงมือต่อสู้จนฝ่ายนั้นต้องบาดเจ็บหรือล้มตาย นั่นนับว่าเป็นบาปมหันต์ หากอีกฝ่ายเป็นภูตผี พลาดพลั้งมือไปก็ถือว่าเป็นอีกเรื่องหนึ่งมิใช่หรือ

จะบอกว่านางมั่นใจในฝีมือตนเองก็ได้ แต่สำนักเต๋าซานเหลิ่งมิใช่สำนักหญิงล้วนกระจอกๆ ที่จะพ่ายให้กับโจรผู้ร้ายหรือผีสางง่ายๆ แต่สิ่งที่ทำให้วิตกมากกว่าก็คือการกลัวว่าตนจะพลั้งเผลอกระทำบาป

นางถอนใจอีกระลอก แล้วบ่นงึมงำ

“เภทภัยอะไรกัน ก็แค่กลุ่มโจรทะเลทรายเองไม่ใช่หรือ ให้ทางการจัดการก็ได้แล้วนี่นา”

“แม่นาง เจ้าไม่รู้อะไร กลุ่มโจรทะเลทรายพวกนี้ไม่ใช่โจรกระจอกๆ นะ” ท่านป้าที่เดินผ่านมาได้ยินเข้าพอดี นางหยุดและพูดราวกับว่าคนมาใหม่อย่างนางช่างไม่รู้อะไรเอาเสียเลย!

“ทำไมหรือท่านป้า โจรกลุ่มนี้น่ากลัวอย่างไรเจ้าคะ” ไป๋หลันไม่รู้จะพูดอะไร รู้เพียงว่านางเผลอพูดสิ่งที่ไม่สมควร จึงทำแต่ได้เออออและถาม

“หัวหน้าโจรกลุ่มนี้ไม่ใช่คนธรรมดา” พูดแล้วท่านป้าก็มองซ้ายขวา ทำท่าอยากพูดให้มากกว่านี้ แต่ก็ติดว่าจะมีใครมาได้ยินเข้า เมื่อเห็นรอบด้านไม่มีใครสนใจพวกนาง ท่านป้าก็พูดต่อ “พูดไปแล้วก็เหยียบไว้ตรงนี้เลยนะ ข้าได้ยินมาว่าโจรทะเลทรายกลุ่มนี้ แม้แต่ทางการก็ยังไม่กล้าจัดการ หัวหน้าของมันไม่ใช่มนุษย์ธรรมดาด้วยซ้ำ หืม... บางคนล่ำลือว่าคนคนนี้กินเลือดสดๆ แทนน้ำ กินเนื้อหนังของหญิงสาวเป็นอาหาร อี๋... ข้าไม่พูดแล้ว ขนลุก!”

“จริงหรือท่านป้า”

ไป๋หลันมีสายตาที่แสดงออกว่าสนใจ

“หากเจ้าไม่เชื่อที่ข้าพูดก็ลองไปหาข่าวที่เมืองหู่ต้าและเมืองเหอเถียนดูสิ ทั้งสองเมืองนั้นก็ถูกโจรกลุ่มเดียวกันนี้รุกราน เห็นว่าหญิงสาวหายไปรายวันเชียวนะ” ท่านป้ามองนางตั้งแต่หัวจรดเท้า “แต่เจ้าก็เถอะ เป็นสาวเป็นนางอย่าไปเลยจะดีกว่า คนต่างถิ่นเยี่ยงเจ้าเป็นสิ่งที่พวกมันชอบนัก”

ไป๋หลันยิ้มอย่างลำบากใจ ความจริงนางมาที่นี่ก็เพื่อสืบเรื่องนี้ หากนางไม่ไปแล้วจะนำข่าวอะไรกลับไปรายงายกับเจ้าสำนักกันล่ะ

คิดอยู่ชั่วครู่ นางก็ประสานมือค้อมศีรษะให้หญิงสูงวัยด้วยท่าทางจอมยุทธ์หญิง

“ขอบคุณท่านป้าที่เป็นห่วงข้าเจ้าค่ะ”

ท่านป้าพยักหน้าหงึกๆ จากนั้นก็เดินเลี่ยงออกไป

ไป๋หลันครุ่นคิดต่อ มีหญิงสาวหายตัวไปหลายรายเชียวหรือ มิหนำซ้ำยังมีข่าวลือว่าพวกมันกินเลือดสดๆ ต่างน้ำหรือกลุ่มโจรพวกนี้จะไม่ธรรมดา หรือว่า... จะเป็นภูตผี

แต่ไม่ว่าจะเป็นภูตผีปีศาจหรือเป็นฝีมือของมนุษย์ นางตั้งมั่นแล้วว่าต้องตามสืบให้สำเร็จ ก็นี่เป็นหน้าที่ของนางนี่!

อ่านต่อ

หนังสืออื่นๆ ของ ManaMi

ข้อมูลเพิ่มเติม
จอมมารกับผู้กล้าเป็นของคู่กันไม่ใช่เหรอ?

จอมมารกับผู้กล้าเป็นของคู่กันไม่ใช่เหรอ?

เมืองแฟนตาซี

5.0

'เรนกิ ซูซูกิ' ทำงานเป็นบรรณาธิการให้กับสำนักพิมพ์ชื่อดังแห่งหนึ่ง 10 ปีที่ทุ่มเทให้กับงาน ผลตอบแทนคือถูกเนรเทศให้ไปอยู่หมวด BL นอกจากต้องหงุดหงิดกับความมืดมนของนักเขียนนามว่า 'ยูโกะ' ยังต้องทนกับความตีสต์ขั้นเทพ แต่ในที่สุด ความทรมานใจเหล่านั้นก็จบลง เมื่อเรนกิประสบอุบัติเหตุระหว่างทางไปอพาร์ตเม้นต์ของยูโกะ ทว่า.... "ขอต้อนรับสู่โลกใบใหม่" เจ้านักเขียนตีสต์แตกพูดกับเขา ในขณะที่เรนกิแตกตื่น วิญญาณของเขาก็ได้เข้ามาอยู่ในร่างของจอมมาร ในมังงะ Yaoi 18+ และยังเป็นฝ่ายรับ ถูกผู้กล้าข่มเหงตั้งแต่ต้นเรื่องยันจบเรื่อง ไม่ว่าจะพยายามหลีกเลี่ยงเนื้อเรื่องเรท 18+ อย่างไร แต่คนที่เข้ามาพัวพันกับเขาก่อนมักจะเป็นผู้กล้าทุกครั้ง และอีกอย่าง เขาได้พบความลับของโลกใบนี้ ซึ่งที่จริงแล้ว....

หนังสือที่คุณอาจชอบ

ทะลุมิติมาเป็นบุตรสาวหญิงหม้าย

ทะลุมิติมาเป็นบุตรสาวหญิงหม้าย

l3oonm@
5.0

จือหลินเธอเป็นเด็กกำพร้า ที่ถูกมารดาทอดทิ้งไว้ที่โรงพยาบาลตั้งแต่วันแรกที่ลืมตามาดูโลก ต่อมาทางโรงพยาบาลจึงส่งตัวเธอให้กับสถานสงเคราะห์ พออายุได้สามปี ก็มีองค์กรหนึ่งมารับเลี้ยงตัวเธอ แต่พวกเขาเลี้ยงเธอและเด็กคนอื่นๆ ไว้เพื่อเป็นหนูทดลองเท่านั้น ครั้งแรกที่ถูกนำตัวมา ต่างก็โดนจับฉีดยาเข้าสู่ร่างกาย เพื่อหาเด็กที่เลือดต้านเชื้อที่ฉีดเข้าไปได้เท่านั้น หากร่างกายทนรับไม่ไว้สิ่งที่ทางองค์กรมอบให้คือความตาย จือหลินอาจเป็นเพราะเลือดของเธอพิเศษกว่าเด็กคนอื่น ไม่ว่าฉีดยาตัวไหนเข้าสู่ร่างกายเธอก็ทนรับได้ทั้งนั้น นับจากนั้นมาเธอจึงถูกเลี้ยงดูจากองค์กรมาอย่างดี เรื่องการศึกษาเธอก็สามารถเรียนรู้ทุกสิ่งได้อย่างเต็มที่ แต่เพราะความฉลาดของเธอจึงถูกส่งให้เรียนวิทยาศาสตร์การแพทย์และเรียนแพทย์ควบคู่ไปด้วย เมื่อเรียนจบมาแล้ว จือหลินยังคงทำการให้องค์กรเช่นเดิม แม้จะไม่ได้เป็นนักฆ่าเช่นเพื่อนคนอื่นที่มาพร้อมกัน แต่เธอก็ต้องฝึกไม่ต่างจากพวกเขา ยิ่งเมื่อต้องนำเด็กเข้ามาเป็นหนูทดลองเช่นเดียวกับเธอในตอนเล็ก ต่อให้ไม่อยากทำก็ต้องทำ หากฝ่าฝืนไม่ทำการชิปที่ถูกฝังอยู่ในตัวจะถูกกระตุ้นให้ได้รับความทรมานทันที นานวันเข้า ความดำมืดก็ก่อเกิดในใจ ไม่ว่าจะฉีดยาให้เด็กร้ายแรงเพียงใดจือหลินก็เลิกรู้สึกผิดไปเสียแล้ว เพราะการทำงานของเธอตลอดหลายปีที่ผ่านมาทำให้ทางองค์กรยกย่องและมักจะให้สิ่งดีๆ กับเธอเสมอ เมื่อมีชิปตัวหนึ่งที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อฝังมิติอีกห้วงหนึ่งไว้ภายในร่างกาย จือหลินนางก็ได้รับเลือกให้ทดลองใช้สิ่งนี้ด้วยเช่นกัน จือหลินถูกฝังชิปมิติเข้าที่แกนสมองของเธอ ความเจ็บปวดที่ได้รับทำให้เธอแทบสิ้นสติ เมื่อชิปถูกฝังลงไปแล้ว เพียงไม่นานก็มีเสียงจากระบบให้เธอยืนยันตัวตน ก่อนที่จะปรากฏภาพต่างๆ ภายในหัวของเธอ ของจากภายนอกล้วนแต่ถูกส่งเข้าไปเก็บไว้ด้านในได้ทั้งสิ้น หากเป็นเนื้อสด ผักผลไม้ ยังคงความสดอยู่เช่นเดิมแม้จะเก็บไว้นานมากเพียงใด ห้วงมิติของจือหลินเหมือนเป็นห้องสูทในคอนโดของเธอเองที่มีทุกอย่างพร้อมใช้อยู่ภายใน แม้แต่ห้องทดลอง ห้องทำงานของเธอก็ปรากฏอยู่ในนั้นเช่นกัน นับจากนั้นจือหลินจึงซื้อของเขาเก็บภายในมิติของเธอเป็นจำนวนมาก ตัวเธอเพียงผู้เดียวที่สามารถเข้าออกในห้วงมิติได้ วันเวลาผ่านไปจนจือหลินล่วงเข้าวัยสามสิบปี เธอสามารถผลิตยาที่ทำให้ทั่วโลกจับตามองออกมาได้ ยายื้อชีวิตจากความตาย แต่การทดลองของเธอที่ผ่านมาต้องใช้คนจำนวนมากในการเข้าทดลอง จือหลินสามารถยื้อชีวิตของชายชราที่กำลังจะหมดลมหายใจให้กลับมามีชีวิตปกติได้ เมื่อเธอกักตัวเขาไว้ได้หกเดือนเห็นว่าไม่มีสิ่งใดที่ผิดปกติจึงคิดจะปล่อยเขาออกไปใช้ชีวิตเช่นเดิม แต่แล้วสิ่งที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น เมื่อชายชราที่กำลังจะเดินออกจากห้องทดลองล้มลงต่อหน้าทุกคนที่เข้าร่วมชื่นชมผลงานของเธอ จือหลินรีบเข้าไปตรวจดูความผิดปกติทันที ก็พบว่าเขาหยุดหายใจเสียแล้ว เจ้าหน้าที่ทั้งหมดจึงต้องพาชายชราคนนั้นกลับเข้าไปในห้องทดลองเพื่อหาสาเหตุ ผ่านไปเพียงสองครึ่งชั่วโมงเขากลับลืมตาขึ้นมาอย่างไม่น่าเชื่อ แต่แววตาที่มองมาทางทุกคนได้เปลี่ยนไป ในดวงตาของชายชราผู้นั้นมีเพียงตาขาวไม่มีตาดำเช่นคนมีชีวิต “เกิดเรื่องอะไรขึ้น” ผู้อำนวยการองค์กรเดินเข้ามาหาจือหลินแล้วเอ่ยถามอย่างตื่นตระหนก เพราะนักข่าวที่ข่าวเชิญมายังอยู่ที่ด้านนอกเพื่อรอฟังคำตอบ “ขอดิฉันตรวจสอบก่อนค่ะ” จือหลินกุมหน้าผากอย่างมึนงง เธอก็ไม่เข้าใจเช่นกันว่าเป็นแบบนี้ไปได้อย่างไร คนทั้งหมดยืนมองชายชราที่เดินท่าทางประหลาดอยู่ในห้องทดลอง ในตอนนี้เขาเริ่มหยิบสิ่งของทำร้ายตัวเองอย่างบ้าคลั่ง เจ้าหน้าที่คนหนึ่งรีบวิ่งเข้าไปในห้องทดลองเพื่อห้ามไม่ให้เขาทำร้ายตัวเอง ชายชราเมื่อได้ยินเสียงคนเดินเข้ามาก็พุ่งเข้ามาหาอย่างรวดเร็ว และเริ่มกัดกินเนื้อตัวของเขาอย่างโหดร้าย คนที่เห็นเหตุการณ์ทั้งหมดต่างยกมือขึ้นปิดปากอย่างตกใจ เพราะกลัวข่าวเรื่องนี้จะรั่วไหล ผู้อำนวยการสั่งให้คนไปแจ้งนักข่าวให้กลับไปก่อน ทางองค์กรจะแถลงการณ์เรื่องนี้ในภายหลัง เจ้าหน้าที่ที่ถูกทำร้ายล้มลงเสียชีวิตไม่นานก็มีสภาพไม่ต่างจากชายชราคนนั้น เสียงวุ่นวายไม่ได้จบลงที่ห้องทดลองของจือหลินเพียงแห่งเดียว เพราะห้องทดลองอื่นก็ล้วนพบเหตุการณ์เช่นนี้ไม่ต่างกัน ผู้อำนวยการจำต้องส่งสัญญาณเคลื่อนย้ายเจ้าหน้าที่ออกจากตึกทดลองให้เร็วที่สุด จือหลินไม่รู้ว่ายาของนางจะสร้างผลเสียมากถึงเพียงนี้ เพราะเจ้าหน้าที่หลายคนล้วนจบชีวิตจนกลายเป็นซอมบี้ไปเสียแล้ว ตึกทดลองถูกปิดตาย เพื่อไม่ให้ซอมบี้ที่อยู่ด้านในออกมาสร้างความเสียหายภายนอกได้ “เรื่องนี้ดิฉันขอจัดการด้วยตนเองค่ะ” จือหลินเดินเข้าไปหาผู้อำนวยการที่ห้องทำงานของเขา เพื่อบอกสิ่งที่เธอคิดว่าอย่างดีแล้วในหลายวันที่ผ่านมา เมื่อเห็นว่าผู้อำนวยการไม่ห้ามในสิ่งที่เธอจะทำจือหลินจึงเดินไปที่หน้าตึกทดลองพร้อมระเบิดเวลาในมือ เธอคิดจะทำลายสิ่งของทุกอย่างที่เธอสร้างขึ้นมาลงด้วยมือของเธอเอง จือหลินเปิดประตูตึกทดลองแล้วรีบปิดลงทันที เธอเดินเข้าไปที่กลางตึกให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพราะระหว่างทางเธอต้องคอยต่อสู้กับซอมบี้ที่จะเข้ามาทำร้ายเธอไปด้วย เสียงสัญญาณระเบิดดังขึ้น จือหลินหลับตาลง พร้อมทั้งถอนหายใจให้กับเรื่องราวในชีวิตที่ผ่านมา เสียงระเบิดดังไปทั่วบริเวณพร้อมทั้งตึกทดลองที่ถล่มลงมาจนแทบไม่เหลือซาก “เจ็บชะมัด” จือหลินร้องครางออกมาเบาๆ แต่เมื่อรู้สึกตัวได้เธอก็รีบพยุงตัวขึ้นนั่งอย่างรวดเร็วพร้อมมองไปรอบๆ อย่างไม่อยากเชื่อ เธอคิดว่าตายไปแล้วเสียอีก แต่ทำไมถึงได้มีความรู้สึกเจ็บได้ “นี้มันเรื่องบ้าอะไรอีกว่ะเนี่ย” จือหลินเบิกตากว้างอย่างไม่อยากเชื่อ รอบๆ ตัวเธอในตอนนี้เป็นป่าทึบ มือของเธอก็ไม่ใช่ของเธออย่างแน่นอนเพราะมีขนาดเล็กราวกับเป็นเด็กน้อยคนหนึ่งเท่านั้น ตอนที่เธอมึนงงสับสน เรื่องราวความทรงจำของเจ้าของร่างก็ไหลเข้าสู่หัวของเธอจนต้องลงไปนอนดิ้นกับพื้น

หย่าปุ๊บ แต่งงานใหม่ปั๊บ

หย่าปุ๊บ แต่งงานใหม่ปั๊บ

Crimson Syntax
5.0

ทุกคนต่างรู้ดีว่าเจียงว่านหนิงรักเย่เชินมานานหลายปี เธอที่มักจะว่านอนสอนง่ายและน่ารักเสมอ ได้สักลายเพื่อเขาและยอมทนอยู่ใต้อำนาจผู้อื่น เมื่อเธอถูกทุกคนใส่ร้ายจนโดนตำหนิ เขากลับนิ่งเฉยและยังถึงขั้นให้เธอคุกเข่าให้แฟนเก่าของเขาอีกด้วย เธอที่รู้สึกอับอาย ในที่สุดก็หมดหวัง หลังจากยกเลิกการหมั้น เธอก็หันไปแต่งงานกับทายาทพันล้านทันที คืนนั้นเอง ใบทะเบียนสมรสของทั้งคู่ก็กลายเป็นข่าวฮิตบนโลกออนไลน์ เย่เชินที่เคยคิดว่าตัวเองเก่งกาจที่สุดก็เริ่มวิตกและพูดออกมาด้วยความโกรธว่า "อย่าเพ้อฝันไปเลย นายคิดว่าเธอรักนายจริงๆ งั้นเหรอ เธอแค่ต้องการใช้พลังอำนาจของตระกูลฟู่เพื่อแก้แค้นฉันเท่านั้นเอง" ฟู่จิงเซินจูบหญิงสาวในอ้อมกอดและตอบกลับอย่างไม่ใส่ใจว่า "แล้วจะเป็นไรไปล่ะ ก็พอดีว่าฉันมีทั้งเงินและอำนาจนี่"

ทะลุมิติมาเป็นภรรยาตัวน้อยของสามีพิการ

ทะลุมิติมาเป็นภรรยาตัวน้อยของสามีพิการ

มาชาวีร์
4.8

เจ้าของร่างเดิมถูกท่านย่าตัวเอง ขายให้ชายพิการด้วยเงินเพียงห้าตำลึง จึงคิดสั้นไปกระโดดน้ำฆ่าตัวตาย ทำให้วิญญาณของเซี่ยซือซือทะลุมิติมาเข้าร่างแทน ชีวิตในโลกนี้บิดามารดาล้วนตายไปแล้ว เหลือเพียงน้องสาวกับน้องชายร่างกายผอมแห้งหิวโซสองคน เธอต้องช่วยพวกเขาให้รอด ก่อนจะถูกคนชั่วพวกนี้ขายทิ้งไปแบบเธอ 1 : ทะลุมิติ แคว้นจ้าว หมู่บ้านตระกูลแซ่อวี่ ภายในบ้านสกุลเซี่ย “ท่านพี่รีบกินเร็วเข้า” เสียงเด็กเล็กดังก้องอยู่ข้างหูอย่างน่ารำคาญ ว่าแต่ฉันมีน้องชายตั้งแต่เมื่อไหร่กัน รู้สึกได้ถึงอะไรแข็ง ๆ มาแตะที่ริมฝีปาก ทว่ายังลืมตาไม่ขึ้น “ท่านพี่กินสิ ๆ” เซี่ยซือซือรู้สึกหนักอึ้งไปทั้งศีรษะ พยายามที่จะเปิดดวงตาขึ้นมอง เจ้าของเสียงเล็ก ๆ ด้านข้าง “ท่านพี่ ๆ ท่านพี่อย่าตายนะ ลืมตาสิท่านพี่” “นังตัวดีออกมาเดี๋ยวนี้นะ !” เสียงเอะอะโวยวายดังหนวกหูเซี่ยซือซือเป็นอย่างมาก ปัง ๆ เสียงเคาะประตูดังขึ้นเรื่อย ๆ เซี่ยซือซือลืมตาขึ้นจนได้ พลันสมองกลับมีเรื่องราวพรั่งพรูเข้ามาไม่ขาดสาย จนต้องกรีดร้องออกมาอย่างเจ็บปวด อ๊าก ! “พี่รอง !” เด็กน้อยเซี่ยซือหยางในวัยสามหนาวเรียกพี่สาวพร้อมเบะปากอยากร้องไห้ “ท่านพี่ !” เซี่ยซานซานทิ้งบานประตูที่ตัวเองดันไว้ หันกลับมาดูพี่สาวด้วยความตกใจ “ท่านพี่ ๆ ท่านเป็นอะไร อย่าทำให้พวกข้าตกใจสิท่านพี่ !” ผลัวะ ! มีคนถีบประตูบานเก่าผุพังเข้ามาภายในห้อง เด็กทั้งสองรีบเข้าไปขวางผู้บุกรุกไม่ให้ทำร้ายพี่สาว แม่เฒ่าเซี่ย เซี่ยจิ่วเม่ย หน้าตาแลดูดุร้าย ไม่ใช่หญิงชราใจดีแต่อย่างใด ด้านหลังของแม่เฒ่าเซี่ยยังมีลูกสะใภ้บ้านใหญ่ กับบ้านรองเดินตามมา ท่าทางดุดันเอาเรื่อง “ไอ้พวกบ้านสามตัวดี กล้าลักขโมยอาหารเอาไว้กินเอง ยังเห็นแม่เฒ่าอย่างข้าอยู่ในสายตาหรือไม่ ไอ้พวกหมาป่าตาขาว ดูซิวันนี้ข้าจะจัดการพวกเจ้าอย่างไร” “ท่านย่าพวกข้าไม่ได้ขโมยนะ นี่เป็นหมั่นโถวของท่านพี่ ท่านพี่ไม่สบายข้าแค่เก็บไว้ให้ท่านพี่เท่านั้นเอง” เซี่ยซานซานยังเป็นเด็กหญิงวัยสิบหนาว แต่นางข่มความกลัวตอบโต้ผู้ใหญ่ในบ้านออกไป “หึ กฎบ้านก็มีบอกอยู่แล้วถ้าพลาดมื้ออาหารไปก็คืออด แต่พวกเจ้ากลับแหกกฎ แอบยักยอกอาหารเก็บไว้กินเอง ยังมีหน้ามาเถียงท่านแม่อีก ท่านแม่ท่านต้องลงโทษคนบ้านสามนะเจ้าคะ ไม่เช่นนั้นข้าไม่ยอมจริง ๆ ด้วย ตอนนั้นยวี่เฟยของข้านางได้พลาดมื้อเย็นไป ท่านก็ไม่ให้นางกินนะเจ้าคะ” สะใภ้บ้านรองนามว่าจงอี้ซิน ย้อนรำลึกถึงเรื่องลูกสาววัยแปดปีของตัวเองขึ้นมา “ดูเจ้าเด็กพวกนี้สิท่านแม่ กางแขนปกป้องพี่สาวตัวเอง ช่างน่าสมเพชไม่รู้จักสำเหนียกกำลังตัวเอง ถุย !” หลินพ่านเอ๋อสะใภ้บ้านใหญ่มองดูเด็กทั้งสองพร้อมถ่มน้ำลายใส่ตรงหน้า แม่เฒ่าเซี่ยมองลูกสะใภ้ทั้งสองสลับกันไปมา เดินตรงไปกระชากหมั่นโถวเย็นชืดแถมแข็งปานหิน ออกจากมือของเซี่ยซือหยาง “แง ๆ ๆ” เด็กน้อยถูกแย่งของกินของพี่สาวไป ถึงกับแผดเสียงร้องลั่น “เจ้าคนชั่ว ! เอามานะ ของท่านพี่ข้า” กำปั้นน้อย ๆ ทุบไปยังต้นขาของแม่เฒ่เซี่ย “เจ้าเด็กเนรคุณกล้าตีข้ารึ นี่นะ !” แม่เฒ่าเซี่ยเตะทีเดียวเซี่ยซือหยางก็กระเด็นไปติดกับผนังห้อง “น้องเล็ก !” เซี่ยซานซานรีบวิ่งไปอุ้มน้องชายขึ้นมากอดไว้ด้วยความตกใจ “ท่านย่า น้องเล็กยังเด็กไม่รู้ความ เหตุใดท่านถึงได้ใจร้ายเช่นนี้” “แง ๆ ๆ” เสียงร้องไห้ของเด็กน้อยฟังแล้วน่าสงสารจับใจ ดวงตาที่ปิดไว้ก่อนหน้าของเซี่ยซือซือ ลืมขึ้นหลังจากค้นพบว่า ตัวเองได้ทะลุมิติมายังอดีตอันไกลโพ้นแล้วจริง ๆ หลังจากหลับตาลืมตาอยู่หลายหน เรียบเรียงความคิดที่ไหลเข้ามาไม่ยอมหยุด เมื่อค่อย ๆ จัดการกับมันได้ ความเจ็บปวดที่ศีรษะก่อนหน้าจึงบางเบาลง และมองเหตุการณ์ตรงหน้าอย่างเฉยชา ครบสูตรของการทะลุมิติจริง ๆ มีท่านย่าผู้ชั่วร้าย ขนาบข้างด้วยป้าสะใภ้เลวทั้งสอง ครั้นหันไปมองน้องสาวในวัยสิบขวบของตัวเองกับน้องชายตัวน้อย ทั้งตัวดำเมี่ยมเหมือนไม่ได้อาบน้ำมาเป็นเดือน ร่างกายผอมแห้งเหลือแต่กระดูก เสื้อผ้าเก่าขาดมีรอยปะชุนเต็มไปหมด เส้นผมแห้งกรังเหมือนไม่ผ่านน้ำมานาน ยกมือของตัวเองขึ้นมาดู ไม่ได้มีสภาพต่างกันแม้แต่น้อย ครั้นเงยหน้ามองป้าสะใภ้ใหญ่ร่างกายอวบอ้วนเต็มไปด้วยก้อนไขมัน ป้าสะใภ้รองแม้ไม่ได้อ้วนแต่ก็ไม่ได้ผอม ยิ่งแม่เฒ่าเซี่ยด้วยแล้ว ร่างกายบึกบึนเหมือนคนกินดูอยู่ดีมาตลอด “ท่านแม่ดูอาซือมองท่านสิเจ้าคะ” สะใภ้ใหญ่เห็นสายตาเย็นเยียบของคนที่นอนอยู่บนเตียงก็อดแปลกใจไม่ได้ ดูเยือกเย็นจนไม่น่าไว้ใจ “เจ้าอย่าคิดว่ากระโดดน้ำตายแล้วทุกอย่างจะจบนะอาซือ ข้ารับเงินคนบ้านถานมาแล้ว ถ้าเจ้าตายข้าจะให้อาซานไปแทนเจ้า” คำพูดของแม่เฒ่าเซี่ยทำให้ดวงตาของเซี่ยซือซือเบิกกว้าง ท่านย่าของนางขายนางให้คนบ้านถานในราคาแค่ห้าตำลึง เจ้าของร่างเดิมไม่อยากไปเป็นเมียคนพิการ เลยไปกระโดดน้ำฆ่าตัวตาย ทว่าเธอที่มาจากยุคปัจจุบันกลับเข้ามาแทนที่เจ้าของร่างนี้ เจ้าของร่างเดิมว่ายน้ำไม่เป็น จึงได้ขาดอากาศตายใต้น้ำ แต่เธอที่เข้ามาสวมร่างกลับพาร่างนี้ขึ้นมาจากน้ำได้ โชคชะตาคงเล่นตลกให้เธอกับเจ้าของร่างเดิมมีชื่อเดียวกัน “ท่านย่าอาซานยังเด็กนัก ท่านอย่าได้ทำเช่นนั้นเลย” นานมากกว่าที่นางจะเอ่ยออกมา “มันอยู่ที่เจ้าอาซือ ข้าขอเตือนเอาไว้ อีกสองวันคนบ้านถานจะมารับตัวเจ้าแล้ว อย่าให้เกิดเรื่องขึ้น ไม่อย่างนั้นข้าจะส่งอาซานไปแทนเจ้า แล้วขายซือหยางทิ้งเสีย” แม่เฒ่าเซี่ยจ้องหน้าเซี่ยซือซือแบบอาฆาต เด็กนี่ก่อนหน้าดูอ่อนแอไร้ทางสู้ ทำไมวันนี้ถึงได้ดูแปลกตาไปนัก “ท่านแม่เจ้าคะ ท่านจะลงโทษคนบ้านสามเรื่องหมั่นโถวนี่อย่างไรเจ้าคะ” สะใภ้ใหญ่ยังไม่ยอมปล่อยสามพี่น้องไปง่าย ๆ “พรุ่งนี้งดอาหารบ้านสาม” แม่เฒ่าเซี่ยเอ่ยแล้วหันหลังเดินออกจากห้องของเด็กน้อยทั้งสามไป โดยมีสะใภ้ใหญ่เดินตามไปด้วย “พวกเจ้าได้ยินแล้วใช่ไหม จำใส่หัวเอาไว้ดี ๆ ด้วยล่ะ” สะใภ้รองหมุนตัวตามหลังไปติด ๆ “ท่านพี่ต่อไปท่านอย่าทำเช่นนี้อีกนะเจ้าคะ ข้ากับน้องเล็กจะทำอย่างไร ถ้าท่านไม่อยู่” เซี่ยซานซานปล่อยเสียงร้องไห้ในทันที

ประธานหลี่ พอได้แล้วนะ จะง้อภรรยาก็เข้าคิวก่อน

ประธานหลี่ พอได้แล้วนะ จะง้อภรรยาก็เข้าคิวก่อน

Encore
5.0

แต่งงานซ่อนเงากับหลี่ เจวี๋เฉินมาได้สามปี เจียงวานเคยคิดว่าความรักของเธอจะทำให้หัวใจเขาอุ่นขึ้นได้ แต่สิ่งที่รอเธออยู่ กลับเป็นวันที่จู่ ๆ รักแรกของเขากลับมาจากต่างประเทศ แล้วเขาก็พูดเพียงประโยคเดียวว่า “พวกเราหย่ากันเถอะ” เจียงวานรู้ดีว่าคนที่หลี่ เจวี๋เฉินรักไม่ใช่เธอ เธอจึงกลบเก็บความรู้สึกทั้งหมดไว้ หยิบกระเป๋าแล้วเดินจากไปอย่างเด็ดขาด หลังหย่า ชีวิตของเจียงหว่านกลับพุ่งแรงราวติดปีก ทั้งงานทั้งโชคลาภหลั่งไหลไม่หยุด กลายเป็นสไตลิสต์ระดับท็อปของโลก ทั้งการงานและความรักล้วนรุ่งโรจน์ ส่วนอดีตสามีผู้มีตำแหน่ง บางคน นั้นวัน ๆ เอาแต่จ้องหน้าจอ คิดทุกวิถีทางว่าจะทำยังไงให้ได้แต่งงานกับเธออีกครั้ง จนกระทั่งวันหนึ่ง ผู้มีพระคุณที่เคยช่วยชีวิตเจียงวานตอนยังเด็กกลับมาอีกครั้งหลี่ เจวี๋เฉินถึงกับอยู่เฉยไม่ไหวอีก “วานวาน แต่งงานกันอีกครั้งเถอะนะ ได้โปรด!” เจียงวานเพียงยิ้มบาง ๆ อย่างไม่ใส่ใจ“ไม่มีเวลาหรอก ไปหารักแรกของคุณเถอะ!” หลี่ เจวี๋เฉินควักแหวนออกมา คุกเข่าข้างเดียวแล้วเอ่ยว่า “ฉันไม่มีใครคนอื่นในใจ มีเพียงเธอเท่านั้น เธอคือคนที่ฉันรักมาตลอด ตั้งแต่แรกจนถึงตอนนี้ก็ยังเป็นเธอ!” ตลอดสามปีที่อยู่ด้วยกันทั้งเช้าเย็น ทำให้ทั้งคู่ค่อย ๆ เกิดความรักและผูกพันต่อกัน เธอเข้าใจว่าเขายังรักแฟนเก่าอย่างสุดหัวใจ แต่เขากลับคิดว่าในใจเธอมีใครอีกคนอยู่แล้ว คนดื้อสองคนที่แอบรักกันอยู่ฝ่ายละมุม แต่กลับเข้าใจผิดเพราะมีคนอื่นเข้ามาอยู่รอบตัวจนคิดไปต่าง ๆ นานา ความรักครั้งนี้จะฝ่าหมอกแห่งความเข้าใจผิดไปจนถึงตอนจบที่งดงามได้หรือไม่?

สามีเป็นถึงเศรษฐีพันล้าน

สามีเป็นถึงเศรษฐีพันล้าน

Davin Howson
5.0

ในวันแต่งงาน เจ้าบ่าวของเฉียวซิงเฉินหนีไปกับผู้หญิงอีกคน เธอโกรธมาก จึงสุ่มหาชายคนหนึ่งมาแต่งงานด้วยทันที "ตราบใดที่คุณกล้าแต่งงานกับฉัน ฉันก็ยอมเป็นเมียคุณ" หลังจากแต่งงาน เธอได้ค้นพบว่าสามีของเธอคือลูกชายคนโตของตระกูลลู่ที่ขึ้นชื่อว่าไร้ประโยชน์ ชื่อลู่ถิงเซียว ทุกคนเยาะเย้ยว่า "เธอยนี่ช่วยไม่ได้จริงๆ" และผู้ชายที่ทรยศเธอก็มาเกลี้ยกล่อมว่า "ไม่เห็นต้องทำร้ายตัวเองเพราะฉันหรอก สักวันเธอต้องเสียใจแน่ๆ" เฉียวซิงเฉินหัวเราะเยาะและโต้ตอบว่า "ไปให้พ้น ฉันกับสามีรักกันมาก" ทุกคนต่าก็คิดว่าเธอเป็นบ้า ไปแล้ว อย่างไรก็ตาม เมื่อตัวตนที่แท้จริงของลู่ถิงเซียวถูกเปิดเผย ที่แท้เขาเป็นคนรวยอันดับต้นๆในโลก ในการถ่ายทอดสดทั่วโลก ชายคนนี้คุกเข่าข้างเดียว ถือแหวนเพชรมูลค่าหลักพันล้าน และพูดช้าๆ ว่า "คุณภรรยา ชีวิตที่เหลือนี้ขอฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะ"

บท
อ่านเลย
ดาวน์โหลดหนังสือ
บุปผางามซ่อนรัก
1

บทที่ 1 รับคำสั่ง

22/01/2022

2

บทที่ 2 ภารกิจ

22/01/2022

3

บทที่ 3 มุ่งหน้าสู่สำนักเสือขาว

22/01/2022

4

บทที่ 4 ชายผู้นี้ช่างประหลาด

22/01/2022

5

บทที่ 5 เหมือนจะลืมอะไรบางอย่าง

22/01/2022

6

บทที่ 6 เจ้าสำนักทัวป๋าอู๋จี้

22/01/2022

7

บทที่ 7 ข้าไม่ใช่นักพรตหญิง!

22/01/2022

8

บทที่ 8 เผยพิรุธ

22/01/2022

9

บทที่ 9 นางคือภรรยาของข้า

22/01/2022

10

บทที่ 10 ใจตรงกัน

22/01/2022

11

บทที่ 11 สามีภรรยาทะเลาะกัน

22/01/2022

12

บทที่ 12 ให้เจ้าเรียกข้าว่าสามี

22/01/2022

13

บทที่ 13 ถูกลักพาตัว

22/01/2022

14

บทที่ 14 หอนางโลม!

22/01/2022

15

บทที่ 15 ความร้อนใจของทัวป๋าอู๋จี้

22/01/2022

16

บทที่ 16 ฮั่วเกอ

22/01/2022

17

บทที่ 17 ท่านถอดชุดของข้า

22/01/2022

18

บทที่ 18 ท่านหมอเจียงไป๋

22/01/2022

19

บทที่ 19 พาแนะนำตัว

22/01/2022

20

บทที่ 20 ศิษย์สำนักเต๋าเป็นสิ่งที่ยุ่งยาก

22/01/2022

21

บทที่ 21 ชื่นชมธรรมชาติ

22/01/2022

22

บทที่ 22 พบแม่นางจู

22/01/2022

23

บทที่ 23 คำพูดที่แฝงนัย

22/01/2022

24

บทที่ 24 จุดชนวนให้ยิ่งเข้าใจผิด

22/01/2022

25

บทที่ 25 เข้าร่วมประชุม

22/01/2022

26

บทที่ 26 พายุทราย

22/01/2022

27

บทที่ 27 พวกเจ้าเหมาะสมกันมาก

22/01/2022

28

บทที่ 28 ข้าเป็นอะไรไปแล้ว!

22/01/2022

29

บทที่ 29 หญิงงาม

22/01/2022

30

บทที่ 30 ความเพลิดเพลินของทัวป๋าอู๋จี้

22/01/2022

31

บทที่ 31 สถานการณ์ล่อแหลม

22/01/2022

32

บทที่ 32 ความสงสัยของไป๋หลัน

22/01/2022

33

บทที่ 33 นายหญิง

22/01/2022

34

บทที่ 34 เจอฮั่วเกออีกครั้ง

22/01/2022

35

บทที่ 35 กลับสำนักเสือขาว

23/01/2022

36

บทที่ 36 ทัวป๋าอู๋จี้อารมณ์ดี

23/01/2022

37

บทที่ 37 งานแต่งของจูจิน

23/01/2022

38

บทที่ 38 เลี้ยงส่ง

23/01/2022

39

บทที่ 39 ไป๋หลันกำลังจะออกเดินทาง

23/01/2022

40

บทที่ 40 คู่หมั้น

23/01/2022