icon 0
icon เติมเงิน
rightIcon
icon ประวัติการอ่าน
rightIcon
icon ออกจากระบบ
rightIcon
icon ดาวน์โหลดแอป
rightIcon
5.0
ความคิดเห็น
427
ชม
18
บท

ผมไม่มีเหตุผลว่าทำไมถึงรักคุณ หัวใจสั่งให้รัก ผมก็รัก ...หรัญย์... ____________ ว่ากันว่า...หากหญิงสาวคนใดได้รับช่อดอกไม้เจ้าสาว หรือช่อบูเก้ในงานแต่งจะได้สละโสดเป็นคนต่อไป แต่ไม่เคยมีใครบอกหล่อนเลยว่า ผู้หญิงที่รับช่อบูเก้ของหล่อนได้ จะได้ว่าที่ผัวหล่อนไปด้วย!! ชีวิตต้องพลิกผันในชั่วข้ามคืน เมื่อเจ้าสาวหม้ายขันหมากอย่างณธิดาต้องหอบหิ้วหัวใจอันบอบช้ำอุ้มขวดเหล้าทั้งชุดเจ้าสาวซัดเซพเนจรหนีอดีตคนรักสุดโฉดที่ไม่โสดอย่างปากว่า เพราะมีทั้งเมียทั้งลูกมาเดินร่อนรื่นในงานแต่งที่หล่อนควรเด่นหรูที่สุด แต่กลับถูกแย่งซีนจนชุดแพงหมดแสงออร่า แล้วใครจะทน! ความเมาและบ้าบิ่นทำให้ณธิดาพบชายรูปงามท่ามกลางแสงดาวแสงเดือนและคลื่นทะเล หล่อนจึงบอกเขาว่าเมาจนความจำเสื่อมเพื่อให้เขาเอ็นดูอุปการะ ตั้งใจหันหลังให้รักครั้งเก่าที่น้ำเน่าจนเหม็นเขียว หลบลี้หนีหน้าผู้คนมาซบอกพ่อค้าผู้น่ากินกว่าลูกชิ้นปิ้งที่เขาขาย แต่กลายเป็นว่าหล่อนกลับถูกเขากิน! นัวๆ และตั้งชื่อใหม่ตามสินค้าหน้าร้านให้ว่า ‘ลูกชิ้น’ หรัญย์เป็นผู้ชายใจดี รักหมารักแมวและรักโลก ที่สำคัญ...เขาชอบกินลูกชิ้นเป็นชีวิตจิตใจ

บทที่ 1 บทนำ

ทะเล... ไม่เคยหลับใหล นับร้อยพันหมื่นปี มันยังคงทำหน้าที่สาดเกลียวคลื่นสู่ฝั่งแล้วถอยลงผืนน้ำ เพื่อก่อมวลละอองฟองหอบซัดขึ้นสู่ชายหาดครั้งใหม่ ถาโถมเป็นระลอกวนเวียนอยู่เช่นนั้นชั่วกัปชั่วกัลป์...

หรัญย์นอนหนุนแขนต่างหมอนอยู่บนพื้นหญ้าตรงเนินห่างจากชายหาดมาเล็กน้อย เขาทอดสายตามองดูดาวในคืนที่ฟ้าไร้หมอกเมฆมาบดบัง ลมยามค่ำคืนพัดโชยเย็นฉ่ำ เสียงคลื่นขับกล่อมเป็นจังหวะผสมผสานเสียงของหรีดหริ่งเรไรโดยรอบ

ธรรมชาติ... ทำให้เขาลุ่มหลงดั่งต้องมนต์สะกด คงไม่มีอะไรในโลกงดงามไปถึงจิตวิญญาณได้เท่านี้อีกแล้ว เขาชอบมานอนดูดาวที่นี่แทบทุกคืนหากไม่มีเหตุสุดวิสัย ชื่อหาดแสงดาว... เป็นชื่อที่เหมาะกับบรรยากาศโดยแท้จริง ที่นี่หาดส่วนตัวมีความเงียบสงบ ปราศจากความวุ่นวายทำให้เขารู้สึกผ่อนคลาย แม้มันจะอยู่ห่างจากที่พักพอสมควร แต่เพียงได้มาเยือนก็รู้สึกหายเหนื่อยจากความรับผิดชอบทั้งหลายทั้งปวงเป็นปลิดทิ้งทุกครั้ง...

คลื่นทะเล แสงดาว สายลม และดวงจันทร์เฉิดฉายคือมิตรแท้ที่เคียงข้างเสมอ ไม่ว่าเขาจะอยู่แห่งหนไหนก็ตาม เขาอาจเป็นคนขี้ขลาด ที่หนีโลกแห่งความจริงอันวุ่นวายมาอยู่ที่นี่หลายปี ตัดขาดจากทุกอย่าง... ไม่รับรู้ไม่เคยหันกลับไปมองทางเดิมที่เคยจากมา แต่หรัญย์ก็มั่นใจว่าหากย้อนกลับไปวันวานได้ และให้เขาเลือก เขาก็จะเลือกแบบเดิม ไม่ว่าจะกี่ครั้งก็ตาม...

บรรยากาศอันน่าภิรมย์ ทำให้ความง่วงเริ่มครอบงำ หลายครั้งเขามาตั้งแคมป์กินนอนที่นี่ แต่คงไม่ใช่คืนนี้ เพราะวันรุ่งเช้ามีงานต้องสะสาง ชายหนุ่มจึงพยุงกายลุกนั่งและบิดตัวคลายความเมื่อยขบ สายตาของเขามองไปยังเบื้องหน้าซึ่งเป็นผืนทะเลกว้างใหญ่ที่กำลังสาดซัดคลื่นเป็นระลอก ๆ ตรงขอบชายหาด

"นั่นอะไร... คนหรือผีวะ...” บางอย่างที่ผิดปกติทำให้ชายหนุ่มขยี้ตามองซ้ำแล้วซ้ำอีก เพราะสิ่งที่เห็นคือผู้หญิงในชุดขาวฟูฟ่องกำลังเดินโซเซลัดเลาะไปตามชายหาด แม้จะเป็นในยามค่ำคืน แต่ก็เป็นคืนพระจันทร์เต็มดวง แสงจากดวงจันทร์จึงสว่างพอจะทำให้มองได้ชัดเจน

สามปีที่มาอยู่ที่นี่ เขาไม่เคยพบเจออะไรอย่างนี้มาก่อนและไม่ใช่คนเชื่อเรื่องลี้ลับเสียด้วย

กระนั้นก็อดขนลุกไม่ได้เหมือนกัน...

ชุดที่หญิงสาวคนนั้นสวมอยู่ดูคล้ายๆ ชุดเจ้าสาว ชายกระโปรงยาวลากไปตามผืนทราย หล่อนเดินผ่านตรงที่เขาอยู่ไกลพอสมควรและความมืดสลัวแสงก็ทำให้มองรายละเอียดอื่น ๆ ได้ไม่ถนัดตานัก แต่จากที่เห็นคร่าว ๆ แล้วก็พอรู้ว่าหล่อนเป็นผู้หญิงที่ตัวเล็กพอสมควร

"ช่างแม่ง... กลับดีกว่า" ค่อนข้างมั่นใจว่าเป็นคนไม่ใช่สิ่งเหนือธรรมชาติ แต่หรัญย์ก็เลือกที่จะไม่ยุ่ง มันไม่ใช่เรื่องของเขา หล่อนอาจมีเหตุผลบางอย่าง หรือกำลังทำอะไรบางอย่างที่เขาคาดไม่ถึงก็เป็นได้

หลายวันก่อนมีผู้หญิงหลอกล่อพาผู้ชายคนหนึ่งมาเดินเล่นชายหาดในที่ห่างไกลผู้คน แล้วจากนั้นพวกกลุ่มวัยรุ่นก็รวมหัวกันปล้นและทำร้ายบาดเจ็บปางตาย ดังนั้นอะไรก็ตามที่เป็นความเสี่ยงเขาไม่ควรเกี่ยวข้องด้วยชายหนุ่มตัดสินใจเดินไปตามแนวผักบุ้งทะเลที่ตัวเองนอนเอกเขนกอยู่เมื่อครู่ เป็นคู่ขนานกับหล่อนซึ่งอยู่ตรงริมชายหาดเพราะเป็นทางเดียวกันกับที่เขาจอดรถเอาไว้

หล่อนเดินช้ากว่าเขามาก หรัญย์ที่คอยสังเกตอยู่ตั้งแต่แรกเมื่อได้เข้าไปใกล้มากขึ้น เขาจึงเห็นว่าในมือหล่อนถือขวดเครื่องดื่มอยู่ด้วย ริมฝีปากหยักหนาแสยะยิ้มแล้วส่ายหน้าทันที

ผู้หญิงในชุดเจ้าสาวกับเหล้า... ไม่ต้องเดาก็พอสรุปได้ว่าเจ้าตัวต้องเผชิญกับอะไรมา

ที่น่าแปลกใจก็คือทำไมหล่อนเดินมาถึงนี่ได้ หากมีงานแต่งก็คงเป็นโรงแรมระดับห้าดาวที่อยู่ไกลออกไปเกือบสิบกิโลเมตร ชายหาดก็ไม่ได้ทอดยาวมาถึง เพราะมีกลุ่มหินโสโครกคั่นอยู่เป็นระยะยาวเลยทีเดียว ขนาดกลางวันจะเดินข้ามมายังไม่ใช่เรื่องง่าย หรือหล่อนขับรถมาจอด จากทางนั้นก็ไม่มีถนน...

ปริศนาต่าง ๆ ผุดพรายให้เขาต้องขมวดคิ้วด้วยความสงสัย จากที่ไม่อยากใส่ใจกลับเริ่มอยากรู้ว่าหล่อนเป็นใคร มาจากไหนกันแน่ ดูแล้วรอบ ๆ นี้ก็น่าจะมีแค่หล่อน กับเขา...

ไม่น่าจะมีกลุ่มดักปล้นชิงทรัพย์ซ่อนตัวอยู่แต่อย่างใด

ทันใดนั้น... ก่อนที่หล่อนจะสร้างความสับสนให้เขามากไปกว่านั้นสิ่งที่หรัญย์ไม่อยากให้เกิดก็เกิดขึ้น

"นี่เธอ! หยุดนะ อย่าลงไป!" ร่างเล็กในชุดเจ้าสาวสีขาวบริสุทธิ์เปลี่ยนทิศทางจากชายหาดทอดยาวลงสู่ทะเล...

หล่อนกำลังจะฆ่าตัวตาย...

หรัญย์วิ่งสุดกำลังโดยไม่ต้องคิดหน้าคิดหลัง ถึงจะไม่ชอบยุ่งเรื่องคนอื่นแต่จะให้มองผู้หญิงคนหนึ่งจมน้ำตายไปต่อหน้าต่อตาเขาก็ทำไม่ได้เหมือนกัน หล่อนไม่สนใจเขา ยังคงตรงดิ่งสู่ผืนน้ำอันเวิ้งว้าง คลื่นทะเลยังคงซัดกระทบฝั่งเป็นฟองฟู่

"เวรเอ๊ย... อะไรกันวะเนี่ย" หล่อนเดินลงลึกเข้าไปทุกทีในขณะที่เขามาถึงชายหาด หรัญย์รีบถอดรองเท้าแล้วกระโจนตามไป ฝ่าเกลียวคลื่นที่ถาโถมไม่หยุดยั้งและจับตัวหล่อนเอาไว้ได้ในที่สุด

"หยุดนะ! จะทำอะไรบ้า ๆ "

"ว้าย! แกเป็นใครเนี่ย มาจับฉันทำไม”

"ฉันต่างหากที่ต้องถามเธอ! จะมาตายที่นี่ไม่ได้นะ นี่มันที่ของฉัน!" หล่อนสะบัดตัวสุดแรงในขณะที่เขาก็ใช้กำลังลากร่างของหล่อนขึ้นฝั่ง

"ปล่อย!" หล่อนยังดีดดิ้นไม่เลิก ทั้งจิกทั้งข่วนผู้ช่วยชีวิต

"นี่หยุด! ฉันเจ็บ!" หรัญย์ยิ่งรัดร่างเล็กแน่นเมื่อหล่อนทุบตีเขาไม่ยอมลดราวาศอก ไม่พอ... หล่อนยังกัดแขนของเขาจนเจ็บร้าวไปหมด ใจหนึ่งก็คิดว่าฤทธิ์เยอะขนาดนี้น่าจะปล่อยเป็นผีเฝ้าทะเลไปเสียให้รู้แล้วรู้รอด

แต่อีกใจก็แย้งว่า... มันคงไม่ดีแน่หากปล่อยให้มีคนตายไปต่อหน้าต่อตาในสถานที่ที่เขายังต้องมาแทบทุกคืน ชายหนุ่มพาหล่อนขึ้นฝั่งมาได้ด้วยความทุลักทุเลและเหวี่ยงหล่อนลงพื้นก่อนจะสะบัดแขนแล้วจับตรงที่ถูกกัดเป็นรอยฟัน

"ไอ้บ้า! ไอ้คนบ้า ทำอะไรของแก!" หล่อนล้มลงนั่งบนพื้น แต่มิวายยังกำทรายซัดใส่เขาจนต้องหลบพัลวัน

"หยุดโว้ย! หยุดซะทียายขี้เมา ถ้าฉันไม่ช่วยเธอจะได้มานั่งอาละวาดใส่อย่างนี้เหรอ ทำคุณบูชาโทษแท้ ๆ เวรเอ๊ย" หรัญย์หัวเสีย เขาถอนหายใจแรงข่มอารมณ์คุกรุ่น ไม่เช่นนั้นหล่อนคงได้สมใจเพราะน้ำมือเขา หลังถูกช่วยจากการฆ่าตัวตายไปเมื่อไม่กี่วินาทีก่อนหน้า

"ช่วย... ช่วยอะไร" หล่อนเอามือปาดผมที่ปรกหน้าด้วยความหงุดหงิด น้ำเสียงบ่งบอกถึงอาการเมายังไม่สร่างแม้จะเปียกม่อล่อกม่อแล่กไปทั้งตัว

"ช่วยไม่ให้เธอตายไงเล่า... ถ้าอยากฆ่าตัวตายคราวหลังไปตายที่อื่น ตรงนี้มันที่ฉัน ฉันซื้อมาแพง ใครจะมาตายง่าย ๆ ไม่ได้"

"ใครบอกนายฉันจะฆ่าตัวตาย" หล่อนถาม

"ก็เธอเดินลงน้ำขนาดนั้น เมาก็เมา จะให้คิดว่ายังไง"

"ฉันปวดฉี่... ฉันแค่เดินลงไปฉี่!"

อ่านต่อ

หนังสือที่คุณอาจชอบ

หนังสืออื่นๆ ของ เฌอรามิล

ข้อมูลเพิ่มเติม
บท
อ่านเลย
ดาวน์โหลดหนังสือ