เมียเก็บจำเป็น

เมียเก็บจำเป็น

มาชาวีร์

4.9
ความคิดเห็น
664.1K
ชม
46
บท

“หวาน เอ่อ” “เรียกราคามาได้เลย” คำพูดประโยคนี้ของเขา ทำให้ชลธารตาโตขึ้น ธีร์เห็นแล้วว่าจุดอ่อนของหญิงสาวคืออะไร “หวานอยากได้เงินก้อนโตค่ะ” นั่นปะไร ผิดจากที่คิดเสียเมื่อไหร่ “ก้อนโตเลยเหรอ” เขาย้อนถามพร้อมกับถอนหายใจเฮือกหนึ่งออกมา เหมือนเป็นเรื่องยากเกินไป ธีร์เหยียดหลังเต็มพนักพิง แล้วยกแขนขึ้นกอดอกเอาไว้ “แล้วไอ้ก้อนโตที่ว่ามันสักเท่าไหร่กันหวาน” “หวานต้องการใช้เงินสักสามแสนค่ะ” “หืม มากไปนะผมว่า” พอเป็นเรื่องเงิน ๆ ทอง ๆ ทำไมชลธารถึงได้พูดคล่องปากแบบนี้นัก ถ้าไม่สัมผัสด้วยตัวเองว่าเพิ่งทำอาชีพนี้ครั้งแรก เขาคิดว่าหญิงสาวนั้นเจนจัดเรื่องนี้แน่นอน ชลธารก้มหน้าถอนหายใจเล็กน้อย หญิงสาวคิดว่าเขาคงไม่ยอมจ่ายแน่นอน แต่ถ้าไม่ราคานี้เธอก็คงยอมรับไม่ได้เหมือนกัน “ตกลง” คนถอดใจไปแล้วถึงกับเงยหน้าขึ้นมองเขาอย่างตกใจ เธอหูฝาดไปหรือเปล่า “ผมบอกว่าตกลงไง มีอะไรเหรอ” “ตกลงคือสามแสนนะคะ” “ก็ใช่ไง” “หวานขอรับเป็นเงินสดก่อนได้ไหมคะ” เมื่อโอกาสมาถึงเธอก็อยากจะคว้าเอาไว้ เห็นเขาหัวเราะหยันเธอเล็กน้อย แต่ก็พอเข้าใจได้ไม่ยาก ตอนนี้เธอคงเหมือนคนหิวโหยเงินในสายตาของเขา “หวานถ้ามากแบบนั้น คุณต้องมาเป็นเมียเก็บผมเลยนะ ไม่เอาแบบรายครั้ง” ธีร์พูดเชิงรำคาญ ในความมักมากของหญิงสาว “เมียเก็บ” ชลธารทวนคำพูดเขาเบา ๆ มันจะต่างกันตรงไหน มันก็ขายตัวเหมือนกันนั่นแหละ ดวงหน้าสวยหวานเงยขึ้นมองเขา (เมียเก็บจำเป็น)

บทที่ 1 ตอนที่ : 1 อาชีพเสริม

1

อาชีพเสริม

ความผิดพลาดของเรื่องนี้ มันเกิดจากการตัดสินใจเอาตัวเข้าแลกกับเงิน แต่ไม่คิดว่าการทำอาชีพเสริมครั้งแรกนั้น เธอต้องมาเจอกับเจ้านายของตัวเองเข้า ชลธารนั่งหน้าซีดอยู่ด้านข้างลูกค้าหนุ่มลูกครึ่ง

“ฟลินซ์ผมขอแลกผู้หญิงกับคุณได้ไหม” จู่ ๆ คนที่นั่งฝั่งตรงข้ามก็เอ่ยเสียงเนิบ ๆ ขึ้น หญิงสาวเงยหน้าขึ้นมองเขาเล็กน้อย

“ได้สิเอาไปเลย ไปครับคนสวย ไปหาเพื่อนผมคนโน้นนะ” ฟลินซ์หันมาบอกเธอ พร้อมทำหน้าคล้ายเสียดาย แต่ก็ทำใจป้ำให้คนขอ

ชลธารขาสั่นเล็กน้อยยามต้องย้ายจากที่นั่งเดิม สวนทางกับผู้หญิงอีกคนที่เพิ่งลุกมาจากด้านข้างของธีร์ หญิงสาวย่อตัวลงนั่งด้วยชุดแสนวาบหวิว ด้านบนเห็นเนินอกอวบอิ่ม ด้านล่างสั้นจนแทบจะปิดอะไรไม่มิด

ธีร์ไม่คิดว่าการมาสังสรรค์กับลูกค้ารายใหญ่ในวันนี้ จะมีของแถมเป็นพนักงานของตนเอง ในบริษัทนั้นหญิงสาวดูเป็นคนเรียบร้อย ทำงานพอใช้ไม่ได้มีความสามารถดีเด่นอะไร ใครจะคิดว่าหลังเลิกงาน จะหารายได้เสริมด้วยอาชีพสาวนั่งดื่มแบบนี้

“คุณชื่ออะไรนะผมจำไม่ได้” เขาถามคนด้านข้างทั้งที่ไม่ได้มองหน้าด้วยซ้ำ

“ชลธารค่ะ”

“ชื่อเล่นสิ”

“น้ำหวานค่ะ”

“น้ำหวานนี่เอง เอาเป็นว่าคุณไม่ต้องเกร็งผมหรอกนะ ทำงานของคุณตามปกตินั่นแหละ” ธีร์บอกพร้อมกับวาดท่อนแขน ผ่านด้านหลังของชลธาร กอดหัวไหล่หญิงสาวเอาไว้

คนถูกกอดใจเต้นตึกตักไม่เป็นจังหวะ ความรู้สึกทั้งอับอายทั้งขายหน้า จนแทบไม่อยากเงยหน้าขึ้นมองใครอีกแล้ว ไม่รับรู้ด้วยว่าผู้ชายสองคนนี้ กำลังพูดคุยเรื่องอะไรกันอยู่ เธอทำเพียงนั่งเงียบ ๆ มองพื้นโต๊ะอย่างเลื่อนลอย

ทว่าคู่ตรงหน้ากลับทำให้เธอนั่งนิ่งต่อไปไม่ได้ ครึ่งชั่วโมงผ่านไปบทสนทนาเริ่มหยุด และพวกเขาก็เริ่มกอดจูบกัน ไฟในห้องถูกหรี่ให้สลัวลง หัวไหล่มนถูกธีร์ลูบแล้วคลึงไปมาเบา ๆ

‘น้ำหวานต้องเข้าใจนะว่าลูกค้าที่นี่ส่วนใหญ่เป็นคนมีระดับ เงินดี เพราะฉะนั้นเขาทำอะไรก็ห้ามขัดใจเด็ดขาด’

‘ห้ามขัดใจ’

‘ใช่ น้ำหวานคงไม่คิดว่า สาวนั่งดื่มคือแค่ดื่มหรอกนะ’

ใช่ เธอเข้าใจดี ว่าอาชีพนี้ทำอะไรได้บ้าง แต่ว่าพอถึงเวลานั้นแล้ว กลับรู้สึกหวาดกลัวขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก ขณะที่คู่ฝั่งตรงข้ามเกินเลยไปไกลแล้ว แต่เจ้านายของเธอยังทำแค่ยกแก้วเหล้าขึ้นจิบ หัวใจของชลธารเต้นไม่เป็นจังหวะ อีกทั้งยังหายใจไม่ทั่วท้อง ควรต้องทำอย่างไรดี

“ผมว่าคุณยังไม่ทำงานของคุณเลยนะคุณน้ำหวาน” แต่แล้วเขาก็หันมากระซิบตรงใบหูของเธอเบา ๆ ดวงหน้าหวานซึ้งเห่อแดงร้อนผ่าวขึ้นมา ชลธารตัวแข็งทื่อ ห่อไหล่ ตัวลีบ จนธีร์นึกแปลกใจ ทำไมต้องทำตัวหดตัวห่อแบบนี้ด้วย

“ผมบอกแล้วไงว่าทำงานของคุณไป ผมไม่ถือหรอก ไม่คิดมากด้วย” ชายหนุ่มคิดว่าเพราะความเป็นเจ้าของบริษัท อาจทำให้หญิงสาวประหม่า

“เอ่อ คือว่าหวาน ขอโทษค่ะคุณธีร์” ไม่รู้จะเอ่ยคำไหนออกไปได้อีก จะให้เธอปีนไปนั่งบนตักเขา เหมือนคนฝั่งตรงข้าม มันก็ดูจะหนักหนาเกินไปสำหรับงานแรกของเธอ ได้แต่นั่งถอนหายใจเบา ๆ ออกมา

“เพราะผมเป็นเจ้านายคุณใช่ไหม เลยทำใจลำบาก แบบนี้ผมเปลี่ยนคนได้ใช่ไหม” ธีร์หันมามองหน้าคนด้านข้าง สายตาบอกว่าเขากำลังไม่พอใจ ในงานบริการแสนห่วยของหญิงสาวอยู่

“ไม่ค่ะหวานไม่อยากเปลี่ยน” อย่างน้อยเป็นเขา เธอยังพอทำใจยอมรับได้ ชลธารนึกไม่ออกหากเป็นคนอื่น เธอจะยังทำใจกล้าแบบนี้อยู่ไหม

“งั้นก็ทำงานของคุณสิน้ำหวาน” ธีร์วางฝ่ามือบนพวงแก้มนุ่มของหญิงสาว เขาแนบจูบรสเหล้าเข้าหาอย่างเนิบช้า ชลธารดูเงอะงะเหมือนคนไม่เป็นงาน นั่นทำให้เขานึกขัดใจ กระชากตัวหญิงสาวเข้ามาหา แล้วระดมจูบใส่อย่างหนักหน่วงและรุนแรง

“อื้อ” คนถูกจูบจนแทบหายใจไม่ออก ทำแค่ผลักหน้าอกเขาไว้เบา ๆ ไม่กล้าออกแรงผลักมากกว่านี้ ชลธารต้องเตือนตัวเองว่าเขาคือลูกค้า และนี่คืองานของเธอ

ฝ่ามือหนาของธีร์เลื่อนลงไปกอบกุม ความนุ่มหยุ่นของหญิงสาว ซึ่งเจ้าตัวก็ผวาตกใจรีบดึงมือเขาออก

“หวาน” ธีร์เรียกชื่อเล่นของหญิงสาว ตามที่เจ้าตัวแทนชื่อตัวเองกับเขาก่อนหน้านี้

“ที่อื่นได้ไหมคะ” ชลธารเห็นฝั่งตรงข้ามเริ่มถอดเสื้อผ้ากันแล้ว หญิงสาวกลับทำใจทำเรื่องนี้ ต่อหน้าพวกเขาไม่ได้ ธีร์ปรายตามองตามสายตาของคนพูด เขาเข้าใจในความต้องการของหญิงสาวได้ไม่ยาก

“ฟลินซ์ขอตัวก่อนนะ เชิญคุณตามสบาย”

“อือ ๆ” คนที่กำลังก้ม ๆ เงย ๆ กับความอวบอิ่มตรงหน้า ส่งเสียงอู้อี้ออกมาเป็นการรับรู้

ธีร์ดึงข้อมือของชลธาร ให้ลุกขึ้นเดินตามเขาออกจากห้องคลับสุดหรูไป ระหว่างทางนั้นชลธารแทบจะก้มหน้างุด ไม่กล้าเงยขึ้นมามองผู้คนด้วยซ้ำ แต่เขากลับหยุดแบบกะทันหัน

“อ๊ะ” ใบหน้างามเลยกระแทกแผ่นหลังหนาของเขาอย่างจัง รีบยกมือขึ้นจับจมูกตัวเองด้วยความเจ็บ

“เดินไม่ดูทางเลยนะหวาน ไหนดูหน่อย” เขาดุพร้อมกับดึงมือของชลธารออกจากจมูก ลองจับเบา ๆ ดู ครั้นเห็นว่าไม่เป็นไรแล้ว จึงถามในสิ่งที่ตนอยากรู้ต่อ

“ว่าแต่คุณไปค้างข้างนอกกับแขกได้เหรอ ผมต้องขอใครก่อนไหม” ถามแล้วก็มองหาคนที่ดูแล้ว เหมือนจะเป็นคนดูแลเรื่องนี้

“ไม่ค่ะไม่ต้องขอ หวานตัดสินใจเองได้ค่ะ” เพราะเธอทำงานแบบอิสระ ไม่ได้มีข้อผูกมัดกับสถานที่ จ่ายก็แค่ค่านายหน้าในแต่ละครั้งเท่านั้นเอง

“อิสระไม่สังกัดค่ายสินะ ดี ง่ายดี” สามคำสุดท้ายทำชลธารหน้าชาไปหมด หญิงสาวเดินตามแรงฉุดข้อมือของเขา ไปจนถึงรถคันสุดหรู คันที่เธอเคยแต่มองดู ด้วยความอยากรู้ว่า ข้างในจะนั่งสบายไหมนะ

ธีร์เปิดประตูแล้วดันตัวเธอเข้าไปนั่ง ก่อนจะอ้อมไปเปิดประตูฝั่งคนขับ หญิงสาวได้รู้แล้วว่ารถคันนี้นั่งสบายอย่างที่คิดไว้จริง ๆ กว้างขวางโล่งโปร่ง กลิ่นหอมบนเสื้อผ้าที่แขวนอยู่เบาะหลัง เป็นกลิ่นของความสะอาดสะอ้าน ไม่ต่างไปจากกลิ่นตัวของเจ้าของรถคันนี้เลย

“ผมจะไม่พูดเรื่องงานของเรานะหวาน คุณแค่ทำงานของคุณ ทำหน้าที่ของคุณก็พอ ไม่ต้องคิดว่าผมคือใครคุณคือใคร เข้าใจไหม” เขากำชับก่อนหมุนพวงมาลัยออกจากลานจอดรถคลับหรูแห่งนี้ไป

“เข้าใจค่ะ” ชลธารตอบเขาแล้วหันไปมองท้องถนนด้านข้าง เป็นค่ำคืนที่เธอต้องตัดสินใจเลือกทำบางอย่าง ที่จะเปลี่ยนแปลงตัวเธอไปตลอดชีวิต หญิงสาวกลืนน้ำลายลงคอหนืด ๆ กอดตัวเองเอาไว้แน่น ๆ ทำไมรู้สึกหนาวเหน็บขึ้นมาแบบนี้

“หนาวเหรอเอาเสื้อผมคลุมตัวไว้ก่อน ผมหรี่แอร์ลงสุดแล้วนะ” รถจอดติดไฟแดงพอดี ธีร์เอี้ยวตัวเอื้อมมือไปหยิบสูทของตนเอง มาคลุมให้หญิงสาว

“ก็ใส่ซะเหมือนไม่ใส่แบบนี้ จะไม่ให้หนาวได้ไง”

คำขอบคุณที่กำลังจะเอ่ยออกไป ถึงกับชะงักค้างอยู่ในลำคอ แล้วเลือกที่จะไม่เอ่ยมันออกมา มือทั้งสองข้างภายใต้เสื้อสูทของเขา กำเข้าหากันแน่น ถ้าไม่จำเป็นเธอคงไม่ใส่ชุดนี้เหมือนกัน

คอนโดมิเนียมสุดหรูของธีร์ ตั้งตระหง่านอยู่ใจกลางกรุงเทพฯ ชายหนุ่มเดินนำทางชลธารเข้าไปแบบเร่งรีบ เหมือนกลัวว่าจะมีคนมาเห็นเข้า มีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยเฝ้าหน้าประตูทางเข้าอยู่ แต่พวกเขาต่างยิ้มให้หญิงสาว เหมือนรู้ว่าเธอมาที่นี่ทำไม

“ทีหลังห้ามแต่งตัวแบบนี้มาอีกนะ” ประตูลิฟต์ปิดลง ธีร์ก็หันมาบอกด้วยน้ำเสียงดุ ๆ

ชลธารทวนคำพูดเขาในใจ พร้อมกับคำถามเกิดขึ้นตามมา ‘ทีหลังห้ามแต่งตัวแบบนี้มาอีกนะ’ มีครั้งต่อไปด้วยเหรอ คิดแล้วก็ปรายตามองเขาเล็กน้อย หากเป็นเขาทุกครั้งไปก็ดีสิ

อ่านต่อ

หนังสืออื่นๆ ของ มาชาวีร์

ข้อมูลเพิ่มเติม
ทะลุมิติมาเป็นภรรยาตัวน้อยของสามีพิการ

ทะลุมิติมาเป็นภรรยาตัวน้อยของสามีพิการ

โรแมนติก

4.8

เจ้าของร่างเดิมถูกท่านย่าตัวเอง ขายให้ชายพิการด้วยเงินเพียงห้าตำลึง จึงคิดสั้นไปกระโดดน้ำฆ่าตัวตาย ทำให้วิญญาณของเซี่ยซือซือทะลุมิติมาเข้าร่างแทน ชีวิตในโลกนี้บิดามารดาล้วนตายไปแล้ว เหลือเพียงน้องสาวกับน้องชายร่างกายผอมแห้งหิวโซสองคน เธอต้องช่วยพวกเขาให้รอด ก่อนจะถูกคนชั่วพวกนี้ขายทิ้งไปแบบเธอ 1 : ทะลุมิติ แคว้นจ้าว หมู่บ้านตระกูลแซ่อวี่ ภายในบ้านสกุลเซี่ย “ท่านพี่รีบกินเร็วเข้า” เสียงเด็กเล็กดังก้องอยู่ข้างหูอย่างน่ารำคาญ ว่าแต่ฉันมีน้องชายตั้งแต่เมื่อไหร่กัน รู้สึกได้ถึงอะไรแข็ง ๆ มาแตะที่ริมฝีปาก ทว่ายังลืมตาไม่ขึ้น “ท่านพี่กินสิ ๆ” เซี่ยซือซือรู้สึกหนักอึ้งไปทั้งศีรษะ พยายามที่จะเปิดดวงตาขึ้นมอง เจ้าของเสียงเล็ก ๆ ด้านข้าง “ท่านพี่ ๆ ท่านพี่อย่าตายนะ ลืมตาสิท่านพี่” “นังตัวดีออกมาเดี๋ยวนี้นะ !” เสียงเอะอะโวยวายดังหนวกหูเซี่ยซือซือเป็นอย่างมาก ปัง ๆ เสียงเคาะประตูดังขึ้นเรื่อย ๆ เซี่ยซือซือลืมตาขึ้นจนได้ พลันสมองกลับมีเรื่องราวพรั่งพรูเข้ามาไม่ขาดสาย จนต้องกรีดร้องออกมาอย่างเจ็บปวด อ๊าก ! “พี่รอง !” เด็กน้อยเซี่ยซือหยางในวัยสามหนาวเรียกพี่สาวพร้อมเบะปากอยากร้องไห้ “ท่านพี่ !” เซี่ยซานซานทิ้งบานประตูที่ตัวเองดันไว้ หันกลับมาดูพี่สาวด้วยความตกใจ “ท่านพี่ ๆ ท่านเป็นอะไร อย่าทำให้พวกข้าตกใจสิท่านพี่ !” ผลัวะ ! มีคนถีบประตูบานเก่าผุพังเข้ามาภายในห้อง เด็กทั้งสองรีบเข้าไปขวางผู้บุกรุกไม่ให้ทำร้ายพี่สาว แม่เฒ่าเซี่ย เซี่ยจิ่วเม่ย หน้าตาแลดูดุร้าย ไม่ใช่หญิงชราใจดีแต่อย่างใด ด้านหลังของแม่เฒ่าเซี่ยยังมีลูกสะใภ้บ้านใหญ่ กับบ้านรองเดินตามมา ท่าทางดุดันเอาเรื่อง “ไอ้พวกบ้านสามตัวดี กล้าลักขโมยอาหารเอาไว้กินเอง ยังเห็นแม่เฒ่าอย่างข้าอยู่ในสายตาหรือไม่ ไอ้พวกหมาป่าตาขาว ดูซิวันนี้ข้าจะจัดการพวกเจ้าอย่างไร” “ท่านย่าพวกข้าไม่ได้ขโมยนะ นี่เป็นหมั่นโถวของท่านพี่ ท่านพี่ไม่สบายข้าแค่เก็บไว้ให้ท่านพี่เท่านั้นเอง” เซี่ยซานซานยังเป็นเด็กหญิงวัยสิบหนาว แต่นางข่มความกลัวตอบโต้ผู้ใหญ่ในบ้านออกไป “หึ กฎบ้านก็มีบอกอยู่แล้วถ้าพลาดมื้ออาหารไปก็คืออด แต่พวกเจ้ากลับแหกกฎ แอบยักยอกอาหารเก็บไว้กินเอง ยังมีหน้ามาเถียงท่านแม่อีก ท่านแม่ท่านต้องลงโทษคนบ้านสามนะเจ้าคะ ไม่เช่นนั้นข้าไม่ยอมจริง ๆ ด้วย ตอนนั้นยวี่เฟยของข้านางได้พลาดมื้อเย็นไป ท่านก็ไม่ให้นางกินนะเจ้าคะ” สะใภ้บ้านรองนามว่าจงอี้ซิน ย้อนรำลึกถึงเรื่องลูกสาววัยแปดปีของตัวเองขึ้นมา “ดูเจ้าเด็กพวกนี้สิท่านแม่ กางแขนปกป้องพี่สาวตัวเอง ช่างน่าสมเพชไม่รู้จักสำเหนียกกำลังตัวเอง ถุย !” หลินพ่านเอ๋อสะใภ้บ้านใหญ่มองดูเด็กทั้งสองพร้อมถ่มน้ำลายใส่ตรงหน้า แม่เฒ่าเซี่ยมองลูกสะใภ้ทั้งสองสลับกันไปมา เดินตรงไปกระชากหมั่นโถวเย็นชืดแถมแข็งปานหิน ออกจากมือของเซี่ยซือหยาง “แง ๆ ๆ” เด็กน้อยถูกแย่งของกินของพี่สาวไป ถึงกับแผดเสียงร้องลั่น “เจ้าคนชั่ว ! เอามานะ ของท่านพี่ข้า” กำปั้นน้อย ๆ ทุบไปยังต้นขาของแม่เฒ่เซี่ย “เจ้าเด็กเนรคุณกล้าตีข้ารึ นี่นะ !” แม่เฒ่าเซี่ยเตะทีเดียวเซี่ยซือหยางก็กระเด็นไปติดกับผนังห้อง “น้องเล็ก !” เซี่ยซานซานรีบวิ่งไปอุ้มน้องชายขึ้นมากอดไว้ด้วยความตกใจ “ท่านย่า น้องเล็กยังเด็กไม่รู้ความ เหตุใดท่านถึงได้ใจร้ายเช่นนี้” “แง ๆ ๆ” เสียงร้องไห้ของเด็กน้อยฟังแล้วน่าสงสารจับใจ ดวงตาที่ปิดไว้ก่อนหน้าของเซี่ยซือซือ ลืมขึ้นหลังจากค้นพบว่า ตัวเองได้ทะลุมิติมายังอดีตอันไกลโพ้นแล้วจริง ๆ หลังจากหลับตาลืมตาอยู่หลายหน เรียบเรียงความคิดที่ไหลเข้ามาไม่ยอมหยุด เมื่อค่อย ๆ จัดการกับมันได้ ความเจ็บปวดที่ศีรษะก่อนหน้าจึงบางเบาลง และมองเหตุการณ์ตรงหน้าอย่างเฉยชา ครบสูตรของการทะลุมิติจริง ๆ มีท่านย่าผู้ชั่วร้าย ขนาบข้างด้วยป้าสะใภ้เลวทั้งสอง ครั้นหันไปมองน้องสาวในวัยสิบขวบของตัวเองกับน้องชายตัวน้อย ทั้งตัวดำเมี่ยมเหมือนไม่ได้อาบน้ำมาเป็นเดือน ร่างกายผอมแห้งเหลือแต่กระดูก เสื้อผ้าเก่าขาดมีรอยปะชุนเต็มไปหมด เส้นผมแห้งกรังเหมือนไม่ผ่านน้ำมานาน ยกมือของตัวเองขึ้นมาดู ไม่ได้มีสภาพต่างกันแม้แต่น้อย ครั้นเงยหน้ามองป้าสะใภ้ใหญ่ร่างกายอวบอ้วนเต็มไปด้วยก้อนไขมัน ป้าสะใภ้รองแม้ไม่ได้อ้วนแต่ก็ไม่ได้ผอม ยิ่งแม่เฒ่าเซี่ยด้วยแล้ว ร่างกายบึกบึนเหมือนคนกินดูอยู่ดีมาตลอด “ท่านแม่ดูอาซือมองท่านสิเจ้าคะ” สะใภ้ใหญ่เห็นสายตาเย็นเยียบของคนที่นอนอยู่บนเตียงก็อดแปลกใจไม่ได้ ดูเยือกเย็นจนไม่น่าไว้ใจ “เจ้าอย่าคิดว่ากระโดดน้ำตายแล้วทุกอย่างจะจบนะอาซือ ข้ารับเงินคนบ้านถานมาแล้ว ถ้าเจ้าตายข้าจะให้อาซานไปแทนเจ้า” คำพูดของแม่เฒ่าเซี่ยทำให้ดวงตาของเซี่ยซือซือเบิกกว้าง ท่านย่าของนางขายนางให้คนบ้านถานในราคาแค่ห้าตำลึง เจ้าของร่างเดิมไม่อยากไปเป็นเมียคนพิการ เลยไปกระโดดน้ำฆ่าตัวตาย ทว่าเธอที่มาจากยุคปัจจุบันกลับเข้ามาแทนที่เจ้าของร่างนี้ เจ้าของร่างเดิมว่ายน้ำไม่เป็น จึงได้ขาดอากาศตายใต้น้ำ แต่เธอที่เข้ามาสวมร่างกลับพาร่างนี้ขึ้นมาจากน้ำได้ โชคชะตาคงเล่นตลกให้เธอกับเจ้าของร่างเดิมมีชื่อเดียวกัน “ท่านย่าอาซานยังเด็กนัก ท่านอย่าได้ทำเช่นนั้นเลย” นานมากกว่าที่นางจะเอ่ยออกมา “มันอยู่ที่เจ้าอาซือ ข้าขอเตือนเอาไว้ อีกสองวันคนบ้านถานจะมารับตัวเจ้าแล้ว อย่าให้เกิดเรื่องขึ้น ไม่อย่างนั้นข้าจะส่งอาซานไปแทนเจ้า แล้วขายซือหยางทิ้งเสีย” แม่เฒ่าเซี่ยจ้องหน้าเซี่ยซือซือแบบอาฆาต เด็กนี่ก่อนหน้าดูอ่อนแอไร้ทางสู้ ทำไมวันนี้ถึงได้ดูแปลกตาไปนัก “ท่านแม่เจ้าคะ ท่านจะลงโทษคนบ้านสามเรื่องหมั่นโถวนี่อย่างไรเจ้าคะ” สะใภ้ใหญ่ยังไม่ยอมปล่อยสามพี่น้องไปง่าย ๆ “พรุ่งนี้งดอาหารบ้านสาม” แม่เฒ่าเซี่ยเอ่ยแล้วหันหลังเดินออกจากห้องของเด็กน้อยทั้งสามไป โดยมีสะใภ้ใหญ่เดินตามไปด้วย “พวกเจ้าได้ยินแล้วใช่ไหม จำใส่หัวเอาไว้ดี ๆ ด้วยล่ะ” สะใภ้รองหมุนตัวตามหลังไปติด ๆ “ท่านพี่ต่อไปท่านอย่าทำเช่นนี้อีกนะเจ้าคะ ข้ากับน้องเล็กจะทำอย่างไร ถ้าท่านไม่อยู่” เซี่ยซานซานปล่อยเสียงร้องไห้ในทันที

ข้าคือดาวมงคลน้อยหลินลู่ฉี

ข้าคือดาวมงคลน้อยหลินลู่ฉี

ประวัติศาสตร์

4.4

เมื่อยมทูตหน้าใหม่ดึงวิญญาณมาผิดดวง เพื่อรักษาไว้ซึ่งสมดุลของโลกวิญญาณ หลินลู่ฉีผู้มีปราณมงคลในยุคปัจจุบัน จึงถูกส่งไปยังต่างโลก สวมร่างเด็กน้อยวัยสามขวบ ที่เพิ่งถูกงูกัดตายด้านหลังอารามเต๋า เจ้าอาวาสไม่อาจยอมรับวิญญาณสวมร่างได้ แต่เมื่อขับไล่วิญญาณร้ายออกจากร่างกายไม่ได้ จึงจำเป็นต้องขับไล่คน ออกจากอารามแทน ++++ "อนิจจาวาสนาเด็กน้อยได้ดับสิ้นลงแล้ว จี้คงเตรียมพิธีสวดส่งวิญญาณให้นางเถอะ" นักพรตเฒ่าสั่งการลูกศิษย์ตัวน้อย หันหลังหมายจะเดินกลับไปยังที่พักของตน "ขอรับท่านอาจารย์" จี้คงขานรับคำสั่ง หันไปเตรียมสิ่งของสำหรับทำพิธีสวดส่งวิญญาณผู้ตาย ทว่าผ่านไปเพียงอึดใจเดียว "อ๊ากกก ! มีผี !" เสียงกรีดร้องดังลั่น ร่างเล็ก ๆ ของเขาวิ่งไปหลบอยู่ด้านหลังผู้เป็นอาจารย์ "จี้คงมีอะไร" "นะนางลืมตาขอรับท่านอาจารย์" เด็กน้อยชี้นิ้วสั่น ๆ ไปที่ศพบนพื้น "ว่าอย่างไรนะ" นักพรตเฒ่ารีบตรงไปคุกเข่าอยู่ด้านข้างศพ เห็นเปลือกตาของนางขยับไปมา ก่อนจะปรือลืมขึ้นอย่างลำบากยากเย็น "นี่มัน...เป็นไปไม่ได้" รีบคว้าข้อมือของเด็กน้อยมาจับชีพจรดู ดวงตาของนักพรตเฒ่ามืดมนลงในทันที แตะนิ้วทำนายชะตา นี่มันคือการสลับร่างเปลี่ยนวิญญาณ ดึงตัวลูกศิษย์ถอยหลังไปสามก้าว "ผีร้ายตนไหนกล้ามาสวมร่างคนตาย จงออกไปเสีย !" ผีร้ายที่ว่ากำลังมึนงงกับเหตุการณ์ตรงหน้า จำได้ว่าเธอกำลังขับรถกลับบ้าน ใช่แล้ว เกิดอุบัติเหตุขึ้น มีรถบรรทุกเสียหลัก พุ่งมาชนรถของเธอ จากนั้นทุกอย่างก็ดับวูบไป ท่าทางเหม่อลอยไร้สติของนางทำนักพรตเฒ่าหวาดระแวงในทันที เตรียมหยิบยันต์ป้องกันภูตผีออกมา ขณะที่เด็กน้อยยกฝ่ามือของตัวเองขึ้นเพ่งมองอย่างประหลาดใจ ดวงตาคู่กลมน้อยกลอกกลิ้งไปมาอย่างสับสน นิ้วมือสั้น ๆ นี่มันอะไร ขยับปลายเท้าเข้าหากัน ขาก็สั้น พลิกฝ่ามือตัวเองไปมา สีหน้าคล้ายคนอยากร้องไห้ นี่มันโลกถล่มใส่หัวของเธอหรืออย่างไรกัน เปรี๊ยะ ! ยันต์ขับไล่ภูตผีถูกปาใส่นางสุดแรง ก่อนที่มันจะปลิวร่อนลงไปกองอยู่บนพื้น ยันต์ไม่เกิดการเผาไหม้ ผีร้ายยังคงอยู่ในร่างกายของเด็กน้อย "เจ้า ๆ ๆ ออกไปจากร่างของนางเดี๋ยวนี้ !" นักพรตเฒ่าชี้นิ้วพร้อมดึงยันต์สายฟ้าฟาดออกมาอีกแผ่น นี่นับเป็นยันต์ที่ทรงพลังที่สุดของเขาแล้ว รีบปาใส่เด็กน้อยสุดแรง เปรี๊ยะ ! ทว่าไร้ผลอยู่ดี... ตาเฒ่านี่เล่นตลกอะไรกัน... [นิยาย3เล่มจบ 252ตอน]

รักระทวย

รักระทวย

โรแมนติก

5.0

บุหรี่ เหล้า น้ำหอม เอรินแพ้หมด แต่เจ้านายคนใหม่ของหญิงสาวมีครบทุกสิ่งที่เอ่ยมา คนหนึ่งถูกทิ้งมาอีกคนชีวิตน่าเบื่อหน่าย เมื่อทั้งคู่มาพบเจอกันในวันเวลาที่เหมาะสม ความปรารถนาก่อตัวขึ้น เกิดเป็นเกลียวสวาทที่ตัดกันไม่ขาดอีกต่อไป “ริน” เสียงเรียกเนิบ ๆ ทำให้เอรินหยุดดิ้นรน เงยหน้าขึ้นมาก็เจอสายตาหยาดเยิ้มจากเขา สายตาที่เธอไม่เคยเห็นจากที่ไหนมาก่อน หัวใจเริ่มเต้นแรงขึ้นเรื่อย ๆ ก่อนลมหายใจจะติดขัดจากประโยคถัดมาของเขา “มาลองกันสักครั้งดูไหม” เอรินไม่เคยผ่านประสบการณ์ด้านความรัก แต่ด้วยอายุอานามหญิงสาว กลับมีความต้องการตามธรรมชาติของร่างกาย ทว่ายังไม่เคยเจอผู้ชายคนไหนที่ถูกใจมาก่อน ต่างกับคริสเขาดูดีทุกอย่าง เพียบพร้อมไปหมด แต่เธอห้ามใจเอาไว้ไม่ให้หลงใหลได้ปลื้มเขา เพราะคิดว่าเขามีคนรักอยู่แล้ว ทว่าวันนี้เขากลับมายื่นข้อเสนอแบบนี้กับเธอ หญิงสาวคิดไม่ตกทำตัวเริ่มไม่ถูกแล้วเหมือนกัน เผลอยกมือขึ้นถูหลังหูแบบลืมตัว “ว่าไง” คริสขยับเข้ามานั่งชิดกับเอริน เขาดันปลายคางของหญิงสาวเข้ามาหา “ลองจูบดูก่อนก็ได้ ถ้าไม่โอเคก็ปฏิเสธผมจะหยุดทันทีดีไหม” เขาแนะทางออกให้เอริน “แบบนั้นรินก็ใจง่ายสิคะ” ใจหนึ่งของเอรินอยากลองอีกใจก็ขลาดกลัว “ผมก็ใจง่ายมีอะไรกับผู้หญิงง่าย ๆ หมดแหละ” รอยยิ้มเท่ ๆ จากเขาทำผู้หญิงละลายมาหลายคน แต่กับเอรินทำไมถึงได้ดูตื่นตะลึงไปหมดแบบนี้ หญิงสาวเม้มริมฝีปากเข้าออกเป็นจังหวะ จะพูดก็ไม่พูดอึกอักจนน่าหงุดหงิด “ผมไม่ใช่สเปกว่างั้น” “ไม่ใช่ค่ะ” เธอชอบเขาจะตายไป หล่อคมเข้มสูงยาวเข่าดีมีใครบ้างไม่ชอบ “งั้นทำไมไม่ลองดูล่ะ เราโต ๆ กันแล้ว เรื่องแบบนี้มันก็ปกติจะตายไป” คริสเปลี่ยนเสียงให้นุ่มทุ้มหูขึ้น ทำให้เอรินหน้าเห่อร้อน ยกนิ้วทัดเส้นผมตรงใบหูทั้งที่ไม่ได้มีลมพัดมาสักแอะเดียว เริ่มร้อน ๆ หนาว ๆ กับสายตาที่เปลี่ยนไปของเจ้านาย “จูบ” คริสเอ่ยขึ้นพร้อมกับเลื่อนฝ่ามือไปจับท้ายทอยของเอริน เขาดึงแว่นตาออกวางไว้บนโต๊ะ (รักระทวย)

รักซ้ำรอย

รักซ้ำรอย

โรแมนติก

4.9

“ก่อนทำเรื่องนี้พี่ขอถามน้องภาสักข้อได้ไหม” ธาวิศพูดแล้วก้าวเท้าเข้าไปหาคนบนเตียง “ได้ค่ะ” นิภาก้มหน้ายามตอบ ธาวิศทิ้งสะโพกลงนั่งด้านข้าง พร้อมกับดันปลายคางของหญิงสาวให้ขึ้นมองหน้าเขา “น้องภาเต็มใจใช่ไหม” แววตาของคนถูกถามสั่นระริกไปมา ปากจิ้มลิ้มก็ขยับขึ้นลงเหมือนคนคิดไม่ออกว่าควรตอบอย่างไร “น้องภาพี่ถามว่าเต็มใจใช่ไหม หรือว่าถูกคุณยายบังคับ” คราวนี้ธาวิศเน้นน้ำหนักเสียงมากขึ้นกว่าเดิม “ภาเต็มใจค่ะ” หญิงสาวตอบเขาแล้ว แต่เป็นคำตอบที่เต็มไปด้วยความไม่มั่นใจในตัวเอง “ไม่ได้ถูกบังคับแน่นะ” “ค่ะ ภาไม่ได้ถูกบังคับ ภาเต็มใจค่ะพี่ภูมิ” ธาวิศกัดฟันกรอดในคำตอบที่เขาไม่ปรารถนาจะได้ยิน ออกแรงผลักหน้าอกนิภาจนล้มลงไปนอนอยู่บนเตียง ปลดกระดุมเสื้อนอนของตนเองออกทีละเม็ด โดยที่สายตาก็ยังจดจ้องอยู่กับคนตรงหน้า “ระหว่างเรามันจะไม่มีความผูกพันอะไรกันทั้งนั้น เราทำเรื่องนี้ก็เพื่อคุณยาย เสร็จจากนี้ไปพี่ก็จะกลับกรุงเทพฯ ไปใช้ชีวิตกับคนรักของพี่ตามเดิม ภายังรับได้อยู่ใช่ไหม” ชายหนุ่มพูดจบก็ทิ้งเสื้อนอนลงบนพื้น คนบนเตียงก็ยังเม้มริมฝีปากตัวเองเอาไว้แน่น คำตอบไม่มาสักทีเขาเลยต้องเลิกคิ้วขึงตาใส่ “ค่ะภารับได้” คำพูดที่เปล่งออกมาช่างเบาหวิว คงไม่ต่างไปจากอารมณ์ของคนพูด “รับได้ก็ดี อย่ามาเรียกร้องอะไรทีหลังก็แล้วกัน ไม่งั้นพี่เอาตายแน่” ธาวิศทาบร่างตัวเองลงบนลำตัวของนิภา มองจุดหมายแรกที่จะเริ่มต้นทำรัก ประทับจูบลงบนริมฝีปากนุ่มนิ่มของหญิงสาว สัมผัสแรกของทั้งคู่ช่างตราตรึงในความรู้สึก จากที่จะจูบเพียงแผ่วเบากลายเป็นแทรกลึกดูดดื่มขึ้นตามอารมณ์ (รักซ้ำรอย)

บุตรีอนุผู้ถูกทอดทิ้ง

บุตรีอนุผู้ถูกทอดทิ้ง

โรแมนติก

4.8

หลี่เมิ่งเหยาย้อนเวลามาอยู่ในร่าง ของเด็กสาววัยสิบสองปี ในวันที่มารดาอนุผู้โง่เขลา ถูกขับไล่ออกจากจวน โชคยังดีที่ตอนตาย นางสวมกำไลหยกโลกันตร์เอาไว้ มันจึงติดตามนางมาที่นี่ด้วย +++ 1 : มารดาโง่ จนถูกไล่ออกจากตระกูล จวนตระกูลหลี่เจ้าเมืองถัง สตรีสองนางถูกสาวใช้จับคุกเข่าลง ตรงหน้าของหลี่หงซวนเจ้าเมืองถัง ทั้งยังเป็นพ่อสามีของทั้งคู่อีกด้วย ท่านกำลังสอบสวนเรื่องของสะใภ้ใหญ่ของบ้านสาม ถูกฮูหยินรองกับอนุรวมหัวกันลอบทำร้าย ด้วยการวางยาขับเลือดในถ้วยน้ำแกงบำรุงครรภ์ ทำให้นางต้องสูญเสียทารกในครรภ์ไป “ท่านพ่อข้าไม่รู้จริง ๆ ว่านั่นเป็นยาขับเลือด ฮูหยินรองบอกว่าเป็นน้ำแกงบำรุงครรภ์ ให้ข้าเป็นคนนำไปมอบให้ฮูหยินใหญ่ เป็นนางนั่นเอง นางหลอกข้า !” เฉาซูหลิ่งชี้นิ้วไปทางสตรีด้านข้าง ร้อนรนเอ่ยออกมาเหมือนคนไม่ได้รับความเป็นธรรม “อนุเฉาเจ้าอย่ามาใส่ร้ายข้านะ เจ้าทำคนเดียวทั้งนั้นไม่เกี่ยวกับข้าเลย” ฮูหยินรอง ถูซวงอี้ ชี้นิ้วใส่หน้าเฉาซูหลิ่งกลับคืน ต่างคนต่างโยนความผิดให้กัน ฮูหยินผู้เฒ่าหลิวเยี่ยนหนานโบกมือให้คนเข้ามา “ข้าให้โอกาสพวกเจ้าสองคนพูดความจริง แต่กลับไม่มีใครยอมรับความผิดแม้แต่คนเดียว มันน่าจับส่งทางการให้รู้แล้วรู้รอด” พ่อบ้านหลัวให้คนลากสาวใช้คนหนึ่งเข้ามา สภาพของนางถูกทรมานจนเนื้อตัวบวมช้ำไปหมด “เรียนนายท่านข้าให้คนไปค้นห้องสาวใช้ทุกคนในจวน พบเทียบยาซ่อนไว้ใต้หมอน จากห้องของสาวใช้คนนี้ขอรับ” ถูซวงอี้ถึงกับคุกเข่าต่อไปไม่ไหว ทิ้งตัวลงไปนั่งอยู่บนพื้น สาวใช้ที่ถูกทรมานจนสภาพน่าเวทนานั่น เป็นเสี่ยวอิงสาวใช้สินเดิมของนางเอง “ฮูหยินรอง ข้าขอโทษ ข้าทนต่อไปไม่ไหวจริง ๆ ข้าขอโทษ !” เสี่ยวอิงโขกศีรษะลงตรงหน้าของถูซวงอี้แรง ๆ น้ำตาไหลนองหน้าจน แทบไม่เป็นผู้เป็นคนอยู่แล้ว พ่อบ้านหลัวเอ่ย “ข้าให้คนไปถามที่หอโอสถแล้วขอรับนายท่าน เป็นเทียบยาขับเลือดจริง ๆ” หลี่หงซวนมองไปทางบุตรชายคนที่สามของตน พบว่าเขามีสีหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออก สตรีที่คุกเข่าอยู่ตรงหน้าคือฮูหยินรอง กับอนุภรรยาที่เขารักใคร่ไม่ต่างกัน เหตุใดถึงได้คิดร้ายต่อฮูหยินใหญ่ของเขาได้ เป็นเหตุให้เขาต้องสูญเสียลูกที่อยู่ในท้องของนางไป เดิมทีฮูหยินใหญ่ของเขาก็ตั้งท้องยากอยู่แล้ว เขารอมาตั้งนานกว่าจะมีวันนี้ได้ ไม่คิดมาก่อนว่าจะต้องสูญเสียไปเช่นนี้ “หย่วนเจ๋อนี่เป็นเรื่องในเรือนของเจ้า เจ้าอยากตัดสินเรื่องนี้ด้วยตัวเองหรือไม่” ผู้เป็นบิดาเอ่ยถามบุตรชาย “ไม่ ข้าไม่อยากเห็นหน้าพวกนางอีกต่อไป แล้วแต่ท่านพ่อเถอะขอรับ ข้าขอตัวไปดูฮูหยินใหญ่ก่อน” หลี่หย่วนเจ๋อคำนับบิดา สะบัดแขนเสื้อเดินจากไปในทันที หางตายังไม่แม้แต่จะมองสตรีทั้งสองนาง เฉาซูหลิ่งลนลานตามเขาไป “ท่านพี่ช่วยข้าด้วย ข้าไม่ผิดนะเจ้าคะ ท่านพี่ !” แต่ถูกบ่าวรับใช้ขวางทางเอาไว้ หลี่หงซวน “หยุดโวยวายได้แล้วอนุเฉา เจ้าเป็นคนถือถ้วยน้ำแกงใส่ยาขับเลือด ไปมอบให้ฮูหยินใหญ่ด้วยตัวเอง ยังคิดจะหนีความผิดนี้ไปได้อีกรึ” “ท่านพ่อขะข้าข้า...ไม่ผิด” เฉาซูหลิ่งทิ้งตัวไปด้านหลังอย่างหมดเรี่ยวแรง เดิมทีนางก็ไม่เป็นที่โปรดปรานของพ่อแม่สามีอยู่แล้ว เพราะไม่สามารถให้กำเนิดบุตรชายได้ ครั้นได้บุตรสาวก็นิสัยขี้ขลาดขี้กลัว ไหนเลยจะเชิดหน้าชูตาให้ตระกูลหลี่ได้ เฉาซูหลิ่งนั่งเหม่อลอย คล้ายคนจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว ขณะที่หลี่หงซวนกำลังประกาศโทษทัณฑ์ของพวกนาง ถูซวงอี้กับคนของนาง ถูกขายออกจากจวน ไปอยู่หอนางโลมอย่างเงียบ ๆ ชาตินี้อย่าได้ก้าวเท้า กลับมาเหยียบที่จวนตระกูลหลี่อีก ส่วนเฉาซูหลิ่งถูกขับไล่ออกจากจวน ไปพร้อมกับบุตรสาว ให้ไปอยู่เรือนร้างของตระกูลหลี่ที่เมืองฉาง ห้ามกลับมาที่ตระกูลหลี่อีกชั่วชีวิต “ท่านพ่อท่านขับไล่ข้าไป ข้ายังพอรับได้ เหตุใดต้องขับไล่เหยาเอ๋อร์ไปด้วย นางเพิ่งจะสิบสองปีเองนะเจ้าคะ” เฉาซูหลิ่งนึกถึงบุตรสาวร่างกายผ่ายผอม นอนซมเพราะพิษไข้อยู่ เกิดนึกสงสารนางขึ้นมาจับใจ ฮูหยินผู้เฒ่าหันไปมองสามีเล็กน้อย นางเห็นเด็กสาวคนนั้นมาตั้งแต่เกิด แม้ไม่ได้เอ็นดูแต่ก็นับว่าเป็นสายเลือดเดียวกัน “ฮูหยินเรื่องนี้ข้าตัดสินใจไปแล้ว ไม่อาจคืนคำได้” คำพูดของประมุขของตระกูล มีหรือใครจะกล้าขัด เฉาซูหลิ่งปล่อยเสียงร้องไห้โฮออกมาดัง ๆ นางโง่งมจนทำให้บุตรสาว ต้องมารับเคราะห์กรรมตามไปด้วย “ลากตัวอนุเฉาออกไป หารถม้าสักคันให้คนส่งนาง ไปที่เรือนร้างเมืองฉาง” คำสั่งของหลี่หงซวนเป็นคำขาด บ่าวไพร่รีบทำตามในทันที ครั้นได้อยู่ด้วยกันเพียงลำพังกับฮูหยินผู้เฒ่า หลี่หงซวนถึงได้บอกเหตุผล ที่ต้องตัดสินใจทำเช่นนี้ นั่นเพราะตระกูลจี้ได้ยื่นคำขาดมา ให้ขับไล่พวกเขาออกไปให้หมด อย่าให้เหลืออยู่แม้แต่ตนเดียว ไม่ต้องการให้คนที่ทำร้ายบุตรสาวของพวกเขา อยู่ระคายสายตาของจี้ชิวหรงอีกต่อไป ฮูหยินผู้เฒ่าแค่นออกมาหนึ่งคำ “อ้างเหตุผลข้าง ๆ คู ๆ ความจริงแล้วต้องการกำจัดอนุในเรือนบุตรสาวทิ้งให้หมด นี่กระทั่งเด็กคนหนึ่งก็ไม่เว้น แต่ก็เอาเถอะ เหยาเอ๋อร์อยู่ที่นี่ ก็ใช่จะมีประโยชน์อันใด นางไม่ได้อยู่ในสายตาของพวกเราด้วยซ้ำ ให้นางไปกับแม่ของนางนั่นแหละดีแล้ว” หลี่หงซวนนั้นเป็นเพียงเจ้าเมืองเล็ก ๆ มีตำแหน่งเป็นขุนนางขั้นที่ห้า ฝั่งตระกูลจี้บ้านเดิมของจี้ชิวหรงนั้น อยู่ในเมืองหลวงมีตำแหน่งใหญ่โตกว่าหนึ่งขั้น เรื่องนี้เขาจึงต้องขบคิด ถึงผลได้ผลเสียในอนาคตอีกด้วย การเสียสละอนุกับหลานสาวคนหนึ่ง เพื่อชดเชยให้แก่คนตระกูลจี้ นับว่าเป็นเรื่องสมควรทำแล้ว “ข้าก็คิดเช่นฮูหยินนั่นแหละ เพียงแต่สะใภ้สามแท้งคราวนี้ ไม่รู้จะยังสามารถตั้งท้องได้อีกหรือไม่ พวกเรารอดูไปก่อนดีกว่า หากนางไม่สามารถตั้งท้องได้จริง ๆ เราค่อยหาอนุมาให้หย่วนเจ๋อภายหลังก็ยังได้ ยามนั้นคนตระกูลจี้จะเอาอะไรมาง้างกับเราได้อีก” “จริงดังท่านว่าเจ้าค่ะ” ฝ่ายเฉาซูหลิ่งที่ถูกคนใช้ ลากตัวออกมาให้เก็บของในเรือน นางส่งเสียงเอะอะโวยวายตลอดทาง พร่ำบอกต้องการพบหลี่หย่วนเจ๋อให้ได้ แต่ถูกสาวใช้ขวางไว้ไม่ให้ไป นางจำใจกลับไปยังห้องนอนของตัวเอง รีบเก็บของสำคัญใส่ห่อผ้าเพื่อออกเดินทาง

รักร้ายจอมทระนง

รักร้ายจอมทระนง

โรแมนติก

5.0

“แหวนไปไหน” “คะ” หญิงสาวรีบหดมือหนีในทันที “พี่ถามว่าแหวนไปไหน” คริษฐ์ยังย้ำคำถามเดิมแล้วจ้องหน้าคู่หมั้นสาวแบบไม่พอใจ “คืออยู่ที่ออฟฟิศมันต้องล้างแก้วกาแฟบ่อย ๆ รุ้งก็เลยถอดเก็บเอาไว้ค่ะกลัวมันจะสึกเสียก่อน” คำตอบของหญิงสาวค่อยทำให้คริษฐ์รู้สึกผ่อนคลายลงเล็กน้อย “ถ้าถอดออกพี่จะถือว่ารุ้งขอถอนหมั้นพี่นะ” “ก็ไม่ได้ถอนสักหน่อย แค่ถอดเก็บเอาไว้เฉย ๆ” “งั้นก็ใส่เสียสิ เดี๋ยวนี้เลย” คริษฐ์ถลึงตาใส่แกมบังคับ “ใส่ก็ใส่ค่ะ” คนพูดตัดพ้อเล็กน้อย แล้วหันไปหยิบกระเป๋าด้านข้างมาเปิดเพื่อหยิบแหวนหมั้นของตนออกมาสวมใส่ จากนั้นก็หันหลังมือให้เขาดู “พอใจหรือยังคะ” “ดี” “ว่าแต่พี่คริษฐ์มานั่งรอรุ้งทำไมคะ มีธุระสำคัญหรือเปล่า” หญิงสาววกมาหาคำถามแรกที่เธออยากรู้ แต่เขาดันจุดประเด็นเรื่องแหวนขึ้นมาแทรกเสียก่อน “แม่ให้พี่มาหาคู่หมั้นตัวเองบ้าง” ฟังเขาพูดแล้วรุ้งพรายชักเครียดขึ้นมาหน่อย ๆ “ถ้าคุณป้าพิมพ์ไม่บอกพี่คริษฐ์ก็คงไม่มาหารุ้งใช่ไหมคะ” “แล้วทำไมรุ้งถึงไม่ไปหาพี่เองบ้างล่ะ” “ก็รุ้งกลัวพี่คริษฐ์รำคาญ” บทสนทนาสิ้นสุดลงด้วยความเงียบด้วยกันทั้งสองฝ่าย คริษฐ์ถอนหายใจเบา ๆ ส่วนรุ้งพรายก็ก้มหน้าต่ำลง ทำไมถึงได้รู้สึกอึดอัดอย่างบอกไม่ถูก “พี่ไลน์หาอ่านแล้วทำไมไม่ตอบ” คริษฐ์เป็นฝ่ายเอ่ยขึ้นก่อนหลังจากเงียบมาเกือบหนึ่งนาที “พอดีรุ้งมาอ่านตอนดึกแล้วไม่อยากรบกวนพี่คริษฐ์ค่ะ” “ตอบมาสักคำก็ยังดี อย่าทำเหมือนพี่ไม่มีตัวตนนะรุ้ง จำเอาไว้ด้วยว่าพี่เป็นคู่หมั้นของรุ้ง” “มันไม่น่าจะเป็นแบบนี้นะคะพี่คริษฐ์” “อะไรกันที่ว่าไม่น่าจะเป็นแบบนี้” “รุ้งว่าเราถอนหมั้นกันดีกว่าไหมคะ ดูพี่คริษฐ์อึดอัดกับการหมั้นของเราเหลือเกิน ขนาดจะมาหารุ้งก็ต้องให้คุณป้าพิมพ์บังคับมาเลย” “แม่ไม่ได้บังคับพี่” “ไม่บังคับก็เหมือนบังคับนั่นแหละค่ะ ตั้งแต่ตอนเด็กแล้วพี่ คริษฐ์แทบไม่เคยขัดใจคุณป้าพิมพ์ได้เลย ถ้ามันเหนื่อยและยุ่งยากมากรุ้งขอถอนหมั้นไปเลยก็ได้ค่ะ” รุ้งพรายดึงแหวนออกจากนิ้วนางข้างซ้าย แล้ววางแหมะอยู่ตรงหน้าของเขา คริษฐ์มองแหวนมองคนแล้วอารมณ์ของเขาก็เดือดดาลขึ้น บทจะอยากได้ก็วิ่งตามติดเป็นเงา บทจะสลัดทิ้งก็ง่าย ๆ แบบนี้เหรอรุ้งพราย “ใส่กลับไปเดี๋ยวนี้” ชายหนุ่มแทบจะกัดฟันพูดออกมา “ไม่ค่ะ อ๊ะ! พี่คริษฐ์จะทำอะไรรุ้งไม่ใส่” รุ้งพรายถูกคริษฐ์กระชากมือมาแล้วจัดการสวมแหวนกลับที่เดิม “ใส่แล้วห้ามถอด ห้ามทำให้แม่พี่เสียใจรู้ไหม” “พี่คริษฐ์!” (รักร้ายจอมทระนง)

หนังสือที่คุณอาจชอบ

รักใจดำแสนทรมาน : ภรรยาบาปของคุณฟู่

รักใจดำแสนทรมาน : ภรรยาบาปของคุณฟู่

Keely Alexis
5.0

ในคืนแต่งงาน ฟู่ฮันจุนบีบคอของเธอ “เจียงอี้หาน ยินดีกับเธอด้วยนะ ตั้งแต่วันนี้ไปชีวิตของเธอจะตกนรก! ” เขาเชื่อว่าเธอเป็นคนทำให้พี่ชายของเขาตาย แต่งงานกับเธอแต่ไม่แตะต้องเธอ ปล่อยให้เธอใช้ชีวิตโดดเดี่ยวไปตลอดชีวิต! แต่น่าเสียดายที่เกิดเรื่องที่ไม่คาดฝันขึ้น เจียงอี้หานถูกบีบบังคับให้ใช้ร่างกายของเธอช่วยชีวิตฟู่ฮันจุน และตั้งท้องลูกของเขา เจียงอี้หานปกปิดท้องของเธอ ใช้ชีวิตอย่างระมัดระวังภายใต้สายตาของฟู่ฮันจุน ฟู่ฮันจุนเกลียดเธอ ตั้งใจทำให้เธออับอายทรมาน แต่กลับไม่ยอมให้ใครมาแตะต้องเธอแม้แต่ปลายเล็บ—— “คุณฟู่ คุณนายตบตีกับคนอื่นแล้วครับ! ” เขาแอบไปจัดการคนพวกนั้นจนสิ้นซาก “คุณฟู่ คุณนายบอกว่าทรัพย์สินทั้งหมดของตระกูลฟู่เป็นของเธอครับ! ” เขาแอบโอนหุ้นทั้งหมดให้เป็นชื่อของเธอ เจียงอี้หานไม่รู้เรื่องอะไรด้วยซ้ำ คิดแค่จะหนีให้พ้นอย่างเดียว ฟู่ฮันจุนใช้กำลังกอดเธอเข้ามาในอ้อมแขน “คุณนายฟู่ คุณจะพาลูกของเราไปไหนหรือ? ”

ภรรยาห้าตำลึงเงิน

ภรรยาห้าตำลึงเงิน

จิ้งจอกสะท้านหม้อไฟ
5.0

คนเราบางครั้งก็หวนนึกขึ้นมาได้ว่าตายแล้วไปไหน ซึ่งเป็นคำถามที่ไร้คำตอบเพราะไม่มีใครสามารถมาตอบได้ว่าตายไปแล้วไปไหน หากจะรอคำตอบจากคนที่ตายไปแล้วก็ไม่เห็นมีใครมาให้คำตอบที่กระจ่างชัด ชลดา หญิงสาวที่เลยวัยสาวมามากแล้วทำงานในโรงงานทอผ้าซึ่งตอนนี้เป็นเวลาพักเบรค ชลดาและเพื่อนๆก็มานั่งเมาท์มอยซอยเก้าที่โรงอาหารอันเป็นที่ประจำสำหรับพนักงานพักผ่อน เพื่อนของชลดาที่อยู่ๆก็พูดขึ้นมาว่า "นี่พวกแกเวลาคนเราตายแล้วไปไหน" เอ๋ "ถามอะไรงี่เง่าเอ๋ ใครจะไปตอบได้วะไม่เคยตายสักหน่อย" พร "แกล่ะดารู้หรือเปล่าตายแล้วไปไหน" เอ๋ยังถามต่อ "จะไปรู้ได้ยังไง ขนาดพ่อแม่ของฉันตายไปแล้วยังไม่รู้เลยว่าพวกท่านไปอยู่ที่ไหนกัน เพราะท่านก็ไม่เคยมาบอกฉันสักคำ" "อืม เข้าใจนะแก แต่ก็อยากรู้อ่ะว่าตายแล้วคนเราจะไปไหนได้บ้าง" "อืม เอาไว้ฉันตายเมื่อไหร่ จะมาบอกนะว่าไปไหน" ชลดาตอบเพื่อนไม่จริงจังนักติดไปทางพูดเล่นเสียมากกว่า "ว๊าย ยัยดาพูดอะไร ตายเตยอะไรไม่เป็นมงคล ยัยเอ๋แกก็เลิกถามได้แล้ว บ้าไปกันใหญ่" พรหนึ่งในกลุ่มเพื่อนโวยวายขึ้นมาทันที แต่ใครจะรู้ว่าหลังจากวันนั้นที่คุยกันที่โรงอาหารจะเป็นการคุยเล่นกันวันสุดท้ายของชลดา เพราะหลังจากเลิกงานกลับมาชลดาก็เสียชีวิตระหว่างเดินทางกลับหอพักด้วยสาเหตุวัยรุ่นยกพวกตีกันและมีการยิงกันเกิดขึ้นและชลดาคือผู้โชคร้ายที่ผ่านทางมาพอดี ท่ามกลางความเสียใจของเพื่อนๆ เอ๋ได้แต่หวังว่า ชลดาคงไม่มาบอกกับเธอจริงๆหรอกใช่ไหมว่าตายแล้วไปไหน

ทั่วหล้าฟ้าดิน ข้าคือผู้ครอง

ทั่วหล้าฟ้าดิน ข้าคือผู้ครอง

Coupling Shim
5.0

ในชาติก่อน ซูเยว่ซีถูกอวิ๋นถังยวี่ทำร้ายจนตาย ทำผิดต่อครอบครัวของท่านตา และตัวเองยังถูกทรมานจนตาย เกิดใหม่ครั้งนี้ นางตั้งใจจะจัดการกับพวกผู้ชายชั่วและหญิงเลวจัดการพ่อชั่ว เพื่อปกป้องแม่และครอบครัวของท่านตาให้ปลอดภัย พวกผู้ชายชั่วเข้ามาใกล้งั้นเหรอ นางจะใช้แผนให้เขาเสียชื่อเสียง หญิงตีสองหน้าเก่งชอบทำตัวอ่อนแองั้นเหรอ นางจะเปิดโปงธาตุแท้อีกฝ่ายและไล่นางออกจากจวนซู! ในชาตินี้ สิ่งที่นางต้องทำคือการจัดการพวกปลวกที่แอบแฝงอยู่ในราชสำนัก แก้แค้นคนทรยศ เพื่อปกป้องท่านตาที่เป็นคนซื่อสัตย์ นางใช้มือเรียวเป็นเครื่องมือ ก่อให้เมืองจิงเกิดความวุ่นวาย แต่ท่ามกลางความโกลาหล นางได้พบกับองค์ชาย ผู้ที่ทุกคนเล่าลือว่าเป็นคนพิการ “อวิ๋นเฮิง เจ้าจะมาขวางข้าหรือ” อวิ๋นเฮิงยิ้มเบาๆ “ไม่ ข้าตั้งใจจะมาช่วยเจ้า”

คุณท่าน คุณนายมาหาอีกแล้ว

คุณท่าน คุณนายมาหาอีกแล้ว

Thacher
5.0

ในวันครบรอบแต่งงาน เหวินซือถูกเมียน้อยของสามีวางยาและไปมีอะไรกับคนแปลกหน้า เธอสูญเสียความบริสุทธิ์ไป แต่เมียน้อยคนนั้นกลับตั้งท้องลูกของสามี ภายใต้ความกดดันต่างๆ เหวินซื่อสูญรู้สึกสิ้นหวังและตัดสินใจหย่า แต่สามีของเธอกลับไม่แยแสโดยคิดว่าเธอกำลังเล่นลูกไม้อยู่ หลังจากการหย่ากัน เหวินซือกลายเป็นจิตรกรที่มีชื่อเสียงและมีผู้ชายนับไม่ถ้วนที่ตามจีบเธอ อดีตสามีไม่ยอมและขอคืนดีไปถึงที่ จากนั้นก็ว่า เธออยู่ในอ้อมแขนของคนใหญคนโตคนหนึ่ง และชายคนนั้นก็พูดอย่างสงบว่า "ดูให้ดี นี่คือพี่สะใภ้ของนาย"

ฮูหยินของข้า แซ่บไม่เบา

ฮูหยินของข้า แซ่บไม่เบา

Burke Gee
5.0

ทุกคนรู้ดีว่า บุตรีคนโตที่ไม่เป็นที่โปรดปรานในจวนโหวอันติ้งแห่งเมืองหลวง ทำให้แม่แท้ๆ ของตนต้องเสียชีวิต เป็นคนที่ถูกมองว่าเป็นตัวโชคร้าย ก่อนแต่งงานก็ทำให้แม่เลี้ยงฝันร้ายอยู่หลายวัน ออกเดินทางไปทำบุญนอกเมืองก็ถูกโจรจับตัวไป แต่ใครจะคิดว่าโชคร้ายกลับกลายเป็นโชคดี นางเปลี่ยนนิสัยไปอย่างสิ้นเชิง ไม่ยอมให้ใครมารังแกอีกต่อไปที่แท้ซูชิงซวู่ ผู้สุดยอดสายลับที่ทะลุมิติมาเผชิญกับพ่อที่เย็นชา แม่เลี้ยงที่ชั่วร้าย คู่หมั้นที่นอกใจน้องสาวต่างแม่ แต่ไม่เป็นไร คอยดูว่าเธอจะจัดการพวกชั่วช้า และเอาคืนทุกอย่าง ทว่าทำไมท่านอ๋องผู้นั้นถึงมองมาที่เธอด้วยสายตาแปลกๆ นั่นล่ะเผ่ยเสวียนจู: บุญคุณที่ช่วยชีวิต ไม่มีสิ่งใดตอบแทนได้ นอกจากเอาตัวไปแลก

บท
อ่านเลย
ดาวน์โหลดหนังสือ
เมียเก็บจำเป็น
1

บทที่ 1 ตอนที่ : 1 อาชีพเสริม

20/02/2022

2

บทที่ 2 ตอนที่ : 2 อาชีพเสริม 2

20/02/2022

3

บทที่ 3 ตอนที่ : 3 ต่อรองราคา

20/02/2022

4

บทที่ 4 ตอนที่ : 4 ต่อรองราคา 2

20/02/2022

5

บทที่ 5 ตอนที่ : 5 หน้าที่เมียเก็บ

20/02/2022

6

บทที่ 6 ตอนที่ : 6 หน้าที่เมียเก็บ 2

20/02/2022

7

บทที่ 7 ตอนที่ : 7 หน้าที่เมียเก็บ 3

20/02/2022

8

บทที่ 8 ตอนที่ : 8 ควบคุม

20/02/2022

9

บทที่ 9 ตอนที่ : 9 ควบคุม 2

20/02/2022

10

บทที่ 10 ตอนที่ : 10 แหกกฎ

20/02/2022

11

บทที่ 11 ตอนที่ : 11 แหกกฎ 2

20/02/2022

12

บทที่ 12 ตอนที่ : 12 แหกกฎ 3

24/02/2022

13

บทที่ 13 ตอนที่ : 13 ช่วยแล้ว

24/02/2022

14

บทที่ 14 ตอนที่ : 14 ช่วยแล้ว 2

24/02/2022

15

บทที่ 15 ตอนที่ : 15 ช่วยแล้ว 3

24/02/2022

16

บทที่ 16 ตอนที่ : 16 เบื้องหลังการรักษา

24/02/2022

17

บทที่ 17 ตอนที่ : 17 เบื้องหลังการรักษา 2

24/02/2022

18

บทที่ 18 ตอนที่ : 18 เบื้องหลังการรักษา 3

24/02/2022

19

บทที่ 19 ตอนที่ : 19 คุณธอร์

24/02/2022

20

บทที่ 20 ตอนที่ : 20 คุณธอร์ 2

24/02/2022

21

บทที่ 21 ตอนที่ : 21 ปัญหาใหม่

27/02/2022

22

บทที่ 22 ตอนที่ : 22 ปัญหาใหม่ 2

27/02/2022

23

บทที่ 23 ตอนที่ : 23 ซับซ้อน

27/02/2022

24

บทที่ 24 ตอนที่ : 24 ซับซ้อน 2

27/02/2022

25

บทที่ 25 ตอนที่ : 25 เป็นได้แค่ไหน

27/02/2022

26

บทที่ 26 ตอนที่ : 26 เป็นได้แค่ไหน 2

27/02/2022

27

บทที่ 27 ตอนที่ : 27 เป็นได้แค่ไหน 3

27/02/2022

28

บทที่ 28 ตอนที่ : 28 ซ่อนไว้

27/02/2022

29

บทที่ 29 ตอนที่ : 29 ซ่อนไว้ 2

27/02/2022

30

บทที่ 30 ตอนที่ : 30 ซ่อนไว้ 3

27/02/2022

31

บทที่ 31 ตอนที่ : 31 ตัวจริงคุณธอร์

27/02/2022

32

บทที่ 32 ตอนที่ : 32 ตัวจริงคุณธอร์ 2

27/02/2022

33

บทที่ 33 ตอนที่ : 33 วันสำคัญ

27/02/2022

34

บทที่ 34 ตอนที่ : 34 วันสำคัญ 2

27/02/2022

35

บทที่ 35 ตอนที่ : 35 วันสำคัญ 3

27/02/2022

36

บทที่ 36 ตอนที่ : 36 ความผิดติดค้างในใจ

27/02/2022

37

บทที่ 37 ตอนที่ : 37 ความผิดติดค้างในใจ 2

27/02/2022

38

บทที่ 38 ตอนที่ : 38 คนในที่แจ้ง

27/02/2022

39

บทที่ 39 ตอนที่ : 39 คนในที่แจ้ง 2

27/02/2022

40

บทที่ 40 ตอนที่ : 40 คนในที่แจ้ง 3 (จบ)

27/02/2022