Login to MeghaBook
icon 0
icon เติมเงิน
rightIcon
icon ประวัติการอ่าน
rightIcon
icon ออกจากระบบ
rightIcon
icon ดาวน์โหลดแอป
rightIcon
รักร้ายจอมทระนง

รักร้ายจอมทระนง

มาชาวีร์

5.0
ความคิดเห็น
5.5K
ชม
53
บท

“แหวนไปไหน” “คะ” หญิงสาวรีบหดมือหนีในทันที “พี่ถามว่าแหวนไปไหน” คริษฐ์ยังย้ำคำถามเดิมแล้วจ้องหน้าคู่หมั้นสาวแบบไม่พอใจ “คืออยู่ที่ออฟฟิศมันต้องล้างแก้วกาแฟบ่อย ๆ รุ้งก็เลยถอดเก็บเอาไว้ค่ะกลัวมันจะสึกเสียก่อน” คำตอบของหญิงสาวค่อยทำให้คริษฐ์รู้สึกผ่อนคลายลงเล็กน้อย “ถ้าถอดออกพี่จะถือว่ารุ้งขอถอนหมั้นพี่นะ” “ก็ไม่ได้ถอนสักหน่อย แค่ถอดเก็บเอาไว้เฉย ๆ” “งั้นก็ใส่เสียสิ เดี๋ยวนี้เลย” คริษฐ์ถลึงตาใส่แกมบังคับ “ใส่ก็ใส่ค่ะ” คนพูดตัดพ้อเล็กน้อย แล้วหันไปหยิบกระเป๋าด้านข้างมาเปิดเพื่อหยิบแหวนหมั้นของตนออกมาสวมใส่ จากนั้นก็หันหลังมือให้เขาดู “พอใจหรือยังคะ” “ดี” “ว่าแต่พี่คริษฐ์มานั่งรอรุ้งทำไมคะ มีธุระสำคัญหรือเปล่า” หญิงสาววกมาหาคำถามแรกที่เธออยากรู้ แต่เขาดันจุดประเด็นเรื่องแหวนขึ้นมาแทรกเสียก่อน “แม่ให้พี่มาหาคู่หมั้นตัวเองบ้าง” ฟังเขาพูดแล้วรุ้งพรายชักเครียดขึ้นมาหน่อย ๆ “ถ้าคุณป้าพิมพ์ไม่บอกพี่คริษฐ์ก็คงไม่มาหารุ้งใช่ไหมคะ” “แล้วทำไมรุ้งถึงไม่ไปหาพี่เองบ้างล่ะ” “ก็รุ้งกลัวพี่คริษฐ์รำคาญ” บทสนทนาสิ้นสุดลงด้วยความเงียบด้วยกันทั้งสองฝ่าย คริษฐ์ถอนหายใจเบา ๆ ส่วนรุ้งพรายก็ก้มหน้าต่ำลง ทำไมถึงได้รู้สึกอึดอัดอย่างบอกไม่ถูก “พี่ไลน์หาอ่านแล้วทำไมไม่ตอบ” คริษฐ์เป็นฝ่ายเอ่ยขึ้นก่อนหลังจากเงียบมาเกือบหนึ่งนาที “พอดีรุ้งมาอ่านตอนดึกแล้วไม่อยากรบกวนพี่คริษฐ์ค่ะ” “ตอบมาสักคำก็ยังดี อย่าทำเหมือนพี่ไม่มีตัวตนนะรุ้ง จำเอาไว้ด้วยว่าพี่เป็นคู่หมั้นของรุ้ง” “มันไม่น่าจะเป็นแบบนี้นะคะพี่คริษฐ์” “อะไรกันที่ว่าไม่น่าจะเป็นแบบนี้” “รุ้งว่าเราถอนหมั้นกันดีกว่าไหมคะ ดูพี่คริษฐ์อึดอัดกับการหมั้นของเราเหลือเกิน ขนาดจะมาหารุ้งก็ต้องให้คุณป้าพิมพ์บังคับมาเลย” “แม่ไม่ได้บังคับพี่” “ไม่บังคับก็เหมือนบังคับนั่นแหละค่ะ ตั้งแต่ตอนเด็กแล้วพี่ คริษฐ์แทบไม่เคยขัดใจคุณป้าพิมพ์ได้เลย ถ้ามันเหนื่อยและยุ่งยากมากรุ้งขอถอนหมั้นไปเลยก็ได้ค่ะ” รุ้งพรายดึงแหวนออกจากนิ้วนางข้างซ้าย แล้ววางแหมะอยู่ตรงหน้าของเขา คริษฐ์มองแหวนมองคนแล้วอารมณ์ของเขาก็เดือดดาลขึ้น บทจะอยากได้ก็วิ่งตามติดเป็นเงา บทจะสลัดทิ้งก็ง่าย ๆ แบบนี้เหรอรุ้งพราย “ใส่กลับไปเดี๋ยวนี้” ชายหนุ่มแทบจะกัดฟันพูดออกมา “ไม่ค่ะ อ๊ะ! พี่คริษฐ์จะทำอะไรรุ้งไม่ใส่” รุ้งพรายถูกคริษฐ์กระชากมือมาแล้วจัดการสวมแหวนกลับที่เดิม “ใส่แล้วห้ามถอด ห้ามทำให้แม่พี่เสียใจรู้ไหม” “พี่คริษฐ์!” (รักร้ายจอมทระนง)

บทที่ 1 ตอนที่ : 1 เงาอดีต

1

เงาอดีต

‘อย่ามาแก่แดดแก่ลมแถวนี้ พี่เกลียดเด็กใจแตกแบบเธอที่สุดรุ้ง !’

ความทรงจำสุดท้ายที่รุ้งพรายจำได้เกี่ยวกับคริษฐ์ พี่ชายบ้านข้างเรือนเคียงกัน เธอผิดหรือที่เห็นเขาเป็นดั่งเจ้าชาย ใฝ่ฝันอยากได้เขามาเป็นเจ้าของ รุ้งพรายไม่เคยชายตามองผู้ชายอื่นนอกจากเขา เธอก็แค่รักเขาชื่นชอบเขา เธอคิดแค่นั้นจริง ๆ

‘รำคาญ เลิกตามสักทีจะได้ไหม !’

ตอนนั้นรุ้งพรายยอมรับว่าเธอมองคำต่อว่าของคริษฐ์เป็นเรื่องขบขันไม่เคยคิดละอายแก่ใจแม้แต่น้อย กระทั่งคริษฐ์มีคนรักเธอก็ยังตามติดเขาไม่ยอมปล่อย ใครจะห้ามจะปรามก็ไม่ยอมฟัง คิดแค่ว่าเธอมาก่อนใครหน้าไหนก็ไม่มีสิทธิ์ แต่เธอคิดผิด ตอนรุ้งพรายอายุสิบแปดปี เธอถูก คริษฐ์ทำโทษให้หลาบจำ นับจากนั้นหญิงสาวก็แทบไม่อยากเข้าใกล้เขาอีกเลย

“ยังคิดถึงเรื่องเก่า ๆ อยู่อีกหรือรุ้ง” มารดาของหญิงสาวถามพร้อมรอยยิ้ม เมื่อเห็นท่าทีเหม่อลอยของลูกสาว

“ก็นิดหน่อยค่ะแม่ รุ้งไม่ได้กลับมาที่นี่ตั้งหลายปีทุกอย่างเปลี่ยนไปมากเลยนะคะ” รุ้งพรายในปัจจุบันอายุย่างเข้ายี่สิบห้าปี เพิ่งเดินทางมาจากต่างจังหวัดหลังจากบิดาได้เสียชีวิตลง หญิงสาวหันหน้ามายิ้มให้มารดาซึ่งตอนนี้ท่านก็เริ่มแก่ชราลงไปตามวัย

“แต่ห้องนอนของรุ้งก็ยังเหมือนเดิมนะลูก ขึ้นไปดูกัน” นางอำไพพาลูกสาวขึ้นไปบนชั้นสองของบ้านไม้ ซึ่งด้านล่างได้ต่อเติมเป็นปูนตั้งแต่สองปีที่แล้ว ชั้นบนมีระเบียงไม้สีขาวรอบตัวบ้าน

เปิดเข้าไปภายในห้องนอนรุ้งพรายก็ยิ้มกว้างในทันที เตียงนอนขนาดเล็กกับผ้าม่านสีขาว มีตู้เสื้อผ้ากับโต๊ะเครื่องแป้งแค่สองชิ้นเท่านั้นเอง หน้าต่างห้องนอนสามารถเปิดกว้างออกเพื่อชมทิวทัศน์ข้างบ้านได้ เมื่อก่อนหญิงสาวชอบใช้มุมนี้ในการแอบมองใครบางคน แต่ตอนนี้สภาพข้างบ้านไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว บ้านไม้สองชั้นหลังด้านข้างในอดีต ได้แปรสภาพเป็นบ้านสองชั้นร่วมสมัยซึ่งสูงกว่าบ้านกว่าของเธอ ชนิดที่ว่าต้องแหงนหน้ามองถึงจะเห็นชั้นสองของตัวบ้าน

“คุณป้าพิมพ์สร้างบ้านใหม่เมื่อไหร่คะแม่”

“ก็ราว ๆ ห้าปีได้แล้วมั้ง กิจการที่บ้านของคุณป้าพิมพ์เขาเจริญรุ่งเรือง รวยแบบก้าวกระโดดกันเลย”

“มีรั้วกั้นสูงแบบนี้แม่กับคุณป้าพิมพ์คงไม่ได้มานั่งคุยเล่นกันเหมือนเมื่อก่อนแล้วใช่ไหมคะ”

“ก็ทำนองนั้นแหละรุ้ง คุณป้าพิมพ์เขาเข้าไปทำงานในบริษัทไม่ได้มาเป็นแม่บ้านเหมือนแม่นี่ แต่เขาเก่งนะดูแลบริษัทจนเจริญก้าวหน้าเป็นที่รู้จักกันกว้างขวาง ยิ่งได้คริษฐ์เข้ามาดูแลช่วยก็ยิ่งรุ่งเรืองไปกันใหญ่” คำบอกเล่าของมารดาทำให้รุ้งพรายสะดุดตรงชื่อของเขาคนนั้น

เหมือนเรื่องราวของเธอและเขาถูกสภาพแวดล้อมทำให้ห่างกันยิ่งกว่าเดิมอีก เมื่อก่อนเธอก็แค่ลอดรั้วไม้เก่า ๆ เข้าไปวิ่งเล่นในบ้านหลังด้านข้าง แต่ตอนนี้คอนกรีตหนาหนักสูงราวสองเมตรขวางกั้นจะข้ามไปได้อย่างไร คงต้องยอมรับสภาพที่ว่าต่างคนต่างอยู่กันไป

“หิวข้าวไหมรุ้ง ขับรถมาไกล ๆ แบบนี้เหนื่อยแย่” นางอำไพเดินมาแตะไหล่ลูกสาว ที่เอาแต่ยืนมองกำแพงรั้วบ้านหลังด้านข้าง

“รุ้งชินแล้วล่ะแม่ อยู่ที่ไร่ของพ่อก็ขับรถระยะไกลบ่อยครั้งเหมือนกัน” หญิงสาวบอกแบบยิ้ม ๆ บิดาของเธอมีครอบครัวใหม่ แต่ท่านก็เลี้ยงดูเธอจนจบปริญญาตรี กระทั่งท่านได้เสียชีวิตลงด้วยโรคร้าย รุ้งพรายจึงตัดสินใจยกสมบัติครึ่งหนึ่งซึ่งก็คือบ้านพร้อมที่ดินของไร่ให้กับภรรยาใหม่ของบิดา

“แม่ไม่โกรธรุ้งนะคะ ที่ยกสมบัติครึ่งหนึ่งของพ่อให้แม่ฝนกับน้องน้ำพุ”

“พ่อเขายกให้รุ้งก็แสดงว่าเขามั่นใจว่าลูกสาวของแม่จะจัดการทุกอย่างได้อย่างยุติธรรม แบบนี้แม่จะไปโกรธรุ้งทำไมล่ะลูก”

“แม่ฝนดีกับพ่อมาก น้องน้ำพุก็น่ารัก รุ้งไม่อยากทำให้พวกเขาต้องลำบากค่ะ” แม้จะเจ็บที่บิดาปันใจไปจากมารดา แต่ว่ารุ้งพรายก็หนีความจริงเรื่องนี้ไม่พ้น และเมื่อนานวันเข้าหญิงสาวก็ทำใจกับเรื่องนี้ได้

“อืมแม่รู้”

“แต่แม่ก็คือแม่ของรุ้ง คือคนที่รุ้งรักมากที่สุดในชีวิตนะคะ” หญิงสาวเดินเข้าไปสวมกอดมารดา และรู้ดีว่าทำไมท่านถึงได้ส่งเธอไปอยู่กับบิดา เพราะเพียงแค่อาชีพแม่ค้าขายขนมไทยคงไม่สามารถส่งเสียให้เธอได้เรียนในมหาวิทยาลัยจนจบได้ ลำพังแค่ค่าน้ำค่าไฟก็แทบจะเดือนชนเดือนด้วยซ้ำไป

‘พ่อบอกว่าจะไม่ส่งเสียรุ้งหากรุ้งไม่ไปอยู่กับพ่อ พ่อบอกว่าแม่เอาเปรียบพ่อที่เอารุ้งมาเลี้ยงคนเดียว’

อดีตนั้นรุ้งพรายไม่รู้สึกยินดีในเงื่อนไขของบิดา แต่เพราะเหตุการณ์บางอย่างทำให้เธอไม่อยากอยู่ที่นี่อีกต่อไป การไปอยู่กับบิดาจึงเป็นทางเลือกสุดท้ายที่เธอต้องการ

“รุ้งจะกลับมาอยู่กับแม่แบบถาวรเลยนะ บ้านโน้นยกให้แม่ฝนไปแล้วแต่เงินเก็บส่วนหนึ่งของพ่อก็อยู่ที่รุ้ง”

“แม่ดีใจนะที่รุ้งเลือกมาอยู่กับแม่ แต่ว่ารุ้งเคยอยู่ไร่อยู่สวนจะมาทำงานอะไรที่นี่ล่ะลูก” ความดีใจมาพร้อมกับข้อกังขา

“ไม่รู้เหมือนกันแม่ ตอนนี้ขอพักผ่อนก่อนก็แล้วกัน เงินรุ้งก็พอมีบ้างยิ่งมีของพ่อด้วยอยู่ไปสบาย ๆ เลยล่ะแม่”

“ไม่เป็นไรอยากพักก็เอาให้เต็มที่แม่ก็ยังขายขนมอยู่เหมือนเดิม ช่วงนี้มีคนมาสั่งให้ส่งตามร้าน แม่ก็เลยไม่ค่อยได้ไปตั้งแผงขายสักเท่าไหร่ เอางี้ไหมรุ้งมาช่วยแม่ทำขนมระหว่างพักดีไหมลูกจะได้ไม่เบื่อนี่แม่ปฏิเสธลูกค้าไปหลายรายแล้วทำไม่ทัน ส่วนใหญ่เขาจะเอาขนมตอนเช้าแม่ตื่นมาทำให้ไม่ทัน แต่ถ้ามีรุ้งมาช่วยแม่ว่าน่าจะทันอยู่นะ” นางอำไพมองเห็นรายได้เพิ่มของตัวเอง โดยมีลูกสาวคอยช่วยเหลือ

“แบบนั้นก็ได้ค่ะแม่ จะได้ไม่เบื่ออย่างที่แม่ว่าด้วย” คนเคยทำงานมาตลอดเห็นด้วยกับผู้เป็นแม่

“มาช่วยแม่ขายขนมนี่แหละ ถ้ามีกำลังเพียงพอแม่จะเปิดร้านเลยรุ้งว่าดีไหม”

“หืม จริงเหรอคะ ก็น่าลองเหมือนกันนะแม่ ลูกค้าของแม่ก็เยอะอยู่ถ้าเปิดร้านมีลูกน้องช่วยดีไม่ดีรวยไม่รู้ตัวเลยนะแม่”

“นั่นสินะ”

สองแม่ลูกมองหน้ากันแล้วหัวเราะอย่างมีความสุข ที่ได้วางแผนอนาคตด้วยกัน แม้ไม่ได้มีบ้านหลังใหญ่โตหรือลูกสาวได้ทำงานในบริษัทที่มั่นคงในอาชีพ นางอำไพก็ไม่ได้รู้สึกน้อยใจแต่อย่างใด

“เก็บเสื้อผ้าใส่ตู้ไปก่อนนะรุ้ง เดี๋ยวแม่จะลงไปทำกับข้าวมื้อเย็นให้กินอ้อ ถ้าเก็บเสื้อผ้าเสร็จแล้วรุ้งก็อาบน้ำนอนพักไปเลยนะ เอาไว้ได้เวลากินข้าวแล้วแม่จะมาตามเอง”

“ค่ะแม่” รุ้งพรายมองตามหลังมารดาที่เปิดประตูออกจากห้องนอนไป รอยยิ้มผุดพรายขึ้นเต็มใบหน้าอย่างสุขใจ

แม้งานศพของบิดาท่านไม่ได้ไปร่วมงาน แต่รุ้งพรายก็รู้ดีว่ามารดาของเธอได้อโหสิกรรมให้บิดาเรียบร้อยแล้ว คนเราเมื่อหมดรักกันแล้วก็คงต้องต่างคนต่างไป ความรักไม่อาจบังคับจิตใจกันได้ คิดมาถึงจุดนี้ก็ให้รู้สึกละอายใจนัก หลายปีก่อนเธอยังเด็กและเอาแต่ใจ ทำอะไรหลาย ๆ อย่างลงไปโดยไม่คิด ไม่คำนึงว่าคนอื่นเขาจะรู้สึกอย่างไร หากย้อนกลับไปได้เธอจะไม่ทำแบบนั้นเด็ดขาด

‘ทำอะไรน่ะรุ้ง !’

‘พี่คริษฐ์ไม่สบายรุ้งเลยจะขึ้นมาดูแลค่ะ’

‘นี่ห้องนอนพี่นะ’

‘คุณป้าพิมพ์อนุญาตแล้ว’

‘แล้วนั่นใส่ชุดอะไร เด็กบ้าเอ๊ย !’

‘เอ่อ’

‘ใครสอนให้มาอ่อยผู้ชายถึงบนห้องแบบนี้

ลงไปเลยกลับไปบ้านตัวเองเลยไป๊ !’

อะไรเข้าสิงเธอก็ไม่รู้กล้าโนบราไปหาผู้ชายถึงบนห้อง นางพิมพ์พรไม่รู้เพราะเธอสวมเสื้อคลุมไว้ข้างนอกพอเข้าไปในห้องนอนของคริษฐ์ถึงถอดเสื้อคลุมออก เหลือเพียงชุดนอนตัวบาง ๆ ที่สามารถมองเห็นไปถึงไหนต่อไหน

‘ยัยรุ้งตอนนั้นเอาสมองส่วนไหนคิด ทำตัวน่ารังเกียจขนาดนั้นได้’

ไม่รู้ว่าตัวเองไปเอาความคิดอ่อยผู้ชายมาจากไหน สมควรแล้วที่คริษฐ์ด่าเธอสาดเสียเทเสียขนาดนั้น จากนั้นก็จับเธอโยนออกจากห้องพร้อมเสื้อคลุม

‘อย่ามาแก่แดดแก่ลมแถวนี้

พี่เกลียดเด็กใจแตกแบบเธอที่สุดรุ้ง !’

อ่านต่อ

หนังสืออื่นๆ ของ มาชาวีร์

ข้อมูลเพิ่มเติม
หลินซือเยว่ผู้นี้ มีสามชะตาในคราเดียว

หลินซือเยว่ผู้นี้ มีสามชะตาในคราเดียว

โรแมนติก

5.0

หลังผ่าตัดนักพรตเฒ่าผู้หนึ่งนั้น นางวูบหมดสติและเสียชีวิตลงไป ลืมตาตื่นขึ้นมาอีกที ก็อยู่ในร่างของคุณหนูปัญญาอ่อนที่มีชื่อเดียวกันผู้นี้เสียแล้วทั้งยังจำอดีตชาติยามเป็นปรมาจารย์เต๋าได้อีกด้วย +++ 1 : ไล่ออกจากอารามไท่ผิงกวน แคว้นจิ้น ราชวงศ์เซวียน อารามไท่ผิงกวน “ไป ๆ อาจารย์ขับไล่พวกท่านออกจากอารามแล้ว อย่าได้มาเหยียบที่นี่อีก” “ศิษย์พี่รองรีบปิดประตูเร็วเข้า !” ตุบ ! ห่อผ้าสองห่อถูกโยนออกมาจากประตูอาราม ปัง ! ตามด้วยเสียงปิดประตูลงสลักอย่างหนาแน่น สตรีนางหนึ่งยืนตัวตรงเป็นสง่า เสื้อผ้ากับเส้นผมของนางปลิวไสวดั่งไผ่ลู่ลม หลินซือเยว่เงยหน้าขึ้นมองป้ายชื่ออารามไท่ผิงกวนด้วยสายตาเลื่อนลอย อาศัยอยู่ที่นี่มานานเท่าใดแล้วนะ บางครั้งนางเองก็ลืมเลือนวันเวลาไปเหมือนกัน “คุณหนูเจ้าคะ ศิษย์น้องทั้งสองของท่านทำเกินไปแล้วนะเจ้าคะ เหตุใดถึงไล่พวกเราสองคนออกจากอารามได้เล่า” เผิงฉือกระทืบเท้าเบา ๆ ตรงไปฉวยห่อผ้าทั้งสองบนพื้น ขึ้นมาคล้องแขนตัวเองไว้ “หากไม่ได้รับคำสั่งจากอาจารย์ ศิษย์น้องทั้งสองคงไม่กล้าขับไล่ข้าออกจากอารามหรอก” น้ำเสียงของนางสงบนิ่งฟังแล้วสบายหูยิ่งนัก หาได้มีความโกรธเกลียดแต่อย่างใด “นั่นรถม้า” นิ้วเรียวสวยชี้ไปยังรถม้าคันที่มีคนนั่งเฝ้าอยู่ “ป้าเผิงไปถามดูว่าใช่รถม้าของเราหรือไม่” เผิงฉือไม่รอช้ารีบตรงไปหาคนเฝ้ารถม้าที่อยู่ใต้ต้นไผ่ในทันที ไม่ช้านางก็กลับมาพร้อมกับรอยยิ้มนิด ๆ “เป็นรถม้าของเราจริง ๆ เจ้าคะคุณหนู คนขับบอกว่าเป็นคนของตระกูลหลินเจ้าค่ะ ได้รับคำสั่งจากท่านพ่อของคุณหนู ให้มารับคุณหนูกลับตระกูลหลินเพื่อไปแต่งงานเจ้าค่ะ” “กลับไปแต่งงานนี่เอง” นางเอ่ยเหมือนไม่ใช่เรื่องใหญ่ หันหลังกลับไปทางประตูอาราม ประสานมือค้อมตัวคำนับลาอาจารย์ เผิงฉือเห็นเช่นนั้นก็อดที่จะคำนับตามนางไม่ได้ ภายในอารามไท่ผิงกวน “อาจารย์เหตุใดถึงไม่บอกลากับศิษย์พี่ใหญ่ไปตรง ๆ ล่ะ ทำเช่นนี้นางไม่โกรธท่านไปจนวันตายเลยรึ” เหอกุ้ยแม้มีอายุยี่สิบแปดปีแล้ว ทว่าเขากราบเป็นศิษย์เจ้าอาวาสชุนหวังเหล่ยหลังสตรีผู้นั้น จึงได้เป็นเพียงแค่ศิษย์พี่รองเท่านั้น “นั่นสิอาจารย์ ศิษย์พี่ใหญ่นางไม่เคยออกจากอารามไปไหนไกล ท่านทำเช่นนี้ไม่ใช่ขับไล่นางไปสู่ความตายหรอกรึ” จางเจียเฟิ่งเห็นด้วยกับศิษย์พี่รองของเขา “ให้มันน้อย ๆ หน่อยเจ้าศิษย์โง่ทั้งสอง พวกเจ้าคิดว่าอารามไท่ผิงกวนแห่งนี้ สามารถอยู่รอดมาได้เพราะใครกัน หากไม่ใช่เพราะฝีมือของศิษย์พี่ใหญ่ของพวกเจ้า เห็นนางเงียบ ๆ แบบนั้น ความคิดนางกว้างไกลยิ่งนัก อาจารย์อย่างข้ายังเทียบนางไม่ติดด้วยซ้ำไป” เจ้าอาวาสชุนปีนี้อายุอานามปาเข้าไปหกสิบห้าปีแล้ว ทว่าร่างกายยังแข็งแรง อารามเต๋าแห่งนี้มีวิถีแบบไม่เคร่งครัด ใช้ชีวิตเยี่ยงฆราวาสผู้หนึ่ง สามารถแต่งงานมีครอบครัวได้ “อาจารย์นางอยู่ในอารามวาดยันต์กันภัยให้ชาวบ้านที่มากราบไหว้ ตั้งโต๊ะรักษาโรคภัยให้ผู้คนในตัวอำเภอฝู แต่หนนี้นางต้องกลับบ้านไปเพื่อแต่งงาน นางบริสุทธิ์ถึงเพียงนั้นมิถูกสามีจับกลืนกินจนไม่เหลือกระดูกหรอกรึ” เหอกุ้ยนึกภาพเทพเซียนผู้สูงส่งอย่างหลินซือเยว่ หากต้องร่วมเตียงกับบุรุษหยาบกระด้าง เพียงเท่านั้นเขาก็ทำใจไม่ได้จริง ๆ แทบอยากจะไปแย่งตัวศิษย์พี่ใหญ่ของตัวเองกลับคืนมา “เลิกคร่ำครวญได้แล้ว กลับไปกวาดลานอารามกับตรวจดูน้ำมันตะเกียงให้เรียบร้อย ศิษย์พี่ใหญ่ของพวกเจ้าไม่อยู่ เจ้าทั้งสองต้องรีบร่ำเรียนศึกษาหาความรู้ อารามไท่ผิงกวนจะได้เจริญรุ่งเรืองในภายภาคหน้าต่อไปได้” เจ้าอาวาสชุนทำเสียงดังใส่ลูกศิษย์ทั้งสอง “ไป ๆ ข้าจะสวดมนต์” โบกมือไล่ทั้งคู่ให้ออกจากห้องสวดมนต์ไป เจ้าอาวาสชุนรีบลุกไปปิดประตูลั่นกลอน ท่าทางลุกลี้ลุกลนจนผิดปกติ ย่องเบา ๆ ไปที่ใต้เตียงนอน ดึงหีบไม้เก่าเก็บออกมา ครั้นกดสลักเปิดออก ก็พบตั๋วเงินจำนวนสามพันตำลึงอยู่ในนั้น ตระกูลหลินที่ไม่ได้บริจาคน้ำมันตะเกียงมาหลายปี จู่ ๆ ก็ส่งตั๋วเงินมาให้ พร้อมกับขอรับคนกลับไปเพื่อแต่งงาน ช่วงนี้ชาวบ้านมาทำบุญที่อารามน้อยลง หลินซือเยว่ก็ไม่รู้ว่าเกิดอันใดขึ้นกับนาง ถึงไม่ยอมลงจากอารามไปรักษาผู้คน รายได้เลยหายหดแทบจ่ายอาหารการกิน(สุรานารี)ไม่พอ ตั๋วเงินสามพันตำลึงนี่มาได้ทันเวลาพอดี ! แครก ๆ ๆ ๆ เสียงกวาดลานหน้าอารามดังขึ้นพร้อมกับเสียงบ่นของเหอกุ้ย “ข้ารู้ว่านางเก่งเอาตัวรอดได้ ข้าเพียงไม่อยากให้นางไปก็เท่านั้น” “ศิษย์พี่รองท่านอย่าได้เสียใจไปเลย ไม่ใช่ว่ามีแต่นางที่ต้องแต่งงานมีครอบครัว ท่านเองก็เถอะที่บ้านส่งคนมารับทุกปีไม่ใช่รึ” จางเจียเฟิ่งรู้ดีว่าตนและเหอกุ้ย ถูกครอบครัวลงโทษด้วยการส่งมาอยู่ยังอารามแห่งนี้ ทว่าเพียงชั่วคราวเท่านั้น “ตัวข้านั้นไม่เป็นไรหรอก เจ้านั่นแหละศิษย์น้องสาม ข้าได้ยินว่าที่บ้านของเจ้า เพิ่งหาคู่หมั้นหมายคนใหม่ให้เจ้าอีกคนแล้วไม่ใช่รึ” สองศิษย์พี่น้องหยุดกวาดลานอาราม แล้วหันหน้าไปมองตากัน จากนั้นพวกเขาก็ถอนหายใจดัง ๆ พร้อมกัน ไม่มีศิษย์พี่ใหญ่อยู่ด้วย นับจากนี้ไปยามทำความผิดใครจะออกหน้าคอยช่วยเหลือ ยามเงินหมดใครจะให้หยิบยืม ยิ่งคิดพวกเขาก็ยิ่งไม่สบายใจเป็นอย่างมาก บนถนนมุ่งหน้าสู่เมืองหลวง รถม้าไม้ธรรมดาไม่เล็กไม่ใหญ่ ไร้ป้ายชื่อตระกูลบอกกล่าว คล้ายไม่อยากให้ผู้อื่นล่วงรู้ว่าคนที่นั่งอยู่ด้านในเป็นใคร เผิงฉือพยายามหลอกถามคนขับรถม้าอยู่หลายหน ถึงสถานการณ์ของตระกูลหลินในยามนี้ นางไม่เคยไปที่นั่นมาก่อนไม่รู้จักใครสักคน คนขับรถม้าตอบว่า เขามีหน้าที่มารับคุณหนูรองกลับบ้านเท่านั้น เรื่องอื่นนั้นเขาไม่รู้จริง ๆ “ได้ถามหรือไม่ ใช้เวลากี่วันในการเดินทาง” หลินซือเยว่เอ่ยเสียงเนิบ ๆ “ถามแล้วเจ้าค่ะ เขาบอกว่าราว ๆ สิบวันก็ถึงเมืองหลวงแล้ว” “สิบวันเชียวรึ” หลินซือเยว่มองห่อผ้าที่วางอยู่ด้านข้าง มีเพียงของใช้จำเป็นของนางไม่กี่ชิ้น พร้อมกับก้อนเงินจำนวนห้าสิบตำลึง “คงต้องแวะซื้อของในอำเภอฝูเสียก่อน” เผิงฉือรีบเปิดม่านบอกกับคนขับรถม้า แต่เขากลับทำเสียงฮึดฮัดคล้ายไม่พอใจ “เสียเวลาเดินทางเปล่า ๆ” น้ำเสียงเขากระด้างกระเดื่อง

ทะลุมิติมาเป็นภรรยาตัวน้อยของสามีพิการ

ทะลุมิติมาเป็นภรรยาตัวน้อยของสามีพิการ

ประวัติศาสตร์

4.8

เจ้าของร่างเดิมถูกท่านย่าตัวเอง ขายให้ชายพิการด้วยเงินเพียงห้าตำลึง จึงคิดสั้นไปกระโดดน้ำฆ่าตัวตาย ทำให้วิญญาณของเซี่ยซือซือทะลุมิติมาเข้าร่างแทน ชีวิตในโลกนี้บิดามารดาล้วนตายไปแล้ว เหลือเพียงน้องสาวกับน้องชายร่างกายผอมแห้งหิวโซสองคน เธอต้องช่วยพวกเขาให้รอด ก่อนจะถูกคนชั่วพวกนี้ขายทิ้งไปแบบเธอ 1 : ทะลุมิติ แคว้นจ้าว หมู่บ้านตระกูลแซ่อวี่ ภายในบ้านสกุลเซี่ย “ท่านพี่รีบกินเร็วเข้า” เสียงเด็กเล็กดังก้องอยู่ข้างหูอย่างน่ารำคาญ ว่าแต่ฉันมีน้องชายตั้งแต่เมื่อไหร่กัน รู้สึกได้ถึงอะไรแข็ง ๆ มาแตะที่ริมฝีปาก ทว่ายังลืมตาไม่ขึ้น “ท่านพี่กินสิ ๆ” เซี่ยซือซือรู้สึกหนักอึ้งไปทั้งศีรษะ พยายามที่จะเปิดดวงตาขึ้นมอง เจ้าของเสียงเล็ก ๆ ด้านข้าง “ท่านพี่ ๆ ท่านพี่อย่าตายนะ ลืมตาสิท่านพี่” “นังตัวดีออกมาเดี๋ยวนี้นะ !” เสียงเอะอะโวยวายดังหนวกหูเซี่ยซือซือเป็นอย่างมาก ปัง ๆ เสียงเคาะประตูดังขึ้นเรื่อย ๆ เซี่ยซือซือลืมตาขึ้นจนได้ พลันสมองกลับมีเรื่องราวพรั่งพรูเข้ามาไม่ขาดสาย จนต้องกรีดร้องออกมาอย่างเจ็บปวด อ๊าก ! “พี่รอง !” เด็กน้อยเซี่ยซือหยางในวัยสามหนาวเรียกพี่สาวพร้อมเบะปากอยากร้องไห้ “ท่านพี่ !” เซี่ยซานซานทิ้งบานประตูที่ตัวเองดันไว้ หันกลับมาดูพี่สาวด้วยความตกใจ “ท่านพี่ ๆ ท่านเป็นอะไร อย่าทำให้พวกข้าตกใจสิท่านพี่ !” ผลัวะ ! มีคนถีบประตูบานเก่าผุพังเข้ามาภายในห้อง เด็กทั้งสองรีบเข้าไปขวางผู้บุกรุกไม่ให้ทำร้ายพี่สาว แม่เฒ่าเซี่ย เซี่ยจิ่วเม่ย หน้าตาแลดูดุร้าย ไม่ใช่หญิงชราใจดีแต่อย่างใด ด้านหลังของแม่เฒ่าเซี่ยยังมีลูกสะใภ้บ้านใหญ่ กับบ้านรองเดินตามมา ท่าทางดุดันเอาเรื่อง “ไอ้พวกบ้านสามตัวดี กล้าลักขโมยอาหารเอาไว้กินเอง ยังเห็นแม่เฒ่าอย่างข้าอยู่ในสายตาหรือไม่ ไอ้พวกหมาป่าตาขาว ดูซิวันนี้ข้าจะจัดการพวกเจ้าอย่างไร” “ท่านย่าพวกข้าไม่ได้ขโมยนะ นี่เป็นหมั่นโถวของท่านพี่ ท่านพี่ไม่สบายข้าแค่เก็บไว้ให้ท่านพี่เท่านั้นเอง” เซี่ยซานซานยังเป็นเด็กหญิงวัยสิบหนาว แต่นางข่มความกลัวตอบโต้ผู้ใหญ่ในบ้านออกไป “หึ กฎบ้านก็มีบอกอยู่แล้วถ้าพลาดมื้ออาหารไปก็คืออด แต่พวกเจ้ากลับแหกกฎ แอบยักยอกอาหารเก็บไว้กินเอง ยังมีหน้ามาเถียงท่านแม่อีก ท่านแม่ท่านต้องลงโทษคนบ้านสามนะเจ้าคะ ไม่เช่นนั้นข้าไม่ยอมจริง ๆ ด้วย ตอนนั้นยวี่เฟยของข้านางได้พลาดมื้อเย็นไป ท่านก็ไม่ให้นางกินนะเจ้าคะ” สะใภ้บ้านรองนามว่าจงอี้ซิน ย้อนรำลึกถึงเรื่องลูกสาววัยแปดปีของตัวเองขึ้นมา “ดูเจ้าเด็กพวกนี้สิท่านแม่ กางแขนปกป้องพี่สาวตัวเอง ช่างน่าสมเพชไม่รู้จักสำเหนียกกำลังตัวเอง ถุย !” หลินพ่านเอ๋อสะใภ้บ้านใหญ่มองดูเด็กทั้งสองพร้อมถ่มน้ำลายใส่ตรงหน้า แม่เฒ่าเซี่ยมองลูกสะใภ้ทั้งสองสลับกันไปมา เดินตรงไปกระชากหมั่นโถวเย็นชืดแถมแข็งปานหิน ออกจากมือของเซี่ยซือหยาง “แง ๆ ๆ” เด็กน้อยถูกแย่งของกินของพี่สาวไป ถึงกับแผดเสียงร้องลั่น “เจ้าคนชั่ว ! เอามานะ ของท่านพี่ข้า” กำปั้นน้อย ๆ ทุบไปยังต้นขาของแม่เฒ่เซี่ย “เจ้าเด็กเนรคุณกล้าตีข้ารึ นี่นะ !” แม่เฒ่าเซี่ยเตะทีเดียวเซี่ยซือหยางก็กระเด็นไปติดกับผนังห้อง “น้องเล็ก !” เซี่ยซานซานรีบวิ่งไปอุ้มน้องชายขึ้นมากอดไว้ด้วยความตกใจ “ท่านย่า น้องเล็กยังเด็กไม่รู้ความ เหตุใดท่านถึงได้ใจร้ายเช่นนี้” “แง ๆ ๆ” เสียงร้องไห้ของเด็กน้อยฟังแล้วน่าสงสารจับใจ ดวงตาที่ปิดไว้ก่อนหน้าของเซี่ยซือซือ ลืมขึ้นหลังจากค้นพบว่า ตัวเองได้ทะลุมิติมายังอดีตอันไกลโพ้นแล้วจริง ๆ หลังจากหลับตาลืมตาอยู่หลายหน เรียบเรียงความคิดที่ไหลเข้ามาไม่ยอมหยุด เมื่อค่อย ๆ จัดการกับมันได้ ความเจ็บปวดที่ศีรษะก่อนหน้าจึงบางเบาลง และมองเหตุการณ์ตรงหน้าอย่างเฉยชา ครบสูตรของการทะลุมิติจริง ๆ มีท่านย่าผู้ชั่วร้าย ขนาบข้างด้วยป้าสะใภ้เลวทั้งสอง ครั้นหันไปมองน้องสาวในวัยสิบขวบของตัวเองกับน้องชายตัวน้อย ทั้งตัวดำเมี่ยมเหมือนไม่ได้อาบน้ำมาเป็นเดือน ร่างกายผอมแห้งเหลือแต่กระดูก เสื้อผ้าเก่าขาดมีรอยปะชุนเต็มไปหมด เส้นผมแห้งกรังเหมือนไม่ผ่านน้ำมานาน ยกมือของตัวเองขึ้นมาดู ไม่ได้มีสภาพต่างกันแม้แต่น้อย ครั้นเงยหน้ามองป้าสะใภ้ใหญ่ร่างกายอวบอ้วนเต็มไปด้วยก้อนไขมัน ป้าสะใภ้รองแม้ไม่ได้อ้วนแต่ก็ไม่ได้ผอม ยิ่งแม่เฒ่าเซี่ยด้วยแล้ว ร่างกายบึกบึนเหมือนคนกินดูอยู่ดีมาตลอด “ท่านแม่ดูอาซือมองท่านสิเจ้าคะ” สะใภ้ใหญ่เห็นสายตาเย็นเยียบของคนที่นอนอยู่บนเตียงก็อดแปลกใจไม่ได้ ดูเยือกเย็นจนไม่น่าไว้ใจ “เจ้าอย่าคิดว่ากระโดดน้ำตายแล้วทุกอย่างจะจบนะอาซือ ข้ารับเงินคนบ้านถานมาแล้ว ถ้าเจ้าตายข้าจะให้อาซานไปแทนเจ้า” คำพูดของแม่เฒ่าเซี่ยทำให้ดวงตาของเซี่ยซือซือเบิกกว้าง ท่านย่าของนางขายนางให้คนบ้านถานในราคาแค่ห้าตำลึง เจ้าของร่างเดิมไม่อยากไปเป็นเมียคนพิการ เลยไปกระโดดน้ำฆ่าตัวตาย ทว่าเธอที่มาจากยุคปัจจุบันกลับเข้ามาแทนที่เจ้าของร่างนี้ เจ้าของร่างเดิมว่ายน้ำไม่เป็น จึงได้ขาดอากาศตายใต้น้ำ แต่เธอที่เข้ามาสวมร่างกลับพาร่างนี้ขึ้นมาจากน้ำได้ โชคชะตาคงเล่นตลกให้เธอกับเจ้าของร่างเดิมมีชื่อเดียวกัน “ท่านย่าอาซานยังเด็กนัก ท่านอย่าได้ทำเช่นนั้นเลย” นานมากกว่าที่นางจะเอ่ยออกมา “มันอยู่ที่เจ้าอาซือ ข้าขอเตือนเอาไว้ อีกสองวันคนบ้านถานจะมารับตัวเจ้าแล้ว อย่าให้เกิดเรื่องขึ้น ไม่อย่างนั้นข้าจะส่งอาซานไปแทนเจ้า แล้วขายซือหยางทิ้งเสีย” แม่เฒ่าเซี่ยจ้องหน้าเซี่ยซือซือแบบอาฆาต เด็กนี่ก่อนหน้าดูอ่อนแอไร้ทางสู้ ทำไมวันนี้ถึงได้ดูแปลกตาไปนัก “ท่านแม่เจ้าคะ ท่านจะลงโทษคนบ้านสามเรื่องหมั่นโถวนี่อย่างไรเจ้าคะ” สะใภ้ใหญ่ยังไม่ยอมปล่อยสามพี่น้องไปง่าย ๆ “พรุ่งนี้งดอาหารบ้านสาม” แม่เฒ่าเซี่ยเอ่ยแล้วหันหลังเดินออกจากห้องของเด็กน้อยทั้งสามไป โดยมีสะใภ้ใหญ่เดินตามไปด้วย “พวกเจ้าได้ยินแล้วใช่ไหม จำใส่หัวเอาไว้ดี ๆ ด้วยล่ะ” สะใภ้รองหมุนตัวตามหลังไปติด ๆ “ท่านพี่ต่อไปท่านอย่าทำเช่นนี้อีกนะเจ้าคะ ข้ากับน้องเล็กจะทำอย่างไร ถ้าท่านไม่อยู่” เซี่ยซานซานปล่อยเสียงร้องไห้ในทันที

จอมโจรไฟมาร

จอมโจรไฟมาร

โรแมนติก

5.0

หื่น โหด เหี้ยม นั่นแหละเขา ไฟมาร!!! "เป็นเมียข้าไม่น่ากลัวสักนิด เมียข้าเจ้าชื่ออะไร" ไฟมารถามขณะที่สายตากวาดมองทั่วร่างงามของนางราวกับจะประมาณว่า ถ้าเลยลงไปส่วนอื่นมันจะงามล้ำปานใด "ตอบ! " เขาตะคอกเมื่อนางไม่ยอมปริปากบอกออกมา "กอพเยีย" นางรีบร้อนตอบด้วยความกลัว "กอ-พะ-เยีย ใครมันช่างตั้งชื่อให้เรียกยากเพียงนี้" ไม่พูดเปล่ามือสากก็เคลื่อนไปดึงมือของนางออกจากอกงามอย่างช้าๆ "มะ...ไม่ อย่า...ทำข้าเลย" น้ำเสียงสั่นเครือร้องขอน้ำตาก็ปิ่มจะย้อยหยดออกจากเบ้า "ข้าบอกแล้วไง ว่าเป็นเมียข้าไม่น่ากลัวสักนิด" ไฟมารยิ้ม หาได้ใส่ใจต่อคำขอของนางไม่ เคลื่อนตัวเข้าหาอีกคนอย่างช้าๆ "ไม่! " ด้วยความกลัวกอพเยียถึงกับกรีดร้องออกมาดั่งคนเสียสติ ยกมือทุบตีหน้าอกของจอมโจรเป็นพัลวัน "ยอมดีๆ ไม่ชอบนะกอพเยีย" ไฟมารคำรามด้วยความโมโหในอาการคล้ายคนจิตกระเจิงของนาง กดนิ้วลงบนต้นแขนนุ่มสุดแรงเกิด "โอ๊ย ไอ้คนชั่ว! ไอ้ถ่อย! " นางลืมกระทั่งความกลัว ตั้งแต่เกิดมาไม่เคยได้ถูกกระทำต่ำช้าถึงเพียงนี้ น้ำตาพังทลายออกมาระลอกแล้วระลอกเล่าด้วยความเจ็บ (จอมโจรไฟมาร)

ลมหายใจของตาย

ลมหายใจของตาย

โรแมนติก

5.0

"ทำเป็นพูดดียกโน่นนี่มาอ้างที่แท้ก็ไม่มีปัญญาพาแฟนมาด้วย เป็นไงล่ะเลยมานั่งอิจฉาจ้องดาเสียตาแทบจะหลุดออกมาจากเบ้าอย่างนี้งั้นสิ" พิธานพูดจบก็ดึงหญิงสาวด้านข้างเข้ามาหอมแก้มอวดเพื่อนรักให้กระอักหัวใจเล่น "อีโธ่ ทำมาเป็นอวดใครมันจะโชคดีมีของดีของตายอย่างแกล่ะ เรียกเมื่อไหร่ก็มาปฏิเสธสักครั้งก็ไม่เคย" "พอๆ เลิกพูดมาดื่มได้แล้วไอ้อั๋น" ศรันย์ราชไม่ได้คิดก่อนพูด และพิธานก็ไม่ได้ตำหนิในคำพูดของเพื่อน คนที่ต้องกระอักและหนาวเหน็บไปทั้งหัวใจกลับเป็นหญิงสาวเพียงคนเดียวที่นั่งอยู่ตรงนี้ ของตาย คำนี้ไม่เคยคิดถึงมาก่อน และการที่ผู้ชายสองคนนี้เอ่ยมันออกมาเหมือนเป็นเรื่องปกติ นั่นย่อมหมายความว่าในสายตาของพิธาน เธอเป็นแค่ ของตาย

รักระทวย

รักระทวย

โรแมนติก

5.0

บุหรี่ เหล้า น้ำหอม เอรินแพ้หมด แต่เจ้านายคนใหม่ของหญิงสาวมีครบทุกสิ่งที่เอ่ยมา คนหนึ่งถูกทิ้งมาอีกคนชีวิตน่าเบื่อหน่าย เมื่อทั้งคู่มาพบเจอกันในวันเวลาที่เหมาะสม ความปรารถนาก่อตัวขึ้น เกิดเป็นเกลียวสวาทที่ตัดกันไม่ขาดอีกต่อไป “ริน” เสียงเรียกเนิบ ๆ ทำให้เอรินหยุดดิ้นรน เงยหน้าขึ้นมาก็เจอสายตาหยาดเยิ้มจากเขา สายตาที่เธอไม่เคยเห็นจากที่ไหนมาก่อน หัวใจเริ่มเต้นแรงขึ้นเรื่อย ๆ ก่อนลมหายใจจะติดขัดจากประโยคถัดมาของเขา “มาลองกันสักครั้งดูไหม” เอรินไม่เคยผ่านประสบการณ์ด้านความรัก แต่ด้วยอายุอานามหญิงสาว กลับมีความต้องการตามธรรมชาติของร่างกาย ทว่ายังไม่เคยเจอผู้ชายคนไหนที่ถูกใจมาก่อน ต่างกับคริสเขาดูดีทุกอย่าง เพียบพร้อมไปหมด แต่เธอห้ามใจเอาไว้ไม่ให้หลงใหลได้ปลื้มเขา เพราะคิดว่าเขามีคนรักอยู่แล้ว ทว่าวันนี้เขากลับมายื่นข้อเสนอแบบนี้กับเธอ หญิงสาวคิดไม่ตกทำตัวเริ่มไม่ถูกแล้วเหมือนกัน เผลอยกมือขึ้นถูหลังหูแบบลืมตัว “ว่าไง” คริสขยับเข้ามานั่งชิดกับเอริน เขาดันปลายคางของหญิงสาวเข้ามาหา “ลองจูบดูก่อนก็ได้ ถ้าไม่โอเคก็ปฏิเสธผมจะหยุดทันทีดีไหม” เขาแนะทางออกให้เอริน “แบบนั้นรินก็ใจง่ายสิคะ” ใจหนึ่งของเอรินอยากลองอีกใจก็ขลาดกลัว “ผมก็ใจง่ายมีอะไรกับผู้หญิงง่าย ๆ หมดแหละ” รอยยิ้มเท่ ๆ จากเขาทำผู้หญิงละลายมาหลายคน แต่กับเอรินทำไมถึงได้ดูตื่นตะลึงไปหมดแบบนี้ หญิงสาวเม้มริมฝีปากเข้าออกเป็นจังหวะ จะพูดก็ไม่พูดอึกอักจนน่าหงุดหงิด “ผมไม่ใช่สเปกว่างั้น” “ไม่ใช่ค่ะ” เธอชอบเขาจะตายไป หล่อคมเข้มสูงยาวเข่าดีมีใครบ้างไม่ชอบ “งั้นทำไมไม่ลองดูล่ะ เราโต ๆ กันแล้ว เรื่องแบบนี้มันก็ปกติจะตายไป” คริสเปลี่ยนเสียงให้นุ่มทุ้มหูขึ้น ทำให้เอรินหน้าเห่อร้อน ยกนิ้วทัดเส้นผมตรงใบหูทั้งที่ไม่ได้มีลมพัดมาสักแอะเดียว เริ่มร้อน ๆ หนาว ๆ กับสายตาที่เปลี่ยนไปของเจ้านาย “จูบ” คริสเอ่ยขึ้นพร้อมกับเลื่อนฝ่ามือไปจับท้ายทอยของเอริน เขาดึงแว่นตาออกวางไว้บนโต๊ะ (รักระทวย)

ดวงใจแค้นแสนรัก

ดวงใจแค้นแสนรัก

โรแมนติก

5.0

“น้องเอยกลับบ้านได้แล้วครับ” เสียงเรียกของคนด้านข้างทำให้คนที่นอนเหม่อหันหน้ามามองเขาอย่างงุนงง “คะพี่กันต์ ว่าอะไรนะคะเมื่อกี้นี้” พรธีราเอียงหน้าถามเขาเหมือนคิดว่าตัวเองฟังผิดไป “ค้างห้องพี่ไม่ได้นะครับ” นวินตอกย้ำในสิ่งที่เธอได้ยินก่อนหน้านี้ “เหรอคะ” หญิงสาวไม่คิดจะนอนค้างห้องของเขาอยู่แล้ว แค่แปลกใจทำไมเขาพูดเหมือนไล่หลังเสร็จสมอารมณ์หมายแบบนี้ “พี่ไม่เคยให้ผู้หญิงคนไหนค้างที่ห้องนี้ ไม่เว้นแม้แต่น้องเอยนะครับ” พรธีราเหมือนถูกเขาตบหน้าฉาดใหญ่ หญิงสาวดึงผ้าห่มขึ้นปิดเนินอกเอาไว้ มองเขาเหมือนคนแปลกหน้า สีหน้าและแววตาของเขาแตกต่างจากเดิม ราวกับหน้ามือหลังมือไม่มีผิ “ทำไมมองพี่แบบนั้นล่ะครับ” รอยยิ้มของคนพูดดูเจ้าเล่ห์จนอีกคนนึกใจเสีย หัวใจเต้นแรงเม็ดเหงื่อผุดขึ้นตรงขมับ แล้วเอ่ยเสียงสั่น ๆ ออกมา “เอยนึกว่าเราเป็นแฟนกันเสียอีก” “หืม พี่เคยบอกแบบนั้นเหรอครับ” (ดวงใจแค้นแสนรัก)

หนังสือที่คุณอาจชอบ

คุณพ่อของหนูเป็นท่านประธาน

คุณพ่อของหนูเป็นท่านประธาน

โรแมนติก

4.9

หลังจากถูกแฟนหนุ่มและเพื่อนสนิทของเธอจัดฉาก เฉี่ยนซีก็จบลงด้วยการใช้เวลาทั้งคืนกับชายแปลกหน้าลึกลับคนนั้น เธอมีความสุขมาก แต่พอเธอตื่นขึ้นมาในเช้าวันรุ่งขึ้น เธอก็รู้สึกแย่กับสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อคืน อย่างไรก็ตาม ความรู้สึกผิดทั้งหมดของเธอถูกชะล้างออกไป เมื่อเธอเห็นใบหน้าของชายที่นอนอยู่ข้างเธอ เธอจึงเอ่ยด้วยเสียงเบา ๆ ที่ว่า  “ผู้ชายอะไร ทำไมหล่อจัง” และเธอก็ต้องตกใจกับสิ่งที่เห็น ความผิดของเธอกลายเป็นความละอายใจโดยทันที และมันทำให้เธอตัดสินใจทิ้งเงินจำนวนหนึ่งไว้ให้ชายผู้นั้นก่อนที่เธอจะจากไป "เจ๋อข่าย"  รู้สึกประหลาดใจเมื่อเห็นเงินดังกล่าว พร้อมกับคิดว่า ‘ผู้หญิงคนนั้นพยายามจะจ่ายเงินให้ฉัน ราวกับว่า ฉันเป็นผู้ชายขายบริการอย่างนั้นหรอ? ’ เขารู้สึกโกรธ จึงต้องการดูภาพจากกล้องวงจรปิดของโรงแรม เขาสั่งผู้ช่วยของเขาด้วยใบหน้าที่จริงจังพร้อมขมวดคิ้ว “ผมอยากรู้ว่า ใครอยู่ในห้องของผมเมื่อคืนนี้” ‘อย่าให้เจอนะ ถ้าเจอเมื่อไหร่จะสั่งสอนให้เข็ดเลย! ’ เรื่องราวของพวกเขาจะเป็นอย่างไรต่อไปนะ

เจ้าสาวจำเป็นกับสามีเศรษฐี

เจ้าสาวจำเป็นกับสามีเศรษฐี

โรแมนติก

4.9

แต่งงานกับนักเลงคนหนึ่งแทนพี่สาวและใช้ชีวิตอยู่อย่างยากลำบาก แต่ไม่คิดว่าจู่ ๆ สามีก็พลิกตัวกลายเป็นมหาเศรษฐีลึกลับที่มีอำนาจล้นฟ้า?เจียงช่านพยายามบอกกับตัวเองว่ามันเป็นไปไม่ได้แน่นอน เธอวิ่งกลับไปที่บ้านเช่าเล็ก ๆ นั้นและโผ่เข้าในอ้อมกอดของสามีและพูดว่า“พวกเขาบอกว่าคุณเป็นคุณฮั่ว จริงเหรอ?”เขาลูบผมเธอพลางพูดว่า“คนนั้นก็แค่หน้าตาเหมือนฉันเท่านั้นน่ะ”เจียงช่านรู้สึกน้อยใจเล็กน้อย“คนนั้นน่ารำคาญมาก ยืนยันตลอดว่าฉันเป็นภรรยาเขา ที่รัก ช่วยจัดการเขาสักทีนะ”วันต่อมา คุณฮั่วปรากฏตัวต่อหน้าทุกคนด้วยจมูกที่ช้ำและใบหน้าที่บวม “คุณฮั่ว นี่มัน?”มีคนหนึ่งอดถามขึ้นไม่ได้ เขายกยิ้มอย่างใจเย็น“ภรรยาสั่งให้จัดการ ผมจึงจำเป็นต้องลงมือหนักหน่อย”

กลร้ายทรายเสน่หา

กลร้ายทรายเสน่หา

โรแมนติก

5.0

นิยายแนว...ทะเลทรายสวีต...ที่ยิ่งอ่านยิ่งสนุกของนักเขียนเล่มนี้ ได้พานางเอกไปผจญภัยร้ายท่ามกลางทะเลทรายร้อนระอุจากโจรทะเลทรายตัวปลอมและโจรทะเลทรายตัวจริงที่กักขฬะด้วยการเอาคืนของพระเอกที่ถูกนางเอกใส่ร้ายให้เสื่อมเสียชื่อเสียงและทำให้รู้ความจริงว่าสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นการกระทำด้วยความเข้าใจผิด แต่การเดินทางที่ใกล้ชิดทำให้ความรู้สึกของทั้งสองเปลี่ยนจากคู่กัดเป็นคู่ที่ถูกตาต้องใจกัน เกล็ดทรายอันร้อนระอุจากแสงแดดแผดเผาจึงกลายเป็นเกล็ดน้ำตาล ...***...“นายก็พูดได้สิ ลองมาเป็นฉันดูบ้าง จะได้รู้ว่าต้องกระตือรือร้นไปทำไม" เธอย้อนอย่างโมโห “เลิกอยากรู้อยากเห็นเสียที แล้วฟังฉัน ระหว่างพักอยู่ที่นี่ทุกคนต้องมีหน้าที่ หล่อนก็ต้องทำงานเหมือนกัน" เขาพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงปกติที่เธอไม่ค่อยจะได้ยินนัก “นี่นายโจร ฉันไม่ใช่ลูกน้องหรือคนรับใช้ของนายนะ นายเป็นคนจับตัวฉันมา ก็ต้องเลี้ยงดูให้ฉันอยู่สุขสบาย จะมาใช้งานกินแรงกันไม่ได้นะ" เธอโวยลั่น “ฉันไม่สน ถ้าไม่ทำก็ไม่ต้องกิน อาหารมีไว้ให้คนที่ต้องออกแรงทำงานเท่านั้น" เขาข่มขวัญ คงคิดว่าเธอกลัวอดตายแล้วจะยอมทำตามทุกอย่างละสิ...ฝันไปเถอะ...เธอเชิดหน้าใส่ “แต่ไม่ใช่ฉัน ดูปากฉันนะ..." เธอชี้ที่ปากตัวเองอย่างที่น้องณัชชาลูกสาวพี่บ๊อบชอบทำ “ฉัน...ไม่...ทำงาน...อะไร...ทั้งนั้น..." เธอเน้นทุกถ้อยคำให้เขาฟังก่อนจะหันหลังเดินจากมาพร้อมไฟโกรธลุกท่วมตัว ...ตาบ๊องเอ๊ย...จิตสำนึกเข่นเขี้ยวเหมือนอยากจะเคี้ยวเขาให้แหลกคาปาก เธอไม่ได้เป็นฝ่ายร้องตามเขามาถึงจะต้องยอมทำทุกอย่างที่เขา...สั่ง...สั่ง...สั่ง... โดยเฉพาะการทำงานแลกข้าวน้ำประทังชีวิต...เขาสิต้องรับผิดชอบหาข้าวหาปลามาเลี้ยงดูให้อิ่มหนำสำราญ หากเขาต้องการใช้ประโยชน์จาก ตัวเธอ... “งานแรก..." เขาพูดต่ออย่างไม่สนใจ “หล่อนต้องซักเสื้อผ้าให้ฉัน งานอย่างที่สอง-ต้องทำความสะอาดกระโจมที่เราพักด้วยกันทุกเช้ากลางวันเย็น เก็บที่นอน ปูที่นอน กวาดพื้น ถูพื้น และปัดฝุ่นทำความสะอาดตากเครื่องนอนทุกชิ้นทุกวัน อย่างที่ สาม-ต้องนำอาหารมาเสิร์ฟให้ฉันทุกมื้อ เสร็จงานแล้วหล่อนจึงจะได้อาหารกิน ถ้าไม่ทำก็ไม่ได้กิน เข้าใจไหม” มิลินยืนอ้าปากค้าง อยากจะกรี๊ดให้ลั่น เขามันจอมบงการสิ้นดี แล้วถือดีอย่างไรมาใช้งานเธอเยี่ยงนางทาสีประจำตัวแบบนี้ เธอยืนกำหมัดแน่น อยากจะแล่นเข้าข่วนหน้ารกเคราของเขาให้สาสมกับความโกรธที่ถูกโยนตำแหน่งทาสรับใช้ใส่แล้วเดินหนีไปซึ่งๆหน้า ...ตาบ้า...ตาบ๊อง...ตาบื้อ...ตา...ขี้เก๊ก...เธอก่นว่าเป็นชุด สุดจะทนพฤติการณ์แบบเจ้าใหญ่นายโต...สั่ง...สั่ง...สั่ง...โดยไม่ฟังเสียงใคร คิดว่าตัวเองเป็นใหญ่มาจากไหนกัน...ฮึ...***... **************************************************** นิยายเรื่องนี้เป็นความคิดสร้างสรรค์ของนักเขียนอย่างแท้จริง สงวนลิขสิทธิ์โดย : ศิรารัย-ศิรารัยนิยายรัก ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์คอมพิวเตอร์และสิ่งพิมพ์ ห้ามลอกเลียนทุกส่วนของหนังสือเล่มนี้ ห้ามเผยแพร่-จำหน่าย-ดัดแปลง-ทำซ้ำ-จัดพิมพ์ หรือห้ามกระทำการใดๆทุกประการกับนิยายเรื่องนี้ ก่อนได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษรจากผู้เขียน **************************************************

บท
อ่านเลย
ดาวน์โหลดหนังสือ
รักร้ายจอมทระนง
1

บทที่ 1 ตอนที่ : 1 เงาอดีต

06/07/2024

2

บทที่ 2 ตอนที่ : 2 เงาอดีต 2

06/07/2024

3

บทที่ 3 ตอนที่ : 3 ดิ่งลึกลงในใจ

06/07/2024

4

บทที่ 4 ตอนที่ : 4 ดิ่งลึกลงในใจ 2

06/07/2024

5

บทที่ 5 ตอนที่ : 5 อริวัยเยาว์

06/07/2024

6

บทที่ 6 ตอนที่ : 6 บอลเป็นเหตุ

06/07/2024

7

บทที่ 7 ตอนที่ : 7 บอลเป็นเหตุ 2

06/07/2024

8

บทที่ 8 ตอนที่ : 8 ทำผิดก็ต้องขอโทษ

06/07/2024

9

บทที่ 9 ตอนที่ : 9 วันเกิด

06/07/2024

10

บทที่ 10 ตอนที่ : 10 วันเกิด 2

06/07/2024

11

บทที่ 11 ตอนที่ : 11 ของขวัญจากเขา

06/07/2024

12

บทที่ 12 ตอนที่ : 12 ของขวัญจากเขา 2

06/07/2024

13

บทที่ 13 ตอนที่ : 13 ยิ่งแย่

06/07/2024

14

บทที่ 14 ตอนที่ : 14 เลี่ยงไม่ได้

06/07/2024

15

บทที่ 15 ตอนที่ : 15 เลี่ยงไม่ได้ 2

06/07/2024

16

บทที่ 16 ตอนที่ : 16 เลี่ยงไม่ได้ 3

06/07/2024

17

บทที่ 17 ตอนที่ : 17 หมั้น

06/07/2024

18

บทที่ 18 ตอนที่ : 18 หมั้น 2

06/07/2024

19

บทที่ 19 ตอนที่ : 19 ความรู้สึก

06/07/2024

20

บทที่ 20 ตอนที่ : 20 ความรู้สึก 2

06/07/2024

21

บทที่ 21 ตอนที่ : 21 ไม่ปกติ

06/07/2024

22

บทที่ 22 ตอนที่ : 22 ไม่ปกติ 2

06/07/2024

23

บทที่ 23 ตอนที่ : 23 ใกล้หรือไกล

06/07/2024

24

บทที่ 24 ตอนที่ : 24 ใกล้หรือไกล 2

06/07/2024

25

บทที่ 25 ตอนที่ : 25 คาหนังคาเขา

06/07/2024

26

บทที่ 26 ตอนที่ : 26 คาหนังคาเขา 2

06/07/2024

27

บทที่ 27 ตอนที่ : 27 คาหนังคาเขา 3

06/07/2024

28

บทที่ 28 ตอนที่ : 28 รู้สึก

06/07/2024

29

บทที่ 29 ตอนที่ : 29 รู้สึก 2

06/07/2024

30

บทที่ 30 ตอนที่ : 30 มากกว่าที่คิด

06/07/2024

31

บทที่ 31 ตอนที่ : 31 ทนไม่ได้

06/07/2024

32

บทที่ 32 ตอนที่ : 32 ทนไม่ได้ 2

06/07/2024

33

บทที่ 33 ตอนที่ : 33 ทนไม่ได้ 3

06/07/2024

34

บทที่ 34 ตอนที่ : 34 ใจดวงเดิม

06/07/2024

35

บทที่ 35 ตอนที่ : 35 ใจดวงเดิม 2

06/07/2024

36

บทที่ 36 ตอนที่ : 36 ใจดวงเดิม 3

06/07/2024

37

บทที่ 37 ตอนที่ : 37 รักแท้แพ้ใกล้ชิด หรือเปล่า

06/07/2024

38

บทที่ 38 ตอนที่ : 38 รักแท้แพ้ใกล้ชิด หรือเปล่า 2

06/07/2024

39

บทที่ 39 ตอนที่ : 39 ปล่อยไม่ได้

06/07/2024

40

บทที่ 40 ตอนที่ : 40 เหตุผล

06/07/2024