5.0
ความคิดเห็น
422
ชม
10
บท

ทุกสัมผัสของชายหนุ่มเต็มไปด้วยความเรียกร้องต้องการ ทั้งอ่อนหวานนุ่มนวลแต่บางครั้งก็หนักหน่วงดุดัน ร่างนุ่มสะท้านแล้วสะท้านอีก ชายหนุ่มมอมเมาเธอจนแทบไม่เป็นตัวของตัวเอง ทั้งวาบหวามทั้งตื่นตระหนก เพราะจุมพิตครั้งนี้แตกต่างจากครั้งที่แล้วมากเหลือเกิน เสียงครางกระหึ่มในลำคอทำให้สาวน้อยหวาดหวั่นมากที่สุดเพราะมันเหมือนเสียงคำรามของเจ้าป่าที่กำลงจะขย้ำเหยื่อไม่มีผิด แต่แม้จะรู้สึกหวาดหวั่นมากเพียงใด ร่างกายของเธอก็ตอบสนองเขาแล้ว ทั้งที่รู้ว่ามันไม่ควร ทั้งที่รู้ว่ามันอาจจะเกิดปัญหาตามมา โอ...พระเจ้า ทำไมเธอถึงได้รู้สึกต้องการเขามากมายแบบนี้ ร่างกายทุกอณูของเธอกำลังสั่นระริกไปด้วยความเสียวซ่านรัญจวนใจ นาทีนี้ความเหน็บหนาวเปล่าเปลี่ยวของหญิงสาว กำลังถูกความเร่าร้อนลามเลียไปทั่วร่างและแทรกผ่านซึมลึกเข้าสู่หัวใจ ทว่าเมื่อลมหนาวกำลังจะผ่านพ้น ความเหน็บหนาวอ้างว้าง กลับเดินทางมาเยือนหัวใจของเขา พู่กันทองถูกนำมาเก็บไว้ที่เดิม เมื่อเจ้าของภาพวาดภาพเสร็จเรียบร้อยแล้ว ห้วงเวลาเหมันต์ใกล้จะผ่านพ้นไปแล้ว แต่ความรักที่เขามีต่อเธอยังคงอยู่ที่เดิม เขาจะรอ...จนกว่า...

บทที่ 1 ในม่านหมอก 50%

“พี่มาคุสขา วาดรูปให้ฮันนี่หน่อยนะคะ”

เด็กสาวอายุประมาณสิบสองขวบที่มีหน้าตาสวยใสงดงามราวกับเทพธิดาตัวน้อยออดอ้อนจิตรกรหนุ่มรูปหล่อด้วยดวงตาใสแจ๋วดุจเกล็ดหิมะที่สะท้อนแสงอาทิตย์ยามเช้า มือเล็กเกาะแขนเรียวใหญ่เขย่าไปมาอย่างเร่งเร้า

“นะคะพี่มาคุส”

ร่างสูงเพรียวราวกับนายแบบหันกลับมามองด้วยสายตาเหนื่อยหน่ายแต่ก็ต้องใจอ่อนให้กับสายตาใสซื่อที่กะพริบปริบๆ อย่างน่าเอ็นดู คงเพราะดวงตากลมโตสีมรกตจ้องมองมาอย่างไร้เดียงสานี่กระมัง ทำให้เจ้าของใบหน้าคมคร้ามนัยน์ตาสีเทอร์ควอยซ์ต้องถอนหายใจยาวออกมาก่อนจะพยักหน้าและยิ้มที่มุมปากเป็นเชิงว่าตกลง

“เย้! ดีใจจังเลย”

สาวน้อยกระโดดโลดเต้น และปรบมือตัวเองอย่างชอบใจ ดวงหน้าอ่อนเยาว์กระจ่างใสไปด้วยรอยยิ้มแสนหวานที่สามารถเรียกรอยยิ้มจากคนตัวโตได้ไม่น้อย

“ไปนั่งตรงสวนดอกไม้นั่นนะ เดี๋ยวพี่จะวาดให้ ไม่สวยอย่าว่ากันนะ”

“ไม่ว่าแน่นอนค่ะ ตรงนี้โอเคไหมคะ”

ร่างเล็กถอยหลังไปจนถึงหินก้อนใหญ่สีขาวที่อยู่ตรงกลางสวนดอกไม้นานาพันธุ์ที่ออกดอกหลากสีส่งกลิ่นหอมตลบอบอวลไปทั่วบริเวณบ้าน

จิตรกรหนุ่มจัดวางอุปกรณ์การวาดรูป เมื่อพร้อมเขาก็ส่งสัญญาณให้นางแบบวาดรูปแสนสวยนั่งในอิริยาบถที่น่ารักพร้อมกับให้เธอยิ้มสวยๆ ส่งมาให้ มือเรียวสะบัดปลายพู่กันอย่างอ่อนช้อย โดยเริ่มจากใบหน้าเรียวรูปไข่ไล่ลงมาตามเรือนร่างที่เริ่มจะเป็นสาวเล็กน้อย

ฮันนี่ยิ้มหวานตลอดเวลาการวาดรูป หัวใจดวงเล็กๆ พองโตคับอกไปด้วยความสุข แม้ว่าเด็กสาวจะอายุยังน้อย แต่เจ้าตัวกลับคิดเกินเด็ก เพราะทุกๆ คืนเธอมักจะฝันถึงจิตรกรหนุ่มที่ชื่อมาคุสเสมอๆ จึงได้ขอร้องให้มารดาของตนเองซึ่งเป็นอาจารย์ที่ปรึกษาของมาคุสในมหาวิทยาลัยชื่อดังแห่งหนึ่ง ไปขอร้องให้จิตรกรหนุ่มมาวาดรูปให้เธอที่บ้านให้ได้ เพราะวันนี้เป็นวันเกิดของเธอนั่นเอง

เวลาผ่านไปไม่นานนัก ภาพของเทพธิดาตัวน้อยที่เริ่มจะเป็นสาวก็ปรากฏอยู่บนผืนผ้าใบสีขาวแผ่นใหญ่ ภาพของเด็กสาวฮันนี่ท่ามกลางมวลดอกไม้สีสวย

“เสร็จแล้วจ้ะสาวน้อย” เสียงทุ้มตะโกนบอกด้วยรอยยิ้มบางๆ

“ว้าว ต้องสวยมากแน่ๆ เลย”

เด็กสาววิ่งมาดูด้วยความตื่นเต้นดีใจ ดวงตาสีมรกตกวาดมองไปตามภาพวาดสีน้ำมันด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้มตลอดเวลา ดวงตากลมโตใสแจ๋วมองภาพวาดจนพอใจก็เงยหน้าขึ้นมองเจ้าชายในฝันของตนเองด้วยสายตาขอบคุณ พร้อมทั้งเอ่ยคำพูดหวานๆ

“ขอบคุณมากๆ นะคะพี่มาคุส หนูรักพี่ที่สุดเลย” เด็กสาวเอ่ยความในใจออกมาอย่างไม่ปิดบัง

“พี่วาดภาพให้เสร็จแล้ว พี่จะได้รับอะไรเป็นการตอบแทนจากสาวน้อยคนนี้กันนะ”

“วันนี้เป็นวันเกิดของหนู วาดให้หนูฟรีๆ ได้ไหมคะพี่มาคุส” เสียงใสกังวานดั่งระฆังเงินเอ่ยออกมา พร้อมกับกะพริบขนตางอนยาวปริบๆ ดวงตากลมโตสีมรกตที่เหมือนจะยิ้มได้จ้องมองคนตัวโตด้วยแววตาหวานฉ่ำ

“อ้อ วันนี้เป็นวันเกิดของฮันนี่นี่นาพี่ลืมไป งั้นพี่วาดรูปนี้ให้เป็นของขวัญวันเกิดให้ฮันนี่นะ”

“เย้! ขอบคุณมากๆ ค่ะพี่มาคุส”

“สุขสันต์วันเกิดจ้ะสาวน้อย”

“ขอบคุณค่ะ งั้นหนูขอตอบแทนพี่มาคุสด้วยสิ่งนี้ก็แล้วกันนะคะ”

สาวน้อยฮันนี่ตั้งใจมาทั้งคืนแล้วว่าเธอจะมอบอะไรเป็นการตอบแทนจิตรกรหนุ่มรูปหล่อ พอนึกว่าตนเองกำลังจะทำอะไรให้กับเจ้าชายในฝันตรงหน้า ใบหน้าอ่อนเยาว์ก็เป็นสีชมพูระเรื่อเข้มขึ้นอย่างกับเด็กสาวแก่แดด

“จะตอบแทนอะไรพี่เหรอจ้ะ หืม” ชายหนุ่มที่อายุมากกว่าสาวน้อยหลายปีถามยิ้มๆ

“หลับตาก่อนสิคะ”

จิตรกรหนุ่มมือสมัครเล่นยิ้มบางๆ ก่อนจะทำตามที่สาวน้อยบอกอย่างขำๆ เขาก็อยากจะรู้เหมือนว่าสาวน้อยฮันนี่จะมอบอะไรเป็นการตอบแทนเขา แล้วสิ่งที่ชายหนุ่มที่แตกเนื้อหนุ่มเต็มที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น

ริมฝีปากเล็กนุ่มละมุนนาบลงมาบนกลีบปากหยักลึกของเขานิ่งนาน ในลักษณะแบบเนื้อแนบเนื้อ แค่แตะๆ เพียงภายนอกนิ่งนานหลายวินาที และเมื่อริมฝีปากเล็กจิ้มลิ้มสีกุหลาบผละออก ใบหน้าคมคร้ามถึงกับแสดงสีหน้าประหลาดใจในความแก่แดดของสาวน้อยวัยสิบสองขวบที่กล้าหาญชาญชัยมาจุมพิตเขาด้วยความเสน่หาแบบเด็กๆ

“ฮันนี่” ชายหนุ่มครางชื่อของสาวน้อยออกมาเบาๆ

“ฮันนี่ชอบพี่มาคุสค่ะ โตขึ้นฮันนี่ขอเป็นเจ้าสาวของพี่มาคุสนะคะ”

แล้วเสียงหัวเราะของคนที่ถูกขอเป็นเจ้าบ่าวในอนาคตก็ดังกังวานไปทั่วบริเวณสวนดอกไม้ด้วยความขบขันระคนชอบใจในความแก่แดดแก่ลมแต่ทว่าน่ารักของสาวน้อยฮันนี่

“ถ้าอย่างนั้น พี่ขอมอบของขวัญให้ฮันนี่อีกอย่างนะ”

“อะไรคะ” สาวน้อยถามด้วยความตื่นเต้น

“หลับตาก่อนสิ”

“ได้ค่ะ”

ร่างเล็กรีบหลับตาตามที่ชายหนุ่มสั่งอย่างว่าง่าย แล้วจุมพิตแบบเดียวกันกับที่สาวน้อยมอบให้ชายหนุ่มเมื่อครู่ก็ได้รับคืนกลับมาอย่างนุ่มนวล มันเป็นจุมพิตแบบเด็กๆ ที่บริสุทธิ์แต่ทว่ามันกลับทำให้เจ้าของวันเกิดดีใจมากที่สุด และมันจะเป็นของขวัญล้ำค่ามากที่สุดในวันนี้ที่เธอจะไม่มีวันลืม สาวน้อยหลับตาพริ้มรับจุมพิตจากเจ้าชายในฝันของเธอนิ่งนาน

“ตื่นๆ! จะนอนกินบ้านกินเมืองไปถึงไหนฮะ ลุกขึ้นมาทำการทำงานได้แล้ว”

เสียงแหลมแสบแก้วหูตะโกนปลุกร่างบางใต้ผ้าห่มเก่าๆ ด้วยท่าทางรำคาญสุดแสน มือหยาบอวบๆ จับแขนเล็กเขย่าแรงๆ เพื่อปลุกสาวน้อยให้ตื่นขึ้นมาทำงานประจำอย่างที่เคยทำอย่างเช่นทุกวัน

ร่างเล็กบนฟูกขาดๆ ตื่นจากฝันหวานทันทีเมื่อถูกผู้ปกครองใจยักษ์ปลุกเสียงดังและเขย่าแขนจนหัวสั่นหัวคลอน

“น้าสาย น้ำผึ้งตื่นแล้วจ้ะ ปล่อยน้ำผึ้งเถอะน้ำผึ้งเจ็บ” คนตัวเล็กนิ่วหน้าเอ่ยขอร้องอย่างน่าสงสาร

นางสายใจจ้องหน้าเด็กสาวอย่างหงุดหงิดรำคาญเมื่อไม่ได้ดั่งใจ ก่อนที่จะปล่อยแขนกลมกลึงนั้นให้เป็นอิสระแล้วออกคำสั่งอย่างที่เคยสั่งให้สาวน้อยที่อยู่ในฐานะไม่ต่างกับสาวใช้ทำเป็นประจำทุกวัน

“รีบไปทำกับข้าว ซักผ้า ถูบ้านให้เรียบร้อย ไม่เสร็จไม่ต้องกินข้าว”

“จ้ะ น้ำผึ้งจะรีบไปทำเดี๋ยวนี้แหละจ้ะ”

ร่างอวบยืนเท้าสะเอวมองคนตัวเล็กลนลานลุกออกไปจากที่นอนเพื่อไปทำงานตามที่สั่งอย่างหมั่นไส้ ยิ่งนับวันเธอก็ยิ่งเกลียดชังเด็กสาวน้ำผึ้งมากขึ้นทุกที เหตุเพราะสาวน้อยยิ่งนับวันยิ่งดูสวยงามผุดผ่องกว่าลูกสาวของตนเองนั่นเอง แม้ว่าร่างบางที่เพิ่งแตกเนื้อสาวเต็มตัวนั้นจะอยู่ในชุดเก่าๆ ซอมซ่อยังไงแต่น้ำผึ้งก็ยังดูสวยน่ารักจนนางรู้สึกอิจฉาแทนลูกสาวของตนเอง

กว่าสิบปีแล้วที่นางสายใจกับนายวีระรับเด็กน้ำผึ้งมาดูแลเพื่อจุดประสงค์บางอย่างในตัวเด็กน้อยที่ขาดพ่อขาดแม่ มันไม่ใช่เพราะความสงสารเห็นใจในความอาภัพของเด็กสาวที่ขาดที่พึ่ง แต่มันคือความโลภในจิตใจที่โสมมของคนใจมารที่หวังจะใช้เด็กในปกครองพยุงฐานะของตนเอง

และวันนี้มันก็ถึงเวลาที่เธอกับสามีควรจะได้รับสิ่งตอบแทนจากการเสียข้าวสุกเลี้ยงดูเด็กน้อยอนาถาคนนี้เสียที

บ่ายของวันนี้จะมีนายฝรั่งซึ่งเป็นเพื่อนของแฟนของคนข้างบ้านที่รู้จักกันจะเดินทางมาดูตัวสาวน้อยเพื่อตกลงราคา คราวนี้แหละครอบครัวของเธอจะลืมตาอ้าปากได้สักที และถ้าไม่รวยตอนนี้ก็ไม่รู้จะไปรวยตอนไหน เห็นว่านายฝรั่งคนนี้ร่ำรวยมาก เขาต้องการสาวสวยสักคนไปเป็นแม่บ้านและถ้าถูกใจเขาก็จะยกย่องให้เป็นภรรยาของเขาอีกคน

นางสายใจหวังเป็นอย่างยิ่งว่าหน้าหนาวปีนี้ เธอจะมีบ้านหลังใหม่สักหลัง มีผ้าห่มผืนใหม่สักสองสามผืนเผื่อลูกเผื่อสามี ได้สวมสร้อยแหวนเงินทอง กินของอร่อยๆ แพงๆ เหมือนกับคนอื่นเขาบ้าง ที่สำคัญลูกสาวของเธอก็จะได้แต่งตัวสวยๆ กินอยู่อย่างสุขสบายด้วย

“นังน้ำผึ้ง วันนี้ถึงเวลาที่แกต้องตอบแทนบุญคุณฉันแล้ว”

นางน้าใจโหดมาดหมายในใจด้วยสายตาวาววับร้ายกาจ มองร่างบางที่กำลังก้มหน้าก้มตาทำงานบ้านงกๆ ด้วยจิตใจที่เต็มไปด้วยความชั่วช้าสามานย์

*********

ร่างระหงในชุดกันเปื้อนขาดรุ่งริ่งแต่ทว่าสะอาดสะอ้านก้มหน้าก้มตาทำกับข้าวให้กับคนทั้งบ้านกินยกเว้นตัวเองที่ยังไม่รู้ว่าจะได้กินหรือเปล่า ไข่ไก่สามฟองสุดท้ายถูกกะเทาะเปลือกลงในถ้วยพลาสติกค่อนข้างเก่าตามด้วยต้นหอมแล้วคนให้เข้ากันกับเครื่องปรุงไม่กี่อย่างเท่าที่มีอยู่ในครัวโกโรโกโสนั่น

ซ่า!

เสียงเจียวไข่ในน้ำมันร้อนๆ ดังออกไปนอกครัว และส่งกลิ่นหอมฟุ้งลอยไปเข้าจมูกของคนทั้งบ้านให้น้ำลายสอ

สาวน้อยอีกคนหนึ่งในบ้านที่เพิ่งตื่นรีบลุกขึ้นจากเตียงนอนเดินขยี้ตาตรงเข้าไปในครัวเพราะได้กินหอมๆ ของไข่เจียว

สาลี่ลูกสาวเพียงคนเดียวของนางสายใจกับนายวีระนั่นเอง วันๆ หญิงสาวไม่ทำอะไรนอกจากนอนกินและเที่ยวหว่านเสน่ห์ผู้ชายแถวบ้านใกล้เรือนเคียงที่มีฐานะดีๆ หน่อย ตามประสาสาวบ้านนอกที่หวังสบายทางลัด หน้าตาของหญิงสาวก็ใช่ว่าจะขี้ริ้วขี้เหล่ แต่นิสัยไม่ต้องพูดถึง ชาวบ้านต่างก็รู้จักกันดี โดยเฉพาะคนในบ้าน

“นังน้ำผึ้ง แกทำกับข้าวเสร็จหรือยังฮะ ฉันหิวจะแย่แล้วนะ”

แม่ครัวสาวที่ใบหน้าเปื้อนคราบเขม่าควันดำด่างติดตามแก้มนวลสองข้างหันมามองร่างบางที่ยืนเท้าสะเอวถามเธอด้วยสายตาหวาดๆ เพราะสาลี่เป็นอีกคนที่ชอบใช้อำนาจและใช้กำลังข่มขู่เธอทั้งคำพูดและการกระทำ

“ใกล้เสร็จแล้วจ้ะคุณสาลี่ เหลือแค่ต้มจืดจ้ะอีกไม่กี่นาทีก็สุกแล้ว”

“เร็วๆ ด้วย ฉันหิว” ร่างบางในชุดนอนสั่งเสียงห้วน ก่อนที่จะสะบัดก้นเดินไปอาบน้ำแต่งตัวรอทานข้าวพร้อมกับพ่อแม่ของเธอที่ม้าหินหน้าบ้าน

น้ำผึ้งตั้งใจทำอาหารเช้าต่อไปจนเสร็จเรียบร้อยแล้วยกออกไปเสิร์ฟให้กับครอบครัวผู้มีพระคุณของเธอด้วยอาการกริ่งเกรง เพราะว่าวันนี้เธอตื่นสายเลยทำกับข้าวเสร็จช้าไปประมาณหนึ่งชั่วโมง เพราะมัวแต่ฝันหวานซ้ำๆ ซากๆ แบบเดียวกันมาเป็นสิบๆ ปีแล้ว โดยที่สาวน้อยยังสงสัยอยู่เลยว่าทำไมเธอถึงได้ฝันถึงผู้ชายที่ชื่อมาคุสบ่อยๆ

แล้วผู้หญิงที่ชื่อฮันนี่เป็นใคร ทำไมเธอถึงได้รู้สึกว่าเด็กผู้หญิงในฝันคนนั้นเป็นตนเองในบางครั้งซึ่งมันเป็นไปไม่ได้ แล้วสถานที่ในฝันแบบนั้น ในสวนดอกไม้ที่อยู่หน้าบ้านรูปทรงเลขาคณิตหลังใหญ่ ที่นั่นคือที่ไหนกัน ทำไมเธอถึงได้รู้สึกคุ้นเคยกับสถานที่นั้นมากเหลือเกิน ราวกับว่าเธอเคยใช้ชีวิตอยู่ที่นั่น แต่ว่ามันคงเป็นแค่ความฝันเท่านั้นแหละ ในเมื่อตรงหน้าเธอไม่มีสวนดอกไม้ มีแต่สามพ่อแม่ลูกที่คอยกดขี่ข่มเหงเธออยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน

ร่างระหงที่ในมือข้างขวาถือถาดกับข้าวมือข้างซ้ายถือหม้อหุงข้าวเดินออกมาที่ทุกคนรออยู่ สายตาสามคู่มองมาทางสาวน้อยอย่างเอาเรื่อง น้ำผึ้งพยายามหลุบตาลงต่ำแล้วค่อยๆ วางถาดกับข้าวและหม้อข้าวในมือลงบนม้าหินเก่าๆ ตรงหน้าทุกคน

“ไปซักผ้าเก็บกวาดถูบ้านได้แล้ว ถ้าทำไม่เสร็จไม่ต้องพักกินข้าว ไปได้แล้ว” นางสายใจหันหน้ามาออกคำสั่งเสียงห้วนด้วยสายตาดุดัน

“รีบไปสิ ชิ่วๆ”

สาลี่เหยียดยิ้มอย่างชอบใจ ขับไล่น้ำผึ้งอีกคน ก่อนจะลงมือทานข้าวพร้อมกับพ่อแม่โดยไม่คิดที่จะเหลือกับข้าวไว้เผื่อแผ่คนที่อุตส่าห์ตั้งใจทำให้กิน

“นี่สายใจ บ่ายนี้ใช่ไหมที่นายฝรั่งจะมาดูตัวนังน้ำผึ้ง” นายวีระที่กินข้าวใกล้จะอิ่มแล้วเงยหน้าถามเมียรักด้วยนัยน์ตาเป็นประกาย แต่สาลี่ที่ยังไม่รู้เรื่องกลับมองหน้าแม่ของตนเองด้วยแววตาสงสัย

“ใช่จ้ะพี่”

“นายฝรั่งที่ไหนเหรอแม่ สาลี่ไม่เห็นรู้เรื่องเลย”

“แกจะมารู้เรื่องตอนไหนล่ะ วันๆ เอาแต่เที่ยวแทบไม่เห็นหัว กลับมาก็เอาแต่นอน กินอิ่มแล้วก็หายหัวไปอีก ฉันล่ะเบื่อแกจริงๆ สาลี่ เมื่อไหร่แกจะหาผัวรวยๆ ได้กับเขาสักทีฮะ” คนเป็นแม่ที่คิดจะขายทั้งเด็กในปกครองและลูกสาวกินบ่นยาวเป็นหางว่าว จนคนที่ถูกบ่นทำหน้าย่นอย่างขัดใจ

“แล้วทำไมแม่ไม่หาผัวฝรั่งให้สาลี่ล่ะ ไปหาให้นังน้ำผึ้งมันทำไม”

“แล้วฝรั่งแก่ๆ แกสนไหมล่ะ”

“แหวะ ไม่เอาหรอกแม่ แก่ๆ หนังเหี่ยวจะมีน้ำยาอะไร สาลี่ไม่อยากมีภาระ แต่ถ้ารวยๆ สามสิบต้นๆ ไม่ลงพุงสาลี่ยังพอไหวนะแม่ มีหรือเปล่า”

“แหม ไอ้ผู้ชายที่แกวาดฝันอยู่น่ะ มันก็มีแค่ในละครเท่านั้นแหละโว้ย ในชีวิตจริงน่ะ หมาคาบไปแ_กหมดแล้ว” นายวีระสอดขึ้นมาบ้างเพราะหมั่นไส้ลูกสาวของตนเองที่วันๆ เอาแต่วาดฝันถึงแต่ผู้ชายหล่อๆ รวยๆ และอายุล่วงเลยมาจนถึงยี่สิบสองปีแล้วก็ยังหาผู้ชายที่ถูกใจไม่ได้สักคน

“พ่อก็พูดเกินไป คอยดูนะหน้าหนาวปีนี้สาลี่จะหาผัวหล่อๆ รวยๆ มาเป็นลูกเขยพ่อกับแม่ให้ได้”

นางสายใจกับนายวีระส่ายหน้าไปมาอย่างระอา ก่อนจะก้มหน้ากินข้าวต่อจนอิ่มเพื่อรีบไปทำธุระของใครของมัน นางสายใจมักจะไปเล่นไพ่กับเพื่อนบ้านเป็นประจำ ส่วนนายวีระ ก็บ้าดูไก่ชน บางวันสองสามีภรรยาก็ได้เงินกลับมาบางวันก็ได้หนี้กลับมา แต่ถึงจะไม่มีเงินใช้หนี้ แต่เจ้าหนี้ก็ใจป้ำให้หยิบยืมเงินจนตอนนี้สองสามีภรรยามีหนี้สินรวมกันเกือบแสนแล้ว

และสาเหตุที่เจ้าหนี้ยังใจดีให้สองสามีภรรยาที่บ้าการพนันคู่นี้หยิบยืมเงินไม่มีจำกัด ก็เพราะทั้งสองคน ต่างก็ไปโฆษณาอย่างสวยหรูว่าอีกไม่นานพวกเขาก็จะได้เงินก้อนใหญ่จากนายฝรั่งที่จะมาสู่ขอเด็กสาวในอุปการะไปเร็วๆ นี้แล้ว ทั้งที่ความเป็นจริงสองผัวเมียคิดที่จะขายเด็กสาวใต้การปกครองกินต่างหาก ไม่ใช่เพราะมีผู้ชายรวยๆ มาสู่ขอหรอก

อ่านต่อ

หนังสืออื่นๆ ของ ณัชชาพัชร์/ช่อพิกุล

ข้อมูลเพิ่มเติม
ซีรีส์ชุด ไฟรักแห่งรัตติกาล

ซีรีส์ชุด ไฟรักแห่งรัตติกาล

มนุษย์หมาป่า

5.0

1 พ่ายปรารถนาเจ้ารัตติกาล 2 กระหายรักใต้เงาจันทร์ 3 พิศวาสหวามข้ามกาลเวลา(ภาคจบ) ร่างสูงเคลื่อนเข้ามาใกล้ชิดรวดเร็ว จับบ่าบอบบางสองข้างเอาไว้แน่น จ้องลึกเข้าไปในดวงตาคู่สวยที่ทั้งกล้าหาญและหวาดหวั่น “คุณเลือกทางของคุณเองนะ ณิชา เกิดอะไรขึ้นอย่ามาโทษผม” “ฉะ...ฉันไม่กลัว” “คุณกำลังกลัวมากที่สุดต่างหากล่ะณิชา” ร่างเล็กถูกกระชากเข้ามาบดจูบด้วยความกระหาย ‘ณิชา ยอดรักของข้า’ เขาไม่พูดคำว่ารักออกมาให้เธอได้ยิน แต่ส่งผ่านความรู้สึกนั้นด้วยเซ็กส์ที่ทรงพลัง... เขาทะยานไปข้างหน้ารุนแรง ตอกย้ำกายใหญ่เข้าหาราวกับจะแทงทะลุให้ถึงจิตวิญญาณ ราตรีนี้ความต้องการทางกายของแวมไพร์หนุ่มจะทวีความรุนแรงขึ้นอีกหลายเท่า เขาหลอกล่อเธอด้วยไฟพิศวาสร้อนแรง เพื่อจะดับไฟแค้นในหัวใจ ส่วนเธอทั้งรักทั้งหลงเขา ไม่อาจห้ามใจสักครั้งเมื่อได้ชิดใกล้ แต่เมื่อรู้ความจริงว่าเขาคือใคร ดวงตะวันจะเลือนหายไปจากเธอและเขาหรือเปล่า วันเวลาหมุนเวียน ทุกสิ่งรอบกายเปลี่ยนผัน มีเพียงดวงจิตที่ผูกพัน ร้อยปีผันผ่านยังเฝ้าคอย ‘เชอร์ลีน ยอดรักของข้า “ไม่ใช่ ฉันไม่ใช่เชอร์ลีน ฉันชื่อกิรณา และฉันไม่เคยไปทำความเดือดร้อนให้ใคร ไม่เคยรู้จักคุณ แล้วคุณจับฉันมาทำไม”

นางร้ายยั่วรัก

นางร้ายยั่วรัก

โรแมนติก

3.5

‘ทั้งๆ ที่รักแต่ไม่อาจครอบครอง ของของเขา เธอจะแย่งมาได้อย่างไร’ “เลิกคิดเถอะ คุณไม่เหมาะสมกับผมสักนิด และสเปคผู้หญิงของผมก็คงไม่ใช่เด็กสาวกะโปโลอย่างคุณ กลับไปเรียนหนังสือให้จบแล้วมีคนอื่นไปซะ ไม่ต้องมายั่วผมอีก เข้าใจที่ผมพูดมั้ย” เธอเข้าใจ... จึงเดินวกกลับมาจูบเขาอย่างยั่วยวนอีกครั้งพร้อมกับรอยยิ้มหวาน “ถ้าเรียนจบแล้ว แพรจะกลับมา อย่าเพิ่งแต่งงานนะคะ...” ทว่าเมื่อเรียนจบกลับมาหาเขาอีกครั้ง ได้ใกล้ชิดชายหนุ่มอีกหน ครานี้เธอ ‘ยั่ว’ เขาหนักขึ้น แต่... เธอก็ต้องมาพบกับความร้ายกาจของผู้หญิงของเขา ที่ต้องการจะ ‘เอาเธอให้ถึงตาย!’ ลูกแพรจึงต้อง ‘ร้าย’ กลับบ้าง ‘ร้ายเพราะรัก มันต้องร้ายให้ลึกที่สุด!’

บำเรอรักอาญาอสูร

บำเรอรักอาญาอสูร

โรแมนติก

5.0

“ผมจะยอมแต่งงานกับคุณก็ได้ แต่ผมมีข้อแลกเปลี่ยนสามข้อ คุณจะยอมรับได้ไหมแต่คุณต้องผ่านการทดสอบของผมในคืนนี้ให้ได้ก่อนนะ แล้วเราค่อยมาตกลงกัน” ความเป็นชายของเขาก็กำลังร้อนเป็นไฟ เธอมองเขาด้วยสายตาวิงวอน เธอกำลังกลัว กลัวมากที่สุด! “อย่ากลัวผมเลยนะ คุณรู้มั้ยว่าคุณน่ารักไปทั้งตัว คุณสวยจนผมอดใจไม่ไหว แล้วก็หอมหวานจนผมแทบจะคลั่งตายอยู่แล้ว” กฤตภพเก่งกาจเกินกว่าที่เธอจะต้านทานไหว เขาใช้ประสบการณ์อันช่ำชองพาให้เธอเคลิบเคลิ้ม และคล้อยตามเขาไปทุกหนทุกแห่ง ไม่ว่าเขาจะดึงขึ้นสวรรค์หรือดิ่งลงนรก เธอก็โบยบินตามเขาไปทุกที่ ตามที่เขาปรารถนา อาภรณ์ชิ้นสุดท้ายหลุดออกจากเรียวขาเมื่อไหร่ไม่ทันได้รู้สึกตัว แต่รู้สึกตัวอีกทีก็เมื่อเห็นร่างกายกำยำของเขายืนตรงปลายเตียง

เพลิงเสน่หาอสูร

เพลิงเสน่หาอสูร

โรแมนติก

5.0

ฟรานซิส ฟาร์นองเดซ เจ้าพ่อธุรกิจไวน์รายใหญ่ที่สุดแห่งอัลซาส ประเทศฝรั่งเศส เขาไม่ต่างกับอสูรร้ายที่ร้ายกาจ ป่าเถื่อน เพียงเพื่อจะกำจัด ‘ผู้หญิงที่หวังรวยทางลัด’ อัญญาลิน ทายาทสาวเพียงคนเดียวของเจ้าของบริษัทไวน์เนอรี่ชั้นแนวหน้าของไทย เธอตั้งใจไปเที่ยวฝรั่งเศส เพียงเพื่อจะหาความรู้เรื่องการผลิตไวน์มาบริหารงานช่วยผู้เป็นพ่อเท่านั้น แต่ไม่คิดเลยว่าจะมาเจอ ‘น้องชายของเขา’ “คุณกำลังเข้าใจผิด” “เปล่า ผมกำลังเข้าใจถูกต่างหาก และผมก็รู้ว่าจริงๆ แล้วคุณเองก็คงแอบมีใจให้ผมไม่น้อย ไม่อย่างนั้นคุณจะยั่วผมท้าทายผม ด้วยการขัดคำสั่งผมเหรอ เพราะคุณก็รู้ดีอยู่แล้วนี่ ว่าเวลาที่คุณขัดคำสั่งผมแล้ว ผมจะลงโทษคุณอย่างไรบ้าง ต้องการแบบนี้ใช่มั้ย ได้...ผมจะจัดให้” ศีรษะดกดำโน้มต่ำลงมาทันที อัญญาลินคิดเสมอว่าฟรานซิสรังเกียจเธอ หญิงสาวอยากจะรู้จังว่า ในสมองของเขาเคยคิดถึงเธอในแง่ดีบ้างหรือเปล่า หรือคิดแต่จะหาเรื่องทำให้เธอเป็นคนผิดที่คิดขัดคำสั่งเขาแล้วหาทางลงโทษเธอตามอำเภอใจ ‘ผู้ชายไม่มีหัวใจ’ อัญญาลินคิดได้แค่นี้ แล้วสติสัมปชัญญะของเธอก็ดับวูบลงทันที “ก็ได้! ในเมื่อคุณไม่เคยเห็นผมเป็นคนดีในสายตา ผมก็จะขอเป็นคนเลวอย่างที่คุณประณามก็แล้วกัน” ฟรานซิสสะกดเสียงต่ำลอดไรฟัน มองหน้าคนดื้อรั้นไม่ยอมฟังเหตุผลด้วยประกายตาแข็งกร้าววาววับ ด้วยอารมรณ์คุกรุ่นผสมผสานกับอารมณ์ปรารถนาของร่างกายที่อัดแน่นมานานแล้ว เขาผลักร่างบอบบางที่มีเพียงผ้าแพรปกปิดร่างกายให้นอนราบลงไปกับที่นอน ก่อนที่จะคร่อมทับร่างของเธอเอาไว้ สวมบทอสูรร้ายบ้ากามทันทีโดยไม่ฟังเสียงร้องอ้อนวอนใดๆ จากหญิงสาวอีกต่อไป

ลิขิตเสน่หามนตรารัตติกาล

ลิขิตเสน่หามนตรารัตติกาล

โรแมนติก

3.5

ด้วยอำนาจแห่งมนตรา หรือเพราะพรหมลิขิต ชักนำเธอเข้าสู่อ้อมกอดแห่งรัตติกาล ที่ทั้ง ‘เร่าร้อน’ และ ‘เหน็บหนาว’ ในคราวเดียวกัน ครั้งแรกที่สบตากับเขา ‘รุ้งราตรี’ ไม่รู้ตัวเลยว่าเธอกำลังเผชิญอยู่กับอะไร ทันทีที่ได้ใกล้ชิด โลกทั้งใบก็ดูเหมือนจะหยุดหมุน และแค่เพียงปลายนิ้วสัมผัส เธอก็รับรู้ได้ถึงความน่ากลัวบางอย่าง แต่ทำไมถึงได้หวั่นไหวนัก แค่เพียงจุมพิตแรก หัวใจที่เหมือนถูกแช่แข็งมานานของ ‘แดเนียล’ ก็เริ่มสั่นคลอน แค่จูบเดียวก็เหมาเอาว่า เธอเป็น ‘เนื้อคู่’ ของเขา แล้วใครจะเชื่อ เธอไม่อยากเข้าใกล้เขานัก แต่ความจำเป็นบางอย่าง เธอจึงพาตัวองเข้าสู่ ‘คฤหาสน์ที่น่าสะพรึงกลัว’ เป็นหนที่สอง

หนี้ร้อนซ่อนปรารถนา

หนี้ร้อนซ่อนปรารถนา

โรแมนติก

5.0

“คุณพลประภัทร คุณมันเป็นเจ้าหนี้ที่เผด็จการมากที่สุด ทำไมจะต้องให้ฉันไปถ่ายโฆษณากับหมอนั่นด้วย” ...นายอลัน...นายเป็นญาติฝ่ายไหนของคุณพลประภัทร... แล้วเธอจะรู้หรือเปล่า...ว่าความจริงแล้วสองคนนี้เป็นคนๆ เดียวกัน “คงถึงเวลาที่ฉันจะเริ่มคิดดอกเบี้ยเธอแล้วนะสาวน้อย” “ฉันเกลียดคุณ เกลียดที่สุด คุณมันไม่เป็นสุภาพบุรุษ ออกไปจากตัวฉันเดี๋ยวนี้นะ!” อลันรู้สึกเจ็บแสบขึ้นมาทันที และรู้สึกโมโหคนใต้ร่างมากขึ้น จึงใช้กำลังข่มเหงรุกรานหญิงสาวอีกครั้ง เขาบดขยี้เรียวปากอิ่มสีกุลาบอย่างไม่ปรานี... แล้วเมื่อความจริงปรากฏ สมองของดุจดาวก็พร่าเลือนไปหมด แต่ไฟปรารถนาที่กำลังลุกโชนท่วมร่างแกร่งกำยำของเขา มันกำลังพร้อมที่จะแผดเผาร่างของเธอให้หลอมละลาย อะไรก็หยุดเขาไม่ได้! “คุณพลประภัทร อย่าทำอะไรฉันเลยนะ ฉันกลัว” “ผมกำลังจะมอบความสุขให้กับคุณ จะกลัวทำไม” แต่คุณกำลังจะข่มขืนฉันอยู่นะ” คนไม่มีทางสู้เริ่มขึ้นเสียง “ผมไม่ได้ข่มขืนคุณสักหน่อย เขาเรียกว่าเรียกร้องสิทธิ์ต่างหาก อย่าลืมสิว่าคุณเป็นลูกหนี้ผม และคุณทำผิดสัญญา คุณก็ต้องชดใช้”

หนังสือที่คุณอาจชอบ

ข้าคือฮองเฮาที่ฮ่องเต้ไม่รัก

ข้าคือฮองเฮาที่ฮ่องเต้ไม่รัก

เด็กน้อยคว้าฝัน
4.8

เมื่อเพื่อนรักที่ไว้ใจแอบทรยศคบกับชายที่ตนรัก และชายที่ตนรักกลับรังเกียจตนจนไม่แม้แต่จะแตะต้องเนื้อตัวเธอ สิ่งที่เธอทำได้คือต่างคนต่างอยู่ แต่ในวังหลังแห่งนี้เธอจะทำอย่างนั้นได้จริงหรือ? ตัวอย่างเนื้อเรื่อง “เจ้ามีอันใดจะกล่าวหรือไม่... สนมหลี่กุ้ยเฟย” น้ำเสียงราบเรียบก่อนจะเน้นที่ละคำในประโยคท้ายอย่างหนักแน่น “ฮองเฮาแน่ใจแล้วหรือเพคะ ว่าจะให้หม่อมฉันทูลทุกอย่างต่อหน้าข้าราชบริพารเหล่านี้ หากมีข่าวแพร่ออกไปอีก ฮองเฮาทรงทนฟังคำนินทาเหล่านั้นได้หรือไม่” หลี่ฟางซินกล่าวพร้อมยิ้มอ่อนๆ หลี่ฟางซินย่อมรู้ดีว่าเย่วลี่อิงคงได้ยินคำนินทาเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืนแล้วจึงได้พูดเน้นย้ำ หวังจะกระตุ้นให้นางลงมือทำร้ายตน “คำนินทาเรื่องใดกัน เรื่องที่เจ้าเป็นนางอสรพิษนะหรือ เหตุใดเราจะทนฟังไม่ได้เล่า” เย่วลี่อิงตรัสพร้อมยักไหล่อย่าไม่แยแส มีหรือเย่วลี่อิงจะดูไม่ออกว่า ข่าวลือที่แพร่ออกไปนั้นมาจากผู้ใด หากเป็นแต่ก่อนนางย่อมไม่คิดว่าเป็นสหายคนสนิทของนางเป็นแน่ แต่บัดนี้นางรู้แล้วว่าหญิงที่ยืนตรงหน้านางหาใช่สตรีอ่อนหวานแสนดีอย่างที่นางรู้จักไม่ “หม่อมฉันเป็นนางอสรพิษตั้งแต่เมื่อใดกันเพคะ หม่อมฉันและฝ่าบาทมีใจรักใคร่กันมาเนิ่นนาน หากไม่ใช่เพราะฮองเฮาใช้ความดีของท่านแม่ทัพทูลขอให้ฮ่องเต้องค์ก่อนพระราชทานงานแต่ง วันนี้ตำแหน่งฮองเฮาก็ไม่แน่ว่าจะเป็นของใคร” “เจ้านางแพศยา หากเจ้ามีใจให้ฝ่าบาท แล้วทำไมไม่บอกข้า ยังแสดงแกล้งเป็นแม่สื่อนำของที่ข้ามอบให้ฝ่าบาท ฝากผ่านพี่ชายเจ้าช่วยมอบของให้ฝ่าบาทแทนข้า” เย่วลี่อิงเริ่มพูดด้วยอารมณ์ขุ่นเคือง “ของอันใดกันเพคะ หม่อมฉันไม่เคยนำของ ของพระองค์มอบให้ฝ่าบาทเลยนะเพคะ ยิ่งให้พี่ชายช่วยส่งแทนให้ยิ่งมิเคย” น้ำเสียงเยาะเย้ยบวกกับรอยยิ้มยียวนของหลี่ฟางซินทำให้เย่วลี่อิงหัวเสียมากขึ้น “นี้เจ้าเอาของของเราไปทิ้งอย่างนั้นหรือ” “ฮองเฮาพูดถึงเรื่องอะไรเพคะ หม่อมฉันไม่เห็นรู้เรื่องเลย พระองค์อย่าได้ใส่ความหม่อมฉันสิเพคะ” “นี้เจ้า”

เจ้าสาว(ไม่)ปรารถนารัก

เจ้าสาว(ไม่)ปรารถนารัก

คุณธิดา
5.0

นุชพินตา ควรเป็นเจ้าสาวที่น่าอิจฉาที่สุดที่ได้แต่งงานกับ ปุลวัชร เจ้าบ่าวที่ทั้งหล่อ รวย เนื้อหอม เป็นเจ้าชายในฝันของสาวๆ ทั้งเมือง แต่ใครจะรู้ว่าเจ้าบ่าวในฝันนั้น...ทั้งไร้หัวใจ และไม่ได้รักเธอสักนิด! การแต่งงานที่ไร้รัก อยู่กันไปก็มีแต่เจ็บปวดเท่านั้น แต่จะทำยังไงได้ ในเมื่อเธอไม่อาจปฏิเสธ แม้จะต้องถูกเขาทำร้ายหัวใจซ้ำแล้วซ้ำเล่า จะทำอย่างไรหากใจที่ไม่คิดปรารถนารักกลับอยากได้ความรักจากเขา ------------------------------ “เธอเคยนอนกับผู้ชายหรือเปล่า” เขาถามออกมาจากปากร้าย ตอนที่เธอได้ยินถึงกับสะอึก ไม่คิดว่าเขาจะถามตรง ๆ และในนาทีต่อมา นุชพินตาก็รู้สึกโกรธมาก หญิงสาวโต้เขากลับ “ทำไมผู้ชายดี ๆ การศึกษาดี ๆ ถึงได้พูดจาแบบนี้คะ มาพูดดูถูกกัน เมื่อกี้ก็หาว่าพวกเราขายตัว และตอนนี้ยังมากล่าวหาฉันอีกว่าฉันสำส่อน คุณถามคำถามแบบนี้กับผู้หญิงทุกคน ที่คุณเคยนอนด้วยหรือยังไงคะ” ความเจ็บปวดระบายออกมาทางสายตา เขาเป็นบ้าอะไรกันนี่ คำพูดแบบนี้มาจากสันดานข้างในหรือเพราะว่าเขาเมา “แล้วเธอเคยมีอะไรกับผู้ชายหรือเปล่าล่ะ” เขาย้ำอีกครั้ง จ้องสบตาด้วยนัยน์ตาแดงก่ำ “ปากร้าย ประโยคนี้คุณไม่ควรถามออกมาด้วยซ้ำไป” จากที่เรียกเขาว่าพี่ปุ่น ชักขุ่นและมีอารมณ์โมโหขึ้นมาเปลี่ยนสรรพนามที่คนฟังก็รู้ว่าห่างเหิน “ผู้หญิงที่ดี ๆ ที่ไหน จะตอบตกลงแต่งงานกันชายแปลกหน้าอย่างรวดเร็วโดยไม่คิด เวลาเพียงแค่หนึ่งเดือนเท่านั้น” “แล้วมันยังไงคะ” นุชพินตาก็ไม่ยอมเหมือนกัน “เธออาจจะเป็นมือสองก็ได้” ‘เมื่อคืนเขาไปนอนที่ไหน แล้วไปนอนกับใคร’ ‘อ้อ… ก็คงจะเป็นผู้หญิงคนนั้นสินะ’ ดวงตาเศร้าลง เธอลุกขึ้นไปเปิดม่านหน้าต่าง และมองออกไปยังท้องทะเล แสงอาทิตย์กระทบกับระลอกคลื่นที่ไล่เรียงกันกระทบเข้าฝั่ง นุชพินตาถึงกับถอนหายใจดังเฮือก ‘ฉันมาทำอะไรอยู่ตรงนี้ มาให้เขาย่ำยีเล่นใช่หรือไม่’ เฝ้าถามตัวเองซ้ำไปซ้ำมา ‘ยะหยาอย่าเสียใจไปเลยนะ เธอต้องทำตัวเองให้เข้มแข็ง แข็งแรงเถอะ ในเมื่อเธอก็ไม่ได้รักเขาเหมือนกัน’ คำพูดปลอบโยนตัวเอง ‘ใช่… ฉันไม่ได้รักเขา และจะเกลียดเขาให้มากกว่านี้’ เธอตอกย้ำคำนี้เข้าไปในหัวใจของตัวเองด้วยความมุ่งมั่นและสายตาที่แน่วแน่ แม้จะรู้สึกเจ็บแน่นในหัวอก ------------------------------ “ฉันจะหย่ากับเธอ” เขาเอ่ยอย่างใจดำ หญิงสาวถึงกับใจหล่นวูบ เธอเม้มขบริมฝีปาก กลั้นน้ำตาเอาไว้ไม่อยู่แล้ว นุชพินตาพูดอะไรไม่ออกแม้แต่คำเดียว “นางผู้หญิงไร้ยางอาย แพศยาฉันเกลียดผู้หญิงหลายใจ ฉันเกลียดผู้หญิงที่นอกใจ ไปให้พ้นจากบ้านของฉัน ไปให้พ้นจากหน้าฉัน พรุ่งนี้จะให้ทนายทำใบหย่า” “พี่ปุ่นคะ” เธอยกมือขึ้นมาไหว้เขาปลก ๆ “เราสองคนเพิ่งแต่งงานกันเองนะคะ ยะหยาไม่อยากให้คุณลุงและคุณย่าเสียใจ” “แต่สิ่งที่เธอทำล่ะ มันน่าอาย แล้วเธอไม่ละอายบ้างเหรอ หน้าด้าน” เขามีอาการเสียใจ และหัวเสีย นุชพินตาเอง เธอไม่คิดว่าปุลวัชรจะปากร้ายด่าทอเธอได้ถึงเพียงนี้ “ฉันจะหย่ากับเธอแน่นอน เตรียมปากกาไว้เซ็นใบหย่าในวันพรุ่งนี้ก็แล้วกัน” พูดจบ เขาเดินเข้าไปใช้มือปัดแจกันที่อยู่ใกล้ และชกบานกระจกที่ใช้ตกแต่งอยู่ในห้องโถงด้วย จนกระจกแตกละเอียดทั้งบาน มือของปุลวัชรมีเลือดไหลซึม เขาจะเดินเข้าห้องทำงานและปิดประตูตามหลังดังโครม นุชพินตาตกใจ และหวาดกลัวกับสิ่งที่เธอได้เห็น ความดีใจที่สามีจะกลับมา เธอจะบอกข่าวดีเขา และกินข้าวด้วยกัน ได้มลายหายไปสิ้น มีเพียงความเศร้าเข้ามาทับถมอยู่ในจิตใจของนุชพินตา แล้วหญิงสาวยกมือขึ้นมาปิดหน้าปิดตาปล่อยโฮ

ชายาข้าเป็นหมอนิติเวช

ชายาข้าเป็นหมอนิติเวช

เกาะครีต
4.9

วิญญาณแพทย์นิติเวชที่มีชื่อเสียงในศตวรรษที่ 21 ได้เข้ามาอยู่ในร่างคุณหนูของจวนเสนาบดีอย่างบังเอิญ ผู้คนกล่าวหาว่านางไม่เชี่ยวชาญด้านการแพทย์และทำให้บุตรชายของแม่ทัพตาย ด้วยเหตุนี้ฮ่องเต้ต้องการฆ่านางเพื่อให้คำอธิบายกับแม่ทัพ! ผู้คนกล่าวหาว่านางเป็นคนหยิ่งยโสและเจ้ากี้เจ้าการ ทุกคนเกลียดนาง และครอบครัวของนางต้องการไล่นางออก! ผู้คนกล่าวหาว่านางเป็นคนเลวทรามและไร้ความปรานี วางยาน้องสาว และพ่อของนางต้องการโบยนางจนตาย! ในความเป็นจริงหากอยากจะกล่าวหาผู้ใดสักคน มันก็หาข้ออ้างได้ทั่ว แต่นางเป็นคนไม่ยอมใคร นางผอมบางนางหนึ่งปลุกปั่นโลกด้วยความสามารถอันทรงพลังตนเอง ท่านอ๋องกล่าวว่า หากได้เจ้ามาครอบครอง ข้ายอมทรยศทุกคนในโลก นางกล่าวว่า เพื่อท่าน ต่อให้ทุกคนในโลกเกลียดข้า ข้าก็ยอม

บท
อ่านเลย
ดาวน์โหลดหนังสือ