Login to MeghaBook
icon 0
icon เติมเงิน
rightIcon
icon ประวัติการอ่าน
rightIcon
icon ออกจากระบบ
rightIcon
icon ดาวน์โหลดแอป
rightIcon
ซีรีส์ชุด ไฟรักแห่งรัตติกาล
5.0
ความคิดเห็น
1.1K
ชม
11
บท

1 พ่ายปรารถนาเจ้ารัตติกาล 2 กระหายรักใต้เงาจันทร์ 3 พิศวาสหวามข้ามกาลเวลา(ภาคจบ) ร่างสูงเคลื่อนเข้ามาใกล้ชิดรวดเร็ว จับบ่าบอบบางสองข้างเอาไว้แน่น จ้องลึกเข้าไปในดวงตาคู่สวยที่ทั้งกล้าหาญและหวาดหวั่น “คุณเลือกทางของคุณเองนะ ณิชา เกิดอะไรขึ้นอย่ามาโทษผม” “ฉะ...ฉันไม่กลัว” “คุณกำลังกลัวมากที่สุดต่างหากล่ะณิชา” ร่างเล็กถูกกระชากเข้ามาบดจูบด้วยความกระหาย ‘ณิชา ยอดรักของข้า’ เขาไม่พูดคำว่ารักออกมาให้เธอได้ยิน แต่ส่งผ่านความรู้สึกนั้นด้วยเซ็กส์ที่ทรงพลัง... เขาทะยานไปข้างหน้ารุนแรง ตอกย้ำกายใหญ่เข้าหาราวกับจะแทงทะลุให้ถึงจิตวิญญาณ ราตรีนี้ความต้องการทางกายของแวมไพร์หนุ่มจะทวีความรุนแรงขึ้นอีกหลายเท่า เขาหลอกล่อเธอด้วยไฟพิศวาสร้อนแรง เพื่อจะดับไฟแค้นในหัวใจ ส่วนเธอทั้งรักทั้งหลงเขา ไม่อาจห้ามใจสักครั้งเมื่อได้ชิดใกล้ แต่เมื่อรู้ความจริงว่าเขาคือใคร ดวงตะวันจะเลือนหายไปจากเธอและเขาหรือเปล่า วันเวลาหมุนเวียน ทุกสิ่งรอบกายเปลี่ยนผัน มีเพียงดวงจิตที่ผูกพัน ร้อยปีผันผ่านยังเฝ้าคอย ‘เชอร์ลีน ยอดรักของข้า “ไม่ใช่ ฉันไม่ใช่เชอร์ลีน ฉันชื่อกิรณา และฉันไม่เคยไปทำความเดือดร้อนให้ใคร ไม่เคยรู้จักคุณ แล้วคุณจับฉันมาทำไม”

บทที่ 1 หวาดหวั่น NC20+ 30%

ดวงตากลมโตสีน้ำผึ้งที่เต็มไปด้วยเครื่องหมายคำถาม กำลังกวาดมองไปรอบตัวด้วยความอยากรู้ว่าที่ที่เธออยู่มันคือที่ไหน บนที่นอนหนานุ่มสีหวาน รอบด้านมีผ้าม่านบางเบาสีครีมปลิวไสว รวมทั้งเฟอร์นิเจอร์ที่แกะสลักงดงามด้วยลวดลายวิจิตรตระการตาที่ไม่เคยเห็นมาก่อน ทำให้สาวน้อยมองด้วยความรู้สึกหลงใหลชื่นชมไปชั่วขณะ ตกอยู่ในภวังค์ที่เหมือนมีมนต์ขลังอยู่ชั่วครู่ ทว่าเมื่อได้ยินเสียงเปิดประตู ใบหน้าอ่อนเยาว์แสนหวานก็หันขวับไปมองทางต้นเสียงด้วยความตระหนกตกใจ

“คะ...คุณเป็นใคร!”

ผู้ชายในชุดหนังสีดำ สีผมดำสนิทแต่มีใบหน้าที่ซีดขาวราวกับกระดาษช่างตัดกับริมฝีปากสีแดงสดที่เม้มสนิทจนเป็นเส้นตรงมากเหลือเกิน แต่นั่นไม่ใช่จุดสำคัญที่ทำให้หญิงสาวรู้สึกตื่นกลัว ดวงตาสีเทาเข้มที่ยากจะหยั่งลึกนั่นต่างหากที่เธอกำลังนึกหวั่นไหว หวาดหวั่น มันช่างดูลึกลับและดูเหมือนจะมีพลังบางอย่างแฝงอยู่ พลังนั้นตรึงสายตาของเธอให้มองเขาอย่างมิอาจหลบเลี่ยง

เขาช่างดูอันตรายด้วยรูปร่างหน้าตาที่หล่อเหลาเกินมนุษย์มนา กระตุกหัวใจดวงน้อยให้สั่นไหวรัวแรงอยู่ในอก ยิ่งเขาเดินเข้ามาใกล้การหายใจของณิชานันท์ก็ยิ่งติดขัด พลางค่อยๆกระถดถอยห่างขึ้นไปทางหัวเตียงเรื่อยๆ มองชายหนุ่มด้วยแววตาตื่นๆ ดั่งกวางสาวระแวงภัย

แต่ดูเหมือนว่าเขาจะไม่ได้ใส่ใจคำถามของเธอเลย เพราะริมฝีปากสีแดงสดยังคงเม้มสนิท ความเงียบงันเริ่มเข้ามาครอบคลุม ลมหนาวจากทางหน้าต่างที่พัดเข้ามาทำให้กายสาวเริ่มสัมผัสกับความหนาวเย็นจนตัวสั่น

“อย่าเข้ามานะ”

เมื่อเอ่ยประโยคนี้ออกไป หญิงสาวก็สังเกตเห็นว่าแววตาเย็นชาของเขาดูเปล่งประกายน่ากลัวมากยิ่งขึ้น ริมฝีปากยกสูงนิดๆคล้ายจะยิ้ม แต่ทว่าณิชานันท์ไม่ชอบรอยยิ้มแบบนี้เลย และเพียงชั่วพริบตาเดียวเขาก็มานั่งชิดติดกับเธอเสียแล้ว

ดวงตาคู่สวยเบิกกว้าง ริมฝีปากเล็กเผยอออกด้วยความตกใจเมื่อปลายนิ้วเย็นเฉียบเชยคางเรียวขึ้นมา ขณะที่ใบหน้าชวนฝันโน้มลงมาใกล้ ใกล้จนริมฝีปากแทบจะชนกัน

ร่างเล็กในชุดนอนบางเบานั่งนิ่งเป็นหุ่น เหมือนถูกสาปให้เป็นอัมพาตไปชั่วขณะ ขยับเขยื้อนไม่ได้ ไม่มีแม้เสียงที่จะหลุดลอดออกมาจากริมฝีปากจิ้มลิ้มสีชมพู จะมีก็แค่เพียงหัวใจดวงน้อยที่เต้นระทึกรัวแรงเมื่อปากสีสดของเขาประกบลงมาครอบครองด้วยความเสน่หาล้ำลึก พาเธอดื่มด่ำกับมนต์เสน่หาแสนหวานที่ไม่เคยพานพบมาก่อนในชีวิตสาว

ยากที่จะปฏิเสธ ยากที่จะต่อต้าน พลังบางอย่างดึงดูดให้สาวน้อยเอนกายเข้าหาอกแกร่งราวกับคุ้นเคยกับอ้อมกอดแข็งแรงของเขามานานแสนนาน ความตื่นกลัวกำลังถูกแทนที่ด้วยความประหม่าหวั่นไหวภายในหัวใจอย่างประหลาด ทั้งที่เพิ่งเจอกันครั้งแรกแค่ไม่กี่นาที

อ้อมกอดเริ่มรัดแน่น ‘เธอกำลังจะขาดอากาศหายใจ’ ณิชานันท์คิด ร่างเล็กเริ่มดิ้น เกือบจะขาดใจอยู่แล้วเขาจึงได้ถอนริมฝีปากออก

“เจ้าเป็นของเรา เป็นของเราตลอดกาล”

เสียงนั้นแทรกเข้ามาในโสตประสาทของหญิงสาว เธอได้ยินประโยคนี้ดังก้องอยู่ในหู มันช่างนุ่มนวลทว่าช่างแสดงถึงความเป็นเจ้าข้าวเจ้าของยิ่งนัก ‘แล้วเธอเป็นของเขาตั้งแต่เมื่อไหร่กัน’ ยังไม่ทันได้คิดอะไร เขาก็โน้มใบหน้าลงมาจุมพิตเธออีกครั้ง

อาการต่อต้านเริ่มน้อยลงเมื่อความรู้สึกวาบหวามบางอย่างที่แผ่ซ่านเข้าไปถึงจิตวิญญาณเริ่มเข้ามาแทนที่ ใยสมองอื้ออึง คิดอะไรไม่ออก กายเล็กสั่นสะท้านทั้งที่อ้อมแขนนั้นแสนจะอบอุ่น เผลอจูบตอบเขาอย่างหลงลืมตน

...เขาเป็นใคร?...

ใจส่วนลึกยังอยากรู้

...เราคือชายที่เจ้ารัก...

เสียงนั้นตอบกลับมา เธอแน่ใจว่าได้ยินเขาตอบกลับอย่างชัดเจน ภายในใจเริ่มหวั่นไหว เธอน่ะหรือรักเขา รักตั้งแต่ตอนไหนกัน

...เมื่อนานมาแล้ว...

เสียงนุ่มทุ้มตอบกลับมาอีก ทั้งที่ริมฝีปากของเขายังส่งมอบความหวานล้ำ วาบหวามซาบซ่านใจให้กับเธออยู่

...รู้ไหมว่าเราคิดถึงเจ้ามากแค่ไหน...

หัวใจสาวน้อยรู้สึกอบอุ่นขึ้นมาอย่างประหลาด เมื่อได้ยินเขาบอกว่าคิดถึงเธอ สองแขนเล็กโอบกอดร่างใหญ่ ไม่รู้ว่าตนเองรู้สึกอย่างไร รู้แค่เพียงว่าอยากทำแบบนี้ เหมือนต้องมนตรา รู้สึกปรารถนา อยากแนบชิดมากกว่านี้ ทั้งๆที่ยังกลัว ประหม่า สั่นไหว หัวใจเต้นโครมครามแรงมากขึ้นเรื่อยๆ อย่างไม่อาจควบคุม

เมื่อลืมตามองชายหนุ่มอีกครั้ง เขาก็เปลือยท่อนบนเรียบร้อยแล้ว เปิดเผยกล้ามเนื้อหนุ่มแน่นน่าสัมผัส มือใหญ่ยกขึ้นมาปลดเปลื้องอาภรณ์ของเธอออกอย่างนุมนวล ค่อยๆเปิดเปลือยหัวไหล่บางขาวผ่อง ร่นผ้านุ่มลงมาถึงเนินทรวงอวบอิ่ม แค่เพียงปลายยอดถันโผล่พ้นชุดนอนสีหวานเท่านั้น ริมฝีปากที่จูบเธอเมื่อครู่ก็ลดต่ำลงเป่าลมหายใจรินรดดอกบัวคู่งามทั้งสองข้างพาให้ใจสั่นหวิว

เขาหยอกเย้าเธอด้วยปลายลิ้นแผ่วพลิ้วราวปีกผีเสื้อบินผ่านบริเวณป้านสีหวานรอบยอดสีชมพู พลางเงยหน้าหล่อเหลาขึ้นมาโปรยรอยยิ้มหวานลึกซึ้งตรึงใจให้กับเธอแว้บหนึ่งก่อนจะก้มลงครอบครองยอดดอกบัวด้วยปากที่เริ่มอุ่นจัดของเขา

“อย่าค่ะ อย่าทำแบบนั้น อย่าทำ...” เสียงหวานขาดๆหายๆ เมื่อความวาบหวามรัญจวนใจก่อตัวขึ้นที่ปลายยอด แทรกซึมแผ่ซ่านไปทั่วสรรพางค์กายจนสั่นระริกราวกับเหน็บหนาว ใบหน้างดงามสะบัดไปมา เริ่มหอบหายใจกระชั้น เมื่อความรู้สึกพิเศษนั้นเข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ ถึงกับเปล่งเสียงร้องครางออกมาเบาๆ

“เราปรารถนาเจ้ายิ่งนัก หวานเหลือเกิน”เขาเอ่ยชิดยอดทรวง แทรกจมูกโด่งคมสันดื่มด่ำกับเนินเนื้อนุ่มแสนหวานนั้นอย่างหลงใหล และคลั่งไคล้เสน่หา

ณิชานันท์ยังคงใจเต้นระรัว กลัวสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้น กลัวว่าเขาจะรุกรานเธอมากกว่านี้ ระหว่างที่คิดในห้วงคำนึง กายหนาก็เลื่อนต่ำลงไปเรื่อยๆ ปาดเรียวลิ้นชิ้นไปบนพื้นผิวนุ่ม ละเลงเลียไล้วนจากฐานทรวงเต็มตึงลงไปยังหน้าท้องเรียบเนียนก่อนจะวนไล้ที่รอบสะดือสวย กายสาวบิดเร่าเสียวซ่านทรมาน พยายามถอยหนีสัมผัสวาบหวามนั้นแต่ก็ไร้ผล เมื่อเขาตามติดชิดใกล้ไม่ยอมห่าง ยิ่งหนียิ่งรุกราน ยิ่งถอยห่างยิ่งลุกล้ำด่ำดิ่งสู่หุบเหวลึก

“อ๊ะ...อย่า ได้โปรด” เสียงหวานห้ามสั่นๆ เมื่อบางอย่างที่ร้อนนุ่มฉ่ำชื้นกำลังปาดไล้จุ่มจ้วงชำแรกแทรกเข้ามาในจุดที่หวงแหนและอ่อนไหวที่ของเธอ สาวน้อยห้ามทั้งๆที่ยังหลับตา ห้ามทั้งๆที่ไม่อาจปฏิเสธการกระทำที่อาจหาญนั้น

“ยอดหญิงของอาเทอร์”

เสียงนั้นพึมพำอยู่ไกลๆ แต่ณิชานันท์ก็ได้ยิน ‘เขาชื่ออาเทอร์อย่างนั้นหรือ’ เธอถามในใจ ก่อนจะปรือตาดูว่าเขากำลังทำอะไรกับเธอ แต่แค่เพียงลืมตาขึ้นมา ก็เห็นเขาเปลือยทั้งร่างแล้ว

“คะ...คุณจะทำอะไรฉัน อย่าค่ะ” สติกลับคืนมาเมื่อเห็นร่างเปลือยน่าหวาดหวั่นนั่น สาบานได้ว่าเธอเห็นบางอย่างที่น่ากลัวที่เด่นผงาดต่ำลงไปใต้สะดือของเขา พยายามจะถอยหนี แต่...

“อย่ากลัวเราเลยยอดรัก” บอกเสียงนุ่ม พร้อมกลับก้มลงจุมพิตอีกครั้ง เร่าร้อนกว่าเดิม

สาวน้อยเริ่มสั่นระริก ทั้งกลัวทั้งตื่นเต้น วาบหวาม ความรู้สึกหลายอย่างคละเคล้าจนสับสน ทว่าเพียงไม่นานความรู้สึกทั้งหลายนั้นก็กลายเป็นความปราถนาอย่างเดียว เมื่อความเสียวซ่านบังเกิดขึ้น โอบล้อมรอบกาย รู้สึกว่าเขากำลังประสานร่าง ลึกล้ำ คับแน่น จนแทบหายใจไม่ออก ทว่ากระสันซ่าน สะท้าน สุขลึกเกินที่จะบรรยายว่ามากแค่ไหน

“อา...อื้อ” ริมฝีปากถูกครอบครองอย่างเร่าร้อน สิ่งที่หวงแหนก็ถูกตอกตรึงฝังแน่นก่อนจะขยับขับเคลื่อนอย่างแสนหวาน มันเสียวซ่านไปจนถึงจิตวิญญาณ กายสั่นสะท้านสะเทือนราวกับแผ่นดินไหว ไม่รู้ว่าทำไมถึงรู้สึกรุนแรงถึงเพียงนี้

“โอ...ยอดหญิงของอาเทอร์” เสียงทุ้มแหบพร่า ส่งแรงกำลังเบียดกายใหญ่เข้าหาลึกขึ้น โจนจ้วงร้อนแรง มันทิ่มแทงเสียดลึกจนสาวน้อยแทบแดดิ้นสิ้นใจด้วยความทรมานแสนหวานซาบซ่านเกินบรรยาย

...อยากไปให้ถึง...

อ่านต่อ

หนังสืออื่นๆ ของ ณัชชาพัชร์/ช่อพิกุล

ข้อมูลเพิ่มเติม
นางร้ายยั่วรัก

นางร้ายยั่วรัก

โรแมนติก

3.0

‘ทั้งๆ ที่รักแต่ไม่อาจครอบครอง ของของเขา เธอจะแย่งมาได้อย่างไร’ “เลิกคิดเถอะ คุณไม่เหมาะสมกับผมสักนิด และสเปคผู้หญิงของผมก็คงไม่ใช่เด็กสาวกะโปโลอย่างคุณ กลับไปเรียนหนังสือให้จบแล้วมีคนอื่นไปซะ ไม่ต้องมายั่วผมอีก เข้าใจที่ผมพูดมั้ย” เธอเข้าใจ... จึงเดินวกกลับมาจูบเขาอย่างยั่วยวนอีกครั้งพร้อมกับรอยยิ้มหวาน “ถ้าเรียนจบแล้ว แพรจะกลับมา อย่าเพิ่งแต่งงานนะคะ...” ทว่าเมื่อเรียนจบกลับมาหาเขาอีกครั้ง ได้ใกล้ชิดชายหนุ่มอีกหน ครานี้เธอ ‘ยั่ว’ เขาหนักขึ้น แต่... เธอก็ต้องมาพบกับความร้ายกาจของผู้หญิงของเขา ที่ต้องการจะ ‘เอาเธอให้ถึงตาย!’ ลูกแพรจึงต้อง ‘ร้าย’ กลับบ้าง ‘ร้ายเพราะรัก มันต้องร้ายให้ลึกที่สุด!’

บำเรอรักอาญาอสูร

บำเรอรักอาญาอสูร

โรแมนติก

5.0

“ผมจะยอมแต่งงานกับคุณก็ได้ แต่ผมมีข้อแลกเปลี่ยนสามข้อ คุณจะยอมรับได้ไหมแต่คุณต้องผ่านการทดสอบของผมในคืนนี้ให้ได้ก่อนนะ แล้วเราค่อยมาตกลงกัน” ความเป็นชายของเขาก็กำลังร้อนเป็นไฟ เธอมองเขาด้วยสายตาวิงวอน เธอกำลังกลัว กลัวมากที่สุด! “อย่ากลัวผมเลยนะ คุณรู้มั้ยว่าคุณน่ารักไปทั้งตัว คุณสวยจนผมอดใจไม่ไหว แล้วก็หอมหวานจนผมแทบจะคลั่งตายอยู่แล้ว” กฤตภพเก่งกาจเกินกว่าที่เธอจะต้านทานไหว เขาใช้ประสบการณ์อันช่ำชองพาให้เธอเคลิบเคลิ้ม และคล้อยตามเขาไปทุกหนทุกแห่ง ไม่ว่าเขาจะดึงขึ้นสวรรค์หรือดิ่งลงนรก เธอก็โบยบินตามเขาไปทุกที่ ตามที่เขาปรารถนา อาภรณ์ชิ้นสุดท้ายหลุดออกจากเรียวขาเมื่อไหร่ไม่ทันได้รู้สึกตัว แต่รู้สึกตัวอีกทีก็เมื่อเห็นร่างกายกำยำของเขายืนตรงปลายเตียง

เพลิงเสน่หาอสูร

เพลิงเสน่หาอสูร

โรแมนติก

5.0

ฟรานซิส ฟาร์นองเดซ เจ้าพ่อธุรกิจไวน์รายใหญ่ที่สุดแห่งอัลซาส ประเทศฝรั่งเศส เขาไม่ต่างกับอสูรร้ายที่ร้ายกาจ ป่าเถื่อน เพียงเพื่อจะกำจัด ‘ผู้หญิงที่หวังรวยทางลัด’ อัญญาลิน ทายาทสาวเพียงคนเดียวของเจ้าของบริษัทไวน์เนอรี่ชั้นแนวหน้าของไทย เธอตั้งใจไปเที่ยวฝรั่งเศส เพียงเพื่อจะหาความรู้เรื่องการผลิตไวน์มาบริหารงานช่วยผู้เป็นพ่อเท่านั้น แต่ไม่คิดเลยว่าจะมาเจอ ‘น้องชายของเขา’ “คุณกำลังเข้าใจผิด” “เปล่า ผมกำลังเข้าใจถูกต่างหาก และผมก็รู้ว่าจริงๆ แล้วคุณเองก็คงแอบมีใจให้ผมไม่น้อย ไม่อย่างนั้นคุณจะยั่วผมท้าทายผม ด้วยการขัดคำสั่งผมเหรอ เพราะคุณก็รู้ดีอยู่แล้วนี่ ว่าเวลาที่คุณขัดคำสั่งผมแล้ว ผมจะลงโทษคุณอย่างไรบ้าง ต้องการแบบนี้ใช่มั้ย ได้...ผมจะจัดให้” ศีรษะดกดำโน้มต่ำลงมาทันที อัญญาลินคิดเสมอว่าฟรานซิสรังเกียจเธอ หญิงสาวอยากจะรู้จังว่า ในสมองของเขาเคยคิดถึงเธอในแง่ดีบ้างหรือเปล่า หรือคิดแต่จะหาเรื่องทำให้เธอเป็นคนผิดที่คิดขัดคำสั่งเขาแล้วหาทางลงโทษเธอตามอำเภอใจ ‘ผู้ชายไม่มีหัวใจ’ อัญญาลินคิดได้แค่นี้ แล้วสติสัมปชัญญะของเธอก็ดับวูบลงทันที “ก็ได้! ในเมื่อคุณไม่เคยเห็นผมเป็นคนดีในสายตา ผมก็จะขอเป็นคนเลวอย่างที่คุณประณามก็แล้วกัน” ฟรานซิสสะกดเสียงต่ำลอดไรฟัน มองหน้าคนดื้อรั้นไม่ยอมฟังเหตุผลด้วยประกายตาแข็งกร้าววาววับ ด้วยอารมรณ์คุกรุ่นผสมผสานกับอารมณ์ปรารถนาของร่างกายที่อัดแน่นมานานแล้ว เขาผลักร่างบอบบางที่มีเพียงผ้าแพรปกปิดร่างกายให้นอนราบลงไปกับที่นอน ก่อนที่จะคร่อมทับร่างของเธอเอาไว้ สวมบทอสูรร้ายบ้ากามทันทีโดยไม่ฟังเสียงร้องอ้อนวอนใดๆ จากหญิงสาวอีกต่อไป

ลิขิตเสน่หามนตรารัตติกาล

ลิขิตเสน่หามนตรารัตติกาล

โรแมนติก

3.0

ด้วยอำนาจแห่งมนตรา หรือเพราะพรหมลิขิต ชักนำเธอเข้าสู่อ้อมกอดแห่งรัตติกาล ที่ทั้ง ‘เร่าร้อน’ และ ‘เหน็บหนาว’ ในคราวเดียวกัน ครั้งแรกที่สบตากับเขา ‘รุ้งราตรี’ ไม่รู้ตัวเลยว่าเธอกำลังเผชิญอยู่กับอะไร ทันทีที่ได้ใกล้ชิด โลกทั้งใบก็ดูเหมือนจะหยุดหมุน และแค่เพียงปลายนิ้วสัมผัส เธอก็รับรู้ได้ถึงความน่ากลัวบางอย่าง แต่ทำไมถึงได้หวั่นไหวนัก แค่เพียงจุมพิตแรก หัวใจที่เหมือนถูกแช่แข็งมานานของ ‘แดเนียล’ ก็เริ่มสั่นคลอน แค่จูบเดียวก็เหมาเอาว่า เธอเป็น ‘เนื้อคู่’ ของเขา แล้วใครจะเชื่อ เธอไม่อยากเข้าใกล้เขานัก แต่ความจำเป็นบางอย่าง เธอจึงพาตัวองเข้าสู่ ‘คฤหาสน์ที่น่าสะพรึงกลัว’ เป็นหนที่สอง

หนี้ร้อนซ่อนปรารถนา

หนี้ร้อนซ่อนปรารถนา

โรแมนติก

5.0

“คุณพลประภัทร คุณมันเป็นเจ้าหนี้ที่เผด็จการมากที่สุด ทำไมจะต้องให้ฉันไปถ่ายโฆษณากับหมอนั่นด้วย” ...นายอลัน...นายเป็นญาติฝ่ายไหนของคุณพลประภัทร... แล้วเธอจะรู้หรือเปล่า...ว่าความจริงแล้วสองคนนี้เป็นคนๆ เดียวกัน “คงถึงเวลาที่ฉันจะเริ่มคิดดอกเบี้ยเธอแล้วนะสาวน้อย” “ฉันเกลียดคุณ เกลียดที่สุด คุณมันไม่เป็นสุภาพบุรุษ ออกไปจากตัวฉันเดี๋ยวนี้นะ!” อลันรู้สึกเจ็บแสบขึ้นมาทันที และรู้สึกโมโหคนใต้ร่างมากขึ้น จึงใช้กำลังข่มเหงรุกรานหญิงสาวอีกครั้ง เขาบดขยี้เรียวปากอิ่มสีกุลาบอย่างไม่ปรานี... แล้วเมื่อความจริงปรากฏ สมองของดุจดาวก็พร่าเลือนไปหมด แต่ไฟปรารถนาที่กำลังลุกโชนท่วมร่างแกร่งกำยำของเขา มันกำลังพร้อมที่จะแผดเผาร่างของเธอให้หลอมละลาย อะไรก็หยุดเขาไม่ได้! “คุณพลประภัทร อย่าทำอะไรฉันเลยนะ ฉันกลัว” “ผมกำลังจะมอบความสุขให้กับคุณ จะกลัวทำไม” แต่คุณกำลังจะข่มขืนฉันอยู่นะ” คนไม่มีทางสู้เริ่มขึ้นเสียง “ผมไม่ได้ข่มขืนคุณสักหน่อย เขาเรียกว่าเรียกร้องสิทธิ์ต่างหาก อย่าลืมสิว่าคุณเป็นลูกหนี้ผม และคุณทำผิดสัญญา คุณก็ต้องชดใช้”

ไฟพิศวาสแห่งลมหนาว

ไฟพิศวาสแห่งลมหนาว

โรแมนติก

5.0

ทุกสัมผัสของชายหนุ่มเต็มไปด้วยความเรียกร้องต้องการ ทั้งอ่อนหวานนุ่มนวลแต่บางครั้งก็หนักหน่วงดุดัน ร่างนุ่มสะท้านแล้วสะท้านอีก ชายหนุ่มมอมเมาเธอจนแทบไม่เป็นตัวของตัวเอง ทั้งวาบหวามทั้งตื่นตระหนก เพราะจุมพิตครั้งนี้แตกต่างจากครั้งที่แล้วมากเหลือเกิน เสียงครางกระหึ่มในลำคอทำให้สาวน้อยหวาดหวั่นมากที่สุดเพราะมันเหมือนเสียงคำรามของเจ้าป่าที่กำลงจะขย้ำเหยื่อไม่มีผิด แต่แม้จะรู้สึกหวาดหวั่นมากเพียงใด ร่างกายของเธอก็ตอบสนองเขาแล้ว ทั้งที่รู้ว่ามันไม่ควร ทั้งที่รู้ว่ามันอาจจะเกิดปัญหาตามมา โอ...พระเจ้า ทำไมเธอถึงได้รู้สึกต้องการเขามากมายแบบนี้ ร่างกายทุกอณูของเธอกำลังสั่นระริกไปด้วยความเสียวซ่านรัญจวนใจ นาทีนี้ความเหน็บหนาวเปล่าเปลี่ยวของหญิงสาว กำลังถูกความเร่าร้อนลามเลียไปทั่วร่างและแทรกผ่านซึมลึกเข้าสู่หัวใจ ทว่าเมื่อลมหนาวกำลังจะผ่านพ้น ความเหน็บหนาวอ้างว้าง กลับเดินทางมาเยือนหัวใจของเขา พู่กันทองถูกนำมาเก็บไว้ที่เดิม เมื่อเจ้าของภาพวาดภาพเสร็จเรียบร้อยแล้ว ห้วงเวลาเหมันต์ใกล้จะผ่านพ้นไปแล้ว แต่ความรักที่เขามีต่อเธอยังคงอยู่ที่เดิม เขาจะรอ...จนกว่า...

หนังสือที่คุณอาจชอบ

แรงเสน่หาของอดีตภรรยา

แรงเสน่หาของอดีตภรรยา

วีณา กางมุ้งคอย
4.8

นรีรัตน์ตอบตกลงทำตามสัญญาที่ว่าเธอจะแต่งงานกับชยุดและต้องมีลูกกับเขาภายในเวลาหนึ่งปี มิเช่นนั้น เธอจะต้องสูญเสียทุกอย่างในชีวิตของเธอไป แต่การกระทำมักทำยากกว่าคำพูดเสมอ การที่เธอต้องเผชิญกับการถูกกลั่นแกล้งให้ขายหน้าวันแล้ววันเล่า จนที่สุดเธอหมดความอดทนและไม่อยากจะยอมก้มหัวอย่างคนพ่ายแพ้อีกต่อไป ในวันที่เขาประสบอุบัติเหตุ เธอได้อุทิศเสียสละโดยไม่ได้นึกถึงความปลอดภัยของตนเองเพื่อช่วยชีวิตของเขาไว้ ถึงแม้ว่าในตอนนี้เธอยังคงมีชีวิตอยู่ แต่ในอีกไม่ช้าเธอจะหายตัวไปจากชีวิตของเขา ตราบจนถึงเวลาที่ลูกของพวกเขาเติบโตขึ้นมา และเมื่อถึงเวลานั้นโชคชะตาจะพัดพาให้พวกเขากลับพันผูกกันอีกครั้ง เดิมทีเธอจะกลับไปหาเขาก็ได้ แต่ตอนนี้เธอไม่ใช่ผู้หญิงที่จะอุทิศทุกสิ่งอย่างเพื่อความรักในตัวเขาอีกต่อไปแล้ว ตอนนี้เธอพร้อมแล้วที่จะต่อสู้เพื่อลูกชายของตัวเอง

ขย่มรักอาจารย์ฮอตเนิร์ด

ขย่มรักอาจารย์ฮอตเนิร์ด

ซีไซต์
5.0

หนานอันพริตตี้สาวสู้ชีวิตอายุยี่สิบปีแอบชอบผู้ชายคนหนึ่งอย่างหนักและอยากได้เขามาเป็นแฟนใจจะขาด แต่ดูเหมือนว่าเขาจะไม่สนใจเธอ หญิงสาวได้ไปดูดวงแม่หมอคนนั้นจึงบอกให้เธอมาขอพรที่ศาลเจ้าเล็ก ๆ ในอำเภอแห่งหนึ่งที่ห่างไกลเพื่อให้เธอสมหวังและต้องไปในวันที่ฟ้ามืดที่สุดของเดือนในอีกสองวันข้างหน้าถึงจะเห็นผล หนานอันเชื่อแม่หมอเพราะอยากได้ผัว เธอจึงไม่รอช้ารีบคว้ากระเป๋าเป้เดินทางมายังศาลเจ้าทันที เมื่อหนานอันเข้าไปภายในศาลเจ้าก็พบว่า มีสตรีสูงวัยคนหนึ่งอายุราวหกสิบกว่าปีกำลังกวาดศาลเจ้าอยู่ ...... "ได้ของสิ่งนี้ไปต้องสมหวังอย่างแน่นอน" คุณยายพูดพร้อมกับรอยยิ้ม น้ำเสียงนี้ฟังดูเยือกเย็นเป็นอย่างยิ่ง หนานอันยิ้มให้คุณยายจู่ ๆ ขนแขนของเธอก็ตั้งชันขึ้นมา เธอกำลังจะลุกขึ้นในตอนนั้นก็เกิดฟ้าผ่าเปรี้ยงลงมา หนานอันหวีดร้องด้วยความตกใจทว่าเมื่อหันไปมองคุณยายเธอไม่เห็นแม้แต่เงาแล้ว หนานอันประหลาดใจมากร้องเรียกคุณยายอยู่หลายคำ แต่ว่าในตอนนี้เธอก็ไม่มีเวลาให้คิดสิ่งใดแล้วเพราะเกิดสิ่งที่ไม่คาดคิดขึ้นเมื่อฟ้าผ่าลงมาที่ศาลเจ้าเข้าอย่างจังหนานอันที่อยู่ด้านในจึงถูกฟ้าผ่าไปด้วยและสติดับวูบลงไปทันใด ไม่รู้ว่านานเท่าใดที่หนานอันตกอยู่ในความมืดมิด และเมื่อเธอตื่นขึ้นมาทุกอย่างรอบกายของเธอก็ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป...

ซูเจิน นายหญิงแห่งพฤกษา

ซูเจิน นายหญิงแห่งพฤกษา

l3oonm@
5.0

“ท่านผู้อำนวยการคะ ทางทีมสำรวจแจ้งว่าคนไม่เพียงพอที่จะเข้าไปเก็บตัวอย่างพันธุ์พืชในป่าเมืองเหอหนานค่ะ” ซูเจิน ที่ได้ยินก็หูผึ่งทันที เธอนั่งทำการอยู่ในห้องวิจัยตั้งแต่เรียนจบ ถึงตอนนี้ก็สี่ปีได้แล้ว ผู้อำนวยที่เข้ามาตรวจงานวิจัยล่าสุด ก็มองไปรอบห้อง เพื่อดูว่ามีใครต้องการเสนอตัวไปทำงานในครั้งนี้หรือไม่ แต่หลายคนที่เขามองไป ต่างหลบสายตาของเขา จะมีใครอยากออกไปเสี่ยงอันตราย เดินป่าขึ้นเขาให้เหนื่อยสู้นั่งทำงานในห้องปรับอากาศเย็นๆ ดีกว่า เมื่อไม่มีใครคิดจะเสนอตัว เขาจึงได้สอบถามหาผู้ที่สมัครใจทันที “มีใครอยากจะอาสาไปไหม” ไว้กว่าความคิด ซูเจินยกมือขึ้น “ฉันค่ะ” เพื่อนสนิทรีบดึงเสื้อของเธอเพื่อจะห้ามปราม “จะบ้าหรอ เธอไม่เคยไปสักครั้ง ไม่รู้หรือว่างานนี้เสี่ยงแค่ไหน” เสียงกระซิบของเสี่ยวชิง เอ่ยลอดไรฟันออกมา เมื่อปีที่แล้ว ที่ทีมสำรวจเดินทางเข้าไปที่ป่าเหอหนาน พื้นป่าที่ไม่อาจสำรวจได้อย่างทั่วถึง สร้างความท้าทายให้เหล่านักพฤกษศาสตร์จากทุกองค์กร แต่ไม่ว่าจะส่งเข้าไปกี่ครั้งก็ไปไม่ถึงป่าชั้นกลางเสียที แม้จะใช้เทคโนโลยีที่ล้ำหน้าเข้าช่วยเพียงได้ ก็สำรวจได้เพียงป่าชั้นนอก แถมยังพาชีวิตคนไปทิ้งอีกนับไม่ถ้วน ปีนี้ทางองค์กรของซูเจิน หยิบโครงการสำรวจป่าเหอหนานขึ้นมาใหม่ แต่กว่าจะหาทีมสำรวจได้ครบคนก็กินเวลาไปหลายเดือน ถึงตอนนี้คนก็ยังไม่พอจนต้องมาถามหาจากทีมวิจัยให้ช่วยเหลือ “คุณอยากไปจริงหรือ” เขาเอ่ยถามเพื่อความแน่ใจอีกครั้ง “ค่ะ ฉันอยากลองทำงานนี้” ซูเจินยิ้มออกมา “ได้ อีกสองวัน คุณก็เตรียมตัวให้พร้อม” เมื่อมีคนเสนอตัวแล้ว ผู้อำนวยการก็ออกไปพบทีมสำรวจ เพื่อวางแผนการทำงาน ทั้งยังให้ซูเจินตามเขาไปเข้ารวมการประชุมในครั้งนี้ด้วย “เธอมันบ้าไปแล้ว” เพื่อร่วมงานต่างเดินเข้ามาหาซูเจิน แล้วตำหนิเธอที่กล้ายกมือเสนอตัว “เอาน่า ไว้กลับมาฉันจะเอาเรื่องสนุกมาเล่าให้พวกเธอฟัง” ซูเจินยิ้มหวานออกมา ก่อนที่จะเก็บของแล้วไปเข้าร่วมประชุมกับทีมสำรวจ สองวันต่อมาซูเจินก็แบกกระเป๋าเดินทางมาที่จุดนัดพบ เธอออกเดินทางด้วยรถตู้ขององค์กร พร้อมทีมสำรวจอีกเกือบยี่สิบชีวิต ยังดีที่เธอได้แบกกระเป๋าเพียงใบเดียว หากต้องแบกเต็นท์นอน อาหารด้วย คงได้เป็นภาระของคนอื่นอย่างแน่นอน ภายในป่าเหอหนาน น่ากลัวว่าที่ซูเจินคิดไว้เยอะ พอตะวันตกดิน หากไม่มีแสงไฟที่ทีมสำรวจนำมาด้วยคงจะมืดจนมองไม่เห็นอะไร เสียงแมลงทั้งสัตว์ป่าร้องตลอดทั้งคืน สร้างความหวาดกลัวให้กับคนที่ไม่เคยเข้าป่าสักครั้งอย่างเธอได้อย่างดี ยังดีที่เจ้าหน้าที่ผู้นำทางติดตามมาด้วยอีกหลายคน พวกเขาจึงได้อยู่ผลัดเปลี่ยนเวรยาม เพื่อป้องกันไม่ให้สัตว์ป่าเข้ามาถึงตัวพวกเขา หลายวันที่อยู่ในป่า ซูเจินเก็บตัวอย่างพันธุ์ได้หลายชนิด แต่ทั้งทีม ยังเดินไม่หลุดป่าชั้นนอกเลย ยังดีที่อาหารที่เตรียมมาเพียงพอให้พวกเขาอยู่ไปได้อีกหลายวัน “เอ๊ะ” เข้าวันที่เจ็ดของการสำรวจป่า ซูเจิน เห็นดอกไม้แปลกตา ที่ขึ้นอยู่ท่ามกลางพงหญ้ารก เธอจึงเดินห่างจากกลุ่มทีมสำรวจเข้าไปดูทันที เพราะไม่คิดว่าจะเกิดเรื่องอะไรได้ ระยะห่างที่อยู่ไกลจากพวกเขา หากร้องเรียกก็ยังได้ยินอยู่ เธอหยิบกล้องถ่ายรูปขึ้นมา พร้อมทั้งจดรายละเอียดก่อนที่จะดึงต้นไม้เก็บเข้าถุงเก็บตัวอย่างที่เตรียมมา แต่เมื่อมือของซูเจินสัมผัสไปที่ดอกไม้ เธอก็ต้องตกตะลึง เหมือนมีกระแสไฟวิ่งผ่านปลายนิ้วไปจนทั่วทั้งตัว “โอ๊ยย” เสียงร้องอย่างเจ็บปวดของซูเจิน เรียกความสนใจให้คนทั้งหมดรีบวิ่งมาทางที่เธออยู่ ซูเจินเห็นเพียงแสงสีขาวที่สว่างวาบไปทั่ว แล้วภาพตรงหน้าของเธอก็ดำมืดลง

ภรรยาห้าตำลึงเงิน

ภรรยาห้าตำลึงเงิน

จิ้งจอกสะท้านหม้อไฟ
5.0

คนเราบางครั้งก็หวนนึกขึ้นมาได้ว่าตายแล้วไปไหน ซึ่งเป็นคำถามที่ไร้คำตอบเพราะไม่มีใครสามารถมาตอบได้ว่าตายไปแล้วไปไหน หากจะรอคำตอบจากคนที่ตายไปแล้วก็ไม่เห็นมีใครมาให้คำตอบที่กระจ่างชัด ชลดา หญิงสาวที่เลยวัยสาวมามากแล้วทำงานในโรงงานทอผ้าซึ่งตอนนี้เป็นเวลาพักเบรค ชลดาและเพื่อนๆก็มานั่งเมาท์มอยซอยเก้าที่โรงอาหารอันเป็นที่ประจำสำหรับพนักงานพักผ่อน เพื่อนของชลดาที่อยู่ๆก็พูดขึ้นมาว่า "นี่พวกแกเวลาคนเราตายแล้วไปไหน" เอ๋ "ถามอะไรงี่เง่าเอ๋ ใครจะไปตอบได้วะไม่เคยตายสักหน่อย" พร "แกล่ะดารู้หรือเปล่าตายแล้วไปไหน" เอ๋ยังถามต่อ "จะไปรู้ได้ยังไง ขนาดพ่อแม่ของฉันตายไปแล้วยังไม่รู้เลยว่าพวกท่านไปอยู่ที่ไหนกัน เพราะท่านก็ไม่เคยมาบอกฉันสักคำ" "อืม เข้าใจนะแก แต่ก็อยากรู้อ่ะว่าตายแล้วคนเราจะไปไหนได้บ้าง" "อืม เอาไว้ฉันตายเมื่อไหร่ จะมาบอกนะว่าไปไหน" ชลดาตอบเพื่อนไม่จริงจังนักติดไปทางพูดเล่นเสียมากกว่า "ว๊าย ยัยดาพูดอะไร ตายเตยอะไรไม่เป็นมงคล ยัยเอ๋แกก็เลิกถามได้แล้ว บ้าไปกันใหญ่" พรหนึ่งในกลุ่มเพื่อนโวยวายขึ้นมาทันที แต่ใครจะรู้ว่าหลังจากวันนั้นที่คุยกันที่โรงอาหารจะเป็นการคุยเล่นกันวันสุดท้ายของชลดา เพราะหลังจากเลิกงานกลับมาชลดาก็เสียชีวิตระหว่างเดินทางกลับหอพักด้วยสาเหตุวัยรุ่นยกพวกตีกันและมีการยิงกันเกิดขึ้นและชลดาคือผู้โชคร้ายที่ผ่านทางมาพอดี ท่ามกลางความเสียใจของเพื่อนๆ เอ๋ได้แต่หวังว่า ชลดาคงไม่มาบอกกับเธอจริงๆหรอกใช่ไหมว่าตายแล้วไปไหน

บท
อ่านเลย
ดาวน์โหลดหนังสือ