Login to MeghaBook
icon 0
icon เติมเงิน
rightIcon
icon ประวัติการอ่าน
rightIcon
icon ออกจากระบบ
rightIcon
icon ดาวน์โหลดแอป
rightIcon
เกมรักรอยสวาท

เกมรักรอยสวาท

B.J.BEN

5.0
ความคิดเห็น
4.6K
ชม
25
บท

“จูบไม่ได้เรื่อง ยังกับไม่เคยจูบ” เขาถอนริมฝีปากออกห่าง กระซิบถามเธอเสียงแหบพร่า “นี่คุณ!” เธอเม้มปากแน่น อายจนหน้าแดง หน้าร้อนเห่อ หัวใจเต้นผิดจังหวะ “อื้อ...” เธอถูกบดจูบอีกครั้งเมื่อทำท่าจะพูดอะไร ในเวลานี้เขาไม่อยากฟังคำปฏิเสธของเธออีก “นี่คุณ! จะทำแบบนี้ไม่ได้นะ ฉันไม่ยินยอม” เธอดิ้นรนเมื่อเขาจับเธออุ้มพาดบ่า เดินผ่านห้องรับแขกเข้ามาในห้องนอน เขาโยนเธอลงบนเตียงโครมใหญ่ “โอ๊ย! นี่คุณ มันจะมากเกินไปแล้วนะ” “อะไรที่ว่ามากไปไม่ทราบ” เขาปลดกระดุมเสื้อของตัวเองออกอย่างรวดเร็ว รัตนาวดีหันรีหันขวางเพื่อหาทางเอาตัวรอด เธอกลิ้งตัวทำท่าจะลงจากเตียง แต่เขากระโดดขึ้นมาตะครุบเธอเอาไว้ ใช้แขนกันเอาไว้อีกด้าน หญิงสาวกวาดสายตามองหาอะไรสักอย่างที่จะหยุดการกระทำของเขาได้ โคมไฟที่หัวเตียงอยู่ไกลเกินไป “หาอะไรเหรอ อ้อ... โคมไฟ คิดผิดคิดใหม่นะ มันทำอะไรฉันไม่ได้หรอก” เขากดมือเธอเอาไว้บนศีรษะ เธอพยายามดิ้น แต่หนทางรอดลิบลับ

บทที่ 1 1

“น้องคะ น้อง”

“คะ?” รัตนาวดีหันไปตามเสียงเรียกของรุ่นพี่คนหนึ่ง เธอเป็นคนค่อนข้างสวย แต่งตัวเก่ง แม้จะอยู่ในชุดนักศึกษาเช่นนี้ สีผมของอีกฝ่ายเป็นสีน้ำตาลทองม้วนเป็นลอนตามสมัยนิยม

“น้องชื่ออะไรคะ พี่ชื่อพี่เจี๊ยบนะคะ” พิจิตรายิ้มหวานส่งมาให้

“ชื่องามค่ะ” รัตนาวดีตอบออกไป เธอเป็นแค่น้องปีหนึ่งไม่กล้าแข็งข้อกับพี่ๆ รุ่นพี่เข้ามาทักทายดีๆ เธอก็ควรจะตอบดีๆ ด้วย

“ชื่อน่ารักจัง รู้ไหม เพื่อนพี่คนโน้นน่ะชอบน้องนะ” พิจิตราชี้ไปยังกลุ่มของตน รัตนาวดีมองตามเห็นผู้ชายที่บอกว่าชอบเธอท่าทางดูนักเลง วางก้ามใหญ่โตอย่างไรไม่รู้

“เขาให้พี่มาถามชื่อน้องและขอเบอร์โทรด้วย” พิจิตรารีบบอก

“เอ่อ...” รัตนาวดีอึกอัก

“จริงๆ พี่ไม่อยากมาขอให้หรอกนะ เพราะเพื่อนพี่คนนี้นิสัยเสียมากๆ เลยจ้ะ”

“คะ” รัตนาวดีมองคนตรงหน้างุนงง ตกลงจะมาเชียร์เพื่อนหรือจะมาถล่มกันแน่ แต่ถึงอย่างไรเธอก็อยากเรียนหนังสือมากกว่าจะมีแฟน เพราะคิดว่าการเรียนสำคัญที่สุด

“เพื่อนพี่คนนี้ชื่อพี่ธีจ้ะ แบดบอย เจ้าชู้ คาสโนว่า มีสาวๆ ล้อมหน้าล้อมหลังไม่หยุด แถมยังฟันแล้วทิ้งด้วย”

“คะ!” รัตนาวดีฟังแล้วตกใจ รีบส่ายหน้าไปมา เธอไม่อยากให้แม้แต่เบอร์โทร ทั้งยังไม่อยากรู้จักอีกด้วย

“พี่ถูกชะตากับน้องมากๆ เลยอยากเตือนเอาไว้ แต่พี่ก็แกล้งทำทีมาขอเบอร์น้องให้เพื่อนพี่นะ แต่พี่จะบอกเขาว่าน้องปฏิเสธโอเคไหม หรือน้องจะให้เบอร์เพื่อนพี่”

“ไม่ค่ะ” รัตนาวดีส่ายหน้ายิก

“ดีแล้วล่ะค่ะ น้ำตาจะได้ไม่เช็ดหัวเข่า พี่เตือนเพราะเป็นห่วง ไม่อยากให้น้ำตาเช็ดหัวเข่าเหมือนผู้หญิงคนอื่นๆ ขนาดพี่เองมันยังไม่เว้น”

“เพื่อนพี่นิสัยไม่ดี เห็นผู้หญิงเป็นแค่ของเล่นเหรอคะ”

“ใช่จ้ะ แต่ที่บ้านรวยไง พ่อแม่ตามใจเลยนิสัยเสียแบบนี้”

“พี่ช่วยไปบอกเพื่อนพี่ด้วยนะคะว่างามไม่สนใจเรื่องมีฟงมีแฟนหรอกค่ะ งามอยากจะตั้งใจเรียนมากกว่า” เธอสอบติดคณะบริหารธุรกิจ คิดว่าตลาดแรงงานต้องการและหางานทำได้ง่าย ถ้าเรียนจบไปจะได้เลี้ยงดูมารดาคนเดียวให้สบายได้ ทุกวันนี้ท่านต้องนั่งเย็บผ้าหลังขดหลังแข็ง แถมยังมีโรครุมเร้าอีก เธอพยายามหางานพิเศษทำหลังเลิกเรียนหรือทำในวันหยุดเพื่อแบ่งเบาภาระ แต่ในเศรษฐกิจเช่นนี้ข้าวของแพงเหลือเกิน ประหยัดยังไงก็ชักหน้าไม่ถึงหลัง

“ได้สิจ๊ะ แล้วพี่จะบอกให้ น้องไปเถอะ” พิจิตรายิ้มหวานให้อีกครั้ง ก่อนจะเดินกลับไปยังกลุ่มเพื่อนของตน

“ว่าไงเจี๊ยบ” ธีรกรเอ่ยถาม เขาไม่เคยถูกตาต้องใจผู้หญิงคนไหนมากมายแบบนี้มาก่อน น้องปีหนึ่งที่แสนน่ารัก ปากนิดจมูกหน่อย หน้าตาจิ้มลิ้มทำให้เขาเกิดชอบพอขึ้นมาอย่างง่ายดาย

“เสียใจด้วยจ้ะ เขาบอกว่าไม่ชอบนาย แถมยังบอกว่ารังเกียจเสียด้วย ขาอ่อนเขาก็อย่าหวังได้เห็น”

“เฮ้ย!” เพื่อนในแก๊งอุทานพร้อมๆ กันก่อนจะหัวเราะกันยกใหญ่ ธีรกรรู้สึกเสียหน้าอย่างบอกไม่ถูก เกิดมายังไม่เคยโดนปฏิเสธมาก่อน มีแต่ผู้หญิงมาเสนอให้ เขาไม่เคยเป็นฝ่ายรุกผู้หญิงคนไหนมาก่อน แต่หล่อนกลับปฏิเสธเขาอย่างไม่มีชิ้นดี

“เฮ้ย! ไอ้ธี แกก็มีผู้หญิงเยอะแยะ อย่าไปสนใจเลยว่ะ” พิพัฒน์ตบบ่าเพื่อน

“คนอย่างกูมีเหรออยากได้แล้วไม่ได้”

“เขาไม่ชอบก็ยังจะไปตอแย ไม่เสียศักดิ์ศรีหรือไง” พิจิตราพูดขึ้น ก่อนส่ายหน้าไปมาทำท่าทีระอา

“กล้าดียังไงมาปฏิเสธคนอย่างฉัน” ธีรกรหน้าชาเพราะสายตาเพื่อนๆ รู้สึกเหมือนโดนหยามชัดๆ เขาไม่เคยโดนปฏิเสธ และรับไม่ได้จริงๆ

“มีคนปฏิเสธถึงกับรับไม่ได้เลยเหรอวะแก” คมสันต์หัวเราะร่วน

“ฉันไม่ได้จะจีบเล่นๆ แต่คนนี้จะจีบจริงๆ มันถูกตาต้องใจ” ธีรกรพูดจริงจัง

“เขาบอกว่าไม่ชอบคนเจ้าชู้ เขารังเกียจ กลัวติดเอดส์ตาย อย่าได้ไปเฉียดใกล้เขาหรือยุ่งกับเขาเลย เขาขอร้อง แทบจะกราบฉันเลยรู้ไหม” พิจิตราพูดเสียงจริงจัง

“โหย! แรงอะ กล้าดียังไงมาว่าไอ้ธีแบบนี้” มัณฑนาร้องเสียงหลง

“มันจะมากไปแล้ว” ธีรกรโมโหแทบควันออกหู เพื่อนๆ ทุกคนเงียบกริบ ก่อนที่เขาจะลุกหนีออกจากกลุ่มเพื่อน

“อ้าว... ไอ้ธีโมโหหนีกลับบ้านไปแล้ว” เพื่อนๆ อ้าปากค้างเมื่อจู่ๆ ธีรกรก็ลุกหนีไปเสียดื้อๆ

“งั้นฉันไปด้วยดีกว่า” มัณฑนายักไหล่แล้วลุกจากโต๊ะ คมสันต์เลยรีบถือหนังสือให้และตามแฟนสาวไปทันที คมสันต์จีบมัณฑนาตั้งแต่ปีหนึ่งจนขึ้นปีสาม หญิงสาวเห็นความเสมอต้นเสมอปลายและความจริงใจของอีกฝ่ายเลยยอมตกลงปลงใจเป็นแฟนด้วย

“เมื่อกี้เธอพูดจริงเหรอ” พิพัฒน์เอ่ยถามพิจิตรา เขารู้ดีว่าธีรกรขี้โมโห แถมยังโมโหร้าย แต่ถ้าเรื่องไหนจริงจังก็จริงจัง เพื่อนรักเห็นรัตนาวดีแล้วชอบก็อยากทำความรู้จัก แต่คลาดกันเสียทุกครั้ง จนวันนี้พิจิตราอาสาจะไปขอเบอร์โทรให้ ธีรกรเลยรอลุ้นว่าจะได้คุยกับสาวเจ้าหรือเปล่า คือเรื่องชื่อสกุลหรือเบอร์โทรนั้น ก็พอจะหาได้ แต่การให้อีกฝ่ายรู้ว่าอยากได้อยากคุย มันก็มีศักดิ์ศรีกว่าไปแอบเอามาแล้วโทรไปดื้อๆ

อ่านต่อ

หนังสืออื่นๆ ของ B.J.BEN

ข้อมูลเพิ่มเติม

หนังสือที่คุณอาจชอบ

ผู้บัญชาการรักซ้อนแค้น

ผู้บัญชาการรักซ้อนแค้น

Diena Beran
5.0

หลังจากแต่งงานกันสามปี เจียงหยุนถังพยายามสุดความสามารถเพื่อช่วยชีวิตสามีที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสจากอุบัติเหตุทางรถยนต์ โดยไม่คาดคิด ว่าเขาได้ละทิ้งเธอเหมือนกับขยะ รับรักแรกของเขากลับประเทศและตามใจเธอทุกอย่าง เจียงหยุนถังที่ท้อใจตัดสินใจหย่า และทุกคนต่างก็หัวเราะเยาะเธอที่กลายเป็นภรรยาที่ถูกทอดทิ้งจากตระกูลเศรษฐี อย่างไรก็ตาม เธอกลับเปลี่ยนแปลงตัวเองอย่างกะทันหันเป็นหมอเทวดาที่พบเจอยาก "Lillian"แชมป์แข่งรถที่มีฐานแฟนคลับจำนวนมาก และยังเป็นนักออกแบบสถาปัตยกรรมระดับโลกอีกด้วย ชายร้ายหญิงชั่วคู่นั้นเยาะเย้ยเธอว่า เธอจะไม่มีวันหาคู่รักได้ใ แต่ไม่คาดคิดว่าลุงของอดีตสามีของเธอ ซึ่งเป็นผู้บัญชาการทหารสูงสุดทำกแงทัพกลับมาเพียงเพื่อขอแต่งงานกับเธอ

ไฟรักมาเฟียร้าย [เจ้านาย VS เลขา]

ไฟรักมาเฟียร้าย [เจ้านาย VS เลขา]

สนพ. อิ่มรัก
4.8

ปลัมน์ นักธุรกิจหนุ่มหล่อลูกครึ่ง ถูกแม่สั่งให้ทำยังไงก็ได้ ที่จะกัน พลอยหยก ออกไปจากชีวิตน้องชายของเขา แต่หารู้ไม่ว่า พอถึงคราวของตัวเอง เขากลับกันเธอออกจากชีวิตตัวเองไม่ได้ ซ้ำร้ายไปกว่านั้นก็คือ เขาไม่อาจจะมีชีวิตอยู่ได้ โดยไม่มีเธอ ----------------------- “ปวดแผลจัง สงสัยต้องนอนพัก คุณล่ะทำอะไรตั้งหลายอย่างผมว่านอนพักก่อนดีกว่ามั้ย” เขาเอ่ยเมื่อพลอยหยกกลับจากเอาทุกอย่างไปล้างในทะเลเรียบร้อยแล้ว “ฉันยังไม่เหนื่อยเท่าไหร่ค่ะ แต่คุณนอนก็ดี เดินไกลกว่าทุกวันแล้วค่ะ” พลอยหยกเห็นด้วยอย่างยิ่งเลยเดินมาคอยประคองให้เขานอนลงได้อย่างสะดวก โดยมีเสื้อชูชีพสองตัววางซ้อนกันเป็นหมอนให้ หัวใจเต้นไม่เป็นจังหวะอีกแล้วเมื่อจ้องมองใบหน้าของเขาที่หล่อเหลากว่าทุกวัน ยิ่งเขาจ้องมองมาหาด้วยแล้วก็ยิ่งเกิดอาการประหม่าจนทำอะไรไม่ถูก “คุณนอนพักก่อนดีกว่านะแกว จะได้มีแรงไว้สู้กับการสอยมะพร้าวไง” มือข้างขวาของเขารั้งเอวเธอเอาไว้ไม่ให้ลุกไปไหน แถมยังออกแรงกดบังคับให้เธอโน้มกายลงไปหาพื้นข้างๆ อย่างไม่ยอมแพ้ แม้จะเจ็บแผลอยู่บ้างแขนข้างขวาของเขาก็ยังมีเรี่ยวแรงมาพอที่จะหยัดตัวให้นอนตะแคงไปหาเธอ ดวงตาคู่คมจ้องมองใบหน้าที่เขาเดาว่าคงจะแดงเพราะความอายที่ได้อยู่ใกล้ๆ เขาเป็นแน่ และเขาก็ช่วยให้ห้วงเวลาที่เธอคงจะอึดอัดนั้นสั้นลงด้วยการก้มลงไปหาริมฝีปากนุ่มช้าๆ มอบจุมพิตอันแผ่วเบาให้เจ้าของริมฝีปากที่ไม่ได้ขัดขืนใดๆ อีกทั้งยังโอบกอดตัวเขาไว้อย่างไม่รู้เนื้อรู้ตัวด้วย ใบหน้าสวยก็แหงนเงยขึ้นเพื่อให้เขาได้ดอมดมปลายคาง ลำคองามระหงอย่างสะดวก ก่อนจะกลับขึ้นไปดูดดื่มริมฝีปากอีกวาระ แขนข้างซ้ายที่เคยเจ็บบัดนี้ดูเหมือนเขาจะไม่ได้ใส่ใจอีกต่อไปแล้ว และใช้มันยกสอดเข้าไปใต้เสื้อยืด แถมมันยังมีเรี่ยวแรงมากพอที่จะถลกบราเซียออกจากสองบัวงามได้อย่างไม่น่าเชื่อ และเมื่อไม่ใคร่ถนัดนักเขาเลยเลื่อนมือขวาลงมาช่วยด้วยการถลกเสื้อยืดขึ้น โดยเจ้าของเสื้อคอยให้ความร่วมมือพยุงกายขึ้นจากพื้น แล้วแอ่นอกให้กับอุ้งปากอุ่นของเขาได้ลิ้มลองอย่างไม่หวงแหน แม้ใจจะบอกตัวเองว่าต้องห้ามเขา แต่พลอยหยกก็ไม่อาจจะทำได้ ไม่รู้เป็นเพราะอะไร รู้แต่ว่าตอนนี้เป็นสุขใจจนลืมทุกอย่างเพียงเพราะมีเขาอยู่แนบชิดขณะนี้ จนไม่อาจจะผลักไสเขาไปไหนได้นอกจากยินยอมพร้อมใจให้เขาได้เชยชมเพื่อชดเชยความสุขสมที่พึงมีด้วยกันนับตั้งแต่วันได้นอนแนบชิดกันโดยไม่มีอะไรเกิดขึ้นแล้ว ปลัมน์ก็ไม่คิดจะห้ามตัวเองด้วยเช่นกัน เขาไม่แคร์ด้วยซ้ำว่าตอนนี้ไม่มีแม้แต่ถุงยางอนามัยติดตัว และไม่แคร์ด้วยว่าเธอคืออดีตคนรักของหลานชาย ด้วยหัวใจไม่อาจจะหักห้ามความต้องการทั้งทางกายและทางใจได้อีกต่อไปแล้ว ผ่านมาหลายค่ำคืนที่เขามีสติล้วนแล้วแต่เป็นการกล้ำกลืนฝืนทนสุดๆ สำหรับเขาแล้ว แผงอกเปลือยทั้งสองบดเบียดแนบชิดกันเนิ่นนานกว่าปลัมน์จะค่อยๆ เลื่อนมือขวาลงไปหาหน้าท้องแบนราบจนพานพบตะขอกางเกงยีนส์ เขาใช้เวลาปลดไม่นานพอๆ กับการรูปซิปออก แล้วส่งนิ้วเรียวเข้าไปลูบไล้ผิวกายนุ่มนวลนอกแพนตี้สีหวานที่ชวนให้หลงใหลจนเขาปล่อยใจให้เตลิดเปิดเปิงไปเลยขั้นที่เกินจะควบคุมได้อีกต่อไป ไม่แตกต่างจากพลอยหยกนักที่เป็นสุขใจเกินคณากับการมีเขามาแนบชิดอยู่อย่างนี้ สองฝ่ามือนุ่มลูบไล้ไปตามแผ่นหลังกว้างบึกบึนของเขาอย่างลืมตัว ริมฝีปากนุ่มก็จูบตอบเขาด้วยความปรารถนาอันแรงกล้า แม้จะไร้ซึ่งประสบการณ์ก็ตามที แต่การถูกเขามอบจุมพิตให้บ่อยครั้งก็คือเป็นความคุ้นเคยกับเขาในระดับหนึ่งแล้ว หญิงสาวสะดุ้งเฮือกกับอุ้งปากอุ่นของเขาที่กำลังครอบครองปลายยอดชูช่อประหนึ่งรอให้เขามาเยี่ยมเยือนก็ไม่ปาน แผ่นหลังนุ่มแทบไม่ติดพื้นใบมะพร้าวเมื่อเธอเผลอแอ่นกายขึ้นเพื่อให้เขาได้ดูดดื่มอย่างสะดวก เธอรับรู้ได้ว่ากายเขาสะดุ้งน้อยๆ เมื่อมือบางเผลอออกแรงบีบตรงหัวไหล่ซ้ายของเขาเพราะความเจ็บร้าวไปทั่วกายจากความต้องการที่จะมีเขาเข้าครอบครอง “แกว! ตัวผมจะแตกเป็นเสี่ยงๆ อยู่แล้ว ผมต้องการคุณเดี๋ยวนี้” น้ำเสียงเขาแหบพร่าอยู่ใกล้ๆ หู ก่อนจะซอกไซ้ปลายจมูกไปกับซอกคอระหงแล้วเลื่อนลงไปหาอกอวบอิ่ม อ้อยอิ่งอยู่กับปลายยอดอีกข้างอย่างหลงใหลอีกครั้ง พลอยหยกรับรู้ถึงความต้องการของเขาได้ตรงสะโพกผายตึงเมื่อความแข็งแกร่งของเขาส่งสัญญาณมาหาโดยไม่ต้องบอกกล่าวทางวาจาเพราะด้วยภาษาทางกายแจ้งอย่างชัดเจนกว่าเรียบร้อยแล้ว “คุณปลัมน์คะ!” พลอยหยกส่งเสียงติดๆ ขัดๆ ไปหาเขา สองมือบางก็พยายามจะดันอกเขาออกอย่างยากลำบาก “แกว! อย่าห้ามผมเลยนะ เราต่างก็ต้องการกันและกัน อย่าสนใจอะไรอีกเลยนะ” เขาส่งน้ำเสียงอ้อนวอนมาให้ขณะพรมจูบไปตามผิวกายขาวและกำลังเลื่อนต่ำลง พลอยหยกต้องพยายามสะกัดกลั้นความรู้สึกวาบหวานเอาไว้และพยายามใช้สองแขนหยัดกายให้ลุกขึ้น “คุณปลัมน์คะ! ฟังสิคะ” “บนเกาะนี้มีแค่เราสองคน ไม่รู้ว่าจะมีใครมาช่วยเราหรือเปล่า และไม่แน่ว่าเราอาจจะต้องติดอยู่นี่ไปเป็นปีๆ ก็ได้ ถ้าถึงตอนนั้นเราก็คงไม่พ้นต้องทำเรื่องนี้ด้วยกันอยู่ดี แล้วจะให้ผมรออะไรอีกแกวคุณอยากให้ผมลงแดงตายเพราะต้องการคุณหรือไง” แต่ก็ถูกกายกำยำเขาทาบทับไว้ ส่วนมือขวาที่ใช้การได้ก็กำลังเลื่อนขอบกางเกงยีนส์ออกจากสะโพกผายตึง “แต่เสียงนั่นค่ะ คุณฟังสิคะ” แม้จะเป็นเสียงแห่งความช่วยเหลือกำลังมาถึง แต่ปลัมน์ก็ไม่อยากให้เป็นอย่างนั้น และอยากฆ่าคนที่กำลังมาด้วย เพราะมันไม่ถูกเวลาเอาเสียเลย “คุณหูฝาดไปเอง ผมไม่เห็นได้ยินอะไรสักนิด” เขางับยอดบัวงามไว้ในอุ้งปากแล้วดูดดื่มอย่างหิวกระหายและควบคุมตัวเองแทบไม่อยู่ “คุณปลัมน์คะ แต่เสียงนั่นใช่เสียงเครื่องบินหรือเปล่าคะ ฉันได้ยินค่ะ คุณฟังสิคะ”

คุณสามีเป็นผู้พิการ

คุณสามีเป็นผู้พิการ

Devocean
4.9

"คุณต้องการเจ้าสาว ส่วนฉันก็ต้องการเจ้าบ่าว ทำไมเราไม่แต่งงานกันล่ะ?" ภายใต้เสียงเยาะเย้ยของทุกคน ถังเลี่ยน ซึ่งถูกคู่หมั้นของเธอทอดทิ้งในพิธีแต่งงาน กลับแต่งงานกับเจ้าบ่าวพิการข้างบ้านที่ถูกรังเกียจ ถังเลี่ยนคิดว่าอวิ๋นเซินเป็นชายหนุ่มที่น่าสงสาร และเธอสาบานว่าจะให้ความรักใคร่แก่เขาและตามใจเขาหลังแต่งงาน ใครจะรู้ว่าเขาแกล้งเป็นแบบนั้น... ก่อนแต่งงาน อวิ๋นเซินว่า "เธอต้องสนใจเงินของผมถึงยอมแต่งงานกับผม ผมจะหย่ากับเธอหลังจากที่ผมใช้ประโยชน์เธอเสร็จ" หลังแต่งงาน อวิ๋นเซินว่า "ภรรยาของผมต้องการหย่าทุกวัน แต่ผมไม่อยากหย่า ทำอย่างไรดีล่ะ"

ซูเจิน นายหญิงแห่งพฤกษา

ซูเจิน นายหญิงแห่งพฤกษา

l3oonm@
5.0

“ท่านผู้อำนวยการคะ ทางทีมสำรวจแจ้งว่าคนไม่เพียงพอที่จะเข้าไปเก็บตัวอย่างพันธุ์พืชในป่าเมืองเหอหนานค่ะ” ซูเจิน ที่ได้ยินก็หูผึ่งทันที เธอนั่งทำการอยู่ในห้องวิจัยตั้งแต่เรียนจบ ถึงตอนนี้ก็สี่ปีได้แล้ว ผู้อำนวยที่เข้ามาตรวจงานวิจัยล่าสุด ก็มองไปรอบห้อง เพื่อดูว่ามีใครต้องการเสนอตัวไปทำงานในครั้งนี้หรือไม่ แต่หลายคนที่เขามองไป ต่างหลบสายตาของเขา จะมีใครอยากออกไปเสี่ยงอันตราย เดินป่าขึ้นเขาให้เหนื่อยสู้นั่งทำงานในห้องปรับอากาศเย็นๆ ดีกว่า เมื่อไม่มีใครคิดจะเสนอตัว เขาจึงได้สอบถามหาผู้ที่สมัครใจทันที “มีใครอยากจะอาสาไปไหม” ไว้กว่าความคิด ซูเจินยกมือขึ้น “ฉันค่ะ” เพื่อนสนิทรีบดึงเสื้อของเธอเพื่อจะห้ามปราม “จะบ้าหรอ เธอไม่เคยไปสักครั้ง ไม่รู้หรือว่างานนี้เสี่ยงแค่ไหน” เสียงกระซิบของเสี่ยวชิง เอ่ยลอดไรฟันออกมา เมื่อปีที่แล้ว ที่ทีมสำรวจเดินทางเข้าไปที่ป่าเหอหนาน พื้นป่าที่ไม่อาจสำรวจได้อย่างทั่วถึง สร้างความท้าทายให้เหล่านักพฤกษศาสตร์จากทุกองค์กร แต่ไม่ว่าจะส่งเข้าไปกี่ครั้งก็ไปไม่ถึงป่าชั้นกลางเสียที แม้จะใช้เทคโนโลยีที่ล้ำหน้าเข้าช่วยเพียงได้ ก็สำรวจได้เพียงป่าชั้นนอก แถมยังพาชีวิตคนไปทิ้งอีกนับไม่ถ้วน ปีนี้ทางองค์กรของซูเจิน หยิบโครงการสำรวจป่าเหอหนานขึ้นมาใหม่ แต่กว่าจะหาทีมสำรวจได้ครบคนก็กินเวลาไปหลายเดือน ถึงตอนนี้คนก็ยังไม่พอจนต้องมาถามหาจากทีมวิจัยให้ช่วยเหลือ “คุณอยากไปจริงหรือ” เขาเอ่ยถามเพื่อความแน่ใจอีกครั้ง “ค่ะ ฉันอยากลองทำงานนี้” ซูเจินยิ้มออกมา “ได้ อีกสองวัน คุณก็เตรียมตัวให้พร้อม” เมื่อมีคนเสนอตัวแล้ว ผู้อำนวยการก็ออกไปพบทีมสำรวจ เพื่อวางแผนการทำงาน ทั้งยังให้ซูเจินตามเขาไปเข้ารวมการประชุมในครั้งนี้ด้วย “เธอมันบ้าไปแล้ว” เพื่อร่วมงานต่างเดินเข้ามาหาซูเจิน แล้วตำหนิเธอที่กล้ายกมือเสนอตัว “เอาน่า ไว้กลับมาฉันจะเอาเรื่องสนุกมาเล่าให้พวกเธอฟัง” ซูเจินยิ้มหวานออกมา ก่อนที่จะเก็บของแล้วไปเข้าร่วมประชุมกับทีมสำรวจ สองวันต่อมาซูเจินก็แบกกระเป๋าเดินทางมาที่จุดนัดพบ เธอออกเดินทางด้วยรถตู้ขององค์กร พร้อมทีมสำรวจอีกเกือบยี่สิบชีวิต ยังดีที่เธอได้แบกกระเป๋าเพียงใบเดียว หากต้องแบกเต็นท์นอน อาหารด้วย คงได้เป็นภาระของคนอื่นอย่างแน่นอน ภายในป่าเหอหนาน น่ากลัวว่าที่ซูเจินคิดไว้เยอะ พอตะวันตกดิน หากไม่มีแสงไฟที่ทีมสำรวจนำมาด้วยคงจะมืดจนมองไม่เห็นอะไร เสียงแมลงทั้งสัตว์ป่าร้องตลอดทั้งคืน สร้างความหวาดกลัวให้กับคนที่ไม่เคยเข้าป่าสักครั้งอย่างเธอได้อย่างดี ยังดีที่เจ้าหน้าที่ผู้นำทางติดตามมาด้วยอีกหลายคน พวกเขาจึงได้อยู่ผลัดเปลี่ยนเวรยาม เพื่อป้องกันไม่ให้สัตว์ป่าเข้ามาถึงตัวพวกเขา หลายวันที่อยู่ในป่า ซูเจินเก็บตัวอย่างพันธุ์ได้หลายชนิด แต่ทั้งทีม ยังเดินไม่หลุดป่าชั้นนอกเลย ยังดีที่อาหารที่เตรียมมาเพียงพอให้พวกเขาอยู่ไปได้อีกหลายวัน “เอ๊ะ” เข้าวันที่เจ็ดของการสำรวจป่า ซูเจิน เห็นดอกไม้แปลกตา ที่ขึ้นอยู่ท่ามกลางพงหญ้ารก เธอจึงเดินห่างจากกลุ่มทีมสำรวจเข้าไปดูทันที เพราะไม่คิดว่าจะเกิดเรื่องอะไรได้ ระยะห่างที่อยู่ไกลจากพวกเขา หากร้องเรียกก็ยังได้ยินอยู่ เธอหยิบกล้องถ่ายรูปขึ้นมา พร้อมทั้งจดรายละเอียดก่อนที่จะดึงต้นไม้เก็บเข้าถุงเก็บตัวอย่างที่เตรียมมา แต่เมื่อมือของซูเจินสัมผัสไปที่ดอกไม้ เธอก็ต้องตกตะลึง เหมือนมีกระแสไฟวิ่งผ่านปลายนิ้วไปจนทั่วทั้งตัว “โอ๊ยย” เสียงร้องอย่างเจ็บปวดของซูเจิน เรียกความสนใจให้คนทั้งหมดรีบวิ่งมาทางที่เธออยู่ ซูเจินเห็นเพียงแสงสีขาวที่สว่างวาบไปทั่ว แล้วภาพตรงหน้าของเธอก็ดำมืดลง

เมียผมน่ารักจัง

เมียผมน่ารักจัง

Penn Tofallis
5.0

กู้ชิงเฉิงเชื่อมั่นมาตลอดว่าตราบใดที่เธอประพฤติตัวดี สักวันหนึ่ง เธอก็จะสามารถชนะใจมู่ถิงเซียวให้ได้ อย่างไรก็ตาม เมื่อเสิ่นถัง รักแรกที่เขาคิดถึงมาตลอดกลับมา ทุกอย่างก็เปลี่ยนไป กู้ชิงเฉิงเป็นคนว่าง่ายสอนง่ายจริงๆ เธอจัดงานแต่งงานด้วยคนเดียว และนอนคนเดียวในห้องผ่าตัดเพื่อรับการรักษาฉุกเฉิน มีข่าวลือว่าเธอบ้าไปแล้ว อันที่จริงเธอบ้าไปแล้วจริงๆ ที่รักใครสักคนอย่างไม่ละอายขนาดนี้ ต่อมา ทุกคนลือกันว่า กู้ชิงเฉิงป่วยหนักและกำลังจะเสียชีวิต มู่ถิงเซียวถึงสูญเสียการควบคุมอย่างสิ้นเชิง "ฉันไม่ปล่อยให้เธอตาย" แต่เธอกลับยิ้มอย่างนิ่งๆ ว่า "ดีจังเลย ฉันเป็นอิสระแล้ว" ใช่แล้ว ไม่ต้องการกู้ชิงเฉิงอีกแล้ว"

ภรรยาห้าตำลึงเงิน

ภรรยาห้าตำลึงเงิน

จิ้งจอกสะท้านหม้อไฟ
5.0

คนเราบางครั้งก็หวนนึกขึ้นมาได้ว่าตายแล้วไปไหน ซึ่งเป็นคำถามที่ไร้คำตอบเพราะไม่มีใครสามารถมาตอบได้ว่าตายไปแล้วไปไหน หากจะรอคำตอบจากคนที่ตายไปแล้วก็ไม่เห็นมีใครมาให้คำตอบที่กระจ่างชัด ชลดา หญิงสาวที่เลยวัยสาวมามากแล้วทำงานในโรงงานทอผ้าซึ่งตอนนี้เป็นเวลาพักเบรค ชลดาและเพื่อนๆก็มานั่งเมาท์มอยซอยเก้าที่โรงอาหารอันเป็นที่ประจำสำหรับพนักงานพักผ่อน เพื่อนของชลดาที่อยู่ๆก็พูดขึ้นมาว่า "นี่พวกแกเวลาคนเราตายแล้วไปไหน" เอ๋ "ถามอะไรงี่เง่าเอ๋ ใครจะไปตอบได้วะไม่เคยตายสักหน่อย" พร "แกล่ะดารู้หรือเปล่าตายแล้วไปไหน" เอ๋ยังถามต่อ "จะไปรู้ได้ยังไง ขนาดพ่อแม่ของฉันตายไปแล้วยังไม่รู้เลยว่าพวกท่านไปอยู่ที่ไหนกัน เพราะท่านก็ไม่เคยมาบอกฉันสักคำ" "อืม เข้าใจนะแก แต่ก็อยากรู้อ่ะว่าตายแล้วคนเราจะไปไหนได้บ้าง" "อืม เอาไว้ฉันตายเมื่อไหร่ จะมาบอกนะว่าไปไหน" ชลดาตอบเพื่อนไม่จริงจังนักติดไปทางพูดเล่นเสียมากกว่า "ว๊าย ยัยดาพูดอะไร ตายเตยอะไรไม่เป็นมงคล ยัยเอ๋แกก็เลิกถามได้แล้ว บ้าไปกันใหญ่" พรหนึ่งในกลุ่มเพื่อนโวยวายขึ้นมาทันที แต่ใครจะรู้ว่าหลังจากวันนั้นที่คุยกันที่โรงอาหารจะเป็นการคุยเล่นกันวันสุดท้ายของชลดา เพราะหลังจากเลิกงานกลับมาชลดาก็เสียชีวิตระหว่างเดินทางกลับหอพักด้วยสาเหตุวัยรุ่นยกพวกตีกันและมีการยิงกันเกิดขึ้นและชลดาคือผู้โชคร้ายที่ผ่านทางมาพอดี ท่ามกลางความเสียใจของเพื่อนๆ เอ๋ได้แต่หวังว่า ชลดาคงไม่มาบอกกับเธอจริงๆหรอกใช่ไหมว่าตายแล้วไปไหน

บท
อ่านเลย
ดาวน์โหลดหนังสือ