5.0
ความคิดเห็น
2.3K
ชม
29
บท

ตรัยไม่เคยรู้ตัวว่ารักเด็กหญิงตัวน้อยตอนไหน พอรู้ตัวก็รักไปเสียแล้ว แถมยังรักหมดหัวใจ ยิ่งโตยิ่งหวง ยิ่งหึงยิ่งรัก เขาจะทำอย่างไรดีเล่า ในเมื่อเด็กหญิงพราวมุกตัวน้อย ที่เจริญวัยเป็นสาวสะพรั่ง ดันคิดกับเขาเพียงแค่พี่ชายคนหนึ่งเท่านั้น แบบนี้เขาจึงต้องใช้หัวใจทั้งดวงพิสูจน์ให้เธอรู้ว่าเขารักเธอมากแค่ไหน เพื่อพิชิตหัวใจของเธอ!!!

บทที่ 1 1

“ถ้าเพื่อนพี่สนใจเราจริงๆ เราจะรับไว้พิจารณารึเปล่าล่ะ” พายัพเอ่ยถามน้องสาวที่อยู่ในชุดนักศึกษาด้วยท่าทีจริงจัง ไร้ท่าทีล้อเล่นแม้แต่น้อย

“เพื่อนคนไหนคะพี่พาย” พราวมุกยิ้มหวานให้พี่ชายขณะเอ่ยถาม เพื่อนๆ ของพี่ชาย ต่างก็มีผู้หญิงล้อมหน้าล้อมหลัง อีกอย่างเธอก็ไม่ได้คิดกับใครเกินเลยไปถึงขั้นคนรัก เธอรักและนับถือพี่ชายเช่นไร ก็นับถือเพื่อนของพี่ชายเช่นนั้น พายัพพี่ชายของเธอเองออกจะหวงๆ ไม่ชอบให้เพื่อนมาเกาะแกะเธอด้วย หลายครั้งที่เอ่ยเตือนเพื่อนตัวเอง แถมยังด่าเพื่อนเจ็บๆ แสบๆ จนเธอหัวเราะท้องแข็งตั้งหลายครั้ง แล้วรอบนี้มาแปลก กลับมาถามเธอแบบนี้

“เจ้าตรัยมันสนใจเราน่ะ เห็นบอกว่าชอบเรา” พายัพบอกน้องสาวตรงๆ ไม่อ้อมค้อม ในบรรดาเพื่อนเขาทั้งหมด ตรัยดูจะไม่สนใจผู้หญิงคนไหน หรือเจ้าชู้ประตูดิน

“ยี้... ไม่เอาหรอกค่ะ พวกเพื่อนๆ ของพี่พายมีผู้หญิงเยอะแยะ ฝากบอกพี่ตรัยด้วยนะคะว่าพราวนับถือพี่ตรัยเหมือนพี่ชาย ปล่อยให้พราวมีอนาคตที่ดีเถอะค่ะ คิกๆ” พราวมุกพูดขำๆ กับพี่ชาย จริงๆ เธอเองก็รู้ว่าตรัยแตกต่างจากคนอื่น แต่เธอนับถือตรัยเหมือนพี่ชายคนหนึ่งเท่านั้น ไม่เคยคิดเกินเลยเป็นอื่น อีกอย่างตรัยเองก็เอ็นดูเธอ ไม่คิดว่าจะอยากจีบเธอด้วย มันทำให้เธอรู้สึกแปลกๆ ที่เขามาคิดแบบนี้กับเธอได้ แม้ส่วนลึกของจิตใจจะเทิดทูนบูชาเขาเป็นฮีโร่ก็ตามที แต่เธออยากเก็บความรู้สึกดีๆ แบบนี้เอาไว้ หากคบกันเป็นคนรัก ถ้าเลิกรากันไป เธอกลัวจะมีปัญหา หรือมองหน้ากันไม่ติด เธออยากให้ตรัยเป็นพี่ชายที่น่ารักเป็นฮีโร่ในใจของเธอต่อไป ตอนเด็กๆ นอกจากพายัพพี่ชายของเธอแล้ว ก็มีตรัยนี่แหละที่คอยปกป้องดูแลเธอ ไม่ให้ใครมารังแก

“โอเค แล้วจะบอกมันให้” พายัพโยกศีรษะน้องสาวคนเดียวไปมาด้วยความเอ็นดู ก่อนจะเดินออกไปนอกบ้าน เขาไม่เคยบังคับน้องสาวตัวเอง รักและดูแลกันมาตลอด อะไรที่เป็นความสุขของน้อง คนเป็นพี่อย่างเขาไม่เคยขัด

พราวมุกอมยิ้ม เดินขึ้นห้องไปด้วยความเหนื่อยเพราะเธอเรียนอยู่ปีสุดท้าย กำลังจะเรียนจบมหาวิทยาลัยอีกไม่กี่เดือน เหลือแค่ฝึกงานเท่านั้น แล้วเธอก็ไม่ได้ติดใจอะไรอีกในคำพูดของพี่ชาย เพราะคิดว่าพี่ชายอาจจะถามเล่นๆ เท่านั้นเอง

หลังจากที่บิดามารดาเสียชีวิตด้วยอุบัติเหตุทางรถยนต์เมื่อหลายปีก่อน พายัพก็ดูแลเธอมาตลอด เขาเปิดบริษัททำธุรกิจเกี่ยวกับการก่อสร้าง ซึ่งกิจการเป็นไปได้ด้วยดี เพิ่งมาปีนี้แหละที่เศรษฐกิจประเทศตกต่ำ พี่ชายจะบ่นๆ กับเพื่อนในกลุ่มเดียวกัน เธอแอบได้ยินถึงปัญหาที่เกิดขึ้น แต่กระนั้นก็ยังพยุงกิจการไปได้

“นายได้ยินที่น้องฉันพูดแล้วใช่ไหมไอ้ตรัย” พอคล้อยหลังมาได้ พายัพก็กรอกเสียงเข้าไปในโทรศัพท์

“ได้ยินชัดเต็มสองรูหูเลยเว้ย!” ตรัยตอบกลับไป จำได้ว่าตัวเองนั่งอึ้งอยู่นานเมื่อได้ยินการสนทนาโต้ตอบระหว่างพี่น้อง นี่พราวมุกเห็นเขาเป็นพี่ชายเท่านั้นเองน่ะรึ ถ้าเธอลองเปิดใจสักนิด เขาก็คงจะไม่นั่งหดหู่อยู่แบบนี้ แถมเธอยังพูดปิดท้ายด้วยว่าปล่อยให้เธอมีอนาคตที่ดีเถอะ เกิดมายังไม่เคยโดนผู้หญิงว่าขนาดนี้ ถึงจะเข้าข้างตัวเองว่าเธอพูดเล่นขำๆ ก็ตามที แต่ใจฝ่อไปไม่น้อย

ที่สำคัญเธอเป็นผู้หญิงที่เขาแอบชอบตั้งแต่เด็กๆ ฟันน้ำนมยังไม่หลุด ฟันแท้ยังไม่ขึ้นด้วยซ้ำ เพราะเขากับพายัพบ้านอยู่ใกล้กัน เรียนมาด้วยกันตั้งแต่อนุบาลจึงสนิทกันมาก

“ยายพราวไม่ชอบนาย จบนะไอ้ตรัย ฉันไม่เคยบังคับน้องตัวเอง” คนขี้หวงเอ่ยบอก แต่ถึงจะหวงขนาดไหน เขาก็ไม่เคยขัดใจน้องสาวได้เลยสักครั้ง ถ้าพราวมุกชอบเพื่อนของเขาจริง เขาก็จะไม่ขัดขวางแต่จะคอยดูอยู่ห่างๆ อย่างห่วงๆ หากมีอะไรเกิดขึ้นจะได้ช่วยเหลือได้ทัน คนเป็นพี่อย่างเขาไม่ได้หวังอะไรมากมายในชีวิต ขอแค่น้องสาวมีความสุข แค่นั้นก็เพียงพอแล้ว

“รู้แล้วน่า ฉันรักพราวจริงๆ แต่ถ้าน้องนายไม่รักไม่ชอบฉัน ฉันก็ไม่บังคับใจใครหรอกว่ะ งั้นแค่นี้ก่อนนะ” ตรัยเคาะนิ้วไปมา อย่างใช้ความคิด เขาอาจจะยอมถอยออกมาก่อน แต่ใช่ว่าจะถอยตลอดไป คนอย่างเขาทำอะไรมีแผนการ และรอบคอบเสมอ บางทีนี่อาจจะเป็นบทพิสูจน์ตัวเขา ให้พราวมุกได้เห็นว่าเขารักเธอคนเดียว ไม่ยุ่งเกี่ยวกับผู้หญิงคนไหน

ระยะเวลาอาจจะทำให้อะไรๆ ดีขึ้น ในเมื่อตอนนี้ พราวมุกเองยังไม่มีใคร เขาก็ยังมีความหวัง

“เออๆ เดี๋ยวพาไปกินเหล้า” พายัพรีบพูดเอาใจเพื่อน นึกเห็นใจตรัยอยู่เหมือนกัน แต่ถ้าให้เขาเลือกระหว่างเพื่อนกับน้อง เขาก็ต้องเลือกน้องสาวที่คลานตามกันมาอยู่แล้ว

“กินทำไมวะ” ตรัยถามกลับ

“แก้อกหัก” พายัพตอบแล้วหัวเราะ

“เออๆ นายต้องเลี้ยงนะเว้ย ฉันเป็นหม้ายขันหมากแบบนี้ พวกนายต้องช่วยปลอบใจ” ตรัยพูดติดตลก ทั้งๆ ที่ใบหน้าเครียดเขม็ง ในสมองขบคิดแผนการมากมายเต็มไปหมด

“บ้าแล้ว! ยังไม่ได้สู่ขอ จะเป็นหม้ายขันหมากได้ยังไงวะ” พายัพหัวเราะลงลูกคอ แต่โล่งใจที่เพื่อนเข้าใจและไม่คิดจะเซ้าซี้ให้น้องสาวของเขาต้องรำคาญใจ ถ้าเป็นแบบนั้นเขานี่แหละจะขัดขวาง ในเมื่อตอบว่าไม่ ก็คือไม่ เขาเป็นคนพูดคำไหนคำนั้น ไม่พูดมากไร้สาระ

ตรัยวางโทรศัพท์จากเพื่อนรักก่อนจะเคาะนิ้วไปมาบนโต๊ะทำงานของตัวเองอย่างครุ่นคิด เขารู้ดีว่าพายัพหวงน้องสาว แต่เขารักจริงหวังแต่ง ตอนนี้คงต้องทำให้ใครๆ ตายใจไปก่อน แล้วค่อยรุกทีเดียว เขาคงต้องทำตัวกลมกลืนและสนิทสนมกับพราวมุกเหมือนเคย

อ่านต่อ

หนังสืออื่นๆ ของ B.J.BEN

ข้อมูลเพิ่มเติม
วิวาห์คลั่งรัก

วิวาห์คลั่งรัก

สมัยใหม่

5.0

เมื่อโชคชะตาบังคับให้เขาและเธอซึ่งเป็นคู่กัดต้องกลายเป็นคู่แต่งงานแบบสายฟ้าแลบ! ระหว่างอดีตที่เต็มไปด้วยการปะทะคารม กับปัจจุบันที่ต้องใช้ชีวิตร่วมชายคา... เรื่องวุ่น ๆ จึงเริ่มต้นขึ้น ตั้งแต่แปรงสีฟันยันหัวใจ เขา...ผู้ชายเจ้าเล่ห์ ขี้แกล้ง และขี้หวงอย่างหนัก เธอ...หญิงสาวปากแข็ง ขี้ประชด แต่แอบอ่อนโยนในทุกความใส่ใจ จากบ้านไม้ริมคลอง กลายเป็นสนามรักและสงครามขนาดย่อม ที่ไม่มีใครยอมใคร แต่หัวใจสองดวงกลับเริ่มเปลี่ยนไปทีละนิด... เพราะบางที...โชคชะตาอาจไม่ได้บังคับ แต่มันอาจกำลังพาเขาและเธอ... กลับมายังที่ที่เรียกว่า "บ้าน" ด้วยกัน

หนังสือที่คุณอาจชอบ

หย่าปุ๊บ แต่งงานใหม่ปั๊บ

หย่าปุ๊บ แต่งงานใหม่ปั๊บ

Crimson Syntax
5.0

ทุกคนต่างรู้ดีว่าเจียงว่านหนิงรักเย่เชินมานานหลายปี เธอที่มักจะว่านอนสอนง่ายและน่ารักเสมอ ได้สักลายเพื่อเขาและยอมทนอยู่ใต้อำนาจผู้อื่น เมื่อเธอถูกทุกคนใส่ร้ายจนโดนตำหนิ เขากลับนิ่งเฉยและยังถึงขั้นให้เธอคุกเข่าให้แฟนเก่าของเขาอีกด้วย เธอที่รู้สึกอับอาย ในที่สุดก็หมดหวัง หลังจากยกเลิกการหมั้น เธอก็หันไปแต่งงานกับทายาทพันล้านทันที คืนนั้นเอง ใบทะเบียนสมรสของทั้งคู่ก็กลายเป็นข่าวฮิตบนโลกออนไลน์ เย่เชินที่เคยคิดว่าตัวเองเก่งกาจที่สุดก็เริ่มวิตกและพูดออกมาด้วยความโกรธว่า "อย่าเพ้อฝันไปเลย นายคิดว่าเธอรักนายจริงๆ งั้นเหรอ เธอแค่ต้องการใช้พลังอำนาจของตระกูลฟู่เพื่อแก้แค้นฉันเท่านั้นเอง" ฟู่จิงเซินจูบหญิงสาวในอ้อมกอดและตอบกลับอย่างไม่ใส่ใจว่า "แล้วจะเป็นไรไปล่ะ ก็พอดีว่าฉันมีทั้งเงินและอำนาจนี่"

นักล่าคู่กับหมอมหัศจรรย์

นักล่าคู่กับหมอมหัศจรรย์

test
3.5

เดิมทีฟางจินซิ่วมีอวกาศติดตัวได้เปิดคลินิกการแพทย์แผนจีนในยุคปัจจุบันและเจริญรุ่งเรือง ไม่มีการแข่งขันหนัก และทำงานมีวันหยุด เธอใช้ชีวิตอย่างสุขสบาย แต่แล้วมีวันหนึ่งที่เธอตื่นขึ้นมากลับข้ามมิติกลายเป็นชาวนาที่ฟมู่บ้านยากจน อีกทั้งได้เจอภัยแล้ง จากนั้นก็โดนขาย โชคดีที่ครอบครัวที่ซื้อเธอแตกต่างจากที่เธอจินตนาการไว้ เธอไม่ได้ถูกทารุณกรรม แต่ได้รับการดูแลอย่างดี ในยุคแห่งความขาดแคลนอาหาร และมีภัยแล้ง ฟางจินซิ่วตัดสินใจตอบแทนความเมตตาของครอบครัวนี้ แม่สามีป่วยหนัก? สำหรับปัญหาเล็กๆ น้อยๆ เธอเก็บสมุนไพรและแช่ในสระศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งรักษาเธอให้หายดีภายในไม่กี่นาที ที่บ้านไม่มีอาหาร? ปัญหาเล็กๆ น้อยๆ เธอไปล่าสัตว์กับครอบครัวและโชคก็เข้าข้างเธอ ไม่ว่าเธอจะไปที่ไหน เหยื่อก็จะตกหลุมพรางเสมอ กินแต่เนื้อสัตว์โดยไม่มีผักหรือ? มันเป็นปัญหาเล็กๆ เทน้ำในสระศักดิ์สิทธิ์เพียงหยดเดียว ก็สามารถปลูกพืชได้ทุกชนิดและกินผักและผลไม้อะไรก็ได้ที่พวกเธอต้องการ ญาติที่อิจฉากำลังมาก่อเรื่องเมื่อเห็นว่าพวกเธอใช้ชีวิตอย่างสุขสบาย สำหรับปัญหาเล็กน้อยนี้ เธอเรียกผู้ชายที่มีความแข็งแกร่งของเธอมาจัดการพวกเขา อะไร คุณถามว่าสามีของฉันทำไมเชื่อฟังได้ขนาดนี้? จงหวี่เดินเข้ามาด้วยสายตาเร่าร้อน "คุณภรรยา ตราบใดเจ้ายอมอยู่เคียงข้างข้าตลอดชีวิต ถึงเอาชีวิตข้าไปข้าก็ยอม"

ทะลุมิติมาเป็นบุตรสาวหญิงหม้าย

ทะลุมิติมาเป็นบุตรสาวหญิงหม้าย

l3oonm@
5.0

จือหลินเธอเป็นเด็กกำพร้า ที่ถูกมารดาทอดทิ้งไว้ที่โรงพยาบาลตั้งแต่วันแรกที่ลืมตามาดูโลก ต่อมาทางโรงพยาบาลจึงส่งตัวเธอให้กับสถานสงเคราะห์ พออายุได้สามปี ก็มีองค์กรหนึ่งมารับเลี้ยงตัวเธอ แต่พวกเขาเลี้ยงเธอและเด็กคนอื่นๆ ไว้เพื่อเป็นหนูทดลองเท่านั้น ครั้งแรกที่ถูกนำตัวมา ต่างก็โดนจับฉีดยาเข้าสู่ร่างกาย เพื่อหาเด็กที่เลือดต้านเชื้อที่ฉีดเข้าไปได้เท่านั้น หากร่างกายทนรับไม่ไว้สิ่งที่ทางองค์กรมอบให้คือความตาย จือหลินอาจเป็นเพราะเลือดของเธอพิเศษกว่าเด็กคนอื่น ไม่ว่าฉีดยาตัวไหนเข้าสู่ร่างกายเธอก็ทนรับได้ทั้งนั้น นับจากนั้นมาเธอจึงถูกเลี้ยงดูจากองค์กรมาอย่างดี เรื่องการศึกษาเธอก็สามารถเรียนรู้ทุกสิ่งได้อย่างเต็มที่ แต่เพราะความฉลาดของเธอจึงถูกส่งให้เรียนวิทยาศาสตร์การแพทย์และเรียนแพทย์ควบคู่ไปด้วย เมื่อเรียนจบมาแล้ว จือหลินยังคงทำการให้องค์กรเช่นเดิม แม้จะไม่ได้เป็นนักฆ่าเช่นเพื่อนคนอื่นที่มาพร้อมกัน แต่เธอก็ต้องฝึกไม่ต่างจากพวกเขา ยิ่งเมื่อต้องนำเด็กเข้ามาเป็นหนูทดลองเช่นเดียวกับเธอในตอนเล็ก ต่อให้ไม่อยากทำก็ต้องทำ หากฝ่าฝืนไม่ทำการชิปที่ถูกฝังอยู่ในตัวจะถูกกระตุ้นให้ได้รับความทรมานทันที นานวันเข้า ความดำมืดก็ก่อเกิดในใจ ไม่ว่าจะฉีดยาให้เด็กร้ายแรงเพียงใดจือหลินก็เลิกรู้สึกผิดไปเสียแล้ว เพราะการทำงานของเธอตลอดหลายปีที่ผ่านมาทำให้ทางองค์กรยกย่องและมักจะให้สิ่งดีๆ กับเธอเสมอ เมื่อมีชิปตัวหนึ่งที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อฝังมิติอีกห้วงหนึ่งไว้ภายในร่างกาย จือหลินนางก็ได้รับเลือกให้ทดลองใช้สิ่งนี้ด้วยเช่นกัน จือหลินถูกฝังชิปมิติเข้าที่แกนสมองของเธอ ความเจ็บปวดที่ได้รับทำให้เธอแทบสิ้นสติ เมื่อชิปถูกฝังลงไปแล้ว เพียงไม่นานก็มีเสียงจากระบบให้เธอยืนยันตัวตน ก่อนที่จะปรากฏภาพต่างๆ ภายในหัวของเธอ ของจากภายนอกล้วนแต่ถูกส่งเข้าไปเก็บไว้ด้านในได้ทั้งสิ้น หากเป็นเนื้อสด ผักผลไม้ ยังคงความสดอยู่เช่นเดิมแม้จะเก็บไว้นานมากเพียงใด ห้วงมิติของจือหลินเหมือนเป็นห้องสูทในคอนโดของเธอเองที่มีทุกอย่างพร้อมใช้อยู่ภายใน แม้แต่ห้องทดลอง ห้องทำงานของเธอก็ปรากฏอยู่ในนั้นเช่นกัน นับจากนั้นจือหลินจึงซื้อของเขาเก็บภายในมิติของเธอเป็นจำนวนมาก ตัวเธอเพียงผู้เดียวที่สามารถเข้าออกในห้วงมิติได้ วันเวลาผ่านไปจนจือหลินล่วงเข้าวัยสามสิบปี เธอสามารถผลิตยาที่ทำให้ทั่วโลกจับตามองออกมาได้ ยายื้อชีวิตจากความตาย แต่การทดลองของเธอที่ผ่านมาต้องใช้คนจำนวนมากในการเข้าทดลอง จือหลินสามารถยื้อชีวิตของชายชราที่กำลังจะหมดลมหายใจให้กลับมามีชีวิตปกติได้ เมื่อเธอกักตัวเขาไว้ได้หกเดือนเห็นว่าไม่มีสิ่งใดที่ผิดปกติจึงคิดจะปล่อยเขาออกไปใช้ชีวิตเช่นเดิม แต่แล้วสิ่งที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น เมื่อชายชราที่กำลังจะเดินออกจากห้องทดลองล้มลงต่อหน้าทุกคนที่เข้าร่วมชื่นชมผลงานของเธอ จือหลินรีบเข้าไปตรวจดูความผิดปกติทันที ก็พบว่าเขาหยุดหายใจเสียแล้ว เจ้าหน้าที่ทั้งหมดจึงต้องพาชายชราคนนั้นกลับเข้าไปในห้องทดลองเพื่อหาสาเหตุ ผ่านไปเพียงสองครึ่งชั่วโมงเขากลับลืมตาขึ้นมาอย่างไม่น่าเชื่อ แต่แววตาที่มองมาทางทุกคนได้เปลี่ยนไป ในดวงตาของชายชราผู้นั้นมีเพียงตาขาวไม่มีตาดำเช่นคนมีชีวิต “เกิดเรื่องอะไรขึ้น” ผู้อำนวยการองค์กรเดินเข้ามาหาจือหลินแล้วเอ่ยถามอย่างตื่นตระหนก เพราะนักข่าวที่ข่าวเชิญมายังอยู่ที่ด้านนอกเพื่อรอฟังคำตอบ “ขอดิฉันตรวจสอบก่อนค่ะ” จือหลินกุมหน้าผากอย่างมึนงง เธอก็ไม่เข้าใจเช่นกันว่าเป็นแบบนี้ไปได้อย่างไร คนทั้งหมดยืนมองชายชราที่เดินท่าทางประหลาดอยู่ในห้องทดลอง ในตอนนี้เขาเริ่มหยิบสิ่งของทำร้ายตัวเองอย่างบ้าคลั่ง เจ้าหน้าที่คนหนึ่งรีบวิ่งเข้าไปในห้องทดลองเพื่อห้ามไม่ให้เขาทำร้ายตัวเอง ชายชราเมื่อได้ยินเสียงคนเดินเข้ามาก็พุ่งเข้ามาหาอย่างรวดเร็ว และเริ่มกัดกินเนื้อตัวของเขาอย่างโหดร้าย คนที่เห็นเหตุการณ์ทั้งหมดต่างยกมือขึ้นปิดปากอย่างตกใจ เพราะกลัวข่าวเรื่องนี้จะรั่วไหล ผู้อำนวยการสั่งให้คนไปแจ้งนักข่าวให้กลับไปก่อน ทางองค์กรจะแถลงการณ์เรื่องนี้ในภายหลัง เจ้าหน้าที่ที่ถูกทำร้ายล้มลงเสียชีวิตไม่นานก็มีสภาพไม่ต่างจากชายชราคนนั้น เสียงวุ่นวายไม่ได้จบลงที่ห้องทดลองของจือหลินเพียงแห่งเดียว เพราะห้องทดลองอื่นก็ล้วนพบเหตุการณ์เช่นนี้ไม่ต่างกัน ผู้อำนวยการจำต้องส่งสัญญาณเคลื่อนย้ายเจ้าหน้าที่ออกจากตึกทดลองให้เร็วที่สุด จือหลินไม่รู้ว่ายาของนางจะสร้างผลเสียมากถึงเพียงนี้ เพราะเจ้าหน้าที่หลายคนล้วนจบชีวิตจนกลายเป็นซอมบี้ไปเสียแล้ว ตึกทดลองถูกปิดตาย เพื่อไม่ให้ซอมบี้ที่อยู่ด้านในออกมาสร้างความเสียหายภายนอกได้ “เรื่องนี้ดิฉันขอจัดการด้วยตนเองค่ะ” จือหลินเดินเข้าไปหาผู้อำนวยการที่ห้องทำงานของเขา เพื่อบอกสิ่งที่เธอคิดว่าอย่างดีแล้วในหลายวันที่ผ่านมา เมื่อเห็นว่าผู้อำนวยการไม่ห้ามในสิ่งที่เธอจะทำจือหลินจึงเดินไปที่หน้าตึกทดลองพร้อมระเบิดเวลาในมือ เธอคิดจะทำลายสิ่งของทุกอย่างที่เธอสร้างขึ้นมาลงด้วยมือของเธอเอง จือหลินเปิดประตูตึกทดลองแล้วรีบปิดลงทันที เธอเดินเข้าไปที่กลางตึกให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพราะระหว่างทางเธอต้องคอยต่อสู้กับซอมบี้ที่จะเข้ามาทำร้ายเธอไปด้วย เสียงสัญญาณระเบิดดังขึ้น จือหลินหลับตาลง พร้อมทั้งถอนหายใจให้กับเรื่องราวในชีวิตที่ผ่านมา เสียงระเบิดดังไปทั่วบริเวณพร้อมทั้งตึกทดลองที่ถล่มลงมาจนแทบไม่เหลือซาก “เจ็บชะมัด” จือหลินร้องครางออกมาเบาๆ แต่เมื่อรู้สึกตัวได้เธอก็รีบพยุงตัวขึ้นนั่งอย่างรวดเร็วพร้อมมองไปรอบๆ อย่างไม่อยากเชื่อ เธอคิดว่าตายไปแล้วเสียอีก แต่ทำไมถึงได้มีความรู้สึกเจ็บได้ “นี้มันเรื่องบ้าอะไรอีกว่ะเนี่ย” จือหลินเบิกตากว้างอย่างไม่อยากเชื่อ รอบๆ ตัวเธอในตอนนี้เป็นป่าทึบ มือของเธอก็ไม่ใช่ของเธออย่างแน่นอนเพราะมีขนาดเล็กราวกับเป็นเด็กน้อยคนหนึ่งเท่านั้น ตอนที่เธอมึนงงสับสน เรื่องราวความทรงจำของเจ้าของร่างก็ไหลเข้าสู่หัวของเธอจนต้องลงไปนอนดิ้นกับพื้น

เทพเจ้าแห่งอสูร: พิชิตทุกพิภพด้วยหมื่นภูตผี

เทพเจ้าแห่งอสูร: พิชิตทุกพิภพด้วยหมื่นภูตผี

Daniel
5.0

-- ในศตวรรษที่ 26 ทหารรับจ้างอันดับหนึ่งได้กลับชาติมาเกิดใหม่ กลายเป็นลูกเลี้ยงที่ไร้ค่าของตระกูลผู้มีชื่อเสียง แต่เมื่อนางลืมตาขึ้นอีกครั้ง โลกก็เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง ย่ำยีชายทรยศ ข่มเหงหญิงเลว จัดการกับพวกที่ทำให้ชีวิตติดขัด เปลี่ยนแปลงทุกสิ่งตามใจปรารถนา ควบคุมเทพสัตว์นับพัน ถลุงยาวิเศษ วางข่ายศักดิ์สิทธิ์ วาดยันต์ผี ทุกอย่างนางทำได้อย่างชำนาญ อยู่เหนือกว่าอัจฉริยะทั้งห้าภพ โลกนี้นางครอบครอง ไม่สามารถบำเพ็ญตบะงั้นหรือ แต่นางเป็นผู้ครอบครองพลังครบทุกธาตุ ไม่มีคุณสมบัติมากพอบำเพ็ญลัทธิหรือ นางนอกจากบำเพ็ญลัทธิอสูรลัทธิเทพลัทธิวิญญาณลัทธิมารทั้งสีแล้ว ยังสร้างลัทธิภูตผีอีกด้วย ไร้ค่า ไม่มีความสามารถงั้นหรือ นางคือราชาผี ที่สืบทอดพลังหยินขั้นสูง แค่กระดิกนิ้ว พญาวิญญาณแค้นนับหมื่นก็พรั่งพรูมาปรนนิบัติ เพียงแต่ว่าจักรพรรดิผู้ลึกลับที่ตามตื้อนางนั้น มันคือยังไงกัน เฝิงอี้ "เพิ่งเจอหน้ากันก็ถอดเสื้อข้า เช่นนั้นเราสู้กันบนเตียงอีกรอบดีหรือไม่" เย่วเฉิงเฟิงยิ้มยั่ว "ผู้ชายมีแต่จะเป็นตัวถ่วงของข้า ท่านจักรพรรดิ ท่านเดินทางดีๆ ลาก่อนนะ"

วิวาห์ครั้งใหม่กับพ่อหนุ่มเศรษฐีแสนร้ายกาจ

วิวาห์ครั้งใหม่กับพ่อหนุ่มเศรษฐีแสนร้ายกาจ

Rabbit
5.0

[นักธุรกิจหนุ่มระดับต้นแสนร้ายกาจ VS นักปรุงน้ำหอมสาวพิการเลอโฉม บริสุทธิ์ทั้งคู่] บุคคลลึกลับส่งคลิปวิดีโอสามีนอกใจมาให้ ทำลายชีวิตที่ดูสงบของยูหยุนหนิง ทำให้เธอเข้าใจเรื่องหนึ่ง คนรักที่รู้จักกันมาตั้งแต่เด็กจะหลอกเรา เพื่อนที่เติบโตมาด้วยกันจะหลอกเรา แต่นายแบบไหล่กว้างเอวคอดขายาวไม่มีทางหลอกเรา เพียงแต่ชายหนุ่มรูปหล่อขายตัวเพื่อเลี้ยงสุนัขคนนี้ กลิ่นน้ำหอมบนตัวของคุณ ทำไมถึงเหมือนกับนักธุรกิจหนุ่มระดับต้นของตระกูลเสี่ยวเลย? * ตอนที่เธอเปล่งประกายเจิดจรัส เขาเป็นลูกที่ถูกทอดทิ้งของตระกูล กล้าแค่ขโมยจูบแรกของเธอในความมืด เมื่อเธอตกจากที่สูง เขาทิ้งทุกอย่างกลับประเทศ แต่กลับเห็นเธอตอบตกลงคำขอแต่งงานของคนอื่นทั้งน้ำตา ตอนเธอถูกหักหลังอย่างเจ็บปวด เขามีอำนาจอยู่ในมือ เขาคือคนที่สนับสนุนอยู่เบื้องหลัง เป็นคนที่ช่วยชีวิตตอนที่เธอเสี่ยงอันตราย เป็นกำลังใจที่มั่นคงที่สุดของเธอ เมื่อเธอลุกขึ้นยืนอีกครั้ง เขาคุกเข่าข้างหนึ่ง จริงใจเป็นอย่างมาก “ได้โปรดแต่งงานกับผม” * “อยากรู้ไหมว่า ตอนที่เธอตอบตกลงคำขอแต่งงานของผู้ชายสารเลวคนนั้น ผมกำลังคิดอะไรอยู่? ” “คิดอะไรอยู่เหรอคะ? ” “อย่าให้ผมมีโอกาสนะ” “แล้วถ้าไม่มีโอกาสละคะ? ” “ถ้าอย่างนั้นก็สร้างโอกาสขึ้นมา” เพราะในโลกนี้ ไม่มีใครรักยูหยุนหนิงได้มากกว่าเสี่ยวฉืออีกแล้ว

บท
อ่านเลย
ดาวน์โหลดหนังสือ