ยอดดวงใจคนเถื่อน

ยอดดวงใจคนเถื่อน

B.J.BEN

5.0
ความคิดเห็น
65.6K
ชม
115
บท

ภวัต สุทธนนท์ ผู้ชายปากร้าย ใจดี รักครอบครัว และรักเธอคนเดียว คนพูดขวานผ่าซากแบบเขา รักใครรักจริง ไม่เจ้าชู้และเฝ้ารอคอย ไม่เคยหวั่นไหวกับหญิงใดในโลกล้า อรนภัส สาวน้อยก้นลายที่เคยโดนเขาล้อตอนกระโดดน้ำคลอง กลายเป็นสาวสะพรั่งที่เขาจับจองตั้งแต่เด็กๆ และรอคอยเธออย่างมั่นคง พบกับความรักของคนเถื่อน และยอดดวงใจของคนเถื่อนได้ในเล่มค่ะ

บทที่ 1 1

สามปีก่อน...

“ดีใจที่ได้เจอนายอีกครั้ง”

กฤษณะตบไหล่เพื่อนเบาๆ ขณะพาเข้าบ้านหลังใหญ่

“ฉันก็ดีใจเช่นกัน บ้านนายร่มรื่นดีนะ”

ภวัตเอ่ยชมเมื่อมองไปรอบบ้าน

“นายเข้าไปพบพ่อแม่ฉันก่อน ท่านคงดีใจที่เจอนายอีกครั้ง”

กฤษณะเดินนำเพื่อนไปทางหลังบ้าน ซึ่งเป็นสวนดอกไม้ที่บิดามารดานั่งพักผ่อนอยู่ ภวัตเดินผ่านห้องโถงของตัวบ้าน เขาสะดุดตากับกรอบรูปถ่ายของหญิงสาวที่กำลังฉีกยิ้มกว้างขณะนั่งอยู่บนชิงช้า กฤษณะชะงักเมื่อเห็นเพื่อนหยุดเดิน ก่อนจะมองตามสายตาของภวัต

“น้องฉันเอง นายจำได้ไหม ยัยอรไง”

กฤษณะยิ้มแย้มเมื่อเอ่ยถึงน้องสาวคนรอง

“ส่วนโน่นนายกร นายจำได้หรือเปล่าไม่รู้”

กฤษณะชี้ไปยังกรอบรูปใกล้ๆ กันซึ่งเป็นรูปของปกรณ์น้องชายคนเล็ก

ภวัตเดินไปยังกรอบรูปของอรนภัสคล้ายคนละเมอ เขาหยิบขึ้นมาอย่างเผลอไผล ลูบไล้ไปตามโครงหน้าของสาวน้อยหน้าหวาน

“ทำไมจะจำไม่ได้”

ภวัตพูดกับเพื่อนแต่สายตาไม่ละจากรูปถ่ายของหญิงสาวนามว่าอรนภัส

“นี่! แก อย่าบอกนะว่า...” กฤษณะมองอาการของเพื่อนตาโต

“ฉันชอบน้องนายว่ะกฤษ ขอจองได้ไหมวะ”

“จอง!!” กฤษณะทวนคำของเพื่อน

“จองไปเป็นเมีย!!!”

คำตอบของเพื่อนทำให้กฤษณะตกใจ เงยหน้าสบตาเพื่อนนิ่ง สัมผัสได้ถึงความจริงใจและจริงจังในแววตาคู่นั้น

“เฮ้ย! แกพูดจริงเหรอ น้องฉันยังเรียนไม่จบนะ”

คนหวงน้องสาวรีบพูดกันท่าตามระเบียบ

“จริง ว่าแต่ยัยแก้มป่องยังก้นลายอยู่อีกไหม”

ภวัตตอบจริงจัง แล้วเอ่ยคำถามที่ทำให้เพื่อนหลุดหัวเราะขบขัน

“จะบ้าเหรอแก น้องฉันอายุสิบแปดแล้วนะ เริ่มเป็นสาวเต็มตัว หนุ่มๆ พากันติดตรึม และก้นก็ไม่ลายแล้วด้วย”

“หนุ่มๆ ติดตรึม” ภวัตทวนคำอย่างหวงๆ

“สีหน้าแก น้ำเสียงแก อย่าบอกนะว่าหวง”

“หวง”

ภวัตพูดเสียงขรึม ก่อนจะสะดุ้งนึกขึ้นได้แล้วเอ่ยถามออกไป “แกแอบดูก้นน้องแกเหรอไง”

“เฮ้ย!!! ไอ้บ้า ใครจะแอบดูก้นยัยอร ฉันเดาเอา พวกที่ตอนเด็กๆ มีรอยแผลเป็นตอนโตมักจะจางหายไปเองตามกาลเวลา... แกนี่ก็แปลก หวงทั้งๆ ที่ไม่เคยเห็นหน้า”

“ใครบอกว่าไม่เคยเห็น ตอนเด็กฉันเคยเห็นยัยแก้มป่อง ตอนไปหานายที่บ้านไง แถมโตขึ้นยังได้เห็นอีก”

ภวัตตอบ พร้อมกับเอามือลูบบนรูปถ่ายที่ถืออยู่เบาๆ

“เออ ลืมไปว่าบ้านเราติดกัน” กฤษณะเกาหัวไปมา

“ดูท่าทางแกจะเป็นเอามาก”

กฤษณะส่ายหน้าไปมาไม่จริงจังนักเมื่อเห็นเพื่อนจ้องรูปถ่ายของน้องสาวตาลอย

“บอกแล้วไงว่าขอจองก่อน แกช่วยดูด้วยแล้วกัน ห้ามหนุ่มๆ คนไหนเข้าใกล้ ไม่งั้นพ่อฉุด”

“เฮ้ย! ไอ้นี่” กฤษณะส่ายหน้ากับคำพูดของเพื่อนรัก

“ฉันสัญญาว่าจะให้น้องนายเรียนจบก่อน แล้วถึงจะเข้าไปทำความรู้จัก รับรองว่าตอนนี้ฉันไม่ไปกวนน้องนายให้เสียการเรียนแน่นอน” ภวัตยืนยันหนักแน่น

“ก็ได้ ถ้านายสัญญาว่าจะไม่ไปกวนใจยัยอร รอให้ยัยอรเรียนจบก่อน ฉันจะไม่ขัดขวางนายแน่นอน ถึงตอนนั้นหากนายยังไม่เปลี่ยนใจ”

ภวัตก้มมองรูปถ่ายที่อยู่ในมืออีกครั้งหนึ่ง แม้จะรู้สึกว่าสามปีมันช่างยาวนานนัก แต่เขาก็เต็มใจที่จะรอ

สามปีต่อมา...

อรนภัสชำระเงินค่าหนังสือก่อนจะรีบเดินออกจากร้าน

“อุ๊ย! ขอโทษค่ะ”

หญิงสาวรีบขอโทษเมื่อเดินชนกับร่างสูงของใครคนหนึ่ง

ภวัต สุทธนนท์ นายหัวหนุ่มวัยสามสิบหกก้มลงหยิบถุงหนังสือที่ร่วงหล่นลงพื้นส่งให้หญิงสาวตรงหน้า สายตาคมกริบกวาดตามองร่างโปร่งบางที่สวมเสื้อสีฟ้าแขนตุ๊กตากับกระโปรงสั้นแค่เข่าสีชมพูลายลูกไม้

เธอดูอ่อนหวานน่ากลืนกินไปทั้งตัว...

“ขอบคุณค่ะ”

อรนภัสกล่าวขอบคุณด้วยน้ำเสียงอ่อนหวาน ช้อนสายตามองใบหน้าคมสันที่จ้องเธอนิ่ง หัวใจสาวสั่นไหวรุนแรงเมื่อได้สบสายตาคมกริบสีสนิมคู่นั้น

ภวัตเองแทบหยุดหายใจ เมื่อได้มองหญิงสาวตรงหน้าเต็มๆ ตาแบบนี้ ใบหน้าหวานรูปหัวใจ ดวงตากลมโตสุกใสดั่งดวงดาวบนฟากฟ้า แพขนตางอนงามเป็นธรรมชาติ เวลากะพริบตาช่างดูงดงาม คิ้วเรียวโก่งเข้ารูป จมูกเล็กโด่งงาม ริมฝีปากเต็มอิ่มสีชมพูระเรื่อ เขาเลื่อนสายตาอ้อยอิ่งมายังเนินอกอวบ ก่อนจะก้มต่ำลงยังเอวคอดและสะโพกผาย ผิวเจ้าหล่อนขาวผุดผ่องดั่งหยวกกล้วย

ตัวจริงของเธอสวยกว่าในรูปหลายเท่านัก เขารอเวลานี้มานานกี่ปีแล้วนะ ล่าสุดคงจะเป็นตอนที่เธอแตกเนื้อสาว และเมื่อได้เห็นรูปถ่ายที่บ้านของเธออีกครั้ง ทำให้หลังจากนั้นเขาก็เฝ้าติดตามมองเธออยู่ห่างๆ หากย้อนเวลากลับไปเมื่อสิบกว่าปีก่อน เธอยังเป็นเด็กตัวเล็กที่เขาไม่คิดจะใส่ใจเช่น ณ ตอนนี้

“เอ่อ... ดิฉันต้องขอตัวก่อนนะคะ”

เมื่อถูกมองมากๆ เข้า เธอก็เริ่มรู้สึกประหม่า ปกติเจอสายตาของผู้ชายที่มองเธอแบบนี้ออกบ่อยๆ แต่ชายหนุ่มนิรนามตรงหน้าทำให้เธอเขินอายอย่างบอกไม่ถูก

สายตาของเขาเหมือนใครบางคนที่เธอเคยรู้จักเมื่อนานมาแล้ว...

“เดี๋ยวสิ”

มือหนารั้งเรียวแขนบอบบางเอาไว้ ดวงตาคมมองสบกับดวงตากลมโตสวยใสของสาวน้อยวัยยี่สิบเอ็ดที่มองมาอย่างตกใจ รีบสะบัดมือออกจากชายหนุ่ม

“คุณมีอะไรหรือคะ”

อรนภัสรีบเอ่ยถาม ค่อยๆ ก้าวถอยไปด้านหลัง ทิ้งระยะห่างพอสมควร

น้ำเสียงระแวดระวังนั้นทำให้ภวัตรู้สึกเสียหน้าเล็กน้อย...

“ฉันอยากรู้จักกับเธอน่ะ”

ภวัตบอกตามตรง อรนภัสถึงกับอ้าปากค้างทำหน้าเหลอหลา ถอยห่างยิ่งขึ้น แก้มแดงปลั่งด้วยความอายในท่าทีห่ามๆ ของเขา ที่จู่ๆ มาพูดว่าอยากรู้จักเธอแบบนี้ แถมมาทำสายตาเหมือนจะกลืนกินเธอซะขนาดนั้น ใครจะอยากรู้จักเขากันล่ะ

“อ้าวทำไมล่ะ ฉันแค่อยากรู้จัก ทำไมต้องกลัวขนาดนั้นด้วย”

เขาเลิกคิ้วคมเข้มขึ้นขณะเอ่ยถาม หญิงสาวทำให้เขารู้สึกเสียความมั่นใจพอสมควร มือหนาลูบหนวดเคราของตัวเอง หรือเธอจะคิดว่าเขาหน้าเหมือนมหาโจร ภวัตควบคุมอารมณ์เต็มที่ มือข้างหนึ่งซุกในกระเป๋ากางเกงยีนส์สีซีดด้วยท่าทีสบายๆ สายตาคมมองเธอไม่วาง ใบหน้าเรียบเฉยเคร่งขรึม อีกทั้งดวงตาร้อนแรงคู่นั้นทำให้อรนภัสได้แต่หลบสายตาด้วยหัวใจสั่นสะท้าน

“เอ่อ...ขอตัวก่อนนะคะ”

อรนภัสรีบบอกแล้วหันหลังวิ่งหนีเมื่อสามารถสลัดมือชายหนุ่มออกได้สำเร็จ

“เดี๋ยว”

ภวัตทำท่าจะเรียกแต่ก็ชะงัก มือหนาก้มลงเก็บกระดาษแผ่นเล็กที่ปลิวตกออกมาจากหนังสือของเธอขึ้นมาดู

‘ร้านอรเบเกอรี่’

ภวัตอ่านชื่อร้านและสถานที่ตั้ง รวมถึงเบอร์โทรศัพท์ ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองร่างโปร่งบางที่วิ่งหนีไปด้วยสายตาคมกริบ

‘ถึงไม่แกล้งทำตกเอาไว้ให้ดูต่างหน้า พี่ก็หาน้องอรเจออยู่แล้ว’

ภวัตยัดกระดาษแผ่นนั้นลงในกระเป๋ากางเกงยีนส์ตัวเก่ง ก่อนจะเดินออกจากห้างสรรพสินค้าอย่างมั่นใจ

‘ติ๊งต๊อง’

เสียงกริ่งดังหน้าร้านทำให้อรนภัสรู้ว่ามีลูกค้าเดินเข้ามา หญิงสาวยิ้มบางๆ ขณะที่มือกำลังสาละวนอยู่กับงานตรงหน้า ก่อนจะเอ่ยเสียงหวาน โดยไม่ได้เงยหน้ามอง

“สวัสดีค่ะ ยินดีต้อนรับค่ะ เชิญนั่งก่อนนะคะ คะ...คุณ”

อรนภัสถึงกับชะงักเมื่อเห็นใบหน้าหล่อเหลาคมเข้มกำลังมองเธอไม่วาง ร่างสูงใหญ่บึกบึนยืนเท่อยู่ห่างจากเธอไม่ไกลมากนัก

เอ๊ะ! เขาเป็นคนที่เดินชนเธอเมื่อครึ่งชั่วโมงที่แล้วนี่นา!!!

ภวัตใช้สายตาคมกริบกวาดมองไปรอบๆ ร้านที่เปิดขายขนมและเครื่องดื่ม ก่อนจะหันกลับมามองใบหน้าสวยหวานที่อยู่ตรงหน้า การมองของชายหนุ่มเล่นเอาอรนภัสหายใจเข้าไม่ทั่วท้อง เมื่อเธอสานสบดวงตาคู่นั้น ทำให้เธอลนลานจนทำอะไรไม่ถูก แต่ในที่สุดหญิงสาวก็พยายามรวบรวมสมาธิสูดลมหายใจเข้าปอดแรงๆ จากนั้นก็ส่งรอยยิ้มหวานๆ ไปให้ลูกค้าหนุ่มตามมารยาท

อ่านต่อ

หนังสืออื่นๆ ของ B.J.BEN

ข้อมูลเพิ่มเติม
แกล้งนักรักหมดใจ

แกล้งนักรักหมดใจ

โรแมนติก

5.0

เมื่อ ภูผา ทายาทนักธุรกิจพันล้าน ถูกส่งตัวมาอยู่ที่บ้านนอกกลางทุ่งนา เขาต้องใช้ชีวิตร่วมชายคากับ ดาหลา ลูกสาวกำนันจอมแก่นที่มองเขาเป็นแค่ "หนุ่มกรุงไม่เอาไหน" จากความหมั่นไส้ กลายเป็นความห่วงใย... จากแผงผักริมตลาดนัด สู่แผนเปิดโปงที่เขย่าทั้งวงการธุรกิจ เมื่อหนุ่มเจ้าสำอางต้องมาเลี้ยงน้องควายทองแท้ที่ชอบให้ขัดหลังเสียเหลือเกิน แท้จริงคือ CEO ตัวจริงเสียงจริง! ความรัก ความลับ และแผนร้ายที่ซ่อนอยู่หลังรอยยิ้มจะพาทุกหัวใจอบอุ่นไปพร้อมกลิ่นหอมของไอดิน และคำว่ารักที่งอกงามกลางทุ่งนา เพราะบางที...ควายตัวเดียว ก็พาเราพบรักแท้ได้

บอสเถื่อนหลงเมีย

บอสเถื่อนหลงเมีย

โรแมนติก

5.0

เพราะเธอช่วยชีวิตเขาไว้...โดยไม่หวังสิ่งใดตอบแทน ในนาทีที่เธอคิดว่าเป็นแค่การทำดีธรรมดา กลับกลายเป็นการสะกิดหัวใจของชายหนุ่มผู้เย็นชาที่ไม่เคยเปิดใจให้ใคร "ธามกร วัฒนเดช" บอสหนุ่มผู้เก็บงำความเจ็บปวดไว้ใต้ท่าทีเรียบนิ่ง เขาไม่เคยเชื่อในน้ำใจของใคร...จนวันที่หญิงสาวตัวเล็กคนหนึ่งยอมเสี่ยงอันตรายเพื่อช่วยเขา และเธอ... "แก้วจอมขวัญ อินทราวงศ์" พนักงานบัญชีคนใหม่ ที่ไม่รู้เลยว่าแค่ ความดีเล็ก ๆ ในวันนั้น จะเปลี่ยนชีวิตเธอไปตลอดกาล จากคำขอบคุณ กลายเป็นความห่วงใย จากเจ้านายผู้เย็นชา กลายเป็นผู้ชายที่เดินเข้ามาทำให้หัวใจของเธอสั่นไหวทุกวินาที เขาค่อย ๆ เติมเต็มรอยร้าวในชีวิตของเธอ และเธอกลายเป็นคนเดียวที่เขาอยากปกป้องไปตลอดชีวิต "ถ้าคุณยังไม่กล้ารักผม งั้นขอให้ผมได้รักคุณก่อนนะ แก้วจอมขวัญ"

หนังสือที่คุณอาจชอบ

ทะลุมิติมาเป็นบุตรสาวหญิงหม้าย

ทะลุมิติมาเป็นบุตรสาวหญิงหม้าย

l3oonm@
5.0

จือหลินเธอเป็นเด็กกำพร้า ที่ถูกมารดาทอดทิ้งไว้ที่โรงพยาบาลตั้งแต่วันแรกที่ลืมตามาดูโลก ต่อมาทางโรงพยาบาลจึงส่งตัวเธอให้กับสถานสงเคราะห์ พออายุได้สามปี ก็มีองค์กรหนึ่งมารับเลี้ยงตัวเธอ แต่พวกเขาเลี้ยงเธอและเด็กคนอื่นๆ ไว้เพื่อเป็นหนูทดลองเท่านั้น ครั้งแรกที่ถูกนำตัวมา ต่างก็โดนจับฉีดยาเข้าสู่ร่างกาย เพื่อหาเด็กที่เลือดต้านเชื้อที่ฉีดเข้าไปได้เท่านั้น หากร่างกายทนรับไม่ไว้สิ่งที่ทางองค์กรมอบให้คือความตาย จือหลินอาจเป็นเพราะเลือดของเธอพิเศษกว่าเด็กคนอื่น ไม่ว่าฉีดยาตัวไหนเข้าสู่ร่างกายเธอก็ทนรับได้ทั้งนั้น นับจากนั้นมาเธอจึงถูกเลี้ยงดูจากองค์กรมาอย่างดี เรื่องการศึกษาเธอก็สามารถเรียนรู้ทุกสิ่งได้อย่างเต็มที่ แต่เพราะความฉลาดของเธอจึงถูกส่งให้เรียนวิทยาศาสตร์การแพทย์และเรียนแพทย์ควบคู่ไปด้วย เมื่อเรียนจบมาแล้ว จือหลินยังคงทำการให้องค์กรเช่นเดิม แม้จะไม่ได้เป็นนักฆ่าเช่นเพื่อนคนอื่นที่มาพร้อมกัน แต่เธอก็ต้องฝึกไม่ต่างจากพวกเขา ยิ่งเมื่อต้องนำเด็กเข้ามาเป็นหนูทดลองเช่นเดียวกับเธอในตอนเล็ก ต่อให้ไม่อยากทำก็ต้องทำ หากฝ่าฝืนไม่ทำการชิปที่ถูกฝังอยู่ในตัวจะถูกกระตุ้นให้ได้รับความทรมานทันที นานวันเข้า ความดำมืดก็ก่อเกิดในใจ ไม่ว่าจะฉีดยาให้เด็กร้ายแรงเพียงใดจือหลินก็เลิกรู้สึกผิดไปเสียแล้ว เพราะการทำงานของเธอตลอดหลายปีที่ผ่านมาทำให้ทางองค์กรยกย่องและมักจะให้สิ่งดีๆ กับเธอเสมอ เมื่อมีชิปตัวหนึ่งที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อฝังมิติอีกห้วงหนึ่งไว้ภายในร่างกาย จือหลินนางก็ได้รับเลือกให้ทดลองใช้สิ่งนี้ด้วยเช่นกัน จือหลินถูกฝังชิปมิติเข้าที่แกนสมองของเธอ ความเจ็บปวดที่ได้รับทำให้เธอแทบสิ้นสติ เมื่อชิปถูกฝังลงไปแล้ว เพียงไม่นานก็มีเสียงจากระบบให้เธอยืนยันตัวตน ก่อนที่จะปรากฏภาพต่างๆ ภายในหัวของเธอ ของจากภายนอกล้วนแต่ถูกส่งเข้าไปเก็บไว้ด้านในได้ทั้งสิ้น หากเป็นเนื้อสด ผักผลไม้ ยังคงความสดอยู่เช่นเดิมแม้จะเก็บไว้นานมากเพียงใด ห้วงมิติของจือหลินเหมือนเป็นห้องสูทในคอนโดของเธอเองที่มีทุกอย่างพร้อมใช้อยู่ภายใน แม้แต่ห้องทดลอง ห้องทำงานของเธอก็ปรากฏอยู่ในนั้นเช่นกัน นับจากนั้นจือหลินจึงซื้อของเขาเก็บภายในมิติของเธอเป็นจำนวนมาก ตัวเธอเพียงผู้เดียวที่สามารถเข้าออกในห้วงมิติได้ วันเวลาผ่านไปจนจือหลินล่วงเข้าวัยสามสิบปี เธอสามารถผลิตยาที่ทำให้ทั่วโลกจับตามองออกมาได้ ยายื้อชีวิตจากความตาย แต่การทดลองของเธอที่ผ่านมาต้องใช้คนจำนวนมากในการเข้าทดลอง จือหลินสามารถยื้อชีวิตของชายชราที่กำลังจะหมดลมหายใจให้กลับมามีชีวิตปกติได้ เมื่อเธอกักตัวเขาไว้ได้หกเดือนเห็นว่าไม่มีสิ่งใดที่ผิดปกติจึงคิดจะปล่อยเขาออกไปใช้ชีวิตเช่นเดิม แต่แล้วสิ่งที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น เมื่อชายชราที่กำลังจะเดินออกจากห้องทดลองล้มลงต่อหน้าทุกคนที่เข้าร่วมชื่นชมผลงานของเธอ จือหลินรีบเข้าไปตรวจดูความผิดปกติทันที ก็พบว่าเขาหยุดหายใจเสียแล้ว เจ้าหน้าที่ทั้งหมดจึงต้องพาชายชราคนนั้นกลับเข้าไปในห้องทดลองเพื่อหาสาเหตุ ผ่านไปเพียงสองครึ่งชั่วโมงเขากลับลืมตาขึ้นมาอย่างไม่น่าเชื่อ แต่แววตาที่มองมาทางทุกคนได้เปลี่ยนไป ในดวงตาของชายชราผู้นั้นมีเพียงตาขาวไม่มีตาดำเช่นคนมีชีวิต “เกิดเรื่องอะไรขึ้น” ผู้อำนวยการองค์กรเดินเข้ามาหาจือหลินแล้วเอ่ยถามอย่างตื่นตระหนก เพราะนักข่าวที่ข่าวเชิญมายังอยู่ที่ด้านนอกเพื่อรอฟังคำตอบ “ขอดิฉันตรวจสอบก่อนค่ะ” จือหลินกุมหน้าผากอย่างมึนงง เธอก็ไม่เข้าใจเช่นกันว่าเป็นแบบนี้ไปได้อย่างไร คนทั้งหมดยืนมองชายชราที่เดินท่าทางประหลาดอยู่ในห้องทดลอง ในตอนนี้เขาเริ่มหยิบสิ่งของทำร้ายตัวเองอย่างบ้าคลั่ง เจ้าหน้าที่คนหนึ่งรีบวิ่งเข้าไปในห้องทดลองเพื่อห้ามไม่ให้เขาทำร้ายตัวเอง ชายชราเมื่อได้ยินเสียงคนเดินเข้ามาก็พุ่งเข้ามาหาอย่างรวดเร็ว และเริ่มกัดกินเนื้อตัวของเขาอย่างโหดร้าย คนที่เห็นเหตุการณ์ทั้งหมดต่างยกมือขึ้นปิดปากอย่างตกใจ เพราะกลัวข่าวเรื่องนี้จะรั่วไหล ผู้อำนวยการสั่งให้คนไปแจ้งนักข่าวให้กลับไปก่อน ทางองค์กรจะแถลงการณ์เรื่องนี้ในภายหลัง เจ้าหน้าที่ที่ถูกทำร้ายล้มลงเสียชีวิตไม่นานก็มีสภาพไม่ต่างจากชายชราคนนั้น เสียงวุ่นวายไม่ได้จบลงที่ห้องทดลองของจือหลินเพียงแห่งเดียว เพราะห้องทดลองอื่นก็ล้วนพบเหตุการณ์เช่นนี้ไม่ต่างกัน ผู้อำนวยการจำต้องส่งสัญญาณเคลื่อนย้ายเจ้าหน้าที่ออกจากตึกทดลองให้เร็วที่สุด จือหลินไม่รู้ว่ายาของนางจะสร้างผลเสียมากถึงเพียงนี้ เพราะเจ้าหน้าที่หลายคนล้วนจบชีวิตจนกลายเป็นซอมบี้ไปเสียแล้ว ตึกทดลองถูกปิดตาย เพื่อไม่ให้ซอมบี้ที่อยู่ด้านในออกมาสร้างความเสียหายภายนอกได้ “เรื่องนี้ดิฉันขอจัดการด้วยตนเองค่ะ” จือหลินเดินเข้าไปหาผู้อำนวยการที่ห้องทำงานของเขา เพื่อบอกสิ่งที่เธอคิดว่าอย่างดีแล้วในหลายวันที่ผ่านมา เมื่อเห็นว่าผู้อำนวยการไม่ห้ามในสิ่งที่เธอจะทำจือหลินจึงเดินไปที่หน้าตึกทดลองพร้อมระเบิดเวลาในมือ เธอคิดจะทำลายสิ่งของทุกอย่างที่เธอสร้างขึ้นมาลงด้วยมือของเธอเอง จือหลินเปิดประตูตึกทดลองแล้วรีบปิดลงทันที เธอเดินเข้าไปที่กลางตึกให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพราะระหว่างทางเธอต้องคอยต่อสู้กับซอมบี้ที่จะเข้ามาทำร้ายเธอไปด้วย เสียงสัญญาณระเบิดดังขึ้น จือหลินหลับตาลง พร้อมทั้งถอนหายใจให้กับเรื่องราวในชีวิตที่ผ่านมา เสียงระเบิดดังไปทั่วบริเวณพร้อมทั้งตึกทดลองที่ถล่มลงมาจนแทบไม่เหลือซาก “เจ็บชะมัด” จือหลินร้องครางออกมาเบาๆ แต่เมื่อรู้สึกตัวได้เธอก็รีบพยุงตัวขึ้นนั่งอย่างรวดเร็วพร้อมมองไปรอบๆ อย่างไม่อยากเชื่อ เธอคิดว่าตายไปแล้วเสียอีก แต่ทำไมถึงได้มีความรู้สึกเจ็บได้ “นี้มันเรื่องบ้าอะไรอีกว่ะเนี่ย” จือหลินเบิกตากว้างอย่างไม่อยากเชื่อ รอบๆ ตัวเธอในตอนนี้เป็นป่าทึบ มือของเธอก็ไม่ใช่ของเธออย่างแน่นอนเพราะมีขนาดเล็กราวกับเป็นเด็กน้อยคนหนึ่งเท่านั้น ตอนที่เธอมึนงงสับสน เรื่องราวความทรงจำของเจ้าของร่างก็ไหลเข้าสู่หัวของเธอจนต้องลงไปนอนดิ้นกับพื้น

โชคชะตาของพระชายา

โชคชะตาของพระชายา

Raff Madison
4.5

ฉู่ว่านยู ผู้สืบเชื้อสายมาจากตระกูลแพทย์แผนโบราณ มีทักษะทางการแพทย์ที่ยอดเยี่ยม ยาที่เธอทำนั้นทุกคนต่างอยากได้ สามารถรักษาได้ทุกโรค แต่กลับไม่คาดคิดว่าจะย้อนยุค กลายเป็นผู้หญิงที่ขี้เหร่ที่สุดในใต้หล้า และยังเอาชนะใจท่านอ๋องด้วย การเริ่มต้นไม่ค่อยดีก็ไม่เป็นไร มาดูกันว่าเธอจะพลิกผันยังไง การแย่งการแต่งงานงั้นเหรอ? เธอทำให้น้องต้องรับบทเรียน แย่งสินเิมดลับมา ให้ชายั่วหญิงร้ายคู่นี้อยู่ด้วยกันตลอดไป ขี้ขลาดเหรอ? เธอจัดการพ่อร้าย สั่งสอนผู้หญิงเสแสร้ง! ขี้เหร่เหรอ? เธอรักษาพิษในตัว และกลายเป็นคนงามอันน่าทึ่ง! ลูกสาวขี้เหร่ของจวนอัครมหาเสนาบดี กลายเป็นผู้สูงส่ง แม้แต่ผู้โหดเหี้ยมบางคนยังหวั่นไหวกับเธอ เมื่อสุดที่รักจะจัดการผู้ใด เขามักจะช่วยเสมอ... แต่น่าเสียดายสุดที่รักคนนั้นไม่มีเขาอยู่ในใจ ฉู่ว่านยู "ออกไป หย่าเลย ผู้ชายมีแต่เป็นภาระของข้าเท่านั้น" เสี่ยวลี่จิงรู้สึกน้อยใจ "ไม่ได้ ข้าให้ครั้งแรกกับเจ้าแล้ว เจ้าต้องรับผิดชอบข้า"

รักนี้ไม่ยอมหย่า

รักนี้ไม่ยอมหย่า

Gabbie Viana
5.0

ทุกคนคิดว่าวิลเลียมไม่ได้แต่งงานกับรีนีด้วยความเต็มใจ โดยคิดว่าเมื่อรักแท้ของเขากลับมาและตั้งครรภ์ เขาจะทิ้งรีนีโดยไม่ลังเล น่าแปลกที่รีนีพูดตรงไปตรงมาเกี่ยวกับสถานการณ์นี้ "พูดตรงๆ นะ ฉันเป็นคนที่ขอหย่าทุกวัน ฉันรีบร้อนจะหย่ามากกว่าพวกคุณทุกคน" แต่สำหรับคนอื่น คำพูดของเธอดูเหมือนเป็นความพยายามที่ไร้ประโยชน์ในการหลอกลวงตัวเอง จนกระทั่งวันหนึ่ง วิลเลียมออกแถลงการณ์ "ไม่มีทางหย่า ใครก็ตามที่ปล่อยข่าวลือที่ไม่มีมูลความจริงจะต้องเผชิญกับผลทางกฎหมาย" รีนีสับสน คนบ้าคนนี้กำลังวางแผนจะทำอะไรกันแน่

สามี ข้าจะเลี้ยงดูท่านเอง

สามี ข้าจะเลี้ยงดูท่านเอง

จิ้งจอกสะท้านหม้อไฟ
5.0

หวังฉีหลิน อายุ 25 ปีสาวเจ้าหน้าที่การเกษตรและพ่วงมาด้วยเจ้าของสวนสมุนไพรรายใหญ่ เสียชีวิตกระทันหันหลังจากกลับมาจากท่องเที่ยวพักผ่อนและเธอได้เก็บเอาก้อนหินสีรุ้งมาจากพระราชวังโปตาลามาได้เพียงสามเดือน ด้วยอุบัติเหตุทางรถยนต์ หากตายไปแล้วก็ไม่เป็นไรเพราะเธอเองเติบโตมาอย่างโดดเดี่ยวในสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าจนกระทั่งมีอายุได้ 18ปี ถึงได้ออกไปใช้ชีวิตด้วยตัวเองตอนนี้เธอ ไม่มีอะไรให้ต้องห่วงแล้ว เพียงแต่เสียดายที่เธอยังไม่ได้ทำตามความฝันของตัวเองเลย เฮ้อ ชีวิตคนเรานั้นมันแสนสั้น อายุ25 แฟนไม่เคยมี สามียังอยากได้ ไหนจะลูกๆที่ฝันอยากจะมีอีก คงต้องหยุดความหวังและความฝันเอาไว้เท่านี้ เหนือสิ่งอื่นใด ตายแล้วตายเลยจะไม่ว่า แต่ดันตื่นขึ้นมาในร่างหญิงชาวนายากจน ชื่อหวังฉีหลินเช่นเดียวกับเธอพ่วงมาด้วยภาระชิ้นใหญ่ อย่างสามีที่ป่วยติดเตียงและลูกชายฝาแฝดทั้งสอง แถมยังมีภาระชิ้นใหญ่ม๊ากกกมาก กอไกล่ล้านตัวอย่างพ่อแม่สามีและน้องๆของสามี ที่โดนบ้านสายหลักกดขี่ข่มเหงรังแก เอารัดเอาเปรียบและบังคับแยกบ้านหลังจากที่สามีของนางได้รับบาดเจ็บสาหัส สาเหตุที่หวังฉีหลินต้องมาตายไปนั้นเพราะโดนลูกสะใภ้บ้านสายหลักผลักตกเขาระหว่างที่กำลังยื้อแย่งโสมคนที่หวังฉีหลินขุดมาได้

บท
อ่านเลย
ดาวน์โหลดหนังสือ