เพลิงสุมใจไฟสุมรัก

เพลิงสุมใจไฟสุมรัก

B.J.

5.0
ความคิดเห็น
79K
ชม
72
บท

นราวดีผวาสุดตัว เธอพยายามสะบัดแขนให้หลุดจากเชือกที่มัดเธอเอาไว้บนหัวเตียง เท้าของเธอโดนมัด และร่างของเธอเหลือเพียงบราเซียกับแพนตี้ติดกายเท่านั้น ร่างของเธอค่อยๆ สั่นและเธอรู้สึกถึงความปรารถนาที่ไม่เคยพานพบมาก่อน มันช่างรุนแรงและทรมานจนแทบจะขาดใจ เธอต้องการการปลดปล่อย เธออยากจะร้องไห้กับความทรมานนี้เหลือเกิน ร่างน้อยสัมผัสได้ถึงมือหนาอันแข็งกร้าวที่ลูบไล้ร่างกายของเธอ ความหวาดกลัวมาพร้อมกับความปรารถนาที่รุนแรงเกินจะหักห้ามใจ “อื้อ...” เธอครางเสียงสั่นจนสะท้าน รับรู้ได้ถึงรสสัมผัสแปลกใหม่ ริมฝีปากร้อนรุ่มของใครสักคนที่ค่อยๆ ช่วยปัดเป่าความทรมานให้เธออย่างลึกซึ้ง เธอบิดกายเร่าๆ ไปมาด้วยความเสียวซ่านเมื่อยอดถันถูกดูดดึงด้วยริมฝีปากร้อนๆ เสียงลมหายใจของเขาร้อนแรง เขากัดยอดถันของเธอจนเจ็บแปลบ เธอดิ้นเร่าๆ ถูกตามติดบดเบียดเรือนกายเข้ามาหา ในขณะที่มือของเธอถูกปลดปล่อยจากพันธนาการเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

บทที่ 1 1

บทนำ

ว้าย!!!

เอี๊ยด!!!

กรี๊ด!!!

โครม!!!

เสียงหวีดร้อง เสียงเบรกรถเบียดอัดกับถนน เกิดจากเสียงรถชนดังสนั่นไปทั่วบริเวณ นราวดี อภิวัชรโยธิน เด็กสาววัย 15 ปี นั่งตัวสั่นอยู่หน้าพวงมาลัยรถ ก่อนที่ไทยมุงจะเข้ามาดูเหตุการณ์ เจ้าหน้าที่ตำรวจ รถพยาบาล เสียงคนพูดกันอย่างแซ็งแซ่ผ่านเข้าประสาทหู ในขณะที่เด็กสาวได้แต่ช็อกกับเกตุการณ์ที่เกิดขึ้น เธอส่ายหน้าไปมาอย่างขวัญเสีย

‘ขับรถยังไง ชนคนท้องตายคาที่’

‘แบบนี้แหละ พวกลูกนักการเมืองใหญ่ พ่อมันก็โกง ลูกมันก็ใจดำ นี่แหละเขาว่าคนดีตายง่าย คนชั่วๆ เลวๆ ตายยาก’

‘นี่ก็คงรอดพ้นจากคดีอีกตามเคย พ่อมันเส้นใหญ่ ถ้าลูกคนอย่างพวกเราๆ มีหวังติดคุกหัวโต’

‘ขับรถเร็วใช่ไหมล่ะ วันก่อนพี่ชายมันซิ่งชนคนตายยังเอาเรื่องไม่ได้เลย’

‘อายุแค่นี้เป็นฆาตกรเสียแล้ว เวรกรรมจริงๆ ประเทศไทย มีแต่เด็กนรก ยิ่งพ่อแม่มันรวยยิ่งเลวทรามต่ำช้า หาดีไม่ได้เลยจริงๆ’

‘กฎหมายหรือจะสู้เงินได้ มันสองมาตรฐานเห็นๆ’

‘รอลงอาญาอีกล่ะสิ ลูกคนรวยก็แบบนี้แหละ กฎหมายไทยน่าจะจริงจังมากกว่านี้นะ’

ไทยมุงวิจารณ์กันไปต่างๆ นาๆ รู้กฎหมายบ้างไม่รู้กฎหมายบ้าง

นราวดีหน้าซีดตัวสั่นเมื่อได้ยินว่าผู้หญิงที่เธอขับรถชนเสียชีวิตตายคาที่ ลูกน้องของบิดาตามติดเธอไปยังโรงพยาบาลด้วยเพื่อให้ปากคำกับตำรวจก่อนจะพากลับ เพราะสถานที่เกิดเหตุเป็นหน้าบ้านของเธอเอง เธอสติหลุดพูดผิดๆ ถูกๆ แถมยังไม่เห็นหน้าคนเจ็บอีกเพราะเลือดท่วม หลังจากนั้นเธอก็เก็บตัวอยู่แต่บนห้องด้วยความกลัว

“แกนี่มันตัวซวยจริงๆ เลย ฉันกำลังจะลงเล่นการเมือง แกก็ทำงามหน้า ขับรถชนคนตาย” นนท์จิ้มหน้าผากบุตรสาวด้วยความโมโห นราวดีลนลานทำอะไรไม่ถูก หลังจากเกิดเรื่อง นนท์กับมาตาก็ต้องรับผิดชอบเต็มที่เพื่อไม่ให้เสียชื่อเสียงไปมากกว่านี้ แต่พ่อแม่ของสุวดีนั้นปฏิเสธการช่วยเหลือ แถมยังสาดน้ำไล่อีกเมื่อไปเคารพศพ ทำให้ต้องกลับกะทันหัน

“มันตายๆ ไปซะได้ก็ดีค่ะคุณ” มาตาพูดอย่างแค้นใจ เพราะคนที่บุตรสาวขับรถชนเป็นเมียน้อยของสามี ซึ่งเคยเป็นอดีตเลขา ตั้งท้องขึ้นมาก็เรียกร้องให้รับผิดชอบลูกในท้อง ผู้หญิงเดี๋ยวนี้หน้าด้านหน้าทนจริงๆ ชอบแย่งผัวชาวบ้าน

“นังลูกคนนี้นี่มันตัวซวย ทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียง”

“คุณพ่อคะ คุณแม่คะ แล้วครอบครัวผู้หญิงคนนั้นเป็นยังไงบ้างคะ” เด็กสาวเอ่ยถามบิดามารดา เธอนึกเศร้าใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แต่มันมีบางสิ่งบางอย่างที่เธอพูดไม่ได้ พูดออกไปก็ไม่ดี และคงไม่มีใครเชื่อ

“แกจะถามทำไม มันจะเป็นยังไงก็ช่างมันสิ” นนท์พูดด้วยความโมโห

“แต่หนูอยาก...”

“แกเลิกพูดมากแล้วทำตามคำสั่งของฉันก็พอ ไม่เห็นหรือไงว่ามันไม่รับความช่วยเหลือจากเรา”

นราวดีได้แต่รู้สึกผิด เธอนอนฝันร้ายทุกคืน ฝันว่าผู้หญิงคนนั้นยืนอุ้มลูกมาทวงความเป็นธรรม เธอปิดกั้นทุกอย่างไม่เคยดูข่าว ไม่รับรู้อะไร เพราะหวาดกลัว เนื่องจากอายุยังน้อย เธอไม่เห็นหรอกว่าผู้หญิงคนนั้นหน้าตาเป็นยังไง เห็นในความฝันว่าเธอยืนเลือดท่วมกายเพียงแค่นั้น เพราะตอนไปงานศพยังไม่ทันจะเข้าไปในงานก็โดนสาดน้ำไล่ออกมาเสียก่อน

นราวดีจึงไปทำบุญถวายสังฆทานกับแม่นมที่เลี้ยงดูกันมา อุทิศส่วนกุศลให้กับผู้หญิงคนนั้น เพราะไม่ได้ตั้งใจจะทำให้ใครต้องมาจบชีวิตลงแบบนี้ หลังจากวันนั้นเธอไม่เคยหัดขับรถอีกเลย นอกจากความรู้สึกผิดแล้ว มีบางสิ่งบางอย่างที่เก็บซ่อนเอาไว้ในใจ ปริปากบอกใครไม่ได้

คดีความนั้นเธอยอมรับผิดทุกอย่าง ตอนให้ปากคำก็มีทนายของบิดาไปด้วยตลอด พอขึ้นศาลทางพ่อแม่ผู้เสียหายก็ไม่รับความช่วยเหลือใดๆ แถมยังสาปแช่งเธออีก โชคดีที่เป็นช่วงปิดเทอม เธอจึงไม่ต้องออกไปพบเจอผู้คน ปิดกั้นข่าวสารทุกอย่างเอาไว้แค่เพียงในห้องเล็กๆ

“ฉันจะส่งแกไปอยู่โรงเรียนประจำ” นนท์พูดใส่หน้าลูกสาวคนเล็กที่เขาแสนจะรังเกียจ เพราะคดีของนราวดี รอลงอาญาสามปี บุตรสาวเป็นผู้เยาว์ ต้องบำเพ็ญประโยชน์ และห้ามก่อคดีแบบนี้อีก

ตั้งแต่เล็กจนโต นราวดีไม่เคยได้รับความรักจากบุพการี เธอมักอยู่กับแม่นมและสาวใช้ซึ่งคอยดูแลกันมาตลอด เธอทำอะไรก็ผิดหูผิดตาบิดามารดาไปเสียหมด มารดาอาจไม่เท่าไหร่ แต่บิดานั้นเรียกว่าจงเกลียดจงชังเธอเหลือเกิน เธอเองก็ไม่รู้ว่าสาเหตุอันใดจึงเป็นเช่นนั้น

นราวดีถูกส่งไปอยู่โรงเรียนประจำ ในช่วงมัธยมปลาย หลังจากนั้นท่านก็ส่งเธอไปอยู่กับป้าเพื่อเรียนต่อที่ต่างประเทศ ฝันร้ายยังตามหลอกหลอน เธออยากกลับบ้านเกิดเมืองนอน ป้าของเธอมีสามีหลายคน ใช้ชีวิตหรูหรา และไม่เคยคิดว่าเธอคือหลานสาว นราวดีจึงกลายเป็นคนรับใช้ในคฤหาสน์หลังงามไปโดยปริยาย เธอไม่รู้ว่าทำไมทุกคนถึงไม่ชอบเธอกันนัก แต่อย่างน้อยเธอก็ยังมีหวัง หลังจากเรียนจบ จะได้กลับประเทศไทย ข่าวคราวของครอบครัวผู้เสียชีวิต ที่เธอขับรถชนตายก็เงียบหายไป เหมือนกาลเวลาจะทำให้ทุกสิ่งทุกอย่างถูกลืมเลือน แต่มันไม่ได้ทำให้เธอลืมไปได้เลย...

นราวดีคิดว่าบิดาคงหายโกรธเธอ เธอจะกลับมาเซอร์ไพร้ส์ท่าน จึงเดินทางกลับมาโดยไม่ได้แจ้งให้ใครรับรู้ เธอไม่สนิทกับพี่ชายและพี่สาว เพราะตั้งแต่เล็กจนโต บิดานั้นรักใคร่พี่ๆ ของเธอ แต่กับเธอนั้นท่านกลับเกลียดชังและแสดงออกถึงความห่างเหิน เธอเห็นบิดามารดากอดพี่ๆ ก็นึกน้อยใจ ในขณะที่เธอกลับนั่งอยู่บนตักของคนรับใช้เก่าแก่ เหมือนไม่ใช่ลูกของท่านอีกคน

นราวดี หญิงสาววัย 23 ปี เธอขึ้นรถแท็กซี่อย่างมีความหวัง หลังจากถึงสนามบินอย่างปลอดภัย บางทีการกลับมาถึงบ้าน บิดามารดาอาจจะคิดถึงกอดรัดเธอเหมือนกอดรัดพี่ๆ ของเธอบ้าง อาการง่วงนอนที่เกิดขึ้น ทำให้เธอเผลอหลับไปตั้งแต่ตอนไหนไม่รู้ ตื่นขึ้นมาอีกครั้งเธอพบแต่ความมืด และนอนอยู่ที่ไหนสักแห่ง พอขยับกายกลับพบว่าเธอโดนมัดเอาไว้

นราวดีผวาสุดตัว เธอพยายามสะบัดแขนให้หลุดจากเชือกที่มัดเธอเอาไว้บนหัวเตียง เท้าของเธอโดนมัด และร่างของเธอเหลือเพียงบราเซียกับแพนตี้ติดกายเท่านั้น

ร่างของเธอค่อยๆ สั่นและเธอรู้สึกถึงความปรารถนาที่ไม่เคยพานพบมาก่อน มันช่างรุนแรงและทรมานจนแทบจะขาดใจ เธอต้องการการปลดปล่อย เธออยากจะร้องไห้กับความทรมานนี้เหลือเกิน

ร่างน้อยสัมผัสได้ถึงมือหนาอันแข็งกร้าวที่ลูบไล้ร่างกายของเธอ ความหวาดกลัวมาพร้อมกับความปรารถนาที่รุนแรงเกินจะหักห้ามใจ

“อื้อ...” เธอครางเสียงสั่นจนสะท้าน รับรู้ได้ถึงรสสัมผัสแปลกใหม่ ริมฝีปากร้อนรุ่มของใครสักคนที่ค่อยๆ ช่วยปัดเป่าความทรมานให้เธออย่างลึกซึ้ง เธอบิดกายเร่าๆ ไปมาด้วยความเสียวซ่านเมื่อยอดถันถูกดูดดึงด้วยริมฝีปากร้อนๆ เสียงลมหายใจของเขาร้อนแรง เขากัดยอดถันของเธอจนเจ็บแปลบ เธอดิ้นเร่าๆ ถูกตามติดบดเบียดเรือนกายเข้ามาหา ในขณะที่มือของเธอถูกปลดปล่อยจากพันธนาการเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

“อ๊ะ! เจ็บ ถอยออกไปก่อน ไม่เอา” นราวดีตัวแข็งค้าง เธอดันหน้าท้องแกร่งของอีกฝ่ายออกห่าง แต่เขาตามมาประชิดกดเธอแทบจมเตียง เธอหวีดร้องด้วยความทรมาน เจ็บแปลบและเสียวซ่าน ส่ายหน้าไปมาด้วยความรู้สึกสับสนไปหมด

ร่างสูงของใครสักคนกดแทรกตัวเข้ามาจนล้ำลึกมิดเม้น ผ่านปราการพรหมจรรย์จนขาดสะบั้น เธอหวีดร้องอีกครั้งผวากอดรัดเขาทั้งแขนขาด้วยความเจ็บเสียว ม่านน้ำตารินไหลในขณะที่เขาเริ่มขยับ

เธอรู้สึกว่าทุกอย่างรอบกายดูพลิกคว่ำพลิกหงายไปหมด และสุดท้ายความเสียวซ่านก็เข้ามาแทนที่อารมณ์ทุกสิ่งทุกอย่างที่ก่อตัวขึ้นจนหัวหมุนไปหมด

อ่านต่อ

หนังสืออื่นๆ ของ B.J.

ข้อมูลเพิ่มเติม
หวานใจเฮียเจ้า

หวานใจเฮียเจ้า

โรแมนติก

5.0

โปรย หวานใจเฮียเจ้า ปิ่นเพชรยืนมองประตูห้องน้ำอย่างลังเล เขากำลังอาบน้ำเช่นนี้ เธอควรจะเข้าไปดูแลเขาไหมนะ เขาไม่เคยเรียกร้อง ทำให้เธอรู้สึกอึดอัด ถ้าเขาจะทำอะไรก็ควรทำสักที เธอมาอยู่กับเขาเพื่อสิ่งนี้ไม่ใช่หรือ ตัดสินใจได้ดังนั้น ปิ่นเพชรก็ทะลึ่งพรวดพราดเข้าไปในห้องน้ำของเขาในทันที เจ้าทัพตกใจเมื่อจู่ ๆ เธอก็โผเข้ามากอดเขาเอาไว้ทั้งตัว ในขณะที่เขาเองก็กำลังเปลือยเปล่าอยู่ “มีอะไร” เขาเอ่ยถามเหมือนเพิ่งหาเสียงเจอ ไม่คิดว่าเธอจะโผล่พรวดเข้ามาแบบนี้ “คือปิ่นจะมาช่วยอาบน้ำให้คุณน่ะค่ะ” คนบอกว่าจะมาช่วยอาบน้ำกอดเขาเอาไว้แน่น ไม่กล้าผละออกห่างหรือเงยหน้ามองเขาเพราะอาย “จะมาช่วยอาบน้ำให้ผม แต่กอดผมเอาไว้ซะแน่นแบบนี้จะอาบได้ยังไงกันครรับ” เขาเอ่ยเสียงนุ่ม พลางกลั้นยิ้มเอาไว้ “ก็คุณโป๊อยู่” “มาช่วยผมอาบน้ำก็ต้องรู้สิครับว่าผมโป๊” “เอ่อ...” เธออึกอัก เขาจึงค่อย ๆ ดันเธอออกห่าง ก่อนจะมองหน้าเธอไม่วาง เจ้าทัพทาบริมฝีปากลงไปหาริมฝีปากน้อยสั่นระริกของเธอ เธอเกร็งตัวหลับตาแน่น จิกมือเข้าที่บ่าของเขา ท่าทีของเธอบอกว่ากำลังหวาดกลัว และไม่พร้อม ทำให้เขาต้องละริมฝีปากออกห่าง เมื่อเขาจูบลงไปแต่เธอกลับปิดปากแน่น “คุณไม่ต้องฝืนใจตัวเองหรอกนะ ผมไม่บังคับคุณจนกว่าคุณจะเต็มใจ” ประโยคของเขาทำให้เธอชะงักและอึ้งไป

หวานใจเฮียเจตน์

หวานใจเฮียเจตน์

โรแมนติก

5.0

“เดี๋ยวพลอยไปเอาเสื้อผ้ามาให้พี่แล้วกันค่ะ” เขาทำท่าจะตามมา เธอเลยรีบปรามเอาไว้ “พี่ไปเปลี่ยนเสื้อผ้าในห้องพลอยดีกว่า ยืนรอตรงนี้มันหนาว” “ไม่ได้ค่ะ” “กลัวพี่เหรอ” “กลัวค่ะ” เธอตอบตามตรง จะไปอวดดีว่าไม่กลัวเขา เดี๋ยวก็เจอดีเข้าหรอก “พี่ไม่ทำอะไรหรอก ถ้าพลอยไม่ยอม” “แน่ใช่ไหม” เธอพูดอย่างไม่ไว้ใจ “แน่ครับ” เขาเอานิ้วไปเกี่ยวไว้ทางด้านหลัง ก่อนจะฉีกยิ้มให้เธออย่างบริสุทธิ์ใจ “พลอยไม่ไว้ใจพี่เจตน์หรอกค่ะ พี่น่ะเสือผู้หญิง รออยู่นี่แหละค่ะ พลอยจะไปเอาเสื้อผ้ามาให้” เธอรีบตัดบท ไม่ยอมใจอ่อนง่าย ๆ พลอยไพลินเปิดตู้เสื้อผ้าและหยิบชุดให้เขา พอหันมาก็ต้องสะดุ้ง “อุ๊ย! พี่เจตน์เข้ามาตอนไหนคะ พลอยบอกว่าให้รออยู่ข้างนอกไง” “ห้องน้องพลอยเรียบร้อยจังเลยครับ หอมด้วย” เขาได้กลิ่นหอมอ่อน ๆ จากห้องนอนของเธอ “ชุดพี่เจตน์ค่ะ” เธอยื่นให้เขา เขาก็รับมาถือเอาไว้ “ชุดน้องพลอยหอมจังเลยครับ” เจตน์ยกขึ้นมาดม ก่อนจะยิ้มหวานให้เธอ “เวลาพี่เจตน์จีบผู้หญิงก็ใช้มุขนี้เหรอคะ” “พี่ไม่เคยจีบผู้หญิง” “จะบอกว่าผู้หญิงวิ่งเข้าหาพี่เองเหรอคะ” “น้องพลอยเห็นยังไงก็อย่างนั้นแหละ” “...” เธอเงียบไม่ได้ตอบโต้ “หึงพี่เหรอ” เขาเดินเข้าหา ก่อนจะใช้มือดันไปที่ตู้เสื้อผ้า ทำให้เธอตกอยู่ในอ้อมแขนของเขา “ใครจะไปหึงพี่กันล่ะคะ” “น้องพลอยก็เปียกไปหมดแล้ว เปลี่ยนชุดพร้อมพี่ไหม” “อุ๊ย! อย่ามาลามกกับพลอยนะคะ” เธอยกขึ้นกอดอกเมื่อเขาหลุบสายตามองต่ำลง “ยังไม่ตอบเลยว่าหึงพี่เหรอ” เขาขยับเข้าไปใกล้ พลางกระซิบถามตรงริมหู ลมหายใจร้อนแรงของเขาเป่ารดอยู่ตรงพวงแก้มหอมกรุ่น “ไม่ได้หึงค่ะ” เธอตอบเขาออกไป ท้องไส้ปั่นป่วนไปหมด การใกล้ชิดกับผู้ชายที่เต็มไปด้วยเสน่ห์เหลือร้ายแบบเขา ทำให้เธอใจสั่น พยายามจะอยู่ให้ไกลจากเขา เพราะรู้ว่าหัวใจตัวเองคงทานทนไม่ไหว แต่ก็เผลอเปิดโอกาสให้เขาเข้ามาในชีวิตอยู่ร่ำไป “อย่าค่ะ” เธอดันใบหน้าของเขาออกห่าง เมื่อเขาทำท่าจะก้มลงมาประทับริมฝีปากกับกลีบปากหวานฉ่ำของเธอ

หนังสือที่คุณอาจชอบ

รัชทายาทไร้ใจ กับ นางในแสนงาม ชุด ทัณฑ์ทราย

รัชทายาทไร้ใจ กับ นางในแสนงาม ชุด ทัณฑ์ทราย

เนื้อนวล
5.0

จะดีแค่ไหน หากหล่อนได้ตื่นขึ้นมาในอ้อมแขนของเขาทุกเช้า... ตั้งแต่จำความได้ ชมพูนุชก็หายใจเป็นชื่อของเขาเรื่อยมา องค์รัชทายาทรูปงามแห่งซาเรีย เขาคือความสุขเดียวในชีวิตของหล่อน แต่ความสุขนั้นกลับไม่จีรังดั่งใจหวัง เมื่อหญิงเดียวในดวงใจของเขาหนีหน้าหายไปพร้อมกับพี่ชายของหล่อน ความผิดบาปทุกอย่างจึงถูกขว้างใส่หน้า เขาเรียกร้องให้ครอบครัวของหล่อนรับผิดชอบกับสิ่งที่เกิดขึ้น พร้อมกับตราหน้าผู้หญิงที่เฝ้าภักดีกับเขาอย่างหล่อนว่า ‘นังแพศยา’ “หน้าที่หนึ่งเดียวสำหรับเธอ บนเตียงของฉันก็คือ... นางบำเรอ” องค์รัชทายาทรูปงามหยิบกางเกงขึ้นมาสวมใส่ นัยน์ตาสีทองตวัดจ้องมองมายังร่างเปลือยเปล่าบอบช้ำของหล่อนอย่างดูแคลน “จำเอาไว้ ถ้าฉันเรียก เธอก็ต้องมา ถ้ามาช้า ฉันจะสั่งโบยพ่อ หรือไม่ก็ แม่ของเธอ” “อย่านะเพคะ...” ริมฝีปากหยักสวยคลี่ยิ้มหยัน “ถ้าไม่อยากให้เป็นเช่นนั้น เธอควรจะรู้หน้าที่ของตนเอง...” มือใหญ่ตบลงบนเตียงนอนนุ่ม ราวกับต้องการย้ำเตือนหน้าที่อันทรงเกียรติของหญิงสาว

บุตรเช่นข้า หาได้ต้องการบิดาเช่นท่าน

บุตรเช่นข้า หาได้ต้องการบิดาเช่นท่าน

จิ้งจอกสะท้านหม้อไฟ
5.0

หลินตงหยาง อายุ 27 ปี เติบโตมากับแม่เพียงสองคน ในวัยเด็กหลินตงหยางเคยมีพ่อผู้ให้กำเนิดแต่หลังจากที่พ่อได้งานใหม่ในเมืองหลวงพ่อที่เคยมีก็ไม่มีอีกแล้ว พ่อกลับมาหย่าขาดกับแม่ทันทีที่ไปทำงานในเมืองหลวงได้เพียง 2 เดือน ด้วยให้เหตุผลในการหย่าว่า แม่กับและเขาคือตัวถ่วงความเจริญในชีวิตพ่อ สาเหตุก็ไม่มีอะไรมากแค่พ่อหน้าตาหล่อเหลาและเป็นที่ถูกใจของลูกสาวหัวหน้างาน เพื่อตำแหน่งงานและความเป็นอยู่ที่สบายขึ้น พ่อเลือกที่จะทิ้งภรรยาคู่ทุกข์คู่ยากที่ผ่านเรื่องยากลำบากมาด้วยกัน หย่าขาดกับภรรยาเพื่อไปแต่งงานใหม่ มีชีวิตใหม่ในเมืองหลวง โดยทิ้งคนข้างหลัง ทิ้งภรรยาที่เคยสาบานว่าจะอยู่ครองคู่กันตลอดไป ในปีที่เขาเรียนจบมหาวิทยาลัย แม่ก็ล้มป่วยและจากเขาไปในที่สุด สาเหตุที่หลินตงหยางเสียชีวิต เพราะทำงานหนัก อาชีพโปรแกรมเมอร์ตัวเล็กๆ อย่างเขา ต้องพยายามทำงานให้ได้ตามที่หัวหน้าสั่งมา ในที่สุดเขาก็พัฒนาเกมกำลังภายในของบริษัทได้สำเร็จ หลินตงหยางนอนหลับไปด้วยความสบายใจ แต่ทว่าพอเขาลืมตาตื่นขึ้นมาอีกที นี่ไม่ใช่คอนโดหรูย่านใจกลางเมืองปักกิ่ง หลังคามุงหญ้านี่คืออะไร มันควรจะเป็นเพดานสีขาวสิ เมื่อมองไปรอบๆ ห้องนี่คืออะไร นี่มันไม่ใช่ผนังที่ทำมาจากคอนกรีต มันคือดินเหนียว หลินตงหยางคิดว่าตัวเองฝันไป เขาหลับตาลงอีกครั้งแล้วลืมตาขึ้น ทุกอย่างยังเหมือนเดิม มารดามันเถอะ เขามาอยู่ที่นี่ได้ยังไง หลังจากแน่ใจแล้วว่าไมไ่ด้ฝัน ตอนนั้นเองเขารู้สึกปวดหัวขึ้นมาอย่างรุนแรง และในหัวของเขามีภาพเหตุการณ์ของเด็กชายที่ชื่อเดียวกับเขา หลินตงหยาง อายุ 10 ขวบ เรื่องราวชีวิตตั้งแต่เกิดจนตายไปของเด็กชาย ทำเอาหลินตงหยางกำมือแน่น ก่อนจะสบถออกมา “พ่อสารเลว เฉินซื่อเหม่ยชัดๆ” และตามมาด้วยเสียงร้องไห้ของน้องสาว สาเหตุที่เด็กชายหลินตงหยางเสียชีวิต เพราะถูกผู้ที่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นย่าแย่งผักป่าและทุบตี ทั้งๆ ที่คนพวกนั้นได้ตัดขาดพับพวกเขาสามแม่ลูกแล้ว แต่ยังมิวายข่มเหงรังแก

ซูเจิน นายหญิงแห่งพฤกษา

ซูเจิน นายหญิงแห่งพฤกษา

l3oonm@
5.0

“ท่านผู้อำนวยการคะ ทางทีมสำรวจแจ้งว่าคนไม่เพียงพอที่จะเข้าไปเก็บตัวอย่างพันธุ์พืชในป่าเมืองเหอหนานค่ะ” ซูเจิน ที่ได้ยินก็หูผึ่งทันที เธอนั่งทำการอยู่ในห้องวิจัยตั้งแต่เรียนจบ ถึงตอนนี้ก็สี่ปีได้แล้ว ผู้อำนวยที่เข้ามาตรวจงานวิจัยล่าสุด ก็มองไปรอบห้อง เพื่อดูว่ามีใครต้องการเสนอตัวไปทำงานในครั้งนี้หรือไม่ แต่หลายคนที่เขามองไป ต่างหลบสายตาของเขา จะมีใครอยากออกไปเสี่ยงอันตราย เดินป่าขึ้นเขาให้เหนื่อยสู้นั่งทำงานในห้องปรับอากาศเย็นๆ ดีกว่า เมื่อไม่มีใครคิดจะเสนอตัว เขาจึงได้สอบถามหาผู้ที่สมัครใจทันที “มีใครอยากจะอาสาไปไหม” ไว้กว่าความคิด ซูเจินยกมือขึ้น “ฉันค่ะ” เพื่อนสนิทรีบดึงเสื้อของเธอเพื่อจะห้ามปราม “จะบ้าหรอ เธอไม่เคยไปสักครั้ง ไม่รู้หรือว่างานนี้เสี่ยงแค่ไหน” เสียงกระซิบของเสี่ยวชิง เอ่ยลอดไรฟันออกมา เมื่อปีที่แล้ว ที่ทีมสำรวจเดินทางเข้าไปที่ป่าเหอหนาน พื้นป่าที่ไม่อาจสำรวจได้อย่างทั่วถึง สร้างความท้าทายให้เหล่านักพฤกษศาสตร์จากทุกองค์กร แต่ไม่ว่าจะส่งเข้าไปกี่ครั้งก็ไปไม่ถึงป่าชั้นกลางเสียที แม้จะใช้เทคโนโลยีที่ล้ำหน้าเข้าช่วยเพียงได้ ก็สำรวจได้เพียงป่าชั้นนอก แถมยังพาชีวิตคนไปทิ้งอีกนับไม่ถ้วน ปีนี้ทางองค์กรของซูเจิน หยิบโครงการสำรวจป่าเหอหนานขึ้นมาใหม่ แต่กว่าจะหาทีมสำรวจได้ครบคนก็กินเวลาไปหลายเดือน ถึงตอนนี้คนก็ยังไม่พอจนต้องมาถามหาจากทีมวิจัยให้ช่วยเหลือ “คุณอยากไปจริงหรือ” เขาเอ่ยถามเพื่อความแน่ใจอีกครั้ง “ค่ะ ฉันอยากลองทำงานนี้” ซูเจินยิ้มออกมา “ได้ อีกสองวัน คุณก็เตรียมตัวให้พร้อม” เมื่อมีคนเสนอตัวแล้ว ผู้อำนวยการก็ออกไปพบทีมสำรวจ เพื่อวางแผนการทำงาน ทั้งยังให้ซูเจินตามเขาไปเข้ารวมการประชุมในครั้งนี้ด้วย “เธอมันบ้าไปแล้ว” เพื่อร่วมงานต่างเดินเข้ามาหาซูเจิน แล้วตำหนิเธอที่กล้ายกมือเสนอตัว “เอาน่า ไว้กลับมาฉันจะเอาเรื่องสนุกมาเล่าให้พวกเธอฟัง” ซูเจินยิ้มหวานออกมา ก่อนที่จะเก็บของแล้วไปเข้าร่วมประชุมกับทีมสำรวจ สองวันต่อมาซูเจินก็แบกกระเป๋าเดินทางมาที่จุดนัดพบ เธอออกเดินทางด้วยรถตู้ขององค์กร พร้อมทีมสำรวจอีกเกือบยี่สิบชีวิต ยังดีที่เธอได้แบกกระเป๋าเพียงใบเดียว หากต้องแบกเต็นท์นอน อาหารด้วย คงได้เป็นภาระของคนอื่นอย่างแน่นอน ภายในป่าเหอหนาน น่ากลัวว่าที่ซูเจินคิดไว้เยอะ พอตะวันตกดิน หากไม่มีแสงไฟที่ทีมสำรวจนำมาด้วยคงจะมืดจนมองไม่เห็นอะไร เสียงแมลงทั้งสัตว์ป่าร้องตลอดทั้งคืน สร้างความหวาดกลัวให้กับคนที่ไม่เคยเข้าป่าสักครั้งอย่างเธอได้อย่างดี ยังดีที่เจ้าหน้าที่ผู้นำทางติดตามมาด้วยอีกหลายคน พวกเขาจึงได้อยู่ผลัดเปลี่ยนเวรยาม เพื่อป้องกันไม่ให้สัตว์ป่าเข้ามาถึงตัวพวกเขา หลายวันที่อยู่ในป่า ซูเจินเก็บตัวอย่างพันธุ์ได้หลายชนิด แต่ทั้งทีม ยังเดินไม่หลุดป่าชั้นนอกเลย ยังดีที่อาหารที่เตรียมมาเพียงพอให้พวกเขาอยู่ไปได้อีกหลายวัน “เอ๊ะ” เข้าวันที่เจ็ดของการสำรวจป่า ซูเจิน เห็นดอกไม้แปลกตา ที่ขึ้นอยู่ท่ามกลางพงหญ้ารก เธอจึงเดินห่างจากกลุ่มทีมสำรวจเข้าไปดูทันที เพราะไม่คิดว่าจะเกิดเรื่องอะไรได้ ระยะห่างที่อยู่ไกลจากพวกเขา หากร้องเรียกก็ยังได้ยินอยู่ เธอหยิบกล้องถ่ายรูปขึ้นมา พร้อมทั้งจดรายละเอียดก่อนที่จะดึงต้นไม้เก็บเข้าถุงเก็บตัวอย่างที่เตรียมมา แต่เมื่อมือของซูเจินสัมผัสไปที่ดอกไม้ เธอก็ต้องตกตะลึง เหมือนมีกระแสไฟวิ่งผ่านปลายนิ้วไปจนทั่วทั้งตัว “โอ๊ยย” เสียงร้องอย่างเจ็บปวดของซูเจิน เรียกความสนใจให้คนทั้งหมดรีบวิ่งมาทางที่เธออยู่ ซูเจินเห็นเพียงแสงสีขาวที่สว่างวาบไปทั่ว แล้วภาพตรงหน้าของเธอก็ดำมืดลง

สุดที่รักของจักรพรรดิ

สุดที่รักของจักรพรรดิ

Berne Beer
4.9

หลังจากดูแลสามีมาเป็นเวลาสามปี เมื่อเห็นสามีสอบติดขุนนาง เฉียวชูเยว่ก็นึกว่าชีวิตดีๆ จะมาแล้ว แต่กลับไม่รู้ว่าสามีเป็นคนโลภ และเจ้าชู้ เพื่อจัดการปัญหาให้สามี เฉียวชูเยว่เสียตัวให้กับจักรพรรดิโหดร้ายโดยไม่ได้ตั้งใจ เพื่อชีวิตและอนาคตของสามี นางได้แต่อดทนเอาไว้ จากนั้น สามีของนางก็ได้รับการยกย่องจากจักรพรรดิ และถูกเลื่อนตำแหน่งเรื่อยๆ เมื่อสามีของนางกำลังเพลิดเพลินอำนาจและสาวสวยนั้น นางกำลังรับใช้กับจักรพรรดิอย่าง้อยใจ แต่ไม่คาดคิดว่าความพยายามของนางได้แลกกับใบหย่าจากสามี ในวันแต่งงานของสามี นางถูกฆาตกรไล่ตามและตกลงไปในโคลน เมื่อนางหมดหวังนั้น จักรพรรดิก็มายืนอยู่ตรงหน้านาง "มาเป็นคนของข้าสิ และจะไม่มีใครกล้ารังแกเจ้าอีก!"

บท
อ่านเลย
ดาวน์โหลดหนังสือ