อะไรนะ! เจ้าอยากเป็นเซียนอย่างงั้นเหรอ!?

อะไรนะ! เจ้าอยากเป็นเซียนอย่างงั้นเหรอ!?

เจ้าอ้วนน้อยที่9

4.7
ความคิดเห็น
30.7K
ชม
68
บท

"ข้าแค่อยากเป็นเซียน...ข้าทำผิดอะไร!? ทำไมพวกเจ้าต้องขัดขวางข้า!!!? น้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความเดือดดาลคำรามกู่ก้องไปทั่วทุกชั้นฟ้า...บุรุษผู้เต็มไปด้วยจิตสังหารกำลังแหงนมองไปยังเงาทั้ง 9

บทที่ 1 ตอนที่ 1 หวังจื่อหมิง

"ข้าแค่อยากเป็นเซียน...ข้าทำผิดอะไร!? ทำไมพวกเจ้าต้องขัดขวางข้า!!!?" น้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความเดือดดาลคำรามกู่ก้องสะเทือนขวัญไปทั่วทุกชั้นฟ้า...บุรุษผู้เต็มไปด้วยจิตสังหารกำลังแหงนมองไปยังเงาร่างทั้ง 9 ที่ยืนอยู่บนวิหารลอยฟ้าขนาดมหึมา...

"เพราะว่าดินแดนแห่งนี้ไม่ต้องการเซียนที่แท้จริงยังไงล่ะ เพราะฉะนั้นจงละทิ้งความต้องการของเจ้าเสีย...หรือไม่ก็ตายซะ!!"หนึ่งในเงาทั้ง 9 ตนนึงกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา "ชนชั้นต่ำปราถนาจะเป็นเซียนแท้อย่างนั้นหรือ ช่างไม่เจียมกะลาหัว"เงาอีกตนกล่าวด้วยน้ำเย้ยหยัน

"คิดว่าข้าจะกลัวพวกเจ้าทั้ง 9 อย่างนั้นหรือ มา!! มาสู้กันให้ตายไปข้างนึง!!!!" บุรุษหนุ่มไม่พูดพร่ำทำเพลงให้เสียเวลาเขาปลดปล่อยพลังทั้งหมดที่มีพุ่งขึ้นไปประหัตประหารกับร่างเงาทั้ง 9 อย่างดุดัน การศึกระหว่างผู้แข็งแกร่งที่สุดในดินแดนแห่งทวยเทพทั้ง 10 คนได้เริ่มต้นขึ้น จุดจบของศึกนี้มีเพียงความตายของฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเท่านั้น...

เนิ่นนานหลายปีก่อน ณ หมู่บ้านกลางป่ากลางเขาแห่งหนึ่ง กลุ่มเด็กๆหลายสิบคนกำลังวิ่งไล่จับกันอย่างสนุกสนาน แต่ไม่นานความสนุกก็ได้จบลงเพราะเด็กๆทุกคนล้วนถูกเด็กที่รับบทเป็นยักษ์จับได้ทั้งหมด

"เจ้าอ้วนจือหมิง!! มาเร็ว! มาเล่นไล่จับด้วยกัน" เด็กหญิงตัวน้อยอายุราว7-8ขวบปีตะโกนเรียกเด็กชายในวัยไล่เลี่ยกันที่นั่งหลบแดดอยู่ใต้เงาของร่มไม้ "เสี่ยวถัง เจ้าจะไปเรียกเจ้าอ้วนนั้นมาเล่นด้วยทำไมกัน เจ้าก็รู้ว่าเวลามันมาเล่นด้วยกันกับพวกเราทีไรก็หมดสนุกทุกที" เด็กชายวัย10ขวบในกลุ่มคนนึงถามขึ้นด้วยอารมณ์เหนื่อยหน่าย ส่วนเด็กหญิงเด็กชายที่เหลือล้วนพยักหน้าเห็นด้วยกับคำถามของเด็กชาย "ทำไมล่ะเอ้อร์ซาน จือหมิงเขาก็เป็นเพื่ิอนของพวกเรานะ"เด็กหญิงเสี่ยวถังถามด้วยความสงสัย

ในขณะที่เด็กๆในกลุ่มกำลังพูดคุยกัน เจ้าอ้วนจือหมิงที่พึ่งถูกเด็กหญิงเสี่ยวถังเรียกก็วิ่งเข้ามาหากลุ่มเด็กๆด้วยความว่องไวที่ดูขัดกับรูปร่างอันอวบอั๋นแสนน่ารักน่าชังของเขายิ่งนัก เมื่อมาถึงที่ที่กลุ่มเด็กๆยืนคุยกันอยู่เจ้าอ้วนจือหมิงก็กล่าวถามขึ้นด้วยความดีใจ"ข้าสามารถเล่นไล่จับกับพวกเจ้าได้เหรอ" เด็กคนอื่นๆในกลุ่มล้วนมองหน้ากันและกันแต่ไม่ได้ตอบอะไรกลับไปเพราะหัวหน้ากลุ่มอย่างเอ้อร์ซานยังไม่ได้อนุญาติ ส่วนเด็กหญิงเสี่ยวถังก็ยังคงถามแกมรบเร้าเอ้อร์ซานอยู่เนืองๆ ในที่สุดเอ้อร์ซานก็ต้องยอมแพ้ให้กับการรบเร้าของเด็กหญิงเสี่ยวถัง

เอ้อร์ซานจึงหันมาพูดกับจือหมิง"พวกข้าให้เจ้าเล่นด้วยก็ได้ แต่เจ้าต้องเล่นเป็นยักษ์ตลอดนะ ไม่อย่างนั้นก็อดเล่น" เมื่อจือหมิงได้ยินเช่นนั้นก็ดีใจมากจนกระโดดโลดเต้นไปมารีบตกลงยอมรับข้อเสนอของเอ้อร์ซานทันที ส่วนเด็กหญิงเสี่ยวถังก็ปรบมือชอบใจกับท่าทางตลกที่จื่อหมิงกำลังทำอยู่ ส่วนเด็กคนอื่นบ้างโล่งใจที่ไม่ต้องเล่นเป็นยักษ์บ้างก็หัวเราะชอบใจกับท่าทางของจื่อหมิง หลังจากนั้นเด็กๆทั้งหลายก็เล่นไล่จับกันทั้งวันโดยมีจื่อหมิงรับบทเป็นยักษ์ตลอดทั้งวันถึงแม้แต่ละรอบจะจบเร็วขึ้นกว่าปกติเกือบเท่าตัวก็เถอะ

เมื่อถึงยามเย็น เด็กๆต่างแยกย้ายกันกลับบ้าน ส่วนจือหมิงและเสี่ยวถังที่บ้านอยู่ใกล้กันก็เดินกลับบ้านด้วยกันเหมือนอย่างทุกๆวัน เมื่อมาถึงหน้าบ้านของเสี่ยวถัง จือหมิงก็ตะโกนเข้าไปในบ้านของเสี่ยวถัง"ท่านป้าเซียวขอรับ ข้าพาเสี่ยวถังมาส่งแล้วนะขอรับ"เมื่อตะโกนเรียกแม่ของเสี่ยวถังแล้ว จือหมิงก็หันมากล่าวคำลากับเสี่ยวถังแล้วรีบวิ่งกลับบ้านที่อยู่ห่างออกไปประมาณ 20 จั้งทันที

เมื่อจือหมิงกลับมาถึงบ้านเขาก็รีบวิ่งเข้าไปในครัวทันที ภายในครัวสตรีวัยกลางคนผู้นึงและหญิงสาววัยแรกแย้มนางนึงกำลังง่วนอยู่กับการทำอาหารเย็น "ท่านแม่ ท่านพี่ ข้ากลับมาแล้ว วันนี้ทุกคนยอมให้ข้าเล่นด้วยล่ะ แล้วก็....""กลับมาแล้วก็ไปอาบน้ำเดี๊ยวนี้เลยนะเสี่ยวจิ่ว ข้ากับท่านแม่กำลังเตรียมอาหารเย็นอยู่อย่าพึ่งเข้ามาวุ่นวาย"หญิงสาวแหวใส่จื่อหมิงที่กำลังจะเล่าวีรกรรมของวันนี้ให้ผู้เป็นมารดาได้ฟัง สีหน้าจื่อหมิงหน้าเจื่อนลงในทันที แต่เขาก็ยอมไปอาบน้ำตามที่หญิงสาวสั่งทันที สตรีวัยกลางคนผู้เป็นมารดาของทั้งสองหันไปมองจื่อหมิงแล้วยิ้มน้อยๆแล้วเอ่ยสัพหยอกกับลูกสาวของตน"อย่าได้ดุร้ายเกินไปนักเดี้ยวหนุ่มๆที่มาตามจีบเจ้าจะหนีหายกันหมด" หญิงสาวเมื่อได้ฟังที่มารดากล่าวก็เขินอายหน้าแดงยันใบหู"โธ่ ท่านแม่ ท่านอย่าได้เอาแต่เข้าข้างเจ้าเด็กแสบคนนั้นเชียว"ในขณะที่หญิงสาวทั้งกับพูดคุณหยอกล้อกัน เสียงเอะอะของชายสองก็ดังมาจากนอกตัวตัวบ้าน "ฮ่าๆๆ เมียข้า ข้ากลับมาแล้ว"ชายวัยกลางคนร่างยักษ์เอ่ยด้วยน้ำเสียงและสีหน้ามีความสุข "ท่านแม่ ดูนี่สิขอรับวันนี้นอกจากจะตัดฝืนได้ตามยอดที่ต้องการแล้วข้ายังล่ากวางตาทองได้อีกตัวนึงแน่ะขอรับ"ชายหนุ่มวัยใกล้ 20 หน้าตาใสซื่อแต่ร่างกายบึกบึนที่กำลังแบกกวางกล่าวพร้อมกับรอยยิ้มแสนซื่อ

"โห พี่ใหญ่เก่งกาจยิ่งนัก ล่ากวางตาทองที่ถือว่าเป็นสัตว์ประหลาดกลายพันธุ์ ได้ด้วย"หญิงสาวกล่าวชมพี่ชายของตนด้วยความตกตะลึง "ที่รัก เจ้าเจ็ด เจ้าแปด เจ้าเก้า ไปไหนซะล่ะ อย่าบอกนะว่าหนีไปเที่ยวเล่นในป่ากันอีกแล้วน่ะ"ชายวัยกลางคนกล่าวถาม แน่นอนว่าบุรุษผู้นี้ย่อมเป็นบิดาของเจ้าอ้วนน้อยจือหมิง และชายหนุ่มผู้แบกกวางนี้ย่อมเป็นพี่ชายคนโตของบ้านตระกูลหวัง หลังจากนั้นไม่นานจื่อหมิงที่พึ่งล้างตัวเสร็จก็กลับเข้ามาในบ้าน

"หวังจื่อหมิง!! เจ้าตัวเเสบ วันนี้เจ้าไปซนที่ไหนมาบ้างมาเล่าให้พี่ใหญ่ฟังซิ" ทุกคนในบ้านรวมไปถึงเจ้าเจ็ด เจ้าเเปดที่กลับเข้าก่อนจื่อหมิงไม่นาน ต่างก็ยิ้มและหัวเราะขึ้นมาอย่างห้ามไม่ได้ **********************************************

อ่านต่อ

หนังสือที่คุณอาจชอบ

หลินซือเยว่ผู้นี้ มีสามชะตาในคราเดียว

หลินซือเยว่ผู้นี้ มีสามชะตาในคราเดียว

มาชาวีร์
5.0

หลังผ่าตัดนักพรตเฒ่าผู้หนึ่งนั้น นางวูบหมดสติและเสียชีวิตลงไป ลืมตาตื่นขึ้นมาอีกที ก็อยู่ในร่างของคุณหนูปัญญาอ่อนที่มีชื่อเดียวกันผู้นี้เสียแล้วทั้งยังจำอดีตชาติยามเป็นปรมาจารย์เต๋าได้อีกด้วย +++ 1 : ไล่ออกจากอารามไท่ผิงกวน แคว้นจิ้น ราชวงศ์เซวียน อารามไท่ผิงกวน “ไป ๆ อาจารย์ขับไล่พวกท่านออกจากอารามแล้ว อย่าได้มาเหยียบที่นี่อีก” “ศิษย์พี่รองรีบปิดประตูเร็วเข้า !” ตุบ ! ห่อผ้าสองห่อถูกโยนออกมาจากประตูอาราม ปัง ! ตามด้วยเสียงปิดประตูลงสลักอย่างหนาแน่น สตรีนางหนึ่งยืนตัวตรงเป็นสง่า เสื้อผ้ากับเส้นผมของนางปลิวไสวดั่งไผ่ลู่ลม หลินซือเยว่เงยหน้าขึ้นมองป้ายชื่ออารามไท่ผิงกวนด้วยสายตาเลื่อนลอย อาศัยอยู่ที่นี่มานานเท่าใดแล้วนะ บางครั้งนางเองก็ลืมเลือนวันเวลาไปเหมือนกัน “คุณหนูเจ้าคะ ศิษย์น้องทั้งสองของท่านทำเกินไปแล้วนะเจ้าคะ เหตุใดถึงไล่พวกเราสองคนออกจากอารามได้เล่า” เผิงฉือกระทืบเท้าเบา ๆ ตรงไปฉวยห่อผ้าทั้งสองบนพื้น ขึ้นมาคล้องแขนตัวเองไว้ “หากไม่ได้รับคำสั่งจากอาจารย์ ศิษย์น้องทั้งสองคงไม่กล้าขับไล่ข้าออกจากอารามหรอก” น้ำเสียงของนางสงบนิ่งฟังแล้วสบายหูยิ่งนัก หาได้มีความโกรธเกลียดแต่อย่างใด “นั่นรถม้า” นิ้วเรียวสวยชี้ไปยังรถม้าคันที่มีคนนั่งเฝ้าอยู่ “ป้าเผิงไปถามดูว่าใช่รถม้าของเราหรือไม่” เผิงฉือไม่รอช้ารีบตรงไปหาคนเฝ้ารถม้าที่อยู่ใต้ต้นไผ่ในทันที ไม่ช้านางก็กลับมาพร้อมกับรอยยิ้มนิด ๆ “เป็นรถม้าของเราจริง ๆ เจ้าคะคุณหนู คนขับบอกว่าเป็นคนของตระกูลหลินเจ้าค่ะ ได้รับคำสั่งจากท่านพ่อของคุณหนู ให้มารับคุณหนูกลับตระกูลหลินเพื่อไปแต่งงานเจ้าค่ะ” “กลับไปแต่งงานนี่เอง” นางเอ่ยเหมือนไม่ใช่เรื่องใหญ่ หันหลังกลับไปทางประตูอาราม ประสานมือค้อมตัวคำนับลาอาจารย์ เผิงฉือเห็นเช่นนั้นก็อดที่จะคำนับตามนางไม่ได้ ภายในอารามไท่ผิงกวน “อาจารย์เหตุใดถึงไม่บอกลากับศิษย์พี่ใหญ่ไปตรง ๆ ล่ะ ทำเช่นนี้นางไม่โกรธท่านไปจนวันตายเลยรึ” เหอกุ้ยแม้มีอายุยี่สิบแปดปีแล้ว ทว่าเขากราบเป็นศิษย์เจ้าอาวาสชุนหวังเหล่ยหลังสตรีผู้นั้น จึงได้เป็นเพียงแค่ศิษย์พี่รองเท่านั้น “นั่นสิอาจารย์ ศิษย์พี่ใหญ่นางไม่เคยออกจากอารามไปไหนไกล ท่านทำเช่นนี้ไม่ใช่ขับไล่นางไปสู่ความตายหรอกรึ” จางเจียเฟิ่งเห็นด้วยกับศิษย์พี่รองของเขา “ให้มันน้อย ๆ หน่อยเจ้าศิษย์โง่ทั้งสอง พวกเจ้าคิดว่าอารามไท่ผิงกวนแห่งนี้ สามารถอยู่รอดมาได้เพราะใครกัน หากไม่ใช่เพราะฝีมือของศิษย์พี่ใหญ่ของพวกเจ้า เห็นนางเงียบ ๆ แบบนั้น ความคิดนางกว้างไกลยิ่งนัก อาจารย์อย่างข้ายังเทียบนางไม่ติดด้วยซ้ำไป” เจ้าอาวาสชุนปีนี้อายุอานามปาเข้าไปหกสิบห้าปีแล้ว ทว่าร่างกายยังแข็งแรง อารามเต๋าแห่งนี้มีวิถีแบบไม่เคร่งครัด ใช้ชีวิตเยี่ยงฆราวาสผู้หนึ่ง สามารถแต่งงานมีครอบครัวได้ “อาจารย์นางอยู่ในอารามวาดยันต์กันภัยให้ชาวบ้านที่มากราบไหว้ ตั้งโต๊ะรักษาโรคภัยให้ผู้คนในตัวอำเภอฝู แต่หนนี้นางต้องกลับบ้านไปเพื่อแต่งงาน นางบริสุทธิ์ถึงเพียงนั้นมิถูกสามีจับกลืนกินจนไม่เหลือกระดูกหรอกรึ” เหอกุ้ยนึกภาพเทพเซียนผู้สูงส่งอย่างหลินซือเยว่ หากต้องร่วมเตียงกับบุรุษหยาบกระด้าง เพียงเท่านั้นเขาก็ทำใจไม่ได้จริง ๆ แทบอยากจะไปแย่งตัวศิษย์พี่ใหญ่ของตัวเองกลับคืนมา “เลิกคร่ำครวญได้แล้ว กลับไปกวาดลานอารามกับตรวจดูน้ำมันตะเกียงให้เรียบร้อย ศิษย์พี่ใหญ่ของพวกเจ้าไม่อยู่ เจ้าทั้งสองต้องรีบร่ำเรียนศึกษาหาความรู้ อารามไท่ผิงกวนจะได้เจริญรุ่งเรืองในภายภาคหน้าต่อไปได้” เจ้าอาวาสชุนทำเสียงดังใส่ลูกศิษย์ทั้งสอง “ไป ๆ ข้าจะสวดมนต์” โบกมือไล่ทั้งคู่ให้ออกจากห้องสวดมนต์ไป เจ้าอาวาสชุนรีบลุกไปปิดประตูลั่นกลอน ท่าทางลุกลี้ลุกลนจนผิดปกติ ย่องเบา ๆ ไปที่ใต้เตียงนอน ดึงหีบไม้เก่าเก็บออกมา ครั้นกดสลักเปิดออก ก็พบตั๋วเงินจำนวนสามพันตำลึงอยู่ในนั้น ตระกูลหลินที่ไม่ได้บริจาคน้ำมันตะเกียงมาหลายปี จู่ ๆ ก็ส่งตั๋วเงินมาให้ พร้อมกับขอรับคนกลับไปเพื่อแต่งงาน ช่วงนี้ชาวบ้านมาทำบุญที่อารามน้อยลง หลินซือเยว่ก็ไม่รู้ว่าเกิดอันใดขึ้นกับนาง ถึงไม่ยอมลงจากอารามไปรักษาผู้คน รายได้เลยหายหดแทบจ่ายอาหารการกิน(สุรานารี)ไม่พอ ตั๋วเงินสามพันตำลึงนี่มาได้ทันเวลาพอดี ! แครก ๆ ๆ ๆ เสียงกวาดลานหน้าอารามดังขึ้นพร้อมกับเสียงบ่นของเหอกุ้ย “ข้ารู้ว่านางเก่งเอาตัวรอดได้ ข้าเพียงไม่อยากให้นางไปก็เท่านั้น” “ศิษย์พี่รองท่านอย่าได้เสียใจไปเลย ไม่ใช่ว่ามีแต่นางที่ต้องแต่งงานมีครอบครัว ท่านเองก็เถอะที่บ้านส่งคนมารับทุกปีไม่ใช่รึ” จางเจียเฟิ่งรู้ดีว่าตนและเหอกุ้ย ถูกครอบครัวลงโทษด้วยการส่งมาอยู่ยังอารามแห่งนี้ ทว่าเพียงชั่วคราวเท่านั้น “ตัวข้านั้นไม่เป็นไรหรอก เจ้านั่นแหละศิษย์น้องสาม ข้าได้ยินว่าที่บ้านของเจ้า เพิ่งหาคู่หมั้นหมายคนใหม่ให้เจ้าอีกคนแล้วไม่ใช่รึ” สองศิษย์พี่น้องหยุดกวาดลานอาราม แล้วหันหน้าไปมองตากัน จากนั้นพวกเขาก็ถอนหายใจดัง ๆ พร้อมกัน ไม่มีศิษย์พี่ใหญ่อยู่ด้วย นับจากนี้ไปยามทำความผิดใครจะออกหน้าคอยช่วยเหลือ ยามเงินหมดใครจะให้หยิบยืม ยิ่งคิดพวกเขาก็ยิ่งไม่สบายใจเป็นอย่างมาก บนถนนมุ่งหน้าสู่เมืองหลวง รถม้าไม้ธรรมดาไม่เล็กไม่ใหญ่ ไร้ป้ายชื่อตระกูลบอกกล่าว คล้ายไม่อยากให้ผู้อื่นล่วงรู้ว่าคนที่นั่งอยู่ด้านในเป็นใคร เผิงฉือพยายามหลอกถามคนขับรถม้าอยู่หลายหน ถึงสถานการณ์ของตระกูลหลินในยามนี้ นางไม่เคยไปที่นั่นมาก่อนไม่รู้จักใครสักคน คนขับรถม้าตอบว่า เขามีหน้าที่มารับคุณหนูรองกลับบ้านเท่านั้น เรื่องอื่นนั้นเขาไม่รู้จริง ๆ “ได้ถามหรือไม่ ใช้เวลากี่วันในการเดินทาง” หลินซือเยว่เอ่ยเสียงเนิบ ๆ “ถามแล้วเจ้าค่ะ เขาบอกว่าราว ๆ สิบวันก็ถึงเมืองหลวงแล้ว” “สิบวันเชียวรึ” หลินซือเยว่มองห่อผ้าที่วางอยู่ด้านข้าง มีเพียงของใช้จำเป็นของนางไม่กี่ชิ้น พร้อมกับก้อนเงินจำนวนห้าสิบตำลึง “คงต้องแวะซื้อของในอำเภอฝูเสียก่อน” เผิงฉือรีบเปิดม่านบอกกับคนขับรถม้า แต่เขากลับทำเสียงฮึดฮัดคล้ายไม่พอใจ “เสียเวลาเดินทางเปล่า ๆ” น้ำเสียงเขากระด้างกระเดื่อง

ทะลุมิติมาเป็นภรรยาตัวน้อยของสามีพิการ

ทะลุมิติมาเป็นภรรยาตัวน้อยของสามีพิการ

มาชาวีร์
4.8

เจ้าของร่างเดิมถูกท่านย่าตัวเอง ขายให้ชายพิการด้วยเงินเพียงห้าตำลึง จึงคิดสั้นไปกระโดดน้ำฆ่าตัวตาย ทำให้วิญญาณของเซี่ยซือซือทะลุมิติมาเข้าร่างแทน ชีวิตในโลกนี้บิดามารดาล้วนตายไปแล้ว เหลือเพียงน้องสาวกับน้องชายร่างกายผอมแห้งหิวโซสองคน เธอต้องช่วยพวกเขาให้รอด ก่อนจะถูกคนชั่วพวกนี้ขายทิ้งไปแบบเธอ 1 : ทะลุมิติ แคว้นจ้าว หมู่บ้านตระกูลแซ่อวี่ ภายในบ้านสกุลเซี่ย “ท่านพี่รีบกินเร็วเข้า” เสียงเด็กเล็กดังก้องอยู่ข้างหูอย่างน่ารำคาญ ว่าแต่ฉันมีน้องชายตั้งแต่เมื่อไหร่กัน รู้สึกได้ถึงอะไรแข็ง ๆ มาแตะที่ริมฝีปาก ทว่ายังลืมตาไม่ขึ้น “ท่านพี่กินสิ ๆ” เซี่ยซือซือรู้สึกหนักอึ้งไปทั้งศีรษะ พยายามที่จะเปิดดวงตาขึ้นมอง เจ้าของเสียงเล็ก ๆ ด้านข้าง “ท่านพี่ ๆ ท่านพี่อย่าตายนะ ลืมตาสิท่านพี่” “นังตัวดีออกมาเดี๋ยวนี้นะ !” เสียงเอะอะโวยวายดังหนวกหูเซี่ยซือซือเป็นอย่างมาก ปัง ๆ เสียงเคาะประตูดังขึ้นเรื่อย ๆ เซี่ยซือซือลืมตาขึ้นจนได้ พลันสมองกลับมีเรื่องราวพรั่งพรูเข้ามาไม่ขาดสาย จนต้องกรีดร้องออกมาอย่างเจ็บปวด อ๊าก ! “พี่รอง !” เด็กน้อยเซี่ยซือหยางในวัยสามหนาวเรียกพี่สาวพร้อมเบะปากอยากร้องไห้ “ท่านพี่ !” เซี่ยซานซานทิ้งบานประตูที่ตัวเองดันไว้ หันกลับมาดูพี่สาวด้วยความตกใจ “ท่านพี่ ๆ ท่านเป็นอะไร อย่าทำให้พวกข้าตกใจสิท่านพี่ !” ผลัวะ ! มีคนถีบประตูบานเก่าผุพังเข้ามาภายในห้อง เด็กทั้งสองรีบเข้าไปขวางผู้บุกรุกไม่ให้ทำร้ายพี่สาว แม่เฒ่าเซี่ย เซี่ยจิ่วเม่ย หน้าตาแลดูดุร้าย ไม่ใช่หญิงชราใจดีแต่อย่างใด ด้านหลังของแม่เฒ่าเซี่ยยังมีลูกสะใภ้บ้านใหญ่ กับบ้านรองเดินตามมา ท่าทางดุดันเอาเรื่อง “ไอ้พวกบ้านสามตัวดี กล้าลักขโมยอาหารเอาไว้กินเอง ยังเห็นแม่เฒ่าอย่างข้าอยู่ในสายตาหรือไม่ ไอ้พวกหมาป่าตาขาว ดูซิวันนี้ข้าจะจัดการพวกเจ้าอย่างไร” “ท่านย่าพวกข้าไม่ได้ขโมยนะ นี่เป็นหมั่นโถวของท่านพี่ ท่านพี่ไม่สบายข้าแค่เก็บไว้ให้ท่านพี่เท่านั้นเอง” เซี่ยซานซานยังเป็นเด็กหญิงวัยสิบหนาว แต่นางข่มความกลัวตอบโต้ผู้ใหญ่ในบ้านออกไป “หึ กฎบ้านก็มีบอกอยู่แล้วถ้าพลาดมื้ออาหารไปก็คืออด แต่พวกเจ้ากลับแหกกฎ แอบยักยอกอาหารเก็บไว้กินเอง ยังมีหน้ามาเถียงท่านแม่อีก ท่านแม่ท่านต้องลงโทษคนบ้านสามนะเจ้าคะ ไม่เช่นนั้นข้าไม่ยอมจริง ๆ ด้วย ตอนนั้นยวี่เฟยของข้านางได้พลาดมื้อเย็นไป ท่านก็ไม่ให้นางกินนะเจ้าคะ” สะใภ้บ้านรองนามว่าจงอี้ซิน ย้อนรำลึกถึงเรื่องลูกสาววัยแปดปีของตัวเองขึ้นมา “ดูเจ้าเด็กพวกนี้สิท่านแม่ กางแขนปกป้องพี่สาวตัวเอง ช่างน่าสมเพชไม่รู้จักสำเหนียกกำลังตัวเอง ถุย !” หลินพ่านเอ๋อสะใภ้บ้านใหญ่มองดูเด็กทั้งสองพร้อมถ่มน้ำลายใส่ตรงหน้า แม่เฒ่าเซี่ยมองลูกสะใภ้ทั้งสองสลับกันไปมา เดินตรงไปกระชากหมั่นโถวเย็นชืดแถมแข็งปานหิน ออกจากมือของเซี่ยซือหยาง “แง ๆ ๆ” เด็กน้อยถูกแย่งของกินของพี่สาวไป ถึงกับแผดเสียงร้องลั่น “เจ้าคนชั่ว ! เอามานะ ของท่านพี่ข้า” กำปั้นน้อย ๆ ทุบไปยังต้นขาของแม่เฒ่เซี่ย “เจ้าเด็กเนรคุณกล้าตีข้ารึ นี่นะ !” แม่เฒ่าเซี่ยเตะทีเดียวเซี่ยซือหยางก็กระเด็นไปติดกับผนังห้อง “น้องเล็ก !” เซี่ยซานซานรีบวิ่งไปอุ้มน้องชายขึ้นมากอดไว้ด้วยความตกใจ “ท่านย่า น้องเล็กยังเด็กไม่รู้ความ เหตุใดท่านถึงได้ใจร้ายเช่นนี้” “แง ๆ ๆ” เสียงร้องไห้ของเด็กน้อยฟังแล้วน่าสงสารจับใจ ดวงตาที่ปิดไว้ก่อนหน้าของเซี่ยซือซือ ลืมขึ้นหลังจากค้นพบว่า ตัวเองได้ทะลุมิติมายังอดีตอันไกลโพ้นแล้วจริง ๆ หลังจากหลับตาลืมตาอยู่หลายหน เรียบเรียงความคิดที่ไหลเข้ามาไม่ยอมหยุด เมื่อค่อย ๆ จัดการกับมันได้ ความเจ็บปวดที่ศีรษะก่อนหน้าจึงบางเบาลง และมองเหตุการณ์ตรงหน้าอย่างเฉยชา ครบสูตรของการทะลุมิติจริง ๆ มีท่านย่าผู้ชั่วร้าย ขนาบข้างด้วยป้าสะใภ้เลวทั้งสอง ครั้นหันไปมองน้องสาวในวัยสิบขวบของตัวเองกับน้องชายตัวน้อย ทั้งตัวดำเมี่ยมเหมือนไม่ได้อาบน้ำมาเป็นเดือน ร่างกายผอมแห้งเหลือแต่กระดูก เสื้อผ้าเก่าขาดมีรอยปะชุนเต็มไปหมด เส้นผมแห้งกรังเหมือนไม่ผ่านน้ำมานาน ยกมือของตัวเองขึ้นมาดู ไม่ได้มีสภาพต่างกันแม้แต่น้อย ครั้นเงยหน้ามองป้าสะใภ้ใหญ่ร่างกายอวบอ้วนเต็มไปด้วยก้อนไขมัน ป้าสะใภ้รองแม้ไม่ได้อ้วนแต่ก็ไม่ได้ผอม ยิ่งแม่เฒ่าเซี่ยด้วยแล้ว ร่างกายบึกบึนเหมือนคนกินดูอยู่ดีมาตลอด “ท่านแม่ดูอาซือมองท่านสิเจ้าคะ” สะใภ้ใหญ่เห็นสายตาเย็นเยียบของคนที่นอนอยู่บนเตียงก็อดแปลกใจไม่ได้ ดูเยือกเย็นจนไม่น่าไว้ใจ “เจ้าอย่าคิดว่ากระโดดน้ำตายแล้วทุกอย่างจะจบนะอาซือ ข้ารับเงินคนบ้านถานมาแล้ว ถ้าเจ้าตายข้าจะให้อาซานไปแทนเจ้า” คำพูดของแม่เฒ่าเซี่ยทำให้ดวงตาของเซี่ยซือซือเบิกกว้าง ท่านย่าของนางขายนางให้คนบ้านถานในราคาแค่ห้าตำลึง เจ้าของร่างเดิมไม่อยากไปเป็นเมียคนพิการ เลยไปกระโดดน้ำฆ่าตัวตาย ทว่าเธอที่มาจากยุคปัจจุบันกลับเข้ามาแทนที่เจ้าของร่างนี้ เจ้าของร่างเดิมว่ายน้ำไม่เป็น จึงได้ขาดอากาศตายใต้น้ำ แต่เธอที่เข้ามาสวมร่างกลับพาร่างนี้ขึ้นมาจากน้ำได้ โชคชะตาคงเล่นตลกให้เธอกับเจ้าของร่างเดิมมีชื่อเดียวกัน “ท่านย่าอาซานยังเด็กนัก ท่านอย่าได้ทำเช่นนั้นเลย” นานมากกว่าที่นางจะเอ่ยออกมา “มันอยู่ที่เจ้าอาซือ ข้าขอเตือนเอาไว้ อีกสองวันคนบ้านถานจะมารับตัวเจ้าแล้ว อย่าให้เกิดเรื่องขึ้น ไม่อย่างนั้นข้าจะส่งอาซานไปแทนเจ้า แล้วขายซือหยางทิ้งเสีย” แม่เฒ่าเซี่ยจ้องหน้าเซี่ยซือซือแบบอาฆาต เด็กนี่ก่อนหน้าดูอ่อนแอไร้ทางสู้ ทำไมวันนี้ถึงได้ดูแปลกตาไปนัก “ท่านแม่เจ้าคะ ท่านจะลงโทษคนบ้านสามเรื่องหมั่นโถวนี่อย่างไรเจ้าคะ” สะใภ้ใหญ่ยังไม่ยอมปล่อยสามพี่น้องไปง่าย ๆ “พรุ่งนี้งดอาหารบ้านสาม” แม่เฒ่าเซี่ยเอ่ยแล้วหันหลังเดินออกจากห้องของเด็กน้อยทั้งสามไป โดยมีสะใภ้ใหญ่เดินตามไปด้วย “พวกเจ้าได้ยินแล้วใช่ไหม จำใส่หัวเอาไว้ดี ๆ ด้วยล่ะ” สะใภ้รองหมุนตัวตามหลังไปติด ๆ “ท่านพี่ต่อไปท่านอย่าทำเช่นนี้อีกนะเจ้าคะ ข้ากับน้องเล็กจะทำอย่างไร ถ้าท่านไม่อยู่” เซี่ยซานซานปล่อยเสียงร้องไห้ในทันที

ฉันไม่มีทางยอมแพ้

ฉันไม่มีทางยอมแพ้

Tann Aronson
5.0

เมื่อเธออายุยี่สิบ ชิงฉือได้รู้ว่าตนเองไม่ใช่ลูกโดยกำเนิดของตระกูลต้วน เธอถูกลูกสาวที่แท้จริงของตระกูลต้วนล้อมกรอบ จนถูกพ่อแม่บุญธรรมไล่ออกจากบ้านและกลายเป็นตัวตลกในเมือง เมื่อเธอกลับไปหาพ่อแม่ชาวนา จากนั้นก็พบว่าบิดาผู้ให้กำเนิดของเธอเป็นคนที่รวยที่สุดในเมืองเจียงเฉิงส่วนพี่ชายของตนเองเป็นอัจฉริยะในแวดวงต่างๆ ทุกคนมองดูเด็กสาวตัวเล็กคนนี้ด้วยความเห็นใจและถือว่าเธอเป็นสมบัติล้ำค่า แต่ค่อยๆ พบว่า... ที่แท้ว่าน้องสาวเป็นคนมากความสามารถ? อดีตแฟนหนุ่มผู้น่ารังเกียจหัวเราะเยาะ "อย่ามาตามเซ้าซี้ไม่เลิก ฉันมีแต่เมียนเมียนอยู่ในใจ!" คนใหญ่แห่งเมืองหลวงปรากฏตัว "เมียฉันจะเห็นหัวนายเหรอ?"

บท
อ่านเลย
ดาวน์โหลดหนังสือ
อะไรนะ! เจ้าอยากเป็นเซียนอย่างงั้นเหรอ!?
1

บทที่ 1 ตอนที่ 1 หวังจื่อหมิง

09/03/2022

2

บทที่ 2 ตอนที่ 2 ตระกูลหวัง

09/03/2022

3

บทที่ 3 ตอนที่ 3 ล่าสัตว์

09/03/2022

4

บทที่ 4 ตอนที่ 4 ตัวกินสมอง

09/03/2022

5

บทที่ 5 ตอนที่ 5 ผู้ฝึกตน

09/03/2022

6

บทที่ 6 ตอนที่ 6 "ข้าอยากเป็นเซียน

09/03/2022

7

บทที่ 7 ตอนที่ 7 เหยื่อล่อ

09/03/2022

8

บทที่ 8 ตอนที่ 8 การแลกเปลี่ยน

09/03/2022

9

บทที่ 9 ตอนที่ 9 ออกเดินทาง

09/03/2022

10

บทที่ 10 ตอนที่ 10 กองคาราวาน

09/03/2022

11

บทที่ 11 ตอนที่ 11 นองเลือด

09/03/2022

12

บทที่ 12 ตอนที่ 12 ปะทะเดือดระหว่างผู้ฝึกตน

09/03/2022

13

บทที่ 13 ตอนที่ 13 ปะทะเดือดระหว่างผู้ฝึกตน(2)

09/03/2022

14

บทที่ 14 ตอนที่ 14 ทุ่มสุดตัว

09/03/2022

15

บทที่ 15 ตอนที่ 15 ความปรารถนา

09/03/2022

16

บทที่ 16 ตอนที่ 16 เพื่อนใหม่

09/03/2022

17

บทที่ 17 ตอนที่ 17 แลกเปลี่ยนวิชา

09/03/2022

18

บทที่ 18 ตอนที่ 18 วิชา

09/03/2022

19

บทที่ 19 ตอนที่ 19 งานประลอง

09/03/2022

20

บทที่ 20 ตอนที่ 20 จื่อหมิง ปะทะ ปู้จวิ้น

09/03/2022

21

บทที่ 21 ตอนที่ 21 ข้ารักเจ้า

20/05/2022

22

บทที่ 22 ตอนที่ 22 เสี่ยวเฮย-เสี่ยวไป๋

20/05/2022

23

บทที่ 23 ตอนที่ 23 เปิดประตู!!!

20/05/2022

24

บทที่ 24 ตอนที่ 24 อู๋หยาจุน

20/05/2022

25

บทที่ 25 ตอนที่ 25 การทดสอบ

20/05/2022

26

บทที่ 26 ตอนที่ 26 ภูเขาเก้าเทพ

29/07/2022

27

บทที่ 27 ตอนที่ 27 ท่านเซียนอวี้

29/07/2022

28

บทที่ 28 ตอนที่ 28 กู่เจี้ยนเทียน

29/07/2022

29

บทที่ 29 ตอนที่ 29 ให้ข้าเรียกท่านว่าอะไรดี!

29/07/2022

30

บทที่ 30 ตอนที่ 30 ท่านต้องจัดการให้ข้านะ!!

29/07/2022

31

บทที่ 31 ตอนที่ 31 ข้าจะตีเจ้า!!

29/07/2022

32

บทที่ 32 ตอนที่ 32 จะสู้ก็เข้ามา อย่ามัวพิรี้พิไรเป็นอิสตรี

29/07/2022

33

บทที่ 33 ตอนที่ 33 จับตาดูให้ดี

29/07/2022

34

บทที่ 34 ตอนที่ 34 กลับกันเถอะ

29/07/2022

35

บทที่ 35 ตอนที่ 35 แปลกประหลาดเกินไปแล้ว

29/07/2022

36

บทที่ 36 ตอนที่ 36 เจ้าช่างโชคดีจริงๆ

31/07/2022

37

บทที่ 37 ตอนที่ 37 ...

31/07/2022

38

บทที่ 38 ตอนที่ 38 ข้าคือนายพราน

31/07/2022

39

บทที่ 39 ตอนที่ 39 เพลิงทมิฬ

31/07/2022

40

บทที่ 40 ตอนที่ 40 ร่างเงา

31/07/2022