Login to MeghaBook
icon 0
icon เติมเงิน
rightIcon
icon ประวัติการอ่าน
rightIcon
icon ออกจากระบบ
rightIcon
icon ดาวน์โหลดแอป
rightIcon
อาญาสีชมพู
5.0
ความคิดเห็น
11.8K
ชม
36
บท

ทายาทตระกูลดังอย่างพฤกษ์ ผู้ไม่เคยถูกปฏิเสธและทำให้ผิดหวังแม้แต่เรื่องเดียวกลับถูกเด็กสาวบ้านนอกที่ชื่อน้องเหนือหักหน้าด้วยการไปหลงใหลชื่นชมอริของตนเองอย่างเชียร ใส ซื่อ บริสุทธิ์ผุดผาดนั่นมารยาชัดๆ เมื่อถึงแก่เวลาเขาจึงตามมาลงอาญากับเธอ แต่ไฉนเลยถึงกลายเป็นอาญาสีชมพูไปได้ ใครคาดหวังนางเอกใสซื่อบริสุทธิ์ผุดผาดเงียบหงิมสนิมสร้อย ‘อาญาสีชมพู’ ไม่มีให้คุณอย่างแน่นอน ทำไมแบบนั้น... ฝากติดตามด้วยนะคะ ##### เธอหลับตาลงทันทีพร้อมกับเอ่ยปากยอมรับด้วยหัวใจอันห่อเหี่ยวแห้งแล้งถึงที่สุด “นานแค่ไหน กับการเป็นผู้หญิงลับๆของคุณ” “เดือนเดียวก็หรูแล้ว ปกติผมไม่ชอบใช้อะไรซ้ำๆเกินสามครั้ง” “เดือนเดียว?” เธอทวนเขาเสียงเบาหวิว หมดสิ้นศรัทธาในตนเองถึงที่สุด “อ้อ นับวันเอาดีกว่า ต้องมาเป็นเวลาสามสิบวัน เผื่อวันไหนคนหัวเสเกิดเบี้ยวไม่มา ผมจะได้ไม่เสียเปรียบ” เธออยากตะโกนใส่หน้าเขาเสียตอนนี้ วินาทีนี้ว่าเขาไม่มีทางเสียเปรียบเลยแม้แต่นิดเดียว มีแต่ได้กับได้ แล้วนิ่งรับชะตากรรมอันแสนโหดร้าย ก่อนตอบออกไปด้วยเสียงสั่นเทา “ก็ได้ ฉันยอมรับข้อเสนอทุเรศๆนั่นแล้ว”

บทที่ 1 บทนำ

“คุณปภาณิน เชิญด้านในค่ะ”

หญิงสาวเจ้าของชื่อปิดหน้าจอโทรศัพท์ในมือของตนเองลง เมื่ออ่านข่าวกอซซิปของวงสังคมชั้นสูงจบพอดิบพอดี

ชายหนุ่มหญิงสาวคู่ในภาพข่าวกำลังมีข่าวดีกันในเร็ววันนี้ และอาจเป็นปลายปีที่จะมีงานมงคลสมรสยักษ์ใหญ่ปิดท้ายให้ได้ตื่นตาตื่นใจกัน

เธอกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบากเต็มที ดึงสติมาอยู่กับสิ่งที่เพิ่งได้ยินเมื่อครู่ เสียงขานเรียกนั่นบอกว่าเธอกำลังจะได้พบกับเขาแล้ว หวังว่าครั้งนี้จะไม่เก้อเหมือนเมื่อสองครั้งแรกนั่นหรอกนะ

พฤกษ์ คือชื่อของเขา ที่ซึ่งครองตำแหน่ง Asia CEO Awards สามปีซ้อน นอกจากบริหารงานเก่งฉกาจแล้วเขายังเพิ่งให้ทีมทนายส่งจดหมายทวงหนี้ไปที่บ้านของเธอ พร้อมกำหนดชำระเงินต้นรวมดอกเบี้ยจำนวนสิบสองล้านภายในระยะเวลาสามสิบวัน หลังจากได้อ่านถ้อยความจบเธอรีบมาพบเขาทันทีเพื่อขอเจรจาผ่อนผันหนี้ แล้วก็ช่างตามตัวยากเหลือเกิน จนห้าวันผ่านไปแล้วเธอถึงเพิ่งได้พบเขาอย่างที่ตั้งใจ หวังไว้ไม่น้อยว่าเขาจะยอมเจรจาผ่อนผันช่วยเหลือเธอและครอบครัว

เรื่องราวระหว่างกันเมื่อสิบปีก่อนนั่น เขาน่าจะยังไม่ลืม

หญิงสาวลุกขึ้นยืนตัวตรงแหน็ว หลังเกร็งขึ้นโดยอัตโนมัติเมื่อคิดไปว่ากำลังจะได้พบหน้าเขา ใจของเธอก็เริ่มจะสั่นพอๆกับขาที่ต้องฝืนทรงตัวเอาไว้ไม่ให้ล้มพับลงไปกองที่พื้นเสียก่อน

อาคารปูนชั้นเดียวทอดยาวสู่เบื้องหน้านี้เป็นเพียงสำนักงานเล็กๆแห่งหนึ่งของพฤกษ์เท่านั้น ซึ่งสองที่แรกที่เธอต้องไปรออยู่นานค่อนวันเป็นสำนักงานใหญ่สำหรับกิจการหลักของเขา หลังจากต้องตัดใจเสียงานเสียการไปรอแต่กลับไม่ได้พบเจอตัว เพราะพนักงานเข้ามาแจ้งว่าพฤกษ์มีประชุมด่วน เธอแจ้งกลับว่ารอได้แต่แล้วกลับถูกไล่ให้กลับไปทั้งสองครั้ง

ใจชื้นขึ้นมาหน่อยที่ครั้งนี้เธอรอเขาเพียงห้าชั่วโมงเท่านั้น แถมยังไม่ถูกไล่ให้กลับแบบสองครั้งแรกอีกด้วย

ขณะเดินตามหลังพนักงานผู้นำทางพร้อมกับความคิดในหัวถึงเขา

พฤกษ์จะเปลี่ยนไปจากเดิมหรือไม่

สิบปีที่ไม่ได้พบหน้ากันเลย เขาจะสูงขึ้นอีกแค่ไหนและจะยังคงยิ้มง่าย เป็นพี่ชายช่างหยอกเย้าอย่างที่เคยไหมนะ แม้จะตามข่าวคราวของเขาอยู่ตลอดแต่ก็เป็นการเห็นทางเดียวผ่านสื่อทั้งนั้น เธอไม่มีโอกาสได้สบตาคมเข้มล้ำลึกของเขาจังๆอีกเลยตั้งแต่ครั้งนั้น

ก่อนกลืนน้ำลายลงคออย่างหนักใจขึ้นมาอีกไม่ได้ เมื่อคิดถึงเหตุการณ์ในวันที่เธอตัดสินใจทำลงไป เพราะไม่อยากให้เขากลายเป็นคนไม่เอาไหน

แม่เคยบอกเสมอ หากว่าเธอตั้งใจทำสิ่งดีดีอะไรลงไปแล้วจะได้ผลตอบแทนแบบเดียวกันกลับมา

แล้วความทรงจำพร้อมแววตาอ่อนโยนก็ฉายวาบขึ้น เธอยังจำได้ไม่ลืมเลือนว่าพฤกษ์ชอบพูดหยอกล้อแบบนี้เสมอ

‘ยิ้มหน่อยสิ น้องเหนือ พี่ชอบเวลาเรายิ้มนะรู้ไหม’

‘พี่อยากอยู่กับน้องเหนือแบบนี้ไปตลอดชีวิตเลย’

‘ขี้บ่นจังเลยนะเราน่ะ เดี๋ยวพี่จะเรียกเราว่าป้าเหนือ’

หญิงสาวคนนำทางพาเธอมาถึงห้องริมสุดที่มีประตูขนาดใหญ่หันมายิ้มให้แบบแกนๆแล้วพูดเสียงกระซิบ

“ท่านเพิ่งคอนเฟอเรนต์เสร็จค่ะ”

ปภาณิณยิ้มตอบรับไปอย่างฝืดฝืนเช่นกัน และไม่ได้พูดอะไรต่อจากนั้น เธอเป็นพวกไม่สนิทก็จะไม่ค่อยคุยอะไรด้วย หญิงสาวคนนั้นยกมือขึ้นเคาะแผ่นไม้ตรงหน้าสองสามที ถึงได้แว่วเสียงดังจากด้านในเชิงว่าอนุญาตให้เข้ามาได้ จึงเปิดประตู แย้มหน้าเข้าไปบอกก่อน

“คุณปญาณิณค่ะ”

ที่ด้านในไม่มีเสียงตอบรับอันใดกลับมา ปญาณิณเลยยิ่งใจเต้นแรงมากขึ้น ปอดของเธอนั้นดูเหมือนจะไม่ยอมสูบลมเข้าไปข้างในอีกแล้ว เลยเกิดอาการวูบวาบเห็นดาวขึ้นกะทันหัน แล้วฮึดสูดลมแรงๆเข้าปอด กระตุ้นให้พร้อมเผชิญหน้ากับเขา

เธอกำลังจะได้พบกับพฤกษ์แล้วในอีกไม่กี่วินาทีข้างหน้านี้

หญิงสาวคนนำมาหลบทางเป็นเชิงบอกให้เธอก้าวเข้าไปด้านในได้เลย

ปภาณิณเม้มปากเรียกสติตนเอง ก่อนตัดสินใจเดินหน้าจนพ้นประตูไป ก็ให้เย็นยะเยือกสะท้านไปทั้งตัว อาจเป็นอุณหภูมิภายใน

ที่ตั้งไว้ต่ำกว่าปกตินั่นเอง แต่แล้วกลับพบสิ่งที่คิดว่าน่าประหวั่นพรั่นพรึงมากกว่านั้นนั่นคือสายตาคู่คมของเขาที่มองมาอยู่ตลอด

พฤกษ์นั่งไขว้ขาพิงพนักเก้าอี้บัลลังก์ตัวใหญ่มือประสานกันไว้บนหัวเข่าของเขา สายตาที่มองมาราวกับประเมินท่าทีของเธออยู่อย่างไรอย่างนั้น

เสียงปิดประตูดังก้องขึ้นทำลายความเงียบและบรรยากาศชวนอึดอัดนั้น และผู้หญิงคนที่เดินนำทางมานั่นก็หายลับไปแล้วในตอนนี้

ปญาณิณจึงได้แต่ยืนเก้ๆกังๆอย่างไม่รู้จะทำอะไรก่อน พลันเสียงเข้มงวดราบเรียบถามขึ้นอย่างห่างเหิน

“ไม่ทราบว่าต้องการพบผมทำไม”

“คือ...” อึกอักพูดอะไรไม่ออก ทั้งยังเย็นเฉียบที่ปลายมือปลายเท้าสลับร้อนหนาวเหมือนกับกำลังจับไข้

ก่อนหน้าคิดมาแล้วว่าจะเริ่มสนทนากับเขาอย่างไร แต่พอได้พบกันจริงๆ ก็ทำเอาประหม่าเสียจนสติหลุดลอยหายวับไปกับตา ได้แต่ยืนนิ่งเหมือนคนโง่เง่าคนหนึ่ง ประกอบกับสายตากดดันติดเหยียดหยันของเขาที่มองมาก็ยิ่งทำให้เธอรู้สึกอยากจะเป็นลม

พฤกษ์ไม่ได้มีท่าทีเป็นมิตรเลยสักนิดเดียว

เป็นไปได้หรือไม่ ว่าเหตุการณ์เมื่อครั้งนั้นจะทำให้เขารังเกียจเธอจนไม่อยากแม้แต่จะคุยหรือมองหน้ากันด้วยซ้ำ แต่ก็ไม่น่าจะใช่ เพราะไม่อย่างนั้น เขาคงปฏิเสธไม่ให้เธอเข้าพบเขาไปแล้วล่ะ

คิดเข้าข้างตัวเองแล้วค่อยใจชื้นขึ้นมาได้หน่อยหนึ่ง เผลอแลบลิ้นเลียริมฝีปากที่แห้งผากอันไม่ต่างไปจากในลำคอเท่าใดนัก ตั้งสติดีดีแล้วว่าออกไปอย่างที่เตรียมตัวมาแล้ว มันขลุกขลักเล็กน้อยแต่ก็จะพยายามให้การเจรจานี้ผ่านไปได้ด้วยดี และเธอไม่ควรแทนตัวอย่างสนิทสนมเหมือนที่ตั้งใจเอาไว้ ในเมื่อเขาเปิดการสนทนาแบบคนไม่เคยคุ้นเคย เธอก็ต้องกระทำตามแบบเขาบ้าง

“คือ...คือดิฉันได้รับจดหมายทวงหนี้แล้วค่ะ” เสียงที่บอกนั่นอ่อยลงจนแทบจับความไม่ได้ แล้วตัดสินใจอย่างหมดหนทาง “หากว่าดิฉันอยากจะขอ...”

“เรื่องนั้นผมสั่งเลขาให้แจ้งรายละเอียดไปแล้วนี่ ไม่ทราบว่ายังต้องการอะไร” เขาว่าเสียงเด็ดขาด สายตามองเธอนั้นเหมือนดาบคมกริบที่พร้อมจะเฉือนเนื้อของเธอออกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยอยู่ตลอดเวลา

“อยากขอยืดเวลาออกไปสักระยะก่อนได้ไหมคะ”

พฤกษ์มองหน้าเธออึดใจเดียวก่อนปรากฏรอยยิ้มเย็นเยือกขึ้นที่มุมปากข้างหนึ่ง ถามราวกับใจดีแต่เปล่าเลย ปภาณิณรู้สึกได้ในน้ำเสียงเรียบเฉยว่ามันมีอาวุธร้ายซ่อนเร้นข้างในนั้น

“ทำไมผมต้องยืดเวลาออกไปด้วย”

สายตาคู่คมล้ำลึกดูราวกับเจ้าป่าที่พร้อมจะตะครุบเหยื่อ แน่นอนหากว่าพลาด เธอต้องเป็นเหยื่อที่ถูกหมายหัวอยู่แน่ๆ แล้วก็รู้ตัวว่าเธอไม่มีเหตุผลที่ฟังดูดีเลยสักข้อเดียวที่จะไปต่อรองอะไรกับเขา ในเมื่อเคยได้รับการผ่อนปรนแล้วถึงสามครั้ง แต่เพราะสถานะการเงินของครอบครัวที่มีปัญหาติดลบจนดิ่งลงเหวแบบหันหัวกลับได้ยากยิ่ง ทำให้ต้องบากหน้ามาขอเจรจานอกรอบเช่นนี้

และดูเหมือนพฤกษ์เองก็รู้ถึงจุดมืดบอดเกี่ยวกับครอบครัวของเธอดี

“ถือว่าเห็นแก่เหนือเถอะนะคะ...พี่พฤกษ์”

ในที่สุดเธอก็หลุดความพ่ายแพ้ออกมาจนได้ ใช้ความสัมพันธ์อันดีในอดีตอ้อนวอน ทั้งยังมองอย่างรอคอยความหวังจากเขา ชายหนุ่มที่วันนี้ดูสง่างาม แข็งแกร่ง ผิดจากเด็กหนุ่มในวันวานราวคนละคน

“ถ้าจะให้เห็นแก่เด็กผู้หญิงที่ชื่อเหนือ...ก็ได้”

เขาบอกมาพร้อมรอยยิ้มเย็นยะเยือกกว่าเดิม พฤกษ์ตวัดขาข้างที่ไขว้ไว้ลง ดันตัวยืนตรงแล้วปลดกระดุมสูทออกจนเห็นถึงแผงอกกำยำใต้เนื้อผ้าชั้นดีที่ด้านใน สาวท้าวมาหยุดยืนตรงหน้าเธอพร้อมกับเอ่ยปากขึ้น

“แลกกับการเป็นผู้หญิงลับๆของผม”

ในที่สุดความจริงก็กระแทกเข้าหน้าเธออย่างจัง เมื่อเขาไม่ได้เป็นพฤกษ์ที่แสนดีคนเดิมอีกต่อไปแล้ว เขายอมรับข้อเสนอก็จริงแต่มีเงื่อนไขที่ปภาณิณได้ยินแล้วถึงกับนิ่งขึงราวถูกแช่แข็งด้วยความเย็นที่เย็นจัด วินาทีนี้เองที่ร่างกายของเธอชาไปหมดรวมไปถึงหัวใจดวงเล็กๆที่เต้นรออย่างมีความหวัง

ผู้หญิงลับๆของเขาอย่างนั้นหรือ

ปภาณิณทวนคำเขาแล้วเม้มปากแน่นอย่างขุ่นเคือง หากเขายื่นข้อเสนอออกมาแบบนี้แสดงว่าเขาเองก็จำเธอได้ฝังใจไม่ต่างกัน

คงจำได้แม่นเลยสินะว่าเธอเกลียดผู้หญิงลับๆพวกนั้นและสาบานกับฟ้าฝนเอาไว้ว่าชาตินี้ทั้งชาติอาจรวมถึงชาติอื่นๆด้วย เธอจะไม่มีวันยอมเป็นผู้หญิงลับๆของใครโดยเด็ดขาด!

อ่านต่อ

หนังสืออื่นๆ ของ SHASHAwriter

ข้อมูลเพิ่มเติม
มี่ฮวน เมียยอดอกตัญญู

มี่ฮวน เมียยอดอกตัญญู

ประวัติศาสตร์

5.0

ผู้สืบทอดสำนักไฮว่ชั่วหายตัวไปอย่างลึกลับ โดยไม่มีผู้ใดล่วงรู้ ร่างสูงใหญ่โดดเดี่ยวในถ้ำมืด ถูกโซ่ตรวนล่ามัดเอาไว้ จนกว่าจะเลยวันเลือกเจ้าสำนักคนใหม่ มี่ฮวนอาสาขอเข้าไปเอาต้นสมุนไพร ‘โม่วยี’ ออกมาให้อาจารย์ จนไปเจอเข้ากับร่างดำโดดเดี่ยวร่างหนึ่งที่ในถ้ำมืด ที่ข้างกายของร่างดำโดดเดี่ยวร่างนั้นมีต้นสมุนไพรที่นางตามหา และทันทีที่นางเด็ดสมุนไพรต้นนั้นออกมา โซ่ตรวนที่ตึงร่างนั้นเอาไว้ก็ได้หลุดและปลดปล่อยร่างดำร่างนั้นออกมา ร่างนั้นข่มเหงนางอย่างเอาแต่ใจ กายสัมผัสลึกซึ้งต่อกัน มี่ฮวนจึงหอบเอาสายพันธุ์ลึกลับนั้นติดท้องของนางมา กว่าจะรู้ตัวอีกที ก็พบว่าตนตั้งครรภ์แล้ว หลังจากตั้งครรภ์ มี่ฮวนถูกขับไล่ออกจากโรงหมอ นางใช้ชีวิตเลี้ยงตัวเองและลูกด้วยวิชาที่ได้มาจากอาจารย์ จนวันดีคืนดี นางถูกคนของสำนักไฮว่ชั่วพาตัวไปรักษาเจ้าสำนัก ทันทีที่ดวงตาคู่สีดำเหลือบแดงมองเห็นนาง ก็รู้ได้ในทันทีว่าเป็นหญิงสาวที่ปลดปล่อยเขาออกมาจากโซ่ตรวน หัวใจแห้งผาก หัวใจที่เฝ้ารอมานาน พลันชุ่มชื่นขึ้นอีกครั้ง ก่อนจะพบว่านอกจากนางจะเอาน้ำเชื้อของเขาไปทำลูกแล้ว นางยังจำเขาไม่ได้อีกด้วย หากเรื่องพวกนั้นยังไม่ร้ายแรงมากพอ นางยังจะหาเรื่องเดือดร้อนมาให้เขาต้องตามเช็ดตามล้างอีกต่างหาก นางช่าง… ช่างเหมาะสมกับที่เป็นเมียยอดอกตัญญูเสียจริง!

หนังสือที่คุณอาจชอบ

คุณหมอขอรักนะคะ

คุณหมอขอรักนะคะ

โรแมนติก

5.0

เมื่ออาจารย์หมอรูปหล่อว่าที่สามีในอนาคตกำลังจะถูกจับแต่งงาน เธอซึ่งเป็นมดแดงแฝงพวงมะม่วงมานานจึงต้องแสดงตัว กลเม็ด หรือน้ำมันพราย เธอไม่เกี่ยง ขอเพียงแค่ให้ได้คุณหมอสุดหล่อมาเป็นสามีก็พอแล้ว “ท่อนชายถูกไถไถลไปมากับร่องชุ่ม เม็ดสวาทถูกหัวเอ็นบดขยี้หลายครั้งจนนิวารินร้องไม่เป็นภาษา และวินาทีที่รอคอยก็เดินทางมาถึง ท่อนชายพุ่งทะยานเข้ามาสุดแรง และมิดด้าม “อ๊ะ... ซี๊ดดดด” “โอ้วววว... แน่นมากนิว... แน่นที่สุด โอ้วววว” “ขยับค่ะพี่หมอ.... ขยับนะคะ นิว... นิวอยากเสร็จกับท่อนพี่หมอ... อ๊า... อา... ซี๊ดดด” “ร้อนแรงเหลือเกินคนสวยของพี่... อืมมม” บั้นเอวของวชิรวิชญ์ขยับเคลื่อนไหวแรงระรัว ครั้งแล้วครั้งเล่าที่กระแทกกระทั้นเข้าสู่โพรงหวาน จนกระทั่งสวรรค์ทั้งผืนถล่มลงมาใส่ เสียงครางเสียวซ่านของนิวารินถูกกลืนหายเข้าไปในลำคอแกร่งจนเหลือแต่เสียงอู้อี้ ก่อนที่พายุสวาทจะผ่านพ้นไป

สุลต่านร้ายขังรัก ชุด ทัณฑ์ทราย

สุลต่านร้ายขังรัก ชุด ทัณฑ์ทราย

มหาเศรษฐี

4.9

เมื่อองค์สุลต่านแห่งฟาดิลาห์ถูกวางยาปลุกกำหนัดในคืนวันอภิเษกสมรส... จิรัชยาเป็นเพียงลูกของนางบำเรอของอัครมหาเสนาบดีประจำมหานครฟาดิลาห์ หน้าที่ของลูกนอกสมรสอย่างหล่อนก็คือคอยรับใช้ ฮันนา ว่าที่องค์สุลตาน่า ความทุกข์แสนสาหัสเดียวในใจของหล่อนก็คือการแอบหลงรักจ้าวผู้ครองแคว้น ทั้งๆ ที่รู้ว่าตัวเองไม่มีสิทธิ์แม้แต่จะเงยหน้าขึ้นมอง แต่แล้วความฝันของหล่อนก็เป็นจริง เมื่อหล่อนได้นอนอยู่ใต้ร่างขององค์สุลต่านแห่งฟาดิลาห์ แต่คืนนั้นมันเป็นคืนแต่งงานของเขากับฮันนา...! “ยังไม่รีบไสหัวลงไปจากเตียงอีกหรือ!” กายสาวบอบช้ำยังไม่ทันได้ขยับลงจากแท่นบรรทมก็ถูกเขาผลักไสแรงๆ จนกลิ้งตกลงมากองกับพื้นห้องไม่ต่างจากเศษขยะสกปรก น้ำตาแห่งความปวดร้าวไหลพรากออกมาราวกับสายฝน “หม่อมฉัน... ขอประทานอภัยเพคะ หม่อมฉัน...” จิรัชยาพยายามจะอธิบาย แต่เสียงเกรี้ยวกราดขององค์สุลต่านแผดดังก้องขึ้นเสียก่อน หล่อนตัวสั่นเทาด้วยความหวาดกลัว “เธอกล้ามากนะที่วางยาฉัน!” “หม่อมฉัน... ไม่รู้เรื่องนะเพคะ หม่อมฉัน... ไม่ได้ทำ...” หล่อนสะอื้นได้อย่างน่าเวทนา แต่ก็ไม่ได้รับความเมตตาจากชายผู้สูงศักดิ์เลยแม้แต่น้อย “ถ้าเธอไม่ได้ทำ งั้นก็คงเป็นแม่ของเธอสินะที่ทำ จิรัชยา!”

ไป๋ฟางเซียน ภรรยาข้ามภพ

ไป๋ฟางเซียน ภรรยาข้ามภพ

โรแมนติก

5.0

“อันตัวข้า มีนามว่าไป๋ฟางเซียน” ปกติคนอื่นข้ามเวลาคงได้รับมิติ พลังวิเศษ ความเทพทรูต่าง ๆ แล้วนางเล่า ไม่เห็นเป็นเหมือนในนิยายที่เคยอ่านบ้าง เท่านั้นยังไม่พอ! นางยังเข้ามาอยู่ในร่างสาวงามอันดับหนึ่ง มีสถานะเป็นถึงภรรยาของท่านแม่ทัพ ที่สามีหาได้รักใคร่ชมชอบไม่ ออกจะเกลียดแสนเกลียดเสียด้วยซ้ำไป หนำซ้ำสามีหน้าตายผู้นั้นดันมีคนที่ตนพึงใจอยู่แล้ว เช่นนี้นางจะเอาตัวรอดต่อไปในโลกที่ไม่รู้จักได้อย่างไร นอกจากจะต้องปรับตัวอย่างมากแล้ว นางต้องคิดหาวิธีรับมือกับบุรุษผู้เป็นสามีที่จ้องแต่จะกินหัวนางอยู่ทุกเมื่อเชื่อวันอีกด้วย! โอ สวรรค์ ท่านเกลียดชังอะไรข้านักหนา เหตุใดถึงให้ข้าเผชิญชะตากรรมเช่นนี้ ชีวิตสงบสุขที่ใฝ่ฝัน คงได้จบสิ้นกันแล้ว แต่ช่างเถอะ ในเมื่อมันเป็นสิ่งที่ต้องเจอ ไม่สามารถหลีกหนีได้ นาง! ไป๋ฟางเซียนผู้นี้! จะขอร่วมลงประชันสนามอารมณ์กับเขาเอง! ให้มันรู้กันไปเลยว่า ภรรยาอย่างนาง จะเอาชนะสามีอย่างเขา... ไม่ได้!

บท
อ่านเลย
ดาวน์โหลดหนังสือ