ไร่พสุธาล้อมรัก

ไร่พสุธาล้อมรัก

SHASHAwriter

5.0
ความคิดเห็น
1.2K
ชม
54
บท

อภิยาถูกส่งมาที่ไร่เทียมพสุธา โดยคุณลุงอรรถพลที่เธอเคารพรัก เธอไปที่นั่นเพื่อชดใช้หนี้ของพ่อและแม่ที่ยืมคุณลุงอรรถพลมา ก่อนที่พวกท่านจะลาลับโลกนี้ไป พสุธา เจ้าของไร่เทียมพสุธา บุตรชายคนกลางของอรรถพล เขาอยู่ภายใต้คำสั่งของพ่อมาทั้งชีวิต แต่แล้วก็คิดฝ่าฝืนคำสั่งของพ่อ อย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นกับเขามาก่อนแม้แต่ครั้งเดียว เมื่อรู้สึกดี ๆ กับสาวน้อยหน้าใสที่มาที่ไร่ของเขาเพื่อชดใช้หนี้ เธอเข้ามาจัดแจงเปลี่ยนแปลงชีวิตของเขาใหม่ จนหัวใจที่เคยแห้งผากค่อย ๆ ชุ่มฉ่ำด้วยความรักที่แสนบริสุทธิ์จากเธอ แล้วทั้งสองคนจะทำอย่างไร เมื่อความรักของพวกเขาแขวนอยู่บนเส้นด้ายแห่งความแค้นที่อัดแน่นของคุณลุงอรรถพล

บทที่ 1 เริ่มเรื่อง

“แน่ใจนะว่าใช้มือทำ”

“ต้มจืด ทำไมถึงใส่ในจาน ทำไมไม่เอาใส่ชาม”

“นี่อาหารหรือขนม ทำไมถึงหวานขนาดนี้ ไปทำมาใหม่”

ร่างเล็ก ๆ ที่เล็กกว่าเจ้าของเสียงสั่งเกินครึ่งตัว เดินเข้าออกระหว่างห้องครัวกับโต๊ะรับประทานอาหาร เริ่มมีสีหน้าไม่สู้ดีขึ้นบ้างแล้ว

หญิงสาวเอื้อมมือหยิบอาหารที่เพิ่งทำเสร็จใหม่ ๆ ออกจากตรงหน้าชายหนุ่มเจ้าของเสียงสั่งดุดันที่ตะเบ็งใส่เธอไม่หยุด เอากลับเข้าไปในครัว เพื่อทำอาหารออกมาบริการเขาใหม่อีกครั้ง

วางจานลงแล้ว เจ้าของไร่เทียมพสุธามองนิ่งครู่เดียว หยิบช้อนตัก ทันทีที่เอาเข้าปาก ยังไม่ทันได้เคี้ยวเลย เขาก็คายมันออกมาแล้ว ก่อนจะวางช้อนลงบนจานเสียงดังลั่น แล้วเงยหน้าขึ้นมองเธอ บอกเสียงห้วน

“จืดกว่าน้ำล้างเท้าหน้าบ้านอีก”

หญิงสาวตาโตอ้าปากน้อย ๆ ด้วยความตกใจ มองจ้องเขากลับ จะถามว่าเคยชิมน้ำล้างเท้าหน้าบ้านมาแล้วหรือ ถึงได้รู้ว่าจืด แต่แล้วก็ดูเหมือนว่าเขาจะอ่านความคิดของเธอออก จึงตวาดสั่งใหม่ว่า

“ไปทำยำรวมมิตรมา”

อภิยาเม้มปากแน่น มองเขาด้วยสายตาเคือง ๆ หันหลังไปได้ไม่กี่ก้าว เสียงสั่งดังตามมาอีกครั้ง ก่อนที่เธอจะไปได้ไกลมากกว่านั้น

“จานพวกนี้ เอาไปเก็บด้วย เต็มโต๊ะหมดแล้ว เห็นแล้วขวางหูขวางตาชะมัดเลย ฮึ้ย!”

เลยหยุดเท้า หันกลับไปคว้าจานที่เธอทำมาให้เขาจนเกือบเต็มโต๊ะแล้วจริง ๆ เอาไปเก็บที่ในครัว จนเวลาผ่านไปร่วมสามสิบนาทีได้ เธอยกยำมาวางที่ตรงหน้าเขา

ตาคมดุมองนิ่งที่จาน พร้อมส่งเสียงถาม

“เมื่อกี้สั่งยำรวมมิตร แล้วนี่ทำยำอะไร”

“คนละยำ!” เธอกระแทกเสียงถามเขา “ใช่ไหมคะ”

“ประชด? ขึ้นเสียง?” เขาถามด้วยท่าทีคุกคาม

อภิยายืนนิ่งจ้องคนพูดแล้วเอ่ยขึ้นว่า “นี่จานที่ห้าแล้วนะคะ”

“จานที่ห้าแล้วยังไง ในเมื่อมันกินไม่ได้ เธอก็ต้องไปทำมาใหม่”

หญิงสาวชักทนไม่ไหว แววตาใส ๆ แปรเปลี่ยนเป็นประกายขึ้นเล็กน้อย ยื่นมือไปเอาจานอาหาร จะนำไปเปลี่ยนมาให้ใหม่ แต่เพราะเหนื่อยอ่อนจากงานที่ทำมาทั้งวัน ไหนจะเดินเข้าออกครัวเพื่อทำอาหารให้เขากินอีกตั้งเป็นหลายรอบ หยิบขึ้นได้ก็เปลี้ย ทำจานหล่นลงพื้น

พอเห็นอาหารหกกระจาย ก็ให้หน้าเหวอ หันมองทางเจ้าของไร่เทียมพสุธา บอกเสียงสั่นเครือกับเขา

“พอก่อนเถอะค่ะพี่พุธ”

แววตาดุดันเมื่อนาทีก่อนหน้านี้พลันอ่อนแสงลงทันที แต่ยังไม่มีคำพูดอะไรออกมาจากปากของเขา

อภิยาก็เบ้ปาก บอกออกมาอีกประโยค “หยินว่ามันดูยุ่งยากอย่างที่พี่พุธบอกจริง ๆ นั่นแหละค่ะ” ว่าจบเธอลากเก้าอี้ข้างเขามานั่งลงอย่างหมดเรี่ยวแรงแล้วจริง ๆ

พสุธาดันเก้าอี้ของเขาออก แล้วตรงเข้ามาบีบนวดไหล่เล็ก ๆ ของเธออาการเอาใจ พร้อมส่งเสียงขรึมที่ไร้แววดุดัน ถามกลับว่า “เป็นยังไงล่ะทีนี้ พอพี่ทำดุใส่หยิน หยินก็รับพี่ไม่ไหวอีก ก็แล้วทำไมหยินจะต้องมานั่งเล่นละครตบตาแบบนี้ด้วยเล่า”

จากใบหน้าที่เรียบขรึมดุดันในทีแรก ค่อยเปลี่ยนเป็นอ่อนลง มองเธอด้วยสายตาอ่อนโยนไม่น้อย “บอกพ่อพี่ไปตามตรงเลยไม่ดีกว่าหรือไงว่าเรารักกัน”

ได้ยินอย่างนั้น เธอรีบส่ายหน้าไว ๆ บอกเขากลับไปว่า

“ไม่ดีค่ะ ไม่ได้เด็ดขาดเลยนะคะ”

“ทำไมครับ ทำไมถึงจะไม่ดี ทำไมถึงไม่ได้”

ชายเจ้าของไร่เทียมพสุธาผู้เงียบขรึมถามจี้เธอราวกับเจ้าหนูจำไม อภิยาวางมือทาบบนหลังมือของเขา พร้อมเอียงคอลงด้วยกิริยาออดอ้อน บอกเหตุผลของตนเองตอบกลับไปว่า

“ก็เพราะว่าคุณลุงจงใจส่งหยินมาใช้หนี้ขัดดอกทั้งหมดที่พ่อกับแม่ของหยินเอาไปนี่คะ ท่านทำเพราะคิดจะทำลายหยิน ถ้าเกิดท่านรู้ว่าเรารักกัน ไม่แน่ว่าท่านอาจจะจับเราแยกจากกัน แล้วเอาหยินไปขัดดอกเสียเอง หรืออาจเอาให้พี่ ไม่ก็น้องชายของพี่พุธไปขัดดอกแทน หยินจะทำยังไงล่ะคะ”

ใบหน้าของพสุธาพลันบิดเบ้ แววตาดูเกรี้ยวกราดขึ้นในทันทีต่อจากนั้นเองที่ได้ยินว่าพ่อของเขา ไม่ก็พี่ชายหรืออาจจะเป็นน้องชายของเขา จะเอาหญิงสาวไปขัดดอกเสียเอง เขาดึงมือตัวเองออก แล้วประคองร่างเล็ก ๆ ของเธอลุกออกจากเก้าอี้กอดแนบอกแน่นอย่างหวงแหน

“พี่ไม่มีทางให้พ่อทำแบบนั้น พี่จะคุยกับพ่อเอง”

“หยินว่าเราอย่าเพิ่งให้ท่านรู้เรื่องของเราจะดีกว่านะคะ”

พสุธากอดรัดร่างเล็กพร้อมพยักหน้าตอบรับอย่างว่าง่าย เธออยากให้เรื่องของเราเป็นไปอย่างไหน เขาก็มีแต่ยอมตามนั้น

ก่อนจะตาลุกวาวขึ้นเมื่อได้ยินเสียงคนเดินเข้ามาในห้องรับประทานอาหาร อภิยาดันตัวออกจากอกของเขา พสุธาเบี่ยงตัวของเขาบังเธอไว้ พร้อมส่งเสียงตวาดถามดังลั่นห้องว่า

“ใครให้เข้ามา!”

เป็นเด็กสาวที่เพิ่งเข้ามาทำงานใหม่แทนคนงานชุดเก่าที่เขาไล่ออกไปทั้งชุด เด็กสาวได้ยินเสียงราวกับฟ้าผ่าก็หน้าซีด คอหด ไหล่งองุ้มจะร้องไห้ ละล่ำละลักบอกเสียงสั่นว่า “ขะ...ขอโทษค่ะคุณพุธ หนะ หนูไม่รู้ว่าคุณพุธอยู่ในนี้”

“รู้แล้วก็ออกไป!” เสียงเข้มบอกกลับอย่างไร้ความปรานี

เธอเห็นอย่างนั้นแล้วอดสงสารเด็กสาวไม่ได้ ตอนเธอมาทำงานที่นี่ใหม่ ๆ ก็แบบนี้เลย โดนขู่ โดนดุ โดนตวาดใส่ แล้วยกมือลูบต้นแขนเขาเบา ๆ ส่งเสียงบอกเด็กสาวคนนั้นไปว่า

“ออกไปเถอะสุดา”

“ค่ะ ค่ะ สุดาไปแล้วค่ะ” เด็กสาวบอกลนลาน รีบออกจากห้องนั้นไปแทบทันที

พสุธาบอกตัวเองว่าที่จริงแล้วเขาไม่ใช่คนอารมณ์หงุดหงิดจนติดเป็นนิสัยเสียหน่อย แต่ที่เขาตวาดไปแบบนั้นเพราะเขากำลังเครียด และกังวลกับเรื่องที่คาดเดาไม่ได้ในอนาคตมากกว่า

ว่าแล้วก็ดึงร่างเล็กของเธอเข้าไปกอดแนบอกอีกครั้ง พร้อมทอดถอนใจออกมาอีกเฮือกใหญ่

ชีวิตของเขามีแค่งานกับงาน ทั้งชีวิตเขาอยู่ใต้คำบัญชาของพ่อมาโดยตลอด ชนิดที่ว่าไม่เคยแตกแถวมาก่อนแม้แต่ครั้งเดียว ไม่เคยคิดเลยว่าต่อจากนี้ เขาอาจจะต้องมีปัญหากับพ่อเพราะเรื่องของผู้หญิงคนนี้

ผู้หญิงตัวเล็ก ๆ คนหนึ่งที่เข้ามาในชีวิตของเขา เข้ามาเปลี่ยนแปลงทุกอย่างที่เคยแข็งกร้าวให้อ่อนยวบลง รวมถึงหัวใจของเขานี่ด้วย

อ่านต่อ

หนังสืออื่นๆ ของ SHASHAwriter

ข้อมูลเพิ่มเติม
เมียเก่าที่เขาไม่เคยรัก

เมียเก่าที่เขาไม่เคยรัก

โรแมนติก

5.0

ภาวรีแหงนหน้าขึ้นแล้วยิ้มกวนโมโหใส่หน้าเขา "มาขวางทำไม เชยไม่สนพี่เขื่อนแล้วนะรู้ไหม ให้หย่าก็ได้เลย ไปเลย เพราะไรรู้มะ เพราะพี่เขื่อนสู้หนุ่ม ๆ ในร้านไม่ได้เลยสักคน ในนั้นถึงใจกว่าพี่เขื่อนตั้งเยอะ" ลัพธวิทย์หรี่ตามอง ถามเสียงเรียบ "ถึงใจแบบไหน" "ใหญ่กว่า อึด แล้วก็เอาเก่งกว่าพี่เขื่อน" ได้ยินเสียงตัวเองพูดจาก๋ากั่นออกไปแบบนั้นแล้วก็ให้ตกใจไม่น้อย พอได้ยินคำตอบของเธอที่หลับตาฟังก็รู้ว่าจงใจพูดจายั่วยุเขา ลัพธวิทย์ก็ค่อยหัวเราะออกมาลั่น พร้อมค่อนแคะกลับไป "น้ำหน้าอย่างเราเนี่ยหรือ กล้านอนกับผู้ชายตามบาร์" ภาวรีหน้าชาเมื่อถูกจับไต๋ได้ว่าโกหก เธอลอยหน้าลอยตาแล้วตอบเขากลับ "ทำไมจะไม่กล้า แม่เปิดห้องให้เชยลองแล้วด้วย หนุ่ม ๆ ในบาร์โฮสต์ทำให้เชยรู้แล้วล่ะว่าของพี่เขื่อนนี่เทียบชั้นกันไม่ติด แบบนั้นน่ะ..." ภาวรีพูดแล้วกวาดตาลงมองอย่างหยามเหยียด บอกต่อจนจบประโยค "น่าจะเอาไว้แค่ฉี่มากกว่านะ"

ห้องลับของคุณรัชญ์

ห้องลับของคุณรัชญ์

โรแมนติก

5.0

"ถอดชุดบนตัวเธอออกมาเดี๋ยวนี้!" "หนูทำไม่ได้..." ขวัญลดายังพูดไม่จบดีเลยว่าเธอถอดชุดที่ใส่บนตัวออกไม่ได้เพราะมันรัดมาก ๆ นี่ก็นัดกับออยลี่ ลูกของป้าเนืองไว้แล้วให้มาช่วยถอดชุด ไม่รู้น้องคนที่วานให้ช่วยเหลือจะหลับไปแล้วหรือยัง ไม่อย่างนั้นเธอคงต้องฉีกมันออกแทนการถอด แต่เจ้าของห้องลับที่ใคร ๆ พูดปากต่อปากกันว่า ห้องนี้ใครเข้ามาแล้วต้องเสว ก็ปราดเข้ามาปล้ำถอดชุดของเธอออกจนหมด แต่เพราะชุดมันรัดมาก ๆ ดลวรัชญ์ลงมือถอดไปก็สบถไปพลางด้วยอาการหัวเสีย "แต่งตัวเชี่ยอะไรวะ รู้ไหมว่ามันรัดหน้าอก รัดโหนกจนเห็นเป็นเนินนูน นึกว่าลานจอดฮอ" พอชุดถูกถอดออกจนหมด ขวัญลดาค่อยหายใจได้ลึกขึ้นจากเดิม นึกขอบคุณที่เขาช่วยเหลือเธอในครั้งนี้ แม้จะดูเป็นการช่วยที่ไม่ปกตินักก็ตามที "หนูรู้ค่ะ" "รู้แต่ก็ยังใส่" "คุณป้าบอกว่ามันมีชุดเดียว ชุดนี้เมื่อก่อนท่านตัดไว้ให้พี่โรส แต่คุณเล่นพาพี่โรสมานอน หนูก็เลย..." "หึง?" เสียงเข้มถามขัดคำตอบของเธอ ขวัญลดามองเขาแล้วได้แต่ส่ายหน้า เธอยังไม่รู้จักเลยว่า หึง อาการเป็นอย่างไร "ไม่ใช่ค่ะ หนูกำลังอธิบายเรื่องที่ว่าทำไมต้องใส่ชุดนี้" "เธอหึง" คนชอบให้ทุกอย่างหมุนรอบตัวเองอย่างดลวรัชญ์สรุปในสิ่งที่ตัวเองคิดได้ พร้อมด้วยมุมปากที่ยกขึ้นเป็นรอยยิ้ม ก่อนจะเกร็งมันไว้ให้เหยียดตรงดังเดิม "และเธอเบี่ยงประเด็นนะลดา" "แล้วแต่คุณเลยค่ะ" ขวัญลดาบอกอย่างยอมแพ้ ++++++ เนื้อหานิยายเน้นอ่านเพลิน ๆ ย่อยง่าย ๆ และจบดี แฮปปี้ค่ะ

ตราบาปรัก ผู้ชายใจร้าย

ตราบาปรัก ผู้ชายใจร้าย

โรแมนติก

5.0

คำโปรย ปริญญ์เคยบอกว่ารักเธอ แต่เมื่อมีเหตการณ์บางอย่างทำให้ต้องเลิกรากันไป เขาย้อนกลับมาทำดีด้วย และขอเธอแต่งงาน หลังแต่งงานกับจินดาพรรณมาสี่ปี ปริญญ์เที่ยวคบหาผู้หญิงคนใหม่ไปเรื่อย ๆ เพื่อให้เธออับอาย ... นี่น่ะหรือความรักของเขา ตัวอย่างเนื้อหา "เดี๋ยวดา เรื่องที่เราคุยกันไว้ ดาต้องทบทวนดี ๆ ก่อน..." "พรุ่งนี้เลยปิน พรุ่งนี้ไปเจอกันตามที่ตกลงไว้ได้เลย" ปริญญ์มองเธอนิ่งอยู่เป็นนานสองนาน กว่าจะพูดอะไรได้สักคำหนึ่ง ก็ยากเย็นเต็มที "หรือไม่ ปินว่าเราลอง..." "อย่าเอาแต่พูดหลอกล่อกันแบบนี้อยู่อีกเลยปิน เราสองคนจบกันเท่านี้เถอะ ทิ้งทุกอย่างเอาไว้แค่นี้ ขอให้เลิกแล้วต่อกัน เราจะได้ไม่เกลียดกันมากไปกว่านี้ หรือปินอยากให้ดาเกลียด จนไม่ไปเผาผีกันเลย ก็ได้นะปิน" ได้ยินและได้รู้ถึงความคิดของจินดาพรรณแล้ว ในใจของปริญญ์ปวดแปลบ เสียดและเสียวไปทั้งทรวงอก เขาอึ้งจนพูดอะไรไม่ออก คิดได้ในตอนนั้นเองว่านี่เขาทำอะไรต่อมิอะไรลงไปนั้น มันแย่มาก จินดาพรรณถึงได้บอกว่าเกลียดเขาถึงขนาดนี้ ปริญญ์รู้สึกได้ถึงก้อนขม ๆ ในคอ เขาฝืนที่จะกล้ำกลืนมันลงไป แล้วขยับเท้าเพื่อถอยหลังออกมา มาได้เพียงครึ่งก้าวแล้วก็ทำอะไรไม่ถูก สายตาเจ็บปวดของเขายังคงมองไปยังจินดาพรรณ เปิดปากเพื่อจะพูดบางประโยคออกไป "แต่ดา...ปินระ...ปินรั" จินดาพรรณหมุนตัว เพื่อกลับเข้าห้อง เธอไม่อยากฟังสิ่งที่เขากำลังจะพูด แต่กลับโดนดึงตัวเข้าไปกอดเอาไว้แนบแน่น เธอไม่ได้ออกแรงดิ้น ทำเพียงปิดตาลง ซ่อนความรู้สึกเจ็บปวดเอาไว้ข้างในลึก ๆ บอกตัวเองว่าอย่าได้ถลำตัวและหัวใจไปกับภาพลวงตาของปริญญ์ อย่าได้หลงคารมของเขาอีกเป็นอันขาด บทจะหวาน ปริญญ์ก็ทำให้เชื่อได้ทั้งนั้น และเขาก็ทำเพียงเพราะต้องการให้เธอหลงเชื่อ เขาหลอกเธอซ้ำ ๆ แล้วทิ่มแทงเธอให้ผิดหวัง เจ็บปวดและเสียใจ ครั้งนี้ก็คงเหมือนกัน ปริญญ์สูดดมกลิ่นของภรรยาเข้าจมูกจนลึกสุดปอด ถูไถใบหน้าไปมาอย่างที่โหยหามาโดยตลอด พร้อมกับพึมพำที่ข้างหูของเธอ "ปินให้เวลาดาคิดอีกสามวัน ระหว่างนี้ถ้าดาเปลี่ยนใจ ก็ไม่ต้องไป แต่ถ้าดายังคิดแบบเดิม วันนั้นเราค่อยไปเจอที่บริษัทตามที่คุยไว้ แต่ระหว่างนี้ ดาต้องคิดดูดี ๆ ก่อนนะ อย่าใช้อารมณ์ตัดสินใจเด็ดขาด" จินดาพรรณถอนลมหายใจของตัวเองออกยาว ๆ เธอนี่หรือใช้อารมณ์เป็นที่ตั้ง ตลอดมามีแต่ปริญญ์ที่ทำแบบนั้น และเธอไม่ต้องการเป็นที่รองรับอารมณ์ของเขาอีกแล้ว คิดได้แบบนั้นค่อยเปิดตาขึ้น แล้วออกแรงดันตัวเองจากอ้อมกอดของเขา หันมามองที่เขาด้วยสายตาว่างเปล่า บอกออกไปตามอย่างที่ตัดสินใจเอาไว้แล้วก่อนหน้านี้ "ดาไม่ต้องคิด ไม่ต้องตัดสินใจอะไรอีกแล้วล่ะปิน ถ้าปินว่างพอ พรุ่งนี้เราก็ไปจัดการเรื่องหย่าให้เรียบร้อยได้เลย" ****************************** แนวพระเอกโบ้ ไม่ได้นอกใจ จบดีและไม่มีใครตุยค่ะ

หนังสือที่คุณอาจชอบ

ทะลุมิติมาอยู่ในร่างหญิงปัญญาอ่อนซ้ำยังต้องแต่งงานกับบุรุษใบ้

ทะลุมิติมาอยู่ในร่างหญิงปัญญาอ่อนซ้ำยังต้องแต่งงานกับบุรุษใบ้

แก้วใบเล็ก
5.0

โปรย: มาอยู่ในร่างหญิงปัญญาอ่อน ถูกตราหน้าว่าเป็นลูกโจรที่เคยเข่นฆ่าผู้คนไปทั่ว ซ้ำร้ายเขายังต้องการล้างแค้นแทนพ่อโดยใช้หัวใจเป็นเดิมพัน ........................ ไรต์มีนิยายพื้นบ้านมาฝากอีกแล้วค่า เน้นการใช้ชีวิตประจำวัน เนื้อเรื่องไม่หวือหวาส่วนใหญ่เกิดจากจินตนาการของไรต์มากกว่าเหตุการณ์ในยุคนั้น ใครชอบแนวนี้ไรต์ฝากกดหัวใจกดติดตามกันด้วยนะคะ หญิงสาวที่ตื่นมาตอนเช้าเพื่อเตรียมตัวไปรับพระราชทานปริญญาบัตร แต่กลับต้องย้อนไปอยู่ในยุค 60 ในร่างหญิงปัญญาอ่อนที่มีความทรงจำอันน้อยนิด มีพ่อเป็นอดีตโจรที่ขาพิการ ครอบครัวยากจน กับค่าแรงวันละเจ็ดบาท แล้วเช่นนี้เธอจะทำให้ครอบครัวกินอยู่อิ่มท้องได้อย่างไร พระเอกนางเอกเรื่องนี้มีการแก้แค้นเอาคืนไม่ได้เป็นคนดีบริสุทธิ์นะคะ ทุกคนโปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน เนื้อหาบางส่วน.... คำแก้วเดินออกมาถึงทางห้าแยกที่จะเลี้ยวเข้าหมู่บ้านสี่แจและหมู่บ้านอื่น ๆ ก็เจอกับชายฉกรรจ์สามคนยืนขวางอยู่ตรงหน้า คำแก้วเดินต่ออย่างไม่รู้สึกเกรงกลัว            “เฮ้ย! มีคนเดินมาทางนี้ว่ะ”            “ลูกพี่มันแบกหมูป่าตัวเบ้อเร่อมาด้วย”            “เอาของมีค่าทั้งหมดมาจากมันให้ได้”            “แต่มันเป็นผู้หญิงตัวเล็ก ๆ เองนะลูกพี่”            “พ่อมึงสอนให้โจรอย่างพวกมึงใจดีกับพวกผู้หญิงเหรอวะ” คนที่เป็นหัวหน้าแก๊งตวาดเสียงดังจนคำแก้วต้องเงยหน้ามอง ดวงตากลมไหวสั่นเล็กน้อย เข้ามาสิจะใช้เครื่องช็อตไฟฟ้าช็อตให้ ปืนก็มี มีดก็มี กลัวอะไรล่ะ หักแขนหักขาคนก็ได้ด้วย            “มะ ไม่ได้บอกครับ” คนที่เป็นลูกน้องตอบเสียงสั่น แล้วพวกมันก็ก้าวเท้าไปขวางหน้าคำแก้วไว้            “เอาของมีค่าจากตัวมึงมาให้หมด รวมถึงหมูป่าด้วย” ลูกน้องหนึ่งในสองคนพูดขึ้น แปลกใจที่ในกระบุงมีผลไม้หลายอย่างที่พวกเขาไม่เคยกิน            “ไม่มี” คำแก้วตอบเสียงห้วน มองชายทั้งสามด้วยแววตาไม่สะทกสะท้าน เธออยากเห็นโจรตัวเป็น ๆ วันนี้เธอก็ได้เห็นแล้ว พวกมันใช้ผ้าขาวม้าคลุมหน้าไว้ ยุคสมัยนี้ตำรวจคงทำอะไรคนพวกนี้ไม่ได้จริง ๆ            “ปากดีซะด้วย กูชอบว่ะ จะมีผู้หญิงสักกี่คนวะที่ไม่กลัวโจรอย่างพวกกู ฮ่า ๆ ๆ” เรืองว่าพลางหัวเราะเสียงลั่น ในมือถือปืนเคาะฝ่ามืออีกข้างเล่นไปพลาง ๆ แล้วสั่งลูกน้องเสียงเหี้ยม “จับตัวมันไว้”            ลูกน้องทั้งสองกรูเข้าไปจับตัวคำแก้วไว้ คำแก้วปล่อยหมูและกระบุงลงบนพื้นดิน            เรืองก้าวเท้ายาวเข้ามาใกล้ ดึงผ้าขาวม้าออกจากหน้าเธอ สายตาคมกริบมองใบหน้าเรียวเล็กของอีกฝ่ายด้วยความประหลาดใจเป็นที่สุด            “นี่มันลูกสาวคนโตของไอ้เสือเข้มนี่หว่า มึงกล้าออกมาป่าคนเดียวได้ยังไงวะ” เขาใช้ปลายกระบอกปืนเชยคางของคำแก้วขึ้น แล้วพิศมองใบหน้าเธอนิ่ง            คำแก้วจ้องตามันกลับอย่างไม่ลดละ โจรพวกนี้อาจจะเป็นพวกเดียวกันกับที่ทำร้ายพ่อของเธอก็เป็นได้ ถึงได้รู้จักเสือเข้ม            ชายรูปร่างสูงใหญ่ที่ยืนหลบอยู่ในพุ่มไม้ที่อยู่ไม่ไกลมากนักถึงกับเบิกตาโพลงเมื่อได้ยินว่าสาวน้อยคนที่เขาเดินตามออกมาจากป่าเป็นลูกของไอ้เสือเข้ม แต่เขาได้ยินมาว่าลูกสาวคนโตของเสือเข้มเป็นเด็กที่มีความบกพร่องทางปัญญาไม่ใช่เหรอ ทำไมถึงเข้าป่าไปล่าสัตว์คนเดียวได้อย่างไม่รู้สึกเกรงกลัวสัตว์ป่า หรือแม้แต่โจรพวกนี้ได้ ยิ่งคิดก็ยิ่งสงสัย ตัดสินใจไม่ผิดจริง ๆ ที่เดินตามเธอมา คราแรกเขาแค่อยากรู้ว่าเธอเป็นคนของหมู่บ้านไหนกันแน่ เพราะเขาไม่เคยเห็นหน้า และกลัวว่าเธอจะเป็นอันตรายจึงเดินตามมาอย่างเงียบ ๆ ไม่คิดว่าจะเป็นลูกสาวคนที่เขาตามหามานาน

บท
อ่านเลย
ดาวน์โหลดหนังสือ