Login to MeghaBook
icon 0
icon เติมเงิน
rightIcon
icon ประวัติการอ่าน
rightIcon
icon ออกจากระบบ
rightIcon
icon ดาวน์โหลดแอป
rightIcon
ไฟรักบัญชาการ

ไฟรักบัญชาการ

SHASHAwriter

5.0
ความคิดเห็น
3.4K
ชม
37
บท

“กลับไปแล้ว ผมต้องเข้าไปคุยกับเจ้าสัวเรื่องของเราเสียที” พรลักษมีชะงักมือที่กำลังจัดการกับอาหารในจาน ปฏิเสธทันควัน “ไม่นะคะ” “ทำไม!” จักรพรรดิแทบตวาดถามด้วยความไม่พอใจเมื่อได้ยินว่าเธอปฏิเสธ “ฉัน... เรา...เอ่อ...เป็นแบบนี้ก็ดีแล้วนี่คะ” คนฟังวางช้อนและมีดลงบนจานแทบเป็นกระแทกกระทั้น ยกผ้าซับมุมปากแล้วประสานมือย้อนถามเธอเสียงกร้าวกรุ่นด้วยอารมณ์โกรธ “เป็นแบบนี้? นี่คุณพูดอะไรออกมารู้ตัวบ้างไหม มีแต่ผู้หญิงอย่างว่าเท่านั้นที่คิดอย่างนั้นน่ะ แต่คุณกลับอยากให้เราเป็นแบบนี้?” “ฉันยังไม่อยากผูกมัดตัวเอง คุณเองก็คิดแบบนั้นเหมือนกัน จะเดือดร้อนทำไมคะ” ใช่เขาเดือดร้อน เดือดจนร้อนจนไหม้เพราะเธอไม่แคร์ที่จะมีหรือไม่มีเขาก็ได้ เธอถึงได้คิดเช่นนั้น จักรพรรดิไม่ชอบความรู้สึกอึดอัดเช่นนี้ ไม่เคยต้องมาตามต้อนผู้หญิง ไม่เคยอยากลงหลักปักฐานกับใคร และเขากำลังจะบ้าตายเพราะเธอ “ตามใจ อยากเป็นแบบนี้ก็ตามใจ คบแบบเปลืองเนื้อเปลืองตัวแบบนี้สินะที่ชอบ พอเบื่อก็หาเรื่องเลิกกัน … แบบนั้นใช่ไหม” เขาตวาดถามสรุปประชดประชันใส่อารมณ์กับเธอ “ดีไม่ต้องแต่งมันแล้ว อยู่กันแบบนี้ไปเรื่อยๆ จนแก่จนตายจากกันไปเลยก็ดี!” เขาสรุปส่งท้ายด้วยคำพูดกระแทกแดกดันแบบที่เธอไม่เคยเห็น “ฉันไม่อยากคุยแล้ว คุณใช้แต่อารมณ์ไม่มีเหตุผลเลย” “ใช่! ผมใช้แต่อารมณ์ แบบนี้ก็เหมือนกัน” จักรพรรดิจบประโยคตรงเข้ามาดึงเธอลุกขึ้นจากโต๊ะอาหารสวมกอดรัดแน่นปล้นจูบเอาแต่ใจ “ปล่อยฉันนะ นี่คุณจะข่มขืนฉันเหรอ” “อยากลองรสชาตินั้นหน่อยไหมล่ะ ตั้งแต่เกิดมายังไม่เคยมีสาวไหนได้รับเกียรตินั้นจากผมเลยสักคน”

บทที่ 1 1

พรลักษมีแหงนมองท้องฟ้าที่มืดคล้ำลงพร้อมกอดกระเป๋าเป้หนังอย่างดีแต่มีสภาพเก่าเอาไว้กับอกแน่น แต่เธอก็ยังใช้มันอยู่เพราะมันมีคุณค่าทางใจคือเหตุผลหลัก และสอง เธอไม่มีเงินมากพอที่จะหมดไปกับเสื้อผ้า รองเท้าหรือกระเป๋าเหมือนเพื่อนคนอื่นๆในกลุ่ม เจ้าตัวกระชับสายคล้องเข้ากับบ่าแล้วเร่งฝีเท้าเข้าตัวตึกที่เป็นสิ่งเดียวที่ฟรีแม้กระทั่งค่าน้ำและค่าไฟก็เรียกเก็บที่อาสิด

รถเมล์ที่นั่งมานั้นแม้ไม่เสียสักบาทเลยทำให้ต้องยืนตลอดทาง เพราะฝนตกแบบไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ยบวกกับเป็นช่วงเวลากลับบ้านของใครหลายๆคนทำให้เธอแทบหมดแรง

‘บ้าน’

คำๆนี้มีความหมายกับใครอื่นเกือบทุกคน แต่คงไม่ใช่เธอ หญิงสาวแค่นยิ้มแล้วเดินตรงดิ่งไปยังประตูกระจกบานเลื่อนแบบอัตโนมัติ พลันโทรศัพท์ในกระเป๋าสั่นจนรู้สึกได้ พรลักษมีต้องตั้งเตือนแบบนั้นเพราะกลัวจะรบกวนขณะทำงานเป็นพนักงานพาร์ทไทม์ในร้านอาหารชื่อดังแบรนด์นอก หญิงสาวก้มหน้าควานหามันในกระเป๋าที่ของรกจนบอกตัวเองว่าควรจัดการทิ้งขยะในนี้เสียที ขาเรียวเสลาในกระโปรงพีทดำยาวคลุมเข่าพาเดินเข้าไปด้านในตึกอย่างเคยทำเป็นประจำ เมื่อควานหาจนเจอกลับพบว่าหน้าจอเป็นเบอร์ไม่คุ้นเคยและสายหลุดไปแล้ว ช่างเถอะถ้ามีธุระจริงคงโทรกลับมาเอง

เสี้ยววินาทีนั้นเองมีแรงประทะจากร่างแน่งน้อยที่สวนออกมาทางด้านในล็อบบี ชนเข้ากับเธออย่างจังจนเสียหลักเกือบล้ม แถมด้วยกลิ่นน้ำหอมฉุนกึกลอยเข้ามากระทบโสตประสาทจนเริ่มเวียนหัวขึ้นมาหน่อยๆ และเสียงหวานเลื่อนที่ฟังแล้วน่าหมั่นไส้ชอบกล

“ว๊าย! คิง ไม่เอาค่ะ ไม่เล่น”

คนที่ชนเธอไม่แม้แต่จะหันมาขอโทษ ยังคงส่งเสียงเจื้อยแจ้วกับชายหนุ่มร่างสูงใหญ่ที่เธอเองไม่ได้สนใจคิดอยากจะมองเขาด้วยซ้ำ เพราะใจนึกค่อนยัยคนไม่มีมารยาทคนนั้นอยู่ ที่ชนคนอื่นแล้วยังทำเฉย

“ขอโทษครับ”

ชายคนนั้นพูดขึ้นแทนคนที่ชนเธอ แต่พรลักษมีไม่ให้ราคา เธอตวัดตามองผ่านแล้วตั้งตัวตรง เดินต่อไปยังลิฟต์ เพื่อขึ้นห้องพัก ยืนรอไม่นานประตูสีเงินเปิดอ้าออก แล้วเธอก็ต้องหงุดหงิดมากขึ้นไปอีกเมื่อสองคนที่เดินตามเข้ามาด้วยนั่น คือสองคนที่เธอเจอตรงหน้าประตูทางเข้าเมื่อครู่

ร่างสูงใหญ่เคียงชิดด้วยร่างเย้ายวนกระแซะอยู่ข้างๆไม่ห่าง ยืนเบียดเกือบจะเป็นบุคคลเดียวกันอยู่รอมร่อ เธอไม่เสียสายตามองทั้งสองคนอีกต่อไป ออกเดินนำหน้าเข้าไปก่อน

ชายหญิงสองคนนั้นเดินตามเข้ามาภายหลัง แต่ก่อนที่ประตูจะปิดลง เสียงหญิงสาวที่ชนเธอก็ดังขึ้น

“คิงขา แซนขอ...”เธอกระซิบบางอย่างข้างหูของชายคนเดียวในลิฟต์แล้วหัวเราะ ระริกระรี้ ซ้ำร้ายมือยังกดปุ่มเปิดค้างเอาไว้อย่างไร้มารยาทที่สุด สายตาออดอ้อนอ่อนหวานให้คนที่ถูกเรียกว่า ‘คิง’ อยู่นาน จนพรลักษมีชักทนไม่ไหว แสดงออกมาทางสีหน้าทันที

“ผมเหนื่อยแล้ว คุณกลับเถอะ ผมจะขึ้นห้อง”

ชายคนนั้นบอกเสียงเรียบ และดูเหมือนชายที่ถูกเรียกว่า ‘คิง’ จะพูดคำไหนคำนั้นราวกับความหมายของชื่อ หญิงสาวที่เรียกตัวเองว่าแซน จึงยอมผละจากไปแต่โดยดี ประตูปิดลงและคงไม่มีเหตุให้ต้องมาเปิดมันอีกนะ เธอเหนื่อยมากแล้ว และอยากพักผ่อนเหมือนกัน มือของเธอยื่นของไปกดหมายเลขชั้นเป็นจังหวะเดียวกับเขาที่ยื่นมือออกมาจะกดเช่นกัน

เขาแบมือออกทำท่าเหมือนเป็นสุภาพบุรุษเสียเหลือเกินให้เธอกดหมายเลขก่อน พอเห็นเลขที่เธอกด เขาขมวดคิ้วเล็กน้อย ก่อนจะยืนนิ่งๆ

พรลักษมีไม่สนใจเขาอีกต่อไป เธอเชิดหน้าแต่สายตาก็บังเอิญไปสบกับเขาอีกครั้งที่เงาบนประตูเบื้องหน้า แววตาที่มองสบเธอดูลุ่มลึก วาววับ จนพรลักษมีรู้สึกร้อนๆหนาวๆแปลกๆ เมื่อประตูเปิดออก เธอรีบกระชับกระเป๋าพุ่งตัวล่วงออกไปก่อนอย่างรวดเร็ว

หญิงสาวเดินออกมาจนพ้นช่องที่เว้าไว้สำหรับลิฟต์ เลี้ยวขวาเดินจนเกือบถึงประตูห้องตัวเอง เสียงเมาๆก็ดังข้ามฟากมาทักทาย

“อะ อ้าว นึกว่าสาวสวยที่ไหน ไหงมาอยู่นี่ได้ล่ะครับ”

พรลักษมีเพ่งมองพอเห็นว่าใคร เธอเบ้ปากเดินตรงต่อไปยังห้องของตนเองไม่อยากเสวนาด้วยแม้เพียงครึ่งนาที

ปกติชั้นที่เธออยู่เหมือนจะไม่มีใครพัก แล้วตฤนโผล่มาที่นี่ได้อย่างไร แต่แล้วชายคนที่ทักเธอหมือนจะไม่ยอมเช่นกัน เมื่อหญิงสาวมีท่าทีเฉยชาใส่ ด้วยว่าชอบหล่อนเป็นทุนเดิมอยู่ก่อนหน้าแล้ว

หน้าตาสวยล้ำผิวขาวใสราวกับจะมองทะลุลงไปได้ แต่กลับมีนิสัยรั้นนิดๆราวม้าป่า ชายหนุ่มร้อยทั้งร้อยล้วนอยากปราบพยศสาวอย่างเธอกันทั้งนั้น ตฤนถึงกับคิดกระหยิ่มยิ้มย่องในใจว่า หากได้ลองสาวเจ้าสักครั้งสองครั้ง ขี้คร้านพรลักษมีจะต้องร้องไห้ตามเขาเหมือนเด็กน้อยร้องตามแม่แน่ๆ นึกมาถึงตรงนี้ใจก็เริงร่าพาขาออกเดินเร็วๆเข้ามากระชากข้อมือบอบบางของเธอแล้วยกขึ้นดอมดมอย่างย่ามใจ

พรลักษมีชะงักตกใจ แต่แล้วเมื่อตั้งสติได้เลยทำตัวนิ่งๆ ยิ้มและโน้มตัวเข้าไป กระซิบบอกข้างหูตฤนเบาๆว่า “ใจเย็นก่อนสิตฤน รอลูกหมีเปิดห้องแล้วเราเข้าไปข้างในด้วยกันดีกว่านะ"

อ่านต่อ

หนังสืออื่นๆ ของ SHASHAwriter

ข้อมูลเพิ่มเติม
เมียเก่าที่เขาไม่เคยรัก

เมียเก่าที่เขาไม่เคยรัก

โรแมนติก

5.0

ภาวรีแหงนหน้าขึ้นแล้วยิ้มกวนโมโหใส่หน้าเขา "มาขวางทำไม เชยไม่สนพี่เขื่อนแล้วนะรู้ไหม ให้หย่าก็ได้เลย ไปเลย เพราะไรรู้มะ เพราะพี่เขื่อนสู้หนุ่ม ๆ ในร้านไม่ได้เลยสักคน ในนั้นถึงใจกว่าพี่เขื่อนตั้งเยอะ" ลัพธวิทย์หรี่ตามอง ถามเสียงเรียบ "ถึงใจแบบไหน" "ใหญ่กว่า อึด แล้วก็เอาเก่งกว่าพี่เขื่อน" ได้ยินเสียงตัวเองพูดจาก๋ากั่นออกไปแบบนั้นแล้วก็ให้ตกใจไม่น้อย พอได้ยินคำตอบของเธอที่หลับตาฟังก็รู้ว่าจงใจพูดจายั่วยุเขา ลัพธวิทย์ก็ค่อยหัวเราะออกมาลั่น พร้อมค่อนแคะกลับไป "น้ำหน้าอย่างเราเนี่ยหรือ กล้านอนกับผู้ชายตามบาร์" ภาวรีหน้าชาเมื่อถูกจับไต๋ได้ว่าโกหก เธอลอยหน้าลอยตาแล้วตอบเขากลับ "ทำไมจะไม่กล้า แม่เปิดห้องให้เชยลองแล้วด้วย หนุ่ม ๆ ในบาร์โฮสต์ทำให้เชยรู้แล้วล่ะว่าของพี่เขื่อนนี่เทียบชั้นกันไม่ติด แบบนั้นน่ะ..." ภาวรีพูดแล้วกวาดตาลงมองอย่างหยามเหยียด บอกต่อจนจบประโยค "น่าจะเอาไว้แค่ฉี่มากกว่านะ"

ห้องลับของคุณรัชญ์

ห้องลับของคุณรัชญ์

โรแมนติก

5.0

"ถอดชุดบนตัวเธอออกมาเดี๋ยวนี้!" "หนูทำไม่ได้..." ขวัญลดายังพูดไม่จบดีเลยว่าเธอถอดชุดที่ใส่บนตัวออกไม่ได้เพราะมันรัดมาก ๆ นี่ก็นัดกับออยลี่ ลูกของป้าเนืองไว้แล้วให้มาช่วยถอดชุด ไม่รู้น้องคนที่วานให้ช่วยเหลือจะหลับไปแล้วหรือยัง ไม่อย่างนั้นเธอคงต้องฉีกมันออกแทนการถอด แต่เจ้าของห้องลับที่ใคร ๆ พูดปากต่อปากกันว่า ห้องนี้ใครเข้ามาแล้วต้องเสว ก็ปราดเข้ามาปล้ำถอดชุดของเธอออกจนหมด แต่เพราะชุดมันรัดมาก ๆ ดลวรัชญ์ลงมือถอดไปก็สบถไปพลางด้วยอาการหัวเสีย "แต่งตัวเชี่ยอะไรวะ รู้ไหมว่ามันรัดหน้าอก รัดโหนกจนเห็นเป็นเนินนูน นึกว่าลานจอดฮอ" พอชุดถูกถอดออกจนหมด ขวัญลดาค่อยหายใจได้ลึกขึ้นจากเดิม นึกขอบคุณที่เขาช่วยเหลือเธอในครั้งนี้ แม้จะดูเป็นการช่วยที่ไม่ปกตินักก็ตามที "หนูรู้ค่ะ" "รู้แต่ก็ยังใส่" "คุณป้าบอกว่ามันมีชุดเดียว ชุดนี้เมื่อก่อนท่านตัดไว้ให้พี่โรส แต่คุณเล่นพาพี่โรสมานอน หนูก็เลย..." "หึง?" เสียงเข้มถามขัดคำตอบของเธอ ขวัญลดามองเขาแล้วได้แต่ส่ายหน้า เธอยังไม่รู้จักเลยว่า หึง อาการเป็นอย่างไร "ไม่ใช่ค่ะ หนูกำลังอธิบายเรื่องที่ว่าทำไมต้องใส่ชุดนี้" "เธอหึง" คนชอบให้ทุกอย่างหมุนรอบตัวเองอย่างดลวรัชญ์สรุปในสิ่งที่ตัวเองคิดได้ พร้อมด้วยมุมปากที่ยกขึ้นเป็นรอยยิ้ม ก่อนจะเกร็งมันไว้ให้เหยียดตรงดังเดิม "และเธอเบี่ยงประเด็นนะลดา" "แล้วแต่คุณเลยค่ะ" ขวัญลดาบอกอย่างยอมแพ้ ++++++ เนื้อหานิยายเน้นอ่านเพลิน ๆ ย่อยง่าย ๆ และจบดี แฮปปี้ค่ะ

ตราบาปรัก ผู้ชายใจร้าย

ตราบาปรัก ผู้ชายใจร้าย

โรแมนติก

5.0

คำโปรย ปริญญ์เคยบอกว่ารักเธอ แต่เมื่อมีเหตการณ์บางอย่างทำให้ต้องเลิกรากันไป เขาย้อนกลับมาทำดีด้วย และขอเธอแต่งงาน หลังแต่งงานกับจินดาพรรณมาสี่ปี ปริญญ์เที่ยวคบหาผู้หญิงคนใหม่ไปเรื่อย ๆ เพื่อให้เธออับอาย ... นี่น่ะหรือความรักของเขา ตัวอย่างเนื้อหา "เดี๋ยวดา เรื่องที่เราคุยกันไว้ ดาต้องทบทวนดี ๆ ก่อน..." "พรุ่งนี้เลยปิน พรุ่งนี้ไปเจอกันตามที่ตกลงไว้ได้เลย" ปริญญ์มองเธอนิ่งอยู่เป็นนานสองนาน กว่าจะพูดอะไรได้สักคำหนึ่ง ก็ยากเย็นเต็มที "หรือไม่ ปินว่าเราลอง..." "อย่าเอาแต่พูดหลอกล่อกันแบบนี้อยู่อีกเลยปิน เราสองคนจบกันเท่านี้เถอะ ทิ้งทุกอย่างเอาไว้แค่นี้ ขอให้เลิกแล้วต่อกัน เราจะได้ไม่เกลียดกันมากไปกว่านี้ หรือปินอยากให้ดาเกลียด จนไม่ไปเผาผีกันเลย ก็ได้นะปิน" ได้ยินและได้รู้ถึงความคิดของจินดาพรรณแล้ว ในใจของปริญญ์ปวดแปลบ เสียดและเสียวไปทั้งทรวงอก เขาอึ้งจนพูดอะไรไม่ออก คิดได้ในตอนนั้นเองว่านี่เขาทำอะไรต่อมิอะไรลงไปนั้น มันแย่มาก จินดาพรรณถึงได้บอกว่าเกลียดเขาถึงขนาดนี้ ปริญญ์รู้สึกได้ถึงก้อนขม ๆ ในคอ เขาฝืนที่จะกล้ำกลืนมันลงไป แล้วขยับเท้าเพื่อถอยหลังออกมา มาได้เพียงครึ่งก้าวแล้วก็ทำอะไรไม่ถูก สายตาเจ็บปวดของเขายังคงมองไปยังจินดาพรรณ เปิดปากเพื่อจะพูดบางประโยคออกไป "แต่ดา...ปินระ...ปินรั" จินดาพรรณหมุนตัว เพื่อกลับเข้าห้อง เธอไม่อยากฟังสิ่งที่เขากำลังจะพูด แต่กลับโดนดึงตัวเข้าไปกอดเอาไว้แนบแน่น เธอไม่ได้ออกแรงดิ้น ทำเพียงปิดตาลง ซ่อนความรู้สึกเจ็บปวดเอาไว้ข้างในลึก ๆ บอกตัวเองว่าอย่าได้ถลำตัวและหัวใจไปกับภาพลวงตาของปริญญ์ อย่าได้หลงคารมของเขาอีกเป็นอันขาด บทจะหวาน ปริญญ์ก็ทำให้เชื่อได้ทั้งนั้น และเขาก็ทำเพียงเพราะต้องการให้เธอหลงเชื่อ เขาหลอกเธอซ้ำ ๆ แล้วทิ่มแทงเธอให้ผิดหวัง เจ็บปวดและเสียใจ ครั้งนี้ก็คงเหมือนกัน ปริญญ์สูดดมกลิ่นของภรรยาเข้าจมูกจนลึกสุดปอด ถูไถใบหน้าไปมาอย่างที่โหยหามาโดยตลอด พร้อมกับพึมพำที่ข้างหูของเธอ "ปินให้เวลาดาคิดอีกสามวัน ระหว่างนี้ถ้าดาเปลี่ยนใจ ก็ไม่ต้องไป แต่ถ้าดายังคิดแบบเดิม วันนั้นเราค่อยไปเจอที่บริษัทตามที่คุยไว้ แต่ระหว่างนี้ ดาต้องคิดดูดี ๆ ก่อนนะ อย่าใช้อารมณ์ตัดสินใจเด็ดขาด" จินดาพรรณถอนลมหายใจของตัวเองออกยาว ๆ เธอนี่หรือใช้อารมณ์เป็นที่ตั้ง ตลอดมามีแต่ปริญญ์ที่ทำแบบนั้น และเธอไม่ต้องการเป็นที่รองรับอารมณ์ของเขาอีกแล้ว คิดได้แบบนั้นค่อยเปิดตาขึ้น แล้วออกแรงดันตัวเองจากอ้อมกอดของเขา หันมามองที่เขาด้วยสายตาว่างเปล่า บอกออกไปตามอย่างที่ตัดสินใจเอาไว้แล้วก่อนหน้านี้ "ดาไม่ต้องคิด ไม่ต้องตัดสินใจอะไรอีกแล้วล่ะปิน ถ้าปินว่างพอ พรุ่งนี้เราก็ไปจัดการเรื่องหย่าให้เรียบร้อยได้เลย" ****************************** แนวพระเอกโบ้ ไม่ได้นอกใจ จบดีและไม่มีใครตุยค่ะ

หนังสือที่คุณอาจชอบ

สวยเก่งอย่างฉันไม่ง้อคุณหรอก

สวยเก่งอย่างฉันไม่ง้อคุณหรอก

Amye Hochschild
5.0

ตลอดระยะเวลาสามปีที่หยุยเอินแต่งงานกับฝู้ถิงหย่วน เธอพยายามทำหน้าที่ภรรยาให้ดีที่สุด เธอคิดว่าความอ่อนโยนของตนจะสามารถละลายใจที่เย็นชาของฝู้ถิงหย่วนได้ แต่ต่อมาเธอก็รู้ตัวว่าไม่ว่าเธอจะพยายามแค่ไหน ผู้ชายคนนี้ก็ไม่มีวันจะตกหลุมรักเธอได้ ด้วยความสิ้นหวังของเธอ สุดท้ายเธอตัดสินใจที่จะยุติการแต่งงานครั้งนี้ ในสายตาของฝู้ถิงหย่วน หยุยเอิน ภรรยาของเขาเป็นผู้หญิงที่โง่ ไม่มีอะไรดีเลยสักอย่าง แต่เขาก็คิดไม่ถึงว่าภรรยาของเขาจะกล้าโยนใบหย่าใส่เขาต่อหน้าคนมากมายในงานเลี้ยงวันครบรอบฝู้ซื่อ กรุ๊ป หลังจากหย่าร้าง ทุกคนต่างคิดว่าพวกเขาจะไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันอีกต่อไป แต่เรื่องราวระหว่างทั้งสองคงไม่ได้จบลงอย่างง่าย ๆ แบบนี้ หยุยเอินได้รับรางวัลบทภาพยนตร์ยอดเยี่ยม และคนที่เป็นผู้มอบถ้วยรางวัลให้กับเธอก็คือฝู้ถิงหย่วน หยุยเอินคิดไม่ถึงว่าผู้ชายที่สูงส่งและแสนเย็นชาคนนี้จะลดตัวลงอ้อนวอนเธอต่อหน้าผู้ชมทั้งหมด"หยุยเอิน ก่อนหน้านี้คือผมผิดเอง ขอโอกาสให้ผมอีกครั้งได้ไหม"หยุยเอินยิ้มด้วยความมั่นใจ"ขอโทษนะคุณฝู้ ตอนนี้ฉันสนใจแต่เรื่องงาน"ชายหนุ่มคว้ามือเธอไว้ ดวยตานั้นเต็มไปด้วยความผิดหวัง หยุยเอินสบัดมือเขาและเดินจากไปโดยปราศจากความลังเลใด ๆ

เมียผมน่ารักจัง

เมียผมน่ารักจัง

Penn Tofallis
5.0

กู้ชิงเฉิงเชื่อมั่นมาตลอดว่าตราบใดที่เธอประพฤติตัวดี สักวันหนึ่ง เธอก็จะสามารถชนะใจมู่ถิงเซียวให้ได้ อย่างไรก็ตาม เมื่อเสิ่นถัง รักแรกที่เขาคิดถึงมาตลอดกลับมา ทุกอย่างก็เปลี่ยนไป กู้ชิงเฉิงเป็นคนว่าง่ายสอนง่ายจริงๆ เธอจัดงานแต่งงานด้วยคนเดียว และนอนคนเดียวในห้องผ่าตัดเพื่อรับการรักษาฉุกเฉิน มีข่าวลือว่าเธอบ้าไปแล้ว อันที่จริงเธอบ้าไปแล้วจริงๆ ที่รักใครสักคนอย่างไม่ละอายขนาดนี้ ต่อมา ทุกคนลือกันว่า กู้ชิงเฉิงป่วยหนักและกำลังจะเสียชีวิต มู่ถิงเซียวถึงสูญเสียการควบคุมอย่างสิ้นเชิง "ฉันไม่ปล่อยให้เธอตาย" แต่เธอกลับยิ้มอย่างนิ่งๆ ว่า "ดีจังเลย ฉันเป็นอิสระแล้ว" ใช่แล้ว ไม่ต้องการกู้ชิงเฉิงอีกแล้ว"

โสเภณียอดรัก

โสเภณียอดรัก

อัญญาณี
4.9

ธาริกาทนเห็นน้ำตาของวาติยาแฝดน้องไม่ได้ เธอจึงสลับตัวกับน้องสาว เพื่อมาจัดการ นายราเชนทร์ สามีจอมปลอมของวาติยา ให้รู้ซะบ้างว่า ผู้หญิงไม่ได้อ่อนแอทุกคน ...... “เธอออกไปจากบ้านฉันเดี๋ยวนี้ ไป!” ราเชนทร์ไล่หญิงสาวความโมโห “ไม่ไป แก้วเพิ่งมาจะไล่แก้วไปไหนล่ะคะ คืนนี้แก้วจะทวนความจำให้พี่เชนทร์ รับรองพรุ่งนี้พี่เชนทร์ไม่มีทางไล่แก้วออกจากบ้านแน่นอนค่ะ” “ไป! ฉันบอกให้เธอออกไปจากบ้านของฉัน แม่โสเภณี!” ราเชนทร์เริ่มตัวสั่นเพราะความโกรธ เขาไม่เคยโกรธใครเท่าผู้หญิงคนนี้เลย ทั้งโกรธทั้งเกลียด ทั้งขยะแขยง “คำก็โสเภณี สองคำก็โสเภณี ถามหน่อยเถอะว่าถ้าเมียเป็นโสเภณีแล้วผัวจะเป็นอะไร ก็เป็นแมงดาไง แสดงว่าพี่เชนทร์เป็นแมงดา ส่วนบ้านหลังนี้ก็เป็นซ่อง ” ธาริกาสวนกลับอย่างเจ็บแสบ ทำให้ราเชนทร์ถึงกับอึ้ง ก่อนจะแปรเปลี่ยนเป็นความโกรธ แล้วเดินเข้ามาหาหญิงสาวที่ยืนอยู่ข้างบันได เขาเงื้อมือขึ้นสูงหมายจะตบใบหน้านวล แต่เสียงหวานใสของธาริกาก็ดังขึ้นมาเสียก่อน “ตบสิ คุณตบฉัน ฉันจะตบคุณด้วยรองเท้าข้างนี้ เอาสิ! ตบสิ!” ธาริกาถือรองเท้าส้นสูงสีดำขึ้นเหนือศีรษะ ตั้งท่าจะฟาดกับใบหน้าของเขาทันทีที่เธอถูกทำร้าย ราเชนทร์ไม่คิดว่าวาติยาคนใหม่จะกล้าทำกับเขาแบบนี้ เพราะที่ผ่านมาวาติยาคนเดิมไม่กล้าขึ้นเสียงกับเขา เขาว่าแรงๆ ก็เอาแต่ร้องไห้ แต่วาติยาคนนี้เถียงเขาทุกคำ แถมยังสู้ถ้าหากเขาคิดทำร้ายเธอ ร้ายมาร้ายกลับ...ไม่โกง

บุตรเช่นข้า หาได้ต้องการบิดาเช่นท่าน

บุตรเช่นข้า หาได้ต้องการบิดาเช่นท่าน

จิ้งจอกสะท้านหม้อไฟ
5.0

หลินตงหยาง อายุ 27 ปี เติบโตมากับแม่เพียงสองคน ในวัยเด็กหลินตงหยางเคยมีพ่อผู้ให้กำเนิดแต่หลังจากที่พ่อได้งานใหม่ในเมืองหลวงพ่อที่เคยมีก็ไม่มีอีกแล้ว พ่อกลับมาหย่าขาดกับแม่ทันทีที่ไปทำงานในเมืองหลวงได้เพียง 2 เดือน ด้วยให้เหตุผลในการหย่าว่า แม่กับและเขาคือตัวถ่วงความเจริญในชีวิตพ่อ สาเหตุก็ไม่มีอะไรมากแค่พ่อหน้าตาหล่อเหลาและเป็นที่ถูกใจของลูกสาวหัวหน้างาน เพื่อตำแหน่งงานและความเป็นอยู่ที่สบายขึ้น พ่อเลือกที่จะทิ้งภรรยาคู่ทุกข์คู่ยากที่ผ่านเรื่องยากลำบากมาด้วยกัน หย่าขาดกับภรรยาเพื่อไปแต่งงานใหม่ มีชีวิตใหม่ในเมืองหลวง โดยทิ้งคนข้างหลัง ทิ้งภรรยาที่เคยสาบานว่าจะอยู่ครองคู่กันตลอดไป ในปีที่เขาเรียนจบมหาวิทยาลัย แม่ก็ล้มป่วยและจากเขาไปในที่สุด สาเหตุที่หลินตงหยางเสียชีวิต เพราะทำงานหนัก อาชีพโปรแกรมเมอร์ตัวเล็กๆ อย่างเขา ต้องพยายามทำงานให้ได้ตามที่หัวหน้าสั่งมา ในที่สุดเขาก็พัฒนาเกมกำลังภายในของบริษัทได้สำเร็จ หลินตงหยางนอนหลับไปด้วยความสบายใจ แต่ทว่าพอเขาลืมตาตื่นขึ้นมาอีกที นี่ไม่ใช่คอนโดหรูย่านใจกลางเมืองปักกิ่ง หลังคามุงหญ้านี่คืออะไร มันควรจะเป็นเพดานสีขาวสิ เมื่อมองไปรอบๆ ห้องนี่คืออะไร นี่มันไม่ใช่ผนังที่ทำมาจากคอนกรีต มันคือดินเหนียว หลินตงหยางคิดว่าตัวเองฝันไป เขาหลับตาลงอีกครั้งแล้วลืมตาขึ้น ทุกอย่างยังเหมือนเดิม มารดามันเถอะ เขามาอยู่ที่นี่ได้ยังไง หลังจากแน่ใจแล้วว่าไมไ่ด้ฝัน ตอนนั้นเองเขารู้สึกปวดหัวขึ้นมาอย่างรุนแรง และในหัวของเขามีภาพเหตุการณ์ของเด็กชายที่ชื่อเดียวกับเขา หลินตงหยาง อายุ 10 ขวบ เรื่องราวชีวิตตั้งแต่เกิดจนตายไปของเด็กชาย ทำเอาหลินตงหยางกำมือแน่น ก่อนจะสบถออกมา “พ่อสารเลว เฉินซื่อเหม่ยชัดๆ” และตามมาด้วยเสียงร้องไห้ของน้องสาว สาเหตุที่เด็กชายหลินตงหยางเสียชีวิต เพราะถูกผู้ที่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นย่าแย่งผักป่าและทุบตี ทั้งๆ ที่คนพวกนั้นได้ตัดขาดพับพวกเขาสามแม่ลูกแล้ว แต่ยังมิวายข่มเหงรังแก

บท
อ่านเลย
ดาวน์โหลดหนังสือ