Login to MeghaBook
icon 0
icon เติมเงิน
rightIcon
icon ประวัติการอ่าน
rightIcon
icon ออกจากระบบ
rightIcon
icon ดาวน์โหลดแอป
rightIcon
ไฟรักบัญชาการ

ไฟรักบัญชาการ

SHASHAwriter

5.0
ความคิดเห็น
2.7K
ชม
37
บท

“กลับไปแล้ว ผมต้องเข้าไปคุยกับเจ้าสัวเรื่องของเราเสียที” พรลักษมีชะงักมือที่กำลังจัดการกับอาหารในจาน ปฏิเสธทันควัน “ไม่นะคะ” “ทำไม!” จักรพรรดิแทบตวาดถามด้วยความไม่พอใจเมื่อได้ยินว่าเธอปฏิเสธ “ฉัน... เรา...เอ่อ...เป็นแบบนี้ก็ดีแล้วนี่คะ” คนฟังวางช้อนและมีดลงบนจานแทบเป็นกระแทกกระทั้น ยกผ้าซับมุมปากแล้วประสานมือย้อนถามเธอเสียงกร้าวกรุ่นด้วยอารมณ์โกรธ “เป็นแบบนี้? นี่คุณพูดอะไรออกมารู้ตัวบ้างไหม มีแต่ผู้หญิงอย่างว่าเท่านั้นที่คิดอย่างนั้นน่ะ แต่คุณกลับอยากให้เราเป็นแบบนี้?” “ฉันยังไม่อยากผูกมัดตัวเอง คุณเองก็คิดแบบนั้นเหมือนกัน จะเดือดร้อนทำไมคะ” ใช่เขาเดือดร้อน เดือดจนร้อนจนไหม้เพราะเธอไม่แคร์ที่จะมีหรือไม่มีเขาก็ได้ เธอถึงได้คิดเช่นนั้น จักรพรรดิไม่ชอบความรู้สึกอึดอัดเช่นนี้ ไม่เคยต้องมาตามต้อนผู้หญิง ไม่เคยอยากลงหลักปักฐานกับใคร และเขากำลังจะบ้าตายเพราะเธอ “ตามใจ อยากเป็นแบบนี้ก็ตามใจ คบแบบเปลืองเนื้อเปลืองตัวแบบนี้สินะที่ชอบ พอเบื่อก็หาเรื่องเลิกกัน … แบบนั้นใช่ไหม” เขาตวาดถามสรุปประชดประชันใส่อารมณ์กับเธอ “ดีไม่ต้องแต่งมันแล้ว อยู่กันแบบนี้ไปเรื่อยๆ จนแก่จนตายจากกันไปเลยก็ดี!” เขาสรุปส่งท้ายด้วยคำพูดกระแทกแดกดันแบบที่เธอไม่เคยเห็น “ฉันไม่อยากคุยแล้ว คุณใช้แต่อารมณ์ไม่มีเหตุผลเลย” “ใช่! ผมใช้แต่อารมณ์ แบบนี้ก็เหมือนกัน” จักรพรรดิจบประโยคตรงเข้ามาดึงเธอลุกขึ้นจากโต๊ะอาหารสวมกอดรัดแน่นปล้นจูบเอาแต่ใจ “ปล่อยฉันนะ นี่คุณจะข่มขืนฉันเหรอ” “อยากลองรสชาตินั้นหน่อยไหมล่ะ ตั้งแต่เกิดมายังไม่เคยมีสาวไหนได้รับเกียรตินั้นจากผมเลยสักคน”

บทที่ 1 1

พรลักษมีแหงนมองท้องฟ้าที่มืดคล้ำลงพร้อมกอดกระเป๋าเป้หนังอย่างดีแต่มีสภาพเก่าเอาไว้กับอกแน่น แต่เธอก็ยังใช้มันอยู่เพราะมันมีคุณค่าทางใจคือเหตุผลหลัก และสอง เธอไม่มีเงินมากพอที่จะหมดไปกับเสื้อผ้า รองเท้าหรือกระเป๋าเหมือนเพื่อนคนอื่นๆในกลุ่ม เจ้าตัวกระชับสายคล้องเข้ากับบ่าแล้วเร่งฝีเท้าเข้าตัวตึกที่เป็นสิ่งเดียวที่ฟรีแม้กระทั่งค่าน้ำและค่าไฟก็เรียกเก็บที่อาสิด

รถเมล์ที่นั่งมานั้นแม้ไม่เสียสักบาทเลยทำให้ต้องยืนตลอดทาง เพราะฝนตกแบบไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ยบวกกับเป็นช่วงเวลากลับบ้านของใครหลายๆคนทำให้เธอแทบหมดแรง

‘บ้าน’

คำๆนี้มีความหมายกับใครอื่นเกือบทุกคน แต่คงไม่ใช่เธอ หญิงสาวแค่นยิ้มแล้วเดินตรงดิ่งไปยังประตูกระจกบานเลื่อนแบบอัตโนมัติ พลันโทรศัพท์ในกระเป๋าสั่นจนรู้สึกได้ พรลักษมีต้องตั้งเตือนแบบนั้นเพราะกลัวจะรบกวนขณะทำงานเป็นพนักงานพาร์ทไทม์ในร้านอาหารชื่อดังแบรนด์นอก หญิงสาวก้มหน้าควานหามันในกระเป๋าที่ของรกจนบอกตัวเองว่าควรจัดการทิ้งขยะในนี้เสียที ขาเรียวเสลาในกระโปรงพีทดำยาวคลุมเข่าพาเดินเข้าไปด้านในตึกอย่างเคยทำเป็นประจำ เมื่อควานหาจนเจอกลับพบว่าหน้าจอเป็นเบอร์ไม่คุ้นเคยและสายหลุดไปแล้ว ช่างเถอะถ้ามีธุระจริงคงโทรกลับมาเอง

เสี้ยววินาทีนั้นเองมีแรงประทะจากร่างแน่งน้อยที่สวนออกมาทางด้านในล็อบบี ชนเข้ากับเธออย่างจังจนเสียหลักเกือบล้ม แถมด้วยกลิ่นน้ำหอมฉุนกึกลอยเข้ามากระทบโสตประสาทจนเริ่มเวียนหัวขึ้นมาหน่อยๆ และเสียงหวานเลื่อนที่ฟังแล้วน่าหมั่นไส้ชอบกล

“ว๊าย! คิง ไม่เอาค่ะ ไม่เล่น”

คนที่ชนเธอไม่แม้แต่จะหันมาขอโทษ ยังคงส่งเสียงเจื้อยแจ้วกับชายหนุ่มร่างสูงใหญ่ที่เธอเองไม่ได้สนใจคิดอยากจะมองเขาด้วยซ้ำ เพราะใจนึกค่อนยัยคนไม่มีมารยาทคนนั้นอยู่ ที่ชนคนอื่นแล้วยังทำเฉย

“ขอโทษครับ”

ชายคนนั้นพูดขึ้นแทนคนที่ชนเธอ แต่พรลักษมีไม่ให้ราคา เธอตวัดตามองผ่านแล้วตั้งตัวตรง เดินต่อไปยังลิฟต์ เพื่อขึ้นห้องพัก ยืนรอไม่นานประตูสีเงินเปิดอ้าออก แล้วเธอก็ต้องหงุดหงิดมากขึ้นไปอีกเมื่อสองคนที่เดินตามเข้ามาด้วยนั่น คือสองคนที่เธอเจอตรงหน้าประตูทางเข้าเมื่อครู่

ร่างสูงใหญ่เคียงชิดด้วยร่างเย้ายวนกระแซะอยู่ข้างๆไม่ห่าง ยืนเบียดเกือบจะเป็นบุคคลเดียวกันอยู่รอมร่อ เธอไม่เสียสายตามองทั้งสองคนอีกต่อไป ออกเดินนำหน้าเข้าไปก่อน

ชายหญิงสองคนนั้นเดินตามเข้ามาภายหลัง แต่ก่อนที่ประตูจะปิดลง เสียงหญิงสาวที่ชนเธอก็ดังขึ้น

“คิงขา แซนขอ...”เธอกระซิบบางอย่างข้างหูของชายคนเดียวในลิฟต์แล้วหัวเราะ ระริกระรี้ ซ้ำร้ายมือยังกดปุ่มเปิดค้างเอาไว้อย่างไร้มารยาทที่สุด สายตาออดอ้อนอ่อนหวานให้คนที่ถูกเรียกว่า ‘คิง’ อยู่นาน จนพรลักษมีชักทนไม่ไหว แสดงออกมาทางสีหน้าทันที

“ผมเหนื่อยแล้ว คุณกลับเถอะ ผมจะขึ้นห้อง”

ชายคนนั้นบอกเสียงเรียบ และดูเหมือนชายที่ถูกเรียกว่า ‘คิง’ จะพูดคำไหนคำนั้นราวกับความหมายของชื่อ หญิงสาวที่เรียกตัวเองว่าแซน จึงยอมผละจากไปแต่โดยดี ประตูปิดลงและคงไม่มีเหตุให้ต้องมาเปิดมันอีกนะ เธอเหนื่อยมากแล้ว และอยากพักผ่อนเหมือนกัน มือของเธอยื่นของไปกดหมายเลขชั้นเป็นจังหวะเดียวกับเขาที่ยื่นมือออกมาจะกดเช่นกัน

เขาแบมือออกทำท่าเหมือนเป็นสุภาพบุรุษเสียเหลือเกินให้เธอกดหมายเลขก่อน พอเห็นเลขที่เธอกด เขาขมวดคิ้วเล็กน้อย ก่อนจะยืนนิ่งๆ

พรลักษมีไม่สนใจเขาอีกต่อไป เธอเชิดหน้าแต่สายตาก็บังเอิญไปสบกับเขาอีกครั้งที่เงาบนประตูเบื้องหน้า แววตาที่มองสบเธอดูลุ่มลึก วาววับ จนพรลักษมีรู้สึกร้อนๆหนาวๆแปลกๆ เมื่อประตูเปิดออก เธอรีบกระชับกระเป๋าพุ่งตัวล่วงออกไปก่อนอย่างรวดเร็ว

หญิงสาวเดินออกมาจนพ้นช่องที่เว้าไว้สำหรับลิฟต์ เลี้ยวขวาเดินจนเกือบถึงประตูห้องตัวเอง เสียงเมาๆก็ดังข้ามฟากมาทักทาย

“อะ อ้าว นึกว่าสาวสวยที่ไหน ไหงมาอยู่นี่ได้ล่ะครับ”

พรลักษมีเพ่งมองพอเห็นว่าใคร เธอเบ้ปากเดินตรงต่อไปยังห้องของตนเองไม่อยากเสวนาด้วยแม้เพียงครึ่งนาที

ปกติชั้นที่เธออยู่เหมือนจะไม่มีใครพัก แล้วตฤนโผล่มาที่นี่ได้อย่างไร แต่แล้วชายคนที่ทักเธอหมือนจะไม่ยอมเช่นกัน เมื่อหญิงสาวมีท่าทีเฉยชาใส่ ด้วยว่าชอบหล่อนเป็นทุนเดิมอยู่ก่อนหน้าแล้ว

หน้าตาสวยล้ำผิวขาวใสราวกับจะมองทะลุลงไปได้ แต่กลับมีนิสัยรั้นนิดๆราวม้าป่า ชายหนุ่มร้อยทั้งร้อยล้วนอยากปราบพยศสาวอย่างเธอกันทั้งนั้น ตฤนถึงกับคิดกระหยิ่มยิ้มย่องในใจว่า หากได้ลองสาวเจ้าสักครั้งสองครั้ง ขี้คร้านพรลักษมีจะต้องร้องไห้ตามเขาเหมือนเด็กน้อยร้องตามแม่แน่ๆ นึกมาถึงตรงนี้ใจก็เริงร่าพาขาออกเดินเร็วๆเข้ามากระชากข้อมือบอบบางของเธอแล้วยกขึ้นดอมดมอย่างย่ามใจ

พรลักษมีชะงักตกใจ แต่แล้วเมื่อตั้งสติได้เลยทำตัวนิ่งๆ ยิ้มและโน้มตัวเข้าไป กระซิบบอกข้างหูตฤนเบาๆว่า “ใจเย็นก่อนสิตฤน รอลูกหมีเปิดห้องแล้วเราเข้าไปข้างในด้วยกันดีกว่านะ"

อ่านต่อ

หนังสือที่คุณอาจชอบ

หนังสืออื่นๆ ของ SHASHAwriter

ข้อมูลเพิ่มเติม
บท
อ่านเลย
ดาวน์โหลดหนังสือ