Login to MeghaBook
icon 0
icon เติมเงิน
rightIcon
icon ประวัติการอ่าน
rightIcon
icon ออกจากระบบ
rightIcon
icon ดาวน์โหลดแอป
rightIcon
ไฟแค้นเพลิงพายุ

ไฟแค้นเพลิงพายุ

ฮุยอิง

5.0
ความคิดเห็น
1.7K
ชม
54
บท

เมื่อการจากไปชอง “ธิชา” น้องสาวสุดที่รัก เพราะท้องและโดนทิ้ง ด้วยฝีมือของกันต์ รังสีภิรมย์ ผู้ชายเฮงซวย แมงดาปีกทอง ในคราบของไฮโซชั้นสูง ทำให้พายุ อาฆาตแค้นและจ้องทำลายล้างคนที่เป็นสาเหตุทำให้น้องสาวของเขาต้องตาย ถึงคราวซวยของ “อุรวรา” เมื่อเธอคือเจ้าสาวของ กันต์ รังสีภิรมย์ ที่เขาเลือกที่จะแต่งงานด้วย เธอจึงกลายเป็นเหยื่อของความแค้น ความโหดร้าย และการทำทารุณ จึงโหมกระหน่ำลงมาที่เธอ

บทที่ 1 ตอนที่ 1

ตอนที่ 1

ก๊อก ก๊อก ก๊อก

“ธิชา เปิดประตูให้พี่หน่อยสิ พี่เอาข้าวมาให้น่ะ”

เสียงห้าวทุ้มของพ่อเลี้ยงพายุ ฤทธิ์ธิเดช แห่งไร่ฤทธิ์ธิเดช เรียกน้องสาวคนเล็กที่เพิ่งเดินทางกลับมาจากกรุงเทพฯ ชายหนุ่มมีร่างกายที่แข็งแกร่งสูงใหญ่และกำยำ เป็นที่คลั่งไคล้ของเหล่าคนงานสาวๆ ภายในไร่ฤทธิ์ธิเดชเป็นอย่างมาก ความที่มีใบหน้าหล่อเหลาปานเทพบุตรทำให้ชื่อเสียงของพ่อเลี้ยงพายุเป็นที่หมายปองของสาวน้อยสาวใหญ่ทั่วทั้งจังหวัดเชียงรายเป็นยิ่งนัก

ดวงตาสีนิลกาฬยังคงจับจ้องมองอยู่ที่ประตูห้องนอนของผู้เป็นน้องสาว ด้วยเพราะน้องน้อยไม่ยอมที่จะออกไปไหนเลยตั้งแต่เดินทางกลับมาจากกรุงเทพฯ ในครั้งนี้ หญิงสาวเอาแต่เก็บตัวอยู่ภายในห้อง จนน้องชายอีกคนของเขาต้องไปขอให้พี่ชายคนโตมาช่วยกันเรียกให้น้องสาวคนเล็กของบ้านยอมเปิดประตูออกมาเสียที

“เห็นไหมพี่พายุ ผมบอกแล้วว่าธิชาน่ะมันไม่ยอมออกมาจากห้องเลย พี่เองก็เคาะเรียกอยู่ตั้งนานแล้วมันก็ยังไม่ยอมเปิดประตูห้องออกมาหาพวกเราเลยดูสิ”

อัคคี ฤทธิ์ธิเดช น้องชายคนรองของไร่ฤทธิ์ธิเดชพูดบอกออกมาด้วยความขัดใจ ใบหน้าหล่อเหลายู้เข้าหากันอย่างหงุดหงิด ด้วยน้องน้อยไม่ยอมเปิดประตูให้กับคนเป็นพี่สักที ร่างกายสูงใหญ่กำยำไม่แพ้คนเป็นพี่ชายเดินวนไปเวียนมาที่หน้าประตูห้องอย่างใช้ความคิด ดวงตาสีสนิมเหล็กมองสบตากับคนเป็นพี่ก่อนจะพยักหน้าให้กันว่าพวกเค้าคงจะต้องพังประตูห้องเข้าไปหาน้องนุชคนสุดท้องเป็นแน่

“เดี๋ยวเราถีบประตูห้องพร้อมๆ กันเลยนะอัคคี”

พายุพูดบอกน้องชายออกไปด้วยด้วยน้ำเสียงขึงขัง

“ได้เลยพี่ชาย ผมพร้อมอยู่แล้ว เดี๋ยวเรานับหนึ่งถึงสามแล้วถีบประตูพังเข้าไปเลย”

อัคคีบอกคนเป็นพี่ แต่ก่อนที่ชายหนุ่มทั้งสองจะเริ่มนับ ร่างของหญิงวัยกลางคนก็เดินตรงรี่เข้ามาหาผู้เป็นนายทั้งสองแล้วพูดร้องขึ้น

“หยุดค่ะ! หยุด! อย่าเพิ่งพังประตูค่ะพ่อเลี้ยง คุณอัคคี!”

ป้าสายใจ แม่บ้านที่คอยดูแลผู้เป็นนายทั้งสามของไร่ฤทธิ์ธิเดชแห่งนี้นั่นเอง

“อย่าพังประตูห้องเลยค่ะ พ่อเลี้ยง คุณอัคคี นี่ค่ะกุญแจของบ้าน ป้าเอามาให้แล้ว”

ป้าสายใจพูดบอกน้ำเสียงเหนื่อยหอบ ก่อนจะยื่นพวงกุญแจของห้องทั้งหมดภายในบ้านหลังนี้ให้กับพ่อเลี้ยงพายุเจ้านายของตน

พายุรับพวงกุญแจพวงใหญ่จากป้าสายใจมาถือไว้ในมือ ดวงตาสีนิลกาฬจับจ้องอยู่ที่พวงกุญแจอยู่พักนึง ก่อนจะส่งให้กับอัคคีแล้วพูดขึ้นว่า

“นายดูสิว่ากุญแจห้องของธิชามันดอกไหน พี่ขี้เกียจหาว่ะ มันเยอะหลายดอกเหลือเกิน”

“อ้าวพี่พายุ ทำไมโยนมาให้ผมล่ะ แล้ววันนี้ผมจะหาเจอไหมล่ะเนี่ย”

อัคคีบ่นกระปอดกระแปด ใบหน้าหล่อเหลางอง้ำขึ้นมาทันที แต่ก็ยื่นมือเรียวแกร่งออกไปรับพวงกุญแจจากคนเป็นพี่

ป้าสายใจถึงกับถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ นางเองก็ลืมไปว่าเจ้านายหนุ่มทั้งสองของนางนั้นไม่เคยเลยสักครั้งที่จะต้องใช้กุญแจของบ้านไขเข้าห้องไหนๆ เลยแม้แต่ครั้งเดียว และหากจะให้เอาลูกกุญแจไขเข้าไปที่ห้องของคุณหนูคนเล็กเห็นทีกว่าจะไขเข้าไปได้ดีไม่ดีประตูห้องอาจจะพังไปก่อนแล้วก็เป็นได้

“มาค่ะ เดี๋ยวป้าไขให้เอง”

พูดจบป้าสายใจก็ยื่นมือเข้าไปขอกุญแจจากมือของอัคคีทันที ชายหนุ่มยิ้มกว้างออกมาพร้อมกับส่งให้กับป้าสายใจแต่โดยดีเช่นกัน

“ดีเลยป้า เพราะถ้าหากว่าให้ผมกับพี่พายุไขละก็สงสัยวันนี้คงไม่ต้องเข้าไปหาธิชาเป็นแน่”

แต่ยังไม่ทันที่ป้าสายใจจะลงมือไขกุญแจห้องของน้องน้อย ประตูห้องก็ค่อยๆ เปิดออกมาเผยให้เห็นร่างบอบบางของหญิงสาวผู้เป็นเจ้าของห้อง ชลธิชา ฤทธิ์ธิเดช หรือ ธิชา น้องน้อยสุดรักสุดหวงของพี่ชายทั้งสองเป็นยิ่งนัก ใบหน้าสวยหวานยามนี้มีแต่คราบน้ำตาเกรอะกรัง ก่อนที่ร่างบอบบางจะโผเข้าไปหาอกกว้างของพี่คนโต แล้วหญิงสาวก็เอาแต่ร้องห่มร้องไห้อย่างเดียวเท่านั้น

“พี่พายุ...ฮือๆ...”

หญิงสาวพูดได้เพียงเท่านั้น แล้วก็ไม่พูดอะไรอีกเลย เจ้าหล่อนเอาแต่ร้องไห้ จนคนเป็นพี่ทั้งสองไม่รู้จะปลอบใจอย่างไรดี ก่อนที่อัคคีจะพูดขึ้น

“ธิชา อย่าร้องไห้เลยนะ เป็นอะไรไป ใครทำให้น้องน้อยของพี่เสียใจถึงขนาดนี้กัน บอกพี่เถอะ เดี๋ยวพวกพี่จะไปจัดการให้”

ชลธิชาเงยหน้าออกจากอกกว้างของพายุ แล้วเงยมองหน้าพี่ชายคนโต ก่อนจะหันกลับมามองอัคคีพี่ชายคนรองของเธอแล้วก็โผเข้าไปหาอ้อมอกเจ้าของคำพูดที่บอกว่าจะไปจัดการคนที่ทำให้เธอต้องมาร้องไห้เสียน้ำตาอย่างนี้

อัคคีรับร่างบอบบางของน้องสาวเอาไว้ ก่อนที่จะโอบกอดและปลอบโยนให้น้องน้อยได้คลายความทุกข์โศก ชายหนุ่มทำท่าจะพูดอะไรออกมาอีกแต่ก็ต้องหุบปากลงทันทีเมื่อดวงตาสีนิลกาฬของพี่ชายคนโตมองจ้องเขม็งพร้อมกับส่ายหัวไปมาเบาๆ เป็นเชิงบอกให้เขารู้ว่าตอนนี้ไม่สมควรที่จะต้องพูดอะไรทั้งสิ้นนอกจากปล่อยให้น้องน้อยของพวกเขาได้ร้องไห้ระบายความอัดอั้นออกมาให้หมดเสียก่อน จากนั้นจึงค่อยถามเอาความจริง

ป้าสายใจเองเมื่อเห็นว่าคุณหนูของนางเป็นผู้เปิดประตูห้องออกมาเองก็รีบค้อมกายลงแล้วรีบเดินออกไปจากตรงนั้นทันที ด้วยเพราะรู้หน้าที่ดีว่ายามนี้ไม่สมควรที่จะมีบุคคลภายนอกอยู่ร่วมในเหตุการณ์นี้

เวลาผ่านไปได้พักใหญ่ สามคนพี่น้องยังคงยืนอยู่ที่หน้าห้องนอนของน้องนุชคนสุดท้อง พี่น้องทั้งสามไม่ได้ขยับเขยื้อนไปไหนเลย พวกเขายังคงยืนอยู่ที่จุดเดิม จนกระทั่งเสียงร้องไห้ของชลธิชาเริ่มเงียบลง ตอนนี้หลงเหลือเพียงเสียงสะอื้นไห้ออกมาเป็นระยะๆ เท่านั้น ก่อนที่ใบหน้าสวยหวานจะค่อยๆ เงยขึ้นมองคนเป็นพี่ทั้งสอง แล้วพนมมือไหว้เพื่อเป็นการขอโทษที่ทำให้พี่ชายทั้งสองต้องเป็นห่วงเธอ

“ธิชาต้องขอโทษพี่พายุกับพี่อัคคีด้วยนะคะที่ทำให้พวกพี่ต้องเป็นห่วงน่ะค่ะ”

“พี่ว่าเราไปคุยกันในห้องดีกว่านะ พี่ไม่อยากยืนคุยตรงนี้ ไปธิชาเข้าห้อง”

พ่อเลี้ยงพายุพูดสั่งน้องน้อยออกมา ก่อนที่จะเป็นคนเดินนำหน้าก้าวเข้าไปภายในห้องของน้องสาวเป็นคนแรก ทำให้เจ้าของห้องร้องห้ามเอาไว้ไม่ทัน จึงจำต้องยอมเดินตามกลับเข้าไปภายใน ก่อนที่จะรีบเดินเข้าไปที่เตียงนอนหนานุ่มแล้วดึงผ้าห่มคลุมถุงยาเอาไว้เพราะไม่อยากจะให้พี่ชายทั้งสองได้เห็นมัน

แต่ก็ช้าไปเสียแล้ว อัคคีที่เดินตามหลังเข้ามาเป็นคนสุดท้ายกลับหันกลับมามองทันพอดีกับที่น้องน้อยของเขาเอาผ้าห่มคลุมทับถุงอะไรบางอย่าง ริมฝีปากของชายหนุ่มจึงพูดถามออกไปทันที

“นั่นถุงอะไรน่ะธิชา แล้วเราจะเอาผ้าห่มไปคลุมมันไว้ทำไมล่ะ”

อัคคีถามออกมาพร้อมกับเดินไปเปิดผ้าห่มออก แต่หญิงสาวร้องห้ามพร้อมกับพาร่างบอบบางหันกลับมาเผชิญหน้ากับพี่ชายคนรองแล้วกางมือออกเหมือนกับจะขวางกั้นไม่ให้พี่ชายได้เข้าไปใกล้เตียงนอนของเธอ

“อย่านะพี่อัคคี! อย่ามายุ่งกับเตียงของธิชานะ!”

ชลธิชาร้องบอกคนเป็นพี่ออกมาเสียงดัง แต่หญิงสาวคงลืมไปว่าเจ้าหล่อนนั้นมีพี่ชายอยู่ด้วยกันสองคน เมื่อคนหนึ่งถูกน้องน้อยขวางเอาไว้ อีกคนหนึ่งจึงทำหน้าที่นั้นแทน

พายุที่เดินเข้ามาก่อนเป็นคนแรก แต่เพราะความที่ห้องนอนของน้องน้อยไม่ยอมเปิดหน้าต่างรับอากาศบริสุทธิ์ให้เข้ามาในห้อง แถมยังมีม่านบดบังแสงสว่างอีกจึงทำให้เขาต้องเปิดหน้าต่างออกก่อนแล้วจึงได้หันมาตามเสียงพูดของน้องทั้งสอง

ดวงตาสีนิลกาฬของพ่อเลี้ยงพายุมองจ้องมาที่เตียงนอนของน้องน้อยทันทีที่หญิงสาวพูดจบ มือเรียวใหญ่ของคนเป็นพี่ตวัดเปิดผ้าห่มที่น้องสาวเพิ่งจะใช้มันคลุมปิดถุงยาเอาไว้ ก่อนที่จะคว้าถุงยานั้นขึ้นมาอ่านว่าแพทย์จ่ายยาอะไรมาให้น้องสาวของตน ชลธิชาถึงกับตกใจใบหน้าซีดเผือดเมื่อเห็นคนเป็นพี่ตวัดผ้าคลุมเตียงออกเช่นนั้น

“ว้าย! พี่พายุอย่า!”

ร่างบอบบางทำท่าจะเข้าไปคว้าถุงยาของตนเองคืน แต่หญิงสาวก็ต้องหยุดชะงักกับสายตาดุดันของพี่ชายคนโตที่มองมายังตน ใบหน้าสวยหวานที่ซีดเซียวอยู่แล้วกลับซีดหนักลงไปอีก ร่างบอบบางสั่นสะท้านขึ้นมาด้วยความกลัว ก่อนจะนั่งลงบนเตียงนอนแล้วก้มหน้าร้องไห้ออกมาแล้วพูดขึ้นว่า

“ธิชา...ขอโทษ”

พายุยืนตัวแข็งอยู่ตรงหน้าน้องน้อย พ่อเลี้ยงหนุ่มพูดอะไรไม่ออก เมื่อน้องน้อยพูดประโยคนี้ออกมา ก่อนที่อัคคีจะเดินเข้ามาหาพี่ชายแล้วยื่นมือไปหยิบถุงยาของน้องสาวออกมาดูว่ามันคือยาอะไร ทำไมพี่ชายกับน้องสาวของเขาถึงมีอาการเช่นนี้ แต่ขออย่าให้มันเป็นอย่างที่เขาคิดเอาไว้เลย

ดวงตาสีสนิมของอัคคีลุกวาบขึ้นทันทีที่ได้เห็นซองยาที่เขียนว่า ‘ยาบำรุงครรภ์’ นี่น้องสาวของเขาท้องหรือเนี่ย อัคคีนิ่งเงียบไปหลายนาทีก่อนที่จะเค้นเสียงถามออกมาว่า

“นี่หมายความว่ายังไงธิชา พวกพี่ส่งเธอให้ไปเรียนหนังสือนะ แล้วเรียนยังไงมันถึงได้ท้องป่องออกมาอย่างนี้”

อ่านต่อ

หนังสือที่คุณอาจชอบ

หนังสืออื่นๆ ของ ฮุยอิง

ข้อมูลเพิ่มเติม
บท
อ่านเลย
ดาวน์โหลดหนังสือ