Login to MeghaBook
icon 0
icon เติมเงิน
rightIcon
icon ประวัติการอ่าน
rightIcon
icon ออกจากระบบ
rightIcon
icon ดาวน์โหลดแอป
rightIcon
ถ้าเปรียบรักเป็นดั่ง...สารเสพติด

ถ้าเปรียบรักเป็นดั่ง...สารเสพติด

JAMBENZ

5.0
ความคิดเห็น
15.6K
ชม
52
บท

"ความรักก็เปรียบเสมือนสารเสพติด ฉันจะทำให้เธอคลั่ง และเสพติดฉันแต่เพียงผู้เดียว จำไว้!" ประโยคนิ่งๆ นั้นมีนัยแฝงไปด้วยความหมายมากมาย แต่มันก็ไม่อาจทำให้ฉันรู้สึกหวาดกลัวได้เลยสักนิด... "ต้องกลัวมั้ย?" ........................................................................ คนส่วนมากเมื่อชีวิตตกต่ำถึงขีดสุดก็มักจะเลือกกระทำในสิ่งที่ถูกต้องเพื่อให้ตัวเองอยู่รอด แต่สำหรับฉันนั้นถือได้ว่าจัดอยู่ในส่วนน้อย ยามใดที่กลายเป็นหมาจนตรอกก็จะดิ้นรนทุกหนทาง ไม่สนว่าทางที่เลือกมันจะผิดศีลธรรมหรือผิดกฎหมายบ้านเมืองมากแค่ไหน ถ้าทำแล้วมันทำให้ฉันมีกินมีใช้ฉันก็พร้อมที่จะทำ ต่อให้ต้องฆ่าคนอีกหลายร้อยชีวิตฉันก็ยอม "หน้าตาดีแบบนี้เลิกเป็นเด็กส่งยามาเป็นเด็กเฮียดีกว่าอีหนู" และถ้าฆ่าผู้ชายคนนี้แล้วได้เงินฉันก็ยิ่งยินดีที่จะทำเป็นอย่างยิ่ง ปากหมา สันดานต่ำ เฒ่าหัวงู สามประโยคนี้หลอมรวมกันเป็นนิยามประจำตัวของผู้ชายคนนี้ที่ชื่อว่า 'ปืน' "เอาเวลาเต๊าะเด็กไปซื้อโลงนอนเถอะลุง" ด้วยรัก และ Fuck You...

บทที่ 1 บทนำ

ตึก...ตึก...ตึก

เสียงฝีเท้าของฉันดังกระทบกึกก้องไปทั่วทางเดินในตรอกซอยแคบข้างผับชื่อดังแห่งหนึ่งในใจกลางเมืองของประเทศไทย

รองเท้าผ้าใบสีซีดเหยียบย่ำไปบนพื้นสกปรก แถมยังมีน้ำเสียเจิ่งนองเป็นวงกว้างทั่วบริเวณ กลิ่นของมันโชยเข้ามาในจมูกจนฉันต้องเบ้หน้าอย่างขยะแขยง และฉันต้องพยายามอย่างถึงที่สุด ที่จะเดินไม่ให้น้ำเน่าๆ พวกนั้นมันกระเด็นใส่ขา

ถ้าเลือกได้ฉันก็จะไม่เข้ามาในตรอกซอยบ้าๆ นี่เด็ดขาด แต่เพราะว่ามันเลือกไม่ได้ไง…

“พี่ต้น!”

ริมฝีปากบางสีชมพูธรรมชาติโพล่งเรียกชื่อของผู้ชายคนหนึ่ง ที่กำลังยืนสูบบุหรี่อยู่ตรงกองเก้าอี้และโต๊ะที่ไม่ได้ใช้งานแล้ว ซึ่งผู้ชายคนนี้เขาก็คือพี่ชายแท้ๆ ของฉันเอง

ฉันชื่อเตนล์ มีพี่ชายชื่อต้น พี่ต้นอายุยี่สิบห้าปี ส่วนฉันนั้นอายุเพียงแค่สิบเก้า โดยปกติแล้วในวันธรรมดาแบบนี้ถ้าเป็นคนในวัยเดียวกันก็น่าจะไปโรงเรียนกันหมดแล้ว แต่ฉันกลับไม่ได้ไป หรือจะพูดให้ถูกก็คือไม่มีปัญญาที่จะส่งตัวเองเรียนให้จบ

ตั้งแต่พ่อกับแม่ของฉันเสียชีวิตด้วยอุบัติเหตุในช่วงที่ฉันอายุสิบสามปี ฉันกับพี่ต้นก็เลิกเรียนมาตั้งแต่นั้น

ญาติน่ะมี แต่เขาไม่ให้พึ่ง เราจึงต้องดิ้นรนที่จะมีชีวิตอยู่ด้วยตัวเองเพราะใครๆ ก็ผลักไสเรา

“เอายานี่ไปส่งให้กูหน่อย”

กล่องนมธรรมดาๆ ถูกยื่นมาตรงหน้าฉัน แต่ข้างในนั้นมันกลับสอดไส้ยานรกเอาไว้

‘เด็กส่งยา’ นี่แหละคืออาชีพของเราสองพี่น้อง

แม้ว่ามันจะไม่ใช่อาชีพสุจริต แต่เราสองคนก็ไม่เกี่ยง เหตุผลเพราะว่ามันทำเงินให้เราได้ดีกว่าการทำงานอย่างอื่นเป็นไหนๆ แม้ว่ามันจะเสี่ยงสักหน่อยก็ตาม

ฉันกับพี่ต้นเริ่มทำอาชีพนี้ตั้งแต่ที่ถูกญาติๆ ของพ่อและแม่ผลักไสแล้วล่ะ ถ้าไม่ทำก็ไม่มีอะไรกิน แล้วถามหน่อยเถอะว่าเด็กอายุยังไม่ถึงยี่สิบนี่จะหางานดีๆ เงินเยอะๆ ได้ยังไง การที่อยู่ๆ ก็กลายเป็นหมาจนตรอกมันทำให้เราสองคนเลือกจะทำในสิ่งที่ไม่ถูกต้องเพื่อความอยู่รอด

สมบัติของพ่อกับแม่ก็ไม่มี เหลือเพียงแค่บ้านไม้เก่าๆ ไว้ให้ซุกหัวนอนก็บุญหัวเท่าไหร่แล้ว

คติของฉันคือ ‘ไม่เลือกงาน ไม่เลือกจน’ แต่แนะนำว่าอย่าทำแบบฉันเลยดีกว่า ถ้ายังอยากมีชีวิตที่สดใสอยู่น่ะนะ เพราะชีวิตของฉันตอนนี้มันมืดมนจนยากที่จะหาทางออกได้แล้ว

ส่วนคุณสมบัติหลักที่จะมาเป็นเด็กส่งยาได้คือ สกิลเท้าต้องดี พ่อมาเมื่อไหร่ต้องเหยียบให้มิด ไม่งั้นก็จบ…

“จะให้เอาไปส่งที่ไหนล่ะ”

โดยปกติแล้วฉันไม่ได้ไปรับงานจากเอเย่นต์ค้ายารายใหญ่เองหรอก มีแต่พี่ต้นนี่แหละที่คอยไปเอายามาให้ แล้วให้ฉันเอาไปส่งกับผู้ค้ารายย่อยอีกที หรือบางทีก็ส่งให้กับคนเสพทั่วๆ ไป

แต่ทว่าสิ่งที่อยู่ในมือของฉันตอนนี้เหมือนจะเป็นของผู้ค้ารายย่อยมากกว่า เพราะน้ำหนักของมันที่สัมผัสได้ค่อนข้างหนักเลยทีเดียว

“ที่ผับพีเอ็นคลับ”

ชื่อผับที่พี่ต้นบอกมาทำให้ฉันพอรู้อยู่บ้างว่ามันอยู่ที่ไหน เมื่อรู้ที่หมายแล้วฉันก็เก็บกล่องนมนั้นยัดใส่กระเป๋าเป้ของตัวเอง ที่สะพายห้อยพาดไหล่เอาไว้แค่สายเดียวอย่างหมิ่นเหม่

“วันนี้มีแค่นี้เหรอพี่” ฉันเงยหน้าขึ้นถามพี่ชายของตัวเองเพื่อความแน่ใจ เพราะถ้าไม่มีอะไรต้องส่งอีกฉันก็จะได้กลับบ้านไปนอนพัก ซึ่งพี่ต้นก็พยักหน้ารับเบาๆ ก่อนพูดเสริมออกมา

“ระวังตัวด้วยล่ะ รายย่อยคนนี้มันจู้จี้จุกจิก อย่าให้ของหายและอย่าถูกจับเป็นอันขาด”

“อืม”

ประโยคกำชับที่เปล่งออกมาทำให้ฉันตอบรับในลำคอ ก่อนจะหมุนตัวหันหลังเดินออกมาจากตรอกซอยแคบๆ นั้น

พรึบ!...ผลัก!

“เฮ้ย!!” ทว่าเดินออกมาได้เพียงไม่นานกระเป๋าเป้ที่ฉันสะพายเอาไว้ กลับถูกผู้ชายคนหนึ่งกระชากออกไปอย่างง่ายดาย มันผลักตัวฉันจนเซถลาไปด้านข้างเล็กน้อย แต่เมื่อตั้งสติได้เท้าเล็กทั้งสองข้างก็รีบวิ่งตามหลังมันไปทันที

ตึก...ตึก...ตึก…

“หยุดนะ!!” ฉันพยายามตะโกนไล่หลังมันสุดเสียง แต่ก็ไม่มีประโยชน์อะไร ถ้าจะเอ่ยปากขอให้คนแถวนั้นช่วยก็เกรงว่าคนที่จะถูกจับจะกลายเป็นฉันซะเอง

มันน่ะแค่โดนข้อหาวิ่งราว แต่ฉันนี่สิโดนเต็มๆ

และด้วยความที่มันเป็นผู้ชาย เรียวขานั้นจึงยาวกว่าฉันหลายเท่า แถม สกิลเท้ามันยังเหนือกว่าฉันเป็นไหนๆ ดูท่าแล้วน่าจะเป็นมืออาชีพพอสมควร ตำรวจที่เคยวิ่งไล่จับฉันยังไม่สกิลเท้าดีขนาดนี้เลยด้วยซ้ำ

แม่ง...ขโมยอะไรไม่ขโมย เสือกมาขโมยยาบ้า บักปอบ!

“เชี่ยเอ๊ย!” ฉันถึงกับต้องสบถออกมาอย่างหงุดหงิดเมื่อไม่สามารถที่จะวิ่งตามมันได้ทัน

เท้าของฉันจำต้องหยุดชะงัก สองมือท้าวที่เข่าของตัวเองด้วยท่าทีที่เหนื่อยหอบ เหงื่อกายมากมายแตกพลั่กลงมาจนชุ่มตามกรอบหน้าเนียน

ฉันยกหลังมือขึ้นปาดเหงื่อของตัวเองออกลวกๆ และพอจะล่วงรู้ได้เลยว่าถ้ากลับไปต้องเจอกับอะไร

จากที่เวลานี้กำลังปาดเหงื่อ อีกไม่กี่นาทีข้างหน้าฉันอาจจะต้องยกหลังมือขึ้นมาเพื่อปาดเช็ดเลือดของตัวเอง

ชะตาของฉันมันกำลังจะขาด…

อ่านต่อ

หนังสือที่คุณอาจชอบ

หนังสืออื่นๆ ของ JAMBENZ

ข้อมูลเพิ่มเติม
บท
อ่านเลย
ดาวน์โหลดหนังสือ