Login to MeghaBook
icon 0
icon เติมเงิน
rightIcon
icon ประวัติการอ่าน
rightIcon
icon ออกจากระบบ
rightIcon
icon ดาวน์โหลดแอป
rightIcon
BABY BURN ชะนีเกินเบอร์

BABY BURN ชะนีเกินเบอร์

JAMBENZ

5.0
ความคิดเห็น
5.1K
ชม
51
บท

เคยได้ยินคำว่าเสือสองตัวอยู่ถ้ำเดียวกันไม่ได้หรือเปล่า? และฉันก็ไม่ชอบให้ใครมาหากินในที่ของฉัน แต่ 'มัน' เสือกทำ "ไม่ใช่เด็กถิ่นเช็คอินได้เปล่า" ด้วยความที่โชคชะตามันโหดร้าย จึงทำให้เราสองคน 'ได้' กัน ........................................................................ สิ่งที่ฉันเกลียดที่สุดก็คือความเจ้าชู้ แต่แล้ววันหนึ่งฉันกลับกลายทำตัวเป็นแบบนั้นซะเอง เหตุการณ์ที่พบเจอมันบีบบังคับให้ฉันต้องร้าย ต้องแรง และ...อยู่ให้เป็น "นี่ไม่ใช่ที่วิ่งเล่นของเด็ก กลับบ้านไปดูดนมนอนไป๊!" วาจาที่พ่นออกมาจากริมฝีปากหนาเป็นอะไรที่ฉันรังเกียจพอๆ กับการเห็นหน้า 'คนพูด' "ก่อนไป ขอเตะปากทีดิ" เท้าของฉันมันกำลังกระตุก เมื่อหูได้ยินอะไรที่ไม่เข้าท่าสักเท่าไหร่ เขาว่ากันว่าเสือสองตัวอยู่ถ้ำเดียวกันไม่ได้ เห็นทีว่ามันจะจริง...

บทที่ 1 .

ถ้าให้คำนิยามเกี่ยวกับชีวิตของฉัน ก็คงต้องบอกได้เลยว่า บัดซบสิ้นดี...

ฉันชื่อ ‘ลลิส’ เป็นเพียงเด็กวัยรุ่นคนหนึ่งที่กำลังก้าวเข้าสู่รั้วมหา’ลัยในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้านี้ แน่นอนว่าในทุกๆ วันและทุกๆ ช่วงเวลาที่ว่างฉันต้องอ่านหนังสือเพื่อเตรียมสอบอะไรต่างๆ นาๆ มากมาย

ซึ่งเด็กมอปลายทุกคนก็คงรู้กันดีอยู่แล้วล่ะ ว่าตัวเองนั้นต้องผ่านสนามสอบอะไรบ้างจนกว่าจะหาที่เรียนได้

แต่...เรื่องอ่านหนังสือเตรียมสอบก็ไม่ได้ทำให้ฉันเครียดมากนักหรอก เพราะสิ่งที่ทำให้ฉันเครียดและรู้สึกรำคาญที่สุดก็คือการที่พ่อกับแม่แท้ๆ ของฉันทะเลาะกันไม่เว้นแต่ละวัน...

มือบางยกขึ้นกุมขมับ ก่อนจะขยี้ผมตัวเองแรงๆ จนยุ่งเหยิงเมื่อเสียงตะโกนด่าทอกันระหว่างพ่อกับแม่ดังแทรกเข้ามาในหู

แกร๊ก!

ฉันกระแทกปากกาที่ถืออยู่วางลงบนโต๊ะด้วยความรุนแรง ตามอารมณ์ที่เริ่มคุกรุ่นของตัวเอง

“เลิกทะเลาะกันสักทีได้มั้ย! หนวกหูโว้ย!!” มือบางเอื้อมไปเปิดประตูห้อง ก่อนจะชะโงกหน้าออกไปและตะโกนเสียงดังลั่น พ่อกับแม่ที่ยืนทะเลาะกันอยู่ต่างหยุดชะงักแล้วหันมามองฉันเป็นตาเดียว

“แกน่ะหุบปากไป! ไม่รู้หรือไงว่าพ่อแกจะย้ายไปอยู่กับอีเมียน้อยแล้ว!!” ร่างบางของแม่สั่นเทิ้มด้วยอารมณ์แห่งโทสะ มือของท่านกำหมัดเข้าหากันแน่น ราวกับเตรียมพร้อมที่จะประทุษร้ายพ่อของฉันได้ทุกเมื่อ

“รู้ แล้วยังไงล่ะ ถ้าพ่ออยากไปมากนักแม่ก็ปล่อยพ่อไปสิ” มันอาจจะดูเป็นคำพูดง่ายๆ แต่ในความคิดของฉัน ฉันกลับคิดว่าเราไม่จำเป็นต้องแคร์คนที่ไม่เห็นค่าในตัวเราแล้ว จะอาลัยอาวรณ์ไปทำไม ถ้าคนมันอยากไปต่อให้รั้งแทบตายยังไงผลลัพธ์มันก็ออกมาเหมือนเดิมอยู่ดีนั่นแหละ

“แกไม่เป็นฉันก็พูดได้หนิ ถ้าหนวกหูมากนักก็ไสหัวไปอยู่ที่อื่นไป!!”

“ก็ไม่ได้อยากจะอยู่นักหรอก” ฉันถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ จะเรียกว่าชินชากับเหตุการณ์แบบนี้แล้วก็พูดได้

แต่ก่อนแม่ฉันก็ไม่ได้เป็นคนแบบนี้หรอก เพราะพ่อฉันเองนี่แหละที่ทำให้แม่มีนิสัยที่เปลี่ยนไป ต้นเหตุของปัญหาร้าวฉานในครอบครัวก็ไม่พ้นเกิดจากมือที่สาม เมื่อไม่นานมานี้แม่ฉันเพิ่งจับได้ว่าพ่อมีเมียน้อยที่แอบซุกเอาไว้ตั้งเกือบปี ซึ่งตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาก็เท่ากับว่าแม่ของฉันถูกพ่อสวมเขามาตลอด

ไม่แปลกที่แม่จะมีนิสัยรุนแรงแบบนี้

แต่บางทีก็เกินไป ฉันล่ะไม่เข้าใจจริงๆ ว่าทำไมแม่ต้องลดตัวไปตบตีกับพวกผิดศีลธรรมแบบนั้นด้วย

แล้วรู้อะไรไหม? คนที่ได้รับผลกระทบที่สุดมันก็คือลูกอย่างฉันนี่ไง

ปัง!

ฉันปิดประตูห้องเมื่อเห็นว่าอยู่ไปก็คงไม่ได้ช่วยให้อะไรดีขึ้นมา หลังจากกลับเข้ามาในห้องแล้ว หูก็ได้ยินเสียงพ่อกับแม่เปิดศึกมวยไทยกันอีกรอบ

ฉันตัดสินใจเดินไปที่โต๊ะเขียนหนังสือ แล้วจัดการกวาดทุกสิ่งทุกอย่างที่ใช้ในการอ่านเตรียมสอบลงกระเป๋าเป้ทั้งหมด

เมื่อสำรวจแล้วว่าตัวเองไม่ได้ลืมอะไร ฉันถึงได้เดินออกมาจากห้องอีกครั้ง และเดินผ่านพ่อกับแม่ที่กำลังทะเลาะกันไปอย่างไม่สนใจ

อยากห้ามก็อยากอยู่ แต่เคยห้ามแล้วถูกหาว่าสะเหล่อไง ฉันก็เลยปล่อยเบลอ

เมื่อเดินออกมาหน้าบ้านฉันก็เดินตรงไปที่โรงจอดรถ เพื่อขับมอเตอร์ไซค์คู่ใจของตัวเองออกไปหาที่สงบๆ อ่านหนังสือ

ความจริงแล้วฉันก็ไม่ใช่คนเคร่งเครียดกับการเรียนอะไรขนาดนั้น แต่เป็นเพราะอยากสอบติดมหา’ลัยดีๆ ฉันก็เลยต้องพยายามมากกว่าปกติ และพอจะตั้งใจขึ้นมาจริงๆ ก็เจออุปสรรคแบบนั้นไง

ฉันใช้เวลาขับรถไม่นานก็มาถึงจุดหมาย ตรงหน้าเป็นตึกอพาร์ทเม้นท์ ซึ่งเป็นที่พักอาศัยของแฟนฉันเอง เขาชื่อ ‘ธาม’ เป็นเพื่อนต่างห้องของฉัน ธามตามจีบฉันมาหลายเดือนแล้ว แต่ฉันเพิ่งจะเปิดใจคบหากับเขาเมื่อสองสามเดือนที่แล้ว

ธามก็เป็นคนดีในระดับหนึ่งนะ แต่ไม่รู้ว่าเป็นเพราะช่วงโปรโมชั่นหรือเปล่า แรกๆ อะไรก็ดี ด้วยเหตุนี้เวลาคบใครจึงต้องดูไปนานๆ ฉันเองก็ไม่เคยมีแฟนซะด้วยสิ เรียกได้ว่าธามคือแฟนของฉันคนแรกก็ได้ และในบรรดาผู้ชายที่ตามจีบฉัน ธามคือบุคคลที่มีความอดทนมากที่สุดในการจีบฉันให้ติด เพราะคนอื่นแค่สัปดาห์เดียวก็หายหัวกันไปหมดแล้ว

ถ้าถามว่าฉันรักเขามากหรือเปล่าก็คงจะต้องตอบว่าไม่มากเท่าไหร่ แค่อยู่ด้วยแล้วรู้สึกดีและสบายใจ…

หลังจากจอดรถเรียบร้อยฉันก็เดินเข้าไปในตึกเพื่อขึ้นบันไดไปยังชั้นห้องของเขา ระบบความปลอดภัยของที่นี่นอกจากกล้องวงจรปิดแล้วก็ไม่มีอะไรสักอย่าง แม้กระทั่งคีย์การ์ดเปิดเข้าตึกก็ตาม

ก๊อก...ก๊อก...ก๊อก

มือบางยกขึ้นเคาะบานประตูตรงหน้าเมื่อเดินมาถึงห้องของธามแล้ว

“อ้าว ลลิสเองเหรอเข้ามาก่อนสิ” ยืนรอไม่นานประตูห้องก็ถูกเปิดออก พร้อมกับใบหน้าหล่อเหลาของธามที่ชะโงกออกมาดู สีหน้าของเขาเหมือนจะแปลกใจนิดๆ ที่เห็นว่าเป็นฉัน แต่ถึงกระนั้นร่างสูงก็เบี่ยงตัวหลบเพื่อให้ฉันเดินเข้าไปภายในห้อง

“ลิสขออ่านหนังสือที่นี่ได้หรือเปล่า พอดีที่บ้านมีปัญหากันอีกแล้ว” ฉันเงยหน้าขึ้นสบตากับเขา พร้อมกับพูดออกไปตรงๆ

ซึ่งธามเองก็รู้ดีว่าปัญหาที่ว่านั้นคืออะไร เพราะฉันเคยระบายให้เขาฟังบ่อยแล้วเช่นกัน

“ได้สิ แล้วนี่กินอะไรมาหรือยังเดี๋ยวธามจะทำให้” ร่างสูงเอ่ยถาม ขณะที่ฉันกำลังขยับเท้าก้าวเดินไปนั่งตรงโซฟากลางห้อง

“ขอน้ำเปล่าก็พอ แค่นี้ลิสก็รบกวนธามมากแล้ว”

“โอเค” เขาตอบรับ ก่อนจะเดินหายเข้าไปในห้องครัวและกลับมาอีกครั้งพร้อมกับแก้วน้ำในมือ

“ขอบคุณ” ฉันเอื้อมมือไปรับมาถือไว้ แล้ววางลงบนโต๊ะกระจกด้านหน้า ก่อนจะล้วงมือเข้าไปหยิบหนังสือและปากกาออกมาวางไว้ข้างกัน

จากนั้นก็ค่อยๆ ทรุดตัวลงนั่งที่พื้นพรมเพื่อจะได้สะดวกในการนั่งจดเลกเชอร์และอ่านหนังสือ

“ลลิสนี่ขยันจังเลยนะ ธามยังไม่เริ่มอ่านเลย” ร่างสูงพูดพร้อมกับหย่อนก้นลงนั่งบนโซฟาด้านหลังที่ฉันกำลังพิงอยู่

“ธามก็ไปหยิบหนังสือมาสิ จะได้อ่านด้วยกัน ถ้าไม่เข้าใจตรงไหนเดี๋ยวลิสช่วยติว” ถึงฉันจะไม่ได้เรียนเก่งมากมายอะไร แต่ฉันก็อ่านและทำความเข้าใจกับเนื้อหามาพอสมควรแล้ว อาจจะช่วยติวเขาได้บ้าง

สวบ...

“ไม่ล่ะ ธามเบื่อ มัวแต่อ่านหนังสือแบบนี้ลลิสไม่เบื่อบ้างหรือไง”

ฉันสะดุ้งเล็กน้อยเมื่ออยู่ๆ วงแขนแกร่งก็เคลื่อนมาสวมกอดฉันจากทางด้านหลัง หนำซ้ำเขายังวางปลายคางลงบนไหล่บางของฉันอีกด้วย

ซึ่งบอกได้คำเดียวเลยว่า...ฉันไม่ชิน แม้ว่าเราจะเป็นแฟนกันก็ตามเถอะ

“ธาม ปล่อยแขนออกก่อน ลิสไม่ชอบ” น้ำเสียงที่ฉันใช้ค่อนข้างนิ่งและราบเรียบ

อะไรที่ฉันไม่ชอบก็คือไม่ชอบ และจะไม่มีการพูดอ้อมค้อมใดๆ ทั้งสิ้น เพราะถ้าไม่บอกเขาซะตั้งแต่ตอนนี้เดี๋ยวธามก็จะยิ่งเอาใหญ่

มันไม่ผิดเลยนะที่ฉันจะปฏิเสธแฟนตัวเองน่ะ

“เราก็คบกันมาหลายเดือนแล้วนะ ธามขอกอดหน่อยไม่ได้เหรอ” ร่างสูงที่ซ้อนอยู่ทางด้านหลังพูดเสียงอ้อน พร้อมกับคลอเคลียปลายจมูกโด่งสันอยู่แถวๆ ใบหูของฉัน

“ไม่ได้” ฉันให้คำตอบเขาด้วยน้ำเสียงหนักแน่นและจริงจัง ก็หวังว่าเขาจะยอมถอย เพราะไม่อย่างนั้นฉันจะไม่อยู่ที่นี่ต่อแล้ว

“ถ้าไม่ให้กอด...งั้นจูบก็ได้”

“หยุดเดี๋ยวนี้นะธาม! ลิสไม่เล่น” ฉันรีบเบี่ยงตัวหลบ เมื่อเห็นว่าเขาทำท่าจะจู่โจมเข้าหา ก่อนจะยันตัวลุกขึ้นยืนพรวดพราดจนพานทำให้ธามแทบหน้าคะมำทิ่มพื้นพรม

“ทำไมล่ะลลิส นี่มันเรื่องปกติที่แฟนเขาทำกันนะ” คิ้วเข้มขมวดเข้าหากัน พลางถามฉันด้วยสีหน้าที่ไม่เข้าใจ

พอร่างสูงยืดตัวยืนขึ้นมาเผชิญหน้า ฉันก็ขยับเท้าถอยหลังโดยอัตโนมัติเพื่อเว้นระยะห่างระหว่างเราสองคน

“ลิสรู้ แต่ตอนนี้ลิสยังไม่พร้อม” น้ำเสียงของฉันเริ่มกลับมาอยู่ในโทนปกติอีกครั้ง

คือฉันเข้าใจทุกอย่างเลย ว่ามันคือเรื่องปกติที่คนเป็นแฟนกันเขาทำ แต่ตอนนี้ฉันไม่พร้อมจริงๆ ทำไมเขาถึงไม่เข้าใจฉันบ้าง อย่างน้อยการจะทำอะไรมันก็ต้องเกิดจากความสมัครใจของทั้งสองฝ่ายไม่ใช่เหรอ เพราะถ้ายังดื้อดึงที่จะเอามันก็ไม่ต่างอะไรกับการบังคับ

“แล้วเมื่อไหร่จะพร้อม”

แม่ง...ถามแบบนี้แล้วใครจะไปตอบได้วะ

“ไม่รู้”

“ไม่รู้! ไม่รู้! ลิสก็เอาแต่พูดแบบนี้ตลอด!!” ร่างสูงตรงหน้าเริ่มขึ้นเสียงใส่ และฉันก็ไม่เข้าใจว่าทำไมเขาต้องโมโหอะไรขนาดนั้น

“ดูเหมือนธามจะไม่เข้าใจอะไรเลย ลิสว่าลิสกลับก่อนดีกว่า ขืนอยู่ต่อเราก็คงจะทะเลาะกันเปล่าๆ” ฉันอุตส่าห์หนีศึกมวยไทยระหว่างพ่อกับแม่เพื่อมาเจอสังเวียนของตัวเองกับแฟนเหรอวะ

“จะไปก็ไป” จบประโยคนั้นร่างสูงก็เดินหนีเข้าไปในห้องนอนของตัวเอง ปล่อยให้ฉันยืนเคว้งอยู่กลางห้องคนเดียว

ฉันผ่อนลมหายใจออกมาเฮือกใหญ่อย่างเบื่อหน่ายกับทุกๆ เรื่องที่ผ่านเข้ามาในชีวิต ก่อนที่จะเดินกลับไปเก็บของที่เพิ่งจะหยิบออกมาเมื่อสักครู่นี้ลงกระเป๋าตามเดิม

เมื่อเรียบร้อยแล้วฉันก็เดินออกจากห้องของเขาโดยไม่ลืมที่จะกดล็อกลูกบิดไว้ให้

รู้สึกว่าการอ่านหนังสือเตรียมสอบของฉันมันช่างมีอุปสรรคมากเลยจริงๆ...

หลังจากที่ออกมาจากอพาร์ทเม้นท์ของธามแล้ว ฉันก็ขับรถมาจอดที่สวนสาธารณะแถวนั้นเพื่อหาที่สงบนั่งเงียบๆ คนเดียว

ดวงตากลมโตมองทอดไปยังบึงน้ำขนาดใหญ่ตรงหน้า พลางถอนหายใจออกมาครั้งแล้วครั้งเล่า

“ชีวิตเธอนี่มีอะไรดีบ้างวะลลิส” ถึงจะตั้งคำถามกับตัวเองแบบนั้นทว่าฉันก็หาคำตอบไม่ได้อยู่ดี

มือบางล้วงเข้าไปในกระเป๋าเป้ เพื่อหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาโทรหาใครบางคนที่ฉันพอจะปรึกษาปัญหาชีวิตได้

ซึ่งคนนั้นก็คือ ‘เทล’ เพื่อนสนิทของฉันเอง

ทว่าควานมือหาภายในกระเป๋าจนทั่วแล้วฉันก็หามันไม่เจอสักที

“หรือจะทำหล่นไว้ที่ห้องธาม” เมื่อความคิดนั้นแวบเข้ามาในหัว ฉันก็ตวัดขาขึ้นคร่อมมอเตอร์ไซค์และสตาร์ทรถทันทีอย่างไม่รอช้า

ใช้เวลาเดินทางไม่นานฉันก็มาหยุดยืนอยู่ที่หน้าห้องของเขาอีกครั้ง

ก๊อก...ก๊อก...ก๊อก...

มือบางยกขึ้นเคาะประตู ทว่าครั้งนี้ธามกลับปล่อยให้ฉันยืนรอนานกว่าปกติ

ก๊อก...ก๊อก...ผวัะ!

“ใครวะ!...ละ...ลิส” ธามกระชากประตูเปิดด้วยความรุนแรง สีหน้าของเขาที่แสดงในตอนนี้ราวกับตกใจสุดขีดที่เห็นหน้าฉัน

“ลิสลืม...”

“ใครมาเหรอธาม” เสียงผู้หญิงที่ดังแทรกขึ้นมา พร้อมกับการปรากฏตัวของเธอพานทำให้ฉันตวัดสายตาไปมองทันควัน ก่อนจะยืนตัวแข็งทื่อกับสิ่งที่เห็น

การที่เรามาหาแฟน และเห็นว่ามีผู้หญิงอยู่กับแฟนสองต่อสองภายในห้อง หนำซ้ำยังอยู่ในสภาพนุ่งผ้าขนหนูกระโจมอกหมิ่นเหม่แบบนี้ ถามจริงเถอะว่ามีอะไรต้องให้คิดมากมายนอกจากว่าพวกเขากำลังจะมีอะไรกัน หรือบางที…ก็มีไปแล้ว

“เดี๋ยวลลิส คือว่า...” ร่างสูงที่เปลือยท่อนบนและพันผ้าขนหนูไว้รอบเอวสอบเดินย่างก้าวเข้ามาใกล้ พร้อมทำท่าจะอธิบายทุกอย่างให้ฉันฟัง

แต่หารู้ไม่ว่ารอยเล็บข่วนบนแผงอกของเขามันตอบฉันได้อย่างดีเลยล่ะ ว่าเกิดอะไรขึ้นบ้างระหว่างพวกเขาสองคน...

“ไม่ต้องพูดอะไรหรอก แค่จะมาเอาของที่ลืมไว้” ฉันเอ่ยพูดเสียงนิ่ง แม้ว่าจิตใจตอนนี้กำลังรู้สึกเจ็บแปล๊บอยู่ก็ตาม

ฉันคงผิดเองที่ให้ในสิ่งที่เขาต้องการไม่ได้ แต่ทำไมเขาต้องทำถึงขนาดนี้ด้วย ที่นั่งบนโซฟานั้นยังไม่ทันเย็นด้วยซ้ำ แต่กลับมีคนมานั่งทับรอยซะได้

ฉันเดินตรงเข้าไปหยิบโทรศัพท์มือถือของตัวเองที่ตกอยู่ด้านล่างโต๊ะกระจก ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองสบตากับผู้หญิงคนนั้นที่กำลังมองมาที่ฉันอยู่เช่นเดียวกัน

“อยากได้เหรอ? เอาไปสิฉันยกให้ ดูท่าจะไม่มีปัญญาหาเอง” สิ้นประโยคนั้นฉันก็หมุนตัวกลับแล้วเดินกระแทกไหล่ธามออกมาจากห้องทันทีโดยมีเสียงตะโกนเรียกของเขาดังไล่หลังตามมา

ทัศนียภาพตรงหน้าของฉันเริ่มมัว เนื่องจากหยดน้ำตาที่กำลังเอ่อคลอ และมันก็ทำท่าจะไหลหยดลงกระทบแก้มฉันทุกเมื่อ

รู้ซึ้งแล้ว...ว่าความรู้สึกของการถูกหักหลังมันเป็นอย่างนี้เองสินะ พ่อก็มีเมียน้อย ส่วนแฟนก็มีกิ๊ก ชีวิตฉันนี่อะไรจะเหี้ยขนาดนั้น

และในเมื่อผู้ชายยังมีเล็กมีน้อยได้ แล้วทำไมผู้หญิงจะทำบ้างไม่ได้ล่ะ...

อ่านต่อ

หนังสือที่คุณอาจชอบ

หนังสืออื่นๆ ของ JAMBENZ

ข้อมูลเพิ่มเติม
บท
อ่านเลย
ดาวน์โหลดหนังสือ