BABY BURN ชะนีเกินเบอร์

BABY BURN ชะนีเกินเบอร์

JAMBENZ

5.0
ความคิดเห็น
5.3K
ชม
51
บท

เคยได้ยินคำว่าเสือสองตัวอยู่ถ้ำเดียวกันไม่ได้หรือเปล่า? และฉันก็ไม่ชอบให้ใครมาหากินในที่ของฉัน แต่ 'มัน' เสือกทำ "ไม่ใช่เด็กถิ่นเช็คอินได้เปล่า" ด้วยความที่โชคชะตามันโหดร้าย จึงทำให้เราสองคน 'ได้' กัน ........................................................................ สิ่งที่ฉันเกลียดที่สุดก็คือความเจ้าชู้ แต่แล้ววันหนึ่งฉันกลับกลายทำตัวเป็นแบบนั้นซะเอง เหตุการณ์ที่พบเจอมันบีบบังคับให้ฉันต้องร้าย ต้องแรง และ...อยู่ให้เป็น "นี่ไม่ใช่ที่วิ่งเล่นของเด็ก กลับบ้านไปดูดนมนอนไป๊!" วาจาที่พ่นออกมาจากริมฝีปากหนาเป็นอะไรที่ฉันรังเกียจพอๆ กับการเห็นหน้า 'คนพูด' "ก่อนไป ขอเตะปากทีดิ" เท้าของฉันมันกำลังกระตุก เมื่อหูได้ยินอะไรที่ไม่เข้าท่าสักเท่าไหร่ เขาว่ากันว่าเสือสองตัวอยู่ถ้ำเดียวกันไม่ได้ เห็นทีว่ามันจะจริง...

บทที่ 1 .

ถ้าให้คำนิยามเกี่ยวกับชีวิตของฉัน ก็คงต้องบอกได้เลยว่า บัดซบสิ้นดี...

ฉันชื่อ ‘ลลิส’ เป็นเพียงเด็กวัยรุ่นคนหนึ่งที่กำลังก้าวเข้าสู่รั้วมหา’ลัยในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้านี้ แน่นอนว่าในทุกๆ วันและทุกๆ ช่วงเวลาที่ว่างฉันต้องอ่านหนังสือเพื่อเตรียมสอบอะไรต่างๆ นาๆ มากมาย

ซึ่งเด็กมอปลายทุกคนก็คงรู้กันดีอยู่แล้วล่ะ ว่าตัวเองนั้นต้องผ่านสนามสอบอะไรบ้างจนกว่าจะหาที่เรียนได้

แต่...เรื่องอ่านหนังสือเตรียมสอบก็ไม่ได้ทำให้ฉันเครียดมากนักหรอก เพราะสิ่งที่ทำให้ฉันเครียดและรู้สึกรำคาญที่สุดก็คือการที่พ่อกับแม่แท้ๆ ของฉันทะเลาะกันไม่เว้นแต่ละวัน...

มือบางยกขึ้นกุมขมับ ก่อนจะขยี้ผมตัวเองแรงๆ จนยุ่งเหยิงเมื่อเสียงตะโกนด่าทอกันระหว่างพ่อกับแม่ดังแทรกเข้ามาในหู

แกร๊ก!

ฉันกระแทกปากกาที่ถืออยู่วางลงบนโต๊ะด้วยความรุนแรง ตามอารมณ์ที่เริ่มคุกรุ่นของตัวเอง

“เลิกทะเลาะกันสักทีได้มั้ย! หนวกหูโว้ย!!” มือบางเอื้อมไปเปิดประตูห้อง ก่อนจะชะโงกหน้าออกไปและตะโกนเสียงดังลั่น พ่อกับแม่ที่ยืนทะเลาะกันอยู่ต่างหยุดชะงักแล้วหันมามองฉันเป็นตาเดียว

“แกน่ะหุบปากไป! ไม่รู้หรือไงว่าพ่อแกจะย้ายไปอยู่กับอีเมียน้อยแล้ว!!” ร่างบางของแม่สั่นเทิ้มด้วยอารมณ์แห่งโทสะ มือของท่านกำหมัดเข้าหากันแน่น ราวกับเตรียมพร้อมที่จะประทุษร้ายพ่อของฉันได้ทุกเมื่อ

“รู้ แล้วยังไงล่ะ ถ้าพ่ออยากไปมากนักแม่ก็ปล่อยพ่อไปสิ” มันอาจจะดูเป็นคำพูดง่ายๆ แต่ในความคิดของฉัน ฉันกลับคิดว่าเราไม่จำเป็นต้องแคร์คนที่ไม่เห็นค่าในตัวเราแล้ว จะอาลัยอาวรณ์ไปทำไม ถ้าคนมันอยากไปต่อให้รั้งแทบตายยังไงผลลัพธ์มันก็ออกมาเหมือนเดิมอยู่ดีนั่นแหละ

“แกไม่เป็นฉันก็พูดได้หนิ ถ้าหนวกหูมากนักก็ไสหัวไปอยู่ที่อื่นไป!!”

“ก็ไม่ได้อยากจะอยู่นักหรอก” ฉันถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ จะเรียกว่าชินชากับเหตุการณ์แบบนี้แล้วก็พูดได้

แต่ก่อนแม่ฉันก็ไม่ได้เป็นคนแบบนี้หรอก เพราะพ่อฉันเองนี่แหละที่ทำให้แม่มีนิสัยที่เปลี่ยนไป ต้นเหตุของปัญหาร้าวฉานในครอบครัวก็ไม่พ้นเกิดจากมือที่สาม เมื่อไม่นานมานี้แม่ฉันเพิ่งจับได้ว่าพ่อมีเมียน้อยที่แอบซุกเอาไว้ตั้งเกือบปี ซึ่งตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาก็เท่ากับว่าแม่ของฉันถูกพ่อสวมเขามาตลอด

ไม่แปลกที่แม่จะมีนิสัยรุนแรงแบบนี้

แต่บางทีก็เกินไป ฉันล่ะไม่เข้าใจจริงๆ ว่าทำไมแม่ต้องลดตัวไปตบตีกับพวกผิดศีลธรรมแบบนั้นด้วย

แล้วรู้อะไรไหม? คนที่ได้รับผลกระทบที่สุดมันก็คือลูกอย่างฉันนี่ไง

ปัง!

ฉันปิดประตูห้องเมื่อเห็นว่าอยู่ไปก็คงไม่ได้ช่วยให้อะไรดีขึ้นมา หลังจากกลับเข้ามาในห้องแล้ว หูก็ได้ยินเสียงพ่อกับแม่เปิดศึกมวยไทยกันอีกรอบ

ฉันตัดสินใจเดินไปที่โต๊ะเขียนหนังสือ แล้วจัดการกวาดทุกสิ่งทุกอย่างที่ใช้ในการอ่านเตรียมสอบลงกระเป๋าเป้ทั้งหมด

เมื่อสำรวจแล้วว่าตัวเองไม่ได้ลืมอะไร ฉันถึงได้เดินออกมาจากห้องอีกครั้ง และเดินผ่านพ่อกับแม่ที่กำลังทะเลาะกันไปอย่างไม่สนใจ

อยากห้ามก็อยากอยู่ แต่เคยห้ามแล้วถูกหาว่าสะเหล่อไง ฉันก็เลยปล่อยเบลอ

เมื่อเดินออกมาหน้าบ้านฉันก็เดินตรงไปที่โรงจอดรถ เพื่อขับมอเตอร์ไซค์คู่ใจของตัวเองออกไปหาที่สงบๆ อ่านหนังสือ

ความจริงแล้วฉันก็ไม่ใช่คนเคร่งเครียดกับการเรียนอะไรขนาดนั้น แต่เป็นเพราะอยากสอบติดมหา’ลัยดีๆ ฉันก็เลยต้องพยายามมากกว่าปกติ และพอจะตั้งใจขึ้นมาจริงๆ ก็เจออุปสรรคแบบนั้นไง

ฉันใช้เวลาขับรถไม่นานก็มาถึงจุดหมาย ตรงหน้าเป็นตึกอพาร์ทเม้นท์ ซึ่งเป็นที่พักอาศัยของแฟนฉันเอง เขาชื่อ ‘ธาม’ เป็นเพื่อนต่างห้องของฉัน ธามตามจีบฉันมาหลายเดือนแล้ว แต่ฉันเพิ่งจะเปิดใจคบหากับเขาเมื่อสองสามเดือนที่แล้ว

ธามก็เป็นคนดีในระดับหนึ่งนะ แต่ไม่รู้ว่าเป็นเพราะช่วงโปรโมชั่นหรือเปล่า แรกๆ อะไรก็ดี ด้วยเหตุนี้เวลาคบใครจึงต้องดูไปนานๆ ฉันเองก็ไม่เคยมีแฟนซะด้วยสิ เรียกได้ว่าธามคือแฟนของฉันคนแรกก็ได้ และในบรรดาผู้ชายที่ตามจีบฉัน ธามคือบุคคลที่มีความอดทนมากที่สุดในการจีบฉันให้ติด เพราะคนอื่นแค่สัปดาห์เดียวก็หายหัวกันไปหมดแล้ว

ถ้าถามว่าฉันรักเขามากหรือเปล่าก็คงจะต้องตอบว่าไม่มากเท่าไหร่ แค่อยู่ด้วยแล้วรู้สึกดีและสบายใจ…

หลังจากจอดรถเรียบร้อยฉันก็เดินเข้าไปในตึกเพื่อขึ้นบันไดไปยังชั้นห้องของเขา ระบบความปลอดภัยของที่นี่นอกจากกล้องวงจรปิดแล้วก็ไม่มีอะไรสักอย่าง แม้กระทั่งคีย์การ์ดเปิดเข้าตึกก็ตาม

ก๊อก...ก๊อก...ก๊อก

มือบางยกขึ้นเคาะบานประตูตรงหน้าเมื่อเดินมาถึงห้องของธามแล้ว

“อ้าว ลลิสเองเหรอเข้ามาก่อนสิ” ยืนรอไม่นานประตูห้องก็ถูกเปิดออก พร้อมกับใบหน้าหล่อเหลาของธามที่ชะโงกออกมาดู สีหน้าของเขาเหมือนจะแปลกใจนิดๆ ที่เห็นว่าเป็นฉัน แต่ถึงกระนั้นร่างสูงก็เบี่ยงตัวหลบเพื่อให้ฉันเดินเข้าไปภายในห้อง

“ลิสขออ่านหนังสือที่นี่ได้หรือเปล่า พอดีที่บ้านมีปัญหากันอีกแล้ว” ฉันเงยหน้าขึ้นสบตากับเขา พร้อมกับพูดออกไปตรงๆ

ซึ่งธามเองก็รู้ดีว่าปัญหาที่ว่านั้นคืออะไร เพราะฉันเคยระบายให้เขาฟังบ่อยแล้วเช่นกัน

“ได้สิ แล้วนี่กินอะไรมาหรือยังเดี๋ยวธามจะทำให้” ร่างสูงเอ่ยถาม ขณะที่ฉันกำลังขยับเท้าก้าวเดินไปนั่งตรงโซฟากลางห้อง

“ขอน้ำเปล่าก็พอ แค่นี้ลิสก็รบกวนธามมากแล้ว”

“โอเค” เขาตอบรับ ก่อนจะเดินหายเข้าไปในห้องครัวและกลับมาอีกครั้งพร้อมกับแก้วน้ำในมือ

“ขอบคุณ” ฉันเอื้อมมือไปรับมาถือไว้ แล้ววางลงบนโต๊ะกระจกด้านหน้า ก่อนจะล้วงมือเข้าไปหยิบหนังสือและปากกาออกมาวางไว้ข้างกัน

จากนั้นก็ค่อยๆ ทรุดตัวลงนั่งที่พื้นพรมเพื่อจะได้สะดวกในการนั่งจดเลกเชอร์และอ่านหนังสือ

“ลลิสนี่ขยันจังเลยนะ ธามยังไม่เริ่มอ่านเลย” ร่างสูงพูดพร้อมกับหย่อนก้นลงนั่งบนโซฟาด้านหลังที่ฉันกำลังพิงอยู่

“ธามก็ไปหยิบหนังสือมาสิ จะได้อ่านด้วยกัน ถ้าไม่เข้าใจตรงไหนเดี๋ยวลิสช่วยติว” ถึงฉันจะไม่ได้เรียนเก่งมากมายอะไร แต่ฉันก็อ่านและทำความเข้าใจกับเนื้อหามาพอสมควรแล้ว อาจจะช่วยติวเขาได้บ้าง

สวบ...

“ไม่ล่ะ ธามเบื่อ มัวแต่อ่านหนังสือแบบนี้ลลิสไม่เบื่อบ้างหรือไง”

ฉันสะดุ้งเล็กน้อยเมื่ออยู่ๆ วงแขนแกร่งก็เคลื่อนมาสวมกอดฉันจากทางด้านหลัง หนำซ้ำเขายังวางปลายคางลงบนไหล่บางของฉันอีกด้วย

ซึ่งบอกได้คำเดียวเลยว่า...ฉันไม่ชิน แม้ว่าเราจะเป็นแฟนกันก็ตามเถอะ

“ธาม ปล่อยแขนออกก่อน ลิสไม่ชอบ” น้ำเสียงที่ฉันใช้ค่อนข้างนิ่งและราบเรียบ

อะไรที่ฉันไม่ชอบก็คือไม่ชอบ และจะไม่มีการพูดอ้อมค้อมใดๆ ทั้งสิ้น เพราะถ้าไม่บอกเขาซะตั้งแต่ตอนนี้เดี๋ยวธามก็จะยิ่งเอาใหญ่

มันไม่ผิดเลยนะที่ฉันจะปฏิเสธแฟนตัวเองน่ะ

“เราก็คบกันมาหลายเดือนแล้วนะ ธามขอกอดหน่อยไม่ได้เหรอ” ร่างสูงที่ซ้อนอยู่ทางด้านหลังพูดเสียงอ้อน พร้อมกับคลอเคลียปลายจมูกโด่งสันอยู่แถวๆ ใบหูของฉัน

“ไม่ได้” ฉันให้คำตอบเขาด้วยน้ำเสียงหนักแน่นและจริงจัง ก็หวังว่าเขาจะยอมถอย เพราะไม่อย่างนั้นฉันจะไม่อยู่ที่นี่ต่อแล้ว

“ถ้าไม่ให้กอด...งั้นจูบก็ได้”

“หยุดเดี๋ยวนี้นะธาม! ลิสไม่เล่น” ฉันรีบเบี่ยงตัวหลบ เมื่อเห็นว่าเขาทำท่าจะจู่โจมเข้าหา ก่อนจะยันตัวลุกขึ้นยืนพรวดพราดจนพานทำให้ธามแทบหน้าคะมำทิ่มพื้นพรม

“ทำไมล่ะลลิส นี่มันเรื่องปกติที่แฟนเขาทำกันนะ” คิ้วเข้มขมวดเข้าหากัน พลางถามฉันด้วยสีหน้าที่ไม่เข้าใจ

พอร่างสูงยืดตัวยืนขึ้นมาเผชิญหน้า ฉันก็ขยับเท้าถอยหลังโดยอัตโนมัติเพื่อเว้นระยะห่างระหว่างเราสองคน

“ลิสรู้ แต่ตอนนี้ลิสยังไม่พร้อม” น้ำเสียงของฉันเริ่มกลับมาอยู่ในโทนปกติอีกครั้ง

คือฉันเข้าใจทุกอย่างเลย ว่ามันคือเรื่องปกติที่คนเป็นแฟนกันเขาทำ แต่ตอนนี้ฉันไม่พร้อมจริงๆ ทำไมเขาถึงไม่เข้าใจฉันบ้าง อย่างน้อยการจะทำอะไรมันก็ต้องเกิดจากความสมัครใจของทั้งสองฝ่ายไม่ใช่เหรอ เพราะถ้ายังดื้อดึงที่จะเอามันก็ไม่ต่างอะไรกับการบังคับ

“แล้วเมื่อไหร่จะพร้อม”

แม่ง...ถามแบบนี้แล้วใครจะไปตอบได้วะ

“ไม่รู้”

“ไม่รู้! ไม่รู้! ลิสก็เอาแต่พูดแบบนี้ตลอด!!” ร่างสูงตรงหน้าเริ่มขึ้นเสียงใส่ และฉันก็ไม่เข้าใจว่าทำไมเขาต้องโมโหอะไรขนาดนั้น

“ดูเหมือนธามจะไม่เข้าใจอะไรเลย ลิสว่าลิสกลับก่อนดีกว่า ขืนอยู่ต่อเราก็คงจะทะเลาะกันเปล่าๆ” ฉันอุตส่าห์หนีศึกมวยไทยระหว่างพ่อกับแม่เพื่อมาเจอสังเวียนของตัวเองกับแฟนเหรอวะ

“จะไปก็ไป” จบประโยคนั้นร่างสูงก็เดินหนีเข้าไปในห้องนอนของตัวเอง ปล่อยให้ฉันยืนเคว้งอยู่กลางห้องคนเดียว

ฉันผ่อนลมหายใจออกมาเฮือกใหญ่อย่างเบื่อหน่ายกับทุกๆ เรื่องที่ผ่านเข้ามาในชีวิต ก่อนที่จะเดินกลับไปเก็บของที่เพิ่งจะหยิบออกมาเมื่อสักครู่นี้ลงกระเป๋าตามเดิม

เมื่อเรียบร้อยแล้วฉันก็เดินออกจากห้องของเขาโดยไม่ลืมที่จะกดล็อกลูกบิดไว้ให้

รู้สึกว่าการอ่านหนังสือเตรียมสอบของฉันมันช่างมีอุปสรรคมากเลยจริงๆ...

หลังจากที่ออกมาจากอพาร์ทเม้นท์ของธามแล้ว ฉันก็ขับรถมาจอดที่สวนสาธารณะแถวนั้นเพื่อหาที่สงบนั่งเงียบๆ คนเดียว

ดวงตากลมโตมองทอดไปยังบึงน้ำขนาดใหญ่ตรงหน้า พลางถอนหายใจออกมาครั้งแล้วครั้งเล่า

“ชีวิตเธอนี่มีอะไรดีบ้างวะลลิส” ถึงจะตั้งคำถามกับตัวเองแบบนั้นทว่าฉันก็หาคำตอบไม่ได้อยู่ดี

มือบางล้วงเข้าไปในกระเป๋าเป้ เพื่อหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาโทรหาใครบางคนที่ฉันพอจะปรึกษาปัญหาชีวิตได้

ซึ่งคนนั้นก็คือ ‘เทล’ เพื่อนสนิทของฉันเอง

ทว่าควานมือหาภายในกระเป๋าจนทั่วแล้วฉันก็หามันไม่เจอสักที

“หรือจะทำหล่นไว้ที่ห้องธาม” เมื่อความคิดนั้นแวบเข้ามาในหัว ฉันก็ตวัดขาขึ้นคร่อมมอเตอร์ไซค์และสตาร์ทรถทันทีอย่างไม่รอช้า

ใช้เวลาเดินทางไม่นานฉันก็มาหยุดยืนอยู่ที่หน้าห้องของเขาอีกครั้ง

ก๊อก...ก๊อก...ก๊อก...

มือบางยกขึ้นเคาะประตู ทว่าครั้งนี้ธามกลับปล่อยให้ฉันยืนรอนานกว่าปกติ

ก๊อก...ก๊อก...ผวัะ!

“ใครวะ!...ละ...ลิส” ธามกระชากประตูเปิดด้วยความรุนแรง สีหน้าของเขาที่แสดงในตอนนี้ราวกับตกใจสุดขีดที่เห็นหน้าฉัน

“ลิสลืม...”

“ใครมาเหรอธาม” เสียงผู้หญิงที่ดังแทรกขึ้นมา พร้อมกับการปรากฏตัวของเธอพานทำให้ฉันตวัดสายตาไปมองทันควัน ก่อนจะยืนตัวแข็งทื่อกับสิ่งที่เห็น

การที่เรามาหาแฟน และเห็นว่ามีผู้หญิงอยู่กับแฟนสองต่อสองภายในห้อง หนำซ้ำยังอยู่ในสภาพนุ่งผ้าขนหนูกระโจมอกหมิ่นเหม่แบบนี้ ถามจริงเถอะว่ามีอะไรต้องให้คิดมากมายนอกจากว่าพวกเขากำลังจะมีอะไรกัน หรือบางที…ก็มีไปแล้ว

“เดี๋ยวลลิส คือว่า...” ร่างสูงที่เปลือยท่อนบนและพันผ้าขนหนูไว้รอบเอวสอบเดินย่างก้าวเข้ามาใกล้ พร้อมทำท่าจะอธิบายทุกอย่างให้ฉันฟัง

แต่หารู้ไม่ว่ารอยเล็บข่วนบนแผงอกของเขามันตอบฉันได้อย่างดีเลยล่ะ ว่าเกิดอะไรขึ้นบ้างระหว่างพวกเขาสองคน...

“ไม่ต้องพูดอะไรหรอก แค่จะมาเอาของที่ลืมไว้” ฉันเอ่ยพูดเสียงนิ่ง แม้ว่าจิตใจตอนนี้กำลังรู้สึกเจ็บแปล๊บอยู่ก็ตาม

ฉันคงผิดเองที่ให้ในสิ่งที่เขาต้องการไม่ได้ แต่ทำไมเขาต้องทำถึงขนาดนี้ด้วย ที่นั่งบนโซฟานั้นยังไม่ทันเย็นด้วยซ้ำ แต่กลับมีคนมานั่งทับรอยซะได้

ฉันเดินตรงเข้าไปหยิบโทรศัพท์มือถือของตัวเองที่ตกอยู่ด้านล่างโต๊ะกระจก ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองสบตากับผู้หญิงคนนั้นที่กำลังมองมาที่ฉันอยู่เช่นเดียวกัน

“อยากได้เหรอ? เอาไปสิฉันยกให้ ดูท่าจะไม่มีปัญญาหาเอง” สิ้นประโยคนั้นฉันก็หมุนตัวกลับแล้วเดินกระแทกไหล่ธามออกมาจากห้องทันทีโดยมีเสียงตะโกนเรียกของเขาดังไล่หลังตามมา

ทัศนียภาพตรงหน้าของฉันเริ่มมัว เนื่องจากหยดน้ำตาที่กำลังเอ่อคลอ และมันก็ทำท่าจะไหลหยดลงกระทบแก้มฉันทุกเมื่อ

รู้ซึ้งแล้ว...ว่าความรู้สึกของการถูกหักหลังมันเป็นอย่างนี้เองสินะ พ่อก็มีเมียน้อย ส่วนแฟนก็มีกิ๊ก ชีวิตฉันนี่อะไรจะเหี้ยขนาดนั้น

และในเมื่อผู้ชายยังมีเล็กมีน้อยได้ แล้วทำไมผู้หญิงจะทำบ้างไม่ได้ล่ะ...

อ่านต่อ

หนังสืออื่นๆ ของ JAMBENZ

ข้อมูลเพิ่มเติม
XXX III เรื่องมันเกิด...เพราะกลิ่นหอมของเธอ

XXX III เรื่องมันเกิด...เพราะกลิ่นหอมของเธอ

โรแมนติก

5.0

ยามใดที่ได้กลิ่นหอมของเธอ นิสัยของผมจะกลับกลายเป็นอีกคน... ทั้งชีวิตที่เกิดมา ไม่เคยมีใครแสดงท่าทีรังเกียจฉันได้มากเท่าเขาอีกแล้ว… “คุณมีปัญหาอะไรกับฉันหรือเปล่าคะคุณแซ้งค์” “ใครจะกล้ามีปัญหากับลูกสาวเจ้าพ่ออย่างคุณเอวาได้ล่ะครับ” “ก็คุณไงคะ” .......................................................................................... ฉันต้องรู้สึกยังไงที่จู่ ๆ ก็มีคนบางคนชอบแสดงท่าทีเหมือนรังเกียจ ทุกครั้งที่พยายามเข้าใกล้ เขาก็จะถอยห่าง มองจากดาวอังคารยังรู้ ว่า ‘คุณแซ้งค์’ กำลังไม่ชอบขี้หน้าฉันอย่างแรง แต่บอกไว้ก่อน เราไม่เคยมีเรื่องกัน แล้วทำไมเขาถึงเป็นแบบนี้ไปได้ “บอกเหตุผลมาหน่อยได้มั้ยคะ ว่าทำไมถึงทำเหมือนไม่ชอบฉันนัก” “ไม่ใช่ไม่ชอบ แต่ผมแค่ไม่อยากอยู่ใกล้คุณ” “แล้วมันทำไม?” “ก็เพื่อความปลอดภัยของตัวคุณเอง” หลังจากได้รับคำตอบ ฉันก็ไม่เคยเข้าใจในความหมายนั้น กระทั่งคืนหนึ่งได้เกิดเหตุการณ์บางอย่างขึ้น ซึ่งนี่แหละคือจุดเปลี่ยนความสัมพันธ์ของเราไปตลอดกาล...

XXX II เรื่องมันเกิด...เพราะเกสรดอกไม้

XXX II เรื่องมันเกิด...เพราะเกสรดอกไม้

โรแมนติก

5.0

ยามใดที่ร่างกายสัมผัสถูกเกสรดอกไม้ นิสัยของผมจะกลับกลายเป็นอีกคน... เพราะความเมามายเป็นเหตุ จึงทำให้ฉันต้องอยู่บนเตียงกับเขาตลอดทั้งค่ำคืนนั้น คิดว่าจะจบ ทว่าเราสองคนกลับหวนมาเจอกันอีกครั้งในวันหนึ่ง “คุณท้องกับผมเหรอ?” “คุณคิดว่าเครื่องตัวเองฟิตสตาร์ทติดง่ายขนาดนั้นเลยเหรอคะ?” .......................................................................................... ชีวิตของฉันซวยมากเลยค่ะคุณกิตติคะ ด้วยความที่เพื่อนงอนกับแฟนก็เลยอยู่ช่วยปลอบใจ พร้อมคอยปรามไม่ให้เพื่อนดื่มแอลกอฮอล์จนเมามายไร้สติ แต่จู่ๆ ก็มีนังตัวดีที่ไหนไม่รู้ส่งคลิปคนรักของฉันซึ่งกำลังนัวเนียกับผู้หญิงคนอื่นมาให้ดู ไป ๆ มา ๆ จึงกลับกลายเป็นว่าเพื่อนต้องปลอบใจฉันแทน อาการเจ็บช้ำหัวใจที่จู่โจมเข้ามากะทันหันโดยไม่ทันได้ตั้งตัว ส่งผลให้ฉันกระดกเหล้าเข้าปากรัว ๆ แบบไม่หยุดยั้ง ยังค่ะ...เรื่องยังไม่จบที่ตรงนั้น แฟนเพื่อนตามมารับเพื่อนกลับบ้าน แต่ก็ยังมีน้ำใจพาฉันขึ้นไปห้องพัก ทว่า...ห้องนั้นดันไม่ใช่ห้องของฉันนี่สิ "คุณเป็นใคร เข้ามาในห้องของผมได้ยังไง ออกไปเดี๋ยวนี้!" ท่าทางของผู้ชายตรงหน้าที่กำลังเอ่ยปากไล่ฉันดูแปลกตา คล้ายกับกำลังระงับอารมณ์บางอย่าง กระนั้นระดับแอลกอฮอล์ในร่างกายก็ทำให้ฉันไม่อยากสนใจอะไรนอกเสียจากล้มตัวลงนอนบนเตียงกว้าง "อะไร? จะแปลงร่างเหรอ? ไปเล่นที่อื่นไปหนู พี่จะนอน" ความเมาเป็นเหตุสังเกตได้ ตื่นขึ้นมานั่นแหละถึงได้รู้ ว่าตนเองถูก 'คนแปลกหน้า' พรากความบริสุทธิ์ไปเสียแล้ว...

XXX I เรื่องมันเกิด...เพราะดวงอาทิตย์ตกดิน

XXX I เรื่องมันเกิด...เพราะดวงอาทิตย์ตกดิน

โรแมนติก

5.0

ยามใดที่ดวงอาทิตย์ตกดิน นิสัยของผมจะกลับกลายเป็นอีกคน... ค่ำคืนนั้นเขาช่างเร่าร้อน ทว่าสิ่งที่เกิดขึ้นระหว่างเราล้วนไม่ใช่เพราะความรัก... "ขึ้นชื่อว่าคนดูแลชั่วคราว เธอก็จะได้อยู่แค่ในสถานะนั้น อย่าใฝ่สูง" .......................................................................................... ฉันได้รับหน้าที่ให้ดูแล 'ผู้ชายคนหนึ่ง' ทว่าของแถมที่พ่วงติดมาด้วยนั้นคือเรื่องราวน่า 'ประหลาด' ซึ่งเป็นเหตุทำให้ชีวิตของฉันต้องพลิกผันไปตลอดกาล "คุณซานเป็นอะไรหรือเปล่าคะ" การเห็นเจ้านายแสดงท่าทีราวกับทุกข์ทรมานอยู่ตรงหน้า จึงไม่นิ่งนอนใจที่จะเอ่ยปากถามด้วยความเป็นห่วง พร้อมขยับก้าวเข้าไปเพื่อช่วยพยุง "ออกไป!" ทว่าร่างสูงตรงหน้ากลับตะคอกใส่อย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน หนำซ้ำยังสะบัดตัวฉันออกจนเซถลาเกือบล้มลงกระแทกพื้น "ออกไปจากห้องฉัน...เดี๋ยวนี้!!" หากย้อนเวลากลับไปได้ คืนนั้นฉันจะเชื่อฟัง และยอมเดินออกไปจากห้องแต่โดยดี...

OH BABY เธอเรียกผมว่าแด๊ดดี้

OH BABY เธอเรียกผมว่าแด๊ดดี้

โรแมนติก

5.0

ผมไม่เคยคิดว่าการที่ไว้หนวดไว้เครา และทำตัวเซอร์ๆ จะทำให้ใครบางคนต้องร้องไห้เพียงเพราะแค่เห็นหน้า "ฮือ...แม่จ๋าหนูกลัวโจร" เด็กผู้หญิงที่ร้องไห้ในวันนั้น คือคนที่ผมต้องสยบจวบจนถึงทุกวันนี้... ........................................................................ ฉันไม่รู้ว่าเริ่มชอบเขาตั้งแต่เมื่อไหร่ รู้แต่ว่าพอได้ชอบฉันก็ไม่สามารถห้ามความรู้สึกของตัวเองได้อีกเลย... วินาทีแรกที่เจอกัน 'เขา' ทำให้ฉันรู้สึกกลัว แต่พอนานวันเข้า เขากลับเป็นคนที่สอนให้ฉันรู้จักคำว่า 'ความรัก' "ถ้าโตขึ้นแล้วมีผู้ชายมาชอบหนู แด๊ดดี้จะทำยังไงคะ?" "ฆ่ามัน" ได้แต่เก็บความสงสัยนั้นเอาไว้ในใจ พอโตมาถึงได้รู้ ว่าฉันจะต้องเป็นของแด๊ดคนเดียวตลอดไป ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นก็ตาม...

MY BOY ผู้ชายข้าใครอย่าแตะ

MY BOY ผู้ชายข้าใครอย่าแตะ

โรแมนติก

5.0

"มาโรงพยาบาลวันนี้ป่วยเป็นอะไรอีกล่ะคะ" "พอดีกินข้าวไม่ค่อยได้น่ะครับ" "หืม? มีอาการอาเจียนด้วยหรือเปล่าคะ หรือว่ายังไง" "เปล่าครับ แค่ไม่มีตังค์" "..." "ถ้าคุณพยาบาลไม่รังเกียจ ผมขอฝากท้องไว้สักมื้อนะครับ" "คุณท้องเหรอคะ?" ........................................................................ "ถ้านายทำร้ายฉัน ฉันจะโทรไปฟ้องพี่" ฉันรู้ว่าคำขู่ของตัวเองมันอาจจะไม่ได้ผล เพราะเขาเป็นผู้ชายที่หน้าด้านหน้าทนยิ่งกว่าปูนซีเมนต์ หมายถึงทนมือทนตีนน่ะนะ "ฟ้องมากๆ ระวังโดนตบด้วยปากและกระชากด้วยลิ้นนะ" นอกจากจะเป็นผู้ชายที่กวนตีนแล้ว ความหื่นของเขาก็มีมากเช่นกัน หมดเรี่ยวแรงไปเท่าไหร่แล้วกับผู้ชายพันธ์นี้...โปรดอยู่ให้ห่างแล้วชีวิตจะปลอดภัย

GOOD BOY ผู้ชายก็ดีเป็น

GOOD BOY ผู้ชายก็ดีเป็น

โรแมนติก

5.0

"ถ้านายยังทำนิสัยแบบนี้ สักวันนายจะไม่เหลือใคร" ร่างเล็กพูดบอกผมออกมาด้วยแววตานิ่งๆ เธอเป็นผู้หญิงที่สวยและเพรียบพร้อมไปซะทุกอย่าง ถ้าเปรียบเธอเป็นที่สูง ผมก็คงเป็นที่ต่ำ ผมอยากจะไขว่คว้าเธอ แต่มันก็เกินเอื้อม เพราะคนเลวๆ อย่างผมมันไม่มีค่าที่จะคู่ควรกับเธอ "ถ้าฉันเป็นคนดีแล้วเธอจะรักฉันได้มั้ย" ผมลองย้อนถามกลับไป เธอยังคงยืนนิ่งก่อนที่จะเดินออกไปโดยที่ไม่ได้ตอบอะไรผมทั้งนั้น ไม่ว่าผมจะเป็นยังไงสุดท้ายเธอก็ไปอยู่ดี ดีชั่วอยู่ที่ตัวทำ สูงต่ำอยู่ที่ทำตัว ประโยคนี้มันไม่มีผลอะไรกับชีวิตของผม ไม่ว่าจะทำตัวดีแค่ไหน สุดท้ายก็เหี้ยในสายตาของเธออยู่ดี...

หนังสือที่คุณอาจชอบ

ทางใหม่ เริ่มใหม่

ทางใหม่ เริ่มใหม่

Beckett Grey
5.0

ซ่งจิ่งถังรักฮั่วอวิ๋นเซินอย่างลึกซึ้งนานถึงสิบห้าปี แต่ในวันที่เธอคลอดลูกกลับตกอยู่ในอาการโคม่า ขณะที่ฮั่วอวิ๋นเซินกระซิบข้างหูเธออย่างอ่อนโยนว่า "ถังถัง อย่าฟื้นขึ้นมาอีกเลย สำหรับฉัน เธอไม่มีค่าอะไรอีกแล้ว" ซ่งจิ่งถังเคยคิดว่าสามีของเธอเป็นคนอ่อนโยนและรักใคร่ตัวเอง แต่จริงๆ แล้วเขามีแต่ความเกลียดชังและใช้ประโยชน์จากเธอเท่านั้น และลูกๆ ที่เธอเสี่ยงชีวิตให้กำเนิด กลับเรียกหญิงสาวคนอื่นว่า 'แม่' ด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนต่อหน้าที่เตียงคนไข้ของเธอ เมื่อซ่งจิ่งถังฟื้นขึ้นมา สิ่งแรกที่เธอทำคือการตัดสินใจหย่าขาดอย่างเด็ดขาด! แต่หลังจากหย่าแล้ว ฮั่วอวิ๋นเซินจึงเริ่มตระหนักว่า ชีวิตที่ผ่านมาของเขาเต็มไปด้วยเงาของซ่งจิ่งถัง หญิงคนนี้กลายเป็นความเคยชินของเขา เมื่อพบกันอีกครั้ง ซ่งจิ่งถังปรากฏตัวในที่ประชุมในฐานะผู้เชี่ยวชาญด้านการแพทย์ เธอเปล่งประกายจนทุกคนต้องหันมามอง หญิงคนนี้ที่เคยมีแต่เขาในใจ บัดนี้กลับไม่แม้แต่จะมองเขาอีก ฮั่วอวิ๋นเซินคิดว่าเธอแค่ยังโกรธอยู่ ถ้าเขาเอ่ยปากพูดนิดหน่อย ซ่งจิ่งถังจะต้องกลับไปหาเขาแน่นอน เพราะเธอรักเขาหมดหัวใจ แต่ต่อมา ในงานหมั้นของผู้นำคนใหม่ของตระกูลเพ่ย เขาเห็นซ่งจิ่งถังสวมชุดแต่งงานหรูหรา ยิ้มอย่างเปี่ยมสุขและกอดแน่นเพ่ยตู้พร้อมสายตาที่เต็มไปด้วยความรักใคร่ ฮั่วอวิ๋นเซินอิจฉาจนแทบคลั่ง เขาตาแดงก่ำและบีบแก้วจนแตก เลือดไหลไม่หยุด...

สามีเป็นถึงเศรษฐีพันล้าน

สามีเป็นถึงเศรษฐีพันล้าน

Davin Howson
5.0

ในวันแต่งงาน เจ้าบ่าวของเฉียวซิงเฉินหนีไปกับผู้หญิงอีกคน เธอโกรธมาก จึงสุ่มหาชายคนหนึ่งมาแต่งงานด้วยทันที "ตราบใดที่คุณกล้าแต่งงานกับฉัน ฉันก็ยอมเป็นเมียคุณ" หลังจากแต่งงาน เธอได้ค้นพบว่าสามีของเธอคือลูกชายคนโตของตระกูลลู่ที่ขึ้นชื่อว่าไร้ประโยชน์ ชื่อลู่ถิงเซียว ทุกคนเยาะเย้ยว่า "เธอยนี่ช่วยไม่ได้จริงๆ" และผู้ชายที่ทรยศเธอก็มาเกลี้ยกล่อมว่า "ไม่เห็นต้องทำร้ายตัวเองเพราะฉันหรอก สักวันเธอต้องเสียใจแน่ๆ" เฉียวซิงเฉินหัวเราะเยาะและโต้ตอบว่า "ไปให้พ้น ฉันกับสามีรักกันมาก" ทุกคนต่าก็คิดว่าเธอเป็นบ้า ไปแล้ว อย่างไรก็ตาม เมื่อตัวตนที่แท้จริงของลู่ถิงเซียวถูกเปิดเผย ที่แท้เขาเป็นคนรวยอันดับต้นๆในโลก ในการถ่ายทอดสดทั่วโลก ชายคนนี้คุกเข่าข้างเดียว ถือแหวนเพชรมูลค่าหลักพันล้าน และพูดช้าๆ ว่า "คุณภรรยา ชีวิตที่เหลือนี้ขอฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะ"

คุณท่าน คุณนายมาหาอีกแล้ว

คุณท่าน คุณนายมาหาอีกแล้ว

Thacher
5.0

ในวันครบรอบแต่งงาน เหวินซือถูกเมียน้อยของสามีวางยาและไปมีอะไรกับคนแปลกหน้า เธอสูญเสียความบริสุทธิ์ไป แต่เมียน้อยคนนั้นกลับตั้งท้องลูกของสามี ภายใต้ความกดดันต่างๆ เหวินซื่อสูญรู้สึกสิ้นหวังและตัดสินใจหย่า แต่สามีของเธอกลับไม่แยแสโดยคิดว่าเธอกำลังเล่นลูกไม้อยู่ หลังจากการหย่ากัน เหวินซือกลายเป็นจิตรกรที่มีชื่อเสียงและมีผู้ชายนับไม่ถ้วนที่ตามจีบเธอ อดีตสามีไม่ยอมและขอคืนดีไปถึงที่ จากนั้นก็ว่า เธออยู่ในอ้อมแขนของคนใหญคนโตคนหนึ่ง และชายคนนั้นก็พูดอย่างสงบว่า "ดูให้ดี นี่คือพี่สะใภ้ของนาย"

อาเขยจอมเถื่อน

อาเขยจอมเถื่อน

มณีน้ำเพชร
5.0

เขา...พ่อเลี้ยงดรัณ พัชรอมรินทร์ ผู้ชายที่เกิดมาบนกองเงินกองทองแต่มีอดีตสุดแสนจะเจ็บปวด บาดแผลที่ทิ่มแทงหัวใจมาตลอดระยะเวลาหลายปีมันกำลังจะกลัดหนอง ถ้าไม่ทำการรักษาให้หาย เธอ...พลับพลึง โรจนศุภเกียรติ สาวน้อยวัยใสผู้มีโลกส่วนตัวที่แสนจะงดงาม และหลงรักผู้ใหญ่ใจดีคนหนึ่งมาตลอด ‘ความรักคือการให้’ นี่คือนิยามความรักของเธอ เรื่องราวคงไม่วุ่นวายถ้าเธอไม่กลับมารับรู้ว่าเขาเป็น ‘หม้าย’ และเรื่องราวก็คงไม่วุ่นวายกว่า ถ้าเธอกับเขาไม่ต้องเปลี่ยนสถานะจาก ‘น้าเขยกับหลานเมีย’ มาเป็น ‘สามีกับภรรยา’ มันอาจจะเป็นความสมหวังถ้าเธอจะได้แต่งงานกับผู้ใหญ่ใจดีที่หลงรักมาตลอด แทนการแต่งงานกับผู้ใหญ่ใจร้ายที่ไม่รู้สาเหตุว่าอะไรถึงเปลี่ยนให้เขาเป็นคนละคน เถื่อนและไร้เหตุผลสิ้นดี “เมียของฉันต้องเก่งเรื่องบนเตียง ต้องทำกับข้าวอร่อย ต้องทำงานในไร่ได้ไม่ต่างจากคนงาน ที่จริงจะต้องทำงานบ้านเป็นทุกอย่าง ขยัน ไม่นิ่งดูดายปล่อยให้แม่บ้านทำเอง เธอก็ต้องเป็นแบบนั้น” “ก็ได้ พลับทำให้ได้” “เริ่มเลย” “ปล่อยสิคะ ไม่ปล่อยแล้วจะทำได้ไง” ถ้าเขายังกอดเธอแน่นแบบนี้ ยังหายใจรดใบหน้าเธอแบบนี้ แล้วจะออกไปทำทุกอย่างที่ต้องการได้ยังไง “หน้าที่แรกที่บอก จำได้ไหม”

ทะลุมิติมาเป็นบุตรสาวหญิงหม้าย

ทะลุมิติมาเป็นบุตรสาวหญิงหม้าย

l3oonm@
5.0

จือหลินเธอเป็นเด็กกำพร้า ที่ถูกมารดาทอดทิ้งไว้ที่โรงพยาบาลตั้งแต่วันแรกที่ลืมตามาดูโลก ต่อมาทางโรงพยาบาลจึงส่งตัวเธอให้กับสถานสงเคราะห์ พออายุได้สามปี ก็มีองค์กรหนึ่งมารับเลี้ยงตัวเธอ แต่พวกเขาเลี้ยงเธอและเด็กคนอื่นๆ ไว้เพื่อเป็นหนูทดลองเท่านั้น ครั้งแรกที่ถูกนำตัวมา ต่างก็โดนจับฉีดยาเข้าสู่ร่างกาย เพื่อหาเด็กที่เลือดต้านเชื้อที่ฉีดเข้าไปได้เท่านั้น หากร่างกายทนรับไม่ไว้สิ่งที่ทางองค์กรมอบให้คือความตาย จือหลินอาจเป็นเพราะเลือดของเธอพิเศษกว่าเด็กคนอื่น ไม่ว่าฉีดยาตัวไหนเข้าสู่ร่างกายเธอก็ทนรับได้ทั้งนั้น นับจากนั้นมาเธอจึงถูกเลี้ยงดูจากองค์กรมาอย่างดี เรื่องการศึกษาเธอก็สามารถเรียนรู้ทุกสิ่งได้อย่างเต็มที่ แต่เพราะความฉลาดของเธอจึงถูกส่งให้เรียนวิทยาศาสตร์การแพทย์และเรียนแพทย์ควบคู่ไปด้วย เมื่อเรียนจบมาแล้ว จือหลินยังคงทำการให้องค์กรเช่นเดิม แม้จะไม่ได้เป็นนักฆ่าเช่นเพื่อนคนอื่นที่มาพร้อมกัน แต่เธอก็ต้องฝึกไม่ต่างจากพวกเขา ยิ่งเมื่อต้องนำเด็กเข้ามาเป็นหนูทดลองเช่นเดียวกับเธอในตอนเล็ก ต่อให้ไม่อยากทำก็ต้องทำ หากฝ่าฝืนไม่ทำการชิปที่ถูกฝังอยู่ในตัวจะถูกกระตุ้นให้ได้รับความทรมานทันที นานวันเข้า ความดำมืดก็ก่อเกิดในใจ ไม่ว่าจะฉีดยาให้เด็กร้ายแรงเพียงใดจือหลินก็เลิกรู้สึกผิดไปเสียแล้ว เพราะการทำงานของเธอตลอดหลายปีที่ผ่านมาทำให้ทางองค์กรยกย่องและมักจะให้สิ่งดีๆ กับเธอเสมอ เมื่อมีชิปตัวหนึ่งที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อฝังมิติอีกห้วงหนึ่งไว้ภายในร่างกาย จือหลินนางก็ได้รับเลือกให้ทดลองใช้สิ่งนี้ด้วยเช่นกัน จือหลินถูกฝังชิปมิติเข้าที่แกนสมองของเธอ ความเจ็บปวดที่ได้รับทำให้เธอแทบสิ้นสติ เมื่อชิปถูกฝังลงไปแล้ว เพียงไม่นานก็มีเสียงจากระบบให้เธอยืนยันตัวตน ก่อนที่จะปรากฏภาพต่างๆ ภายในหัวของเธอ ของจากภายนอกล้วนแต่ถูกส่งเข้าไปเก็บไว้ด้านในได้ทั้งสิ้น หากเป็นเนื้อสด ผักผลไม้ ยังคงความสดอยู่เช่นเดิมแม้จะเก็บไว้นานมากเพียงใด ห้วงมิติของจือหลินเหมือนเป็นห้องสูทในคอนโดของเธอเองที่มีทุกอย่างพร้อมใช้อยู่ภายใน แม้แต่ห้องทดลอง ห้องทำงานของเธอก็ปรากฏอยู่ในนั้นเช่นกัน นับจากนั้นจือหลินจึงซื้อของเขาเก็บภายในมิติของเธอเป็นจำนวนมาก ตัวเธอเพียงผู้เดียวที่สามารถเข้าออกในห้วงมิติได้ วันเวลาผ่านไปจนจือหลินล่วงเข้าวัยสามสิบปี เธอสามารถผลิตยาที่ทำให้ทั่วโลกจับตามองออกมาได้ ยายื้อชีวิตจากความตาย แต่การทดลองของเธอที่ผ่านมาต้องใช้คนจำนวนมากในการเข้าทดลอง จือหลินสามารถยื้อชีวิตของชายชราที่กำลังจะหมดลมหายใจให้กลับมามีชีวิตปกติได้ เมื่อเธอกักตัวเขาไว้ได้หกเดือนเห็นว่าไม่มีสิ่งใดที่ผิดปกติจึงคิดจะปล่อยเขาออกไปใช้ชีวิตเช่นเดิม แต่แล้วสิ่งที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น เมื่อชายชราที่กำลังจะเดินออกจากห้องทดลองล้มลงต่อหน้าทุกคนที่เข้าร่วมชื่นชมผลงานของเธอ จือหลินรีบเข้าไปตรวจดูความผิดปกติทันที ก็พบว่าเขาหยุดหายใจเสียแล้ว เจ้าหน้าที่ทั้งหมดจึงต้องพาชายชราคนนั้นกลับเข้าไปในห้องทดลองเพื่อหาสาเหตุ ผ่านไปเพียงสองครึ่งชั่วโมงเขากลับลืมตาขึ้นมาอย่างไม่น่าเชื่อ แต่แววตาที่มองมาทางทุกคนได้เปลี่ยนไป ในดวงตาของชายชราผู้นั้นมีเพียงตาขาวไม่มีตาดำเช่นคนมีชีวิต “เกิดเรื่องอะไรขึ้น” ผู้อำนวยการองค์กรเดินเข้ามาหาจือหลินแล้วเอ่ยถามอย่างตื่นตระหนก เพราะนักข่าวที่ข่าวเชิญมายังอยู่ที่ด้านนอกเพื่อรอฟังคำตอบ “ขอดิฉันตรวจสอบก่อนค่ะ” จือหลินกุมหน้าผากอย่างมึนงง เธอก็ไม่เข้าใจเช่นกันว่าเป็นแบบนี้ไปได้อย่างไร คนทั้งหมดยืนมองชายชราที่เดินท่าทางประหลาดอยู่ในห้องทดลอง ในตอนนี้เขาเริ่มหยิบสิ่งของทำร้ายตัวเองอย่างบ้าคลั่ง เจ้าหน้าที่คนหนึ่งรีบวิ่งเข้าไปในห้องทดลองเพื่อห้ามไม่ให้เขาทำร้ายตัวเอง ชายชราเมื่อได้ยินเสียงคนเดินเข้ามาก็พุ่งเข้ามาหาอย่างรวดเร็ว และเริ่มกัดกินเนื้อตัวของเขาอย่างโหดร้าย คนที่เห็นเหตุการณ์ทั้งหมดต่างยกมือขึ้นปิดปากอย่างตกใจ เพราะกลัวข่าวเรื่องนี้จะรั่วไหล ผู้อำนวยการสั่งให้คนไปแจ้งนักข่าวให้กลับไปก่อน ทางองค์กรจะแถลงการณ์เรื่องนี้ในภายหลัง เจ้าหน้าที่ที่ถูกทำร้ายล้มลงเสียชีวิตไม่นานก็มีสภาพไม่ต่างจากชายชราคนนั้น เสียงวุ่นวายไม่ได้จบลงที่ห้องทดลองของจือหลินเพียงแห่งเดียว เพราะห้องทดลองอื่นก็ล้วนพบเหตุการณ์เช่นนี้ไม่ต่างกัน ผู้อำนวยการจำต้องส่งสัญญาณเคลื่อนย้ายเจ้าหน้าที่ออกจากตึกทดลองให้เร็วที่สุด จือหลินไม่รู้ว่ายาของนางจะสร้างผลเสียมากถึงเพียงนี้ เพราะเจ้าหน้าที่หลายคนล้วนจบชีวิตจนกลายเป็นซอมบี้ไปเสียแล้ว ตึกทดลองถูกปิดตาย เพื่อไม่ให้ซอมบี้ที่อยู่ด้านในออกมาสร้างความเสียหายภายนอกได้ “เรื่องนี้ดิฉันขอจัดการด้วยตนเองค่ะ” จือหลินเดินเข้าไปหาผู้อำนวยการที่ห้องทำงานของเขา เพื่อบอกสิ่งที่เธอคิดว่าอย่างดีแล้วในหลายวันที่ผ่านมา เมื่อเห็นว่าผู้อำนวยการไม่ห้ามในสิ่งที่เธอจะทำจือหลินจึงเดินไปที่หน้าตึกทดลองพร้อมระเบิดเวลาในมือ เธอคิดจะทำลายสิ่งของทุกอย่างที่เธอสร้างขึ้นมาลงด้วยมือของเธอเอง จือหลินเปิดประตูตึกทดลองแล้วรีบปิดลงทันที เธอเดินเข้าไปที่กลางตึกให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพราะระหว่างทางเธอต้องคอยต่อสู้กับซอมบี้ที่จะเข้ามาทำร้ายเธอไปด้วย เสียงสัญญาณระเบิดดังขึ้น จือหลินหลับตาลง พร้อมทั้งถอนหายใจให้กับเรื่องราวในชีวิตที่ผ่านมา เสียงระเบิดดังไปทั่วบริเวณพร้อมทั้งตึกทดลองที่ถล่มลงมาจนแทบไม่เหลือซาก “เจ็บชะมัด” จือหลินร้องครางออกมาเบาๆ แต่เมื่อรู้สึกตัวได้เธอก็รีบพยุงตัวขึ้นนั่งอย่างรวดเร็วพร้อมมองไปรอบๆ อย่างไม่อยากเชื่อ เธอคิดว่าตายไปแล้วเสียอีก แต่ทำไมถึงได้มีความรู้สึกเจ็บได้ “นี้มันเรื่องบ้าอะไรอีกว่ะเนี่ย” จือหลินเบิกตากว้างอย่างไม่อยากเชื่อ รอบๆ ตัวเธอในตอนนี้เป็นป่าทึบ มือของเธอก็ไม่ใช่ของเธออย่างแน่นอนเพราะมีขนาดเล็กราวกับเป็นเด็กน้อยคนหนึ่งเท่านั้น ตอนที่เธอมึนงงสับสน เรื่องราวความทรงจำของเจ้าของร่างก็ไหลเข้าสู่หัวของเธอจนต้องลงไปนอนดิ้นกับพื้น

บท
อ่านเลย
ดาวน์โหลดหนังสือ