5.0
ความคิดเห็น
78
ชม
10
บท

“พรีม ๆ หยุดก่อน” เขาร้องเรียกหญิงสาวเอาไว้ เสียงดังฟังชัดทำเอาเด็กน้อยถึงกับหันมามองคนเรียก “คุณลุง” น้องพอวาเห็นหน้าก็จำได้ว่า เขาคือคนที่ได้เจอที่หน้าห้องน้ำเมื่อตอนมาถึงที่ร้าน พริมาภาตกใจไม่น้อยที่ได้ยินบุตรสาวร้องทักเขาขึ้น จริงอยู่ว่าหญิงสาวต้องการให้เขารับรู้ว่าเด็กที่เธอจับมือเอาไว้อยู่นี้คือเลือดเนื้อเชื้อไขของเขา หากแต่ไม่ใช่ตอนนี้ “น้องพอวา” “คุณลุงจำชื่อน้องพอวาได้ด้วย” เด็กน้อยบอกเสียงแจ๋วด้วยดีใจที่มีคนจำชื่อตัวเองได้ “จำได้สิคะ” “น้องพอวา หนูรู้จักคุณ ... เอ่อ คุณลุงด้วยเหรอคะ” “คุณลุงช่วยน้องพอวากดสบู่ให้ตอนน้องพอวาล้างมือค่ะ” เด็กน้อยบอกเสียงใสเลยทีเดียว “พรีม เด็กคนนี้ ...” “น้องพอวาเป็นลูกสาวพรีมค่ะ” เธอไม่รีรอที่จะบอกออกไปเช่นนั้น เพราะไม่มีเหตุผลอะไรที่จะต้องปิดไม่ให้เขารู้ว่าเธอมีลูกแล้ว คำตอบนั้นทำให้ใบหน้าหล่อคมเข้มถึงกับร้อนวูบขึ้นมา พร้อม ๆ กับหลากหลายความรู้สึกที่วิ่งแทรกเข้ามา ซึ่งเขาเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่ามันเป็นความรู้สึกอะไรกันแน่

บทที่ 1 ตอนที่ 1-1

บรรยากาศภายในงานประกาศผลรางวัล โครงการ ‘ส่งเสริมให้เด็กได้โชว์ศักยภาพ และความสามารถ เพื่อชิง-ทุนการศึกษา’ ของบริษัทผลิตนมผงคุณภาพระดับพรีเมียมของประเทศ

ซึ่งได้มีการประกวดและตัดสินในบางส่วนไปบ้างแล้ว สำหรับวันนี้เป็นวันที่ประกาศผลว่าเด็กคนไหนจะคว้าทุนการศึกษาหนึ่งล้านบาทไปได้

เสียงที่ดังเจื้อยแจ้วของผู้คนที่มาร่วมงานค่อย ๆ เบาลง และเงียบในที่สุด เมื่อพิธีกรบนเวทีทำการประกาศผลรางวัลที่ทั้งเด็กและผู้ปกครองกำลังรอคอย

“ขอแสดงความยินดีกับ ...”

เสียงดนตรีดังขึ้นเป็นการกระตุ้นความตื่นเต้นให้กับทุกคนที่อยู่บริเวณลานกว้างของห้างสรรพสินค้าใหญ่ใจกลางเมือง

“คนเก่งของเราวันนี้คือ ... น้องพอวา ด.ญ.พอวา เมธานนท์ รับทุนการศึกษาหนึ่งล้านบาท ยินดีด้วยครับ”

สิ้นเสียงพิธีกร เสียงปรบมือดังสนั่นขึ้นแทรกในทันที

“กรี๊ดดดด!!! น้องพอวาชนะแล้ว กรี๊ดดดด”

พลอยณิศาส่งเสียงร้องดีใจแข่งกับเสียงปรบมือ และคำชื่น¬ชมในตัวผู้ได้รับรางวัลทันที

‘เด็กหญิงพอวา เมธานนท์’ อายุหกขวบเศษเรียนอยู่ชั้นประถมศึกษาปีที่หนึ่ง ณ โรงเรียนเอกชนแห่งหนึ่ง บุตรสาวคนเดียวของ ‘พริมาภา’ หรือ ‘พรีม’ ซึ่งเป็นคุณแม่เลี้ยงเดี่ยว โดยมีพิมพ์รดาน้องสาว กับพลอยณิศาเพื่อนเป็นคนช่วยดูแลตั้งแต่เกิด ร่างเล็กมองหน้าบุตรสาวที่นั่งยิ้มกริ่มอยู่กับเพื่อนรักอย่างปลื้มปิติ ด้วยไม่คิดว่าบุตรสาวตัวเองจะเก่งขนาดนี้

แต่ก็ใช่ว่าเด็กน้อยจะไม่เคยผ่านเวทีการประกวดอะไรมา-ก่อนเลย ด้วยความฉลาด ความสามารถของเด็กที่พลอยณิศามองเห็น ทำให้หล่อนผลักดัน และแสวงหาโอกาสให้กับหลานสาวในทุก ๆ ด้าน ที่คิดว่าเจ้าตัวเล็กสามารถทำได้

และเมื่อเห็นว่าเวทีนี้เปิดให้เด็กได้มาโชว์ศักยภาพ ความสามารถ หล่อนจึงไม่รีรอที่จะยื่นใบสมัครให้ ซึ่งน้องพอวาได้แสดงความสามารถด้วยการเล่านิทานภาษาอังกฤษ จีน และไทย โดยถ่ายทอดจินตนาการออกมาจนผู้ชม และผู้ฟังในงานต่างพากันชื่นชมในความสามารถ จนคว้ารางวัลชนะเลิศรับทุนการศึกษาหนึ่งล้านบาทมาในที่สุด

และนอกจากทุนการศึกษาแล้ว ยังได้เป็นพรีเซนเตอร์ให้กับผลิตภัณฑ์ตลอดระยะเวลาหนึ่งปีด้วย

“เชิญน้องพอวาบนเวทีครับ”

เสียงพิธีกรหนุ่มดังขึ้นอีกครั้ง

“แกพาน้องพอวาขึ้นไปรับรางวัลเร็ว”

พลอยณิศารีบหันมาบอกเพื่อนรัก

“แม่จ๋าไปรับรางวัลกับน้องพอวานะคะ”

เด็กน้อยผู้ได้รับรางวัลรีบอ้อนมารดาขึ้นมาทันที

โดยปกติแล้วพริมาภาไม่ค่อยแสดงตัวอยู่แล้ว ส่วนมากจะปล่อยให้เป็นหน้าที่ของพลอยณิศาหรือไม่ก็พิมพ์รดา เพราะทั้ง¬สองคนมักเป็นคนจัดการมาตั้งแต่ต้น

การประกวดครั้งนี้ในตอนแรกเธอก็ไม่ค่อยเห็นด้วยเท่าไร เพราะกลัวว่าจะเป็นการกดดันลูกสาวมากเกินไป ทว่าก็ต้องใจ¬อ่อนเมื่อเจ้าตัวเล็กเป็นคนเอ่ยปากเองว่า อยากไปประกวด

จริง ๆ แล้ววันนี้หญิงสาวไม่สามารถมาร่วมงานได้ด้วยซ้ำ ดีที่ทางบริษัทเลื่อนการประชุมออกไป เธอจึงรีบตามมาส่ง¬กำลังใจให้บุตรสาวทันที

“น้องพอวาไปกับน้าพลอยนะคะ”

“แกน่าจะขึ้นไปด้วยนะ เดี๋ยวฉันถ่ายรูปให้”

“ไม่ละ แกจัดการไปเถอะ ... น้องพอวาไปกับน้าพลอยนะคะ”

“ก็ได้ค่ะ”

น้ำเสียงตอบรับฟังดูติดจะเศร้าไปหน่อย ทว่าเมื่อมารดาอุ้ม¬ร่างเล็กขึ้น แล้วหอมเข้าที่แก้มฟอดใหญ่ ริมฝีปากจิ้มลิ้มก็ยิ้มออกทันที

“แม่จ๋ารออยู่ข้างล่างนะคะคนเก่ง”

เธอบอกพร้อมกับอุ้มร่างเล็กขึ้นมาด้วย

“ค่ะ”

คราวนี้เสียงใสแจ๋วเลยทีเดียว

“งั้นฉันพาน้องพอวาไปรับรางวัลก่อน”

“โอเค ๆ ฉันไปรอหลังเวทีนะ”

หญิงสาวรับคำแล้วก็หยิบโทรศัพท์มาดู เพราะมีเสียงเรียกเข้ามาพอดี ว่าแล้วหญิงสาวก็หอมแก้มบุตรสาวเป็นการให้¬กำลังใจอีกครั้ง ก่อนส่งร่างเล็กให้เพื่อนรัก แล้วก็ปลีกตัวไปทางด้านหลังเวที

ขณะที่หญิงสาวเดินแยกตัวออกมา ได้ยินแต่คนชื่นชมบุตรสาวตัวเอง ยิ่งได้ยินหัวใจยิ่งพองโตรู้สึกภูมิใจตัวเองที่สามารถเลี้ยงดูลูกมาให้เก่ง และกล้าแสดงออกขนาดนี้ และต้องขอบใจเจ้า¬ตัวเล็กด้วยที่ไม่ดื้อ แถมยังยอมรับในสิ่งที่เธอและน้า ๆ ป้อนให้ทุกอย่าง

“เด็กคนนี้เก่ง ๆ มาก ๆ เลยนะคะคุณกิ่ง”

คำชื่นชมของหญิงคนหนึ่งทำเอาพริมาภาที่กำลังเดินอ้อมไปทางด้านหลังเวทีต้องหยุดเท้าแล้วหันมองที่ต้นเสียงนิดหนึ่งแล้วสายตาก็พลันเห็นใครคนหนึ่งในงาน

“คุณกิ่งกาญจน์”

พริมาภาอุทานเรียกชื่อหญิงสูงวัยซึ่งนั่งอยู่ที่ชุดโซฟาของ-ประธานในการจัดงานโดยอัตโนมัติ แล้วก็รีบพาตัวเองหลบไปทางหลังเวทีทันที หัวใจเต้นแรงเร็วอย่างลุ้น ๆ ด้วยกลัวว่าเจ้าของชื่อที่อุทานเรียกเมื่อครู่จะได้ยินแล้วหันมามอง ด้วยตกใจทำให้ลืมไปเสียสนิทว่า ต้องมารับสายโทรศัพท์ที่ดังเรียกเข้ามาเมื่อครู่ พอ¬มาดูอีกทีสายก็ถูกตัดไปแล้ว

หญิงสาวจำหญิงสูงวัยผู้นี้ได้ไม่เคยลืม เพราะท่านเป็นทั้งผู้ให้ที่พักพิง ให้ทั้งเงิน เพื่อให้เธอกับน้องสาวได้เรียนต่อ และก็ยังเป็นคนที่ทำให้ต้องกลายเป็นนกไร้รังอีกครั้ง

แต่หากให้มาคิดอีกทีต้องของคุณด้วยซ้ำที่ทำให้ชีวิตเธอมี-คุณภาพ และมีคุณค่ามากขึ้น เพราะหากไม่ใช่เพราะนาง ดีไม่ดีเธออาจจะยังคงเป็นแค่เด็กรับใช้ และคงไม่มี ดร.พริมาภา กับ เด็กหญิงพอวาในวันนี้ก็ได้

เธอมองหญิงสูงวัยที่ยังคงภูมิฐานเฉกเช่นเดิม แม้เวลาจะล่วงเลยมานานหลายปี ทว่าดูเหมือนว่านางยังคงเหมือนเดิมทุกอย่าง สายตาคู่สวยมองผ่านไปยังเจ้าตัวเล็กบนเวทีแล้วพลอยให้ยิ้มออกมาอีกครั้ง

“เด็กคนนั้นคือสายเลือดของคุณผู้หญิงนะคะ”

ริมฝีปากสวยได้รูปขยับเอ่ยขึ้นเบา ๆ ให้ได้ยินเพียงตัวเองเท่านั้น

อ่านต่อ

หนังสืออื่นๆ ของ ภิรญา กษิรา

ข้อมูลเพิ่มเติม
เพียงเพราะรักด้วยใจปรารถนา

เพียงเพราะรักด้วยใจปรารถนา

โรแมนติก

5.0

“พี่ภีมโกรธวาเรื่องอะไรคะ” “หยุด! ต่อไปนี้เธอไม่ต้องเรียกฉันว่า ‘พี่’ ฉันมียายพลอยเป็นน้องสาวเพียงคนเดียวเท่านั้น” น้ำเสียงดุกร้าวไม่แพ้แววตา “นี่มันอะไรกันคะวางงไปหมดแล้ว พี่ภีมช่วยอธิบายให้วาเข้าใจหน่อยได้ไหมคะ” หญิงสาวร้องขอความกระจ่างจากเขา ยังคงสะอื้นไห้อยู่เช่นเดิม “อธิบายเหรอ... ยังจะต้องให้ฉันอธิบายอะไรอีก หรือต้องการให้ฉันประจานต่อหน้าป้าอิ่มและนวลว่าเธอมันเลวชาติ... หน้าด้าน หน้าทน ขนาดไหน” “คุณภีม! / พี่ภีม!” วาทิตา นางอิ่ม อุทนทานเรียกชื่อเขาพร้อมๆ กันเลยทีเดียว ด้วยคาดไม่ถึงว่าจะได้ยินคำพูดเหล่านี้ออกจากปากเขาได้ “อยากรู้ว่าตัวเองเลวยังไง ฉันว่าไอ้นี่คงจะอธิบายได้อย่างชัดเจนถึงความเลวของเธอนะวาทิตา” ภาคิน ปาก้อนกระดาษที่เขาขยำไว้ในมืออย่างโกรธแค้นจนกลายเป็นก้อนกลมๆ ใส่หน้าหญิงสาวอย่างแม่นยำ ทว่าหากเวลานี้ในมือเขาสามารถประจุไฟขึ้นมาได้กระดาษแผ่นนั้นคงไม่เป็นก้อนอยู่อย่างที่เห็น มันคงกลายเป็นเถ้ากระดาษไปนานแล้ว วาทิตารีบคลี่ก้อนกระดาษที่เขาปาใส่หน้าเธออย่างเต็มแรงจนแก้มขาวนวลข้างซ้ายขึ้นรอยแดงอย่างเห็นได้ชัดทันที นัยน์ตากลมโตค่อยๆ ไล่อ่านทุกตัวอักษรยิ่งอ่านสีหน้าก็ยิ่งถอดสี ศีรษะส่ายไปมาเล็กน้อย เหมือนต้องการส่งสัญญาณให้บุคคลที่กำลังจ้องมองอยู่ตรงหน้านั้นได้รู้ว่ามันไม่ใช่เรื่องจริงตามข้อความในกระดาษนี้ สายตาชายหนุ่มที่กำลังจ้องมองประดุจเสือร้ายกำลังจ้องกวางน้อยและรอเวลาตะคลุบเหยื่อมาเป็นอาหารอันโอชะอยู่อย่างไม่ละสายตา ทำให้เขาเห็นทุกอากัปกิริยาของเธอ เขากระตุกยิ้มมุมปากนิดหนึ่งอย่างเหยียดๆ “ไม่จริง! นะคะพี่ภีม ไม่จริง”

อุ้มรักคาสโนว่า

อุ้มรักคาสโนว่า

โรแมนติก

5.0

“นี่คุณ ปล่อยฉันนะไม่อย่างนั้นฉันจะตะโกนเรียกคุณป๋า ท่านจะได้รู้ว่าคุณมันไว้ใจไม่ได้” น้ำเสียงเธอตกใจอยู่ไม่น้อยที่จู่ ๆ ก็โดนอีกฝ่ายจู่โจมถึงตัวเอาแบบนี้ “คุณไม่รู้หรอกหรือว่าคุณป๋าคุณเปิดทางให้ผมแค่ไหน” เขากระซิบข้างหูคนตัวเล็กอย่างจงใจ “ปล่อยฉันนะ คุณอย่ามารุ่มร่ามกับฉันแบบนี้นะ” “รุ่มร่ามที่ไหนกันก็แค่กอดเมีย” คนกวนพยายามจะหอมแก้มขาวนวล ทว่าอีกฝ่ายหลบได้ทันเสียก่อน “นี่คุณ” ไม่ได้ห้ามอย่างเดียว ทว่ากำปั่นเล็กทุบเข้าที่หน้าอกเขาเต็มแรง แต่ดูเหมือนคนทุบจะเจ็บมือเองเสียเปล่า ๆ เพราะมันไม่ได้สะทกสะท้านหรือระคายเคืองอะไรกับแผงอกหนาเอาเสียเลย “ถ้ายอมให้หอมก็จะปล่อย” “มันจะมากไปแล้วนะ” เสียงที่ดังลอดไรฟันค่อนข้างเอาเรื่อง “แค่หอมมากไปทีไหนกัน ... โอ๊ย! นี่คุณชาติก่อนเป็นหมาหรือไง” ศิวัฒน์ยังไม่ทันได้กวนโทสะอีกฝ่ายจนสุด ก็ต้องร้องเสียงหลงออกมาเมื่อคนในวงแขนแข็งแรงหันไปกัดเอาที่ต้นแขนนั้นจมเขี้ยว ทำเอาคนที่กำลังคิดว่าตัวมีชัยอยู่ถึงกับต้องปล่อยแขนออกจากเอวบางทันที

หนังสือที่คุณอาจชอบ

หย่าแล้วก็ไม่ต้องขอคืนดี

หย่าแล้วก็ไม่ต้องขอคืนดี

Chandra Spin
5.0

... ในวันครบรอบแต่งงาน ฮั่วเยี่ยนสือ สามีผู้มั่งคั่งทิ้งเธอไป แล้วหาคนรักแรกของเขา ผู้ชายที่ไม่รักนวลสงวนตัวก็เหมือนสิ่งไร้ค่า ผู้ชายที่เธอเคยอ่อนข้อให้แต่ก็ไม่สนใจเธอ งั้นเธอไม่ต้องการแล้ว จึงขอหย่าทันที ฮั่วเยี่ยนสือไม่สนใจ ซูหว่านหนิงกลับเข้าสู่วงการบันเทิงและเฉิดฉาย รักแรกในอุดมคติชอบแกล้งอ่อนแองั้นเหรอ งั้นก็ให้เธอเผยธาตุแท้จริงให้ทุกคนได้เห็น อดีตสามีที่เป็นคนปากแข็งที่สุด "เมื่อเธอเบื่อแล้วเธอจะกลับมาหาฉัน" แต่ภรรยาที่เคยเต็มใจทำทุกอย่างให้เขานั้นไม่กลับมาอีกแล้ว ไม่เพียงแต่ประสบความสำเร็จในอาชีพเท่านั้น แต่ยังมีคนมากมายมาตามจีบเธออีก ดาราระดับโลกแสดงความรักอย่างแรงกล้า ผู้บริหารบริษัทสื่อพยายามทุกวิถีทางเพื่อทำให้เธอยิ้ม แม้แต่ทายาทเศรษฐีอันดับหนึ่งก็ต้องการเธอเท่านั้น จากนั้นฮั่วเยี่ยนสือเริ่มตระหนก เปลี่ยนจากคนเย็นชากลายเป็นคนที่คอยติดตามไม่ห่าง ใช้ทุกวิถีทางเพื่อตามจีบภรรยา ซูหว่านหนิงไม่แม้แต่จะมอง "เมื่อก่อนคุณเฉยเมยกับฉัน ตอนนี้คุณไม่คู่ควรกับฉันแล้ว" ฮั่วเยี่ยนสือขอร้องเธออย่างบ้าคลั่ง "หนิงหนิง เราแต่งงานใหม่เถอะ" ซูหว่านหนิงแสดงท่าทางหยิ่ง "คุณฮั่ว ฉันไม่เคยกลับไปหาของที่ทิ้งไปแล้ว"

คลื่นรักอสูร

คลื่นรักอสูร

มาชาวีร์
4.8

(คลื่นรักอสูร) ...เพราะเธอขึ้นเรือผิดลำ คลื่นร้ายจึงซัดแทบกระเจิง... “เธอมันก็แค่ผู้หญิงขายตัว จะมาทำเล่นตัวเรื่องมากไม่ได้รู้ไหม ต่อให้เป็นสินค้าด้อยคุณภาพยังไงก็เถอะ ก็ต้องหัดรู้จักตามใจแขกบ้าง แต่นี่อะไรหาเรื่องใส่ตัวแท้ ๆ คนสอนไม่บอกหรือยังไงว่าไอ้ละครเล่นตัวนี่มันน่ารำคาญไม่ได้ดึงดูดลูกค้าเลย” บารเมษฐ์ต่อว่าพร้อมกวาดสายตามองเหยียดหยามตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า ก่อนคลายมือออกจากปลายคางอย่างช้า ๆ “ฉันไม่ได้มาขายตัวสักหน่อย” คนได้รับอิสรภาพรีบบอกเขา “หืม” เขาทำหน้าไม่เชื่อ “ฉันแค่ขึ้นเรือผิดลำ ฉันไม่ได้มาขายตัวจริง ๆ คุณอย่าทำอะไรฉันเลยนะคะคุณบารเมษฐ์” วินาทีนี้เธอกลัวเขามากกว่าใครบนเรือลำนี้เสียอีก เลยเลือกที่จะบอกความจริงกับเขาไป “ขึ้นเรือผิดลำ?” คนพูดหรี่ตาลงอย่างสงสัย “ใช่ค่ะ ฉันขึ้นเรือผิดลำจริง ๆ” “แบบนี้นี่เอง มิน่าล่ะสองคนในห้องเครื่องนั่นถึงได้ลุกลี้ลุกลนนัก” บารเมษฐ์นึกไปถึงท่าทางของอนุชิตกับธาวิน ซึ่งดูเหมือนมีเรื่องเป็นกังวลอยู่ตลอดเวลา “คุณรู้แบบนี้แล้วก็ปล่อยฉันไปเถอะคุณบารเมษฐ์ อย่าทำอะไรฉันเลยนะคะ” นีนนาราขอความเห็นใจจากเขา แต่สายตาที่เขามองกลับมานั้นมันว่างเปล่าชอบกล “รู้อะไรไหมนีนเรื่องนี้ไม่ใช่ความผิดของฉันเลย เธอเป็นคนอยู่ผิดที่ผิดทางเอง เพราะงั้นเธอก็ต้องรับสภาพที่จะเกิดขึ้นต่อจากนี้เองเหมือนกัน” “ห้ะ คุณ นี่คุณ คุณทำไมเป็นคนไม่มีเหตุผลแบบนี้” หญิงสาวต่อว่าเขา ก่อนจะหน้าซีดหน้าเซียวลง เพราะเสียงหัวเราะเบา ๆ ในลำคอของเขาบ่งชัดว่าคืนนี้เธอไม่รอดแน่ “ปล่อยฉันนะ! ปล่อย!” นีนนาราดิ้นหนีเขาก็จับกดลงที่เดิม “งานก็คืองานนะคนสวย มาขายตัวก็คือมาขายตัว อย่าทำเสียเรื่องสินีน” บารเมษฐ์ย่อมเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่งอยู่แล้ว เขาอยากรู้ว่าผู้หญิงคนนี้จะมาไม้ไหนอีกแน่ “ก็บอกว่าไม่ใช่ยังไงล่ะ ว้าย!”

คุณนายฟู่ กรุณาเซ็นต์หย่า

คุณนายฟู่ กรุณาเซ็นต์หย่า

Harper
5.0

ความรักที่ซ่อนเร้นของสาวน้อยเริ่มต้นในวันที่ทั้งสองได้พบกันในการพบกันที่ถูกวางแผนมาอย่างยาวนาน ทว่าเด็กสาวที่ครอบครัวรับมาเลี้ยงกลับแย่งชิงครอบครัวและเด็กหนุ่มไปโดยไม่รู้สึกเกรงกลัว เมื่อโตขึ้น เธอใช้โอกาสการแต่งงานเพื่อผลประโยชน์เพื่อแย่งชิงตำแหน่งภรรยาของชายคนนั้น ไม่ยอมถอยแม้แต่นิดเดียว ฟู่เป่ยชวนกอดพี่สาวของเธอไว้ในอ้อมแขน ดวงตาเต็มไปด้วยความเกลียดชัง “เธอทำให้ฉันรู้สึกสะอิดสะเอียน” ซูชิงเฉินรู้สึกปวดท้องเหมือนมีบางอย่างในร่างกายของเธอค่อยๆ เลือนหายไป เธอยิ้มเล็กน้อย น้ำเสียงแน่วแน่ “แน่นอน ฉันจะไม่มีวันปล่อยมือ ถึงจะต้องตายก็ตาม” ไม่นานนัก ซูชิงเฉินก็เหมือนจะหายไปจริงๆ จากนั้นเป็นต้นมา ไม่มีใครรู้ว่าเธอยังมีชีวิตอยู่หรือไม่ ในยามค่ำคืน ฟู่เป่ยชวนมักจะได้ยินเสียงผู้หญิงคนหนึ่งพูดกับเขาว่า “ถ้าฉันไม่เคยรักเธอเลยก็คงจะดี” ห้าปีต่อมา ซูชิงเฉินกลับมาพร้อมกับเด็กคนหนึ่ง กลับมาในสายตาของคนทั่วไปอีกครั้ง ...

ประธานหลี่ พอได้แล้วนะ จะง้อภรรยาก็เข้าคิวก่อน

ประธานหลี่ พอได้แล้วนะ จะง้อภรรยาก็เข้าคิวก่อน

Encore
5.0

แต่งงานซ่อนเงากับหลี่ เจวี๋เฉินมาได้สามปี เจียงวานเคยคิดว่าความรักของเธอจะทำให้หัวใจเขาอุ่นขึ้นได้ แต่สิ่งที่รอเธออยู่ กลับเป็นวันที่จู่ ๆ รักแรกของเขากลับมาจากต่างประเทศ แล้วเขาก็พูดเพียงประโยคเดียวว่า “พวกเราหย่ากันเถอะ” เจียงวานรู้ดีว่าคนที่หลี่ เจวี๋เฉินรักไม่ใช่เธอ เธอจึงกลบเก็บความรู้สึกทั้งหมดไว้ หยิบกระเป๋าแล้วเดินจากไปอย่างเด็ดขาด หลังหย่า ชีวิตของเจียงหว่านกลับพุ่งแรงราวติดปีก ทั้งงานทั้งโชคลาภหลั่งไหลไม่หยุด กลายเป็นสไตลิสต์ระดับท็อปของโลก ทั้งการงานและความรักล้วนรุ่งโรจน์ ส่วนอดีตสามีผู้มีตำแหน่ง บางคน นั้นวัน ๆ เอาแต่จ้องหน้าจอ คิดทุกวิถีทางว่าจะทำยังไงให้ได้แต่งงานกับเธออีกครั้ง จนกระทั่งวันหนึ่ง ผู้มีพระคุณที่เคยช่วยชีวิตเจียงวานตอนยังเด็กกลับมาอีกครั้งหลี่ เจวี๋เฉินถึงกับอยู่เฉยไม่ไหวอีก “วานวาน แต่งงานกันอีกครั้งเถอะนะ ได้โปรด!” เจียงวานเพียงยิ้มบาง ๆ อย่างไม่ใส่ใจ“ไม่มีเวลาหรอก ไปหารักแรกของคุณเถอะ!” หลี่ เจวี๋เฉินควักแหวนออกมา คุกเข่าข้างเดียวแล้วเอ่ยว่า “ฉันไม่มีใครคนอื่นในใจ มีเพียงเธอเท่านั้น เธอคือคนที่ฉันรักมาตลอด ตั้งแต่แรกจนถึงตอนนี้ก็ยังเป็นเธอ!” ตลอดสามปีที่อยู่ด้วยกันทั้งเช้าเย็น ทำให้ทั้งคู่ค่อย ๆ เกิดความรักและผูกพันต่อกัน เธอเข้าใจว่าเขายังรักแฟนเก่าอย่างสุดหัวใจ แต่เขากลับคิดว่าในใจเธอมีใครอีกคนอยู่แล้ว คนดื้อสองคนที่แอบรักกันอยู่ฝ่ายละมุม แต่กลับเข้าใจผิดเพราะมีคนอื่นเข้ามาอยู่รอบตัวจนคิดไปต่าง ๆ นานา ความรักครั้งนี้จะฝ่าหมอกแห่งความเข้าใจผิดไปจนถึงตอนจบที่งดงามได้หรือไม่?

ทะลุมิติไปเป็นสาวใช้ผู้มั่งคั่งในยุค 90

ทะลุมิติไปเป็นสาวใช้ผู้มั่งคั่งในยุค 90

แก้วใบเล็ก
5.0

เธอทะลุมิติไปเป็นสาวใช้ส่วนตัวที่เขาซื้อมาจากครอบครัวที่เก็บขยะขาย ในยุคปัจจุบันก็ทำงานจนตัวตาย มาอยู่อดีตก็กลายเป็นคนอัตคัดขัดสน ชีวิตจะลำบากซ้ำซ้อนไปถึงไหน ……………………………………………… เช็ดท่อนบนเสร็จเนื้อนวลก็เตรียมถอดชิ้นล่างที่เป็นกางเกงผ้านิ่มขายาว มือเล็กกำลังจับขอบกางเกงเตรียมจะถอดออก            หมับ! แต่ก็มีมือใหญ่มายึดไว้อีกครั้ง พร้อมเปล่งเสียงแหบพร่าออกมา            “หย่า!” เด็กอะไรแก่แดดขนาดนี้ ไม่รู้จักอายผีอายสาง กลางวันแสก ๆ ยังจะแก้ผ้าผู้ชาย ถึงปู่กับย่าจะไม่ค่อยมีเวลาอบรมบ่มนิสัยให้รักนวลสงวนตัวแต่เธอก็น่าจะคิดเองเป็นบ้าง หรือเธอเป็นเด็กใจแตกถึงไม่ได้ใส่ใจกับเรื่องนี้            เช่นเดิมเนื้อนวลไม่ได้สนใจ เพราะกลิ่นตัวของเขาที่โชยเข้าจมูกเธอคิดว่าน่าจะเกือบเดือนแล้วที่เขาไม่ได้เช็ดตัว เพราะเท่าที่เนื้อนวลเข้ามารับใช้เขาไม่กี่วัน สุรเชษฐ์ก็ไล่เธอท่าเดียว แต่อย่าหวังว่าเนื้อนวลคนนี้จะยอมแพ้ง่าย ๆ            “ถ้าอายก็หลับตา” เนื้อนวลพูดเสียงเรียบเรื่อยเหมือนเป็นเรื่องปกติสำหรับเธอ มือข้างหนึ่งจับสะโพกเขายกขึ้นมืออีกข้างดึงกางเกงนอกลงมาจนสุดปลายเท้าตามด้วยกางเกงผ้าอ้อมผู้ใหญ่ เพราะเขาไม่สามารถควบคุมการขับถ่ายทั้งหนักและเบาของตัวเองได้ ทุกอย่างเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วจนเขาไม่ทันระวังตัว เมื่อนั้นแหละสุรเชษฐ์จึงนอนแน่นิ่งปิดเปลือกตาแน่น ร่างใหญ่แข็งทื่อไปทั้งตัว จากที่ไม่รู้สึกแค่ฝั่งขวาตอนนี้เหมือนจะชาไปทุกสัดส่วนบนร่างกาย            ให้ตายเถอะ! ผู้หญิงคนนี้ช่างไร้ยางอายสิ้นดี เกิดมาเขายังไม่เคยให้ผู้หญิงคนไหนเห็นร่างเขาตอนเปลือยเปล่าแบบนี้มาก่อน เว้นเสียแต่ภรรยาของเขาเพียงคนเดียว เธอช่างเป็นผู้หญิงที่…หน้าด้านเหลือทน มีผู้หญิงคนไหนกันที่อยู่กับชายแปลกหน้าที่นอนเปลือยล่อนจ้อนแบบนี้ในห้องสองต่อสองเหมือนเธอบ้าง ถ้าคนอื่นรู้เข้ามีหวังเธอไม่มีทางหาสามีได้แน่ อย่างว่าล่ะนะก็คนไม่ได้เรียนหนังสือก็คงไม่รู้ว่าอะไรควรหรือไม่ควร            พ่อจ๋า! แม่จ๋า! ช่วยลูกด้วย ผมกำลังโดนแทะโลมทางสายตา สุรเชษฐ์พร่ำบ่นในใจเมื่อคิดว่าสาวใช้คงใช้สายตาจ้องมองเขาไปทั้งตัว

บท
อ่านเลย
ดาวน์โหลดหนังสือ