แพ้รักน้องสาว

แพ้รักน้องสาว

อัณณากานต์

5.0
ความคิดเห็น
3.3K
ชม
46
บท

เธอ…ไม่เคยรักใครนอกจากเขา เขา…มองข้ามความรักของเธอมาตลอดชีวิต

บทที่ 1 ตอนที่ 1 ความทรงจำในวัยเด็ก

“ไมค์ เดี๋ยวเจก็กลับมาแล้ว” แม่บ้านวัยสามสิบต้นๆ กระซิบบอกคนสวนด้วยน้ำเสียงแหบพร่าเพราะอีกฝ่ายกำลังเล้าโลมเธออย่างเอาเป็นเอาตาย

“ก็รีบๆ ทำสิครับคุณนายจะได้เสร็จไวๆ” ไมเคิลคนสวนสุดล่ำได้รับทิปแบบนี้ทุกครั้งเวลามาแต่งต้นไม้หรือตัดหญ้าให้บ้านหลังนี้ ถึงเธอจะไม่ใช่สาวรุ่นแต่ส่วนสัดก็ยังเต่งตึงหนั่นแน่นไปทุกส่วน ก็คนมีอันจะกินเขามีเวลาดูตัวเอง วันๆ ไม่ต้องทำงานทำการอะไรแค่อยู่บ้านไม่ก็ออกไปช้อปปิ้งแล้วก็กลับมารอรับลูกตอนบ่ายๆ

“ซี๊ด มะ ไมค์ อ๊า ไม่ไหวแล้ว” สุดาไม่อาจต้านทานอารมณ์ตัวเองได้เธอจึงลากพ่อหนุ่มให้มายืนแอบอยู่ตรงทางขึ้นชั้นสองขาเรียวยาวข้างนึงพาดไปบนราวบันได

“พั่บๆๆๆ” ไอ้หนุ่มคนสวนเสียบท่อนเอ็นอันโตเข้าไปจนสุดลำแล้วซอยกระหน่ำไม่นับครั้ง สองมือหนากร้านขยำขยี้ทรวงอกนิ่มหยุ่นคุณนายเจ้าของบ้านจนขึ้นรอยแดง เกมกามต้องห้ามดำเนินไปอย่างดุเดือดทั้งสองคนลืมทุกสิ่งทุกอย่างรอบตัว

“มามี๊” เด็กชายเจเดนเดินตามเสียงประหลาดมาเรื่อยๆ และก็พบว่ามารดาของตัวเองกำลังยืนหันหน้าเข้าหาคนสวน ทั้งคู่ส่งเสียงที่แปลไม่ออกว่ามันเจ็บปวดหรือกำลังจะพูดอะไรและร่างกายมีเหงื่อไหลโทรมตัว

“เจ” สุดารีบผลักคนสวนให้ห่างออกจากตัวแล้วถลกกระโปรงกลับลงไปส่วนคนสวนสุดล่ำก็เดินหนีออกหลังบ้านไปเลย

“มามี๊ทำอะไรครับ” เจเดนในวัยอนุบาลถามคุณแม่ด้วยความสงสัย

“เอ่อ มามี๊ปวดหัวจ้ะรู้สึกเหมือนตัวร้อนจะเป็นไข้ ไมค์เขาเลยช่วยดูให้”

“จริงด้วย มามี๊เหงื่อออกเต็มเลยผมไปหาผ้ามาให้นะครับ” เจเดนตัวน้อยวิ่งไปที่ห้องครัวแล้วคว้าผ้าขนหนูนุ่มๆ วิ่งกลับมาหามารดาด้วยความร้อนใจ

“ดีขึ้นไหมครับมามี๊” เจเดนซับเหงื่อของมารดาแล้วถามด้วยความเป็นห่วง

“ดีขึ้นแล้วจ้ะ” สุดาตอบลูกชาย

“มามี๊ไปเอาของว่างมาให้นะครับ”

“ไม่เป็นไรครับ มามี๊นั่งนะครับผมไปหยิบเองได้” และอีกครั้งที่เด็กชายเจเดนวิ่งกลับไปที่ครัว เขาปีนไปบนเก้าอี้เพื่อหยิบขนมปังกับถ้วยแยมบนโต๊ะแล้วถือกลับมาหามารดาด้วยความระมัดระวัง สองมือเล็กๆ ทาแยมรสส้มไปบนขนมปังเนื้อนิ่มแล้วบิเป็นชิ้นเล็กๆ ป้อนให้แม่ของเขาก่อน

“อร่อยไหมครับ”

“อร่อยจ้ะ” สุดาตอบแล้วหอมแก้มลูกชาย

“มามี๊ต้องไปหาหมอไหมครับ”

“ไม่ต้องหรอกจ้ะ เจป้อนขนมปังให้แม่อีกสามคำแม่ก็หายแล้ว”

“มามี๊หายแล้วเห็นไหมจ๊ะ” สุดายิ้มออกมาหลังจากกินขนมครบสามคำและลูกชายของเธอก็เลิกทำคิ้วขมวดในที่สุด

“เจขึ้นไปอาบน้ำนะครับแล้วเราลงมาช่วยทำมันบดกัน วันนี้ปาป๊าจะกลับมากินมื้อเย็นจ้ะ”

“เย้ๆ ดีใจที่สุดเลย” เจเดนวิ่งปรู๊ดขึ้นไปบนห้องของตัวเองแล้วสลัดเสื้อผ้าออกจากตัวด้วยความรวดเร็ว

“ไมค์” สุดาอุทานด้วยความตกใจ ไมเคิลลากคุณนายคนสวยหายเข้าไปในห้องน้ำแล้วทำภารกิจที่ค้างไว้

“อ๊ะ ซี๊ดดด ถ้าผัวฉันอึดได้ครึ่งของเธอก็ดี”

“งั้นก็ให้ผมมาทำสวนทุกวันสิครับคุณนาย พั่บๆๆๆ”

“บะ บ้า คนก็ผิดสังเกตพอดี โอ๊ววว”

“เสร็จพร้อมกันนะครับคุณนาย อู๊ววววว” สุดาและไมเคิลประกบปากจูบกันอย่างดูดดื่มเพื่อเก็บเสียงครวญครางเอาไว้ ไมเคิลใส่เสื้อผ้ากลับเข้าที่เดิมแล้วเดินผิวปากออกไปส่วนสุดาก็จับผมเผ้าและชุดกระโปรงให้เข้าที่เข้าทางเพื่อไปรับบทบาทแม่และเมียที่ดี

“มามี๊ค้าบ” เจเดนวิ่งตึงตังลงมาหลังจากอาบน้ำเสร็จแล้ว

“นี่ครับ เจบดได้เลย” สุดายื่นถ้วยมันฝรั่งที่หั่นเป็นชิ้นเล็กๆ ให้ลูกชาย เจเดนมีหน้าที่บดมันให้ละเอียดด้วยช้อนอันโตเพราะเธอไม่กล้าให้ลูกชายใช้มีดหรืออุปกรณ์ทำครัวอื่นๆ

“เมื่อยรึยังครับเจ” สุดาหันมาถาม เธอหมักเนื้อไว้แล้วเหลือก็แค่เอาไปย่างบนเตาเท่านั้น

“ยังครับมามี๊ มันยังไม่ละเอียดเลย”

“มามี๊ช่วยทำนะครับ” สุดาเอาช้อนมาอีกคันแล้วนั่งลงข้างๆ ลูกชาย ระหว่างที่ช่วยกันบดเธอก็คุยกับลูกไปด้วย

“จริงหรอจ๊ะ” ลูกชายของเธอกำลังเล่าถึงบทเรียนวันนี้ คุณครูเอ็มม่าพาออกไปที่สวนหลังโรงเรียนแล้วพาไปดูดักแด้

“จริงครับมามี๊ คุณครูเอ็มม่าบอกว่าหนอนพวกนั้นจะโตเป็นผีเสื้อแสนสวยผมเห็นผีเสื้อตอมดอกไม้เต็มเลยครับแต่ละตัวปีกสีไม่เหมือนกันด้วย บางตัวสีส้ม บางตัวสีฟ้า บางตัวมีตั้งหลายสีบนปีกเดียวกัน” เด็กชายตัวน้อยเล่าด้วยความตื่นเต้นกับสิ่งที่ไปเห็นมาเมื่อบ่ายและมันทำให้หัวสมองของเจเดนลืมภาพของมารดากับคนสวนไปแทบจะทันที

“แล้วโตขึ้นเจอยากเป็นอะไรจ๊ะ”

“เป็นนักแมลงครับ” คำตอบของเด็กน้อยเปลี่ยนไปไม่ซ้ำกันสักวันและสุดาก็ไม่ได้กังวลใจด้วย เด็กๆ มีความคิดและจินตนาการอันกว้างไกลลูกสามารถเป็นได้ทุกอย่างที่เขาต้องการขอแค่สิ่งนั้นไม่ทำให้ใครเดือดร้อนก็พอ

“คนที่ศึกษาด้านแมลงเขาเรียกว่านักกีฏวิทยาจ้ะ” สุดาแก้ไขคำให้ถูกต้อง

“นักกินวิดทะยาหรอครับ” เจเดนทวนคำด้วยความงุนงง ทำไมนักแมลงชื่อเรียกยากจัง

“ไม่ใช่จ้ะออกเสียงว่า กี-ตะ-วิด-ทะ-ยา” สุดาพูดช้าๆ ชัดๆ ให้ลูกชายฟังอีกครั้ง ต้องหัดกันอยู่หลายรอบกว่าเจเดนจะพูดถูก

“โอเคจ้ะ ละเอียดแล้ว” สุดานำมันฝรั่งเนื้อละเอียดผสมนมและเครื่องเทศอีกเล็กน้อยจากนั้นจึงนำเข้าเตาอบ สองแม่ลูกช่วยกันเตรียมมื้อเย็นด้วยความตั้งใจเมื่อทุกอย่างเสร็จเรียบร้อยปีเตอร์ก็กลับมาถึงบ้านพอดี

“ปาป๊า” เจเดนวิ่งไปหาบิดาแล้วชายหนุ่มหน้าตาเคร่งขรึมก็อุ้มเด็กชายตัวน้อยไปฟัด

“วันนี้มีอะไรกินบ้างเจค” ปีเตอร์ถามลูกชาย

“มีสเต๊กหมู สลัดแล้วก็มันบดที่ผมช่วยมามี๊ทำครับ”

“ว้าว มันบดต้องอร่อยที่สุดแน่ๆ”

“สเต๊กของมามี๊อร่อยที่สุดครับ ผมยังเด็กยังไม่มีสีมือ”

“ฝีมือจ้ะ” สุดาแก้ไขคำให้ถูกต้อง ถ้าเป็นสำนวนลูกชายของเธอมักจะใช้ผิดๆ ถูกๆ แต่ก็ไม่ได้ร้ายแรงอะไร เธอพยายามให้ลูกพูดกับเธอด้วยภาษาไทยและสนทนากับบิดาด้วยภาษาอังกฤษและเยอรมัน

“เหนื่อยไหมคะ” สุดารับเสื้อสูทของสามีไปแขวนเข้าที่แล้วถามด้วยความห่วงใย

“นิดหน่อย วันนี้ประชุมเกือบทั้งวัน” ปีเตอร์ตอบภรรยาแล้วปลดกระดุมตรงข้อมือออก จากนั้นก็ขยับเนกไทให้มันคลายปมแล้วภรรยาผู้แสนดีก็เอาน้ำเย็นเจี๊ยบมาให้

“ปาป๊าเท่สุดๆ เลย” เจเดนชอบดูเวลาบิดาปลดกระดุมเสื้อและคลายเนกไท มันเป็นสิ่งที่เด็กแบบเขาคิดว่าเจ๋งและเท่ที่สุดในโลกเพราะมันคือท่าทางของผู้ชายที่เป็นผู้นำครอบครัว

“โตขึ้นเจคจะเท่กว่าปาป๊าอีก” ปีเตอร์ลูบหัวลูกชายด้วยความเอ็นดู

เจเดนเกิดในครอบครัวของคนมีอันจะกินและคนภายนอกต้องอิจฉาเด็กชายคนนี้แน่ๆ เพราะมีมารดาที่แสนจะเรียบร้อยงานบ้านงานเรือนก็เก่งไม่เป็นรองใครส่วนบิดาก็เป็นชายหนุ่มที่ขยันขันแข็งเอาการเอางานแต่ก็ไม่ลืมภรรยาและลูกชาย สามคนพ่อแม่ลูกจะต้องทานข้าวด้วยกันอย่างต่ำสัปดาห์ละสองครั้ง

แต่มันก็เป็นแค่ภาพลวงตาความเอาใจใส่จอมปลอมจากสุดาจะมีให้สามีเฉพาะตอนอยู่ต่อหน้าลูกชายเท่านั้นและปีเตอร์ก็ประพฤติแบบนั้นเช่นกัน สองสามีภรรยาทนอยู่กันไปเพราะไม่ต้องการให้ลูกชายต้องมีปมด้อยการฟ้องหย่าในประเทศนี้มันละเอียดอ่อนและซับซ้อนและคนที่จะได้รับผลเสียที่สุดก็คือเด็ก

ปีเตอร์ทำงานเป็นนักสังคมสงเคราะห์และเขารู้ดีว่าเด็กที่เข้าระบบบ้านอุปถัมภ์น่าสงสารขนาดไหนเขาไม่มีวันให้ลูกชายคนเดียวต้องตกอยู่ในสถานะนั้นแน่ๆ ส่วนสุดาก็หอบผ้ามาอยู่กับผู้ชายที่เธอยังรู้จักไม่ดีพอแต่ด้วยความคิดง่ายๆ ว่าการมีสามีฝรั่งจะเปลี่ยนชีวิตให้ดีขึ้นเธอจึงเดินทางมาค่อนโลกแล้วอยู่ในประเทศที่ไม่รู้จักใครเลยสักคนนอกจากสามีตัวเอง

แรกเริ่มความรักมันก็หวานชื่นดีแต่เมื่ออยู่ด้วยกันนานๆ นิสัยเสียเล็กๆ น้อยๆ ของแต่ละคนที่มันขัดตาก็กลายเป็นเรื่องใหญ่ขึ้นทุกทีจนในที่สุดทั้งปีเตอร์และสุดาก็เบื่อหน่ายกันไปเองแต่ก็เลิกกันไม่ได้เพราะมีลูกรั้งเอาไว้ ถึงทั้งคู่จะเอือมระอากันแค่ไหนแต่สิ่งเดียวที่เป็นจุดเชื่อมทุกอย่างเอาไว้ก็คือเจเดน

สุดาไม่อยากอยู่ที่นี่ ลอนดอนเมืองที่อึมทึมและห่างไกลบ้านเกิดแต่เธอก็ไปไหนไม่ได้เพราะเป็นห่วงลูกชายและที่สำคัญเธอไม่มีเงินไม่มีงานครั้นจะกลับเมืองไทยไปเริ่มต้นใหม่อยู่แบบอดมื้อกินมื้อเหมือนเมื่อก่อนก็ไม่ใช่สิ่งที่คนฉลาดเลือกทำแน่ๆ เธอจึงทนอยู่กับสามีหน้านิ่งเพื่อความอยู่รอดและเริงรักกับผู้ชายเป็นกิจกรรมแก้เซ็ง

อ่านต่อ

หนังสืออื่นๆ ของ อัณณากานต์

ข้อมูลเพิ่มเติม
แม่บ้านวัยกระเตาะ

แม่บ้านวัยกระเตาะ

มหาเศรษฐี

5.0

♡ แรกๆ ก็เอ็นดู หลังๆ ก็อยากให้ดูเอ็น ♡ บางส่วนจากนิยาย: กิตตินอนมองเอมิลี่แต่งตัวอย่างเพลิดเพลินแล้วความคิดซุกซนก็เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ไม่อยากให้เธอใส่เสื้อผ้าเลยให้ตายสิ อยากถอดเสื้อจัง อยากถอดกางเกงด้วย ชุดชั้นในก็ไม่ต้องใส่หรอกบดบังของสวยๆ ทำไม “แล้วพี่โก้ไม่แต่งตัวเหรอคะ” “แต่ง … แต่งครับ รอเดี๋ยวเดียวนะ” กิตติต้องหยุดความคิดฟุ้งซ่านลงก่อน “พี่โก้ไม่อยากไปใช่ไหมคะ” เอมิลี่เดินกลับไปหาคนที่ยังไม่ลงจากเตียง “อยากครับ ไปสิไปกันเลย พี่แต่งตัวอึดใจเดียวก็เสร็จแล้ว” “ไม่จริงหรอกค่ะ ทำอยู่ตั้งนานกว่าพี่โก้จะเสร็จ” คำเตือน: มีการสูญเสีย มีเหตุการณ์สะเทือนใจ

หนังสือที่คุณอาจชอบ

ทะลุมิติมาเป็นภรรยาตัวน้อยของสามีพิการ

ทะลุมิติมาเป็นภรรยาตัวน้อยของสามีพิการ

มาชาวีร์
4.8

เจ้าของร่างเดิมถูกท่านย่าตัวเอง ขายให้ชายพิการด้วยเงินเพียงห้าตำลึง จึงคิดสั้นไปกระโดดน้ำฆ่าตัวตาย ทำให้วิญญาณของเซี่ยซือซือทะลุมิติมาเข้าร่างแทน ชีวิตในโลกนี้บิดามารดาล้วนตายไปแล้ว เหลือเพียงน้องสาวกับน้องชายร่างกายผอมแห้งหิวโซสองคน เธอต้องช่วยพวกเขาให้รอด ก่อนจะถูกคนชั่วพวกนี้ขายทิ้งไปแบบเธอ 1 : ทะลุมิติ แคว้นจ้าว หมู่บ้านตระกูลแซ่อวี่ ภายในบ้านสกุลเซี่ย “ท่านพี่รีบกินเร็วเข้า” เสียงเด็กเล็กดังก้องอยู่ข้างหูอย่างน่ารำคาญ ว่าแต่ฉันมีน้องชายตั้งแต่เมื่อไหร่กัน รู้สึกได้ถึงอะไรแข็ง ๆ มาแตะที่ริมฝีปาก ทว่ายังลืมตาไม่ขึ้น “ท่านพี่กินสิ ๆ” เซี่ยซือซือรู้สึกหนักอึ้งไปทั้งศีรษะ พยายามที่จะเปิดดวงตาขึ้นมอง เจ้าของเสียงเล็ก ๆ ด้านข้าง “ท่านพี่ ๆ ท่านพี่อย่าตายนะ ลืมตาสิท่านพี่” “นังตัวดีออกมาเดี๋ยวนี้นะ !” เสียงเอะอะโวยวายดังหนวกหูเซี่ยซือซือเป็นอย่างมาก ปัง ๆ เสียงเคาะประตูดังขึ้นเรื่อย ๆ เซี่ยซือซือลืมตาขึ้นจนได้ พลันสมองกลับมีเรื่องราวพรั่งพรูเข้ามาไม่ขาดสาย จนต้องกรีดร้องออกมาอย่างเจ็บปวด อ๊าก ! “พี่รอง !” เด็กน้อยเซี่ยซือหยางในวัยสามหนาวเรียกพี่สาวพร้อมเบะปากอยากร้องไห้ “ท่านพี่ !” เซี่ยซานซานทิ้งบานประตูที่ตัวเองดันไว้ หันกลับมาดูพี่สาวด้วยความตกใจ “ท่านพี่ ๆ ท่านเป็นอะไร อย่าทำให้พวกข้าตกใจสิท่านพี่ !” ผลัวะ ! มีคนถีบประตูบานเก่าผุพังเข้ามาภายในห้อง เด็กทั้งสองรีบเข้าไปขวางผู้บุกรุกไม่ให้ทำร้ายพี่สาว แม่เฒ่าเซี่ย เซี่ยจิ่วเม่ย หน้าตาแลดูดุร้าย ไม่ใช่หญิงชราใจดีแต่อย่างใด ด้านหลังของแม่เฒ่าเซี่ยยังมีลูกสะใภ้บ้านใหญ่ กับบ้านรองเดินตามมา ท่าทางดุดันเอาเรื่อง “ไอ้พวกบ้านสามตัวดี กล้าลักขโมยอาหารเอาไว้กินเอง ยังเห็นแม่เฒ่าอย่างข้าอยู่ในสายตาหรือไม่ ไอ้พวกหมาป่าตาขาว ดูซิวันนี้ข้าจะจัดการพวกเจ้าอย่างไร” “ท่านย่าพวกข้าไม่ได้ขโมยนะ นี่เป็นหมั่นโถวของท่านพี่ ท่านพี่ไม่สบายข้าแค่เก็บไว้ให้ท่านพี่เท่านั้นเอง” เซี่ยซานซานยังเป็นเด็กหญิงวัยสิบหนาว แต่นางข่มความกลัวตอบโต้ผู้ใหญ่ในบ้านออกไป “หึ กฎบ้านก็มีบอกอยู่แล้วถ้าพลาดมื้ออาหารไปก็คืออด แต่พวกเจ้ากลับแหกกฎ แอบยักยอกอาหารเก็บไว้กินเอง ยังมีหน้ามาเถียงท่านแม่อีก ท่านแม่ท่านต้องลงโทษคนบ้านสามนะเจ้าคะ ไม่เช่นนั้นข้าไม่ยอมจริง ๆ ด้วย ตอนนั้นยวี่เฟยของข้านางได้พลาดมื้อเย็นไป ท่านก็ไม่ให้นางกินนะเจ้าคะ” สะใภ้บ้านรองนามว่าจงอี้ซิน ย้อนรำลึกถึงเรื่องลูกสาววัยแปดปีของตัวเองขึ้นมา “ดูเจ้าเด็กพวกนี้สิท่านแม่ กางแขนปกป้องพี่สาวตัวเอง ช่างน่าสมเพชไม่รู้จักสำเหนียกกำลังตัวเอง ถุย !” หลินพ่านเอ๋อสะใภ้บ้านใหญ่มองดูเด็กทั้งสองพร้อมถ่มน้ำลายใส่ตรงหน้า แม่เฒ่าเซี่ยมองลูกสะใภ้ทั้งสองสลับกันไปมา เดินตรงไปกระชากหมั่นโถวเย็นชืดแถมแข็งปานหิน ออกจากมือของเซี่ยซือหยาง “แง ๆ ๆ” เด็กน้อยถูกแย่งของกินของพี่สาวไป ถึงกับแผดเสียงร้องลั่น “เจ้าคนชั่ว ! เอามานะ ของท่านพี่ข้า” กำปั้นน้อย ๆ ทุบไปยังต้นขาของแม่เฒ่เซี่ย “เจ้าเด็กเนรคุณกล้าตีข้ารึ นี่นะ !” แม่เฒ่าเซี่ยเตะทีเดียวเซี่ยซือหยางก็กระเด็นไปติดกับผนังห้อง “น้องเล็ก !” เซี่ยซานซานรีบวิ่งไปอุ้มน้องชายขึ้นมากอดไว้ด้วยความตกใจ “ท่านย่า น้องเล็กยังเด็กไม่รู้ความ เหตุใดท่านถึงได้ใจร้ายเช่นนี้” “แง ๆ ๆ” เสียงร้องไห้ของเด็กน้อยฟังแล้วน่าสงสารจับใจ ดวงตาที่ปิดไว้ก่อนหน้าของเซี่ยซือซือ ลืมขึ้นหลังจากค้นพบว่า ตัวเองได้ทะลุมิติมายังอดีตอันไกลโพ้นแล้วจริง ๆ หลังจากหลับตาลืมตาอยู่หลายหน เรียบเรียงความคิดที่ไหลเข้ามาไม่ยอมหยุด เมื่อค่อย ๆ จัดการกับมันได้ ความเจ็บปวดที่ศีรษะก่อนหน้าจึงบางเบาลง และมองเหตุการณ์ตรงหน้าอย่างเฉยชา ครบสูตรของการทะลุมิติจริง ๆ มีท่านย่าผู้ชั่วร้าย ขนาบข้างด้วยป้าสะใภ้เลวทั้งสอง ครั้นหันไปมองน้องสาวในวัยสิบขวบของตัวเองกับน้องชายตัวน้อย ทั้งตัวดำเมี่ยมเหมือนไม่ได้อาบน้ำมาเป็นเดือน ร่างกายผอมแห้งเหลือแต่กระดูก เสื้อผ้าเก่าขาดมีรอยปะชุนเต็มไปหมด เส้นผมแห้งกรังเหมือนไม่ผ่านน้ำมานาน ยกมือของตัวเองขึ้นมาดู ไม่ได้มีสภาพต่างกันแม้แต่น้อย ครั้นเงยหน้ามองป้าสะใภ้ใหญ่ร่างกายอวบอ้วนเต็มไปด้วยก้อนไขมัน ป้าสะใภ้รองแม้ไม่ได้อ้วนแต่ก็ไม่ได้ผอม ยิ่งแม่เฒ่าเซี่ยด้วยแล้ว ร่างกายบึกบึนเหมือนคนกินดูอยู่ดีมาตลอด “ท่านแม่ดูอาซือมองท่านสิเจ้าคะ” สะใภ้ใหญ่เห็นสายตาเย็นเยียบของคนที่นอนอยู่บนเตียงก็อดแปลกใจไม่ได้ ดูเยือกเย็นจนไม่น่าไว้ใจ “เจ้าอย่าคิดว่ากระโดดน้ำตายแล้วทุกอย่างจะจบนะอาซือ ข้ารับเงินคนบ้านถานมาแล้ว ถ้าเจ้าตายข้าจะให้อาซานไปแทนเจ้า” คำพูดของแม่เฒ่าเซี่ยทำให้ดวงตาของเซี่ยซือซือเบิกกว้าง ท่านย่าของนางขายนางให้คนบ้านถานในราคาแค่ห้าตำลึง เจ้าของร่างเดิมไม่อยากไปเป็นเมียคนพิการ เลยไปกระโดดน้ำฆ่าตัวตาย ทว่าเธอที่มาจากยุคปัจจุบันกลับเข้ามาแทนที่เจ้าของร่างนี้ เจ้าของร่างเดิมว่ายน้ำไม่เป็น จึงได้ขาดอากาศตายใต้น้ำ แต่เธอที่เข้ามาสวมร่างกลับพาร่างนี้ขึ้นมาจากน้ำได้ โชคชะตาคงเล่นตลกให้เธอกับเจ้าของร่างเดิมมีชื่อเดียวกัน “ท่านย่าอาซานยังเด็กนัก ท่านอย่าได้ทำเช่นนั้นเลย” นานมากกว่าที่นางจะเอ่ยออกมา “มันอยู่ที่เจ้าอาซือ ข้าขอเตือนเอาไว้ อีกสองวันคนบ้านถานจะมารับตัวเจ้าแล้ว อย่าให้เกิดเรื่องขึ้น ไม่อย่างนั้นข้าจะส่งอาซานไปแทนเจ้า แล้วขายซือหยางทิ้งเสีย” แม่เฒ่าเซี่ยจ้องหน้าเซี่ยซือซือแบบอาฆาต เด็กนี่ก่อนหน้าดูอ่อนแอไร้ทางสู้ ทำไมวันนี้ถึงได้ดูแปลกตาไปนัก “ท่านแม่เจ้าคะ ท่านจะลงโทษคนบ้านสามเรื่องหมั่นโถวนี่อย่างไรเจ้าคะ” สะใภ้ใหญ่ยังไม่ยอมปล่อยสามพี่น้องไปง่าย ๆ “พรุ่งนี้งดอาหารบ้านสาม” แม่เฒ่าเซี่ยเอ่ยแล้วหันหลังเดินออกจากห้องของเด็กน้อยทั้งสามไป โดยมีสะใภ้ใหญ่เดินตามไปด้วย “พวกเจ้าได้ยินแล้วใช่ไหม จำใส่หัวเอาไว้ดี ๆ ด้วยล่ะ” สะใภ้รองหมุนตัวตามหลังไปติด ๆ “ท่านพี่ต่อไปท่านอย่าทำเช่นนี้อีกนะเจ้าคะ ข้ากับน้องเล็กจะทำอย่างไร ถ้าท่านไม่อยู่” เซี่ยซานซานปล่อยเสียงร้องไห้ในทันที

หลินซือเยว่ผู้นี้ มีสามชะตาในคราเดียว

หลินซือเยว่ผู้นี้ มีสามชะตาในคราเดียว

มาชาวีร์
5.0

หลังผ่าตัดนักพรตเฒ่าผู้หนึ่งนั้น นางวูบหมดสติและเสียชีวิตลงไป ลืมตาตื่นขึ้นมาอีกที ก็อยู่ในร่างของคุณหนูปัญญาอ่อนที่มีชื่อเดียวกันผู้นี้เสียแล้วทั้งยังจำอดีตชาติยามเป็นปรมาจารย์เต๋าได้อีกด้วย +++ 1 : ไล่ออกจากอารามไท่ผิงกวน แคว้นจิ้น ราชวงศ์เซวียน อารามไท่ผิงกวน “ไป ๆ อาจารย์ขับไล่พวกท่านออกจากอารามแล้ว อย่าได้มาเหยียบที่นี่อีก” “ศิษย์พี่รองรีบปิดประตูเร็วเข้า !” ตุบ ! ห่อผ้าสองห่อถูกโยนออกมาจากประตูอาราม ปัง ! ตามด้วยเสียงปิดประตูลงสลักอย่างหนาแน่น สตรีนางหนึ่งยืนตัวตรงเป็นสง่า เสื้อผ้ากับเส้นผมของนางปลิวไสวดั่งไผ่ลู่ลม หลินซือเยว่เงยหน้าขึ้นมองป้ายชื่ออารามไท่ผิงกวนด้วยสายตาเลื่อนลอย อาศัยอยู่ที่นี่มานานเท่าใดแล้วนะ บางครั้งนางเองก็ลืมเลือนวันเวลาไปเหมือนกัน “คุณหนูเจ้าคะ ศิษย์น้องทั้งสองของท่านทำเกินไปแล้วนะเจ้าคะ เหตุใดถึงไล่พวกเราสองคนออกจากอารามได้เล่า” เผิงฉือกระทืบเท้าเบา ๆ ตรงไปฉวยห่อผ้าทั้งสองบนพื้น ขึ้นมาคล้องแขนตัวเองไว้ “หากไม่ได้รับคำสั่งจากอาจารย์ ศิษย์น้องทั้งสองคงไม่กล้าขับไล่ข้าออกจากอารามหรอก” น้ำเสียงของนางสงบนิ่งฟังแล้วสบายหูยิ่งนัก หาได้มีความโกรธเกลียดแต่อย่างใด “นั่นรถม้า” นิ้วเรียวสวยชี้ไปยังรถม้าคันที่มีคนนั่งเฝ้าอยู่ “ป้าเผิงไปถามดูว่าใช่รถม้าของเราหรือไม่” เผิงฉือไม่รอช้ารีบตรงไปหาคนเฝ้ารถม้าที่อยู่ใต้ต้นไผ่ในทันที ไม่ช้านางก็กลับมาพร้อมกับรอยยิ้มนิด ๆ “เป็นรถม้าของเราจริง ๆ เจ้าคะคุณหนู คนขับบอกว่าเป็นคนของตระกูลหลินเจ้าค่ะ ได้รับคำสั่งจากท่านพ่อของคุณหนู ให้มารับคุณหนูกลับตระกูลหลินเพื่อไปแต่งงานเจ้าค่ะ” “กลับไปแต่งงานนี่เอง” นางเอ่ยเหมือนไม่ใช่เรื่องใหญ่ หันหลังกลับไปทางประตูอาราม ประสานมือค้อมตัวคำนับลาอาจารย์ เผิงฉือเห็นเช่นนั้นก็อดที่จะคำนับตามนางไม่ได้ ภายในอารามไท่ผิงกวน “อาจารย์เหตุใดถึงไม่บอกลากับศิษย์พี่ใหญ่ไปตรง ๆ ล่ะ ทำเช่นนี้นางไม่โกรธท่านไปจนวันตายเลยรึ” เหอกุ้ยแม้มีอายุยี่สิบแปดปีแล้ว ทว่าเขากราบเป็นศิษย์เจ้าอาวาสชุนหวังเหล่ยหลังสตรีผู้นั้น จึงได้เป็นเพียงแค่ศิษย์พี่รองเท่านั้น “นั่นสิอาจารย์ ศิษย์พี่ใหญ่นางไม่เคยออกจากอารามไปไหนไกล ท่านทำเช่นนี้ไม่ใช่ขับไล่นางไปสู่ความตายหรอกรึ” จางเจียเฟิ่งเห็นด้วยกับศิษย์พี่รองของเขา “ให้มันน้อย ๆ หน่อยเจ้าศิษย์โง่ทั้งสอง พวกเจ้าคิดว่าอารามไท่ผิงกวนแห่งนี้ สามารถอยู่รอดมาได้เพราะใครกัน หากไม่ใช่เพราะฝีมือของศิษย์พี่ใหญ่ของพวกเจ้า เห็นนางเงียบ ๆ แบบนั้น ความคิดนางกว้างไกลยิ่งนัก อาจารย์อย่างข้ายังเทียบนางไม่ติดด้วยซ้ำไป” เจ้าอาวาสชุนปีนี้อายุอานามปาเข้าไปหกสิบห้าปีแล้ว ทว่าร่างกายยังแข็งแรง อารามเต๋าแห่งนี้มีวิถีแบบไม่เคร่งครัด ใช้ชีวิตเยี่ยงฆราวาสผู้หนึ่ง สามารถแต่งงานมีครอบครัวได้ “อาจารย์นางอยู่ในอารามวาดยันต์กันภัยให้ชาวบ้านที่มากราบไหว้ ตั้งโต๊ะรักษาโรคภัยให้ผู้คนในตัวอำเภอฝู แต่หนนี้นางต้องกลับบ้านไปเพื่อแต่งงาน นางบริสุทธิ์ถึงเพียงนั้นมิถูกสามีจับกลืนกินจนไม่เหลือกระดูกหรอกรึ” เหอกุ้ยนึกภาพเทพเซียนผู้สูงส่งอย่างหลินซือเยว่ หากต้องร่วมเตียงกับบุรุษหยาบกระด้าง เพียงเท่านั้นเขาก็ทำใจไม่ได้จริง ๆ แทบอยากจะไปแย่งตัวศิษย์พี่ใหญ่ของตัวเองกลับคืนมา “เลิกคร่ำครวญได้แล้ว กลับไปกวาดลานอารามกับตรวจดูน้ำมันตะเกียงให้เรียบร้อย ศิษย์พี่ใหญ่ของพวกเจ้าไม่อยู่ เจ้าทั้งสองต้องรีบร่ำเรียนศึกษาหาความรู้ อารามไท่ผิงกวนจะได้เจริญรุ่งเรืองในภายภาคหน้าต่อไปได้” เจ้าอาวาสชุนทำเสียงดังใส่ลูกศิษย์ทั้งสอง “ไป ๆ ข้าจะสวดมนต์” โบกมือไล่ทั้งคู่ให้ออกจากห้องสวดมนต์ไป เจ้าอาวาสชุนรีบลุกไปปิดประตูลั่นกลอน ท่าทางลุกลี้ลุกลนจนผิดปกติ ย่องเบา ๆ ไปที่ใต้เตียงนอน ดึงหีบไม้เก่าเก็บออกมา ครั้นกดสลักเปิดออก ก็พบตั๋วเงินจำนวนสามพันตำลึงอยู่ในนั้น ตระกูลหลินที่ไม่ได้บริจาคน้ำมันตะเกียงมาหลายปี จู่ ๆ ก็ส่งตั๋วเงินมาให้ พร้อมกับขอรับคนกลับไปเพื่อแต่งงาน ช่วงนี้ชาวบ้านมาทำบุญที่อารามน้อยลง หลินซือเยว่ก็ไม่รู้ว่าเกิดอันใดขึ้นกับนาง ถึงไม่ยอมลงจากอารามไปรักษาผู้คน รายได้เลยหายหดแทบจ่ายอาหารการกิน(สุรานารี)ไม่พอ ตั๋วเงินสามพันตำลึงนี่มาได้ทันเวลาพอดี ! แครก ๆ ๆ ๆ เสียงกวาดลานหน้าอารามดังขึ้นพร้อมกับเสียงบ่นของเหอกุ้ย “ข้ารู้ว่านางเก่งเอาตัวรอดได้ ข้าเพียงไม่อยากให้นางไปก็เท่านั้น” “ศิษย์พี่รองท่านอย่าได้เสียใจไปเลย ไม่ใช่ว่ามีแต่นางที่ต้องแต่งงานมีครอบครัว ท่านเองก็เถอะที่บ้านส่งคนมารับทุกปีไม่ใช่รึ” จางเจียเฟิ่งรู้ดีว่าตนและเหอกุ้ย ถูกครอบครัวลงโทษด้วยการส่งมาอยู่ยังอารามแห่งนี้ ทว่าเพียงชั่วคราวเท่านั้น “ตัวข้านั้นไม่เป็นไรหรอก เจ้านั่นแหละศิษย์น้องสาม ข้าได้ยินว่าที่บ้านของเจ้า เพิ่งหาคู่หมั้นหมายคนใหม่ให้เจ้าอีกคนแล้วไม่ใช่รึ” สองศิษย์พี่น้องหยุดกวาดลานอาราม แล้วหันหน้าไปมองตากัน จากนั้นพวกเขาก็ถอนหายใจดัง ๆ พร้อมกัน ไม่มีศิษย์พี่ใหญ่อยู่ด้วย นับจากนี้ไปยามทำความผิดใครจะออกหน้าคอยช่วยเหลือ ยามเงินหมดใครจะให้หยิบยืม ยิ่งคิดพวกเขาก็ยิ่งไม่สบายใจเป็นอย่างมาก บนถนนมุ่งหน้าสู่เมืองหลวง รถม้าไม้ธรรมดาไม่เล็กไม่ใหญ่ ไร้ป้ายชื่อตระกูลบอกกล่าว คล้ายไม่อยากให้ผู้อื่นล่วงรู้ว่าคนที่นั่งอยู่ด้านในเป็นใคร เผิงฉือพยายามหลอกถามคนขับรถม้าอยู่หลายหน ถึงสถานการณ์ของตระกูลหลินในยามนี้ นางไม่เคยไปที่นั่นมาก่อนไม่รู้จักใครสักคน คนขับรถม้าตอบว่า เขามีหน้าที่มารับคุณหนูรองกลับบ้านเท่านั้น เรื่องอื่นนั้นเขาไม่รู้จริง ๆ “ได้ถามหรือไม่ ใช้เวลากี่วันในการเดินทาง” หลินซือเยว่เอ่ยเสียงเนิบ ๆ “ถามแล้วเจ้าค่ะ เขาบอกว่าราว ๆ สิบวันก็ถึงเมืองหลวงแล้ว” “สิบวันเชียวรึ” หลินซือเยว่มองห่อผ้าที่วางอยู่ด้านข้าง มีเพียงของใช้จำเป็นของนางไม่กี่ชิ้น พร้อมกับก้อนเงินจำนวนห้าสิบตำลึง “คงต้องแวะซื้อของในอำเภอฝูเสียก่อน” เผิงฉือรีบเปิดม่านบอกกับคนขับรถม้า แต่เขากลับทำเสียงฮึดฮัดคล้ายไม่พอใจ “เสียเวลาเดินทางเปล่า ๆ” น้ำเสียงเขากระด้างกระเดื่อง

สามีข้าจะเกี้ยวท่านเอง

สามีข้าจะเกี้ยวท่านเอง

ซีไซต์
5.0

ข้าคือวิญญาณที่มาเกิดใหม่ในร่างของอันจิ่งเถียนที่ถูกคู่หมั้นถอนหมั้นอย่างไม่ไยดี ข้ารังเกียจบุรุษผู้นี้นักแต่เขากลับมีปราณมังกรที่ข้าต้องการ ดังนั้นข้าจึงต้องพยายามยั่วยวนให้เขาตกหลุมรักให้จงได้ เรื่องย่อ ข้าเป็นวิญญาณที่มาเกิดใหม่ในร่างของอันจิ่งเถียน สตรีที่น่าสงสารที่ถูกคู่หมั้นถอนหมั้น ข้ารังเกียจบุรุษผู้นั้นนักแต่เขากลับมีสิ่งที่ข้าต้องการนั่นก็คือปราณมังกรที่จะช่วยประคองวิญญาณของข้าให้อยู่รอดปลอดภัย ดังนั้นข้าจึงต้องทุ่มเทความสามารถหาทางใกล้ชิดเขาเพื่อเอาเขามาเป็นสามี แต่ปราณมังกรผู้นี้ร้ายกาจ แสดงออกอย่างชัดเจนว่ารังเกียจข้า และไม่ยินยอมแต่งกับข้าแต่โดยดี หึ หึ ไก่อ่อนเช่นเจ้าคิดจะต่อต้านเสน่ห์อันร้ายกาจของข้าหรือ หวงเจี่ยวหลงเจ้ารู้จัก เจ้ามารยาตัวแม่อย่างข้าน้อยไปเสียแล้ว! แนะนำตัวละคร อันจิ่งเถียน เดิมทีนางเป็นเพียงวิญญาณเร่ร่อนความจำเสื่อมที่ไม่สามารถไปผุดไปเกิดได้เพราะมีห่วงผูกเอาไว้ ซึ่งนางก็ไม่รู้ว่าคือสิ่งใด กระทั่งวันหนึ่งนางได้รับรางวัลจากท่านพญายมจึงได้เกิดใหม่ในร่างของอันจิ่งเถียน สตรีที่อาภัพตายก่อนอายุไขแต่นางเป็นคนดีจึงได้ลอยขึ้นสวรรค์ไปแล้ว อันจิ่งเถียนคนใหม่ต้องตามหาว่าตนเองแท้จริงคือผู้ใด โดยต้องอาศัยปราณมังกรจากบุรุษเพื่อล่อเลี้ยงวิญญาณให้คงสภาพอยู่ในร่างนี้ให้นานที่สุด กระทั่งนางได้พบกับหวงเจี่ยวหลงอดีตคู่หมั้นของอันจิ่งเถียนที่ขอถอนหมั้นไปแล้ว อันจิ่งเถียนคนใหม่จึงพยายามยั่วยวนและใช้เล่ห์กลเพื่อให้เขาตกหลุมรักและยอมแต่งงานกับนาง แม้ว่าเขาจะปากร้ายและไม่เต็มใจก็ตาม หวงเจี่ยวหลง อดีตคู่หมั้นของอันจิ่งเถียนที่ขอถอนหมั้นกับนางเพราะชอบสตรีอื่น และเขาก็ต้องมึนงงเมื่ออันจิ่งเถียนที่เขาพบผิดแผกไปจากที่เขาได้ยินมาอย่างสิ้นเชิง นางมิใช่สตรีอ่อนหวานและเป็นคุณหนูในห้องหอ ตรงกันข้ามนางกับมารยาสาไถยยังเรียนรู้อาคมมาอย่างผิด ๆ พยายามจับเขาและใช้วิธีการอันน่ารังเกียจสารพัดเพื่อให้เขาแต่งกับนาง เขาไม่ได้ชอบนางบัดนี้ยังรังเกียจ เขาจึงไม่ยอมแต่งกับนางผู้ชั่วช้าคนนั้นเด็ดขาด ไป๋ซี วิญญาณความจำเสื่อมที่ฝากตัวรับใช้อันจิ่งเถียนเพราะนางสามารถมองเห็นเขา อีกทั้งอันจิ่งเถียนยังสัญญาว่าจะช่วยเหลือเขาเพื่อตามหาว่าตัวเขาเป็นเช่นไร ไป๋ซีจึงซื่อสัตย์และภักดีกับอันจิ่งเถียนยิ่งนัก เหรินชุน คนที่อยู่ในใจของหวงเจี่ยวหลง และยังเคยมีใจให้หวงเจี่ยวหลงอยู่ช่วงหนึ่ง เป็นบุตรสาวของผู้นำสำนักผู้บำเพ็ญเพียรที่ร่ำรวยที่สุด เป็นสำนักที่หวงเจี่ยวหลงไปร่ำเรียนและบำเพ็ํญเพียรมาตั้งแต่เด็ก นางถูกเลี้ยงดูมาอย่างตามใจและฟุ้งเฟ้อ มองไม่เห็นหัวคนอื่น แต่จริง ๆ แล้วเป็นคนจิตใจดี อ่านก่อนค่ะ นิยายเรื่องนี้เป็นแนวตลกขบขันสุขนิยม พล็อตเรื่องไม่หวือหวา เบาสบาย เนื้อหาจะเป็นแนวแฟนตาซี โลกของภูติผี เทพเซียน และเวทย์มนต์คาถา ทั้งหมดไม่ได้เกิดขึ้นจริงนะคะ ขอให้อ่านอย่างสนุกสนานคลายเครียดจ้า

บท
อ่านเลย
ดาวน์โหลดหนังสือ
แพ้รักน้องสาว
1

บทที่ 1 ตอนที่ 1 ความทรงจำในวัยเด็ก

03/09/2023

2

บทที่ 2 ตอนที่ 2 เปลือกหอยแทนคำสัญญา

03/09/2023

3

บทที่ 3 ตอนที่ 3 ไอ้หน้าโง่

03/09/2023

4

บทที่ 4 ตอนที่ 4 สองพี่น้อง

03/09/2023

5

บทที่ 5 ตอนที่ 5 ตุ๊กตาที่ไม่เคยได้

03/09/2023

6

บทที่ 6 ตอนที่ 6 เวโรนิก้า

03/09/2023

7

บทที่ 7 ตอนที่ 7 รุ่นน้องสุดป๊อป

03/09/2023

8

บทที่ 8 ตอนที่ 8 อิสระที่รอคอย

03/09/2023

9

บทที่ 9 ตอนที่ 9 อย่าทำให้แป้งโมโห

03/09/2023

10

บทที่ 10 ตอนที่ 10 ที่รักของรุจ

03/09/2023

11

บทที่ 11 ตอนที่ 11 เก็บไว้โม้ที่หลังนะ

03/09/2023

12

บทที่ 12 ตอนที่ 12 ตกลงค่ะ

03/09/2023

13

บทที่ 13 ตอนที่ 13 ยินดีทั้งน้ำตา

03/09/2023

14

บทที่ 14 ตอนที่ 14 ผู้หญิงแพศยา

03/09/2023

15

บทที่ 15 ตอนที่ 15 ผ้าห่ม

03/09/2023

16

บทที่ 16 ตอนที่ 16 แกงส้มโดนหมางเมิน

03/09/2023

17

บทที่ 17 ตอนที่ 17 คนเย็นชา

03/09/2023

18

บทที่ 18 ตอนที่ 18 อ้อนก็เป็นเร่าร้อนก็ได้

03/09/2023

19

บทที่ 19 ตอนที่ 19 การจากลา

03/09/2023

20

บทที่ 20 ตอนที่ 20 ทุกข์ระทม

03/09/2023

21

บทที่ 21 ตอนที่ 21 ผู้ปกครองโดยชอบธรรม

03/09/2023

22

บทที่ 22 ตอนที่ 22 ฝันร้าย

03/09/2023

23

บทที่ 23 ตอนที่ 23 พี่เจใจดี

03/09/2023

24

บทที่ 24 ตอนที่ 24 คุ้นเคย

03/09/2023

25

บทที่ 25 ตอนที่ 25 ตราบาป

03/09/2023

26

บทที่ 26 ตอนที่ 26 ทำไมเธอไม่ฟื้น

03/09/2023

27

บทที่ 27 ตอนที่ 27 ไดอารี่เล่มเก่า

03/09/2023

28

บทที่ 28 ตอนที่ 28 ต้องไม่หมดหวัง

03/09/2023

29

บทที่ 29 ตอนที่ 29 เรียนรู้ที่จะดูแล

03/09/2023

30

บทที่ 30 ตอนที่ 30 รักของแม่

03/09/2023

31

บทที่ 31 ตอนที่ 31 แม่ไม่เคยโกรธลูก

03/09/2023

32

บทที่ 32 ตอนที่ 32 ขาวราวน้ำนม

03/09/2023

33

บทที่ 33 ตอนที่ 33 จุมพิต

03/09/2023

34

บทที่ 34 ตอนที่ 34 ปิดบัง

03/09/2023

35

บทที่ 35 ตอนที่ 35 จิตใต้สำนึก

03/09/2023

36

บทที่ 36 ตอนที่ 36 สบายตา

03/09/2023

37

บทที่ 37 ตอนที่ 37 ฟ้าผ่า

03/09/2023

38

บทที่ 38 ตอนที่ 38 สัญญา

03/09/2023

39

บทที่ 39 ตอนที่ 39 เคียงข้าง

03/09/2023

40

บทที่ 40 ตอนที่ 40 เหมือนเดิม

03/09/2023