Login to MeghaBook
icon 0
icon เติมเงิน
rightIcon
icon ประวัติการอ่าน
rightIcon
icon ออกจากระบบ
rightIcon
icon ดาวน์โหลดแอป
rightIcon
5.0
ความคิดเห็น
643
ชม
14
บท

เขมิกาจับผลัดจับพลูดไปมีความสัมพันธ์กับไทเลอร์นักธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ เพียงคืนเดียวกับความสัมพันธ์ไม่ตั้งใจก็ทำให้เธอตั้งครรภ์ เพื่อหลบหนีปัญหาเธอจึงหนีไปต่างจังหวัดคิดจะเริ่มต้นใหม่ แต่ใครจะคิดว่าพบเจอเขาอีกครั้ง แล้วครั้งนี้เธอจะหนีหรือเพื่อเผชิญหน้ากับความจริงที่ได้ก่อเอาไว้

บทที่ 1 No.1

ร่างแบบบางในชุดเดรสสีชมพูกลีบบัวซีด ๆ ตามอายุการใช้งานแต่สะอาดสะอ้าน หยิบช่อดอกกุหลาบสีขาวช่อใหญ่ขึ้นมาจากเบาะรถข้างตัวอย่างทะนุถนอม...นี่เป็นดอกไม้ช่อสุดท้ายที่ต้องส่งให้ลูกค้าในวันนี้

หญิงสาวล็อครถแล้วก้าวออกมายื่นข้างถนน เธอหันซ้ายหันขาว ก่อนจะเดินข้ามถนนตรงเข้าไปยังโรงแรมระดับห้าดาวใจกลางกรุงด้วยความระมัดระวัง

...ในใจก็คิดว่า ชีวิตของคนจนกับคนรวยมันช่างแตกต่างกันราวฟ้ากับแหว ระหว่างที่คนจนกำลังดิ้นรนทำมาหากินที่ถนนฝั่งตรงข้าม เหนื่อยจนเลือดตาแทบกระเด็น...เพียงข้ามถนนมาอีกฝั่งก็พบกับโรงแรมหรู ค่าห้องพักต่อคืนเดือนละหลายพัน หลายหมื่น ซึ่งคนที่มาพักที่นี่จ่ายได้โดยไม่ต้องคิด ไม่ต้องเสียดายเงินทอง

ช่างเป็นชีวิตที่น่าอิจฉาเหลือเกิน...

คิดอิจฉาไปก็เท่านั้น...หญิงสาวบอกตัวเอง...

เมื่อชีวิตไม่สิ้นก็ต้องดิ้นกันต่อไป หากมัวแต่เงยหน้ามองฟ้า แต่มือเท้าไม่กระดิกทำงาน ชาตินี้ทั้งชายก็คงไม่มีวันได้สบายกับใครเขาหรอก

เขมิกาเดินจ้ำเข้าไปภายในห้องโถงของโรงแรมที่ประดับประดาเสียหรูหราสมฐานะของผู้พัก กระไอเย็นฉ่ำของเครื่องปรับอากาศที่ปะทะเข้ากับใจหน้า ทำให้หญิงสาวรู้สึกสดชื่นขึ้นมาเล็กน้อย

หญิงสาวอดไม่ได้ที่จะสูดเอาอากาศที่อวนด้วยกลิ่นน้ำหอมชั้นดีเข้าจนเต็มปอด อย่างน้อยมันก็ทำให้เธอคลายจากความเหนื่อยล้าลงไปได้บ้าง

การที่ต้องไปจ่ายตลาดตั้งแต่ตีสาม...ต่อด้วยการยืนจัดดอกไม้ที่ร้านเกือบทั้งวัน อีกทั้งยังต้องตระแวนส่งดอกไม้ที่จัดสำเร็จตามคำสั่งของลูกค้าไปยังสถานที่ต่าง ๆ ตลอดช่วงบ่ายจนกระทั่งเย็นย่ำ ทำให้เขมิการู้ซึ้งเป็นอย่างดีถึงคำว่า ‘เหนื่อยสายตัวแทบขาด’ นั้นมันเป็นอย่างไร

ด้วยพิสมัย...สาวใหญ่เจ้าของร้านดอกไม้ที่เขมิกาทำงานอยู่นั้น เป็นคนตระหนี่หนักหนา เธอจึงไม่เคยจ้างมอเตอร์ไซน์รับจ้างให้คอยวิ่งส่งสินค้าเหมือนดั่งร้านค้าที่มีบริการส่งถึงที่เจ้าอื่น ๆ เขาทำกัน ไม่เพียงเท่านั้น เธอยังไม่เคยจ้างลูกจ้างคนอื่นให้มาช่วยงานเลยแม้แต่คนเดียว

งานภายในร้านแทบทั้งหมดจึงตกเป็นของเขมิกา ซึ่งเป็นลูกจ้างเพียงคนเดียว...ยกเว้นงานที่เกี่ยวกับเงิน ๆ ทอง ๆ เท่านั้น ที่พิสมัยไม่ยอมให้เธอแตะต้อง

แม้ว่าเขมิกาจะทำงานกับพิสมัยมาหลายปี แต่สาวใหญ่ก็ยังไม่เคยไว้วางใจในตัวเธอ...แต่ช่างเถอะ เขมิกาไม่สนใจ หน้าที่ของเธอคือการทำตามหน้าที่ที่ตัวเองได้รับมอบหมายเท่านั้น อีกอย่างหญิงสาวก็ไม่อยากยุ่งเกี่ยวเรื่องเงินทองของร้าน เพราะหากมีอะไรผิดพลาดขึ้นมาจะทำให้เป็นการหมางใจกันเปล่า ๆ

หญิงสาวร่างเล็ก ใบหน้าอ่อนเยาว์เกินวัยถอนหายใจอย่างเหนื่อยอ่อน...

เพราะคนที่เรียนจบเพียงมัธยมศึกษาตอนต้นอย่างเธอ จะหางานที่ได้เงินเท่ากับที่ร้านพิสมัยให้ได้ที่ไหนกัน

เขมิกาเชื่อว่าคงไม่มีที่ไหนให้เงินเด็กสาวการศึกษาต่ำอย่างเธอได้มากเท่าที่ร้านของพิสมัยอีกแล้ว

ดังนั้นสิ่งที่เธอทำได้ จึงทำได้เพียงท่องคำว่า...อดทน...อดทน...และอดทนอยู่ในใจ

...ทุกครั้งที่เหนื่อยล้า เธอก็มักจะนึกถึงใบหน้าของ นภัส น้องชายคนเดียวของเธอ ในตอนที่เขาดีใจเมื่อรู้ตัวว่าจะได้เรียนต่อ...

และใบหน้านั้นเองที่ทำให้เขมิกามีกำลังใจที่จะลุกขึ้นมาต่อสู้กับงานหนักต่อไป อย่างไม่ยอมย่อท้อ...เพื่อนภัสแล้ว เธอสามารถทำได้ทุกอย่าง ต่อให้ต้องลำบากกว่านี้อีกกี่ล้านเท่าเธอก็ไม่กลัว

อีกทั้งการทำงานที่นี่ยังทำให้เธอมีทุนรอนมากพอที่จะส่งตัวเองเรียนการศึกษานอกโรงเรียนได้...ก็ได้แต่หวังว่าสักวันหนึ่งหากเธอเรียนจบ จะสามารถหางานที่ดีกว่านี้ทำได้ แต่เมื่อวันนั้นยังมาไม่ถึงเธอก็ต้องอดทนทำงานเพื่อชีวิตที่ดีกว่าต่อไป

แม้หน้าที่เสาหลักของครอบครัว จะเป็นหน้าที่ที่เหนื่อยหนักเกินกว่าที่ไหล่เล็กบางของผู้หญิงคนเดียวจะรับไหว แต่เธอก็จำต้องทำเป็นตั้งทำเพราะเธอและน้องชายเป็นกำพร้าตั้งแต่ยังเล็ก...

หลังจากพ่อแม่ตายด้วยอุบัติเหตุรถชน เขมิกาที่ตอนนั้นมีอายุเพียงสิบเจ็ดปี ได้ตัดสินใจครั้งสำคัญที่สุดในชีวิต ด้วยการลาออกจากโรงเรียนอาชีวศึกษาประจำจังหวัด ที่เธอกำลังศึกษาอยู่ในภาควิชาคหกรรมศาสตร์...แล้วตัดสินใจหอบหิ้วน้องชายที่ตอนนั้นมีอายุเพียงสิบห้าปีเข้าไปเผชิญโชคยังเมืองกรุง

ด้วยความคิดแบบเด็ก ๆ ว่า การเข้าไปหางานทำในเมืองหลวงเหมือนกับพวกผู้ใหญ่ในหมู่บ้านนั้น ย่อมจะดีกว่าการหางานรับจ้างเล็ก ๆ น้อย ๆ ตามหมู่บ้าน...นั่งรอวันอดตายทั้งสองคนพี่น้องเป็นแน่...

แต่ทุกอย่างกลับไม่ง่ายอย่างที่คิด...

เด็กสาวที่จบเพียงมัธยมศึกษาตอนต้น มิหน่ำซ้ำยังไม่บรรลุนิติภาวะ อย่างดีจึงหาได้เพียงงานเสิร์ฟตามร้านอาหารข้างทางเท้า หรือไม่ก็งานล้างจานเท่านั้น

ในตอนนั้นเขมิกาคิดว่า...หากเธอยังทำงานเช่นนี้ต่อไป ความหวังที่จะส่งเสียน้องชายคนเดียวให้เรียนสูง ๆ คงเป็นอันต้องดับวูบลงเป็นแน่

แต่ก็ต้องถือว่าโชคของหญิงสาวยังดี เมื่อพิสมัย เจ้าของร้านดอกไม้ที่ตั้งอยู่ตรงกันข้ามกับหอพักของเขมิกา ติดประกาศรับสมัครผู้ช่วยคนใหม่พอดี...

ตอนแรก เขมิกาไม่มั่นใจแม้แต่น้อยว่าเธอจะได้งาน เพราะไม่ว่าจะไปสมัครงานกี่ครั้งต่อกี่ครั้ง เธอก็ต้องไม่รับความผิดหวังเสมอ

แต่โชคดีว่า...สาวใหญ่ติดใจฝีมือการจัดดอกไม้ที่เขมิกาทดลองจัดให้ชมในวันสัมภาษณ์มาก...จึงทำให้เธอรับหญิงสาวที่มีฝีมือการจัดดอกไม้ชนิดหาตัวจับยากเข้าทำงานแทบจะในทันที...

หญิงสาวจึงปักหลักทำงานที่นั่นตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา...โดยไม่เคยบ่น และไม่เกี่ยงงานหนักเลยแม้แต่น้อย

เขมิกาเสยผมยาวสยายสีดำคลับที่หล่นลงมาเคลียใบหน้าขึ้นไปทัดหลังใบหูอย่างไม่ใคร่ใส่ใจนัก...ดวงตากลมโตสีนิลที่ประดับด้วยแพขนตายาวหนาตามธรรมชาติราวกับดวงตาของสมันสาว มองกวาดไปทั่วบริเวณโถงทางเข้าด้วยความร้อนใจ

เธอมาถึงช้ากว่าเวลานัดหมายเกือบสามสิบนาที!

เพราะสภาพการจารจรอันติดขัดแท้ ๆ เชียว ที่ทำให้เขมิกามาถึงสถานที่นัดหมายแห่งสุดท้ายสายอย่างช่วยไม่ได้...

ไม่รู้ว่าลูกค้าจะยังรอรับดอกไม้อยู่หรือเปล่า เธอกลัวเหลือเกินว่าเขาจะกลับไปแล้ว เพราะคนที่ได้ชื่อว่าเป็นลูกค้า มักจะไม่ค่อยมีความอดทนเท่าไหร่นักหรอก

แต่จะโทษใครได้ เพราะครั้งนี้เธอเป็นฝ่ายผิดเองที่ไม่คะเนเวลาให้ดีเสียก่อน หากไม่สามารถส่งดอกกุหลาบขาวช่อนี้ได้ เธอก็คงต้องเป็นคนรับผิดชอบ โดยการถูกหักเงินเดือนอย่างไม่ต้องสงสัยเลย...

เขมิกาหยิบสมุดเล่มเล็กที่เธอใช้จดรายละเอียดของลูกค้าเอาไว้ขึ้นมาดูอีกครั้งเพื่อความแน่ใจ

เจ้าของกุหลาบขาวช่อนี้เป็นชายหนุ่มลูกครึ่ง รูปร่างสูงใหญ่ และวันนี้เขาจะสวมเสื้อสีน้ำเงินเข้มกับกางเกงสีดำ...

รูปลักษณ์โดดเด่นอย่างนั้นคงหาไม่ยาก...

นั่นไง!

เขมิกาเห็นเขาแล้ว

ชายหนุ่มที่ยืนอยู่อีกมุมหนึ่งของห้องโถง...เขามีผมสีน้ำตาทอง สวมเสื้อสเวตเตอร์สีน้ำเงินเข้ม และกางเกงยีสต์สีดำสนิท แต่สิ่งที่เห็นได้ชัดเจนที่สุดก็คือรูปร่างสูงใหญ่ราวกับยักษ์ของเขานั่นแหล่ะ ที่ทำให้ใคร ๆ ก็ไม่สามารถมองผ่านชายหนุ่มคนนั้นไปได้โดยง่าย

รูปร่างของเขา ตรงตามที่พิสมัยบอกเอาไว้ไม่ผิดเพี้ยน...

แต่ด้วยลักษณะของชายหนุ่มคนนั้น ทำให้เขมิกาเดาไม่ออกว่า ตกลงเขาเป็นชาวต่างชาติแท้ ๆ หรือว่าเป็นลูกครึ่งกันแน่...

เขมิกายืนลังเล อย่างกล้า ๆ กลัว ๆ เพราะหากชายคนนั้นเป็นชาวต่างชาติแล้วล่ะก็...มีหวัง เธอคงคุยกับเขาไม่รู้เรื่องแน่...

จะพูดภาษาไทยได้หรือเปล่าก็ไม่รู้...ถ้าไม่ได้ เธอจะอธิบายเหตุผลที่มาช้า แล้วขอโทษเขาได้อย่างไรกันล่ะ

ระหว่างที่หญิงสาวกำลังยืนละล้าละลังอย่างคิดไม่ตกอยู่นั้นเอง...ยักษ์...ที่เขมิกานึกค่อนในใจก็กำลังเดินตรงไปที่ลิฟต์...แล้วเขาก็กดปุ่มเพื่อขึ้นไปยังชั้นบนอย่างไม่รีรอ!

ถ้าไม่รีบตามไปเรียกเขาเอาไว้ตอนนี้ มีหวังช่อดอกไม้ในอ้อมกอดคงต้องเป็นหมั่น

ที่สำคัญ...พิสมัยต้องเล่นงานเธอตายแน่!

เมื่อคิดได้ดังนั้น หญิงสาวจึงกอดดอกไม้เอาไว้แนบอก...สูดลมหายใจเข้าลึกยาว เพื่อรวบรวมความกล้าทั้งหมดที่มี...จากนั้นจึงเดินแกมวิ่งตรงไปยังจุดที่ชายหนุ่มคนนั้นยืนอยู่ทันที

...โดยที่เจ้าตัวไม่รู้เลยว่าอนาคตของตนต้องเปลี่ยนไปมากมายเพราะดอกไม้ช่อนี้เป็นเหตุนั่นเอง...

อ่านต่อ

หนังสือที่คุณอาจชอบ

หนังสืออื่นๆ ของ จิรัฐติกาล

ข้อมูลเพิ่มเติม
บท
อ่านเลย
ดาวน์โหลดหนังสือ