5.0
ความคิดเห็น
838
ชม
14
บท

เขมิกาจับผลัดจับพลูดไปมีความสัมพันธ์กับไทเลอร์นักธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ เพียงคืนเดียวกับความสัมพันธ์ไม่ตั้งใจก็ทำให้เธอตั้งครรภ์ เพื่อหลบหนีปัญหาเธอจึงหนีไปต่างจังหวัดคิดจะเริ่มต้นใหม่ แต่ใครจะคิดว่าพบเจอเขาอีกครั้ง แล้วครั้งนี้เธอจะหนีหรือเพื่อเผชิญหน้ากับความจริงที่ได้ก่อเอาไว้

บทที่ 1 No.1

ร่างแบบบางในชุดเดรสสีชมพูกลีบบัวซีด ๆ ตามอายุการใช้งานแต่สะอาดสะอ้าน หยิบช่อดอกกุหลาบสีขาวช่อใหญ่ขึ้นมาจากเบาะรถข้างตัวอย่างทะนุถนอม...นี่เป็นดอกไม้ช่อสุดท้ายที่ต้องส่งให้ลูกค้าในวันนี้

หญิงสาวล็อครถแล้วก้าวออกมายื่นข้างถนน เธอหันซ้ายหันขาว ก่อนจะเดินข้ามถนนตรงเข้าไปยังโรงแรมระดับห้าดาวใจกลางกรุงด้วยความระมัดระวัง

...ในใจก็คิดว่า ชีวิตของคนจนกับคนรวยมันช่างแตกต่างกันราวฟ้ากับแหว ระหว่างที่คนจนกำลังดิ้นรนทำมาหากินที่ถนนฝั่งตรงข้าม เหนื่อยจนเลือดตาแทบกระเด็น...เพียงข้ามถนนมาอีกฝั่งก็พบกับโรงแรมหรู ค่าห้องพักต่อคืนเดือนละหลายพัน หลายหมื่น ซึ่งคนที่มาพักที่นี่จ่ายได้โดยไม่ต้องคิด ไม่ต้องเสียดายเงินทอง

ช่างเป็นชีวิตที่น่าอิจฉาเหลือเกิน...

คิดอิจฉาไปก็เท่านั้น...หญิงสาวบอกตัวเอง...

เมื่อชีวิตไม่สิ้นก็ต้องดิ้นกันต่อไป หากมัวแต่เงยหน้ามองฟ้า แต่มือเท้าไม่กระดิกทำงาน ชาตินี้ทั้งชายก็คงไม่มีวันได้สบายกับใครเขาหรอก

เขมิกาเดินจ้ำเข้าไปภายในห้องโถงของโรงแรมที่ประดับประดาเสียหรูหราสมฐานะของผู้พัก กระไอเย็นฉ่ำของเครื่องปรับอากาศที่ปะทะเข้ากับใจหน้า ทำให้หญิงสาวรู้สึกสดชื่นขึ้นมาเล็กน้อย

หญิงสาวอดไม่ได้ที่จะสูดเอาอากาศที่อวนด้วยกลิ่นน้ำหอมชั้นดีเข้าจนเต็มปอด อย่างน้อยมันก็ทำให้เธอคลายจากความเหนื่อยล้าลงไปได้บ้าง

การที่ต้องไปจ่ายตลาดตั้งแต่ตีสาม...ต่อด้วยการยืนจัดดอกไม้ที่ร้านเกือบทั้งวัน อีกทั้งยังต้องตระแวนส่งดอกไม้ที่จัดสำเร็จตามคำสั่งของลูกค้าไปยังสถานที่ต่าง ๆ ตลอดช่วงบ่ายจนกระทั่งเย็นย่ำ ทำให้เขมิการู้ซึ้งเป็นอย่างดีถึงคำว่า ‘เหนื่อยสายตัวแทบขาด’ นั้นมันเป็นอย่างไร

ด้วยพิสมัย...สาวใหญ่เจ้าของร้านดอกไม้ที่เขมิกาทำงานอยู่นั้น เป็นคนตระหนี่หนักหนา เธอจึงไม่เคยจ้างมอเตอร์ไซน์รับจ้างให้คอยวิ่งส่งสินค้าเหมือนดั่งร้านค้าที่มีบริการส่งถึงที่เจ้าอื่น ๆ เขาทำกัน ไม่เพียงเท่านั้น เธอยังไม่เคยจ้างลูกจ้างคนอื่นให้มาช่วยงานเลยแม้แต่คนเดียว

งานภายในร้านแทบทั้งหมดจึงตกเป็นของเขมิกา ซึ่งเป็นลูกจ้างเพียงคนเดียว...ยกเว้นงานที่เกี่ยวกับเงิน ๆ ทอง ๆ เท่านั้น ที่พิสมัยไม่ยอมให้เธอแตะต้อง

แม้ว่าเขมิกาจะทำงานกับพิสมัยมาหลายปี แต่สาวใหญ่ก็ยังไม่เคยไว้วางใจในตัวเธอ...แต่ช่างเถอะ เขมิกาไม่สนใจ หน้าที่ของเธอคือการทำตามหน้าที่ที่ตัวเองได้รับมอบหมายเท่านั้น อีกอย่างหญิงสาวก็ไม่อยากยุ่งเกี่ยวเรื่องเงินทองของร้าน เพราะหากมีอะไรผิดพลาดขึ้นมาจะทำให้เป็นการหมางใจกันเปล่า ๆ

หญิงสาวร่างเล็ก ใบหน้าอ่อนเยาว์เกินวัยถอนหายใจอย่างเหนื่อยอ่อน...

เพราะคนที่เรียนจบเพียงมัธยมศึกษาตอนต้นอย่างเธอ จะหางานที่ได้เงินเท่ากับที่ร้านพิสมัยให้ได้ที่ไหนกัน

เขมิกาเชื่อว่าคงไม่มีที่ไหนให้เงินเด็กสาวการศึกษาต่ำอย่างเธอได้มากเท่าที่ร้านของพิสมัยอีกแล้ว

ดังนั้นสิ่งที่เธอทำได้ จึงทำได้เพียงท่องคำว่า...อดทน...อดทน...และอดทนอยู่ในใจ

...ทุกครั้งที่เหนื่อยล้า เธอก็มักจะนึกถึงใบหน้าของ นภัส น้องชายคนเดียวของเธอ ในตอนที่เขาดีใจเมื่อรู้ตัวว่าจะได้เรียนต่อ...

และใบหน้านั้นเองที่ทำให้เขมิกามีกำลังใจที่จะลุกขึ้นมาต่อสู้กับงานหนักต่อไป อย่างไม่ยอมย่อท้อ...เพื่อนภัสแล้ว เธอสามารถทำได้ทุกอย่าง ต่อให้ต้องลำบากกว่านี้อีกกี่ล้านเท่าเธอก็ไม่กลัว

อีกทั้งการทำงานที่นี่ยังทำให้เธอมีทุนรอนมากพอที่จะส่งตัวเองเรียนการศึกษานอกโรงเรียนได้...ก็ได้แต่หวังว่าสักวันหนึ่งหากเธอเรียนจบ จะสามารถหางานที่ดีกว่านี้ทำได้ แต่เมื่อวันนั้นยังมาไม่ถึงเธอก็ต้องอดทนทำงานเพื่อชีวิตที่ดีกว่าต่อไป

แม้หน้าที่เสาหลักของครอบครัว จะเป็นหน้าที่ที่เหนื่อยหนักเกินกว่าที่ไหล่เล็กบางของผู้หญิงคนเดียวจะรับไหว แต่เธอก็จำต้องทำเป็นตั้งทำเพราะเธอและน้องชายเป็นกำพร้าตั้งแต่ยังเล็ก...

หลังจากพ่อแม่ตายด้วยอุบัติเหตุรถชน เขมิกาที่ตอนนั้นมีอายุเพียงสิบเจ็ดปี ได้ตัดสินใจครั้งสำคัญที่สุดในชีวิต ด้วยการลาออกจากโรงเรียนอาชีวศึกษาประจำจังหวัด ที่เธอกำลังศึกษาอยู่ในภาควิชาคหกรรมศาสตร์...แล้วตัดสินใจหอบหิ้วน้องชายที่ตอนนั้นมีอายุเพียงสิบห้าปีเข้าไปเผชิญโชคยังเมืองกรุง

ด้วยความคิดแบบเด็ก ๆ ว่า การเข้าไปหางานทำในเมืองหลวงเหมือนกับพวกผู้ใหญ่ในหมู่บ้านนั้น ย่อมจะดีกว่าการหางานรับจ้างเล็ก ๆ น้อย ๆ ตามหมู่บ้าน...นั่งรอวันอดตายทั้งสองคนพี่น้องเป็นแน่...

แต่ทุกอย่างกลับไม่ง่ายอย่างที่คิด...

เด็กสาวที่จบเพียงมัธยมศึกษาตอนต้น มิหน่ำซ้ำยังไม่บรรลุนิติภาวะ อย่างดีจึงหาได้เพียงงานเสิร์ฟตามร้านอาหารข้างทางเท้า หรือไม่ก็งานล้างจานเท่านั้น

ในตอนนั้นเขมิกาคิดว่า...หากเธอยังทำงานเช่นนี้ต่อไป ความหวังที่จะส่งเสียน้องชายคนเดียวให้เรียนสูง ๆ คงเป็นอันต้องดับวูบลงเป็นแน่

แต่ก็ต้องถือว่าโชคของหญิงสาวยังดี เมื่อพิสมัย เจ้าของร้านดอกไม้ที่ตั้งอยู่ตรงกันข้ามกับหอพักของเขมิกา ติดประกาศรับสมัครผู้ช่วยคนใหม่พอดี...

ตอนแรก เขมิกาไม่มั่นใจแม้แต่น้อยว่าเธอจะได้งาน เพราะไม่ว่าจะไปสมัครงานกี่ครั้งต่อกี่ครั้ง เธอก็ต้องไม่รับความผิดหวังเสมอ

แต่โชคดีว่า...สาวใหญ่ติดใจฝีมือการจัดดอกไม้ที่เขมิกาทดลองจัดให้ชมในวันสัมภาษณ์มาก...จึงทำให้เธอรับหญิงสาวที่มีฝีมือการจัดดอกไม้ชนิดหาตัวจับยากเข้าทำงานแทบจะในทันที...

หญิงสาวจึงปักหลักทำงานที่นั่นตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา...โดยไม่เคยบ่น และไม่เกี่ยงงานหนักเลยแม้แต่น้อย

เขมิกาเสยผมยาวสยายสีดำคลับที่หล่นลงมาเคลียใบหน้าขึ้นไปทัดหลังใบหูอย่างไม่ใคร่ใส่ใจนัก...ดวงตากลมโตสีนิลที่ประดับด้วยแพขนตายาวหนาตามธรรมชาติราวกับดวงตาของสมันสาว มองกวาดไปทั่วบริเวณโถงทางเข้าด้วยความร้อนใจ

เธอมาถึงช้ากว่าเวลานัดหมายเกือบสามสิบนาที!

เพราะสภาพการจารจรอันติดขัดแท้ ๆ เชียว ที่ทำให้เขมิกามาถึงสถานที่นัดหมายแห่งสุดท้ายสายอย่างช่วยไม่ได้...

ไม่รู้ว่าลูกค้าจะยังรอรับดอกไม้อยู่หรือเปล่า เธอกลัวเหลือเกินว่าเขาจะกลับไปแล้ว เพราะคนที่ได้ชื่อว่าเป็นลูกค้า มักจะไม่ค่อยมีความอดทนเท่าไหร่นักหรอก

แต่จะโทษใครได้ เพราะครั้งนี้เธอเป็นฝ่ายผิดเองที่ไม่คะเนเวลาให้ดีเสียก่อน หากไม่สามารถส่งดอกกุหลาบขาวช่อนี้ได้ เธอก็คงต้องเป็นคนรับผิดชอบ โดยการถูกหักเงินเดือนอย่างไม่ต้องสงสัยเลย...

เขมิกาหยิบสมุดเล่มเล็กที่เธอใช้จดรายละเอียดของลูกค้าเอาไว้ขึ้นมาดูอีกครั้งเพื่อความแน่ใจ

เจ้าของกุหลาบขาวช่อนี้เป็นชายหนุ่มลูกครึ่ง รูปร่างสูงใหญ่ และวันนี้เขาจะสวมเสื้อสีน้ำเงินเข้มกับกางเกงสีดำ...

รูปลักษณ์โดดเด่นอย่างนั้นคงหาไม่ยาก...

นั่นไง!

เขมิกาเห็นเขาแล้ว

ชายหนุ่มที่ยืนอยู่อีกมุมหนึ่งของห้องโถง...เขามีผมสีน้ำตาทอง สวมเสื้อสเวตเตอร์สีน้ำเงินเข้ม และกางเกงยีสต์สีดำสนิท แต่สิ่งที่เห็นได้ชัดเจนที่สุดก็คือรูปร่างสูงใหญ่ราวกับยักษ์ของเขานั่นแหล่ะ ที่ทำให้ใคร ๆ ก็ไม่สามารถมองผ่านชายหนุ่มคนนั้นไปได้โดยง่าย

รูปร่างของเขา ตรงตามที่พิสมัยบอกเอาไว้ไม่ผิดเพี้ยน...

แต่ด้วยลักษณะของชายหนุ่มคนนั้น ทำให้เขมิกาเดาไม่ออกว่า ตกลงเขาเป็นชาวต่างชาติแท้ ๆ หรือว่าเป็นลูกครึ่งกันแน่...

เขมิกายืนลังเล อย่างกล้า ๆ กลัว ๆ เพราะหากชายคนนั้นเป็นชาวต่างชาติแล้วล่ะก็...มีหวัง เธอคงคุยกับเขาไม่รู้เรื่องแน่...

จะพูดภาษาไทยได้หรือเปล่าก็ไม่รู้...ถ้าไม่ได้ เธอจะอธิบายเหตุผลที่มาช้า แล้วขอโทษเขาได้อย่างไรกันล่ะ

ระหว่างที่หญิงสาวกำลังยืนละล้าละลังอย่างคิดไม่ตกอยู่นั้นเอง...ยักษ์...ที่เขมิกานึกค่อนในใจก็กำลังเดินตรงไปที่ลิฟต์...แล้วเขาก็กดปุ่มเพื่อขึ้นไปยังชั้นบนอย่างไม่รีรอ!

ถ้าไม่รีบตามไปเรียกเขาเอาไว้ตอนนี้ มีหวังช่อดอกไม้ในอ้อมกอดคงต้องเป็นหมั่น

ที่สำคัญ...พิสมัยต้องเล่นงานเธอตายแน่!

เมื่อคิดได้ดังนั้น หญิงสาวจึงกอดดอกไม้เอาไว้แนบอก...สูดลมหายใจเข้าลึกยาว เพื่อรวบรวมความกล้าทั้งหมดที่มี...จากนั้นจึงเดินแกมวิ่งตรงไปยังจุดที่ชายหนุ่มคนนั้นยืนอยู่ทันที

...โดยที่เจ้าตัวไม่รู้เลยว่าอนาคตของตนต้องเปลี่ยนไปมากมายเพราะดอกไม้ช่อนี้เป็นเหตุนั่นเอง...

อ่านต่อ

หนังสืออื่นๆ ของ จิรัฐติกาล

ข้อมูลเพิ่มเติม

หนังสือที่คุณอาจชอบ

เมียผมน่ารักจัง

เมียผมน่ารักจัง

Penn Tofallis
4.9

กู้ชิงเฉิงเชื่อมั่นมาตลอดว่าตราบใดที่เธอประพฤติตัวดี สักวันหนึ่ง เธอก็จะสามารถชนะใจมู่ถิงเซียวให้ได้ อย่างไรก็ตาม เมื่อเสิ่นถัง รักแรกที่เขาคิดถึงมาตลอดกลับมา ทุกอย่างก็เปลี่ยนไป กู้ชิงเฉิงเป็นคนว่าง่ายสอนง่ายจริงๆ เธอจัดงานแต่งงานด้วยคนเดียว และนอนคนเดียวในห้องผ่าตัดเพื่อรับการรักษาฉุกเฉิน มีข่าวลือว่าเธอบ้าไปแล้ว อันที่จริงเธอบ้าไปแล้วจริงๆ ที่รักใครสักคนอย่างไม่ละอายขนาดนี้ ต่อมา ทุกคนลือกันว่า กู้ชิงเฉิงป่วยหนักและกำลังจะเสียชีวิต มู่ถิงเซียวถึงสูญเสียการควบคุมอย่างสิ้นเชิง "ฉันไม่ปล่อยให้เธอตาย" แต่เธอกลับยิ้มอย่างนิ่งๆ ว่า "ดีจังเลย ฉันเป็นอิสระแล้ว" ใช่แล้ว ไม่ต้องการกู้ชิงเฉิงอีกแล้ว"

ตำนานตาม่วง

ตำนานตาม่วง

Wald Bridges
5.0

"เธอคือผู้ฝึกสัตว์ร้ายที่มีดวงตาสีม่วงอันเป็นเอกลักษณ์ในศตวรรษที่ 24 เมื่อเธอเกิดใหม่เป็นหญิงตั้งครรภ์ ดวงตาของเธอถูกขุดออก การฝึกฝนของเธอถูกทำลาย ตัวตนของเธอถูกพรากไป และลูกชายของเธอถูกไอ้สารเลวและผู้หญิงใจร้ายแย่งชิงไป! จะทนกับสิ่งนี้ได้อย่างไร! จากนั้นเธอใช้ชีวิตกับลูกสาว ปราบสัตว์ร้ายทั้งหมดด้วยดวงตาสีม่วงของเธอ จัดการทุกคนที่หาเรื่องพวกเขา และในที่สุดก็พบกับราชาเทพชั่วร้ายที่พาลูกชายของเธอไปจนได้ ลูกตัวน้อย ""แม่ มีผู้ชายคนหนึ่งที่บอกว่าตราบใดที่หนูเรียกเขาว่าพ่อ เขาจะมอบภูเขาทองคำให้หนู"" ผู้หญิง ""ถามเขาหน่อยว่าเขามีอีกไหม ฉันสามารถเรียกเขาว่าพ่อได้ด้วยนะ"" ราชาเทพกัดฟัน ""สาวน้อย ลูกทั้งสองเป็นของฉัน และตัวเธอก็เป็นของฉันด้วย"""

ฮูหยินของข้า แซ่บไม่เบา

ฮูหยินของข้า แซ่บไม่เบา

Burke Gee
5.0

ทุกคนรู้ดีว่า บุตรีคนโตที่ไม่เป็นที่โปรดปรานในจวนโหวอันติ้งแห่งเมืองหลวง ทำให้แม่แท้ๆ ของตนต้องเสียชีวิต เป็นคนที่ถูกมองว่าเป็นตัวโชคร้าย ก่อนแต่งงานก็ทำให้แม่เลี้ยงฝันร้ายอยู่หลายวัน ออกเดินทางไปทำบุญนอกเมืองก็ถูกโจรจับตัวไป แต่ใครจะคิดว่าโชคร้ายกลับกลายเป็นโชคดี นางเปลี่ยนนิสัยไปอย่างสิ้นเชิง ไม่ยอมให้ใครมารังแกอีกต่อไปที่แท้ซูชิงซวู่ ผู้สุดยอดสายลับที่ทะลุมิติมาเผชิญกับพ่อที่เย็นชา แม่เลี้ยงที่ชั่วร้าย คู่หมั้นที่นอกใจน้องสาวต่างแม่ แต่ไม่เป็นไร คอยดูว่าเธอจะจัดการพวกชั่วช้า และเอาคืนทุกอย่าง ทว่าทำไมท่านอ๋องผู้นั้นถึงมองมาที่เธอด้วยสายตาแปลกๆ นั่นล่ะเผ่ยเสวียนจู: บุญคุณที่ช่วยชีวิต ไม่มีสิ่งใดตอบแทนได้ นอกจากเอาตัวไปแลก

ธิดาแค้นต้องเอาคืน

ธิดาแค้นต้องเอาคืน

Casey Haag
5.0

ตระกูลซูล่มสลาย จวนเจิ้นกั๋วทั้งตระกูลถูกประหารชีวิตในคืนเดียว ชาติก่อน… ซูเฉิงอิ้งถูกน้องสาวหลอกใช้ ถูกชายเจ้าชู้เล่นตลก ชาติก่อน… ซูเฉิงอิ้งใช้ชีวิตอย่างเจียมเนื้อเจียมตัวอยู่แคว้นเป่ยเหลียงสิบกว่าปี แต่กลับถูกกล่าวหาว่าคบคิดกับศัตรู คนทั้งแคว้นเซิ่งถังต่างก็ด่าทอยกใหญ่ ชาติก่อน… ซูเฉิงอิ้งต้องยืนมองน้องสาวกับรักแรกของตนสนิทสนมกัน ครองโลก ส่วนตัวเองกลับโดนประหารชีวิต เลือดสาดตะวัน เมื่อตื่นขึ้นอีกครั้ง… ซูเฉิงอิ้งถือดาบกลับมา ฟาดแรก… ตัดสายเลือด ฟันน้องสาวอกตัญญู ฟาดที่สอง… ตัดความรัก ฟันรักแรกที่หน้าเนื้อใจเสือ ฟาดที่สาม… ตัดคำพูด ฟันทุกเสียงนินทาของเป่ยเหลียงที่บิดเบือนความจริง ฟาดที่สี่… ตงฟางไป๋เยว่ “หรือว่าฮูหยินอยากจะฆ่าสามีผู้นี้ด้วยหรือ” ซูเฉิงอิ้ง“หุบปาก…”

ทางเดินใหม่ของหัวใจ

ทางเดินใหม่ของหัวใจ

Viv Thauer
5.0

เวินอี่ถงได้เห็นความรักอันลึกซึ้งของเจียงยวี่เหิง แต่ก็ได้สัมผัสกับการทรยศของเขาเช่นกัน เธอเผารูปแต่งงานของพวกเขาต่อหน้าเขา แต่เขากลับมัวแต่ง้อชู้ของเขา ทั้งๆ ที่เขาแค่มองดูแวบหนึ่งก็จะเห็น แต่เขากลับไม่สนใจเวินอี่ถงสุดจะทน ตบหน้าเขาอย่างแรง พร้อมอวยพรให้เขากับชู้ของรักกันยืนยาว แล้วเธอก็หันหลังสมัครเข้ากลุ่มวิจัยลับเฉพาะ ลบข้อมูลประจำตัวทั้งหมด รวมถึงความสัมพันธ์การแต่งงานกับเขาด้วย! ก่อนจากไป เธอยังมอบของขวัญชิ้นใหญ่ให้เขาอีกด้วยเมื่อถึงเวลาที่จะเข้ากลุ่ม เวินอี่ถงก็หายตัวไป บริษัทของเจียงยวี่เหิงประสบปัญหาล้มละลาย เขาจึงออกตามหาเธอด้วยทุกวิถีทาง แต่สิ่งที่ได้รับกลับเป็นใบมรณบัตรที่ต้องสงสัยเขาสติแตก “ฉันไม่เชื่อ ฉันไม่ยอมรับ!”เมื่อพบกันอีกครั้ง เจียงยวี่เหิงต้องตกใจที่พบว่าเวินอี่ถงเปลี่ยนตัวตนใหม่แล้ว โดยข้างกายมีผู้มีอำนาจที่เขาต้องยอมก้มหัวให้เขาอ้อนวอนอย่างสิ้นหวัง “ถงถง ผมผิดไปแล้ว คุณกลับมาเถอะ!”เวินอี่ถงเพียงยิ้มยักคิ้ว จับแขนของผู้มีอำนาจข้างๆ “น่าเสียดาย ตอนนี้ฉันอยู่ในระดับที่นายไม่อาจเอื้อมถึงแล้ว”

ถ้าจะรัก ภพชาติก็แค่ปากซอย

ถ้าจะรัก ภพชาติก็แค่ปากซอย

ผลิกา(เลอบัว)
5.0

เธอจากไปด้วยความเคียดแค้นชิงชัง ในขณะที่เขากลับยังอยู่เพื่อเฝ้ารอด้วยความคะนึงหา เมื่อคนหนึ่งอยากลืม แต่อีกคนกลับจดจำทุกลมหายใจ แล้วจะมีหนทางไหมที่จะทำให้หัวใจของพวกเขากลับมาเต้นเป็นจังหวะเดียวกัน “นี่ฉันหลุดมาอยู่ในยุคไหนวะเนี่ย บทจะข้ามภพก็ข้ามกันได้ง่ายๆ แบบนี้เลย? นี่ข้ามภพนะเว้ย ไม่ใช่ข้ามถนนหน้าปากซอย” “เจ้าเป็นตัวอะไร” คำถามโต้งๆ ทำเธอชะงัก ก่อนหันมาจ้องเขาตาขวางพลางบ่นงึมงำ “ถามแบบนี้ สู้ชี้หน้าด่ากันยังดูหยาบคายน้อยกว่า” “เป็นปิศาจรึ” คำถามนี้ทำเธอราวกับถูกตบหน้าอีกครั้ง “ไม่รู้ว่าข้าจะอดทนได้อีกนานเพียงใด เมื่อเจ้าช่างน่าปรารถนาเหลือเกิน” เขาบอกเสียงพร่า ขณะลูบไล้ที่แก้มนวลเบาๆ ก่อนจะค่อยๆ เลื่อนลงมาแตะที่ริมฝีปากอวบอิ่มอย่างอ้อยอิ่ง “เช่นนั้นท่านก็อยู่ให้ห่างจากข้าเถิดท่านฝู” “อย่าว่าแต่จะให้อยู่ห่างกัน แม้แต่ละสายตาจากเจ้า ข้ายังทำมิได้ หากต้องทำเช่นนั้น ข้าคงขาดใจตายเสียก่อน” “สายตาของท่านกำลังทำข้าใจคอไม่ดี” “ไม่ดีเยี่ยงไร” “ก็…มันอาจทำให้ข้าเผลอทำอะไรๆ ท่านน่ะสิ” “เช่นนั้นก็จงรู้เอาไว้ว่าการกระทำเมื่อครู่ของเจ้า ก็ทำให้ข้าใจคอไม่ดีเช่นกัน” “ไม่ดียังไง” เธอย้อนถามบ้าง “ก็ไม่ดีตรงที่ มันจะทำให้ข้ามิอาจรักษาคำพูดที่ให้ไว้ หากว่าข้า…ปรารถนาในตัวเจ้าเกินกว่าจะทนรอได้” เสียงเขาแหบพร่า อีกทั้งนัยน์ตาก็ยังแดงก่ำด้วยไฟปรารถนาที่กำลังพลุ่งพล่าน “เช่นนั้น…ก็ไม่ต้องรอสิ”

บท
อ่านเลย
ดาวน์โหลดหนังสือ