5.0
ความคิดเห็น
819
ชม
14
บท

เขมิกาจับผลัดจับพลูดไปมีความสัมพันธ์กับไทเลอร์นักธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ เพียงคืนเดียวกับความสัมพันธ์ไม่ตั้งใจก็ทำให้เธอตั้งครรภ์ เพื่อหลบหนีปัญหาเธอจึงหนีไปต่างจังหวัดคิดจะเริ่มต้นใหม่ แต่ใครจะคิดว่าพบเจอเขาอีกครั้ง แล้วครั้งนี้เธอจะหนีหรือเพื่อเผชิญหน้ากับความจริงที่ได้ก่อเอาไว้

บทที่ 1 No.1

ร่างแบบบางในชุดเดรสสีชมพูกลีบบัวซีด ๆ ตามอายุการใช้งานแต่สะอาดสะอ้าน หยิบช่อดอกกุหลาบสีขาวช่อใหญ่ขึ้นมาจากเบาะรถข้างตัวอย่างทะนุถนอม...นี่เป็นดอกไม้ช่อสุดท้ายที่ต้องส่งให้ลูกค้าในวันนี้

หญิงสาวล็อครถแล้วก้าวออกมายื่นข้างถนน เธอหันซ้ายหันขาว ก่อนจะเดินข้ามถนนตรงเข้าไปยังโรงแรมระดับห้าดาวใจกลางกรุงด้วยความระมัดระวัง

...ในใจก็คิดว่า ชีวิตของคนจนกับคนรวยมันช่างแตกต่างกันราวฟ้ากับแหว ระหว่างที่คนจนกำลังดิ้นรนทำมาหากินที่ถนนฝั่งตรงข้าม เหนื่อยจนเลือดตาแทบกระเด็น...เพียงข้ามถนนมาอีกฝั่งก็พบกับโรงแรมหรู ค่าห้องพักต่อคืนเดือนละหลายพัน หลายหมื่น ซึ่งคนที่มาพักที่นี่จ่ายได้โดยไม่ต้องคิด ไม่ต้องเสียดายเงินทอง

ช่างเป็นชีวิตที่น่าอิจฉาเหลือเกิน...

คิดอิจฉาไปก็เท่านั้น...หญิงสาวบอกตัวเอง...

เมื่อชีวิตไม่สิ้นก็ต้องดิ้นกันต่อไป หากมัวแต่เงยหน้ามองฟ้า แต่มือเท้าไม่กระดิกทำงาน ชาตินี้ทั้งชายก็คงไม่มีวันได้สบายกับใครเขาหรอก

เขมิกาเดินจ้ำเข้าไปภายในห้องโถงของโรงแรมที่ประดับประดาเสียหรูหราสมฐานะของผู้พัก กระไอเย็นฉ่ำของเครื่องปรับอากาศที่ปะทะเข้ากับใจหน้า ทำให้หญิงสาวรู้สึกสดชื่นขึ้นมาเล็กน้อย

หญิงสาวอดไม่ได้ที่จะสูดเอาอากาศที่อวนด้วยกลิ่นน้ำหอมชั้นดีเข้าจนเต็มปอด อย่างน้อยมันก็ทำให้เธอคลายจากความเหนื่อยล้าลงไปได้บ้าง

การที่ต้องไปจ่ายตลาดตั้งแต่ตีสาม...ต่อด้วยการยืนจัดดอกไม้ที่ร้านเกือบทั้งวัน อีกทั้งยังต้องตระแวนส่งดอกไม้ที่จัดสำเร็จตามคำสั่งของลูกค้าไปยังสถานที่ต่าง ๆ ตลอดช่วงบ่ายจนกระทั่งเย็นย่ำ ทำให้เขมิการู้ซึ้งเป็นอย่างดีถึงคำว่า ‘เหนื่อยสายตัวแทบขาด’ นั้นมันเป็นอย่างไร

ด้วยพิสมัย...สาวใหญ่เจ้าของร้านดอกไม้ที่เขมิกาทำงานอยู่นั้น เป็นคนตระหนี่หนักหนา เธอจึงไม่เคยจ้างมอเตอร์ไซน์รับจ้างให้คอยวิ่งส่งสินค้าเหมือนดั่งร้านค้าที่มีบริการส่งถึงที่เจ้าอื่น ๆ เขาทำกัน ไม่เพียงเท่านั้น เธอยังไม่เคยจ้างลูกจ้างคนอื่นให้มาช่วยงานเลยแม้แต่คนเดียว

งานภายในร้านแทบทั้งหมดจึงตกเป็นของเขมิกา ซึ่งเป็นลูกจ้างเพียงคนเดียว...ยกเว้นงานที่เกี่ยวกับเงิน ๆ ทอง ๆ เท่านั้น ที่พิสมัยไม่ยอมให้เธอแตะต้อง

แม้ว่าเขมิกาจะทำงานกับพิสมัยมาหลายปี แต่สาวใหญ่ก็ยังไม่เคยไว้วางใจในตัวเธอ...แต่ช่างเถอะ เขมิกาไม่สนใจ หน้าที่ของเธอคือการทำตามหน้าที่ที่ตัวเองได้รับมอบหมายเท่านั้น อีกอย่างหญิงสาวก็ไม่อยากยุ่งเกี่ยวเรื่องเงินทองของร้าน เพราะหากมีอะไรผิดพลาดขึ้นมาจะทำให้เป็นการหมางใจกันเปล่า ๆ

หญิงสาวร่างเล็ก ใบหน้าอ่อนเยาว์เกินวัยถอนหายใจอย่างเหนื่อยอ่อน...

เพราะคนที่เรียนจบเพียงมัธยมศึกษาตอนต้นอย่างเธอ จะหางานที่ได้เงินเท่ากับที่ร้านพิสมัยให้ได้ที่ไหนกัน

เขมิกาเชื่อว่าคงไม่มีที่ไหนให้เงินเด็กสาวการศึกษาต่ำอย่างเธอได้มากเท่าที่ร้านของพิสมัยอีกแล้ว

ดังนั้นสิ่งที่เธอทำได้ จึงทำได้เพียงท่องคำว่า...อดทน...อดทน...และอดทนอยู่ในใจ

...ทุกครั้งที่เหนื่อยล้า เธอก็มักจะนึกถึงใบหน้าของ นภัส น้องชายคนเดียวของเธอ ในตอนที่เขาดีใจเมื่อรู้ตัวว่าจะได้เรียนต่อ...

และใบหน้านั้นเองที่ทำให้เขมิกามีกำลังใจที่จะลุกขึ้นมาต่อสู้กับงานหนักต่อไป อย่างไม่ยอมย่อท้อ...เพื่อนภัสแล้ว เธอสามารถทำได้ทุกอย่าง ต่อให้ต้องลำบากกว่านี้อีกกี่ล้านเท่าเธอก็ไม่กลัว

อีกทั้งการทำงานที่นี่ยังทำให้เธอมีทุนรอนมากพอที่จะส่งตัวเองเรียนการศึกษานอกโรงเรียนได้...ก็ได้แต่หวังว่าสักวันหนึ่งหากเธอเรียนจบ จะสามารถหางานที่ดีกว่านี้ทำได้ แต่เมื่อวันนั้นยังมาไม่ถึงเธอก็ต้องอดทนทำงานเพื่อชีวิตที่ดีกว่าต่อไป

แม้หน้าที่เสาหลักของครอบครัว จะเป็นหน้าที่ที่เหนื่อยหนักเกินกว่าที่ไหล่เล็กบางของผู้หญิงคนเดียวจะรับไหว แต่เธอก็จำต้องทำเป็นตั้งทำเพราะเธอและน้องชายเป็นกำพร้าตั้งแต่ยังเล็ก...

หลังจากพ่อแม่ตายด้วยอุบัติเหตุรถชน เขมิกาที่ตอนนั้นมีอายุเพียงสิบเจ็ดปี ได้ตัดสินใจครั้งสำคัญที่สุดในชีวิต ด้วยการลาออกจากโรงเรียนอาชีวศึกษาประจำจังหวัด ที่เธอกำลังศึกษาอยู่ในภาควิชาคหกรรมศาสตร์...แล้วตัดสินใจหอบหิ้วน้องชายที่ตอนนั้นมีอายุเพียงสิบห้าปีเข้าไปเผชิญโชคยังเมืองกรุง

ด้วยความคิดแบบเด็ก ๆ ว่า การเข้าไปหางานทำในเมืองหลวงเหมือนกับพวกผู้ใหญ่ในหมู่บ้านนั้น ย่อมจะดีกว่าการหางานรับจ้างเล็ก ๆ น้อย ๆ ตามหมู่บ้าน...นั่งรอวันอดตายทั้งสองคนพี่น้องเป็นแน่...

แต่ทุกอย่างกลับไม่ง่ายอย่างที่คิด...

เด็กสาวที่จบเพียงมัธยมศึกษาตอนต้น มิหน่ำซ้ำยังไม่บรรลุนิติภาวะ อย่างดีจึงหาได้เพียงงานเสิร์ฟตามร้านอาหารข้างทางเท้า หรือไม่ก็งานล้างจานเท่านั้น

ในตอนนั้นเขมิกาคิดว่า...หากเธอยังทำงานเช่นนี้ต่อไป ความหวังที่จะส่งเสียน้องชายคนเดียวให้เรียนสูง ๆ คงเป็นอันต้องดับวูบลงเป็นแน่

แต่ก็ต้องถือว่าโชคของหญิงสาวยังดี เมื่อพิสมัย เจ้าของร้านดอกไม้ที่ตั้งอยู่ตรงกันข้ามกับหอพักของเขมิกา ติดประกาศรับสมัครผู้ช่วยคนใหม่พอดี...

ตอนแรก เขมิกาไม่มั่นใจแม้แต่น้อยว่าเธอจะได้งาน เพราะไม่ว่าจะไปสมัครงานกี่ครั้งต่อกี่ครั้ง เธอก็ต้องไม่รับความผิดหวังเสมอ

แต่โชคดีว่า...สาวใหญ่ติดใจฝีมือการจัดดอกไม้ที่เขมิกาทดลองจัดให้ชมในวันสัมภาษณ์มาก...จึงทำให้เธอรับหญิงสาวที่มีฝีมือการจัดดอกไม้ชนิดหาตัวจับยากเข้าทำงานแทบจะในทันที...

หญิงสาวจึงปักหลักทำงานที่นั่นตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา...โดยไม่เคยบ่น และไม่เกี่ยงงานหนักเลยแม้แต่น้อย

เขมิกาเสยผมยาวสยายสีดำคลับที่หล่นลงมาเคลียใบหน้าขึ้นไปทัดหลังใบหูอย่างไม่ใคร่ใส่ใจนัก...ดวงตากลมโตสีนิลที่ประดับด้วยแพขนตายาวหนาตามธรรมชาติราวกับดวงตาของสมันสาว มองกวาดไปทั่วบริเวณโถงทางเข้าด้วยความร้อนใจ

เธอมาถึงช้ากว่าเวลานัดหมายเกือบสามสิบนาที!

เพราะสภาพการจารจรอันติดขัดแท้ ๆ เชียว ที่ทำให้เขมิกามาถึงสถานที่นัดหมายแห่งสุดท้ายสายอย่างช่วยไม่ได้...

ไม่รู้ว่าลูกค้าจะยังรอรับดอกไม้อยู่หรือเปล่า เธอกลัวเหลือเกินว่าเขาจะกลับไปแล้ว เพราะคนที่ได้ชื่อว่าเป็นลูกค้า มักจะไม่ค่อยมีความอดทนเท่าไหร่นักหรอก

แต่จะโทษใครได้ เพราะครั้งนี้เธอเป็นฝ่ายผิดเองที่ไม่คะเนเวลาให้ดีเสียก่อน หากไม่สามารถส่งดอกกุหลาบขาวช่อนี้ได้ เธอก็คงต้องเป็นคนรับผิดชอบ โดยการถูกหักเงินเดือนอย่างไม่ต้องสงสัยเลย...

เขมิกาหยิบสมุดเล่มเล็กที่เธอใช้จดรายละเอียดของลูกค้าเอาไว้ขึ้นมาดูอีกครั้งเพื่อความแน่ใจ

เจ้าของกุหลาบขาวช่อนี้เป็นชายหนุ่มลูกครึ่ง รูปร่างสูงใหญ่ และวันนี้เขาจะสวมเสื้อสีน้ำเงินเข้มกับกางเกงสีดำ...

รูปลักษณ์โดดเด่นอย่างนั้นคงหาไม่ยาก...

นั่นไง!

เขมิกาเห็นเขาแล้ว

ชายหนุ่มที่ยืนอยู่อีกมุมหนึ่งของห้องโถง...เขามีผมสีน้ำตาทอง สวมเสื้อสเวตเตอร์สีน้ำเงินเข้ม และกางเกงยีสต์สีดำสนิท แต่สิ่งที่เห็นได้ชัดเจนที่สุดก็คือรูปร่างสูงใหญ่ราวกับยักษ์ของเขานั่นแหล่ะ ที่ทำให้ใคร ๆ ก็ไม่สามารถมองผ่านชายหนุ่มคนนั้นไปได้โดยง่าย

รูปร่างของเขา ตรงตามที่พิสมัยบอกเอาไว้ไม่ผิดเพี้ยน...

แต่ด้วยลักษณะของชายหนุ่มคนนั้น ทำให้เขมิกาเดาไม่ออกว่า ตกลงเขาเป็นชาวต่างชาติแท้ ๆ หรือว่าเป็นลูกครึ่งกันแน่...

เขมิกายืนลังเล อย่างกล้า ๆ กลัว ๆ เพราะหากชายคนนั้นเป็นชาวต่างชาติแล้วล่ะก็...มีหวัง เธอคงคุยกับเขาไม่รู้เรื่องแน่...

จะพูดภาษาไทยได้หรือเปล่าก็ไม่รู้...ถ้าไม่ได้ เธอจะอธิบายเหตุผลที่มาช้า แล้วขอโทษเขาได้อย่างไรกันล่ะ

ระหว่างที่หญิงสาวกำลังยืนละล้าละลังอย่างคิดไม่ตกอยู่นั้นเอง...ยักษ์...ที่เขมิกานึกค่อนในใจก็กำลังเดินตรงไปที่ลิฟต์...แล้วเขาก็กดปุ่มเพื่อขึ้นไปยังชั้นบนอย่างไม่รีรอ!

ถ้าไม่รีบตามไปเรียกเขาเอาไว้ตอนนี้ มีหวังช่อดอกไม้ในอ้อมกอดคงต้องเป็นหมั่น

ที่สำคัญ...พิสมัยต้องเล่นงานเธอตายแน่!

เมื่อคิดได้ดังนั้น หญิงสาวจึงกอดดอกไม้เอาไว้แนบอก...สูดลมหายใจเข้าลึกยาว เพื่อรวบรวมความกล้าทั้งหมดที่มี...จากนั้นจึงเดินแกมวิ่งตรงไปยังจุดที่ชายหนุ่มคนนั้นยืนอยู่ทันที

...โดยที่เจ้าตัวไม่รู้เลยว่าอนาคตของตนต้องเปลี่ยนไปมากมายเพราะดอกไม้ช่อนี้เป็นเหตุนั่นเอง...

อ่านต่อ

หนังสืออื่นๆ ของ จิรัฐติกาล

ข้อมูลเพิ่มเติม
ข้าไม่ใช่คนดีท่านอย่าได้หวัง

ข้าไม่ใช่คนดีท่านอย่าได้หวัง

โรแมนติก

3.5

จางลี่สตรีเกิดมาพร้อมกับความเกลียดชัง บิดามารดาไม่รัก พี่สาวรังเกียจ รอบด้านทำร้ายร่างกาย ชาติภพนี้นางถูกคนที่ได้ชื่อว่าเป็นสามีทำร้ายจนตาย เมื่อเกิดพบชาติใหม่อีกครั้ง นางก็ขอตอบแทบพวกเขาอย่างสาสม อย่าคิดว่าชาติภพนี้พวกเขาจะได้อยู่สุขสบาย นางในชาตินี้จะถนอมพวกเขาเป็นอย่างดี “ข้าไม่ใช่คนดี ท่านอย่าได้หวังว่าข้าจะดีเหมือนคนอื่น หากท่านปรารถนา พบสตรีที่ดีก็เชิญไปหาที่อื่น” บุรุษปริศนาที่ติดตามนางจะเลือกเส้นทางไหน แล้วนางจะตอบแทนพวกเขาเหล่านั้นเช่นไร รอพวกเขาหาคำตอบ แต่บอกได้เลยว่านางหาได้ใจดีเหมือนชาติที่แล้วไม่ “ข้าเตือนท่านแล้ว ว่าอย่าได้หวังว่าข้าจะเป็นคนดี”

หนังสือที่คุณอาจชอบ

เกิดใหม่ในเงามืด

เกิดใหม่ในเงามืด

Orson Erickson
5.0

ครอบครัวเสิ่นเลี้ยงดูเซี่ยซางหนิงเป็นเวลา 20 ปี และเธอเองก็ถูกเอาเปรียบมาเป็นเวลา 20 ปีเช่นกัน วันหนึ่ง พวกเขาตามหาลูกสาวตัวจริงพบ และเซี่ยซางหนิงก็ถูกไล่ออกจากตระกูลเสิ่น ได้ยินมาว่าพ่อแม่ผู้ให้กำเนิดของเธอกำลังเผชิญกับความยากลำบากอย่างหนัก แต่ความเป็นจริง พ่อแม่ทางสายเลือดของเธอเป็นตระกูลที่มีชื่อเสียงในเมืองไห่ เป็นตระกูลที่ร่ำรวยที่สุดที่ตระกูลเสิ่นไม่สามารถเอื้อมถึงได้ ตระกูลเสิ่นที่คอยดูว่าเซี่ยซางหนิงจะต้องตกอับอย่างน่าสมเพช แต่กลับต้องตกตะลึงซ้ำแล้วซ้ำเล่ากับตัวตนของเซี่ยซางหนิง ผู้มีอิทธิพลในการเงินระดับโลก วิศวกรระดับแนวหน้า นักแข่งรถอันดับหนึ่งของโลก... เธอยังมีความสามารถที่ซ่อนอยู่อีกกี่อย่างกันแน่ คู่หมั้นยกเลิกการหมั้นกับเซี่ยซางหนิง อย่างไรก็ตาม เมื่อเซี่ยซางหนิงไปออกเดทกับพี่ชายฝาแฝดของเขา เขากลับปรากฏตัวขึ้นและสารภาพรักกับเธอ

สามีเป็นถึงเศรษฐีพันล้าน

สามีเป็นถึงเศรษฐีพันล้าน

Davin Howson
5.0

ในวันแต่งงาน เจ้าบ่าวของเฉียวซิงเฉินหนีไปกับผู้หญิงอีกคน เธอโกรธมาก จึงสุ่มหาชายคนหนึ่งมาแต่งงานด้วยทันที "ตราบใดที่คุณกล้าแต่งงานกับฉัน ฉันก็ยอมเป็นเมียคุณ" หลังจากแต่งงาน เธอได้ค้นพบว่าสามีของเธอคือลูกชายคนโตของตระกูลลู่ที่ขึ้นชื่อว่าไร้ประโยชน์ ชื่อลู่ถิงเซียว ทุกคนเยาะเย้ยว่า "เธอยนี่ช่วยไม่ได้จริงๆ" และผู้ชายที่ทรยศเธอก็มาเกลี้ยกล่อมว่า "ไม่เห็นต้องทำร้ายตัวเองเพราะฉันหรอก สักวันเธอต้องเสียใจแน่ๆ" เฉียวซิงเฉินหัวเราะเยาะและโต้ตอบว่า "ไปให้พ้น ฉันกับสามีรักกันมาก" ทุกคนต่าก็คิดว่าเธอเป็นบ้า ไปแล้ว อย่างไรก็ตาม เมื่อตัวตนที่แท้จริงของลู่ถิงเซียวถูกเปิดเผย ที่แท้เขาเป็นคนรวยอันดับต้นๆในโลก ในการถ่ายทอดสดทั่วโลก ชายคนนี้คุกเข่าข้างเดียว ถือแหวนเพชรมูลค่าหลักพันล้าน และพูดช้าๆ ว่า "คุณภรรยา ชีวิตที่เหลือนี้ขอฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะ"

รอยรักรอยร้าว

รอยรักรอยร้าว

Del Goodman
5.0

เซียวหลิ่นตาบอดจากอุบัติเหตุทางรถยนต์ ลูกสาวคนรวยทุกคนต่างหลีกเลี่ยงเขา มีแต่สวี่โยวหรานยอมแต่งงานกับเขาโดยไม่ลังเล สามปีต่อมา เซียวหลิ่นกลับมามองเห็นได้อีกครั้ง จากนั้รเขา็ยื่นข้อตกลงการหย่าเพื่อยุติการแต่งงานนี้ เขากล่าวอย่างเย็นชาว่า "ฉันพลาดกับชิงชิงมานนานมากพอแล้ว ฉันไม่อยากให้เธอต้องรอนานกว่านี้!" สวี่โยวหรานลงนามในข้อตกลงการหย่าโดยไม่ลังเล ทุกคนต่างก็หัวเราะเยาะเธอตลอด - หัวเราะเยาะว่าที่เธอแต่งเข้าตระกูลเซียวถือว่าเกาะผู้มีอิทธิพลเข้า จากนั้นก็มาหัวเราะเยาะเธอที่ถูกทอดทิ้ง เป็นหญิงที่ไร้ค่า แต่ทุกคนกลับไม่รู้ว่า เธอคือหมออัศจรรย์ที่รักษาดวงตาของเซียวหลิ่นให้หายดี เป็นผู้ออกแบบเครื่องประดับมูลค่าหลักร้อยล้าน ผู้เป็นมือหนึ่งแห่งหุ้นที่ครองตลาดหุ้น และแม้แต่แฮกเกอร์ระดับแนวหน้าและลูกสาวแท้ๆ ของผู้มีอิทธิพล อดีตสามีมาขอร้องขอคืนดี ซีอีโอผู้เผด็จการก็โยนเซียวหลิ่นออกไปนอกประตูอย่างเย็นชา "ดูดีๆ นี่ภรรยาของผม"

บท
อ่านเลย
ดาวน์โหลดหนังสือ