Login to MeghaBook
icon 0
icon เติมเงิน
rightIcon
icon ประวัติการอ่าน
rightIcon
icon ออกจากระบบ
rightIcon
icon ดาวน์โหลดแอป
rightIcon
นายหัว (เถื่อน) กระหายรัก

นายหัว (เถื่อน) กระหายรัก

จิรัฐติกาล

5.0
ความคิดเห็น
ชม
5
บท

นายหัว(เถื่อน) กระหายรัก เพราะเป็นลูกมาเฟียถูกตามใจมาตั้งแต่เด็ก จู่ๆ ก็ถูกแม่ตัดหางปล่อยวัดให้เผชิญชะตากรรมด้วยตนเอง เผชิญชะตากรรมไม่ว่า แต่วันแรกเธอก็ทำคนตายแล้ว เหตุการณ์ในวัยเด็กทำให้เธอไร้สติหยั่งคิด เผลอเข้าร้านหรูจนกินไวน์ราคาแพงหมดไปสองแสน แม้จะจำนำของในตัวจนหมดแต่ก็ไม่พอ เพราะกลัวว่าพ่อกับแม่จะรู้ เธอจึงเลือกใช้กายชดใช้แทน แต่ใครคิดว่าหลังจากสิ้นคิดคืนนั้น เธอก็ต้องพบปัญหาไม่รู้จบ

บทที่ 1 No.1

เจด้าปรายตามองเพื่อนร่วมชั้นเรียนในห้องพร้อมถอนหายใจอย่างเซ็ง ๆ นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน ทำไมเธอต้องมานั่งอยู่ที่นี่ท่ามกลางคนแปลกหน้า สถานที่ที่ไม่คุ้นเคย น่าโมโหชะมัด กะอีแค่เธอขัดคำสั่งพ่อแม่ไม่กี่ครั้งก็ถูกส่งกลับเมืองไทยแบบกะทันหันชนิดไม่ให้ตั้งตัว โดยบอกว่าเพื่อดัดนิสัยเจ้าอารมณ์เอาแต่ใจของเธอ หึ ที่น่าเจ็บใจยิ่งกว่านั้นคือการ ถูกส่งให้เข้าเรียนในมหาวิทยาลัยภาคธรรมดา แทนที่จะเรียนภาคอินเตอร์ให้สมกับฐานะสักหน่อย

เจด้าตัดสินใจเดินออกจากห้องเรียนที่แสนน่าเบื่อโดยไม่สนใจสายตาทุกคู่ที่มองเธอเป็นตาเดียว เมื่อมาถึงรถเก๋งคันงามเด็กสาวก็ออกคำสั่งทันที

“ไปที่ไหนก็ได้”

“ครับ” ลูคัส ชายวัยกลางคนรับคำสั้น ๆ ปิดประตูรถให้สาวน้อยคนงามที่ตอนนี้หน้าตาบึ้งตึง ในฐานะคนขับรถที่ทำงานกับตระกูลนี้มานานจึงขับรถไปยังสวนสาธารณะที่ใกล้ที่สุดทันทีอย่างรู้ใจ ในยามนี้จะมีอะไรดีไปกว่าการพาเธอไปยังที่ที่ทำให้สาวน้อยรู้สึกผ่อนคลาย เมื่อไปถึงเขาก็หาที่จอด ปล่อยให้เธอลงไปเพียงลำพัง

หญิงสาวลงจากรถแล้วไปเดินเล่นที่ริมบึง ระหว่างนั้นก็หยิบหินก้อนเล็ก ๆ ขึ้นมาเขวี้ยงลงน้ำเพื่อระบายอารมณ์ หลังจากนั้นไม่นานผู้เป็นแม่ก็ตามมาถึง

“คราวนี้เรื่องอะไรอีกล่ะ”

“พวกเขาแกล้งหนู หาว่าหนูไม่รู้เรื่องอะไร ทำอย่างกับหนูโง่งั้นแหละ เชอะ ลองมาคุยภาษาอิตาลีกับหนูสิ หรือไม่ก็มาประลองเทควันโดกับหนูสักเกมสองเกม ดูซิว่ายังจะกล้าปากดีอีกหรือเปล่า”

แอนนาส่ายหัวกับนิสัยไม่ยอมใครของลูกสาวหัวแก้วหัวแหวน เธอผิดเองแหละที่ตามใจเจด้าจนเกินไปตั้งแต่เล็ก ๆ มาถึงตอนนี้คิดจะดัดนิสัยลูกก็กลายเป็นว่าเหมือนโยนปัญหาให้อีกฝ่ายต้องเผชิญ แต่ทำอย่างไรได้ ถ้าปล่อยไว้นานกว่านี้จะเข้าทำนองไม้อ่อนดัดง่าย ไม้แก่ดัดยาก ที่สำคัญเธอต้องพยายามใจแข็งไม่เหมือนที่ผ่านมา คิดแล้วเธอก็ได้แต่ดึงลูกสาวสุดที่รักเข้ามากอดปลอบ

“แม่ขอโทษ แต่แม่ก็ยังเชื่อว่าแม่คิดดีแล้วที่ส่งลูกมาเรียนที่นี่ ชีวิตในวันข้างหน้าน่ะมันไม่ง่ายหรอกนะ ไม่มีใครสามารถอยู่กับลูกได้ตลอดไป แม่จึงอยากให้ลูกรู้จักแก้ปัญหาด้วยตัวเอง เผื่อในวันที่ไม่มีคุณปู่ คุณย่า คุณตา คุณยาย หรือแม้แต่พ่อกับแม่คอยช่วยเหลือ”

“มีแต่ลุงลูคัสแหละที่ดีกับเจด้าที่สุด” เด็กสาวตัดพ้อขณะที่น้ำตาไหลอาบแก้ม แอนนาได้แต่ยิ้มน้อยๆ และไม่คิดจะเถียง เพราะทุกวันนี้ลูคัสก็ทำเกินหน้าที่ตัวเองจนกลายเป็นความผูกพันไปแล้ว

“อดทนอีกหน่อยนะ เพื่ออนาคตของลูกเอง”

“ให้หนูเข้าเรียนภาคอินเตอร์ฯ ไม่ได้หรือคะ นะ ๆ แล้วหนูจะตั้งใจเรียนสุด ๆ ไปเลย” เจด้าต่อรอง ส่งสายตาอ้อนวอนคนเป็นแม่ ก่อนจะ พองแก้มด้วยรู้สึกขัดใจเมื่อได้รับคำตอบกลับมาสั้น ๆ ว่า “ไม่ได้”

“ฮือออ หนูอยากตาย” เจด้าโอดครวญเมื่อแผนออดอ้อนไม่ได้ผลเหมือนที่ผ่านมา

“ลูกต้องรู้จักการถูกปฏิเสธซะบ้าง จำไว้ว่าทุกอย่างไม่ได้มาง่าย ๆ หรอกนะ อ้อ แม่เช่าหอพักใกล้ที่เรียนของหนูแล้วด้วย ใกล้มากจนเดินไปกลับได้เลยละ”

เจด้ามองแม่ที่ลุกขึ้นยืนขณะที่ยังคงพูดต่อ

“และแม่ก็จะให้เงินหนูไว้ใช้จ่ายอาทิตย์ละหนึ่งพันบาทเท่านั้น”

“แม่!!” เจด้าร้องเสียงหลง หนึ่งพันบาทเนี่ยนะ ข้าวมื้อเดียวก็หมดแล้ว

“ถ้าหมดก่อนครบอาทิตย์จะไม่มีการเพิ่มให้อย่างเด็ดขาด และอย่าคิดโทร.ไปขอพ่อหรือคุณตาล่ะ” แอนนาพูดดักทางอย่างรู้ทันลูกสาว

“โธ่ แม่ แล้วถ้าเงินหมด หนูจะเอาเงินที่ไหนกินข้าวล่ะ”

“งานก็คือเงิน ถ้ารู้จักทำงานก็มีเงินแลกข้าวกิน” แอนนาพูดทิ้งท้ายสั่งสอนลูกสาวก่อนเดินไปหาลูคัสที่ยืนอยู่ไม่ไกล “ส่วนนาย ตอนนี้มีงานใหม่ต้องทำ”

ฮึ! แม้แต่ลุงลูคัสก็ยังถูกขัดขวางไม่ให้ช่วยเธอ เจด้าได้แต่คร่ำครวญในใจกับชะตาชีวิต ถูกให้ออกจากบ้านหลังโตย้ายมาอยู่หอพักใกล้มหาวิทยาลัย เรียนหนังสือร่วมกับนักศึกษาบ้าน ๆ

เมื่อเจด้าเปิดประตู หญิงสาวคนหนึ่งในห้องหันมามองแล้วรีบแนะนำตัว “สวัสดีจ้ะ ฉันชื่อมลฤดี เรียกสั้น ๆ ว่ามลก็ได้ ฝากตัวด้วยนะ เธอชื่ออะไรล่ะ”

แม่นะแม่ ใจร้ายชะมัด ส่งลูกสาวตัวเองมาอยู่ห้องเช่ารูหนูไม่พอ ยังให้มาอยู่ร่วมกับคนแปลกหน้า เจด้าเดินกระแทกเท้าไปที่เตียงนอน หยิบหมอนออกมาแล้วกรี๊ดใส่หมอนระบายอารมณ์

เมื่อกรีดร้องจนพอใจแล้วก็เงยหน้ามองเพื่อนร่วมห้องที่ทำหน้างง “ฉันชื่อ...” เจด้านิ่งไปสักพักก่อนตัดสินใจบอกชื่อไทยที่แม่ของเธอตั้งให้

มลฤดีมองเพื่อนใหม่ที่ดูท่าทางน่าจะแสบไม่เบา ก็พอจะเดาได้ว่าอนาคตที่ต้องอยู่ร่วมห้องกับสาวเจ้าอารมณ์คนนี้คงสนุกแน่ ๆ

“เธอเรียนคณะไหนเหรอ?”

เจด้าบอกชื่อคณะ ทำให้รู้ว่าอีกฝ่ายก็เรียนคณะเดียวกันแต่คนละห้อง

“ไปกินข้าวกันไหม” มลฤดีชวน ท้องเจด้าร้องพอดี เธอจึงพยักหน้า ลุกขึ้นจัดเสื้อผ้าให้เข้าที่ก่อนจะหยิบกระเป๋าถือแบรนด์เนมขึ้นคล้องแขน

“โอ้โฮ กระเป๋าใบนี้เหมือนของจริงเลย เมื่อวานฉันเองก็เห็นขาย ที่ในตลาด มีให้เลือกตั้งหลายสีแน่ะ”

เจด้าอึ้ง ก้มมองกระเป๋าเรือนแสนของตัวเองสลับกับหน้าคนพูด ช่างเถอะ จะเอาอะไรมากกับนักศึกษาจน ๆ คนหนึ่ง มีตาหามีแววไม่ และเธอเองก็ไม่จำเป็นต้องอวดจึงตามน้ำไป “หึ ๆ เพิ่งได้มาเมื่อวานน่ะ เหมือนของจริงจนแยกไม่ออกเลยเนอะ”

สองสาวลงมาที่ชั้นล่าง เห็นร้านอาหารตั้งอยู่ฝั่งตรงข้ามตึก แต่สะพานลอยที่จะข้ามไปอยู่ค่อนข้างไกล มลฤดีจึงฉุดมือเจด้าวิ่งข้ามถนน!!

“เดี๋ยว ๆ!!” เจด้าที่ไม่เคยทำเรื่องแบบนี้รีบร้องห้าม แต่ไม่ทัน เสียแล้ว เสียงรถเบรกดังลั่นถนนพร้อมกับเจด้าที่หลับตาปี๋ คิดว่าตัวเองคงต้องตายกลายเป็นผีเฝ้าถนนแน่ ๆ ทว่าผ่านไปสักครึ่งนาทีก็ยังไม่รู้สึกเจ็บ จึงลืมตาขึ้นมองก็ต้องตกใจเมื่อพบว่ารถคันนั้นได้หักหลบเข้าข้างทางจนชนเข้ากับเสาไฟฟ้าเสียแล้ว

เจด้าเห็นว่าคนขับเหมือนจะยังมีสติอยู่เธอจึงจะวิ่งเข้าไปดู แต่จู่ ๆ มีรถอีกคันวิ่งตามมาด้านหลังอย่างเร็วก่อนชนรถคันที่คาเสาไฟอยู่เต็มแรง “โครม!!”

เจด้าแทบช็อก ยืนนิ่งทำอะไรไม่ถูก มลฤดีฉุดเพื่อนให้ไปยืนบนเกาะกลางถนน เสียงรถกู้ภัยที่แล่นผ่านมาพอดีดังแสบแก้วหู เจ้าหน้าที่รีบลงไปช่วยผู้เคราะห์ร้ายที่มีเลือดท่วมตัวออกมาจากรถ

“ตายแล้ว...ผู้ชายคนนั้นตายแล้ว เราสองคนทำให้เขาต้องตาย” เจด้าพูดเสียงสั่น มือเย็นเฉียบ มลฤดีตั้งสติได้เร็วกว่า รีบพาเพื่อนข้ามไปอีกฝั่งทันที

“ถ้ามีใครถามก็บอกว่าไม่รู้ไม่เห็นนะเข้าใจไหม พวกเรามาเห็นก็หลังจากที่รถชนกันแล้ว” มลฤดีกำชับขณะที่ทั้งสองคนนั่งอยู่ในร้านอาหารแล้ว

เนื่องจากตอนนั้นผู้คนต่างวุ่นวาย จึงไม่มีใครสังเกตเห็นว่ารถเกิดอุบัติเหตุได้อย่างไร เหตุการณ์ตรงหน้าพลอยให้เจด้านึกถึงตอนที่ตัวเองอายุห้าขวบ

มือของเจด้ายังคงสั่น อาการที่เคยหายแล้วเริ่มกำเริบอีกครั้ง “ฉันกลับห้องก่อนนะ” เจด้าบอกพลางลุกขึ้นเดินเหม่อออกจากร้านอาหารไปตามถนนเหมือนคนขาดสติ

เสียงเพลงดังแว่วเข้าหูทำให้หญิงสาวหันไปมอง มาจากร้านเหล้านั่นเอง เมื่อเห็นแสงไฟกะพริบหน้าร้านเท้าก็เดินเข้าไปอัตโนมัติ เมื่อหาที่นั่งได้แล้ว พนักงานก็มารับออร์เดอร์ เจด้าบอกชื่อไวน์ที่ตัวเองดื่มเป็นประจำ

พนักงานแปลกใจเล็กน้อย แต่เมื่อเหลือบเห็นกระเป๋าแบรนด์เนมของแท้จึงยกไวน์มาเสิร์ฟให้ เจด้ารินไวน์ดื่มหลายแก้วในเวลาอันรวดเร็ว เพราะนี่ไม่ใช่การดื่มเพื่อลิ้มรสชาติ แต่เพื่อให้ลืมเรื่องในอดีตและเหตุการณ์ที่เพิ่งเกิดขึ้นสด ๆ ร้อน ๆ ผ่านไปไม่นาน หญิงสาวเพียงลำพังก็ดื่มไวน์หมดไปสองขวด

อย่างไรก็ตามมันไม่ได้ทำให้เธอเมา มีแค่อาการเหม่อลอยที่ยังคงอยู่ เมื่อคิดว่าได้เวลากลับแล้วเธอก็หยิบกระเป๋าลุกเดินออกไป “เดี๋ยวคุณ!!” เสียงพนักงานเรียกและรีบวิ่งตาม

“คุณยังไม่จ่ายเงิน”

เจด้าพยักหน้าน้อย ๆ ก่อนหยิบกระเป๋าสตางค์ออกมาจากกระเป๋าถือ แต่กลับพบว่ามีแค่ธนบัตรหนึ่งพันบาทใบเดียว โธ่เอ๊ย ลืมไปเลยว่าตอนนี้เธอถูกจำกัดการใช้เงิน

พนักงานเห็นท่าทีหญิงสาวก็ถอนหายใจพลางพึมพำ ว่าแล้วเชียว ซวยตั้งแต่หัววัน หลังจากนั้นก็พาเธอไปยังห้องเจ้านายที่อยู่ด้านในของร้าน ประตูปิดลงแล้ว แต่เจด้ายังคงก้มหน้า

เสียงเข้มของชายในห้องสั่งให้นั่งเธอก็นั่ง “พอจะโทร.หาคนที่บ้านให้มาจ่ายได้ไหม”

คนกินแล้วไม่จ่ายเป็นเรื่องปกติที่พบได้บ่อยครั้ง แต่ส่วนมากจะแกล้งเมาเอะอะโวยวายแล้วชิ่งหนี แต่ผู้หญิงคนนี้นอกจากไม่หนีแล้ว ยังเดินเข้ามาในอาการที่สงบนิ่ง หญิงสาวไม่พูดไม่จา สักพักจึงเงยหน้าแล้ววางกระเป๋าแบรนด์เนมลงบนโต๊ะ “กระเป๋านี่ราคาประมาณหนึ่งแสน ส่วนกระเป๋าสตางค์ประมาณห้าหมื่น พอไหม”

พีรพัฒน์นึกดูถูกในใจ เด็กคนนี้น่าจะยังเรียนไม่จบ แต่กลับมีของแพง ๆ ติดตัว แสดงว่าคงไม่พ้นทำงานอย่างว่าสินะ

คนที่ขึ้นบกได้ไม่นานหลังจากอยู่ที่เกาะมาหลายเดือน ด้วยความรู้สึกอดอยากปากแห้ง เห็นคนตรงหน้าก็รู้สึกสนใจ เขาแอบกระหยิ่มยิ้มย่อง “ชดใช้ได้แค่ครึ่งเดียวเท่านั้นแหละ”

ไวน์สองขวดราคาเกือบสองแสน มองอย่างไรก็ขาดทุน ถ้าเขาซื้อกินข้างนอกยังถูกกว่าด้วยซ้ำ หรือว่าควรเปลี่ยนเป็นอย่างอื่นแทนดี

พีรพัฒน์ลุกขึ้น เดินอ้อมโต๊ะไปหาหญิงสาวแล้วเชยคางเธอให้เงยขึ้นเพื่อจะมองหน้าให้ชัดกว่าเดิม อืม ยิ่งดูก็ยิ่งสวย “คืนเดียวแลกกับหนี้ทั้งหมด”

ข้อเสนอนี้หมายถึงอะไรมีหรือเจด้าจะไม่เข้าใจ แต่ถ้าพ่อแม่รู้เรื่องอาการเหม่อลอยของเธอกำเริบอีก ก็คงต้องสืบหาสาเหตุจนกระทั่งรู้ว่าเธอเป็นต้นเหตุให้คนตายวันนี้ ทีนี้ละเธอได้ถูกตัดหางปล่อยวัดอย่างแน่นอน

“ได้” เพียงคำเดียวของเธอกำลังจะเปลี่ยนชีวิตตนเองในวันข้างหน้าโดยไม่รู้ตัว

คนที่หื่นกระหายเพราะขาดเรื่องบนเตียงมานานพาหญิงสาวไปยังห้องด้านหลัง จากนั้นสั่งให้เธอถอดเสื้อผ้าออกเพื่อชมเรือนร่างงดงาม จุ๊ ๆ สวยทุกส่วนไม่มีที่ติจริง ๆ พีรพัฒน์นึกในใจก่อนถอดเสื้อผ้าของตนเองออกและก้มลงจูบเธอ โดยไม่คิดที่จะเล้าโลมให้เสียเวลา ชายหนุ่มจัดการยัดท่อนเอ็นยักษ์ของตัวเองเข้าไปในกายของเธอทันที

เจด้ากรีดร้องแล้วขยับหนี คนกระหายมองโคนตรงปลายที่ติดเลือดมา “เฮ้ย!”

“เธอไม่เคย” เจด้าส่ายหน้าแล้วยกผ้าห่มขึ้นปิดร่างกาย มองอีกฝ่ายที่กำลังด่าตัวเอง

“แล้วจะเอายังไงต่อดี” เธอที่หวาดกลัวเขา กลับกลัวพ่อแม่จะรู้มากกว่าจึงบอกไปว่า “ต่อให้จบเถอะ คุณบอกว่าแค่คืนเดียวนี่”

ในเมื่ออีกฝ่ายอนุญาตแล้ว มีหรือผู้ชายอย่างเขาจะปฏิเสธ

“ผมจะเบามือที่สุด” ตอนแรกเขาคิดว่าหญิงสาวจะเชี่ยวชาญ กลับกลายเป็นว่านี่เป็นครั้งแรกของเธอ เขาจึงต้องทำอย่างเบามือ ค่อย ๆ สอดใส่เข้าไปในตัวเธอทีละนิดจนมิด

“อื้อ” เจด้าสะดุ้งพร้อมแอ่นหน้าอกตอบรับอย่างอัตโนมัติ พีรพัฒน์ก้มลงดูดมันอย่างหื่นกระหาย เวลาผ่านไปเกือบชั่วโมง หลังจากนั้นจึงได้พบกับความเร่าร้อนที่เธอไม่เคยสัมผัสมาก่อน

เสียงเหนื่อยหอบของเจด้าทำให้คนตรงหน้ารู้สึกพอใจ เขามองหญิงสาวที่นอนหลับตาอย่างเหนื่อยล้า จึงก้มลงหอมแก้มเธออีกครั้ง อยากจะรังแกเธอให้มากกว่านี้ ให้สมกับความอัดอั้นที่สะสมมานาน หากเขาไม่กลัวแม่สาวน้อยจะตื่นตระหนกเสียก่อน คิดว่าคืนนี้เธอคงไม่ได้นอน

“ผมมีความสุขมาก”

เธอเหนื่อยแต่ก็ต้องคิดถึงวันข้างหน้า “ฉันไม่ติดค้างคุณแล้วนะ” เจด้าลืมตามองเขา

“ว่าแต่คุณพอมีตำแหน่งว่างในร้านบ้างไหม ฉันอยากทำงาน” สำหรับเจด้าเงินแค่หนึ่งพันบาทต่ออาทิตย์ไม่พอแน่ ๆ

พีรพัฒน์มองใบหน้างาม คิดว่าแค่เธอนอนกับเขา เขาก็พร้อมจะเลี้ยงดูเธออย่างดี

“ถ้าผมจะเลี้ยงดูคุณ...”

เจด้าส่ายหน้าแล้วลุกขึ้นไปใส่เสื้อผ้า

“คุณบอกว่าแค่คืนเดียว พวกเราก็ไม่จำเป็นต้องทำเรื่องแบบนี้อีก ฉันอยากทำงานหาเงินเอง คุณพอจะมีงานว่างไหม ถ้าไม่มีฉันไปหาที่อื่น ก็ได้”

โอ้ เด็ดเดี่ยวจริง ๆ พีรพัฒน์ไม่เคยเจอผู้หญิงแบบนี้มาก่อน ทั้งที่ถูกเขาพรากความบริสุทธิ์ แต่เธอกลับไม่คิดจะต่อรองหรือเรียกร้องเงินเพิ่ม หนำซ้ำยังของานเขาทำ ถ้าไม่ให้ก็พร้อมจากไปโดยง่าย

“ถ้าคุณอยากทำงาน ผมมีตำแหน่งว่างพอดี”

เจด้าหันไปมองร่างเปลือยที่เดินมายื่นนามบัตรให้ “พรุ่งนี้บ่าย สามโมงเข้ามาที่ร้าน ผมจะสอนงานคุณก่อนเริ่มงาน ร้านอาหารของเราส่วนมากให้บริการลูกค้าระดับสูง ดังนั้นจะผิดพลาดไม่ได้ เข้างานสี่โมง ออกงานตอนเที่ยงคืน”

เจด้าพยักหน้าเข้าใจ และรู้สึกโชคดีที่เวลางานกับตารางเรียน ไม่ชนกัน เธอจึงออกจากห้องแล้วกลับที่พักโดยไม่คิดจะหันกลับไปมองเขาเลยสักนิด

อ่านต่อ

หนังสืออื่นๆ ของ จิรัฐติกาล

ข้อมูลเพิ่มเติม
พนันร้ายมาเฟียเถื่อน

พนันร้ายมาเฟียเถื่อน

โรแมนติก

5.0

เพราะอยากได้เธอ เขาเลยวางพนันครั้งนี้ไว้สูงและต้องชนะอย่างเดียว!! คอยหลอกล้อเหยื่อให้ติดกับที่ละนิดจนสุดท้ายก็กลายเป็นของเขา ตัดตอน ชายหนุ่มมองผลงานตัวเองก็ก้มลงประทับจูบหน้าผากซับเหงื่อของอีกฝ่ายที่ไหลรินลงมา มองดูแก้มชมพูระเรื่อริ้วยาวบนใบหน้างามด้วยความเขินอายจากนั้นเขาก็ค่อยๆ ดึงนิ้วของตัวเองออกมา มีธาราสวาทสีขาวของหญิงสาวไหลออกมา "ช่วยผมหน่อย" ชายหนุ่มขยับกายขึ้น แต่ยังไม่ออกจากการคร่อมอยู่บนตัวเธอ เขาปลดกางเกงออกมา จากนั้นก็เผยให้เห็นท่อน........ขนาดใหญ่ ใบหน้าแดงก่ำมองแล้วก็รีบก้มหน้าลงต่ำเพื่อทำเป็นมองไม่เห็น แต่เขาก็ขยับมาตรงหน้าเธอ แล้วจับมือเธอขึ้นมากุมมันไว้ "ช่วยผมหน่อย" "ชะ ช่วยยังไงคะ" เธอไม่ประสาเรื่องแบบนี้

บทรักมาเฟียร้าย

บทรักมาเฟียร้าย

โรแมนติก

5.0

“ผู้หญิงคนนี้เป็นของมาร์โก ใครก็ห้ามมายุ่งอีกเด็ดขาด” เขาประกาศให้รับรู้ทั่วกัน แต่ถามว่าผู้หญิงของเขาตอนนี้มีสีหน้ายังไง ถามได้! เธอยังช็อกไม่หายปล่อยให้เขาจับจูงเข้าไปในห้องจนเหตุการณ์สงบแล้วเธอก็ยังไม่รู้ตัวเหมือนเดิม! พระเจ้านี่มันเรื่องบ้าอะไร! เธอกลายเป็นผู้หญิงของมาเฟียได้ยังไง เรื่องชักจะวุ่นวายเกินไปแล้ว เธอตามไม่ทันจริง... ตั้งสติไว้ยัยแอน เธอต้องตั้งสติ ตั้งสติบ้าอะไร เขาก็ประกาศอยู่ว่าเธอเป็นของเขา ไม่ ๆ ไม่ใช่ พวกเราแค่นอนด้วยกันคืนเดียว ยังไงก็แค่เรื่องเข้าใจผิด ยังไงเขาก็คงคิดจะขู่เล่น ๆ โธ่เอ้ยยัยโง่ เขาประกาศขนาดนั้น ลองไปสิเธอได้ถูกผูกติดกับเตียงแน่ ชาตินี้อย่าหวังจะไปไหนได้เลย เธอลืมไปแล้วหรือไงว่าคนนั้นคือมาเฟียมาร์โก มาเฟียที่มีอิทธิพลสุดในเมืองนี้! เธอจะบ้าตายเพราะเถียงกับตัวเองนี่แหละ แถมยังต้องมานั่งเสียใจที่มาเจอคนที่น่ากลัวที่สุดในเมือง พระเจ้าแกล้งเธอเกินไปแล้ว แบบนี้เธอจะทำยังไงดี!!

เพ่ยลู่เสียน สาวใช้อุ่นเตียง จวนนายอำเภอซ่ง

เพ่ยลู่เสียน สาวใช้อุ่นเตียง จวนนายอำเภอซ่ง

โรแมนติก

5.0

ไม่รู้ว่ายาดีหรือดีเกินไป พอกินหมดแล้วนางกลับรู้สึกว่าหัวใจเต้นเร็วกว่าปกติ แถมมือก็เย็นเฉียบราวกับถูกหิมะแช่แข็ง แต่เมื่อแตะสัมผัสมือเขากลับร้อนวูบ จนกระทั่งในที่สุดเหงื่อก็ออกตามใบหน้า เกาฟงเสินที่เห็นอาการผิดปกติก็รีบถาม “เจ้าเป็นอะไร” “ขะ ข้า” นางเองก็บอกไม่ถูก ไม่รู้ว่าเพราะฤทธิ์ยาหรือว่าฤทธิ์อะไรกันแน่ แต่ที่แน่ ๆ คือตอนนี้นางกลับมองใบหน้าเขาแล้วรู้สึกว่าใบหน้านั้นหล่อเหลาเหลือเกิน นางเริ่มครั่นเนื้อครั่นตัวอยู่ไม่สุข “เดี๋ยวข้าไปเอาน้ำชามาเพิ่มให้” เกาฟงเสินกำลังจะลุกขึ้น เพ่ยลู่เสียนก็จับมือเขาห้ามเอาไว้ ยิ่งจับมืออุ่นก็ยิ่งทำให้หัวใจนางเต้นเร็ว เพ่ยลู่เสียนยกมืออีกข้างขยับคอเสื้อเหมือนหายใจไม่ออก “บ่าวร้อนเหลือเกินนายท่าน” เสียงนางเป็นอะไร ทำไมมันถึงได้แหบเครือสั่นพร่าแบบนั้น แม้แต่เจ้าตัวยังตกใจแล้วนับประสาอะไรกับคนฟัง และยิ่งตกใจไปอีกเมื่อหญิงสาวเริ่มขยับถอดเสื้อแล้วบ่นไม่หยุดปาก “ข้าร้อนเหลือเกิน เสื้อผ้าพวกนี้ทำข้าปวดแสบปวดร้อนไปหมด” เกาฟงเสินถอยหลังสองก้าวไปทางประตู กำลังจะก้าวออกไปเพื่อให้คนตามหมอมาดูอาการนาง ร่างบางที่ยาเริ่มออกฤทธิ์ก็วิ่งไปคว้าเอวเขาเอาไว้ หนึ่งในซีรีส์ชุด สาวใช้อุ่นเตียง โดยในซีรีส์ชุดนี้จะประกอบด้วย - หลี่เฟิ่งเซียน สาวใช้อุ่นเตียงจวนราชครูจอมเนี้ยบ : (นามปากกา : Faang Faang) - เจียงหว่านหนิง สาวใช้อุ่นเตียงของจวนแม่ทัพ : (นามปากกา : องค์หญิงโนเนม) - อู๋สือซว่าน สาวใช้อุ่นเตียงจวนคหบดีเฉิน : (นามปากกา : เฉินคุน) - มู่ซีหว่าน สาวใช้อุ่นเตียงจวนเฉิงอานโหว : (นามปากกา : ต้ายวี่) - เพ่ยลู่เสียน สาวใช้อุ่นเตียงจวนนายอำเภอซ่ง : ( นามปากกา :จิรัฐติกาล)

หนังสือที่คุณอาจชอบ

บท
อ่านเลย
ดาวน์โหลดหนังสือ