ความคิดเห็น
ชม
บท

บทที่ 1 สวย แซ่บ โสด

มือเรียวหยิบนาฬิกาหรูในรถออกมาเลือกสวม ในวันนี้เธอค่อนข้างอารมณ์ดีจึงเลือกใส่ Burberry รุ่น The City Leather Strap ซึ่งมีโทนสีเบจ เหมาะกับวันที่อยากมีลุคเรียบหรู คว้ากระเป๋าแบรนด์เนมมาถือไว้ก่อนเปิดประตูเดินออกจากรถไปโดยไม่ลืมหันมากดกุญแจล็อครถไว้ให้เรียบร้อย

“ริน! ทางนี้” เพื่อนสนิทเพียงคนเดียวของรสรินโบกมืออยู่ที่หน้าประตูคาเฟ่ของมหาวิทยาลัย เป็นสถานที่ที่ติดอยู่กับโรงจอดรถของคณะ ทำให้นักศึกษามีโอกาสได้ดื่มกาแฟก่อนเข้าเรียน ทั้งยังเป็นตึกคหกรรมศาสตร์ของมหาวิทยาลัยอีกด้วย

“แกนี่นะนิ่ม ความขยันของแกมันรบกวนเวลานอนของฉันนะยะ” รสรินเอ่ยหลังเดินไปหาเพื่อน ที่ว่าแบบนั้นก็เพราะยัยเพื่อนตัวดีโทรปลุกเธอตั้งแต่ฟ้ายังไม่สร่าง ซ้ำยังตามจิกงานของอาจารย์ที่ต้องส่งในวันนี้ ทำให้เธอต้องแหกขี้ตาตื่นเอางานกลุ่มมาให้เพื่อนแม้ว่าวันนี้จะไม่มีเรียนเลยก็ตาม

“ก็คณะของแกชิลล์นี่นา ดูคณะของฉันสิ เดี๋ยวก็ต้องเข้าเรียนแล้วเนี่ย” นุ่มนิ่มกล่าวออกมาอย่างเกียจคร้าน หล่อนเองก็ไม่ได้อยากตื่นเพื่อมาเรียนเช้าขนาดนี้เพียงแต่มันเป็นหน้าที่ที่ปฏิเสธไม่ได้ก็เท่านั้นเอง

“อเมริกาโน่เย็นค่ะพี่เหมียว เหมือนเดิมเลย”

“ได้จ้าคนสวย”

สั่งกาแฟกับเจ้าของคาเฟ่เสร็จแล้วจึงหันหน้ามามองเพื่อนสนิทที่ตอนนี้ฟุบลงกับโต๊ะด้วยท่าทีง่วงนอน รสรินหัวเราะออกมาเบา ๆ ก่อนจะตีไหล่เพื่อนสนิทเป็นเชิงว่าให้ตื่นได้แล้ว

“อย่างแกเขาไม่ได้เรียกว่าเรียนหนัก แต่เมื่อคืนแกไม่ได้นอนต่างหาก” หล่อนว่าออกมาอย่างรู้ทัน เพราะเมื่อคืนเธอและนุ่มนิ่มไปปาร์ตี้ล่าเหยื่อกันที่ผับแห่งหนึ่ง ซึ่งทั้งคู่ก็ได้ผู้ชายกลับมา แต่ทว่าเธอไม่ได้ยอมให้ผู้ชายคนนั้นกิน เธอเพียงแค่ให้เขามาส่งที่บ้านก็เท่านั้น ไม่ปฏิเสธว่าผู้ชายคนนั้นดูมีท่าทีเสียดาย แต่เธอเองก็ไม่ได้วางแผนว่าจะเสียตัวเมื่อคืน

“ย่ะ รู้ทันกันตลอด แบบนี้สิเพื่อนสนิทที่จริงใจ” รสรินส่ายหน้าเบา ๆ ทั้งเธอและนุ่มนิ่มมีนิสัยคล้ายกันจึงคบกันได้ยาวนาน แม้ความจริงแล้วแรกเจอจะไม่ค่อยชอบหน้ากันเท่าไหร่แต่ก็แปรผันกลายมาเป็นเพื่อนสนิทกัน แถมยังรักกันมากอีกด้วย

“เออแก ได้ข่าวอีมิบ้างไหม”

“มิไหน โยมิอะนะ”

“ก็ใช่น่ะสิ จะมีมิไหนอีกล่ะ เมื่อวานฉันเห็นมันควงไอ้บอส แฟนเก่าแกไม่ใช่เหรอ” เมื่อได้ยินถ้อยคำกล่าวหา รสรินรีบยกมือเป็นเชิงปฏิเสธทันที ถึงแม้จะเคยควงแต่ก็ไม่นับว่าเป็นแฟนสำหรับเธอ

“พักค่ะ ไม่ใช่แฟนเนอะ ไม่แม้แต่จะเฉียดคำนั้น” รสรินตีไหล่เพื่อนเบา ๆ อยู่ดี ๆ อย่ามาโยนเธอไปให้ผู้ชายที่ไหนก็ไม่รู้

“จ้า แม่คนสวยเลือกได้” นุ่มนิ่มเบะปากด้วยความหมั่นไส้ รู้ดีว่าเพื่อนสาวเป็นคนมั่นหน้ามั่นใจ เป็นประเภทที่รู้ว่าตัวเองสวยและใช้ความสวยเป็น ยัยเพื่อนตัวดีจึงมีนิสัยเจ้าชู้ประตูดินแบบนี้

“แต่อีโยมิก็เนาะ ยังไม่เลิกนิสัยชอบแย่งแฟนชาวบ้านอีก” รสรินไม่วายเอ่ยถึงเจ้าของประเด็น เพราะเคยรู้จักกันจึงค่อนข้างรู้นิสัย ถึงจะไม่ได้สนิทกันถึงขนาดเธอกับนุ่มนิ่ม แต่เธอทั้งคู่ก็พอรู้กิตติศัพท์ของอดีตเพื่อนคนนั้น

“ก็เพราะมันไม่เลิกนิสัยนั้น ฉันถึงเลิกคบกับมันไง” เพราะมีคติประจำใจอีกอย่างว่าเพื่อนเกลียดใครฉันเกลียดด้วย รสรินเองก็ตีตัวออกห่างจากโยมิไปเอง

“พวกเราก็ไม่ได้นิสัยดีเท่าไหร่นะ” กล่าวจบทั้งสองก็หัวเราะให้กันโดยอัตโนมัติพร้อมทั้งจับมือกันราวกับว่ารู้เหตุผลนั้นดี ว่าที่ตนเองต่างนินทาคนอื่นกันอยู่อย่างนี้ก็ไม่ใช่คนดีเท่าไหร่

“สาว ๆ จ๊ะ สนใจรอบข้างกันหน่อย คนอะไร๊ แค่นั่งนินทาชาวบ้านก็หว่านเสน่ห์ได้” พี่เหมียวเอ่ยก่อนจะวางคุ้กกี้ลงตรงหน้ารสริน เมื่อมองหน้าราวกับตั้งคำถาม พี่เหมียวก็ผินหน้ามองผู้ชายหน้าใสที่นั่งอยู่คนเดียว

เขามีท่าทีเป็นมิตร หน้าตาดีแต่ไม่ใช่สเป็ค

“จีบแกอีกละ นั่งกับแกทีไรฉันไม่เคยได้ผู้เลย หมั่นไส้” เห็นเพื่อนสาวกรอกตา รสรินก็อดหัวเราะออกมาเบา ๆ ไม่ได้

“ไม่สวยก็เหนื่อยหน่อยนะ”

“เลิกทำให้หมั่นไส้ดิ๊”

“ว่าแต่แกล่ะ เมื่อคืนเป็นงะ แซ่บมะ” รสรินใช้นิ้วจิ้มแขนเพื่อนด้วยท่าทีเขินอาย รู้อยู่แล้วว่าเมื่อคืนคงเป็นคืนที่ร้อนแรงสำหรับเพื่อนสาว เพราะนุ่มนิ่มได้ผู้ชายผิวแทนหน้าตาคมเข้มตรงสเป็คหล่อนไปควงเมื่อคืน

“ฉันไม่อยากจะเมาท์”

“แกอยากเมาท์สุด ๆ” คำว่าไม่อยากเมาท์ไม่เคยมีจริง ยิ่งพูดออกมาด้วยจริตยิ้มกรุ่มกริ่มยิ่งไม่เชื่อเข้าไปใหญ่

“แซ่บกว่าบางคนที่ผ่าน ๆ มา ฉันแทบไม่ได้นอนเลยแก สะกิดอยู่ได้บ้าจริง” เห็นนุ่มนิ่มกล่าวออกมาได้ไม่อายปาก รสรินเบะปากด้วยความหมั่นไส้ ถึงจะไม่ได้รู้สึกอิจฉาอะไรเลยแต่ก็อดหมั่นไส้ท่าทางไม่ได้

“แล้วแกจะสานต่อเหรอ”

“ไม่ล่ะ แกก็รู้ฉันเบื่อง่ายอ่ะ เจอคนหน้าเดิม ๆ มันก็เบื่อป่ะ ฉันชอบมีผู้ชายมากหน้าหลายตามารุมล้อม”

“แต่เมื่อคืนผู้หญิงคนนั้นแปลกมากเลยแก” นึกย้อนกลับไปในคืนปาร์ตี้ที่ผับ ยังติดใจผู้หญิงหน้าหล่อคนหนึ่งไม่หาย

“เขามาจีบแกค่ะ มาปงมาแปลกอะไร แกอ่ะเรื่องมาก เล่นตัว น่าหมั่นไส้” เมื่อเพื่อนสาวเฉลย รสรินมีสีหน้าตกใจอย่างเห็นได้ชัด คนอย่างเธอเนี้ยนะถูกผู้หญิงจีบ แถมเป็นสาวที่หล่อขนาดนั้นด้วย สวนนุ่มนิ่มก็ได้แต่กรอกตา ไปเที่ยวที่ผับกันทีไรไม่ว่าจะคนเมา คนหน้าตาดี คนรวยหรือว่ายาจกต่างก็เข้ามารุมล้อมขายขนมจีบให้เพื่อนสาวเธอกันจ้าละหวั่น มีแต่เธอที่เป็นเพื่อนเท่านั้นที่นกอยู่คนเดียว

“มาจีบเนี่ยนะ ฉันไม่ดูสเตรทเหรอแก”

“ใครจะไปรู้กับแกล่ะ ถ้าแกไม่ได้เขียนไว้บนหน้าผากคนอื่นเขาเดาอัตลักษณ์แกไม่ออกหรอกนะ” นุ่มนิ่มมองเพื่อนสาวด้วยความเหนื่อยอ่อน อีกแง่ก็หมั่นไส้ แต่อีกแง่ก็เข้าใจ ถ้าได้รู้จักกันจริง ๆ ก็จะรู้ว่าความจริงแล้วรสรินมีนิสัยไร้เดียงสาอยู่บ้างบางมุม

“โอ๊ย ก็ฉันอยู่แต่กับผู้ชาย เขาจะไม่รู้เลยเหรอ”

“ไม่มีใครรู้ถ้าแกไม่พูดออกมาค่ะ อีกอย่างนะไบเซ็กชวลอย่างแกจะเดือดร้อนทำไม”

“ไม่ได้เดือดร้อน แค่สงสัย นี่ขนาดฉันอยู่กับผู้ชายยังมีผู้หญิงมาจีบ ฉันนี่มันสุดยอดจริง ๆ” นุ่มนิ่มหัวเราะเบา ๆ รู้ว่าสเน่ห์ของเพื่อนสาวมันแรงแซงทะลุ

“แหวะ”

“นิ่ม! นี่เพื่อนไหม”

“เพื่อนจ้า แต่หมั่นไส้อะ”

“นิ่มครับ—” พูดกันกำลังถูกคอก็ถูกขัดโดยผู้ชายคนหนึ่ง คนที่รสรินจำชื่อเขาไม่ได้ด้วยซ้ำ แต่ก็รู้ว่านี่คือผู้ชายคนเมื่อคืนที่นุ่มนิ่มควงกลับคอนโดไป พอเห็นเขามาพร้อมช่อดอกไม้ในมือขนาดนี้ก็รู้แล้วว่าจุดประสงค์คืออยากสานสัมพันธ์กับเพื่อนสาวของเธอ

“บีม..สำหรับอะไรคะเนี่ย” นุ่มนิ่มกล่าวพลางรับช่อดอกลิลลี่มาอุ้มไว้ในอก

“ให้บีมรับผิดชอบนิ่มนะครับ” เป็นคำพูดที่แทบทำให้รสรินหลุดขำ คาสโนวี่อย่างยัยนุ่มนิ่มน่ะเหรอจะต้องการให้ใครรับผิดชอบ แค่สนุกกันชั่วข้ามคืน อีกฝ่ายไม่ต้องรับผิดชอบเพราะเขาก็ไม่ได้พรากอะไรไปจากยัยนุ่มนิ่มด้วยซ้ำ ความสัมพันธ์นี้มีแต่ต่างคนต่างได้กันต่างหาก เห็นว่าเมื่อคืนได้ผู้ชายตรงสเป็คไป กลับได้ผู้ชายอินโนเซ้นท์ไปเสียอย่างนั้น

“บีมคือ…นิ่มก็ดีใจนะ แต่เราคุย ๆ กันไปก่อนได้ไหม นิ่มว่ามันรีบไป” รสรินยกมือปิดปากป้องรอยยิ้ม เร็วไปอะไรกัน หล่อนได้กับเขาไปแล้วด้วยซ้ำยัยนุ่ม!

“ได้สิครับ แค่นิ่มรับพิจารณาบีมก็ดีใจแล้วอะ ขอบคุณนะ” เขาว่าก่อนจะผลิยิ้มออกมาเมื่อพบกับรอยยิ้มของสองสาว แม้ว่าสำหรับรสรินจะเป็นรอยยิ้มอมขำก็เถอะ

“นิ่มกำลังจะไปเรียนพอดี สนใจเดินไปส่งไหม” ได้โอกาสชายหนุ่มก็รีบพยักหน้า พาลทำให้รสรินต้องโบกมือลาเพื่อนสาวที่กำลังจะเดินออกไปพร้อมชายหนุ่มมาดเข้ม

ส่วนเธอเมื่อสบโอกาสได้อยู่คนเดียวก็หยิบโทรศัพท์หรูออกมาถ่ายรูปลงโซเชียล โพสต์สเตตัสว่า “สวย แซ่บ โสด” ทำให้หนุ่ม ๆ ที่คอยโอกาสอยู่เข้ามาคอมเม้นท์กันกระจาย เพียงแค่ลงรูปไม่ถึงห้านาที ทั้งไลค์และคอมเม้นท์ก็ถูกส่งมาจนเธอต้องปิดแจ้งเตือนมือถือ

อารมณ์ดีได้ไม่ทันไร ประตูร้านที่ถูกเปิดเข้ามาก็ปรากฏร่างของหญิงสาวร่างสูง เส้นผมสีดาร์คช็อคโกแลตปลิวสไวเผยใบหน้าคมคาย ดวงตาเรียวชี้ขึ้นทำให้เจ้าของดวงตาดูหยิ่ง จมูกโด่งรั้นกับปากกระจับได้รูปยิ่งทำให้อีกฝ่ายน่ามองแม้จะอยู่ในชุดนักศึกษา พร้อมสร้อยเกียร์อันเป็นเอกลักษณ์ของคณะวิศวกรรมศาสตร์

แต่สำหรับรสริน นี่เป็นบุคคลที่เพียงเห็นหน้าก็หงุดหงิด

“มาทำไมก็ไม่รู้” เอ่ยพึมพำออกไปก่อนจะหยิบแก้วกาแฟมาดื่มให้จิตใจไม่มัวหมอง

“อ้าว นี่มันคาเฟ่นะแม่คุณ ฉันเป็นลูกค้าก็ต้องมาได้อยู่แล้ว ใช่ไหมคะพี่เหมียว” เจ้าตัวหันเหไปทางเจ้าของร้านจนได้คำตอบ “ได้จ้า” กลับมาถึงพอใจ

“เด็กคณะวิศวกรรมไม่มีเรียนกันหรือไง ถึงได้ปล่อยคนปากหมาแบบเธอมาเดินเพ่นพ่าน”

“แรง รู้ได้ไงว่าปากหมา เคยจูบแล้วเหรอ”

“ยี๋ พูดออกมาได้ ถ้าต้องจูบกับเธอฉันยอมจูบชักโครก” คนฟังถึงกับหัวเราะออกมาเบา ๆ กับคำตอบ

“แหม ถามฉันก่อนว่าอยากจูบกับเธอไหม”

“น้องที่สาม— กาแฟได้แล้วจ้า” ยังไม่ทันที่จะได้ต่อปากต่อคำต่อก็ถูกขัดจังหวะโดยเจ้าของร้านอย่างพี่เหมียว ที่สามก้มหัวอย่างนอบน้อมเมื่อต้องรับของจากผู้ใหญ่ รสรินแอบเบะปากที่อีกฝ่ายถูกเรียกชื่ออย่างสนิทสนมแสนหวาน คนอย่างที่สามไม่ควรได้รับความเอ็นดูจากผู้ใหญ่เลยจริง ๆ

“แล้วนี่แม่คุณคะ ระเห็จมามหาลัยได้แล้วทำไมไม่ใส่ชุดนักศึกษา ไม่มีเรียนรึไง” เมื่อได้กาแฟ ที่สามแอบเนียนนั่งลงตรงข้ามอีกฝ่ายแต่ก็ยังไม่วายได้สายตาดุกลับมา

“ฉันอนุญาตให้นั่งตั้งแต่เมื่อไหร่”

“แต่นี่มันโต๊ะสาธารณะนะ อีกอย่างโต๊ะอื่นก็เต็มด้วย”

“โต๊ะเต็มก็ยืนสิ หรือไม่ก็ออกไป”

“ใจร้ายเหมือนหน้าตาเลยนะ ฉันอยากนั่งนี่ ถือว่าเห็นแก่เพื่อนมนุษย์ไม่ได้เหรอ” เมื่อได้ยินร่างสูงว่าอย่างนั้น รสรินหันไปเหล่มองรอบตัว เห็นสายตาคนอื่นที่มองมาแล้วก็ได้แต่ถอนหายใจ ตอนนี้ทุกคนในร้านต่างจ้องมองเธอทั้งสองราวกับว่าอยากรู้ว่าสุดท้ายแล้วใครจะเป็นผู้ชนะ นี่ถ้าปฏิเสธเธอก็จะดูเป็นตัวร้ายสินะ ทั้งที่เธอและที่สามไม่ได้ญาติดีกันด้วยซ้ำ

“จะนั่งก็นั่ง ฉันจะไป”

“หนี” ที่สามรีบพูดออกมาทันควัน

“ขอโทษนะ มีอะไรให้ต้องหนี” รสรินเท้าเอวมองคนตรงหน้า ถ้าไม่ติดว่าต้องรักษามารยาทและเสียดายก็อยากจะสาดกาแฟใส่ คนอะไรแค่โผล่หน้ามาก็ทำให้เธอหงุดหงิดได้อย่างที่ไม่เคยเป็น

“ก็พูดลอย ๆ” ดูเอาเถอะ ความเป็นที่สามมันกวนประสาทที่สุดเลย นึกหงุดหงิดตัวเองที่เคยรู้จักผู้หญิงคนนี้มาก่อน ถ้าเป็นไปได้อยากย้อนเวลาไปไม่ทำความรู้จักกับคนคนนี้ด้วยซ้ำ

“กวนประสาท จะนั่งก็นั่งไป ฉันแค่ไม่อยากเห็นหน้าเธอ” รสรินว่าก่อนจะคว้ากุญแจรถที่อยู่บนโต๊ะมา ก่อนจะเชิ่ดหน้าเดินออกจากร้านไปพร้อมแก้วกาแฟในมือ วันนี้มันวันซวยจริง ๆ ที่ต้องมาเจอกับคนหน้าตากวนประสาทอย่างที่สาม แค่พูดถึงชื่อก็ทำให้อารมณ์เสีย คนทั้งมหาลัยมีตั้งมากมายทำไมต้องเป็นที่สามด้วยก็ไม่รู้ ไม่ว่าเธอจะไปอยู่ที่ไหนก็มักจะเจอกับที่สามราวกับเป็นพรหมลิขิต แต่เป็นพรมเช็ดเท้านะ

เธอและที่สามมีความทรงจำร่วมกันที่ไม่ดีนัก รู้จักกันมาตั้งแต่สมัยเด็ก ผู้หญิงคนนั้นมักจะล้อเธอว่าอ้วนเสมอ เพราะความเป็นคนเจ้าเนื้อวัยเด็กเลยอ้วนง่าย แต่มันก็เป็นไปตามธรรมชาติ สุดท้ายเมื่อโดนล้อจากที่สามมากเข้าเธอเองก็ฮึดสู้ออกกำลังกายจนกระทั่งหุ่นดีได้จนถึงปัจจุบัน ส่วนตัวต้นเหตุนั้นไม่มีความสำนึกผิดที่ตัวเองกลายเป็นแผลใจของเธอเลยแม้สักนิด แถมยังมีหน้ามากวนประสาทเธอได้ทุกครั้งที่เจอหน้ากัน

หล่อนเป็นผู้หญิงน่าหมั่นไส้คนนึงที่รสรินเบนเข็มค่อนไปทางกึ่งเกลียด เป็นผู้หญิงที่เธอไม่คิดจะญาติดีด้วยเลยสักนิด ขณะเดินกลับมาที่รถก็ยังเก็บสีหน้าหงุดหงิดของตนเองไม่ได้ ไม่รู้จะลอยหน้าลอยตามาใกล้ให้รำคาญกันไปทำไม

รสรินเปิดประตูรถนั่งลงที่นั่งคนขับ ทันใดนั้นก็มีบางสิ่งโชว์ขึ้นที่หน้าจอ

‘รินว่างไหมครับ เดี๋ยวเราพาไปเที่ยว’ แชทของผู้ชายคนหนึ่งแจ้งเตือนขึ้นมาทำให้รสรินยิ้มออก ในวันที่อารมณ์เสียก็มีผู้ชายคอยดามใจ เป็นแบบนี้ก็ดีเหมือนกัน ไปเที่ยวกับผู้ชายสักคนเธอจะได้ไม่ต้องเหงาเปลี่ยวอยู่คนเดียวในวันที่ไม่มีเรียน

เธอกดแชทตอบตกลงเขาไปด้วยความรวดเร็วโดยไม่ปล่อยให้อีกฝ่ายต้องรอ เป็นวิธีสร้างความรู้สึกดี ๆ ให้ผู้ชายอย่างง่าย ๆ โดยต่อความหวังและทำเหมือนว่าเธอรอข้อความของเขาอยู่ แม้ความจริงจะเป็นแค่เขาเข้ามาได้จังหวะพอดีก็เท่านั้น

และเมื่อเธอตอบกลับไป เขาไม่รีรอที่จะโทรมาทันที เป็นเรื่องที่ทำให้รสรินหงุดหงิดเล็กน้อย เธอไม่ชอบการโทรคุยเพราะขี้เกียจปั้นน้ำเสียงอ่อนหวาน แต่จะให้ปฏิเสธสายของเขาก็เป็นสิ่งที่ไม่ควร

“ว่าไงคะกาย จะพารินไปเที่ยวไหนเหรอ”

‘พาไปช็อปปิ้งดีไหมครับ เห็นว่าแบรนด์เนมออกกระเป๋ารุ่นใหม่ รินอยากได้ไหม’ เมื่อเขาพูดถึงกระเป๋าแบรนด์เนมทำให้รสรินตาลุกวาว ถึงครอบครัวเธอจะไม่ได้ยากจนแต่การมีคนมาเปย์มันดีกว่าเป็นไหน ๆ

“กายจะซื้อให้เหรอ จะดีเหรอ” เธอว่าออกไปอย่างเนียมอาย ปลายสายหัวเราะออกมาเบา ๆ ราวกับเขาเอ็นดูน้ำเสียงของเธอ

‘ดีสิครับ เดี๋ยวกายไปรับที่คอนโดนะ'

“เอาไว้เจอกันนะคะ”

‘เจอกันครับ’ เขากล่าวด้วยความสุภาพก่อนจะวางสายไป ทำให้รสรินต้องรีบกลับคอนโด เธอผินสายตากลับไปมองที่ร้านคาเฟ่อีกครั้ง เมื่อเห็นว่าที่สามออกมานั่งที่ด้านนอกคาเฟ่ รสรินเบะปาก แลบลิ้นใส่อีกฝ่ายในรถก่อนที่จะขับรถออกไป

เจอหน้ากันทีไรก็มีแต่ทำให้หงุดหงิด ชาตินี้เธอและที่สามคงไม่มีวันลงรอยกันเป็นแน่

อ่านต่อ

หนังสือที่คุณอาจชอบ

ตำหนักรัก ฮ่องเต้อำมหิต

ตำหนักรัก ฮ่องเต้อำมหิต

จ้าวฮุ่ยอิง
5.0

เว่ยหลินหลางบุตรีราชครูเว่ยอี้ ฝาแฝดคนพี่ที่ถูกปกปิดไร้สิ้นตัวตนว่าไม่เคยถือกำเนิดบนผืนแผ่นดิน ด้วยนางเกิดมาพร้อมดวงชะตาอันแข็งกล้าเป็นดวงล้มบัลลังก์หงส์ของแคว้นต้าโจว นางจึงถูกส่งตัวไปพำนักอยู่ที่หอดวงดาวให้ผู้คุมกฎเลี้ยงดู และนางก้าวออกจากหอดวงดาวในรอบ 17 ปี เพื่อกลับมาล้มบัลลังก์หงส์ที่ทำลายตระกูลของนางจนล่มสลาย โดยไม่รู้ตัวเลยว่าการก้าวออกมาจากหอดวงดาวครั้งนี้ ทำให้นางได้พานพบกับดาวคู่ชะตา ซึ่งเป็นนักรบปีศาจผู้เลื่องลือและก้าวขึ้นครองบัลลังก์ของแคว้นเทียนอวี๋อันยิ่งใหญ่ ลี่หยวนฮ่องเต้ผู้มีสมญานามฮ่องเต้อำมหิต ข้าจะต้องค้นหาและตามไปช่วยนางให้ได้ ไม่ว่าจะอยู่แห่งหนใดต่อให้บุกน้ำลุยไฟ ข้ามทะเลทราย มหาสมุทรนับหมื่นลี้ ข้าก็จะนำหัวใจของข้ากลับคืนมาเคียงคู่ที่ ตำหนักเย่วเชียงแห่งนี้ด้วยกันดั่งเดิม!!!!

ผู้บัญชาการรักซ้อนแค้น

ผู้บัญชาการรักซ้อนแค้น

Diena Beran
5.0

หลังจากแต่งงานกันสามปี เจียงหยุนถังพยายามสุดความสามารถเพื่อช่วยชีวิตสามีที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสจากอุบัติเหตุทางรถยนต์ โดยไม่คาดคิด ว่าเขาได้ละทิ้งเธอเหมือนกับขยะ รับรักแรกของเขากลับประเทศและตามใจเธอทุกอย่าง เจียงหยุนถังที่ท้อใจตัดสินใจหย่า และทุกคนต่างก็หัวเราะเยาะเธอที่กลายเป็นภรรยาที่ถูกทอดทิ้งจากตระกูลเศรษฐี อย่างไรก็ตาม เธอกลับเปลี่ยนแปลงตัวเองอย่างกะทันหันเป็นหมอเทวดาที่พบเจอยาก "Lillian"แชมป์แข่งรถที่มีฐานแฟนคลับจำนวนมาก และยังเป็นนักออกแบบสถาปัตยกรรมระดับโลกอีกด้วย ชายร้ายหญิงชั่วคู่นั้นเยาะเย้ยเธอว่า เธอจะไม่มีวันหาคู่รักได้ใ แต่ไม่คาดคิดว่าลุงของอดีตสามีของเธอ ซึ่งเป็นผู้บัญชาการทหารสูงสุดทำกแงทัพกลับมาเพียงเพื่อขอแต่งงานกับเธอ

เกิดใหม่ในเงามืด

เกิดใหม่ในเงามืด

Orson Erickson
5.0

ครอบครัวเสิ่นเลี้ยงดูเซี่ยซางหนิงเป็นเวลา 20 ปี และเธอเองก็ถูกเอาเปรียบมาเป็นเวลา 20 ปีเช่นกัน วันหนึ่ง พวกเขาตามหาลูกสาวตัวจริงพบ และเซี่ยซางหนิงก็ถูกไล่ออกจากตระกูลเสิ่น ได้ยินมาว่าพ่อแม่ผู้ให้กำเนิดของเธอกำลังเผชิญกับความยากลำบากอย่างหนัก แต่ความเป็นจริง พ่อแม่ทางสายเลือดของเธอเป็นตระกูลที่มีชื่อเสียงในเมืองไห่ เป็นตระกูลที่ร่ำรวยที่สุดที่ตระกูลเสิ่นไม่สามารถเอื้อมถึงได้ ตระกูลเสิ่นที่คอยดูว่าเซี่ยซางหนิงจะต้องตกอับอย่างน่าสมเพช แต่กลับต้องตกตะลึงซ้ำแล้วซ้ำเล่ากับตัวตนของเซี่ยซางหนิง ผู้มีอิทธิพลในการเงินระดับโลก วิศวกรระดับแนวหน้า นักแข่งรถอันดับหนึ่งของโลก... เธอยังมีความสามารถที่ซ่อนอยู่อีกกี่อย่างกันแน่ คู่หมั้นยกเลิกการหมั้นกับเซี่ยซางหนิง อย่างไรก็ตาม เมื่อเซี่ยซางหนิงไปออกเดทกับพี่ชายฝาแฝดของเขา เขากลับปรากฏตัวขึ้นและสารภาพรักกับเธอ

บท
อ่านเลย
ดาวน์โหลดหนังสือ