ลูกแมวของแพนเตอร์

ลูกแมวของแพนเตอร์

Crying

5.0
ความคิดเห็น
193
ชม
12
บท

When we're alone together, we never be just roommate

บทที่ 1 ลูกแมวขี้อ้อน

คืนวันเสาร์ของสถาณที่อโคจรมักจะวุ่นวาย ฉันและกลุ่มเพื่อนมารวมตัวกันที่บาร์ของพี่ชัยตามปกติ บาร์ 1965 ตั้งชื่อไว้เหมือนว่าก่อตั้งมานานถึงความจริงเจ้าของร้านจะเพียงตั้งไว้เพราะมันดูเท่เฉยๆ บาร์เล็กๆในหลืบซอยแบบนี้ปกติแล้วก็ไม่ค่อยมีหน้าใหม่หลงมาเท่าไรนัก จะมีก็แต่พวกคนสนิทกันมาดื่มเข้าสังคมรวมตัวเสมือนว่าเป็นที่ลับ

ภายในมีเคาท์เตอร์เล็กๆ ของบาร์เทนเดอร์พี่ชัยคนเดิมคนเดียว พื้นที่อีกครึ่งเป็นของนักร้องดนตรีสด ส่วนรอบด้านก็มีเคาท์เตอร์ซ้อนอีกชั้นเพื่อรองรับแขกนั่งดื่ม เดินเข้าไปลึกหน่อยถึงจะเจอห้องน้ำ ฉันมาที่นี่บ่อยเสียจนจำได้ทุกซอกทุกมุม อันที่จริงฉันสนิทกับเจ้าของร้านแถมจำหน้าลูกค้าพี่ชัยได้เกือบทุกคน

“ไอ้แพน” เสียงทุ้มที่เรียกชื่อพร้อมมือหนาตบลงเคาท์เตอร์ตำแหน่งข้างตัวฉันทำเอาสะดุ้งเล็กน้อย พอหันไปเห็นพี่ชัยทำหน้ายิ้มกริ่มฉันเดาได้ทันทีว่าต้องเป็นเรื่องนั้น

“พี่...”

“เอออออ” ชายร่างใหญ่ลากเสียงยาว เขามีใบหน้าติดเล่นและยิ้มแห้งในเวลาที่จะใช้งานแพนเตอร์แบบนี้

“โหย นี่ลูกค้านะเนี่ย” ฉันแอบโวยวาย ถึงอย่างนั้นก็ยอมลุกจากเก้าอี้แต่โดยดี

“หรือจะไปซื้อของอะ ได้นะแลกกัน” เขายื่นข้อเสนอ แต่ฉันจ้องตาเขม็ง ตาแก่นี่ไม่ใช่แค่จะใช้ลูกค้าเฝ้าร้าน ยังจะใช้ไปซื้อของอีก ส่วนของที่ว่าก็เป็นพวกเหล่า เบียร์ โซจูที่หมดไปนั่นแหละ

“ไม่เอา หนัก รีบไปรีบมาเลย” ฉันได้แต่คิดแล้วโบกมือไล่เจ้าของร้าน

“แล้วเพื่อนเอ็งอะ โดนเลิกคบอ่อ”

“จิ๊ พี่นี่ปากเสียจริง ไปเร็วลูกค้ารอ” ฉันอดจิ๊ปากไม่ได้ ถึงจะรู้อยู่แล้วว่าพี่ชัยแกชอบหยอกล้อพวกเราอย่างนี้เป็นประจำ

“เอ้อนะ มันเหมือนเจ้าของร้านกว่ากูอีก”

“เออเร็วเลย ถ้ากลับมาช้านะ โดนฮุบร้านแน่!” ฉันตะโกนไปทำให้ทั้งพี่ชัยทั้งลูกค้าหลายคนหัวเราะได้ ส่วนเรื่องที่พี่ชัยแกเลือกใช้แค่ฉันก็คงเป็นเพราะฉันเคยทะลึ่งไปขอเรียนชงค็อกเทลกับแก จากนั้นแกก็ถือโอกาสสอนสูตรของร้านทั้งหมดเพื่อใช้งานฉันฟรีในเวลาเช่นนี้

แต่ถึงจะบอกว่าที่นี่มีค็อกเทลขาย แต่ลูกค้าส่วนใหญ่ก็จะเลือกเบียร์และโซจูเสียมากกว่า และเพราะแบบนั้นงานที่ฉันต้องทำส่วนใหญ่ก็เป็นการเอาเบียร์ออกจากตู้ เปิดฝาให้ลูกค้าบางคนและจดบิลเท่านั้น

“บ๋อย! ขอเบียร์โปรนึง” เสียงแหลมของไอ้หมอกดังมาตั้งแต่ยังเดินไม่ถึงในร้าน มันคงเห็นแล้วว่าฉันโดนใช้เลยถือโอกาสจิกหัวเรียกกันแบบกวนตีน

“มาช้าไม่ต้องแดกค่าคุณลูกค้า อีสันดาน”

“อีแพนเร็วๆ เพื่อนมึงอกหัก” ประโยคเรียกความสนใจทำให้ฉันต้องมองไปที่เพื่อนชัดๆ ไอ้เฟย์เดินหน้าเศร้าโดยมีหมอกและไม้เดินประกบมาเหมือนแซนด์วิชบอกได้ดีว่าคราวนี้เป็นมันนั่นแหละ

“ห่าเอ้ย” ฉันหันตัวไปหยิบเบียร์ออกมาจากตู้ พอหันมาเปิดฝาพวกมันก็นั่งลงตรงที่ประจำของเราพอดี

“ใครทำมันวะ” ฉันก้มกระซิบข้างหูไอ้หมอก

“พี่แจน”

“เอ้า เมื่อคืนยังทักมาขิงสาวใส่กูอยู่เลย เขาทำอะไรมันวะ” เรียวคิ้วของฉันขมวดเล็กน้อย ไอ้เฟย์เป็นสาวมาดทอมบอย เพื่อนคนนี้ไม่ใช่คนขี้เหร่อะไรแม้มันจะเทียบกับฉันไม่ติดแต่ถึงอย่างนั้นฉันก็ไม่รู้เหมือนกันว่ามันไปโดนหักอกอะไรบ่อยๆ

“พี่เขาไม่ได้ทำอะไรมัน แค่โพสต์สเตตัสโสด” พอได้ยินคำตอบฉันก็หันกลับไปมองไอ้เฟย์ที่ยังสะอึกสะอื้น ในใจมีคำถามว่า ‘แค่นี้?’ แต่ต้องยั้งปากตัวเองไว้ก่อนเพราะกลัวเพื่อนจะร้องไห้ขึ้นมาอีก

“มึงดูมันก่อน เดี๋ยวพี่ชัยมาละ กูไปลงบิล” ฉันว่าก่อนจะแยกตัวกลับมาที่เคาท์เตอร์ เขียนบิลไว้พร้อมรับลูกค้าบางส่วน พอมีโอกาสก็ยังแอบมองไอ้เฟย์อยู่บ้างด้วยความเป็นห่วง

ใช้เวลาสักพักพี่ชัยก็แว้นรถกลับมาโดยมีเหล้าเบียร์ในมือเป็นลัง ทั้งยังมีคนที่พี่แกพาไปด้วยก็ยกลังเบียร์ตามกันมาเหมือนมดงาน

“อัพเดทหน่อยดิ๊” พี่ชัยพูดพลางวางกล่องเบียร์

“พี่มาดูบิล ของโต๊ะเจ๊แขกพี่รับเองแล้วใช่ปะ เออแล้วก็อันนี้โต๊ะน้อง” ฉันร่ายยาว พี่ชัยเข้ามาดูพร้อมพยักหน้ารับจากนั้นฉันก็โดนไล่ให้กลับมากินเบียร์กับเพื่อนๆ

“ไหน มึงเป็นไร” ฉันเดินมานั่งที่เก่า ยกขวดรินเบียร์ให้เพื่อนพร้อมมองหน้าไอ้เฟย์ด้วยสีหน้าจริงจัง

“เค้าบอกรักกูอะ บอกรักกูแล้วโพสต์โสดคือไรวะ แม่ง!” เฟย์พูดออกมาด้วยอารมณ์กรึ่มเหล้า ฉันหันไปมองเช็คเพื่อนอีกสองคนก็พบว่าพวกมันพยักหน้าส่งๆ ซึ่งแปลว่าพวกมันยัดเบียร์ให้ไอ้เฟย์กินให้มันรีบกิน รีบเมา รีบล้ม รีบกลับ จะได้รีบแยกย้ายกันไปนอน

ทุกคนมีงานต้องปั่นโดยเฉพาะไอ้ใบไม้ เผลอๆมันอาจยังไม่ได้นอนด้วยซ้ำ

“เช็คเรทติ้งป่าว กูบอกมึงละคนสวยๆเขาชอบเช็คเรทติ้ง” หมอกพูดขึ้นก่อนจะยกแก้วดื่มบ้าง

“แล้วกูเป็นตัวไรวะ จะมาบอกรักกูทำไม” ไอ้เฟย์ยิ่งเมายิ่งพูด พูดมากเข้าก็ยิ่งร้องไห้

“แล้วสถานะของมึงกับเขาคืออะไรวะ” พอฉันถามออกไปไอ้เฟย์ก็เงียบลง

“กูเองก็ไม่รู้”

“แย่ว่ะ ความสัมพันธ์เดี๋ยวนี้แม่งก็แปลก บอกรักบอกคิดถึง บางคนนะได้กันแล้วยังไม่รู้สถานะเลย มึงจะเอาอะไรกับมัน” หมอกหันมาบ่นก่อนที่จะชนแก้วกับไอ้เฟย์ดัง ‘แกร๊ง’

“ห่ามึงกูไม่ได้จะเอาอะไร แค่อยากให้มึงคิดอีกมุม มึงไม่ได้เป็นอะไรกันเขาก็มีสิทธิ์อะ แต่ตอนนี้มึงรู้สึกมากกว่าไปแล้วไงมึงเลยอ่อนไหว”

“กูคิดถูกจริงๆที่พาคนไข้มาหาแพทย์สนาม” หลังจากเงียบไปไอ้ไม้ก็พูดขึ้นมาบ้าง

“แพทย์สนามเหี้ยอะไร กูไม่ลงสนามกับพวกมึงหรอก”

“ให้มันแน่เหอะวะ”

“มึงไม่ต้องเปลี่ยนเป้าหมายเลย ดูเพื่อนก่อน!” ฉันปัดความสนใจของเพื่อนเต็มที่

พวกเราปลอบไอ้เฟย์อยู่พักใหญ่จนต่อเบียร์โปรที่สองและสาม ทุกคนเริ่มมีอาการเมาและต้องเข้าห้องน้ำบ่อยขึ้นเหลือแค่ฉันที่ไม่ค่อยตั้งใจกินเพราะต้องรอเก็บศพพวกมันในครั้งนี้

เวลาผ่านไปถึงช่วงเที่ยงคืนนักร้องและวงดนตรีสดของคืนนี้ก็เริ่มทยอยเข้ามาจัดแจงเครื่องเสียง เพราะไอ้เฟย์หันไปมองทำให้ฉันก็ต้องชะเง้อหน้ามองตาม

“สวยว่ะ” พอได้ยินคำที่น่าสนใจฉันเองก็ชะเง้อคอยาวขึ้นอีกนิด หญิงสาวตัวเล็กผมยาวที่แต่งหน้าแต่งตัวดูดีหน่อยคงเป็นนักร้องนำ หล่อนมีใบหน้ารูปไข่ มีแก้มนิดหน่อย ดวงตากลมโต ดูเป็นใบหน้าตามบิวตี้แสตนดาร์ด ซึ่งไม่ใช่สเป็คของฉัน

“สวยจริง” แต่ฉันยอมรับว่าเธอสวย

“เข็ดว่ะ พวกคนสวย”

“โอ๊ยอีห่า แดก!” พอมันเริ่มจะพูดฉันก็ต้องรับหน้าที่ยกแก้วชนกับมัน จิบไปเล็กน้อยพอไม่น่าเกลียด จะได้ไม่โดนพวกมันด่าว่าชนแล้วไม่กิน

“แพน... ไอ้แพน.. มึง..”

“มึงพูดดีๆ อย่าแอ๊บเมาคนเขาดูออก”

“สัส ไม่ใช่ — กูอยากขอเพลง” ฉันเงยหน้ามองไปทางนักดนตรีที่แค่เริ่มบรรเลงก็ถูกคนเมาขอชนแก้วไปแล้วสองคน

หันกลับมาสนใจเพื่อนอีกครั้ง “เพลงไรวะ”

“เลี้ยงส่งเท่านั้น”

“เชี้ย เอาๆ เลี้ยงส่งๆ” พอไอ้หมอกกับไอ้ไม้กลับมาถึง พวกมันก็เชียร์เลี้ยงส่งกันอย่างพร้อมเพรียงโดยอาจจะไม่ได้มองว่าหน้าฉันเจื่อนแค่ไหน พวกเราเคยตั้งเพลงนี้ไว้เป็นเพลงอกหักประจำกลุ่ม แต่ประเด็นคือไอ้พวกนี้อกหักเกือบทุกสัปดาห์โดยสถิติ 60% เป็นของไอ้เฟย์นี่แหละ น้อยใจ งอน คิดมาก มันสามารถเปิดเพลงเลี้ยงส่งได้เลยแบบไม่ต้องคิด

“พวกมึงอยู่นิ่งๆเลย สภาพแบบนี้ไปเรื้อนนักร้องแน่นอน” ฉันห้ามทัพพวกมันก่อนจะลุกไปหยิบกระดาษและปากกาที่เคาท์เตอร์ด้านใน เขียนอย่างจำใจว่าเลี้ยงส่ง พร้อมเหน็บแบงค์เทาไปหนึ่งใบ

แต่ครั้นพอจะเดินไปยื่นให้นักดนตรีจริงๆก็รู้สึกประหม่าขึ้นมา ทำได้แค่เดินเก้ๆกังๆเข้าไปจนกระทั่งนักร้องนำสาวเอ่ยทัก

“ขอเพลงเหรอคะ” เธอมองฉันอย่างสนใจ อยากขอบคุณจริงๆที่อีกฝ่ายไม่ได้พูดใส่ไมค์ ฉันพยักหน้าก่อนจะเลือกส่งใบกระดาษให้เธอพร้อมทิป

เมื่อหญิงสาวรับไปฉันยังยืนรออยู่ครู่หนึ่ง เผื่อในกรณีที่เธอไม่เคยฝึกซ้อมเพลงนี้กันมาก่อนฉันอาจจะได้เปลี่ยนเพลง

“อืมมม..เลี้ยงส่ง? อกหักเหรอคะ?” คำถามนี้ทำฉันผงะเล็กน้อย ไม่คาดคิดว่าเธอจะชวนคุย

“เปล่าค่ะ เพื่อนอกหัก”

“เล่นได้ไหม?” เธอหันไปถามเพื่อนในวง จนถึงตอนนั้นฉันคิดว่าทุกอย่างจะจบแล้วเพราะคนในวงก็ตกปากรับคำว่าเพลงนี้เล่นง่าย เดี๋ยวนี้เปิดคอร์ดในไอแพดก็เล่นได้แล้ว

“เดี๋ยว เธอนั่งตรงไหนอะ” ฉันตั้งท่าจะหมุนตัวเดินกลับโต๊ะถูกคนหน้าสวยชิงจับข้อมือไว้ ฉันหันหน้ามองเธอโดยอัตโนมัติและเธอเองก็ปล่อยข้อมือฉันทันที

“มุมนั้นอะ มองไม่ค่อยเห็นไม่แปลกหรอก”

เธอพยักหน้าเบาๆอย่างเข้าใจ

“มีอะไรหรือเปล่า?”

“คือ.. เธอสูบปะ” เป็นคำถามที่ชวนเลิกคิ้วจริงๆ มันไม่ได้เสียมารยาทเพราะที่นี่เป็นบาร์ จะพูดถึงคนสูบบุหรี่ก็เป็นเรื่องปกติ แต่ถ้าถูกคนแปลกหน้าถามว่าสูบบุหรี่ไหมแบบนี้มันก็ออกจะแปลกเสียหน่อยสำหรับฉัน

“สูบแค่ตอนกินเหล้านี่แหละ”

“ไปเพื่อนหน่อยได้ปะ คือคนในวงเราต้องเล่นต่อแล้วทีนี้มุมสูบบุหรี่มันอยู่ข้างในอะ เราไม่รู้จักใคร.. เลยกลัวนิดนึง” อ๋า พอได้ยินเธออธิบายร่ายยาวก็เข้าใจได้ ส่วนใหญ่แล้วลูกค้าที่นี่ก็เป็นผู้ชายวัยกลางคน ให้มีสาวน้อยหน้าตาดีไปยืนคนเดียวก็คงอันตรายจริงๆ

“ได้ดิ” ฉันตัดสินใจรับคำขอของเธอ

เพราะแบบนั้นพวกเราจึงเดินคู่กันมาที่มุมสูบบุหรี่ เธอจุดไฟและสูบอย่างเชี่ยวชาญอย่างขัดกับลุคและหน้าตาอ่อนหวานนั้น และเนื่องจากเราไม่คุ้นเคยกันความเงียบจึงเข้าปกคลุมได้ง่าย

“ถามชื่อได้ปะ”

“หือ” ฉันหลุดออกจากความคิด หันมองหน้าเธอก็พบกับดวงตาใสซื่อที่มองกันราวกับอ้อน

“เรียกแพนก็ได้”

“แพนด้าเหรอ” ฉันช็อตไปนิดหน่อย

“แพนเตอร์”

“จริงปะ เท่อะ” คนหน้าหวานเอ่ยชมก่อนสูบควันเข้าปอดแล้วปล่อยออกมา

“แล้วชื่อเธออะ” ฉันหันไปถามเธอบ้าง แต่กลับได้ท่าทีกวนกลับมา

“ไม่บอก” เธอแลบลิ้นเล็กๆ มือขวาคีบบุหรี่ที่มีรอยลิปสติกสีแดงเปื้อนอยู่ตรงก้นกรอง

เมื่อมองภาพรวมกับเธอตรงหน้า ฉันคิดว่ามันค่อนข้างน่าชม แถมพอมองนานเข้าเธอก็ส่งยิ้มมุมปากให้ฉัน

“ไม่ถามต่อหน่อยอะ”

“ไม่บอกก็ไม่อยากรู้” ฉันพูดพร้อมยิ้มเยาะจนอีกฝ่ายมุ้ยปาก

“ถามอีกนิดก็บอกแล้ว” เธอต่อรอง

“ไม่เอาอะ ไม่ต้องบอกก็ได้” พอได้ยินฉันว่าแบบนี้เธอก็เงียบไป ความเงียบกลับมาปกคลุมเราทั้งคู่อีกครั้ง

“คิตตี้”

“หา”

“เราชื่อคิตตี้”

“แหม” ฉันยิ้มแซว ยัยคนนี้จงใจกวนประสาทฉันแต่ก็พ่ายแพ้เองอย่างน่าเอ็นดู

“ไม่ต้องเลย” เธอเอ่ยขัด ภาพคนตัวเล็กทิ้งก้นบุหรี่แล้วใช้เท้าเหยียบทำเอาฉันขมวดคิ้ว

“เดี๋ยว! เธอทำไรเนี่ย?”

“ทำไรอะ?” ดูเหมือนว่าเธอจะยังไม่เข้าใจแต่ฉันไม่รออธิบาย ฉันก้มเก็บก้นบุหรี่ของเธอไปทิ้งตรงที่เขี่ยบุหรี่ให้อย่างช่วยไม่ได้

“แย่อะ ขอโทษนะ”

“อย่าทิ้งที่พื้นนะคราวหน้า ปกติแม่พี่ชัยเจ้าของร้านเขาจะมากวาดนั่นแหละ แต่ถ้าไม่มีก้นบุหรี่ตรงนี้คงดีกว่านี้ เราไม่ได้มีสิทธิ์ห้ามอะไรแต่ก็นั่นแหละ แค่บอกไว้ ที่เขี่ยบุหรี่ก็มี”

“บ่นแล้วเนี่ย เราไม่ทำแล้วค่ะ” คิตตี้ว่าพลางเข้ามาแตะแขนฉัน ไม่รู้ว่าเธอจงใจเบี่ยงประเด็นหรืออย่างไร

“ขอบคุณนะ..ที่เข้าใจ”

“ขอบคุณเราทำไมอะ เราสิต้องขอบคุณตั้งแต่เธอยอมมาเป็นเพื่อนแล้ว”

“จะเข้าไปเลยปะ?” ฉันหันไปมองทางร้านและพบว่าเพื่อนของตัวเองกำลังอ้วกอยู่อีกฝั่งของร้าน ส่วนวงดนตรีก็กำลังเล่นเพลงชิลล์

“ช่าย เรากินแรงเพื่อนแล้วอะดิ เสียดายนะ แต่ถ้านานกว่านี้เราโดนหักเงินแน่เลย”

“เข้าไปก่อนเลย เดี๋ยวเราไปดูเพื่อนต่อ” คิตตี้มองตามก็น่าจะเห็นสภาพเพื่อนที่น่าเวทนาของฉัน

“โอเค” เธอพยักหน้าเห็นด้วย เพียงแค่ก่อนที่เธอจะกลับ มือเรียวเอื้อมมาจับใบหน้าของฉันล็อคไว้เพื่อกดจมูกลงที่แก้มเบาๆ แค่สัมผัสจากปลายจมูกก็ทำให้ฉันตัวแข็งทื่อ

“ขอบคุณนะ!” แม้กระทั่งตอนที่เธอเดินกลับไปหาวงดนตรีแล้วฉันเองก็ยังยืนตัวแข็งอยู่อย่างนั้น ฉันเรียบเรียงได้ว่าตัวเองถูกหอมแก้ม ไม่ได้รู้สึกรังเกียจแต่อธิบายเป็นคำพูดไม่ได้

การกระทำของเธออาจเป็นแค่คำขอบคุณแต่ขอบอกเลยว่าฉันไม่สามารถสบตาเธอตรงๆได้อีกในคืนนั้น สมองไม่ได้สนใจไอ้เฟย์ว่าจะร้องไห้หรืออ้วกหรือเมาสลบ และพูดกันตามตรงว่าคืนนี้ฉันอาจนอนหลับไม่ลง

หรือลูกแมวก็ขี้อ้อนเป็นปกติ?

อ่านต่อ

หนังสืออื่นๆ ของ Crying

ข้อมูลเพิ่มเติม
ลูกสิงโตของเฟย์

ลูกสิงโตของเฟย์

โรแมนติก

5.0

    “พี่ชอบเป็นเด็กดีของเธอนะ”     “เฟย์หงุดหงิด.. ที่เห็นคนนั้น” เธอปิดปากขำเล็กน้อยก่อนฝังจมูกลงบนแก้มของฉัน ราวกับว่ามันจะช่วยให้เธอรอดพ้นข้อหาไปหาคนอื่นโดยที่ไม่รอฉันได้อย่างนั้นแหละ      “แล้วจะทำยังไงให้รู้สึกดีขึ้นดี?” เธอว่า ปลายนิ้วเล่นผมของฉันที่หลังคออย่างออดอ้อน เจ้าของใบหน้าหวานขยับเข้ามาจุ๊บที่ริมฝีปากของฉันอีกครั้ง แต่ฉันก็ยังนิ่ง เป็นการบอกให้รู้ว่าฉันอารมณ์เสียจริงๆ ที่เห็นเธออยู่กับคนอื่น      แต่ทว่าคำถามของเธอจุดประกายความปรารถนาในตัวฉัน และฉันรู้สึกว่าเอวของฉันกระชับขึ้นเล็กน้อย ฉันโน้มตัวเข้าไปใกล้ๆ ริมฝีปากของฉันแนบชิดใบหูของเธอ เสียงของฉันลดลงเหลือเพียงเสียงกระซิบแผ่วเบาที่เย้ายวน      “พี่ต้องเริ่มต้นด้วยการจดจำว่าพี่เป็นของใคร”     “ของเธอ” ...    เสือต้องเจอสิงห์ มันถึงจะสมน้ำสมเนื้อ!

หนังสือที่คุณอาจชอบ

เทพเจ้าแห่งอสูร: พิชิตทุกพิภพด้วยหมื่นภูตผี

เทพเจ้าแห่งอสูร: พิชิตทุกพิภพด้วยหมื่นภูตผี

Daniel
5.0

-- ในศตวรรษที่ 26 ทหารรับจ้างอันดับหนึ่งได้กลับชาติมาเกิดใหม่ กลายเป็นลูกเลี้ยงที่ไร้ค่าของตระกูลผู้มีชื่อเสียง แต่เมื่อนางลืมตาขึ้นอีกครั้ง โลกก็เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง ย่ำยีชายทรยศ ข่มเหงหญิงเลว จัดการกับพวกที่ทำให้ชีวิตติดขัด เปลี่ยนแปลงทุกสิ่งตามใจปรารถนา ควบคุมเทพสัตว์นับพัน ถลุงยาวิเศษ วางข่ายศักดิ์สิทธิ์ วาดยันต์ผี ทุกอย่างนางทำได้อย่างชำนาญ อยู่เหนือกว่าอัจฉริยะทั้งห้าภพ โลกนี้นางครอบครอง ไม่สามารถบำเพ็ญตบะงั้นหรือ แต่นางเป็นผู้ครอบครองพลังครบทุกธาตุ ไม่มีคุณสมบัติมากพอบำเพ็ญลัทธิหรือ นางนอกจากบำเพ็ญลัทธิอสูรลัทธิเทพลัทธิวิญญาณลัทธิมารทั้งสีแล้ว ยังสร้างลัทธิภูตผีอีกด้วย ไร้ค่า ไม่มีความสามารถงั้นหรือ นางคือราชาผี ที่สืบทอดพลังหยินขั้นสูง แค่กระดิกนิ้ว พญาวิญญาณแค้นนับหมื่นก็พรั่งพรูมาปรนนิบัติ เพียงแต่ว่าจักรพรรดิผู้ลึกลับที่ตามตื้อนางนั้น มันคือยังไงกัน เฝิงอี้ "เพิ่งเจอหน้ากันก็ถอดเสื้อข้า เช่นนั้นเราสู้กันบนเตียงอีกรอบดีหรือไม่" เย่วเฉิงเฟิงยิ้มยั่ว "ผู้ชายมีแต่จะเป็นตัวถ่วงของข้า ท่านจักรพรรดิ ท่านเดินทางดีๆ ลาก่อนนะ"

ทางใหม่ เริ่มใหม่

ทางใหม่ เริ่มใหม่

Beckett Grey
4.5

ซ่งจิ่งถังรักฮั่วอวิ๋นเซินอย่างลึกซึ้งนานถึงสิบห้าปี แต่ในวันที่เธอคลอดลูกกลับตกอยู่ในอาการโคม่า ขณะที่ฮั่วอวิ๋นเซินกระซิบข้างหูเธออย่างอ่อนโยนว่า "ถังถัง อย่าฟื้นขึ้นมาอีกเลย สำหรับฉัน เธอไม่มีค่าอะไรอีกแล้ว" ซ่งจิ่งถังเคยคิดว่าสามีของเธอเป็นคนอ่อนโยนและรักใคร่ตัวเอง แต่จริงๆ แล้วเขามีแต่ความเกลียดชังและใช้ประโยชน์จากเธอเท่านั้น และลูกๆ ที่เธอเสี่ยงชีวิตให้กำเนิด กลับเรียกหญิงสาวคนอื่นว่า 'แม่' ด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนต่อหน้าที่เตียงคนไข้ของเธอ เมื่อซ่งจิ่งถังฟื้นขึ้นมา สิ่งแรกที่เธอทำคือการตัดสินใจหย่าขาดอย่างเด็ดขาด! แต่หลังจากหย่าแล้ว ฮั่วอวิ๋นเซินจึงเริ่มตระหนักว่า ชีวิตที่ผ่านมาของเขาเต็มไปด้วยเงาของซ่งจิ่งถัง หญิงคนนี้กลายเป็นความเคยชินของเขา เมื่อพบกันอีกครั้ง ซ่งจิ่งถังปรากฏตัวในที่ประชุมในฐานะผู้เชี่ยวชาญด้านการแพทย์ เธอเปล่งประกายจนทุกคนต้องหันมามอง หญิงคนนี้ที่เคยมีแต่เขาในใจ บัดนี้กลับไม่แม้แต่จะมองเขาอีก ฮั่วอวิ๋นเซินคิดว่าเธอแค่ยังโกรธอยู่ ถ้าเขาเอ่ยปากพูดนิดหน่อย ซ่งจิ่งถังจะต้องกลับไปหาเขาแน่นอน เพราะเธอรักเขาหมดหัวใจ แต่ต่อมา ในงานหมั้นของผู้นำคนใหม่ของตระกูลเพ่ย เขาเห็นซ่งจิ่งถังสวมชุดแต่งงานหรูหรา ยิ้มอย่างเปี่ยมสุขและกอดแน่นเพ่ยตู้พร้อมสายตาที่เต็มไปด้วยความรักใคร่ ฮั่วอวิ๋นเซินอิจฉาจนแทบคลั่ง เขาตาแดงก่ำและบีบแก้วจนแตก เลือดไหลไม่หยุด...

ชายาข้าเป็นหมอนิติเวช

ชายาข้าเป็นหมอนิติเวช

เกาะครีต
4.9

วิญญาณแพทย์นิติเวชที่มีชื่อเสียงในศตวรรษที่ 21 ได้เข้ามาอยู่ในร่างคุณหนูของจวนเสนาบดีอย่างบังเอิญ ผู้คนกล่าวหาว่านางไม่เชี่ยวชาญด้านการแพทย์และทำให้บุตรชายของแม่ทัพตาย ด้วยเหตุนี้ฮ่องเต้ต้องการฆ่านางเพื่อให้คำอธิบายกับแม่ทัพ! ผู้คนกล่าวหาว่านางเป็นคนหยิ่งยโสและเจ้ากี้เจ้าการ ทุกคนเกลียดนาง และครอบครัวของนางต้องการไล่นางออก! ผู้คนกล่าวหาว่านางเป็นคนเลวทรามและไร้ความปรานี วางยาน้องสาว และพ่อของนางต้องการโบยนางจนตาย! ในความเป็นจริงหากอยากจะกล่าวหาผู้ใดสักคน มันก็หาข้ออ้างได้ทั่ว แต่นางเป็นคนไม่ยอมใคร นางผอมบางนางหนึ่งปลุกปั่นโลกด้วยความสามารถอันทรงพลังตนเอง ท่านอ๋องกล่าวว่า หากได้เจ้ามาครอบครอง ข้ายอมทรยศทุกคนในโลก นางกล่าวว่า เพื่อท่าน ต่อให้ทุกคนในโลกเกลียดข้า ข้าก็ยอม

ทั่วหล้าฟ้าดิน ข้าคือผู้ครอง

ทั่วหล้าฟ้าดิน ข้าคือผู้ครอง

Coupling Shim
5.0

ในชาติก่อน ซูเยว่ซีถูกอวิ๋นถังยวี่ทำร้ายจนตาย ทำผิดต่อครอบครัวของท่านตา และตัวเองยังถูกทรมานจนตาย เกิดใหม่ครั้งนี้ นางตั้งใจจะจัดการกับพวกผู้ชายชั่วและหญิงเลวจัดการพ่อชั่ว เพื่อปกป้องแม่และครอบครัวของท่านตาให้ปลอดภัย พวกผู้ชายชั่วเข้ามาใกล้งั้นเหรอ นางจะใช้แผนให้เขาเสียชื่อเสียง หญิงตีสองหน้าเก่งชอบทำตัวอ่อนแองั้นเหรอ นางจะเปิดโปงธาตุแท้อีกฝ่ายและไล่นางออกจากจวนซู! ในชาตินี้ สิ่งที่นางต้องทำคือการจัดการพวกปลวกที่แอบแฝงอยู่ในราชสำนัก แก้แค้นคนทรยศ เพื่อปกป้องท่านตาที่เป็นคนซื่อสัตย์ นางใช้มือเรียวเป็นเครื่องมือ ก่อให้เมืองจิงเกิดความวุ่นวาย แต่ท่ามกลางความโกลาหล นางได้พบกับองค์ชาย ผู้ที่ทุกคนเล่าลือว่าเป็นคนพิการ “อวิ๋นเฮิง เจ้าจะมาขวางข้าหรือ” อวิ๋นเฮิงยิ้มเบาๆ “ไม่ ข้าตั้งใจจะมาช่วยเจ้า”

มงกุฎเลือด

มงกุฎเลือด

Tepui Frost
5.0

ในชาติก่อน นางได้ต่อสู้เพื่อประเทศชาติเป็นเวลาห้าปี แต่ความดีความชอบทางการทหารกลับถูกน้องหญิงยึดไป คู่หมั้นที่นางรักหมดใจนั้นกลับนิ่งเฉยและร่วมมือกับอีกฝ่ายผลักนางตกลงสู่ห้วงลึกจนต้องเสียชีวิตอย่างน่าสลดใจในคืนที่หนาวเย็น หลังจากได้เกิดใหม่ นางสาบานว่าจะทำให้ทุกคนที่รังแกนางได้รับผลกรรมที่สาสม เมื่อเผชิญหน้ากับครอบครัวที่เสแสร้งและผู้ชายเจ้าชู้ นางยิ้มเยาะ : ความดีความชอบทางทหาร? รางวัล? คู่หมั้น? เอาไปให้หมด นางหันหลังกลับและคุกเข่าในงานเลี้ยงในวังอย่างน่าตกใจโดยชี้ตรงไปยังมุมมืดที่มีอ๋องอวี้นั่งอยู่บนรถเข็น“ขอฝ่าบาททรงโปรดพระราชทานการสมรสระหว่างหม่อมฉันกับอ๋องอวี้เพคะ” ทุกคนต่างตกตะลึง อ๋องอวี้เซียวจือ ขาทั้งสองข้างใช้การไม่ได้และมีนิสัยเย็นชา เป็นคนที่ทุกคนหลีกเลี่ยงเสมือนปีศาจที่มีชีวิต ทุกคนหัวเราะเยาะนางว่าคงบ้าไปแล้ว ถึงรนหาที่ตายเช่นนี้ แต่ไม่มีใครรู้ว่านางเห็นถึงความโดดเด่นและพลังที่ซ่อนอยู่ลึกในตัวชายคนนี้ นางช่วยให้เขาฟื้นฟูความแข็งแกร่งและรักษาขาที่เป็นพิการ เขาสัญญาว่าจะให้ชีวิตที่มั่นคงแก่นางและเป็นที่พึ่งที่แข็งแกร่งที่สุดให้นาง เมื่อน้องหญิงที่แอบอ้างนำความดีความชอบทางทหารของนางไปอวดความเก่งกล้า และแม่แท้ ๆ ยังคงใช้กลอุบายควบคุมชะตากรรมของนาง… นางและอ๋องอวี้ร่วมมือกันวางแผนอย่างรอบคอบทุกขั้นตอน เปิดโปงกลโกงและแสดงความกล้าหาญในสนามรบ! จนกระทั่งอ๋องอวี้ยืนขึ้นได้อีกครั้งและมีอำนาจครอบครองราชสำนัก จนกระทั่งนางแสดงตราประทับที่แท้จริงข และให้ทหารทั้งหลายยอมรับ ทุกคนเพิ่งรู้สึกตระหนักว่า คนที่พวกเขาเคยทิ้งไปไม่ต่างจากขยะนั้น ทั้งคู่ได้จับมือกันแล้วครองแผ่นดินไว้ด้วยแล้ว

ฮูหยินของข้า แซ่บไม่เบา

ฮูหยินของข้า แซ่บไม่เบา

Burke Gee
5.0

ทุกคนรู้ดีว่า บุตรีคนโตที่ไม่เป็นที่โปรดปรานในจวนโหวอันติ้งแห่งเมืองหลวง ทำให้แม่แท้ๆ ของตนต้องเสียชีวิต เป็นคนที่ถูกมองว่าเป็นตัวโชคร้าย ก่อนแต่งงานก็ทำให้แม่เลี้ยงฝันร้ายอยู่หลายวัน ออกเดินทางไปทำบุญนอกเมืองก็ถูกโจรจับตัวไป แต่ใครจะคิดว่าโชคร้ายกลับกลายเป็นโชคดี นางเปลี่ยนนิสัยไปอย่างสิ้นเชิง ไม่ยอมให้ใครมารังแกอีกต่อไปที่แท้ซูชิงซวู่ ผู้สุดยอดสายลับที่ทะลุมิติมาเผชิญกับพ่อที่เย็นชา แม่เลี้ยงที่ชั่วร้าย คู่หมั้นที่นอกใจน้องสาวต่างแม่ แต่ไม่เป็นไร คอยดูว่าเธอจะจัดการพวกชั่วช้า และเอาคืนทุกอย่าง ทว่าทำไมท่านอ๋องผู้นั้นถึงมองมาที่เธอด้วยสายตาแปลกๆ นั่นล่ะเผ่ยเสวียนจู: บุญคุณที่ช่วยชีวิต ไม่มีสิ่งใดตอบแทนได้ นอกจากเอาตัวไปแลก

บท
อ่านเลย
ดาวน์โหลดหนังสือ