ลูกสิงโตของเฟย์

ลูกสิงโตของเฟย์

Crying

5.0
ความคิดเห็น
37
ชม
13
บท

    “พี่ชอบเป็นเด็กดีของเธอนะ”     “เฟย์หงุดหงิด.. ที่เห็นคนนั้น” เธอปิดปากขำเล็กน้อยก่อนฝังจมูกลงบนแก้มของฉัน ราวกับว่ามันจะช่วยให้เธอรอดพ้นข้อหาไปหาคนอื่นโดยที่ไม่รอฉันได้อย่างนั้นแหละ      “แล้วจะทำยังไงให้รู้สึกดีขึ้นดี?” เธอว่า ปลายนิ้วเล่นผมของฉันที่หลังคออย่างออดอ้อน เจ้าของใบหน้าหวานขยับเข้ามาจุ๊บที่ริมฝีปากของฉันอีกครั้ง แต่ฉันก็ยังนิ่ง เป็นการบอกให้รู้ว่าฉันอารมณ์เสียจริงๆ ที่เห็นเธออยู่กับคนอื่น      แต่ทว่าคำถามของเธอจุดประกายความปรารถนาในตัวฉัน และฉันรู้สึกว่าเอวของฉันกระชับขึ้นเล็กน้อย ฉันโน้มตัวเข้าไปใกล้ๆ ริมฝีปากของฉันแนบชิดใบหูของเธอ เสียงของฉันลดลงเหลือเพียงเสียงกระซิบแผ่วเบาที่เย้ายวน      “พี่ต้องเริ่มต้นด้วยการจดจำว่าพี่เป็นของใคร”     “ของเธอ” ...    เสือต้องเจอสิงห์ มันถึงจะสมน้ำสมเนื้อ!

บทที่ 1 ส่งตรงถึงสิงโต

ไอ้หมอก ไอ้บรรลัย ฉันถอนหายใจเฮือกใหญ่หลังกลับมาที่บ้านอย่างโดดเดี่ยว น้องสาวแท้ๆ อย่างน้องพรีมดันมีแฟนก่อนพี่เสียได้ บ้านหลังใหญ่ดูโล่งขึ้นมาถนัดตาเมื่อมาอยู่คนเดียว ฉัน‘เฟย์’ พ่อแม่ท่านมีบริษัทรีสอร์ทยักษ์ใหญ่ต้องดูแล ส่วนฉันที่เป็นลูกที่ดีก็ต้องเฝ้าบ้าน ปกติมักจะมีน้องพรีมมาคอยอยู่ด้วย แต่หลังจากนี้เจ้าตัวมีแฟน

ฉันเป็นสาวโสด ถึงแม้ว่าเพื่อนๆ จะชอบแซวเรื่องเกี่ยวกับพี่แจน แต่นั่นก็ไม่ได้อยู่ในสถานะที่จะเรียกว่าแฟนได้ เรียกว่ากำลังจีบจะเหมาะกว่า สาวเท้าไปนั่งที่โซฟา เหลือบมองเกม ps5 ว่าจะเปิดมันเล่นดีไหม

โทรหารายนั้นดีกว่า...

เสียงรอสายที่คุ้นเคย แค่โทรติดก็ใจชื้น บวกกับน้ำเสียงของเจ้าตัวที่กำลังงัวเงีย บอกได้ว่าอีกฝ่ายกำลังอารมณ์ไม่ดีอยู่

‘โทรมามีอะไร’ เป็นคำทักทายที่ค่อนข้างดุ ฉันลอบยิ้ม เพียงได้ยินเสียงเจ้าหล่อนก็ทำให้มีความสุขขึ้นมา

“คิดถึงค่ะ” จงใจกล่าวไปด้วยคำหวาน แต่แล้วปลายสายก็แทบจะตัดบท

‘ถ้าไม่มีอะไรวางนะ’ ฉันไม่ได้ว่าอะไร ปล่อยให้อีกฝ่ายตัดสายไป ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าทำอะไรอยู่หรือมีอะไรกวนใจถึงได้ดูอารมณ์เสียแบบนั้น

นัยน์ตาสีช็อคโกแลตเหลือบมองเครื่องเล่นเกมอีกครั้ง ถ้าได้เล่นคงไม่มีเวลามาฟุ้งซ่าน ฉันจึงเลือกที่จะเล่นเกมเพื่อระบายความเครียดออกมา

ยังจำได้ดีถึงวันแรกที่ได้เจอกับพี่แจน เจ้าตัวเป็นสาวสวยที่หาตัวจับได้ยาก เธอเป็นคนมีความสามารถในการบริหารเสน่ห์ เคยเป็นถึงดาวคณะบริหารธุรกิจ แม้จะไม่ได้เป็นดาวมหาลัย แต่ฉันคิดว่าเพราะกรรมการตาไม่ถึง

ครั้งแรกคิดว่าเธอสวยดี ครั้งที่สองเจอกันเพราะเธอย้ายเข้ามาเช่าอยู่บ้านข้างๆ กัน เคยคิดว่าเป็นโอกาสดีที่จะได้หลี่สาวสวยแต่แล้วก็ไม่ใช่เลย บ้านข้างๆ แม้แต่ปัจจุบันก็ทำได้แค่ดูว่าไฟเปิดอยู่หรือปิดอยู่เท่านั้น

ฉันจำครั้งแรกที่เราคุยกันได้ไม่ชัด เนื่องจากมันเป็นคืนสละโสดของเพื่อนพี่แจน ฉันในฐานะปาร์ตี้ชนก็ถูกชวนไปด้วย

เรามีเซ็กซ์.. และนั่นเป็นอะไรที่ฉันจำไม่ลืม เธอตรงใจฉันมากในเรื่องนั้น พวกเราเข้ากันได้ดี แต่ทุกอย่างมันต้องชะงักเมื่อเธอไม่คิดจะคบใคร เธอแค่บอกว่าพลาดเข้าผิดบ้าน หรือออกกำลังยามเบื่อ ติดที่ฉันมันเป็นคนไม่ยอมแพ้ เกิดมาทั้งชีวิตไม่เคยจีบใครไม่ติด และกับพี่แจนก็จะเป็นอย่างนั้น

ฉันปิดเครื่องเล่นเกม แล้วกดสั่งอาหาร พ่อกับแม่คงกลับดึกอีกตามเคย เมื่อต้องอยู่คนเดียวก็เลยสั่งอาหารแบบง่ายๆ มากิน ก้าวเท้าไปหยิบชุดคลุมอาบน้ำก่อนจะเดินเข้าไปชำระตัว

เดินพ้นออกจากประตูห้องน้ำมาไม่ทันไร เสียงเรียกเข้าโทรศัพท์ก็ดังขึ้นมา พอเปิดดูสายเรียกเข้าก็ต้องถอนหายใจ ขยับกายไปที่เตียงนอนก่อนกดรับ

“ฮัลโหลค่ะนิว—” ก็เป็นหนึ่งในสาวๆ ที่เคยจีบไว้ โดยใช้ให้โทรศัพท์จำชื่อแทน ฉันแทบจำรายละเอียดเกี่ยวกับพวกเธอไม่ได้ด้วยซ้ำ แต่ก็ยังคงรักษาความสัมพันธ์กับพวกเธอไว้อยู่

ใช้เวลาคุยโทรศัพท์อยู่พักหนึ่งก็ได้เวลาไปแต่งตัวก่อนไปรับอาหาร นั่งมองโทรศัพท์ที่ไม่เคยมีสายเรียกเข้าชื่อ‘แจน’ เข้ามาเลย หลังจากคืนนั้นของเรา พี่แจนไม่ได้บอกให้ลืมมันซะ เธอเพียงบอกว่าพลาดเมาและออกกำลังกายก่อนนอนก็เท่านั้น ฉันไม่รู้ว่ามันหมายถึงอะไร และตอนนี้ก็ยังไม่ได้คำตอบ

“คิดถึงอีกแล้วแฮะ” ใบหน้าคมเสมองแจ้งเตือนก็พบว่าไม่มีวี่แววของคนที่รอจะตอบข้อความกลับมา ใจแข็งเหลือเกิน แต่ไม่มีทางหรอกที่คนอย่างฉันจะยอมแพ้ จีบทุกวิธี มันก็ต้องมีสักวิธีแหละวะที่ได้ผล

ฉันเดินออกไปทางระเบียงที่ยื่นไปทางบ้านตรงข้าม โชคดีเหลือเกินที่ระเบียงของเรายื่นเข้าหากันและนั่นก็เป็นห้องนอนของพี่แจนพอดี ร่างระหงกับแก้วไวน์ในชุดนอนลูกไม้นั้นตราตรึง ใบหน้าสวยบัดนี้ฉายแววรำคาญเล็กน้อยแต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา

“ดาวสวยเนอะ” เป็นประโยคที่ไม่ต้องการคำตอบ จุดประสงค์คือให้เธอเหลือบตามองดาวก็เท่านั้น จะได้รู้ว่าเธอสนใจคำพูดของฉันอยู่บ้าง

“ง่วงแล้ว” คำที่จู่ๆ ก็ได้รับมาทำฉันยิ้มได้ สาวเริ่มชวนคุยแปลว่ามีใจโว้ย

“แล้วทำไมมานั่งดื่มคนเดียวอ่ะ” แอบสังเกตได้ว่าอีกฝ่ายถอนหายใจ มือควงแก้วไวน์เบาๆ แล้วจึงเอ่ยกลับมา

“เหงา”

“ให้อยู่เป็นเพื่อนไหม” ฉันรีบเสนอตัวเองด้วยความว่องไว แต่สุดท้ายก็ได้รอยยิ้มแห้งๆ กลับมา

“อยู่เป็นน้อง อย่าทะลึ่ง” เธอว่าก่อนขำเบาๆ พี่แจนรู้ ต้องรู้ดีอยู่แล้วว่าฉันชอบเธอ แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็ไม่เคยตอบรับกันอย่างจริงจังเลยสักหน เราสมน้ำสมเนื้อ หากฉันเป็นพวกเจ้าชู้ เธอเองก็บริหารเสน่ห์แบบไม่คิดคบใคร

“โห เป็นเพื่อนยังไม่ได้เลยอ่อ”

“ก็อายุน้อยกว่าทำไม”

“เด็กก็รักเป็นนะพี่” คำหวานที่ส่งไป ถูกตอบรับเพียงแค่รอยยิ้มเท่านั้น เธอยกแก้วไวน์ดื่มก่อนจะเอ่ยกลับมาอีกครั้ง

“แต่พี่ไม่ชอบเด็ก” ช่างเป็นคำตัดกำลังใจที่โหดร้าย ถึงอย่างนั้นก็ไม่ว่าเธอหรอก ไม่เคยจะว่าอะไรเลย ยังไม่ชอบกันก็ไม่เป็นไร ฉันพยายามบอกตัวเองแบบนั้น

“อยู่เป็นพี่น้องก่อนก็ได้” ฉันพยายามขนาดนี้แล้ว ก็ได้แต่ภาวนาให้เธอเห็นมัน

“เด็กดี” คำที่เธออาจไม่คิดอะไร กลับทำให้ฉันคิดไปไกล ดวงใจล่องลอยไปกับคำชมอย่างช่วยไม่ได้ อยากเป็นเด็กดี อยากเป็นเด็กของพี่แจน

“เด็กดีแล้วได้อะไรน้า”

“ดื่มกันไหม” เธอเปลี่ยนเรื่องเสียอย่างนั้น ขอทำตัวกะล่อนให้เหมือนตอนจีบผู้หญิงคนอื่นไม่เคยทำได้เสียที ช่างขัด ช่างตัดบทจริงๆ ผู้หญิงคนนี้

“พรุ่งนี้เรียนนะ” แต่ถึงอย่างนั้นก็ทำได้แค่ตามน้ำไป ว่ากันว่าหากอยากคุยกับเขา ให้คุยเรื่องที่เขาอยากคุย นั่นเป็นเรื่องจริง

“ไม่อยากไปเลย” เธอว่าก่อนยกแก้วดื่ม ฉันนึกอยากห้ามในใจ แต่ก็คิดได้ว่าบางทีไวน์อาจจะทำให้เธอคุยกับฉันมากขึ้นกว่านี้อีกนิด

“เรียนเช้าหรือเปล่า ไปพร้อมกันไหม” ฉันกล่าวไปอย่างจริงใจ ถ้าได้ไปมหาลัยพร้อมพี่แจน ไอ้พวกแก๊งค์ลิงเห็นคงต้องแซว ฉันไม่ได้เกลียด ออกจะชอบถ้าคำแซวนั้นเกี่ยวกับพี่แจน

ดวงตาสีอ่อนหลุบมองต่ำ ก่อนจะมองหน้ากันอีกครั้ง

“มาปลุกได้ไหม” นี่ฉันคงไม่ได้ฟังผิดไปใช่ไหม เธอให้โอกาสฉันเข้าไปถึงห้องนอนเลยเหรอ มันค่อนข้างเป็นพื้นที่ส่วนตัว

“เข้าพื้นที่ส่วนตัวเลยนะ” ร่างระหงหัวเราะคิกคักอีกครั้ง พร้อมคำพูดที่ทำให้ฉันไปไม่เป็น

“ส่วนตัวกว่านี้ก็เห็นหมดแล้ว” อึ้งกิมกี่ เสียวสันหลังวาบลงมาถึงท้องน้อย จากที่คิดว่าอยากทำตัวเป็นสุภาพบุรุษ มันเหมือนว่าหน้าแตกแล้วก็แตกซ้ำ

หรือว่าเธออ่อย หรือว่าเธอให้โอกาส หรือว่าเธอไม่ได้คิดอะไรเลย ความไม่รู้ที่เธอมอบให้พูดตามตรงว่านี่แหละเสน่ห์ของพี่แจน

“ไม่เห็น ตอนนั้นมืดมาก” ฉันกล่าวไปตามจริงพร้อมหัวเราะส่งท้าย เธอเองก็ขำกลับมาเช่นกัน

“แต่ว่าจะให้ปลุกจริงเหรอ” ถามย้ำอีกครั้งเพื่อความแน่ใจ

“ไม่อยากมาก็ไม่เป็นไร” เธอว่าก่อนจะทำท่าหันหลังกลับเข้าไปในบ้าน ทำให้ฉันต้องรีบ

“อยาก!” รีบตกลงให้ไว โอกาสแบบนี้ไม่ได้มีบ่อยๆ ใครจะโง่ปล่อยให้หลุดมือ ได้มีโอกาสเห็นหน้าเธอยามเช้าสดใส นั่งรอเธอเตรียมตัวแล้วไปมหาลัยพร้อมกัน เชี้ย อย่างแฟน อย่างเฉียบ

“ก็แค่นั้น” เธอว่าก่อนหันหน้ามามองกันอีกหน รินน้ำเมาสีเข้มลงในแก้วก่อนกระดกดื่มอีกครา ท่วงท่า ลำคอ และการดื่มกิน มันยากจะอธิบายได้ว่าทำไมเธอในท่วงท่านี้จึงสวยและเซ็กซี่

“มีเรียนกี่โมงอะ” ลอบถามเธอไป บางทีอาจจะได้จำไว้ว่าเธอมีเรียนกี่โมงของวันพรุ่งนี้

“มาปลุกเจ็ดโมงนะ” เธอว่าอย่างสบายๆ ทั้งที่ความจริงหากมีเรียนแปดโมง การตื่นเจ็ดโมงถือว่างานหยาบสำหรับผู้หญิงวัยนักศึกษา กว่าเธอจะอาบน้ำ แต่งหน้า ทำผม ปาไปกี่นาทีแล้ว

“ไหวเหรอ” ฉันถามซ้ำ เผื่อเธอไม่แน่ใจกับคำตอบที่บอกกันมา

“งั้นเจ็ดโมงครึ่ง” เฮ้ย นี่มันอะไรกัน ฉันเพิ่งรู้ว่าหลอดการนอนของเธอมันขยายใหญ่ขึ้นทุกทีๆ ทำไมเธอถึงรักการนอนขนาดนี้กันนะ

“เจ็ดโมงก็พอ” ฉันว่าอย่างเหนื่อยใจ คุยกับเธอมีแต่การนอนจะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ฉันไม่แน่ใจเลยว่าเธอใช้ชีวิตกับการนอนสิบสองชั่วโมงต่อวันได้อย่างไร แล้วฉันจะจีบเธอติดชาติไหนในเมื่อเธอเอาแต่นอน

“ใต้ตาคล้ำแน่” เธอว่าพลางถอนหายใจ อยากบอกเหลือเกินว่าถ้าใต้ตาคล้ำแล้วกลัวไม่สวย ถ้าเธอไม่สวยโลกนี้ก็ไม่มีใครสวยแล้ว คนอะไรใช้เวลาเตรียมตัวหนึ่งชั่วโมงถ้วนก่อนไปเรียน แต่สวยจนคนเหลียวหลัง

“ไม่ขนาดนั้น”

“เดี๋ยวไม่สวย” เจ้าตัวว่าพลางจับหน้าจับตาตัวเองอย่างกังวล เห็นแบบนี้ห่วงเรื่องความสวยความงามอยู่บ้างนะเนี่ย

“แล้วจะกินข้าวเช้าทันเหรอ” ฉันกล่าวอีกครั้งด้วยความเป็นห่วง

“กินแค่โยเกิร์ตกับขนมปัง” เธอตอบอย่างสบายๆ คำตอบนี้ไม่ถูกใจสายสุขภาพอย่างไอ้แพนและไอ้หมอกแน่ๆ แต่ถึงอย่างนั้นฉันไม่ว่าอะไรเธอหรอก

“กินผลไม้ไหม แวะซื้อเอา” เธอพยักหน้าเห็นด้วย เห็นไหมไอ้พวกลิงกัง คนสวยๆ เขาชอบคนออกความเห็น ไม่ใช่คอยขัดว่าควรหรือไม่ควรทำอะไร ไอ้พวกไม่มีสกิลจีบหญิงเอ๊ย

“งั้นเดี๋ยวไปปลุก”

“กุญแจอยู่ที่ก้อนหินปลอมอันที่สองหน้าบ้านนะ” ฉันเองได้แต่พยักหน้าช้าๆ มันจะดูปลอดภัยก็ปลอดภัย จะว่าไม่ก็ไม่เพราะมันเป็นกุญแจที่อยู่หน้าประตูเลย ถึงอย่างนั้นพี่แจนก็เป็นคนไม่ซับซ้อนดี

“อย่าล็อคห้องไว้นะ” ฉันกล่าวเตือนก่อนตั้งนาฬิกาปลุกมันเสียตรงนั้น

“กลัวไม่มาปลุกมากกว่า” โถ่คนสวยขา เอาอะไรมาพูด คนอย่างไอ้เฟย์ไม่เคยปล่อยโอกาสให้หลุดลอยไปอยู่แล้ว พอดีเห็นค่าของทุกโอกาสเลย

“อย่าดื่มจนเมา” ฉันเตือนสติเธออีกครั้ง ไม่รู้ว่าตัวเองเพิ่งทำหน้าที่เหมือนนาฬิกาปลุกของเธอไปแบบไม่รู้ตัว กลายเป็นห่วงเรื่องการนอนของเธอเสียอย่างนั้น

“แค่นี้ไม่เมาหรอก” เธอว่าก่อนยกไวน์ดื่มอีกครั้ง ฉันเองก็ไม่ได้ว่าอะไร รู้ดีว่าเธอคอแข็ง ถึงอย่างนั้นก็ขอแสดงความเป็นห่วงสักนิดเผื่อเธอประทับใจ

“นอนไหม” เมื่อฉันเสนอหัวข้อที่น่าสนใจเธอก็พยักหน้ารับเบาๆ ก่อนเดินหายเข้าห้องนอนไป

เชื่อได้เลยว่าหัวไม่ถึงหมอนก็หลับกลางอากาศแล้ว คนบ้าอะไรนอนสิบสองชั่วโมงต่อวัน หลับได้หลับดี หลับแบบนี้กูจะมีโอกาสจีบติดไหมเนี้ย หรือเรื่องนี้ต้องถึงมือโค้ชอย่างไอ้ไม้วะ ฉันได้แต่เกาหัวแกร่กๆ ยืนมองประตูห้องเธอจากฝั่งบ้านของตัวเองเงียบๆ

เมื่อเห็นว่าเธอปิดไฟ เตรียมนอนหลับแล้วฉันก็หยิบบุหรี่ออกมาสูบ พ่นควันพร้อมอีกมือแชทหาผู้หญิงคนใหม่ คนอย่างไอ้เฟย์มันไม่เคยหยุดจีบสาว เวลาเป็นความรักทั้งนั้น อย่าให้ใครมาดูถูกว่าอยู่ว่างๆ ไม่วิ่งตามหาความรัก

ฉันยังเป็นคนเดิม ไม่เคยคิดจะหยุดอยู่ที่ใคร มือหนึ่งทิ้งบุหรี่ก่อนจะรีบพิมพ์ตอบแชทสาวๆ ไป แม้ว่าการทำแบบนี้จะสนุก แต่เมื่อเหลือบมองพี่สาวข้างบ้านที่ปิดไฟนอนไปแล้วไม่รู้

เหมือนกันว่าทำไมถึงได้มีความรู้สึกแบบนี้

เหมือนกำลังนอกใจเธอ

อ่านต่อ

หนังสืออื่นๆ ของ Crying

ข้อมูลเพิ่มเติม

หนังสือที่คุณอาจชอบ

เมียผมน่ารักจัง

เมียผมน่ารักจัง

Penn Tofallis
4.9

กู้ชิงเฉิงเชื่อมั่นมาตลอดว่าตราบใดที่เธอประพฤติตัวดี สักวันหนึ่ง เธอก็จะสามารถชนะใจมู่ถิงเซียวให้ได้ อย่างไรก็ตาม เมื่อเสิ่นถัง รักแรกที่เขาคิดถึงมาตลอดกลับมา ทุกอย่างก็เปลี่ยนไป กู้ชิงเฉิงเป็นคนว่าง่ายสอนง่ายจริงๆ เธอจัดงานแต่งงานด้วยคนเดียว และนอนคนเดียวในห้องผ่าตัดเพื่อรับการรักษาฉุกเฉิน มีข่าวลือว่าเธอบ้าไปแล้ว อันที่จริงเธอบ้าไปแล้วจริงๆ ที่รักใครสักคนอย่างไม่ละอายขนาดนี้ ต่อมา ทุกคนลือกันว่า กู้ชิงเฉิงป่วยหนักและกำลังจะเสียชีวิต มู่ถิงเซียวถึงสูญเสียการควบคุมอย่างสิ้นเชิง "ฉันไม่ปล่อยให้เธอตาย" แต่เธอกลับยิ้มอย่างนิ่งๆ ว่า "ดีจังเลย ฉันเป็นอิสระแล้ว" ใช่แล้ว ไม่ต้องการกู้ชิงเฉิงอีกแล้ว"

สัญญารักลวงใจ

สัญญารักลวงใจ

Gorden Barros
5.0

เพื่อค่ารักษาของพ่อ ฟางจิ้งหร่านยอมแทนที่น้องสาว แต่งงานกับชายผู้เสื่อมเสียชื่อเสียงและหูหนวก คืนแรกของวันแต่งงาน เธอค่อยๆ ถอดชุดทีละชิ้น ด้วยความคาดหวัง... แต่กลับได้ยินเพียงคำเตือนเย็นชาจากเขา "การแต่งงานของเราเป็นแค่สัญญา" อยู่ข้างกายชายเจ้าอารมณ์คนนี้ ฟางจิ้งหร่านต้องระมัดระวังทุกเมื่อ โดยกลัวว่าจะทำเขาไม่พอใจเข้า ทุกคนรอคอยดูเธอเสียหน้า... แต่ใครจะไปคิดว่า สามีคนนี้กลับกลายเป็น"ที่พึ่งที่มั่นคงที่สุด"ของเธอ จนกระทั่งวันที่สัญญาครบกำหนด ฟางจิ้งหร่านถือกระเป๋าเตรียมตัวจะจากไป... ชายคนนั้นกลับมีดวงตาแดงก่ำ กระซิบขอร้องว่า "อย่าไป..."

บุตรเช่นข้า หาได้ต้องการบิดาเช่นท่าน

บุตรเช่นข้า หาได้ต้องการบิดาเช่นท่าน

จิ้งจอกสะท้านหม้อไฟ
5.0

หลินตงหยาง อายุ 27 ปี เติบโตมากับแม่เพียงสองคน ในวัยเด็กหลินตงหยางเคยมีพ่อผู้ให้กำเนิดแต่หลังจากที่พ่อได้งานใหม่ในเมืองหลวงพ่อที่เคยมีก็ไม่มีอีกแล้ว พ่อกลับมาหย่าขาดกับแม่ทันทีที่ไปทำงานในเมืองหลวงได้เพียง 2 เดือน ด้วยให้เหตุผลในการหย่าว่า แม่กับและเขาคือตัวถ่วงความเจริญในชีวิตพ่อ สาเหตุก็ไม่มีอะไรมากแค่พ่อหน้าตาหล่อเหลาและเป็นที่ถูกใจของลูกสาวหัวหน้างาน เพื่อตำแหน่งงานและความเป็นอยู่ที่สบายขึ้น พ่อเลือกที่จะทิ้งภรรยาคู่ทุกข์คู่ยากที่ผ่านเรื่องยากลำบากมาด้วยกัน หย่าขาดกับภรรยาเพื่อไปแต่งงานใหม่ มีชีวิตใหม่ในเมืองหลวง โดยทิ้งคนข้างหลัง ทิ้งภรรยาที่เคยสาบานว่าจะอยู่ครองคู่กันตลอดไป ในปีที่เขาเรียนจบมหาวิทยาลัย แม่ก็ล้มป่วยและจากเขาไปในที่สุด สาเหตุที่หลินตงหยางเสียชีวิต เพราะทำงานหนัก อาชีพโปรแกรมเมอร์ตัวเล็กๆ อย่างเขา ต้องพยายามทำงานให้ได้ตามที่หัวหน้าสั่งมา ในที่สุดเขาก็พัฒนาเกมกำลังภายในของบริษัทได้สำเร็จ หลินตงหยางนอนหลับไปด้วยความสบายใจ แต่ทว่าพอเขาลืมตาตื่นขึ้นมาอีกที นี่ไม่ใช่คอนโดหรูย่านใจกลางเมืองปักกิ่ง หลังคามุงหญ้านี่คืออะไร มันควรจะเป็นเพดานสีขาวสิ เมื่อมองไปรอบๆ ห้องนี่คืออะไร นี่มันไม่ใช่ผนังที่ทำมาจากคอนกรีต มันคือดินเหนียว หลินตงหยางคิดว่าตัวเองฝันไป เขาหลับตาลงอีกครั้งแล้วลืมตาขึ้น ทุกอย่างยังเหมือนเดิม มารดามันเถอะ เขามาอยู่ที่นี่ได้ยังไง หลังจากแน่ใจแล้วว่าไมไ่ด้ฝัน ตอนนั้นเองเขารู้สึกปวดหัวขึ้นมาอย่างรุนแรง และในหัวของเขามีภาพเหตุการณ์ของเด็กชายที่ชื่อเดียวกับเขา หลินตงหยาง อายุ 10 ขวบ เรื่องราวชีวิตตั้งแต่เกิดจนตายไปของเด็กชาย ทำเอาหลินตงหยางกำมือแน่น ก่อนจะสบถออกมา “พ่อสารเลว เฉินซื่อเหม่ยชัดๆ” และตามมาด้วยเสียงร้องไห้ของน้องสาว สาเหตุที่เด็กชายหลินตงหยางเสียชีวิต เพราะถูกผู้ที่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นย่าแย่งผักป่าและทุบตี ทั้งๆ ที่คนพวกนั้นได้ตัดขาดพับพวกเขาสามแม่ลูกแล้ว แต่ยังมิวายข่มเหงรังแก

บท
อ่านเลย
ดาวน์โหลดหนังสือ