นางร้ายของท่านเสนาบดี

นางร้ายของท่านเสนาบดี

l3oonm@

5.0
ความคิดเห็น
18.9K
ชม
52
บท

ซูหนี่นักแสดงเจ้าบทบาท วันหนึ่งเธอได้รับติดต่อให้รับบทนางร้ายที่ต้องตายเมื่อออกได้เพียงสามตอน ผู้กำกับนัดเธอให้ออกไปรับบทที่ร้านอาหารแห่งหนึ่งเมื่อตกลงกันได้แล้ว เธอก็กล่าวขอบคุณแล้วนัดคิวถ่ายทำกัน ซูหนี่อ่านบทของเธอที่มีเพียงน้อยนิด นางร้ายคนนี้ทำให้เธอโมโหอย่างมาก เป็นสตรีที่วางยาเพื่อให้ได้ แต่งกับบัณฑิตหนุ่ม จ้าวหนิงหลง เมื่อฝ่ายชายรังเกียจนางก็ยิ่งแสดงความร้ายกาจออกมา เมื่อจ้าวหนิงหลงสอบเป็นจวี่เหรินได้ นางก็จบชีวิตลง ถึงบทที่เธอได้รับจะออกมาให้คนดูได้เห็นเพียงไม่กี่ตอน แต่การแสดงที่เข้าถึงทำให้คนจดจำได้ ไม่ใช่เพียงคนชื่นชมเท่านั้น เธอยังทำให้แม่ค้าเกลียดจนด่าเธอกลางตลาดมาแล้ว เมื่อเธอทำทีไปเดินเพื่อเช็คความนิยม มีแม่ค้าคนหนึ่งเข้าถึงอารมณ์ในการแสดงเยอะไปหน่อย วิ่งไล่ปาไข่ไก่ใส่เธอจนนางเตลิด ไม่ได้ดูทาง จึงทำให้รถที่วิ่งมาเร็วชนเข้า เธอตื่นมาอีกครั้งในร่างของซูหนี่นางร้ายที่เธอได้รับบทบาท และที่ในบทไม่มีเหมือนกันคือซูหนี่มีลูกน้อยวัยสามขวบถึงสองคน เธอจะทำอย่างไรต่อไป จะหนีความตายที่ใกล้จะเกิดขึ้นได้หรือไม่

บทที่ 1 แสดงดีจนเป็นเรื่อง

"คุณซูหนี่ คิดยังไงคะที่รับบทบาทนี้" นักข่าวสัมภาษณ์เธอ

"ยินดีมากเลยค่ะ ที่คุณหม่า เลือกฉัน ถึงบทจะออกมาได้กี่ตอน แต่ฉันอยากให้ทุกคนได้ติดตามนะคะ ครั้งนี้ฉันร้ายมากเลยค่ะ" เธอสัมภาษณ์ไปหัวเราะยิ้มแย้มไป รอยยิ้มของเธอไม่ว่าจะมากหรือน้อยก็ตรึงใจทุกคนได้

ชีวิตในวงการของเธอ เธอแสดงมาทุกบทแล้ว แต่ที่ยอมมาเล่นเพียงไม่กี่ตอนในเรื่องนี้เพราะคุณหม่าผู้กำกับมือทองที่ยื่นโอกาสในครั้งแรกให้เธอจนมีทุกวันนี้ เมื่อเขาส่งบทมาให้เธอจึงตอบรับทันที

ซูหนี่เป็นคนที่ทำงานด้วยง่ายไม่ว่าจะเป็นช่างแต่งหน้าหรือคนดูแลล้วนชื่นชอบเธอทั้งนั้น วันไหนเธอว่างมักจะออกไปเดินที่ตลาดสดเพื่อซื้อของมาทำอาหาร นี่คืออีกอย่างที่เธอทำได้ดีรองลงมาจากการแสดง

เธอเรียนจบด้านเชฟมาโดยตรง ตอนแรกเธอเปิดร้านอาหาร ร้านอาหารของเธอนั้นขายดีจนมีชื่อเสียง ดารา อินฟลูเอนเซอร์ล้วนแล้วแต่เข้ามาถ่ายทำ เธอจึงมักได้ออกหน้าโซเซียลเป็นประจำ จนไปเข้าตาผู้กำกับเม่า เขาเรียกเธอมาลองแสดงให้ดู หลังจากนั้นมาเธอจึงได้รับโอกาสอีกมากมาย

และวันนี้ก็เป็นอีกวันที่เธอมาเลือกซื้อของเพื่อนำกลับไปทำอาหารเอง อีกอย่างเธออยากจะลองเช็คความนิยมจากบทบาทล่าสุดที่เธอได้รับอีกด้วย เสียงชื่นชมจากแม่ค้าที่สนิทกันดังไม่ขาดระยะ แต่ก็มีแม่ค้าที่เจ้าถึงอารมณ์เกินไปด่าทอ เมื่อนึกไปถึงความร้ายกาจในบทของเธอ

"โอ๊ยยยย ยังมีหน้ามาเดินตลาดอีกนะนังซูหนี่" เธอชะงักไปแล้วหันไปยิ้มหวาน

"คุณป้าด่าฉันหรือด่าซูหนี่บทที่ฉันแสดงคะ" เธอถามกลับด้วยรอยยิ้ม เธอภูมิใจที่คนดูโมโหเช่นนี้ เพราะแสดงว่าเธอแสดงได้ถึงบทบาท

"ยังมีหน้ามาถาม แย่งผู้ชายของลี่อินแล้วยังมีหน้ามาลอยหน้าลอยตาอยู่อีกหร๊ออ" หน้าของเธอเริ่มจะยิ้มไม่ไหวแล้ว

"คุณป้าคะ นั่นคือการแสดงนะคะ แต่ฉันดีใจนะคะที่คุณป้าชอบ"

"ใครจะไปชอบแกลงร้ายขนาดนั้น" คุณป้าไม่ได้พูดเปล่า แต่หยิบไข่ไก่ปาใส่เธอด้วย

"ว๊ายยย คุณป้าหยุดก่อนค่ะ" จากนั้นแม่ค้าคนอื่นก็ช่วยห้ามทั้งยังให้เธอหลบออกไปก่อน

ซูหนี่ตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ทุกครั้งก็มีเสียงด่าทอบ้างแต่ไม่ถึงกับลงไม้ลงมือแบบนี้ เธออับอายจนต้องรีบวิ่งไปที่รถ แต่เธอมัวแต่หันหลังกลับไปมองว่าป้าคนนั้นยังตามเธอมาหรือเปล่าจนไม่ได้มองทางข้างหน้า

รถส่งของวิ่งมาด้วยความเร็วจึงทำให้ซูหนี่โดนชนอย่างแรง หลังจากนั้นเธอก็ไม่รับรู้สิ่งใดอีกเลย

"ท่านพี่นางตายแล้วหรือยัง"

"คงตายแล้ว ข้าเรียกนางแล้วไม่เห็นนางจะขยับตัวเลย"

"เช่นนั้น เช่นนั้น พวกเราจะไม่ถูกตีแล้วใช่หรือไม่ท่านพี่"

"ใช่ รอให้ท่านพ่อกลับมาจัดการกลับนางเถิด"

'เสียงเด็กที่ไหน แล้วใครปล่อยให้เด็กเข้ามาในห้องพักของเธอ' ซูหนี่ที่เจ็บปวดไปทั้งตัว ลืมตาไม่ขึ้น เธอจำได้ว่าก่อนหน้านี้เธอโดนรถชน ตอนนี้เธอคงอยู่ในโรงพยาบาลสักแห่ง แต่ทำไมพยาบาลถึงปล่อยให้เด็กเล็กเข้ามาในห้องพักของเธอได้ ยิ่งคิดยิ่งปวดหัว เธอจึงนอนต่อ

"ท่านพ่อ นางตายแล้วใช่หรือไม่ขอรับ" เสียงเด็กชายรอคำตอบอย่างมีความหวัง

"นางยังไม่ตาย พวกเจ้าไม่ต้องไปสนใจนาง ปล่อยนางไว้เช่นนั้น" เสียงบุรุษเอ่ยขึ้นอย่างเย็นชา

ซูหนี่รู้สึกตัวอีกครั้งภายในห้องก็มืดมิดแล้ว นางพยายามลืมตาขึ้นมา กว่าจะทำให้สายตาคุ้นชินก็นานเกือบครึ่งชั่วโมง 'โรงพยาบาลจะประหยัดไปไหน แม้แต่ไฟสักดวงก็ไม่เปิด'

กลิ่นเหม็นหืนลอยเข้าจมูก เสื้อผ้าที่เธอใส่ก็ดูไม่สบายตัว เธอคลำหาโทรศัพท์ที่มักจะติดตัวอยู่เสมอ โรงพยาบาลนี้ทำไมหมอนแข็งแบบนี้ ไหนจะเตียงไม้นี้อีก ฟูกรองนอนก็บางจนเธอปวดหลังไปหมด เธอหิวน้ำจึงคลำไปมั่วไปหมด

"ไม่ใช่แล้ว" ซูหนี่มองไปรอบๆตัว นี่ไม่ใช่โรงพยาบาลแต่มันคือที่ไหน เธอเริ่มกลัวขึ้นมา เธอลงจากเตียงแล้วเปิดประตูออกไปด้านนอก อาศัยแสงไฟมองไปรอบๆตัว เธออยู่ในกระท่อมที่ไหน

ซูหนี่เดินออกไปนอกบ้าน ด้านหลังมีห้องครัวอยู่ในโอ่งยังมีน้ำเธอไม่รู้ว่าน้ำในนี้ไว้ใช้ทำอะไรแต่ตอนนี้เธอหิวน้ำจนทนไม่ไหวแล้ว เมื่อหาแก้วได้เฮก็ตักน้ำในโอ่งดื่มทันทีโดยไม่ได้ระวังเลยว่าแก้วที่ใช้เป็นอย่างไร ขอบแก้วที่บิ่นบาดเข้ากับปากของเธอ

"โอ๊ยยย เจ็บชะมัด" เธอจับปากจึงได้รู้ว่ามีเลือดไหลออกมา

"เจ้าทำอันใด" เสียงตวาดเหมือนฟ้าผ่า ทำให้เธอสะดุ้งตกใจ จนถอยหลังหนีทันที ซูหนี่ชนเข้ากับโอ่งจนล้มลงไป แก้วในมือก็หล่นแตกจนบาดเข้ากับมือของเธอ

เจ็บ เธอเจ็บจนน้ำตาคลอ ไม่ได้ฝัน เธอไม่ได้ฝันอยู่แล้วนี่เธออยู่ที่ไหน ผู้ชายที่ยืนอยู่มองมาเหมือนอยากจะเอาชีวิต รอบข้างที่มองยังไงก็ไม่คุ้นตา เหมือนจะอยู่ในชนบทที่ห่างไกลความเจริญที่ไหนสักแห่ง แสงไฟไม่มีมีแค่แสงจากดวงจันทร์

อ่านต่อ

หนังสืออื่นๆ ของ l3oonm@

ข้อมูลเพิ่มเติม
จองจำรักร้าย

จองจำรักร้าย

ผจญภัย

5.0

จินเยว่ ตำรวจสาว เธอได้รับภารกิจให้เข้าจับกุมพ่อค้ายาเสพติดรายใหญ่ ที่สายข่าวได้แจ้งเข้ามาวันนี้จะมีการเจรจาซื้อขายครั้งใหญ่เกิดขึ้น ผู้บังคับบัญชาให้จินเยว่ที่ตอนนี้เป็นถึงหัวหน้าสายสืบ พาลูกน้องไปสำรวจพื้นที่ก่อน อย่าเพิ่งเข้าปะทะเพราะเขาจะส่งกองกำลังเข้าไปช่วยเหลือ แต่ลูกน้องของจินเยว่เห็นโอกาสที่จะเข้าจับกุมได้แล้ว เลยไม่รอกองกำลังพิเศษที่กำลังเดินทางมาช่วยเหลือ ตอนแรกคิดว่าพ่อค้ายาเสพติดจะพาคนมาฝ่ายละไม่เกินยี่สิบคน แต่กลายเป็นว่าเธอโดนซ้อนแผนเสียแล้ว จะถอยก็ไม่ทัน จินเยว่เข้าช่วยลูกน้องจนเธอได้รับบาดเจ็บสาหัส ระหว่างความเป็นกับความตาย สติของเธอเริ่มพร่ามัว เสียงเรียกที่ได้ยินแยกไม่ออกว่าเป็นใครเรียก แต่เธอจำได้ว่ากองกำลังพิเศษมาช่วยไม่ทัน ตอนที่เธอถูกยิงไม่ใช่ว่าจะโดนแค่นัดเดียวทางรอดย่อมไม่มี แต่ตอนนี้ใครกันที่เรียกเธอ หากเป็นหมอก็รักษาเลย ฉันขอนอนต่อก่อน แต่หากเป็นยมทูตรอสักครู่ฉันไม่ได้นอนเต็มตาเช่นนี้มาหลายคืนแล้ว "จินเยว่ ลูกรัก ตื่นเถิดลูก" "จินเยว่ อย่าเงียบเช่นนี้ เจ้าอย่าทำให้แม่กลัว"

ข้าไม่เป็นแล้ว ภรรยาผู้แสนดี

ข้าไม่เป็นแล้ว ภรรยาผู้แสนดี

โรแมนติก

5.0

หลิวเยว่ชิง สาวงามของเมืองหลวง บุตรสาวของท่านหมอหลวงหลิว ความงามของนางเป็นที่ประจักษ์ ทั้งเรื่องความสามารถเรื่องการรักษานางก็เก่งไม่แพ้ผู้เป็นบิดา แต่เพราะด้วยที่นางเป็นสตรี นางจึงมิอาจเดินตามรอยเท้าของบิดาได้ ทำได้เพียงรักษาให้กับสตรีที่ต้องการความช่วยเหลือจากนาง นางยังคิดจะเปิดโรงหมอ เพื่อรักษาให้กับสตรีโดยเฉพาะ แต่เพราะคู่หมั้นของนาง กงหลี่เฉียงมิเห็นด้วย นางจึงได้เลิกล้มไปเสีย นางแต่งให้กงหลี่เฉียงท่ามกลางความเสียดายของบุรุษมากมายในเมืองหลวง งานมงคลของนางเป็นที่พูดถึงนานหลายเดือน เพราะสินเดิมที่บิดาจัดเตรียมให้ เรียกได้มามากมายจนไม่ต้องทำสิ่งใดอีกแล้ว นางใช้ชีวิตเป็นฮูหยินของกงหลี่เฉียง ดูแลจวน ทั้งยังดูแลแม่สามีที่เจ็บป่วยอยู่เสมอ จนมีแต่คนเอ่ยชมกงหลี่เฉียงที่ได้ภรรยาเช่นนางไปครอบครอง ในวันแต่งงาน เรื่องที่ไม่อาจไม่พูดถึงไม่ได้คือเรื่องคำสาบานของกงหลี่เฉียง “ข้ากงหลี่เฉียง ขอสาบานต่อฟ้าดิน ว่าชีวิตนี้จะมีเพียง หลิวเยว่ชิงเป็นภรรยาเพียงผู้เดียว” เรื่องนี้ยังสร้างความอิจฉาให้กับเหล่าสตรีในเมืองหลวงอยู่นานหลายเดือน หากบุรุษบ้านใดที่รับอนุเพิ่ม จะถูกเปรียบเทียบกับกงหลี่เฉียงในยามนั้นทันที แต่แล้วความสุขของนางก็อยู่ได้ไม่นาน หลังแต่งงานได้เพียงสองปี กงหลี่เฉียงที่เพิ่งจะได้รับตำแหน่ง รององครักษ์เสื้อแพรมาหมาดๆ ก็พาญาติผู้น้องของเขา ตู้ซิงเยียน เข้าจวนในตำแหน่งฮูหยินรอง เรื่องนี้สร้างข่าวลือไปทั่วเมืองหลวง เพราะไม่คิดว่า กงหลี่เฉียงที่กล้าเอ่ยคำสาบานในวันงานแต่งเช่นนั้น จะกล้ารับสตรีเข้าจวนได้อีก “ท่านทำกับข้าเช่นนี้ได้อย่างไร” หลิวเยว่ชิงดวงตาแดงก่ำ มองกงหลี่เฉียงประคองตู้ซิงเยียนอยู่หน้าเรือนของนาง น้ำตาค่อยๆ ไหลออกมาจากดวงตาคู่งามของนาง บ่าวไพร่ที่รู้จักฮูหยินน้อยว่านางแสนดีเพียงใด ก็อดจะเห็นใจนางไม่ได้ “บุรุษใดเล่าในเมืองหลวงที่ไม่มีสามภรรยา สี่อนุ” กงหลี่เฉียงเอ่ยออกมาอย่างหน้าด้านๆ โดยที่ตัวเขาก็หลงลืมเรื่องคำสาบานในวันแต่งงานไปแล้ว “หึ เช่นนั้นรึ ท่านคงหลงลืมไปแล้วกระมังเรื่องคำสาบาน” “แล้วอย่างไรเล่า ชิงชิง เจ้าแต่งเข้าจวนข้ามาสองปี ท้องเจ้ายังมิได้เรื่อง หากข้ารับเยียนเออร์เข้าจวนจะผิดอันใดเล่า” “อ้อ เพราะเรื่องนี้อย่างนั้นรึ” นางยิ้มเยาะตนเอง เป็นนางที่คิดแทนผู้เป็นสามี ไหนจะเรื่องภายในจวน ที่ค่าใช้จ่ายทั้งหมดล้วนต้องควักมาจากสินเดิมของนาง ไหนจะเรื่องของอาการป่วยของแม่สามีที่แทบจะเรียกหานางทุกหนึ่งชั่วยาม นางและเขาจึงคิดตรงกันเรื่องที่ยังไม่อยากมีบุตร ทุกครั้งที่ร่วมรักกันนางจึงกินยาห้ามครรภ์มาตลอด แต่การที่หวังดีต่อเขาเช่นนี้ ไม่คิดเลยว่าเขาจะกล้าหักหาญน้ำใจของนาง “หากท่านดึงดันจะรับนางเข้าจวน เช่นนั้นก็หย่าขาดจากข้าเสีย” “เพ้ย ไม่หย่า เจ้าอย่าได้ใจแคบนักเลย เยียนเออร์ย่อมเชื่อฟังเจ้าอย่างดี ไม่ดีหรือที่จะมีคนมาช่วยดูแลเรือนเพิ่มอีกคน” “วาจาของท่านช่างน่าขันนัก หากข้าไม่รับน้ำชาของนาง นางรึจะเข้ามาอยู่ในจวนได้” “หึ ต่อให้เจ้าไม่รับน้ำชาของนาง นางก็เข้ามาอยู่ในจวนได้ เพราะเยียนเออร์นางตั้งครรภ์แล้ว” คำพูดของกงหลี่เฉียง เหมือนฟ้าผ่าลงมากลางศีรษะของเยว่ชิง นางเกือบจะล้มไปกองกับพื้น ยังดีที่สาวใช้ของนางเข้ามาประคองนางไว้เสียก่อน เขาให้นางกินยาห้ามครรภ์มาโดยตลอด แต่กลับพาญาติผู้น้องที่ตั้งครรภ์กลับเข้ามาในจวน นางจะทนฟังเรื่องเช่นนี้ได้อย่างไร “อาอิง เจ้าไปเก็บของข้าจะกลับจวนตระกูลหลิว” นางเอ่ยสั่งสาวใช้ที่ติดตามนางมาจากบ้านเดิม “หยุด!!! หากเจ้าจะไปก็กลายเป็นศพออกไปเสีย แต่งเข้าตระกูลกงแล้ว ถึงตายก็ต้องเป็นผีตระกูลกง” กงหลี่เฉียงตวาดออกมาเสียงดัง แต่ที่น่าขันที่สุดเห็นจะเป็นแม่สามีของนาง กลับลุกออกมาจากเรือนของนางได้ ทั้งๆ ที่ในแต่ละวันล้วนแต่นอนป่วยอยู่บนเตียง “ใช่แล้ว อาเฉียงพูดถูก หากเจ้าจะออกไปก็ต้องกลายเป็นวิญญาณเท่านั้น” นางเดินเข้าไปจับมือของซิงเยียนราวกับปลอบใจนางที่ได้รับความไม่ยุติธรรม "หึหึ ท่านแม่ ท่านหายป่วยแล้วรึเจ้าคะ” นางจ้องมองพวกเขาอย่างโกรธแค้น ไม่ว่ายาดีอันใดที่นางเพียรหามารักษา สมุนไพรราคาแพงนางก็ยอมจ่ายเงินซื้อ ก็ไม่อาจทำให้แม่สามีของนางลุกขึ้นมาจากเตียงได้ เห็นทีคงเป็นเพียงละครงิ้วบทหนึ่งเท่านั้น “ข้าเป็นอันใดอย่างงั้นรึ” นางมองเยว่ชิงด้วยใบหน้าที่ใสซื่อ ราวกับว่ากำลังถูกเยว่ชิงใส่ร้าย “ข้าเข้าใจแล้ว เป็นข้าที่โง่เขลามาตลอด ทั้งเรื่องค่าใช้จ่ายในจวนที่มาจากสินเดิมของข้า และเรื่องรักษาท่าน เพื่อให้หลี่เฉียงมีเวลาไปอยู่กับแม่นางตู้ หึหึ ตัวข้าช่างน่าขันนัก” ใบหน้าของสองแม่ลูกเบ้อย่างไม่น่ามอง เมื่อถูกเยว่ชิงเปิดโปงเรื่องที่พวกเขานำสินเดิมของนางมาใช้จ่าย นางหัวเราะออกมาราวกับคนเสียสติ ก่อนจะกระซิบสั่งสาวใช้ที่อยู่ข้างกาย “ฮูหยิน” นางเอ่ยเรียกเสียงสั่น “ไปเอามา” นางเอ่ยเสียงเบา พร้อมกับผลักสาวใช้เบาๆ อาอิงรู้ดีว่าคุณหนูของนางใจกล้าเพียงใด แต่ไม่คิดว่านางจะเลือกหนทางนี้ แต่ก็ยังไปทำตามคำสั่งอยู่ดี ทั้งสามไม่รู้ว่า สองนายบ่าวกระซิบกระซาบอันใดกัน ได้แต่มองอาอิงหมุนตัวกลับเข้าไปในเรือนอย่างสงสัย เมื่อนางกลับมาพร้อมมีดสั้นในมือ ทั้งสามก็มีใบหน้าที่ซีดขาวอย่างเห็นได้ชัด “เจ้าจะทำอันใด” กงหลี่เฉียงดันตัวตู้ซิงเยียนไปไว้ด้านหลัง ยิ่งทำให้เยว่ชิงปวดใจมากกว่าเดิม บุรุษที่นางเลือกเองกับมือ กล้าทำร้ายจิตใจของนางมากถึงเพียงนี้ แต่เรื่องนี้จะโทษใครได้ หากเขาไม่เอาใจใส่นางตลอดหลายปีก่อนที่จะแต่งงาน นางจะเลือกเขาได้อย่างไร ทั้งหน้ากากบุรุษแสนดีที่เขาสวมไว้ ทำให้นางเชื่อหมดใจว่าเขารักนางมากจริงๆ เยว่ชิงเดินเข้าไปหาทั้งสามคนช้าๆ พร้อมทั้งกำมีดในมือแน่น “กง หลี่ เฉียง ท่านฟังคำข้าให้ดี” นางยิ้มเย็นออกมาอย่างน่ากลัว “เจ้า เจ้า อย่าได้คิดบ้าๆ เด็ดขาด” “ข้า หลิวเยว่ชิง ชาตินี้คิดผิดที่เลือกบุรุษเช่นท่านเป็นสามี หากมีชาติหน้าจริง ขออย่าได้พบเจอท่านอีก หากพบเจอก็ให้นึกรังเกียจราวกับพบเดรัจฉาน ข้าขอให้ท่านมิได้สิ่งใดหรือสมหวังเรื่องใดอีกเลย” เยว่ชิงใช้มีดสั้นในมือของนางปักเข้าที่หัวใจของนางทันที

หนังสือที่คุณอาจชอบ

หลินซือเยว่ผู้นี้ มีสามชะตาในคราเดียว

หลินซือเยว่ผู้นี้ มีสามชะตาในคราเดียว

มาชาวีร์
5.0

หลังผ่าตัดนักพรตเฒ่าผู้หนึ่งนั้น นางวูบหมดสติและเสียชีวิตลงไป ลืมตาตื่นขึ้นมาอีกที ก็อยู่ในร่างของคุณหนูปัญญาอ่อนที่มีชื่อเดียวกันผู้นี้เสียแล้วทั้งยังจำอดีตชาติยามเป็นปรมาจารย์เต๋าได้อีกด้วย +++ 1 : ไล่ออกจากอารามไท่ผิงกวน แคว้นจิ้น ราชวงศ์เซวียน อารามไท่ผิงกวน “ไป ๆ อาจารย์ขับไล่พวกท่านออกจากอารามแล้ว อย่าได้มาเหยียบที่นี่อีก” “ศิษย์พี่รองรีบปิดประตูเร็วเข้า !” ตุบ ! ห่อผ้าสองห่อถูกโยนออกมาจากประตูอาราม ปัง ! ตามด้วยเสียงปิดประตูลงสลักอย่างหนาแน่น สตรีนางหนึ่งยืนตัวตรงเป็นสง่า เสื้อผ้ากับเส้นผมของนางปลิวไสวดั่งไผ่ลู่ลม หลินซือเยว่เงยหน้าขึ้นมองป้ายชื่ออารามไท่ผิงกวนด้วยสายตาเลื่อนลอย อาศัยอยู่ที่นี่มานานเท่าใดแล้วนะ บางครั้งนางเองก็ลืมเลือนวันเวลาไปเหมือนกัน “คุณหนูเจ้าคะ ศิษย์น้องทั้งสองของท่านทำเกินไปแล้วนะเจ้าคะ เหตุใดถึงไล่พวกเราสองคนออกจากอารามได้เล่า” เผิงฉือกระทืบเท้าเบา ๆ ตรงไปฉวยห่อผ้าทั้งสองบนพื้น ขึ้นมาคล้องแขนตัวเองไว้ “หากไม่ได้รับคำสั่งจากอาจารย์ ศิษย์น้องทั้งสองคงไม่กล้าขับไล่ข้าออกจากอารามหรอก” น้ำเสียงของนางสงบนิ่งฟังแล้วสบายหูยิ่งนัก หาได้มีความโกรธเกลียดแต่อย่างใด “นั่นรถม้า” นิ้วเรียวสวยชี้ไปยังรถม้าคันที่มีคนนั่งเฝ้าอยู่ “ป้าเผิงไปถามดูว่าใช่รถม้าของเราหรือไม่” เผิงฉือไม่รอช้ารีบตรงไปหาคนเฝ้ารถม้าที่อยู่ใต้ต้นไผ่ในทันที ไม่ช้านางก็กลับมาพร้อมกับรอยยิ้มนิด ๆ “เป็นรถม้าของเราจริง ๆ เจ้าคะคุณหนู คนขับบอกว่าเป็นคนของตระกูลหลินเจ้าค่ะ ได้รับคำสั่งจากท่านพ่อของคุณหนู ให้มารับคุณหนูกลับตระกูลหลินเพื่อไปแต่งงานเจ้าค่ะ” “กลับไปแต่งงานนี่เอง” นางเอ่ยเหมือนไม่ใช่เรื่องใหญ่ หันหลังกลับไปทางประตูอาราม ประสานมือค้อมตัวคำนับลาอาจารย์ เผิงฉือเห็นเช่นนั้นก็อดที่จะคำนับตามนางไม่ได้ ภายในอารามไท่ผิงกวน “อาจารย์เหตุใดถึงไม่บอกลากับศิษย์พี่ใหญ่ไปตรง ๆ ล่ะ ทำเช่นนี้นางไม่โกรธท่านไปจนวันตายเลยรึ” เหอกุ้ยแม้มีอายุยี่สิบแปดปีแล้ว ทว่าเขากราบเป็นศิษย์เจ้าอาวาสชุนหวังเหล่ยหลังสตรีผู้นั้น จึงได้เป็นเพียงแค่ศิษย์พี่รองเท่านั้น “นั่นสิอาจารย์ ศิษย์พี่ใหญ่นางไม่เคยออกจากอารามไปไหนไกล ท่านทำเช่นนี้ไม่ใช่ขับไล่นางไปสู่ความตายหรอกรึ” จางเจียเฟิ่งเห็นด้วยกับศิษย์พี่รองของเขา “ให้มันน้อย ๆ หน่อยเจ้าศิษย์โง่ทั้งสอง พวกเจ้าคิดว่าอารามไท่ผิงกวนแห่งนี้ สามารถอยู่รอดมาได้เพราะใครกัน หากไม่ใช่เพราะฝีมือของศิษย์พี่ใหญ่ของพวกเจ้า เห็นนางเงียบ ๆ แบบนั้น ความคิดนางกว้างไกลยิ่งนัก อาจารย์อย่างข้ายังเทียบนางไม่ติดด้วยซ้ำไป” เจ้าอาวาสชุนปีนี้อายุอานามปาเข้าไปหกสิบห้าปีแล้ว ทว่าร่างกายยังแข็งแรง อารามเต๋าแห่งนี้มีวิถีแบบไม่เคร่งครัด ใช้ชีวิตเยี่ยงฆราวาสผู้หนึ่ง สามารถแต่งงานมีครอบครัวได้ “อาจารย์นางอยู่ในอารามวาดยันต์กันภัยให้ชาวบ้านที่มากราบไหว้ ตั้งโต๊ะรักษาโรคภัยให้ผู้คนในตัวอำเภอฝู แต่หนนี้นางต้องกลับบ้านไปเพื่อแต่งงาน นางบริสุทธิ์ถึงเพียงนั้นมิถูกสามีจับกลืนกินจนไม่เหลือกระดูกหรอกรึ” เหอกุ้ยนึกภาพเทพเซียนผู้สูงส่งอย่างหลินซือเยว่ หากต้องร่วมเตียงกับบุรุษหยาบกระด้าง เพียงเท่านั้นเขาก็ทำใจไม่ได้จริง ๆ แทบอยากจะไปแย่งตัวศิษย์พี่ใหญ่ของตัวเองกลับคืนมา “เลิกคร่ำครวญได้แล้ว กลับไปกวาดลานอารามกับตรวจดูน้ำมันตะเกียงให้เรียบร้อย ศิษย์พี่ใหญ่ของพวกเจ้าไม่อยู่ เจ้าทั้งสองต้องรีบร่ำเรียนศึกษาหาความรู้ อารามไท่ผิงกวนจะได้เจริญรุ่งเรืองในภายภาคหน้าต่อไปได้” เจ้าอาวาสชุนทำเสียงดังใส่ลูกศิษย์ทั้งสอง “ไป ๆ ข้าจะสวดมนต์” โบกมือไล่ทั้งคู่ให้ออกจากห้องสวดมนต์ไป เจ้าอาวาสชุนรีบลุกไปปิดประตูลั่นกลอน ท่าทางลุกลี้ลุกลนจนผิดปกติ ย่องเบา ๆ ไปที่ใต้เตียงนอน ดึงหีบไม้เก่าเก็บออกมา ครั้นกดสลักเปิดออก ก็พบตั๋วเงินจำนวนสามพันตำลึงอยู่ในนั้น ตระกูลหลินที่ไม่ได้บริจาคน้ำมันตะเกียงมาหลายปี จู่ ๆ ก็ส่งตั๋วเงินมาให้ พร้อมกับขอรับคนกลับไปเพื่อแต่งงาน ช่วงนี้ชาวบ้านมาทำบุญที่อารามน้อยลง หลินซือเยว่ก็ไม่รู้ว่าเกิดอันใดขึ้นกับนาง ถึงไม่ยอมลงจากอารามไปรักษาผู้คน รายได้เลยหายหดแทบจ่ายอาหารการกิน(สุรานารี)ไม่พอ ตั๋วเงินสามพันตำลึงนี่มาได้ทันเวลาพอดี ! แครก ๆ ๆ ๆ เสียงกวาดลานหน้าอารามดังขึ้นพร้อมกับเสียงบ่นของเหอกุ้ย “ข้ารู้ว่านางเก่งเอาตัวรอดได้ ข้าเพียงไม่อยากให้นางไปก็เท่านั้น” “ศิษย์พี่รองท่านอย่าได้เสียใจไปเลย ไม่ใช่ว่ามีแต่นางที่ต้องแต่งงานมีครอบครัว ท่านเองก็เถอะที่บ้านส่งคนมารับทุกปีไม่ใช่รึ” จางเจียเฟิ่งรู้ดีว่าตนและเหอกุ้ย ถูกครอบครัวลงโทษด้วยการส่งมาอยู่ยังอารามแห่งนี้ ทว่าเพียงชั่วคราวเท่านั้น “ตัวข้านั้นไม่เป็นไรหรอก เจ้านั่นแหละศิษย์น้องสาม ข้าได้ยินว่าที่บ้านของเจ้า เพิ่งหาคู่หมั้นหมายคนใหม่ให้เจ้าอีกคนแล้วไม่ใช่รึ” สองศิษย์พี่น้องหยุดกวาดลานอาราม แล้วหันหน้าไปมองตากัน จากนั้นพวกเขาก็ถอนหายใจดัง ๆ พร้อมกัน ไม่มีศิษย์พี่ใหญ่อยู่ด้วย นับจากนี้ไปยามทำความผิดใครจะออกหน้าคอยช่วยเหลือ ยามเงินหมดใครจะให้หยิบยืม ยิ่งคิดพวกเขาก็ยิ่งไม่สบายใจเป็นอย่างมาก บนถนนมุ่งหน้าสู่เมืองหลวง รถม้าไม้ธรรมดาไม่เล็กไม่ใหญ่ ไร้ป้ายชื่อตระกูลบอกกล่าว คล้ายไม่อยากให้ผู้อื่นล่วงรู้ว่าคนที่นั่งอยู่ด้านในเป็นใคร เผิงฉือพยายามหลอกถามคนขับรถม้าอยู่หลายหน ถึงสถานการณ์ของตระกูลหลินในยามนี้ นางไม่เคยไปที่นั่นมาก่อนไม่รู้จักใครสักคน คนขับรถม้าตอบว่า เขามีหน้าที่มารับคุณหนูรองกลับบ้านเท่านั้น เรื่องอื่นนั้นเขาไม่รู้จริง ๆ “ได้ถามหรือไม่ ใช้เวลากี่วันในการเดินทาง” หลินซือเยว่เอ่ยเสียงเนิบ ๆ “ถามแล้วเจ้าค่ะ เขาบอกว่าราว ๆ สิบวันก็ถึงเมืองหลวงแล้ว” “สิบวันเชียวรึ” หลินซือเยว่มองห่อผ้าที่วางอยู่ด้านข้าง มีเพียงของใช้จำเป็นของนางไม่กี่ชิ้น พร้อมกับก้อนเงินจำนวนห้าสิบตำลึง “คงต้องแวะซื้อของในอำเภอฝูเสียก่อน” เผิงฉือรีบเปิดม่านบอกกับคนขับรถม้า แต่เขากลับทำเสียงฮึดฮัดคล้ายไม่พอใจ “เสียเวลาเดินทางเปล่า ๆ” น้ำเสียงเขากระด้างกระเดื่อง

หย่าปุ๊บ แต่งงานใหม่ปั๊บ

หย่าปุ๊บ แต่งงานใหม่ปั๊บ

Crimson Syntax
5.0

ทุกคนต่างรู้ดีว่าเจียงว่านหนิงรักเย่เชินมานานหลายปี เธอที่มักจะว่านอนสอนง่ายและน่ารักเสมอ ได้สักลายเพื่อเขาและยอมทนอยู่ใต้อำนาจผู้อื่น เมื่อเธอถูกทุกคนใส่ร้ายจนโดนตำหนิ เขากลับนิ่งเฉยและยังถึงขั้นให้เธอคุกเข่าให้แฟนเก่าของเขาอีกด้วย เธอที่รู้สึกอับอาย ในที่สุดก็หมดหวัง หลังจากยกเลิกการหมั้น เธอก็หันไปแต่งงานกับทายาทพันล้านทันที คืนนั้นเอง ใบทะเบียนสมรสของทั้งคู่ก็กลายเป็นข่าวฮิตบนโลกออนไลน์ เย่เชินที่เคยคิดว่าตัวเองเก่งกาจที่สุดก็เริ่มวิตกและพูดออกมาด้วยความโกรธว่า "อย่าเพ้อฝันไปเลย นายคิดว่าเธอรักนายจริงๆ งั้นเหรอ เธอแค่ต้องการใช้พลังอำนาจของตระกูลฟู่เพื่อแก้แค้นฉันเท่านั้นเอง" ฟู่จิงเซินจูบหญิงสาวในอ้อมกอดและตอบกลับอย่างไม่ใส่ใจว่า "แล้วจะเป็นไรไปล่ะ ก็พอดีว่าฉันมีทั้งเงินและอำนาจนี่"

บท
อ่านเลย
ดาวน์โหลดหนังสือ
นางร้ายของท่านเสนาบดี
1

บทที่ 1 แสดงดีจนเป็นเรื่อง

06/02/2025

2

บทที่ 2 นางยังไม่ตาย

06/02/2025

3

บทที่ 3 นางเอกของเรื่อง

06/02/2025

4

บทที่ 4 เกาซูหนี่

06/02/2025

5

บทที่ 5 หนังสือหย่า

06/02/2025

6

บทที่ 6 ขึ้นเขาหาของกิน

06/02/2025

7

บทที่ 7 ลองใจนาง

06/02/2025

8

บทที่ 8 ทั้งอึดอัด ทั้งเบื่อหน่าย

06/02/2025

9

บทที่ 9 หญ้าหนอน

06/02/2025

10

บทที่ 10 เด็กแฝดมานอนด้วย

06/02/2025

11

บทที่ 11 วางแผน

06/02/2025

12

บทที่ 12 ท่านพ่อไม่เก่งเช่นข้า

06/02/2025

13

บทที่ 13 ขึ้นเขาทั้งบ้าน

06/02/2025

14

บทที่ 14 ท่านเป็นผีหรือไง

06/02/2025

15

บทที่ 15 เข้าเมือง

06/02/2025

16

บทที่ 16 ขายหญ้าหนอน

06/02/2025

17

บทที่ 17 โลกช่างกลม

06/02/2025

18

บทที่ 18 ถึงเวลาที่ข้าจะไปเสียที

06/02/2025

19

บทที่ 19 อันตรายเกินไป

06/02/2025

20

บทที่ 20 ฆ่าคนแล้ว

09/02/2025

21

บทที่ 21 เจ้ามาบอกข้าก็พอ

09/02/2025

22

บทที่ 22 กลับบ้านเดิม

09/02/2025

23

บทที่ 23 เขาจะคิดว่านางเป็นปีศาจหรือไม่

09/02/2025

24

บทที่ 24 หาลูกค้าให้นาง

09/02/2025

25

บทที่ 25 สัญญาซื้อขาย

09/02/2025

26

บทที่ 26 เจ้าจำเผยเทียนไม่ได้รึ

09/02/2025

27

บทที่ 27 หากไม่ระวัง จะให้เจ้าเลิกทำ

09/02/2025

28

บทที่ 28 ซื้อรถม้า

09/02/2025

29

บทที่ 29 เลิกเสแสร้งได้แล้ว

09/02/2025

30

บทที่ 30 ย้ายมานอนห้องนาง

09/02/2025

31

บทที่ 31 มิใช่ท่านรังเกียจข้ารึ

09/02/2025

32

บทที่ 32 อยากไปกับข้าหรือไม่

09/02/2025

33

บทที่ 33 เดินทางไปสอบ

09/02/2025

34

บทที่ 34 เห็นหนังสือหย่าหรือไม่

09/02/2025

35

บทที่ 35 ข้ามีเรื่องจะขอร้องท่าน

09/02/2025

36

บทที่ 36 เดินทางเข้าเมืองหลวง

09/02/2025

37

บทที่ 37 ท่านไปฝึกมาจากที่ใด

09/02/2025

38

บทที่ 38 สวีซูฉี

09/02/2025

39

บทที่ 39 ข้าจะตอบแทนเจ้าอย่างดี

09/02/2025

40

บทที่ 40 ข้าต้องไปอยู่แล้ว

09/02/2025