Login to MeghaBook
icon 0
icon เติมเงิน
rightIcon
icon ประวัติการอ่าน
rightIcon
icon ออกจากระบบ
rightIcon
icon ดาวน์โหลดแอป
rightIcon
มนตราวังนาคินทร์ PWP

มนตราวังนาคินทร์ PWP

doujinshifarm

5.0
ความคิดเห็น
386
ชม
10
บท

"นกยูง" ไปมูพญานาคเพื่อให้สอบสัมภาษณ์งานราบรืน แต่พอกลับถึงบ้าน สองหนุ่มพญานาคดันตามมาหาถึงห้องนอนเสียอย่างนั้น!

บทที่ 1 วังพญานาค

_____สำหรับเด็กจบใหม่ที่ต้องใช้พลังมูในการช่วยหางาน น้ำศักดิ์สิทธิ์จากวัดป่าสกุลค้อ จังหวัดอุดรธานี ซึ่งเป็นสถานที่เลื่องลือในฐานะวังพญานาคจึงเป็นอีกหนึ่งสิ่งศักดิ์สิทธิ์สำคัญที่อาจจะช่วยให้ “นกยูง” บัณฑิตป้ายแดงสอบผ่านการสัมภาษณ์งาน เด็กหนุ่มผู้มีจิตมุ่งมั่นขับรถจากกรุงเทพ 8 ชั่วโมงไปอุดรธานีทันที หลังแวะกินไข่กระทะและขนมปังญวนรองท้องแล้วจึงดิ่งตรงไปยังวัดสกุลสุทโธซึ่งเป็นชื่ออย่างเป็นทางการของวัด รับบัตรคิวและยืนรอรอบเที่ยงครึ่งอย่างใจจดใจจ่อ เขาหาข้อมูลในอินเทอร์เน็ตไปพลางระหว่างการรอและพบว่าสถานที่ไหว้มูปู่และย่านาคราชด้านในเป็นเกาะกลางน้ำขนาดเล็กซึ่งเกิดจากพืชน้ำต่างๆ รวถึงต้นสกุลค้อตายแล

ะกองทับถมรวมกันจนเหมือนเกาะกลางน้ำ เชื่อว่าเป็นจุดเชื่อมต่อระหว่างโลกมนุษย์และวังพญานาค ทันทีที่ก้าวเข้าไปในเขตจะพบว่าอากาศเย็นลงหลายองศาเซลเซียสราวกับไม่ใช่ดินแดนบนโลกมนุษย์

_____เมื่อได้เวลาเที่ยงครึ่ง นกยูงเดินไปต่อคิวเข้าแถวรอ ทุกคนต้องถอดรองเท้าก่อนเข้า ทางเดินเป็นกรวดล้างซึ่งตะปุ่มตะป่ำไม่เป็นมิตรกับฝ่าเท้าเท่าไรแต่นกยูงก็เดินเข้าไปอย่างไม่ย่อท้อ ในมือถือขวดน้ำเปล่าไปขวดหนึ่งเพื่อเก็บน้ำศักดิ์สิทธิ์ซึ่งเป็นหนึ่งใน 108 แหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์ของเมืองไทย เด็กหนุ่มเข้าไปเป็นคิวสุดท้าย เขาเดินย่องๆ แบบคนเท้าบางตามชาวบ้านไม่ค่อยจะทัน เมื่อเท้าแรกย่างเข้าไปยังสะพานพญานาคซึ่งเชื่อมระหว่างแผ่นดินกับเกาะ อากาศรอบตัวเย็นวาบลงราวกับอุณหภูมิลดไป 4-5 องศาเลยทีเดียว แดดร้อนเมื่อครู่หายไปหมด เมื่อเงยหน้ามองดูยอดไม้สูงชะลูดก็พบว่าร่มเย็นอย่างไม่น่าเชื่อ

_____“เหมือนไม่ใช่โลกมนุษย์เลย”

_____นกยูงพึมพำ เขาเดินตามสะพานพญานาคเข้าไปจนเห็นป้ายศาลปู่ย่าจึงเดินตรงต่อไปอีก พื้นเปลี่ยนจากสะพานปูนเป็นไม้กระดานตีเป็นพื้น มีเสียงไม้ลั่นดังสลับกับเสียงลมพัดยอดไม้และเสียงบางอย่างวิ่งอยู่ใต้กอใบไม้เน่าที่ทับถมอยู่รอบสะพาน เด็กหนุ่มรู้สึกใจไม่ดี มันอาจจะมีงูกระโดดขึ้นมาก็ได้

_____“เขาแค่มาทักทายน่ะ”

_____เสียงทุ้มเอ่ยขึ้นเบื้องหลังจนนกยูงสะดุ้ง!

_____เด็กหนุ่มหยุดยืนและหันไปมอง ชายหนุ่มใบหน้าได้รูป คิ้วเข้ม ตาคมกริบ กรอบหน้าชัดเจนเหมือนเทพบุตรขอมหน้าปราสาทหินทำให้หัวใจนกยูงเต้นตุบตับ

_____“ใครมาทักทายเหรอครับพี่”

_____“งูน่ะ”

_____“งู!”

_____“เป็นบริวารของพญานาค มาดูลาดเลาว่าใครจะมาไหว้บ้าง”

_____นกยูงคิดว่าพี่เค้าคงเป็นสตาฟฟ์ของที่นี่มั้ง สวมชุดทหารพรานลายพรางโคตรเท่เลย นกยูงยิ้มให้ก่อนหันไปเดินต่อ เขาพบว่าข้างหน้าไม่มีใครเลย มันเงียบสนิทเหมือนไม่ใช่ดินแดนเดียวกับวัดที่วุ่นวายด้านนอก ดวงตาหันกลับไปเหลือบๆ มองว่าพี่เค้าจะเดินตามมาหรือเปล่า เฮ้อ…โชคดีที่เดินตามมา มีเพื่อนแล้วกู

_____“พี่ทำงานที่นี่เหรอครับ”

_____นกยูงตัดสินใจหันไปถาม ผมขอไปด้วยนะพี่ ที่นี่มันโคตรวังเวงเลย อีกฝ่ายเดินเข้ามาใกล้และยิ้มให้ หล่อล่ำดำบึกแบบนายทหารนี่ทำหัวใจเกเรเลยไอ้นกยูง

_____“ใช่ พี่อยู่ในวังนาคินทร์”

_____“ที่นี่คือวังนาคินทร์เหรอครับ”

_____“ใช่แล้ว บริเวณเกาะกลางน้ำแห่งนี้คืออาณาบริเวณของเจ้าพญานาคราชปู่ศรีสกุลค้อและองค์แม่ศรีสกุลนาคราชเทวี ทางเข้าวังนาคินทร์อยู่ตรงบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์”

_____“ผมอยากไปตักน้ำที่บ่อศักดิ์สิทธิ์ครับ”

_____ชายหนุ่มพยักหน้าและเหลือบเห็นขวดน้ำพลาสติกว่างเปล่าในมือนกยูง เขาพยักหน้ารับทราบและอาสาเดินนำ

_____“มาทางนี้สิ ทางนั้นเป็นทางไปไหว้ศาลแต่ถ้าน้องจะมารับน้ำศักดิ์สิทธิ์เป็นหลัก ไปทางนั้นจะใกล้กว่า”

_____ร่างสูงใหญ่เดินนำ นกยูงแปลกใจเพราะเมื่อกี้เขาเห็นว่าสะพานไม้กระดานเป็นทางเดินเส้นตรงทางเดียวแต่จู่ๆ พี่เขาก็เลี้ยวไปอีกทางซึ่งตอนแรกเขามองไม่เห็น

_____“ต้นไม้บังมั้ง”

_____นกยูงไม่คิดอะไรมาก เขาเดินตามไป อากาศรอบตัวเย็นลงเรื่อยๆ จนไหล่เริ่มสั่น บรรยากาศต้นไม้หนาทึบทำให้แสงรอบตัวสลัวลงและมืดครึ้ม ชายหนุ่มสูงใหญ่หยุดกลางทางและหันมามอง

_____“น้องหนาวไหม”

_____เด็กหนุ่มเงยมองแปลกใจที่พี่เขารู้

_____“นิดหน่อยครับ”

_____“ยิ่งใกล้บ่อศักดิ์สิทธิ์ก็ยิ่งใกล้ทางเข้าวังนาคินทร์ เป็นวังใต้บาดาล อากาศเย็นจัด”

_____“เหรอครับ”

_____“เอาเสื้อคลุมหน่อยมั้ย”

_____นกยูงพยักหน้า

_____“ก็ดีครับ”

_____แล้วชายหนุ่มผิวเข้มหน้าคมก็ปลดกระดุมเสื้อทหารพรานออก! เขาถอดเสื้อทหารแขนยาวออกและคลุมบ่านกยูงไว้ ชิ้นในคือเสื้อยืดคอกลมสีขาวลีบติดกล้ามเท่ๆ ของพี่เค้า! คนอะไรกล้ามงามขนาดนี้วะ! พี่เป็นนายแบบเปล่าครับ!

_____“เอ่อ…ขอบคุณครับพี่…”

_____“ครรตะ พี่ชื่อครรตะ”

_____ชายหนุ่มยิ้มเท่ให้แต่นกยูงโฟกัสหัวนม! บนกล้ามอกนูนๆ ของพี่เค้ามีหัวนมเด้งโดดออกมานอกเสื้อยืด! อีโรติกไปไหมครับพี่! คิดดีไม่ได้เลย

_____“ผมนกยูงครับ”

_____ครรตะทำหน้าหนักใจ

_____“อืม…มีปีก”

_____“ครับ?”

_____“เคยได้ยินไหมว่านาคไม่ถูกกับครุฑ แล้วครุฑก็เป็นสัตว์ปีก พวกนั้นชอบลากไส้นาคมากิน เลยต้องมีหน่วยลาดตระเวนคอยตรวจตราดูว่าไม่มีครุฑแอบซ่อนตัวเข้ามาหาทางเข้าวังนาคินทร์”

_____“อ๋อ งี้นี่เอง แล้วจะรู้ได้ไงล่ะครับพี่ว่าใครครุฑ”

_____“ได้กลิ่นก็พอเดาได้”

_____นกยูงคิดว่าตำนานพื้นบ้านแบบนี้ก็มีด้วย แล้วจู่ๆ ชายหนุ่มสูงใหญ่ก็ก้มลงที่ลำคอของเขา! เด็กหนุ่มเขินหน้าแดง! พี่…พี่ก้มลงมาทำไมครับ พี่ครรตะหอมมากเลยครับ กลิ่นเหมือนแสงแดดกับลมเย็นๆ เลย

_____“พ…พี่ครรตะทำไรครับ”

_____ใบหน้าหล่อเหลาที่ใกล้จนแทบรู้สึกถึงลมหายใจอุ่นหันไปมองและยิ้มหล่อจนนกยูงใจเต้นแรง!

_____“พี่ดมกลิ่นนกยูงไง”

_____“ผมไม่ได้เป็นครุฑนะครับ”

_____“ไม่มีกลิ่นครุฑ แต่ท่าทางเนื้อนิ่ม หอมหวานน่าลิ้มลอง”

_____มือใหญ่วาดขึ้นไล้ปลายนิ้วเบาๆ ไปที่แก้มของนกยูง เด็กหนุ่มตื่นเต้นมาก! เหมือน…เหมือนพี่เค้าจะจูบเลยอ้า! เอาไงดี เราไม่ได้ชอบผู้ชาย แต่พี่เค้าหล่อเกินไป เปิดประสบการณ์ลองเบิกเนตรดูเผื่อจะได้รู้รสนิยมก็ดีนะ ครรตะมองใบหน้าน่ารักที่หลับตาปี๋ก็อมยิ้มเอ็นดู เขาหยิบใบไม้ออกจากเส้นผมของนกยูงให้ อีกฝ่ายลืมตามองและใช้มือปัดเส้นผม

_____“ใบไม้น่ะ”

_____“ข…ขอบคุณครับพี่”

_____“คุยกันไปเพลินๆ ก็ถึงเสียแล้ว บ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์”

อ่านต่อ

หนังสือที่คุณอาจชอบ

หงส์ขย่มมังกร(นิยายรักสำหรับผู้ใหญ่)

หงส์ขย่มมังกร(นิยายรักสำหรับผู้ใหญ่)

ซีไซต์
5.0

รูรักอันบริสุทธิ์เมื่อถูกปลายลิ้นร้อนของชายหนุ่มเป็นครั้งแรกดูเหมือนว่าจะตอบสนองได้เป็นอย่างดี ร่องของนางขมิบรัว สะโพกของนางยกขึ้นยังเด้งเข้าไปหาปากร้อน ฝ่าบาทเก่งกาจยังสามารถแยงลิ้นเข้าไปในรู อันซูเซี่ยถูกทาขี้ผึ้งหอมรอบปากทาง ขี้ผึ้งนี้นอกจากจะมีรสชาติดีส่งเสริมรสน้ำรักของนางแล้วยังมีคุณสมบัติอันวิเศษ แม้จะเป็นหญิงพรหมจรรย์ก็จะไม่รู้สึกเจ็บปวด และเผลอทำร้ายฝ่าบาทจนบาดเจ็บ อี้หลงดูดแบะขาของนางให้กว้างขึ้นแล้วรวบขึ้นไปให้ขาชี้ฟ้า จากนั้นมุดใบหน้าลงมาอย่างหลงใหล “หอมอร่อยเหลือเกิน รู้สึกเหมือนดื่มสุราไม่เมามาย อ้า ข้าชอบยิ่ง หอยของฮองเฮาช่างใหญ่โต ดูโคกเนื้อโยนีแทบจะล้นริมฝีปากของข้า สีแดงเช่นนี้คงไม่เคยผ่านสิ่งใดมาก่อน บริสุทธิ์ยิ่งนัก ซี้ด” นางดิ้นเร่าอยู่ในปาก ไม่รู้ว่าต้องทำอย่างไรนอกจากเชื่อฟังในคำของฝ่าบาท “อืม อร่อยยิ่งนัก อ้า ข้าไม่ไหวแล้วขอดูหน้าฮองเฮาของข้าหน่อยเถิด” ดูเหมือนว่าร่องรักของนางยังขมิบ นางไม่อยากให้เขาเงยหน้าขึ้นจากตรงนั้นด้วยซ้ำ อยากถูกปลายลิ้นเลียเช่นนั้นจนกว่านางจะได้รับการปลดปล่อย “อ้า ฝ่าบาทเพคะ อย่าหยุดเพคะ อื้อ” นิยายเรื่องนี้เป็นนิยายรักสำหรับผู้ใหญ่ มี 2 เล่มจบ เป็นนิยายแบบพล็อตอ่อน เน้นฉากรักบนเตียงของตัวละครเป็นหลัก เหมาะสำหรับผู้มีอายุ 25 ปีขึ้นไป ไม่เหมาะสำหรับสายคลีนใส ๆ นะคะ หากใครไม่ชอบอ่าน NC เยอะ ๆ กรุณาเลื่อนผ่าน เพราะเรื่องนี้เน้น NC เป็นหลักค่ะ ซีไซต์ นักเขียน

พระชายาสารพัดพิษ

พระชายาสารพัดพิษ

เกาะครีต
5.0

"นางเป็นบุตรีผู้สูงศักดิ์ของฮูหยินเอกของจวนเสนาบดี นางมีหน้าตาโดดเด่น ทั้งอ่อนโอนและมีน้ำใจไมตรีต่อผู้อื่น แต่... นางทำดีต่อป้าของนาง นางกลับฆ่าแม่ของนางตาย นางรักเอ็นดูน้องสาวของนาง แต่น้องสาวกลับแย่งสามีของนางไป นางคอยสนับสนุนและดูแลสามีของนางอย่างสุดหัวใจ แต่สามีกลับทำให้นางตายทั้งกลม...ตระกูลฝ่ายมารดาของนางก็ถูกประหารชีวิตทั้งตระกูลด้วย นางตายตาไม่หลับและสาบานว่าหากมีชาติหน้า นางจะไม่เมตาตาต่อใครอีก ใครก็ตาม กล้ามาทำร้ายข้า ข้าจะล้างแค้นด้วยชีวิตทั้งตระกูลของพวกเจ้า เมื่อเกิดใหม่อีกครั้ง นางอายุได้สิบสี่ปี นางสาบานว่าจะต้องเปลี่ยนชะตากรรมและแก้แค้นชาติก่อน ป้านางใจ้ร้าย นางจะใจร้ายกลับยิ่งกว่านาง นางคิดจะได้ครองตำแหน่งฮูหยินงั้นเหรอ บอกเลยไม่มีทาง! ส่วนน้องสาวชอบผู้ชายชั่ว ๆ นักไม่ใช่หรือ ได้!ข้าจะยกให้เลย ส่วนชายชั่วนั่น ข้าจะทำให้เจ้าไม่สามารถมีทายาทได้อีกตลอดทั้งชาติ!แต่ข้าจะแก้แค้น เหตุใดเจ้าต้องมาช่วยข้าด้วย?"

รสสวาทเขยบำเรอกาม

รสสวาทเขยบำเรอกาม

กาสะลอง
5.0

“อ๊ะ… อ๊อย... ” ดวงตาของฝ้ายคำหลับพริ้ม เม้มปากแน่น เมื่อโดนสามีกดใบหน้าแนบเน้นซุกไซ้เข้าหาความเป็นสาว ฉั่วๆ ๆ ๆ ๆ ๆ เสียงลิ้นสากเฉาะรัว ลากเลียเลยขึ้นเป็นจังหวะยาวๆ ตามรูปทรงของกลีบสวาท เบียดกันแน่นเป็นพูงามอร่ามอะร้าอยู่ตรงง่ามขาของหญิงสาวที่เข่าสองข้างโดนดันแบะอ้า แอ่นร่องสวาทให้สามีเบิร์นอย่างดิบเถื่อน “อ๊า... ซี้ด... อูย... เสียวค่ะ... ฮึ่ก” ทั้งที่หล่อนพยายามกัดฟัน เม้มริมฝีปากแน่น สะกดกลั้นเสียงคราง กลัวว่าจะหลุดออกมาน่าอาย หากความเสียวซ่านก็ทำให้เสียงของคนโดนเลียร่องหอย เล็ดลอดออกมาจากริมฝีปากสั่นระริก ปลายลิ้นของอลังค์จุ่มจ้วงทะลวงเลียกลีบมาลีสีชมพูสดสวยอย่างโหยหา “อ๊า... อ๊า... อ๊า... ” หญิงสาวร้องครางตามจังหวะลิ้นปาดเลียรัวๆ สลับลากเสยขึ้นๆ ลงๆ ตามแนวความยาวของร่องสวาท เรียกน้ำเสียวของหญิงสาวให้สาดทะลักออกมาอย่างมิอาจสะกดกลั้นเอาไว้ได้ “อ๊า... ที่รักจ๋าฝ้ายเสียวเหลือเกิน... ซี้ดอูย... สะ... เสียวมาก” คนโดนจู่โจมหนอกเนินสวาท เปล่งเสียงร้องครางครวญออกมาอย่างซื่อสัตย์ต่อความรู้สึกของตัวเอง ปลายลิ้นของอลังค์เสียบรัวเข้าใส่กลีบบอบบาง โดนแบะบีบจนเบ่งบวมขึ้นมารับปลายลิ้น บดขยี้ลงบนความนุ่มอ่อน ไชชอนสำรวจซอกหลืบอย่างมีลีลา สมกับเป็นสายเบิร์นตัวจริง อลังค์ไม่ทำให้หญิงสาวผิดหวัง ทำเอาผู้หญิงสามคนที่กำลังมองดูภาพของการเล้าโลมสุดเร่าร้อนผ่านหน้าจอมอนิเตอร์จนเกิดอาการน้ำเดินไปตามๆ กัน

ที่แท้เป็นคุณหนูตัวจริง

ที่แท้เป็นคุณหนูตัวจริง

Nadia Lada
5.0

เสิ่นชิงกลายเป็นลูกสาวของชาวนาจากคุณหนูที่ร่ำรวยของตระกูลเสิ่นในชั่วข้ามคืน ลูกสาวตัวจริงใส่ร้ายเธอ คู่หมั้นของเธอทำให้เธออับอาย และพ่อแม่บุญธรรมของเธอก็ไล่เธอออกจากบ้าน... ทุกคนต่างรอที่จะหัวเราะเยาะเธอ ทว่าเธอกลับกลายเป็นทายาทของตระกูลเศรษฐีในเมืองอย่างกะทันหัน นอกจาดนี้ เธอยังมีตัวตนหลากหลาย เช่น หัวหน้าแฮ็กเกอร์ระดับนานาชาติ นักออกแบบเครื่องประดับชั้นนำ นักเขียนผู้ยิ่งใหญ่ที่ลึกลับ และอัจฉริยะด้านการแพทย์! พ่อแม่บุญธรรมเสียใจกับการตัดสินใจของตนและบังคับให้เธอแบ่งทรัพย์สินครึ่งหนึ่งให้เพราะพวกเขาเลี้ยงดูเธอมา เมื่อเสิ่นชิงหยิบกล้องออกมาแล้วบันทึกท่าทางอันน่าเกลียดของพวกเขา อดีตคู่หมั้นรู้สึกเสียใจและพยายามจะคืนดีกับเธอ เสิ่นชิงหัวเราะเยาะ "เขาคู่ควรงั้นเหรอ" จากนั้นก็ไล่เขาออกจากเมือง ในที่สุด ผู้มีอำนาจแห่งเมืองก็พูดอ้อนวอนเบาๆ "ไม่จำเป็นต้องแต่งเข้าตระกูลผม เดี๋ยวผมไปหาเอง"

ซูเจิน นายหญิงแห่งพฤกษา

ซูเจิน นายหญิงแห่งพฤกษา

l3oonm@
5.0

“ท่านผู้อำนวยการคะ ทางทีมสำรวจแจ้งว่าคนไม่เพียงพอที่จะเข้าไปเก็บตัวอย่างพันธุ์พืชในป่าเมืองเหอหนานค่ะ” ซูเจิน ที่ได้ยินก็หูผึ่งทันที เธอนั่งทำการอยู่ในห้องวิจัยตั้งแต่เรียนจบ ถึงตอนนี้ก็สี่ปีได้แล้ว ผู้อำนวยที่เข้ามาตรวจงานวิจัยล่าสุด ก็มองไปรอบห้อง เพื่อดูว่ามีใครต้องการเสนอตัวไปทำงานในครั้งนี้หรือไม่ แต่หลายคนที่เขามองไป ต่างหลบสายตาของเขา จะมีใครอยากออกไปเสี่ยงอันตราย เดินป่าขึ้นเขาให้เหนื่อยสู้นั่งทำงานในห้องปรับอากาศเย็นๆ ดีกว่า เมื่อไม่มีใครคิดจะเสนอตัว เขาจึงได้สอบถามหาผู้ที่สมัครใจทันที “มีใครอยากจะอาสาไปไหม” ไว้กว่าความคิด ซูเจินยกมือขึ้น “ฉันค่ะ” เพื่อนสนิทรีบดึงเสื้อของเธอเพื่อจะห้ามปราม “จะบ้าหรอ เธอไม่เคยไปสักครั้ง ไม่รู้หรือว่างานนี้เสี่ยงแค่ไหน” เสียงกระซิบของเสี่ยวชิง เอ่ยลอดไรฟันออกมา เมื่อปีที่แล้ว ที่ทีมสำรวจเดินทางเข้าไปที่ป่าเหอหนาน พื้นป่าที่ไม่อาจสำรวจได้อย่างทั่วถึง สร้างความท้าทายให้เหล่านักพฤกษศาสตร์จากทุกองค์กร แต่ไม่ว่าจะส่งเข้าไปกี่ครั้งก็ไปไม่ถึงป่าชั้นกลางเสียที แม้จะใช้เทคโนโลยีที่ล้ำหน้าเข้าช่วยเพียงได้ ก็สำรวจได้เพียงป่าชั้นนอก แถมยังพาชีวิตคนไปทิ้งอีกนับไม่ถ้วน ปีนี้ทางองค์กรของซูเจิน หยิบโครงการสำรวจป่าเหอหนานขึ้นมาใหม่ แต่กว่าจะหาทีมสำรวจได้ครบคนก็กินเวลาไปหลายเดือน ถึงตอนนี้คนก็ยังไม่พอจนต้องมาถามหาจากทีมวิจัยให้ช่วยเหลือ “คุณอยากไปจริงหรือ” เขาเอ่ยถามเพื่อความแน่ใจอีกครั้ง “ค่ะ ฉันอยากลองทำงานนี้” ซูเจินยิ้มออกมา “ได้ อีกสองวัน คุณก็เตรียมตัวให้พร้อม” เมื่อมีคนเสนอตัวแล้ว ผู้อำนวยการก็ออกไปพบทีมสำรวจ เพื่อวางแผนการทำงาน ทั้งยังให้ซูเจินตามเขาไปเข้ารวมการประชุมในครั้งนี้ด้วย “เธอมันบ้าไปแล้ว” เพื่อร่วมงานต่างเดินเข้ามาหาซูเจิน แล้วตำหนิเธอที่กล้ายกมือเสนอตัว “เอาน่า ไว้กลับมาฉันจะเอาเรื่องสนุกมาเล่าให้พวกเธอฟัง” ซูเจินยิ้มหวานออกมา ก่อนที่จะเก็บของแล้วไปเข้าร่วมประชุมกับทีมสำรวจ สองวันต่อมาซูเจินก็แบกกระเป๋าเดินทางมาที่จุดนัดพบ เธอออกเดินทางด้วยรถตู้ขององค์กร พร้อมทีมสำรวจอีกเกือบยี่สิบชีวิต ยังดีที่เธอได้แบกกระเป๋าเพียงใบเดียว หากต้องแบกเต็นท์นอน อาหารด้วย คงได้เป็นภาระของคนอื่นอย่างแน่นอน ภายในป่าเหอหนาน น่ากลัวว่าที่ซูเจินคิดไว้เยอะ พอตะวันตกดิน หากไม่มีแสงไฟที่ทีมสำรวจนำมาด้วยคงจะมืดจนมองไม่เห็นอะไร เสียงแมลงทั้งสัตว์ป่าร้องตลอดทั้งคืน สร้างความหวาดกลัวให้กับคนที่ไม่เคยเข้าป่าสักครั้งอย่างเธอได้อย่างดี ยังดีที่เจ้าหน้าที่ผู้นำทางติดตามมาด้วยอีกหลายคน พวกเขาจึงได้อยู่ผลัดเปลี่ยนเวรยาม เพื่อป้องกันไม่ให้สัตว์ป่าเข้ามาถึงตัวพวกเขา หลายวันที่อยู่ในป่า ซูเจินเก็บตัวอย่างพันธุ์ได้หลายชนิด แต่ทั้งทีม ยังเดินไม่หลุดป่าชั้นนอกเลย ยังดีที่อาหารที่เตรียมมาเพียงพอให้พวกเขาอยู่ไปได้อีกหลายวัน “เอ๊ะ” เข้าวันที่เจ็ดของการสำรวจป่า ซูเจิน เห็นดอกไม้แปลกตา ที่ขึ้นอยู่ท่ามกลางพงหญ้ารก เธอจึงเดินห่างจากกลุ่มทีมสำรวจเข้าไปดูทันที เพราะไม่คิดว่าจะเกิดเรื่องอะไรได้ ระยะห่างที่อยู่ไกลจากพวกเขา หากร้องเรียกก็ยังได้ยินอยู่ เธอหยิบกล้องถ่ายรูปขึ้นมา พร้อมทั้งจดรายละเอียดก่อนที่จะดึงต้นไม้เก็บเข้าถุงเก็บตัวอย่างที่เตรียมมา แต่เมื่อมือของซูเจินสัมผัสไปที่ดอกไม้ เธอก็ต้องตกตะลึง เหมือนมีกระแสไฟวิ่งผ่านปลายนิ้วไปจนทั่วทั้งตัว “โอ๊ยย” เสียงร้องอย่างเจ็บปวดของซูเจิน เรียกความสนใจให้คนทั้งหมดรีบวิ่งมาทางที่เธออยู่ ซูเจินเห็นเพียงแสงสีขาวที่สว่างวาบไปทั่ว แล้วภาพตรงหน้าของเธอก็ดำมืดลง

บุตรีอนุผู้ถูกทอดทิ้ง

บุตรีอนุผู้ถูกทอดทิ้ง

มาชาวีร์
4.7

หลี่เมิ่งเหยาย้อนเวลามาอยู่ในร่าง ของเด็กสาววัยสิบสองปี ในวันที่มารดาอนุผู้โง่เขลา ถูกขับไล่ออกจากจวน โชคยังดีที่ตอนตาย นางสวมกำไลหยกโลกันตร์เอาไว้ มันจึงติดตามนางมาที่นี่ด้วย +++ 1 : มารดาโง่ จนถูกไล่ออกจากตระกูล จวนตระกูลหลี่เจ้าเมืองถัง สตรีสองนางถูกสาวใช้จับคุกเข่าลง ตรงหน้าของหลี่หงซวนเจ้าเมืองถัง ทั้งยังเป็นพ่อสามีของทั้งคู่อีกด้วย ท่านกำลังสอบสวนเรื่องของสะใภ้ใหญ่ของบ้านสาม ถูกฮูหยินรองกับอนุรวมหัวกันลอบทำร้าย ด้วยการวางยาขับเลือดในถ้วยน้ำแกงบำรุงครรภ์ ทำให้นางต้องสูญเสียทารกในครรภ์ไป “ท่านพ่อข้าไม่รู้จริง ๆ ว่านั่นเป็นยาขับเลือด ฮูหยินรองบอกว่าเป็นน้ำแกงบำรุงครรภ์ ให้ข้าเป็นคนนำไปมอบให้ฮูหยินใหญ่ เป็นนางนั่นเอง นางหลอกข้า !” เฉาซูหลิ่งชี้นิ้วไปทางสตรีด้านข้าง ร้อนรนเอ่ยออกมาเหมือนคนไม่ได้รับความเป็นธรรม “อนุเฉาเจ้าอย่ามาใส่ร้ายข้านะ เจ้าทำคนเดียวทั้งนั้นไม่เกี่ยวกับข้าเลย” ฮูหยินรอง ถูซวงอี้ ชี้นิ้วใส่หน้าเฉาซูหลิ่งกลับคืน ต่างคนต่างโยนความผิดให้กัน ฮูหยินผู้เฒ่าหลิวเยี่ยนหนานโบกมือให้คนเข้ามา “ข้าให้โอกาสพวกเจ้าสองคนพูดความจริง แต่กลับไม่มีใครยอมรับความผิดแม้แต่คนเดียว มันน่าจับส่งทางการให้รู้แล้วรู้รอด” พ่อบ้านหลัวให้คนลากสาวใช้คนหนึ่งเข้ามา สภาพของนางถูกทรมานจนเนื้อตัวบวมช้ำไปหมด “เรียนนายท่านข้าให้คนไปค้นห้องสาวใช้ทุกคนในจวน พบเทียบยาซ่อนไว้ใต้หมอน จากห้องของสาวใช้คนนี้ขอรับ” ถูซวงอี้ถึงกับคุกเข่าต่อไปไม่ไหว ทิ้งตัวลงไปนั่งอยู่บนพื้น สาวใช้ที่ถูกทรมานจนสภาพน่าเวทนานั่น เป็นเสี่ยวอิงสาวใช้สินเดิมของนางเอง “ฮูหยินรอง ข้าขอโทษ ข้าทนต่อไปไม่ไหวจริง ๆ ข้าขอโทษ !” เสี่ยวอิงโขกศีรษะลงตรงหน้าของถูซวงอี้แรง ๆ น้ำตาไหลนองหน้าจน แทบไม่เป็นผู้เป็นคนอยู่แล้ว พ่อบ้านหลัวเอ่ย “ข้าให้คนไปถามที่หอโอสถแล้วขอรับนายท่าน เป็นเทียบยาขับเลือดจริง ๆ” หลี่หงซวนมองไปทางบุตรชายคนที่สามของตน พบว่าเขามีสีหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออก สตรีที่คุกเข่าอยู่ตรงหน้าคือฮูหยินรอง กับอนุภรรยาที่เขารักใคร่ไม่ต่างกัน เหตุใดถึงได้คิดร้ายต่อฮูหยินใหญ่ของเขาได้ เป็นเหตุให้เขาต้องสูญเสียลูกที่อยู่ในท้องของนางไป เดิมทีฮูหยินใหญ่ของเขาก็ตั้งท้องยากอยู่แล้ว เขารอมาตั้งนานกว่าจะมีวันนี้ได้ ไม่คิดมาก่อนว่าจะต้องสูญเสียไปเช่นนี้ “หย่วนเจ๋อนี่เป็นเรื่องในเรือนของเจ้า เจ้าอยากตัดสินเรื่องนี้ด้วยตัวเองหรือไม่” ผู้เป็นบิดาเอ่ยถามบุตรชาย “ไม่ ข้าไม่อยากเห็นหน้าพวกนางอีกต่อไป แล้วแต่ท่านพ่อเถอะขอรับ ข้าขอตัวไปดูฮูหยินใหญ่ก่อน” หลี่หย่วนเจ๋อคำนับบิดา สะบัดแขนเสื้อเดินจากไปในทันที หางตายังไม่แม้แต่จะมองสตรีทั้งสองนาง เฉาซูหลิ่งลนลานตามเขาไป “ท่านพี่ช่วยข้าด้วย ข้าไม่ผิดนะเจ้าคะ ท่านพี่ !” แต่ถูกบ่าวรับใช้ขวางทางเอาไว้ หลี่หงซวน “หยุดโวยวายได้แล้วอนุเฉา เจ้าเป็นคนถือถ้วยน้ำแกงใส่ยาขับเลือด ไปมอบให้ฮูหยินใหญ่ด้วยตัวเอง ยังคิดจะหนีความผิดนี้ไปได้อีกรึ” “ท่านพ่อขะข้าข้า...ไม่ผิด” เฉาซูหลิ่งทิ้งตัวไปด้านหลังอย่างหมดเรี่ยวแรง เดิมทีนางก็ไม่เป็นที่โปรดปรานของพ่อแม่สามีอยู่แล้ว เพราะไม่สามารถให้กำเนิดบุตรชายได้ ครั้นได้บุตรสาวก็นิสัยขี้ขลาดขี้กลัว ไหนเลยจะเชิดหน้าชูตาให้ตระกูลหลี่ได้ เฉาซูหลิ่งนั่งเหม่อลอย คล้ายคนจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว ขณะที่หลี่หงซวนกำลังประกาศโทษทัณฑ์ของพวกนาง ถูซวงอี้กับคนของนาง ถูกขายออกจากจวน ไปอยู่หอนางโลมอย่างเงียบ ๆ ชาตินี้อย่าได้ก้าวเท้า กลับมาเหยียบที่จวนตระกูลหลี่อีก ส่วนเฉาซูหลิ่งถูกขับไล่ออกจากจวน ไปพร้อมกับบุตรสาว ให้ไปอยู่เรือนร้างของตระกูลหลี่ที่เมืองฉาง ห้ามกลับมาที่ตระกูลหลี่อีกชั่วชีวิต “ท่านพ่อท่านขับไล่ข้าไป ข้ายังพอรับได้ เหตุใดต้องขับไล่เหยาเอ๋อร์ไปด้วย นางเพิ่งจะสิบสองปีเองนะเจ้าคะ” เฉาซูหลิ่งนึกถึงบุตรสาวร่างกายผ่ายผอม นอนซมเพราะพิษไข้อยู่ เกิดนึกสงสารนางขึ้นมาจับใจ ฮูหยินผู้เฒ่าหันไปมองสามีเล็กน้อย นางเห็นเด็กสาวคนนั้นมาตั้งแต่เกิด แม้ไม่ได้เอ็นดูแต่ก็นับว่าเป็นสายเลือดเดียวกัน “ฮูหยินเรื่องนี้ข้าตัดสินใจไปแล้ว ไม่อาจคืนคำได้” คำพูดของประมุขของตระกูล มีหรือใครจะกล้าขัด เฉาซูหลิ่งปล่อยเสียงร้องไห้โฮออกมาดัง ๆ นางโง่งมจนทำให้บุตรสาว ต้องมารับเคราะห์กรรมตามไปด้วย “ลากตัวอนุเฉาออกไป หารถม้าสักคันให้คนส่งนาง ไปที่เรือนร้างเมืองฉาง” คำสั่งของหลี่หงซวนเป็นคำขาด บ่าวไพร่รีบทำตามในทันที ครั้นได้อยู่ด้วยกันเพียงลำพังกับฮูหยินผู้เฒ่า หลี่หงซวนถึงได้บอกเหตุผล ที่ต้องตัดสินใจทำเช่นนี้ นั่นเพราะตระกูลจี้ได้ยื่นคำขาดมา ให้ขับไล่พวกเขาออกไปให้หมด อย่าให้เหลืออยู่แม้แต่ตนเดียว ไม่ต้องการให้คนที่ทำร้ายบุตรสาวของพวกเขา อยู่ระคายสายตาของจี้ชิวหรงอีกต่อไป ฮูหยินผู้เฒ่าแค่นออกมาหนึ่งคำ “อ้างเหตุผลข้าง ๆ คู ๆ ความจริงแล้วต้องการกำจัดอนุในเรือนบุตรสาวทิ้งให้หมด นี่กระทั่งเด็กคนหนึ่งก็ไม่เว้น แต่ก็เอาเถอะ เหยาเอ๋อร์อยู่ที่นี่ ก็ใช่จะมีประโยชน์อันใด นางไม่ได้อยู่ในสายตาของพวกเราด้วยซ้ำ ให้นางไปกับแม่ของนางนั่นแหละดีแล้ว” หลี่หงซวนนั้นเป็นเพียงเจ้าเมืองเล็ก ๆ มีตำแหน่งเป็นขุนนางขั้นที่ห้า ฝั่งตระกูลจี้บ้านเดิมของจี้ชิวหรงนั้น อยู่ในเมืองหลวงมีตำแหน่งใหญ่โตกว่าหนึ่งขั้น เรื่องนี้เขาจึงต้องขบคิด ถึงผลได้ผลเสียในอนาคตอีกด้วย การเสียสละอนุกับหลานสาวคนหนึ่ง เพื่อชดเชยให้แก่คนตระกูลจี้ นับว่าเป็นเรื่องสมควรทำแล้ว “ข้าก็คิดเช่นฮูหยินนั่นแหละ เพียงแต่สะใภ้สามแท้งคราวนี้ ไม่รู้จะยังสามารถตั้งท้องได้อีกหรือไม่ พวกเรารอดูไปก่อนดีกว่า หากนางไม่สามารถตั้งท้องได้จริง ๆ เราค่อยหาอนุมาให้หย่วนเจ๋อภายหลังก็ยังได้ ยามนั้นคนตระกูลจี้จะเอาอะไรมาง้างกับเราได้อีก” “จริงดังท่านว่าเจ้าค่ะ” ฝ่ายเฉาซูหลิ่งที่ถูกคนใช้ ลากตัวออกมาให้เก็บของในเรือน นางส่งเสียงเอะอะโวยวายตลอดทาง พร่ำบอกต้องการพบหลี่หย่วนเจ๋อให้ได้ แต่ถูกสาวใช้ขวางไว้ไม่ให้ไป นางจำใจกลับไปยังห้องนอนของตัวเอง รีบเก็บของสำคัญใส่ห่อผ้าเพื่อออกเดินทาง

บท
อ่านเลย
ดาวน์โหลดหนังสือ