รักคือทุกข์...ทุกข์ที่จะทำสตรีนางหนึ่งถูกจองจำไปตลอดกาลเพราะความโง่เขลา ชาติก่อนหมิงหลิ่งฟางตกตายเพราะเลือกเดินทางผิด ส่งผลให้ชะตากรรมของครอบครัวเข้าขั้นเลวร้ายถูกความอัปยศครอบงำตระกูล แต่แล้วสวรรค์กลับยินยอมให้นางได้คืนความเป็นธรรมให้แก่ครอบครัว ด้วยการนำดวงจิตจากยุคปัจจุบันของนางมาเปลี่ยนแปลงเรื่องราว ชาตินี้หมิงหลิ่งฟางไม่ขอเป็นคนโง่เขลา เพราะนางจะเป็นคนใหม่ที่ไม่ยอมหลงเดินทางผิด เอาแต่บูชาความรักจนครอบครัวถึงจุดยากลำบาก และแม้ว่านางจะไม่ได้รักใคร่ หยางจวินเฟย แต่นางก็ฉลาดพอที่จะเลือกฝั่งผู้ชนะ นางจะต้องทำทุกทางเพื่อผูกมิตรกับเขา เพื่อให้บุรุษผู้นี้กลายเป็นแผ่นฟ้าที่คอยคุ้มครองนางกับครอบครัวให้จงได้ หมดเวลาของนี้หมิงหลิ่งฟางผู้อ่อนแอและเจ้าน้ำตาแล้ว จากนี้นางจะทำทุกทางเพื่อให้ตระกูลหมิงรอดพ้นเภทภัย
ในยามพลบค่ำดวงตะวันค่อยๆ ลาลับท้องฟ้ามืดครึ้ม ผู้คนสัญจรไปมาเริ่มน้อยลงก่อนจะจางหายไป มีเพียงแสงไฟสลัวตามสองฝั่งข้างทาง ริมฟุตบาทของถนนสายหนึ่งที่ติดอยู่กับแม่น้ำห่างเพียงระเบียงกั้น สะท้อนให้เห็นเงาของหญิงสาวคนหนึ่งกำลังเดินทอดน่องไปเรื่อย ๆ อย่างไร้จุดหมาย
หญิงสาวร่างผอมบางในชุดเดรสชีฟองสีขาวสวมหมวกไหมพรมสีขาว เดินไปตามฟุตบาตก่อนจะมาหยุดอยู่บนสะพานข้ามฝั่งแม่น้ำ ดวงตาเศร้าหมองเหม่อลอยทอดมองไปด้านหน้าอย่างไร้ทิศทาง
หากมองดูใกล้ๆ คงเห็นว่าดวงตาของเธอบวมแดงหลังจากผ่านการร้องไห้มาอย่างหนัก ใบหน้าที่เคยงดงามผุดผ่องนั้นซีดเซียวซูบตอบไร้สีเลือดฝาดอย่างเห็นได้ชัดริมฝีปากที่เคยแดงระเรื่อซีดขาวราวกับกระดาษ
ที่ผ่านมาราวกับว่าโชคชะตาเล่นตลกกับชีวิตของเธอ เมื่อปีก่อนเธอป่วยอาการเริ่มทรุดหนักเมื่อไปตรวจที่โรงพยาบาล กลับพบว่าเธอเป็นมะเร็งระยะสุดท้ายอาจอยู่ได้ไม่เกินสองปี
นั่นเสมือนกับฝันร้ายชีวิตที่กำลังราบรื่นวาดฝันไว้อย่างดีกับคนรักที่คบกันมาถึงห้าปี เธอตั้งใจไว้ว่าจะแต่งงานและมีลูกกับเขาชีวิตครอบครัวของเธอก็จะสมบูรณ์ เติมเต็มชีวิตในอดีตที่ขาดหาย
“ไม่เป็นไรผมจะคอยอยู่ข้างๆ ดูแลคุณเอง”
คำพูดนั้นของเขาทำให้เธอยังคงมีชีวิตต่อไปอย่างมีความสุข เธอเริ่มเข้ารับการรักษาแม้ว่าจะไม่เห็นความหวังที่ปลายทาง แต่เธอก็ยังคงมีกำลังใจที่จะใช้ชีวิตต่อไปกับเขาแม้ว่าสิ่งที่วาดฝันไว้จะไม่เป็นอย่างที่คิด หากแต่เขาเป็นคนเดียวที่เป็นที่พึ่งสุดท้ายและเป็นกำลังใจในการใช้ชีวิตของเธอ
เธอชื่อหลินฟาง เป็นเด็กกำพร้าไร้ญาติขาดมิตร ตั้งแต่จำความได้เธอก็ใช้ชีวิตอยู่ในสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เธอต้องใช้ความพยายามอย่างหนักกว่าคนอื่นกว่าจะก้าวขึ้นมาถึงจุดนี้
หลังจากที่เธอเรียนจบเธอก็ได้ทำงานในบริษัทใหญ่โตมีตำแหน่งหน้าที่การงานที่ดีขึ้นเรื่อย ๆ ด้วยความที่เธอเป็นคนขยันและทำงานดีละเอียดรอบคอบ อายุเพียงยี่สิบห้าปีเธอก็ได้ขึ้นเป็นหัวหน้าเป็นที่น่าอิจฉาของคนอื่น ๆ พวกเขาทำงานมาทั้งชีวิตยังไม่ได้เลื่อนตำแหน่งเลย
แต่กว่าเธอจะมาถึงจุดนี้ได้ก็เพราะว่าเธอมีกำลังใจที่ดี จงเหวินคนรักที่คอยอยู่เคียงข้างเธอมาตลอดห้าปี เธอกับเขาคบกันตั้งแต่สมัยเรียนมหาวิทยาลัย ทางบ้านของเขามีฐานะปานกลาง แต่เขาก็พยายามช่วยเหลือให้กำลังใจเธอมาตลอด ทั้งสองฝ่าฟันอุปสรรคมาด้วยกันมากมาย
หลินฟางรู้สึกว่าเขาเป็นคนดีมากเป็นที่พึ่งเดียวในชีวิตเธอ เธอจึงตั้งใจว่าหลังจากที่การงานมั่นคงเธอจะแต่งงานและมีลูกกับเขามีครอบครัวที่มีความสุข
แต่แล้วชีวิตในวัยยี่สิบหกปีของเธอกลับพังทลายลงเมื่อเธอตรวจพบว่าเธอเป็นมะเร็งระยะสุดท้ายอยู่ได้ไม่เกินสองปี จึงทำให้เธอต้องออกจากงานมารักษาตัว เธอคิดว่าชีวิตของเธอนั้นยังโชคดีที่มีจงเหวินคนรักที่คอยดูแลอยู่ข้างๆ แต่โชคชะตากลับเล่นตลกกับเธออีกครั้ง
‘ที่รักทำอะไรอยู่คะ ที่เรานัดกันว่าจะไปดินเนอร์เย็นนี้ฉันจองโต๊ะที่ดาดฟ้าของโรงแรมไว้เรียบร้อยแล้วนะคะ’
‘ได้ครับผมจะรีบไป ผมเองก็คิดถึงคุณจะแย่แล้ว’
ข้อความพวกนั้นแจ้งเตือนขึ้นมาบนหน้าจอโทรศัพท์ของคนที่เธอรัก หลินฟางทรุดตัวลงกับพื้นขบเม้มริมฝีปากแน่นน้ำตาไหลอาบสองพวงแก้มอย่างห้ามไม่ได้ เธอไม่คิดว่าคนรักที่คบกันถึงห้าปีจะนอกใจเธอ
เธอยังคงคิดเข้าข้างตัวเองว่าข้อความนั้นอาจจะมีใครบางคนส่งผิดมาก็ได้
ก๊อก ก๊อก
เสียงเคาะประตูดังขึ้นทำให้หลินฟางได้สติขึ้นมาอีกครั้ง เธอวางโทรศัพท์ของเขาไว้บนโต๊ะที่เดิม มือเรียวเล็กยกขึ้นมาปาดน้ำตาบนใบหน้าก่อนจะเดินไปเปิดประตู
“จงเหวินคุณกลับมาแล้วเหรอคะ” หลินฟางปั้นหน้ายิ้มให้กับเขา
“ครับวันนี้ผมซื้อวัตถุดิบมาทำกับข้าวให้คุณโดยเฉพาะ มีประโยชน์สำหรับคนป่วยทั้งนั้นเลย คุณจะได้แข็งแรงและหายไวๆ จะได้อยู่กับผมไปนาน ๆ” ชายหนุ่มร่างสูงโปร่งพูดพร้อมกับยิ้มอย่างอ่อนโยนให้กับหลินฟาง
“จริงสิเย็นนี้ผมต้องไปงานด่วนคงอยู่กับคุณไม่ได้คุณอยู่คนเดียวได้ใช่ไหม พรุ่งนี้ผมจะรีบกลับมานะ”
จงเหวินพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน หากแต่ทำให้คนฟังรู้สึกสะอึกขึ้นมา
หลินฟางกลืนน้ำลายลงคอพยายามกดกั้นน้ำตาที่พร้อมจะไหลพรากออกมาได้ทุกเมื่อ
“ค่ะ” หญิงสาวตอบรับเพียงสั้น ๆ ก่อนจะยกยิ้มเล็กน้อยให้กับเขา
โรงแรมแห่งหนึ่งติดริมแม่น้ำบรรยากาศค่อนข้างดีทีเดียว มองโดยรอบเห็นวิวทิวทัศน์แม่น้ำที่กว้างใหญ่ตึกน้อยใหญ่เรียงรายเป็นแถว ในยามเย็นแสงไฟหลากหลายสีสันสะท้อนบนแม่น้ำยิ่งมองดูสวยงามจนไม่อาจละสายตา
บนดาดฟ้าของโรงแรมแห่งนี้ได้จัดโต๊ะสำหรับทานดินเนอร์ไว้สำหรับลูกค้าวีไอพี ซึ่งหนึ่งในนั้นก็ปรากฏร่างของชายหนุ่มร่างสูงโปร่งที่ดูคุ้นตาสวมสูทสีดำดูภูมิฐาน ฝั่งตรงข้ามเขาเป็นหญิงสาวสวยในชุดเดรสเกาะอกสีแดงคลุมทับด้วยเสื้อสูทสีขาวดูมีระดับ หากมองดูดี ๆ แล้วผู้หญิงคนนี้คงมีฐานะอยู่ไม่น้อย ใบหน้าของเธอถูกแต่งแต้มด้วยเครื่องสำอางราคาแพง ริมฝีปากสีแดงสดยกยิ้มกว้างให้กับชายหนุ่มตรงหน้าตลอดเวลา
“อร่อยไหมคะ มื้อนี้ฉันสั่งแต่ของโปรดของคุณทั้งนั้นเลยนะ”
“ขอบคุณนะครับ” เขาเองก็ยิ้มอย่างอ่อนโยนให้กับเธอเช่นกัน
ทั้งสองนั่งทานอาหารด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้มอย่างมีความสุข โดยไม่เห็นว่ามุมหนึ่งมีหญิงสาวคนหนึ่งยืนกำมือแน่น ใบหน้าซีดเซียวเปรอะเปื้อนไปด้วยน้ำตาริมฝีปากขบเม้มจนห้อเลือด ก่อนจะตัดสินใจเดินไปยังโต๊ะที่คนรักของเธอนั่งอยู่กับหญิงสาวที่เธอไม่คุ้นตา
“นี่มันอะไรกันคะจงเหวิน แล้วผู้หญิงคนนี้เป็นใคร” หลินฟางเอ่ยถามเสียงสั่น เธอไม่คิดว่าคนที่นั่งอยู่ตรงนี้จะเป็นเขา
จงเหวินเบิกตากว้างอย่างตกใจ เช่นเดียวกับหญิงสาวชุดแดงตรงหน้าที่ขมวดคิ้วอย่างสงสัย
“เขาเป็นแฟนของฉัน แล้วเธอเป็นใคร?”
ชายหนุ่มคนเดียวในนั้นถอนหายใจเฮือกใหญ่ ก่อนจะลุกขึ้นจับแขนเล็กของหลินฟางไว้
“ผมขอโทษนะ แต่ผมหมดรักคุณแล้วเราเลิกกันเถอะ”
เขาพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาอย่างไร้เยื่อใย ยิ่งทำให้หลินฟางรู้สึกสั่นสะท้านไปทั้งร่าง เธอกลืนน้ำลายเหนียวข้นลงคอสะบัดแขนเล็กของตัวเองออกจากมือใหญ่ก่อนจะค่อย ๆ ถอยหลังแล้วเดินออกมา
โลกทั้งใบของเธอพังทลายลงต่อหน้าต่อตาเหลือเพียงความสิ้นหวังและโดดเดี่ยว ในหัวอื้ออึงไปหมดมีเพียงความคิดที่วนเวียนไปมาอยู่อย่างนั้น
ไม่รู้ว่านานเท่าไหร่ที่เธอเดินออกมาจากตรงนั้นพอรู้ตัวอีกทีก็มาอยู่บนสะพานแห่งหนึ่งเสียแล้ว ดวงตาของเธอวางเปล่าทอดมองไปด้านหน้าอย่างไร้จุดหมาย ที่พึ่งสุดท้ายก็ไม่เหลือแล้วต่อไปเธอจะใช้ชีวิตอย่างไร เธอสูญสิ้นทุกสิ่งอย่างไม่เหลือแล้วไม่เหลืออะไรเลย
น้ำในแม่น้ำแห่งนี้คงเย็นพอที่จะทำให้ร่างกายของเธอผ่อนคลายกับสิ่งเลวร้ายที่พบเจอมาได้ ต่อไปเธอจะได้ไม่ต้องมาเจอเรื่องพวกนี้อีก ทุกสิ่งอย่างในชาตินี้ก็ให้จบลงเพียงเท่านี้เธอแบกรับมันไม่ไหวอีกแล้ว
หญิงสาวค่อย ๆ หลับตาลงอย่างช้า ๆ ก่อนจะปลดปล่อยตัวเองดิ่งลงสู่ห้วงน้ำอันมืดมิดเวิ้งว้าง ร่างผอมบางค่อยๆ จมลงสู่ก้นบึ้งความเย็นยะเยือกของน้ำในยามค่ำคืนโอบล้อมร่างของเธอไว้ ภาพความทรงจำอันแสนหวานรอยยิ้มและเสียงหัวเราะภาพเหล่านั้นย้อนกลับคืนมาในหัวก่อนจะเลือนหายไป
‘ลาก่อนโลกที่แสนจะโหดร้ายใบนี้’
ความเย็นยะเยือกแทรกซึมเข้าสู่ประสาทสัมผัส หญิงสาวค่อย ๆ ลืมตาขึ้นมาอีกครั้งก็พบว่าบรรยากาศรอบตัวเงียบสงัดทั้งยังมืดมิดไร้ซึ่งแสงสว่าง
หลินฟางย่นคิ้วอย่างฉงนพลางย้อนคิดถึงเรื่องราวที่เพิ่งเกิดขึ้น
“ที่นี่คงเป็นยมโลกสินะ!” เธอถอนหายใจเฮือกใหญ่ ก่อนหน้านี้เธอฆ่าตัวตายโดยการกระโดดลงแม่น้ำแต่ไฉนจึงมาอยู่ที่นี่ได้ หากที่นี่ไม่ใช่ยมโลกแล้วจะเป็นที่ใดได้อีก วิญญาณของหลินฟางล่องลอยไปเรื่อย ๆ สู่เส้นทางที่มืดมิดอันยาวไกลอย่างไร้จุดหมาย
“เจ้าหมดอายุขัยจากโลกนั้นแล้ว ตอนนี้ก็คงถึงเวลาที่เจ้าจะต้องหวนคืนกลับสู่ที่เดิมที่เจ้าจากมา ดังคำอธิษฐานที่เจ้าเคยร้องขอ” เสียงทุ้มแหบที่คาดว่าน่าจะเป็นเสียงของชายสูงวัยดังขึ้นอย่างปริศนาก้องไปทั่วบริเวณนั้น จนทำให้หลินฟางต้องหยุดชะงักหันไปมองตามเสียงนั้นแต่ก็เห็นเพียงความมืดมิด
“นั่นใคร” เธอเอ่ยถามด้วยความสงสัยเธอเคยอ้อนวอนขอให้มีชีวิตด้วยเหรอ แต่ทว่าเสียงนั้นยังคงพูดต่อ
“เจ้ารู้แต่เพียงว่ายังคงมีใครบางคนเฝ้าอ้อนวอนขอให้เจ้าตื่นขึ้นมาในทุกคืนวัน ตัวข้าแม้นจะเป็นเทพผู้ชี้ชะตาแต่ก็ทนถูกคนผู้นั้นเฝ้าอธิษฐานจิตอยู่ทุกวี่วันจนข้ามิอาจปล่อยไปได้ จึงต้องมาเร่งรับตัวเจ้ากลับไป”
ตาแก่นี่พูดอะไรเธอไม่เห็นจะเข้าใจเลย แล้วใครบางคนคือใครกัน? เธอก็เพิ่งอกหักมาคนที่เธอรักนอกใจเธอถึงขนาดนี้จะมีใครมาเฝ้าอธิษฐานจิตรอเธออยู่อีก บ้าไปแล้วแน่ ๆ
ยังไม่ทันที่เธอจะได้ไถ่ถามอะไรให้มากความ แสงสว่างจ้าวูบหนึ่งก็พุ่งเข้ามายังใบหน้าของเธออย่างเต็มแรง ภาพความจำเมื่อครั้งอดีตไหลเวียนเข้ามาในหัว จวบจนวันที่ตัวเธอในอดีตกับครอบครัวถูกใส่ร้ายว่าเป็นกบฏและวางแผนฆ่าสตรีผู้หนึ่งซึ่งเป็นชายารองของสามี ทำให้เธอและครอบครัวต้องโทษประหารชีวิตทั้งตระกูล
เมื่อจำอดีตได้หลินฟางถึงกับนิ่งอึ้งทรุดตัวลงไปกับพื้น เรื่องราวหนักหนาถึงเพียงนี้จะให้เธอกลับไปทำไมอีก
“ท่านเทพผู้ชี้ชะตาโปรดเมตตา ฉันไม่อยากกลับไปอีกแล้ว ฉันไม่อยากเผชิญหน้ากับสิ่งที่เลวร้ายอีกแล้ว ขอร้องอย่าส่งฉันกลับไปเลย” หลินฟางร้องไห้อ้อนวอนแต่เสียงทุ้มแหบนั้นกลับพูดขึ้นมาอย่างอ่อนโยน
“อดีตสามารถแก้ไขและเปลี่ยนแปลงได้ ทุกอย่างขึ้นอยู่ที่ตัวของเจ้าเอง”
“แก้ไขเหรอ...แก้ไขอย่างไร?”
“ไปได้แล้ว!”
“เดี๋ยวสิ! บอกฉันมาก่อน…”
วูบ
สิ้นเสียงของชายชราผู้นั้นก็เกิดลมแรงวูบหนึ่งราวกับคนผู้นั้นเพียงใช้มือโบกเบา ๆ สติของหลินฟางก็ดับวูบไป
บทที่ 0 บทนำ โชคชะตา
05/03/2025
บทที่ 1 หวนคืนอดีต...
05/03/2025
บทที่ 2 องค์ชายรองมาเยี่ยมเยือน
05/03/2025
บทที่ 3 ปฏิเสธการแต่งงาน...
05/03/2025
บทที่ 4 ปรึกษาบิดา
05/03/2025
บทที่ 5 อดีตที่ผิดพลาด
05/03/2025
บทที่ 6 พบพานศัตรูคู่แค้น
05/03/2025
บทที่ 7 ฉีกหน้าศัตรูอย่างไม่ไว้หน้า
05/03/2025
บทที่ 8 โชคชะตานำพามาพบกันอีกครั้ง
05/03/2025
บทที่ 9 ศัตรูของศัตรูคือมิตร
05/03/2025
บทที่ 10 การกลับมาของพี่ชาย
05/03/2025
บทที่ 11 เข้าเฝ้าฮองเฮา
05/03/2025
บทที่ 12 หัวใจสั่นไหว
05/03/2025
บทที่ 13 เรื่องกวนใจ
05/03/2025
บทที่ 14 แผนร้ายของศัตรู
05/03/2025
บทที่ 15 แผนซ้อนแผน
05/03/2025
บทที่ 16 กรรมนั้นคืนสนอง
05/03/2025
บทที่ 17 ร้ายมาร้ายกลับ
05/03/2025
บทที่ 18 เรื่องอื้อฉาว
05/03/2025
บทที่ 19 ลอบเข้าห้องสตรียามวิกาล
05/03/2025
บทที่ 20 ตามตื้อไม่เลิก
05/03/2025
บทที่ 21 วางแผนร้าย
05/03/2025
บทที่ 22 รัชทายาทเกี้ยวรัก
05/03/2025
บทที่ 23 บุรุษสวะที่ตามตื้อไม่เลิก
05/03/2025
บทที่ 24 สารภาพรัก
05/03/2025
บทที่ 25 เยี่ยมชมค่ายทหาร
05/03/2025
บทที่ 26 เปิดเผยความจริง
05/03/2025
บทที่ 27 หัวใจเริ่มเต้นแรง
05/03/2025
บทที่ 28 ความจริงภายในใจ
05/03/2025
บทที่ 29 คำอธิฐานเป็นจริง
05/03/2025
บทที่ 30 ความจริงใจที่ทำให้ใจหวั่นไหว
05/03/2025
บทที่ 31 ความริษยาของหวงเจียวซิน
05/03/2025
บทที่ 32 แผนการสกปรก
05/03/2025
บทที่ 33 การแก้แค้นเริ่มต้นแล้ว
05/03/2025
บทที่ 34 อุบายตื้นเขิน
05/03/2025
บทที่ 35 หลักฐานมัดตัว
05/03/2025
บทที่ 36 ห่วงใย
05/03/2025
บทที่ 37 ถูกลักพาตัว
05/03/2025
บทที่ 38 จุดจบของเรื่องราว
05/03/2025
บทที่ 39 ความสุขที่เฝ้าตามหา
05/03/2025
หนังสืออื่นๆ ของ หลิ่งฟาง//พิมพ์สีทอง
ข้อมูลเพิ่มเติม