ซาเปีย ภาคเสียงกระซิบจากสายน้ำ

ซาเปีย ภาคเสียงกระซิบจากสายน้ำ

ยารักษาโรค

5.0
ความคิดเห็น
88
ชม
41
บท

ตารัค ดินแดนผู้พิทักษ์แห่งปฐวีธาตุ เฝ้ารอตามหาอัญมณีที่หายสาบสูญ เพื่อสร้างดินแดนที่สมบูรณ์ตามปรารถนาของเทพบิดร แต่ทว่า… นีรุณ ปิดหนังสือโบราณเล่มหนึ่งลง นั่งตรึกตรองด้วยสีหน้าครุ่นคิด เธอเกิดคำถามภายในใจ ‘การเพียรตามหาอัญมณีนี้คือหนทางที่เทพบิดรต้องการจริงหรือ? แต่หากไม่ใช่…สิ่งใดเล่าคือสิ่งที่เทพบิดรปรารถนาแท้จริง?’ อลัน ชายหนุ่มต่างถิ่น ผู้ซึ่งมีสีกายผิดแปลก มีผมสีเงิน ตาสีฟ้า จะเข้ามาพัวพันอะไรกับเธอและดินแดนแห่งนี้? เรื่องราวของความลึกลับและการผจญภัยเพื่อค้นหาความจริงกำลังจะเริ่มต้นขึ้น ณ ดินแดนแห่งปฐวีธาตุแห่งนี้…

บทที่ 1 โรงยาสารพันโรค

แสงสว่างวาบลงมาจากท้องฟ้า พาดผ่านเหนือวิหารโบราณอันสูงตระหง่านภายในคฤหาสน์เก่าแก่ขนาดใหญ่

หญิงชรากำลังนั่งสมาธิอยู่กลางห้อง เธอค่อย ๆ ลืมตาขึ้นช้า ๆ มองแสงจันทร์สาดส่องผ่านช่องหน้าต่างด้านบนวิหาร แสงสาดลงมาประกายบนใบหน้าเธอทำให้เห็นริ้วรอยที่ขึ้นมาตามอายุวัย

สายตาของเธอเหลือบขึ้นมองเหล่าดวงวิญญาณสีเหลืองอ่อนนับร้อยดวงของเหล่าบรรพบุรุษผู้ปกปักรักษาวิหารแห่งนี้

พวกเขาค่อย ๆ เคลื่อนไหวกันไปมาราวกับพวกเขารับรู้ได้ถึงสัญญาณของบางสิ่งบางอย่าง

บางตนกระซิบ…..บางตนวิ่งวนแสดงความยินดีอย่างยิ่ง....ราวกับสิ่งที่พวกเขารอคอยมาแสนนานได้มาถึงเสียที

หญิงชราเห็นเช่นนั้นก็ค่อย ๆ เผยยิ้มอันชราภาพออกอย่างบางเบา “พวกท่านยินดีกันเช่นนี้!!...แสดงว่าคงถึงเวลาอันเหมาะสมแล้วสิ…นะคะ?”

ยามเธอเอ่ยจบก็เกิดเสียงกระซิบตอบรับจากเหล่าดวงวิญญาณของบรรพบุรุษกลับมาแสดงความยินดีอย่างไม่ปิดบัง

*****************************************************

ภายในป้อมปราการศิลาแลงโบราณ ตัวคฤหาสน์แบ่งเป็นเรือนย่อย ๆ นับร้อยหลัง แต่ละหลังถูกออกแบบอย่างประณีตด้วยสถาปัตยกรรมโบราณและงานฝีมืออันวิจิตรบรรจง

ทางเดินดินศิลาแลงปูเป็นเส้นทางเชื่อมระหว่างเรือนเหล่านั้น มุ่งสู่โดมสีแดงอิฐปนสีส้มที่ตั้งตระหง่านอยู่ ณ ใจกลางคฤหาสน์ ไม่ว่าพระอาทิตย์จะขึ้นหรือลง เงามืดไม่เคยพาดผ่านโดมแห่งนี้

….ช่างดูมีเสน่ห์ลึกลับและยิ่งใหญ่ เหมาะสมแล้วกับการเป็นที่ตั้งของคฤหาสน์ของตระกูลเก่าแก่เกือบจะที่สุดในดินแดนแห่งนี้และมีประวัติศาสตร์มานับหมื่นปี…..ตระกูลนั้นมีนามว่า ‘เกเลน’

“อีกแล้วหรือ!!!” หญิงชราผมสีดอกเลาพึมพำกับตัวเองอย่างเหนื่อยใจ

เธอเดินกระย่องกระแย่งออกจากประตูเรือนหลังใหญ่ แล้วจึงตะโกนเสียงดังก้องกังวาล “เห็นคุณนีรุณบ้างหรือไม่?”

สิ้นเสียงท่านแทราผู้อาวุโสสูงสุดแห่งตระกูลเกเลน เสียงเอะอะโวยวายของสาวใช้ก็ดังก้องสอดประสานกันไปทั่วคฤหาสน์

พวกเธอรีบวิ่งกันจนเกิดเสียงกระโปรงเสียดสีจากการสับไหว เสียงตะโกนตอบกลับไปมาทำให้บรรยากาศในคฤหาสน์ดูยิ่งวุ่นวาย

"ไม่เจอ!” เสียงหนึ่งดังมาจากเรือนทางทิศตะวันออก

"ทางนี้ก็ไม่เจอ!” อีกเสียงตอบกลับมาจากเรือนด้านทิศเหนือ

ท่ามกลางความวุ่นวาย เสียงฝีเท้าของสาวใช้สับสนวุ่นวายไปมาระหว่างเรือนต่าง ๆ ท้องฟ้าเริ่มเปลี่ยนสีเป็นยามเย็น แสงอาทิตย์ส่องสะท้อนกับโดมสีแดงปนส้ม สร้างบรรยากาศเคร่งขรึมและตึงเครียดเพิ่มขึ้นในคฤหาสน์เก่าแก่แห่งนี้

*****************************************************

ในอีกมุมของดาวเคราะห์แห่งนี้ เมื่อแสงแดดที่ร้อนแรงค่อย ๆ ทุเลาความรุนแรงลงและกำลังลาลับขอบฟ้า พื้นท้องฟ้าก็เริ่มเปลี่ยนสีจากสีแดงส้มเป็นสีฟ้าคราม เหล่าชาวบ้านจึงได้ทยอยกันออกมาตั้งโต๊ะขายของ คล้ายเป็นกิจวัตรประจำวันที่พวกเขาทำกันในทุกวัน

ตำนานเล่าขานกันว่าดวงดาว ‘ตารัค’ ถือกำเนิดจากร่างกายและอวัยวะต่าง ๆ ของเทพบิดร อันเป็นแหล่งพลังของ ‘ปฐวีธาตุ’ ทำให้ดวงดาวตารัคอุดมสมบูรณ์ด้วยทรัพย์ในดิน บริเวณต่าง ๆ จึงมีแร่ธาตุล้ำค่ากระจายตัวทั่วทั้งดาว เหล่าชาวตารัคขึ้นชื่อเรื่องอัญมณีจากแร่หายากและอาวุธยุทโธปกรณ์

เหล่าสิ่งมีชีวิตจากดวงดาวข้างเคียงหรือที่ชาวตารัคมักจะเรียกพวกเขารวม ๆ กันว่า ‘ไซทอบ’ พวกเขามักแวะเวียนมาที่ดาวตารัค เพื่อนำสิ่งของมาแลกเปลี่ยนกับพ่อค้าแม่ค้าชาวตารัคเสมอ

นีรุณมองตลาดตารัคที่เต็มไปด้วยความคึกคักและหลากหลายด้วยใจเต้นรัว เธอรู้สึกตื่นเต้นกับสินค้าที่แปลกตาจากดาวดวงอื่นและสิ่งมีชีวิตหน้าตาแปลก ๆ หลากหลายทางพันธุกรรม

“คุณหนู! หนีออกมาอยู่ที่นี่เอง” เสียงหวานของมามูคนสนิทของนีรุณดังมาแต่ไหล

นีรุณหันมาเห็นคนสนิท ดวงตาที่กลมโตอยู่แล้วเปิดกว้างขึ้นด้วยอารมณ์ตกใจ เธอลนลานจนหันไปทางซ้ายทีหนึ่ง แล้วกลับมามองทางขวาอีกที ก่อนจะเห็นทางหนีจึงตัดสินใจออกตัววิ่งอย่างสุดกำลัง

ทว่า!!...มามูที่อยู่ด้วยกันมานานมีหรือจะไม่รู้ทัน… เธอรีบคว้าข้อแขนของเจ้านายสาวเอาไว้ได้เสียก่อน

“คุณหนูจะหนีไปไหนคะ?” มามูมองหน้าเจ้านายสาวอย่างเหนื่อยใจ

นีรุณก้มหน้าจ๋อยได้ไม่นาน รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ก็ปรากฏขึ้นบนดวงหน้าหวาน เธอค่อย ๆ ดึงมามูเข้ามาภายในตลาดที่มีเหล่าบรรดาไซทอบจำนวนมาก

ขาของมามูหยุดชะงักไปชั่วครู่ หญิงสาวยืนตัวแข็งทื่อไม่สามารถขยับได้ สายตาของเธอแสดงความหวาดกลัวขณะมองจดจ้องไปยังเหล่าสิ่งชีวิตแปลกประหลาดเหล่านั้น

เธอหันซ้ายก็พบสิ่งมีชีวิตสีเขียวคล้ายของเหลว เคลื่อนที่ไปมาอย่างไร้รูปร่างชัดเจน ดวงตาแดงสองจุดมองมาอย่างเย็นชา ไม่มีจมูกหรือปาก มีเพียงเสียงครางเบา ๆ ที่ทำให้ขนลุก

ทางขวามีสัตว์สี่ขาที่เดินด้วยสองขาหลัง ขนดำหนาปกคลุมทั่วร่าง ดวงตาเหลืองอร่ามราวกับสามารถมองดึงจิตวิญญาณของคนอื่นได้ ปากเต็มไปด้วยเขี้ยวคม และเสียงหายใจหนักหน่วงพร้อมคำรามต่ำ ๆ เตือนให้ทุกคนถอยหนี

มามูทำอะไรไม่ถูกได้แต่ยืนตัวแข็งทื่อ เธอก้าวเดินไม่ออก เอ่ยด้วยน้ำเสียงสั่นเครือเบา ๆ “คุณหนูช่วยมามูด้วย”

นีรุณไม่เพียงไม่ช่วย เธอกลับหัวเราะท่าทางตื่นตระหนกของคนสนิทจนท้องแข็ง “ฮา ๆ ๆ ๆ”

“คุณหนูมาช่วยมามูก่อน” มามูเอ่ยย้ำด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ น้ำตาเริ่มเอ่อคลอมองจ้องเจ้านายสาวอย่างขอร้อง

“รู้ตัวว่ากลัวพวกไซทอบแล้วจะตามมาทำไมกัน?” นีรุณเดินมาจับมือคนสนิทแล้วดึงเธอมายืนด้านหลังคอยกันไม่ให้เหล่าไซทอบเข้าใกล้มามูจนเกินไป

“ก็เพราะท่านแทรามาหาคุณหนูที่เรือน ทุกคนเลยตามหาตัวคุณหนูจนวุ่นวายไปหมด” มามูพูดรัวจนหายใจไม่ทัน

นีรุณยิ้มเจื่อน ๆ แค่คิดถึงใบหน้าเหี่ยวย่นกับคำบ่นของผู้อาวุโสแทราก็พา “แค่คิดก็สยอง” มือบางยกขึ้นแคะหูด้วยใบหน้าเหยเก “ปล่อยท่านไปเถอะ”

มามูทำสีหน้ากังวล “ดูท่าทางท่านน่าจะมีเรื่องด่วน เห็นท่านกล่าวว่า ยังไงวันนี้ท่านจะรอคุณหนูกลับมา”

หญิงสาวหันขวับมามองหน้ามามูครู่หนึ่งก่อนจะทำท่าทางขนลุก แล้วรีบเดินหายเข้าไปในตลาด

“แล้วคุณหนูจะไปไหนอีกคะ? ไม่กลับอีกหรือ?” เมื่อไม่มีคนกำกับเหล่าไซทอบ มามูก็ยิ่งรู้สึกหวาดกลัวจนต้องรีบวิ่งไปหาเจ้านายสาว

“ไม่อะ กลับช้าหรือกลับเร็ว…ก็คงจะโดนบ่นเหมือนกัน ฉะนั้นแล้ว….ขอเที่ยวต่ออีกสักนิดให้คุ้มกับที่ต้องนั่งฟังเสียงท่านแทราบ่นหน่อยล่ะกัน” นีรุณพูดจบแล้วเดินลากมามูเข้าตลาดโดยไม่สนเสียงโอดครวญของคนสนิทอีกเลย

*****************************************************

‘โรงยาสารพันโรค’

นีรุณเงยหน้ามองโรงงานผลิตยาที่ใหญ่ที่สุดในตารัค โรงยานี้ไม่เพียงแต่มีชื่อเสียงในด้านคุณภาพของตัวยา โรงยาแห่งนี้ยังมีตำรับยาเป็นของตัวเอง ที่มีความหลากหลายครอบคลุมโรคแทบทุกชนิดที่ถูกบันทึกเอาไว้

แต่ทว่า…โรงยาสารพันโรค ก็มีชื่อเสียงในความเย่อหยิ่ง ขายยาราคาแพงและมักจะขายให้แก่ลูกค้ารายใหญ่เท่านั้น

นีรุณกับมามูเดินเข้ามาในร้านที่คึกคักจนผิดปกติก็ต่างมองหน้ากันแปลกใจ พวกเธอค่อย ๆ แทรกตัวผ่านฝูงชนเข้ามาในร้านแล้วตรงไปยังหลังร้านด้วยท่าทีอย่างคุ้นเคย “ทำไมวันนี้คนเยอะขนาดนี้คะ?…คุณเคล”

เคล ที่ทุกคนรู้จักในนามเจ้าของโรงยาสารพันโรค เขาเป็นคนที่ตามตัวยากและค่อนข้างเล่นตัวกับการที่จะมาพบปะใคร ๆ

แต่สำหรับนีรุณนั้นเป็นข้อยกเว้น!!!.....

เคลเดินออกมาต้อนรับนีรุณด้วยตัวเอง พร้อมทำความเคารพอย่างนอบน้อม “คุณหนู…ท่านมาพอดีเลยครับ” เขายิ้มอย่างเคารพแต่ก็เต็มไปด้วยความเหนื่อยล้า ก่อนจะยื่นบัญชีการเงินให้เธออย่างกังวล

นีรุณมองชายวัยกลางคนอย่างไม่เข้าใจ เธอพลิกดูบัญชีในมือแล้วมองหน้าเคลอีกครั้ง หญิงสาวเกิดคำถามมากมายขึ้นมาในทันที “ร้านของเราขายดีมาตลอดนี่น่าคุณเคล แต่ทำไมกำไรถึงลดลงขนาดนี้?”

เคลถอนหายใจเสียงเบา “ช่วงนี้พ่อค้าสมุนไพรขึ้นราคาสมุนไพรตากแห้งจนทะลุเพดาน ตอนนี้สมุนไพร 1 กิโลกรัมราคาเท่าทองคำ 1 กิโลกรัม….นี่ขนาดร้านเราขึ้นราคาตามราคาตลาดสมุนไพรแล้วนะครับ ยังขึ้นตามไม่ทัน”

นีรุณมองรายการสมุนไพรอย่างครุ่นคิดก่อนจะโยนบัญชีลงบนโต๊ะ “ถึงอย่างไรพวกเขาก็ต้องมาซื้อยาจากเราอยู่ดี ปรับขึ้นราคาเพิ่มขึ้นเป็นสิบเท่าเลยค่ะ…คุณเคล….เราจะช่วยใครให้หายหิว เราต้องมั่นใจว่าเรากินอิ่มก่อน…ใช่ไหมคะคุณเคล”

ชายวัยกลางคนยิ้ม ๆ “ใช่ครับคุณหนู”

นีรุณเดินออกจากโรงยาสารพันโรค สายตาของเธอครุ่นคิดไปเรื่อย ๆ เหมือนครุ่นคิดอะไรบางอย่าง “ถ้าเราขึ้นราคาสินค้า แล้วยังสามารถหาวัตถุดิบราคาถูกได้อีก….กำไรของเราจะยิ่งเพิ่มขึ้นเป็นเท่าไรกันนะ”

นีรุณยืนยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์เมื่อคิดถึงผลกำไรที่พวกเธออาจจะทำได้ ดังนั้นแทนที่พวกเธอจะตรงกลับคฤหาสน์ตระกูลเกเลน เธอจึงเลือกที่จะดึงมามูมายังตลาดสมุนไพร

ดวงดาวตารัคของพวกเธอเป็นดวงดาวที่มีแหล่งทรัพยากรดินชั้นเลิศ แต่ในทางตรงกันข้ามพวกเรานั้นกลับขาดแคลนสิ่งอื่น ๆ โดยเฉพาะน้ำที่จำมีความเป็นในการทำเกษตรกรรม ตารัคจึงต้องพึ่งพาสินค้าจากดาวดวงอื่น ๆ ซึ่งราคานั้นมักจะแกว่งมากจนวางแผนล่วงหน้าไม่ได้

หญิงสาวทั้งสองเดินมาหยุดหน้าแผงขายสมุนไพรตากแห้งที่ชาวไซทอบเพศชายชาวโทรลล์ เขามีร่างใหญ่โตปกคลุมด้วยขนหยาบทั่วลำตัว เป็นเจ้าของร้าน

“พี่จ้า ราคาบอระเพ็ดตากแห้งกองนี้เท่าไรคะ?” นีรุณแกล้งเดินเข้ามาถาม

“ผมคิด 1 กิโลกรัมบอระเพ็ด ราคา 1 บาททองคำครับคุณลูกค้า” พ่อค้าไซทอบตอบอย่างนอบน้อม

“ราคาแพงมากเลยค่ะคุณหนู” มามูแอบกระซิบเสียงต่ำด้วยความตกใจ

นีรุณพยักหน้าเบา ๆ เหมือนจะเห็นด้วยก่อนจะหันไปแสดงท่าทางตื่นตกใจแล้วแปรเปลี่ยนเป็นท่าทางน่าสงสาร “พี่ชาย…พอจะบอกได้ไหมคะ ทำไมราคาถึงขึ้นมาขนาดนี้?”

“นี่…นี่เป็นทหารตารัคมาหาข้อมูลจากผมหรือเปล่าครับ?” เขาถามอย่างตื่นตระหนก มือที่ถือสมุนไพรเริ่มสั่นเล็กน้อย “ผมไม่รู้ไม่เห็นอะไรนะครับ ผมเป็นแค่พ่อค้าธรรมดาคนหนึ่งเท่านั้นนะครับ”

นีรุณส่ายหน้าทันควัน “ไม่ใช่ค่ะพี่…ไม่ใช่ค่ะ…พอดีพ่อของเพื่อนหนูป่วยหนักนะคะ” เธอชี้มาที่มามู

ตัวมามูที่ถูกกล่าวอ้าง ยืนทำหน้าฉงน เธอยังคงจับต้นชนปลายไม่ถูกจนทำให้นีรุณต้องขยิบตาแทบหลุดกว่ามามูจะแสดงท่าทีเข้าใจ “ใช่ค่ะคุณพี่…ช่วงนี้คุณพ่อมีความจำเป็นต้องใช้ยา จำนวนเยอะมากค่ะ” มามูรีบเสริมตามที่นีรุณบอกด้วยน้ำเสียงแข็ง ๆ

“โรคของคุณลุงต้องมียาค่อยประคับประคองอาการตลอด ถ้าวันไหนไม่มียา วันนั้นคุณลุงจะทรุดทันที…” นีรุณรีบเสริมขึ้นอย่างรวดเร็ว ช่วยมามูที่แสดงละครได้ไม่ค่อยได้เรื่องให้ดูสมจริงยิ่งขึ้น

แล้วจู่ ๆ นีรุณก็หยุดนิ่งไปชั่วครู่ ก่อนเธอจะเริ่มสะอึกสะอื้นเสียงดังอย่างจงใจ เธอใช้มือปาดน้ำตาเพื่อสร้างภาพของการร้องไห้ให้สมจริงที่สุด

ทว่า….เธอขยี้ตาไปสักพักชักก็เริ่มเกิดอาการแสบขึ้นมาจริง ๆ น้ำตาจริงเริ่มไหลลงมาอย่างไม่ต้องแสร้งทำ

“คุณลุง…คุณลุง!” คราวนี้เสียงสะอื้นของนีรุณร้องไห้อย่างสมจริงจนมามูตกใจ “พวกเรากำลังคิดกันว่าจะไปขายแรงงาน หาเงินมาซื้อยารักษาคุณลุง…หือ ๆ ๆ ๆ”

นีรุณเริ่มรู้สึกว่าเธอแสบตามากขึ้น เธอหันหลังแล้วแสร้งส่งสัญญาณให้มามู “เนอะ เจ็บเนอะมามู…”

มามูที่เข้าใจว่าคุณหนูของเธอกำลังแสดงละคร จึงพยายามกลั้นหัวเราะการแสดงที่สมจริงนั้น “เออ…อืม…ใช่ค่ะ…คุณพ่อท่านเจ็บมาก”

นีรุณกลอกตาไปมา แต่ยิ่งเธอพยายามเคลื่อนไหวดวงตามากขึ้นเท่าไร ดวงตาของเธอก็จะยิ่งรู้สึกแสบมากขึ้น เมื่อสัมผัสเปลือกตาเบา ๆ จะรู้สึกว่าดวงตาทั้งสองของเธอตอนนี้น่าจะบวมแดงปูดขึ้นมา น้ำตาไหลลงมาเปรอะข้างสองแก้มทันทีด้วยความเจ็บ “พวกหนูน่าสงสารมากเลยค่ะ พ่อหนูก็ป่วยหนักอยู่แล้ว ถ้าคุณลุงยังทรุดไปอีกคน พวกหนูก็อาจจะต้องออกไปขายแรงงานทำงานหนักแล้วค่ะ…”

นีรุณทนแสบไม่ไหวแล้ว เธอกุมมือมามูขึ้นอย่างช้า ๆ แล้วค่อย ๆ สัมผัสแผ่วเบา มองมามูด้วยดวงตาบวมแดงปิดที่ปิดตาของเธอจนแทบจะมองไม่เห็นอยู่แล้ว

มามูที่กำลังคิดว่าเจ้านายส่งสัญญาณให้เธอเล่นละครต่อ เธอแทบจะกลั้นหัวเราะไม่อยู่แล้ว แต่ก็ตอบตามบทบาทที่คิดว่าเจ้านายต้องการให้เธอเล่นต่อ “ไม่น่าเลย พี่ไม่น่าลากน้องให้ต้องมาลำบากไปด้วยเลย”

ในขณะที่สองสาวกำลังแสดงละครฉากหญิงสาวผู้น่าสงสาร พ่อค้าไซทอบเห็นน้ำตาของเธอแล้วก็เริ่มรู้สึกสงสาร ดวงตาสีเขียวของเขาสลดลงและน้ำเสียงเริ่มสั่นเครือ “อย่าเพิ่งทำอะไรบุ่มบ่ามกันนะครับ คิดให้ดีกันก่อน”

แม้นีรุณจะรู้สึกแสบรอบดวงตา แต่เมื่อเหยื่อเริ่มติดกับดัก รอยยิ้มมุมปากค่อย ๆ เผยออก “พวกหนูคิดกันมาหลายรอบแล้วค่ะพี่ หรือว่าคุณพี่พอจะมีวิธีช่วยพวกหนูได้บ้าง?”

พ่อค้าไซทอบแสดงท่าทีลังเล เขามองร่างบางทั้งสองอย่างชั่งใจอยู่นานก่อนจะเสนอข้อเสนอบางอย่าง “ถ้าใช้ปริมาณเยอะ ๆ พวกคุณลองไปรับต้นสมุนไพรสดมาทำแห้งกันเองไหมครับ? น่าจะช่วยลดค่าใช้จ่ายลงได้มาก”

“จริงเหรอคะ? ถ้าพี่ช่วยบอกแหล่งขายส่งต้นสมุนไพรสดให้พวกหนูได้ไหมคะ?” นีรุณพยายามกดน้ำเสียงตื่นเต้นลงและเพิ่มเสียงสะอื้นให้เพิ่มขึ้น เพื่อให้ดูน่าสงสาร

“ผมเองก็รับมาต่อจากพ่อค้าคนกลางอีกทีนะครับ” พ่อค้าไซทอบทำท่าทางไม่มั่นใจ

นีรุณปาดน้ำตาออกอย่างรวดเร็วแล้วถามกลับอย่างไว “รับมากจากใครหรือคะ?”

เมื่อโดนจู่โจมพ่อค้าสมุนไพรก็ตอบกลับอย่างไม่ทันตั้งตัว “เออ เขาเป็นชาวเผ่าเอนโดไซด์ครับ”

นีรุณพยักหน้าแล้วรีบสวนกลับอีกครั้ง “เราจะพบเขาได้ที่ไหนคะ?”

“ในตลาดมืดครับ” เขาตอบออกไปอย่างไม่ทันคิด

นีรุณค่อย ๆ เผยยิ้มหวานอย่างพอใจ เธอเอ่ยทิ้งท้าย “ขอบคุณมากเลยนะคะ” แล้วเดินจากออกมา ปล่อยให้ผู้ที่โดนซักถามยืนทำท่าทางงงงวยอยู่ที่เดิม

*****************************************************

“คุณหนูแสดงละครเก่งมากเลยนะคะ ขนาดมามูรู้จักคุณหนูมาแต่เล็กยังหลงเชื่อ หลงสงสารคุณหนูเลยนะคะ” มามูเอ่ยตามหลังอย่างชื่นชมและจริงใจ

นีรุณแทบจะหัวเราะทั้งน้ำตา ไม่รู้จะขอบคุณในคำชมหรือสงสารตัวเองดีกว่ากัน เธอพยายามเบิ่งดวงตาบวมแดงจนแทบจะมองไม่เห็นมองมามู “ไม่ได้แกล้งมามู ฉันแสบตาจริง ๆ คิดว่าน่าจะแพ้เกสรต้นบอระเพ็ด อาจจะเผลอไปแตะบอระเพ็ดเมื่อกี้แล้วดันเอามือไปขยี้ตา…ฮือออ แสบตาเลย”

มามูหันมามองดวงตาที่เคยหวานหยดย้อยคู่นั้นด้วยท่าทีตกใจและเป็นกังวล “ทำไมคุณหนูไม่บอกมามูล่ะคะ?...ทิ้งไว้นานจนมันบวมไปหมดแล้ว”

นีรุณยกมือขึ้นปิดตาทั้งสองข้าง ร้องไห้เพราะความรู้สึกแสบไปทั่วรอบดวงตา “มันแสบมากจริง ๆ มามู เหมือนมีไฟเผาอยู่ในตาเลย” มามูรีบวิ่งไปหายาบรรเทาความแสบมาให้เจ้านายสาว

*****************************************************

ความวุ่นวายที่เกิดขึ้นทำให้ทั้งสองสาวลืมคนสำคัญในค่ำคืนนี้ไปอีกหนึ่งคน

“คุณนีรุณ กลับมาแล้วหรือคะ?” เสียงแหบแห้งของหญิงชราเอ่ยทักขึ้นเบา ๆ

หญิงสาวทั้งสองเงยหน้าก็พบกับสายตาชราวัยของแทรา นีรุณถอยหลังกรูไปด้านหลังชิดติดกำแพง พยายามทำตัวเล็กแล้วดันมามูให้มายืนอยู่เบื้องหน้า

“ท่านแทราเหงาหรือ?” เสียงหวานเอื้อนเอ่ยอย่างเบา ๆ ก่อนจะโผล่หน้ามาดูหญิงชราที่มองจ้องกลับมาด้วยท่าทางจริงจัง

นีรุณยิ้มเจื่อน ๆ พูดพึมพำเบา ๆ “ตายละ…ไม่ขำแฮะ?”

อ่านต่อ

หนังสือที่คุณอาจชอบ

คุณนายฟู่ กรุณาเซ็นต์หย่า

คุณนายฟู่ กรุณาเซ็นต์หย่า

Harper
5.0

ความรักที่ซ่อนเร้นของสาวน้อยเริ่มต้นในวันที่ทั้งสองได้พบกันในการพบกันที่ถูกวางแผนมาอย่างยาวนาน ทว่าเด็กสาวที่ครอบครัวรับมาเลี้ยงกลับแย่งชิงครอบครัวและเด็กหนุ่มไปโดยไม่รู้สึกเกรงกลัว เมื่อโตขึ้น เธอใช้โอกาสการแต่งงานเพื่อผลประโยชน์เพื่อแย่งชิงตำแหน่งภรรยาของชายคนนั้น ไม่ยอมถอยแม้แต่นิดเดียว ฟู่เป่ยชวนกอดพี่สาวของเธอไว้ในอ้อมแขน ดวงตาเต็มไปด้วยความเกลียดชัง “เธอทำให้ฉันรู้สึกสะอิดสะเอียน” ซูชิงเฉินรู้สึกปวดท้องเหมือนมีบางอย่างในร่างกายของเธอค่อยๆ เลือนหายไป เธอยิ้มเล็กน้อย น้ำเสียงแน่วแน่ “แน่นอน ฉันจะไม่มีวันปล่อยมือ ถึงจะต้องตายก็ตาม” ไม่นานนัก ซูชิงเฉินก็เหมือนจะหายไปจริงๆ จากนั้นเป็นต้นมา ไม่มีใครรู้ว่าเธอยังมีชีวิตอยู่หรือไม่ ในยามค่ำคืน ฟู่เป่ยชวนมักจะได้ยินเสียงผู้หญิงคนหนึ่งพูดกับเขาว่า “ถ้าฉันไม่เคยรักเธอเลยก็คงจะดี” ห้าปีต่อมา ซูชิงเฉินกลับมาพร้อมกับเด็กคนหนึ่ง กลับมาในสายตาของคนทั่วไปอีกครั้ง ...

ทะลุมิติมาอยู่ในร่างหญิงปัญญาอ่อนซ้ำยังต้องแต่งงานกับบุรุษใบ้

ทะลุมิติมาอยู่ในร่างหญิงปัญญาอ่อนซ้ำยังต้องแต่งงานกับบุรุษใบ้

แก้วใบเล็ก
5.0

โปรย: มาอยู่ในร่างหญิงปัญญาอ่อน ถูกตราหน้าว่าเป็นลูกโจรที่เคยเข่นฆ่าผู้คนไปทั่ว ซ้ำร้ายเขายังต้องการล้างแค้นแทนพ่อโดยใช้หัวใจเป็นเดิมพัน ........................ ไรต์มีนิยายพื้นบ้านมาฝากอีกแล้วค่า เน้นการใช้ชีวิตประจำวัน เนื้อเรื่องไม่หวือหวาส่วนใหญ่เกิดจากจินตนาการของไรต์มากกว่าเหตุการณ์ในยุคนั้น ใครชอบแนวนี้ไรต์ฝากกดหัวใจกดติดตามกันด้วยนะคะ หญิงสาวที่ตื่นมาตอนเช้าเพื่อเตรียมตัวไปรับพระราชทานปริญญาบัตร แต่กลับต้องย้อนไปอยู่ในยุค 60 ในร่างหญิงปัญญาอ่อนที่มีความทรงจำอันน้อยนิด มีพ่อเป็นอดีตโจรที่ขาพิการ ครอบครัวยากจน กับค่าแรงวันละเจ็ดบาท แล้วเช่นนี้เธอจะทำให้ครอบครัวกินอยู่อิ่มท้องได้อย่างไร พระเอกนางเอกเรื่องนี้มีการแก้แค้นเอาคืนไม่ได้เป็นคนดีบริสุทธิ์นะคะ ทุกคนโปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน เนื้อหาบางส่วน.... คำแก้วเดินออกมาถึงทางห้าแยกที่จะเลี้ยวเข้าหมู่บ้านสี่แจและหมู่บ้านอื่น ๆ ก็เจอกับชายฉกรรจ์สามคนยืนขวางอยู่ตรงหน้า คำแก้วเดินต่ออย่างไม่รู้สึกเกรงกลัว            “เฮ้ย! มีคนเดินมาทางนี้ว่ะ”            “ลูกพี่มันแบกหมูป่าตัวเบ้อเร่อมาด้วย”            “เอาของมีค่าทั้งหมดมาจากมันให้ได้”            “แต่มันเป็นผู้หญิงตัวเล็ก ๆ เองนะลูกพี่”            “พ่อมึงสอนให้โจรอย่างพวกมึงใจดีกับพวกผู้หญิงเหรอวะ” คนที่เป็นหัวหน้าแก๊งตวาดเสียงดังจนคำแก้วต้องเงยหน้ามอง ดวงตากลมไหวสั่นเล็กน้อย เข้ามาสิจะใช้เครื่องช็อตไฟฟ้าช็อตให้ ปืนก็มี มีดก็มี กลัวอะไรล่ะ หักแขนหักขาคนก็ได้ด้วย            “มะ ไม่ได้บอกครับ” คนที่เป็นลูกน้องตอบเสียงสั่น แล้วพวกมันก็ก้าวเท้าไปขวางหน้าคำแก้วไว้            “เอาของมีค่าจากตัวมึงมาให้หมด รวมถึงหมูป่าด้วย” ลูกน้องหนึ่งในสองคนพูดขึ้น แปลกใจที่ในกระบุงมีผลไม้หลายอย่างที่พวกเขาไม่เคยกิน            “ไม่มี” คำแก้วตอบเสียงห้วน มองชายทั้งสามด้วยแววตาไม่สะทกสะท้าน เธออยากเห็นโจรตัวเป็น ๆ วันนี้เธอก็ได้เห็นแล้ว พวกมันใช้ผ้าขาวม้าคลุมหน้าไว้ ยุคสมัยนี้ตำรวจคงทำอะไรคนพวกนี้ไม่ได้จริง ๆ            “ปากดีซะด้วย กูชอบว่ะ จะมีผู้หญิงสักกี่คนวะที่ไม่กลัวโจรอย่างพวกกู ฮ่า ๆ ๆ” เรืองว่าพลางหัวเราะเสียงลั่น ในมือถือปืนเคาะฝ่ามืออีกข้างเล่นไปพลาง ๆ แล้วสั่งลูกน้องเสียงเหี้ยม “จับตัวมันไว้”            ลูกน้องทั้งสองกรูเข้าไปจับตัวคำแก้วไว้ คำแก้วปล่อยหมูและกระบุงลงบนพื้นดิน            เรืองก้าวเท้ายาวเข้ามาใกล้ ดึงผ้าขาวม้าออกจากหน้าเธอ สายตาคมกริบมองใบหน้าเรียวเล็กของอีกฝ่ายด้วยความประหลาดใจเป็นที่สุด            “นี่มันลูกสาวคนโตของไอ้เสือเข้มนี่หว่า มึงกล้าออกมาป่าคนเดียวได้ยังไงวะ” เขาใช้ปลายกระบอกปืนเชยคางของคำแก้วขึ้น แล้วพิศมองใบหน้าเธอนิ่ง            คำแก้วจ้องตามันกลับอย่างไม่ลดละ โจรพวกนี้อาจจะเป็นพวกเดียวกันกับที่ทำร้ายพ่อของเธอก็เป็นได้ ถึงได้รู้จักเสือเข้ม            ชายรูปร่างสูงใหญ่ที่ยืนหลบอยู่ในพุ่มไม้ที่อยู่ไม่ไกลมากนักถึงกับเบิกตาโพลงเมื่อได้ยินว่าสาวน้อยคนที่เขาเดินตามออกมาจากป่าเป็นลูกของไอ้เสือเข้ม แต่เขาได้ยินมาว่าลูกสาวคนโตของเสือเข้มเป็นเด็กที่มีความบกพร่องทางปัญญาไม่ใช่เหรอ ทำไมถึงเข้าป่าไปล่าสัตว์คนเดียวได้อย่างไม่รู้สึกเกรงกลัวสัตว์ป่า หรือแม้แต่โจรพวกนี้ได้ ยิ่งคิดก็ยิ่งสงสัย ตัดสินใจไม่ผิดจริง ๆ ที่เดินตามเธอมา คราแรกเขาแค่อยากรู้ว่าเธอเป็นคนของหมู่บ้านไหนกันแน่ เพราะเขาไม่เคยเห็นหน้า และกลัวว่าเธอจะเป็นอันตรายจึงเดินตามมาอย่างเงียบ ๆ ไม่คิดว่าจะเป็นลูกสาวคนที่เขาตามหามานาน

ฮูหยินของข้า แซ่บไม่เบา

ฮูหยินของข้า แซ่บไม่เบา

Burke Gee
5.0

ทุกคนรู้ดีว่า บุตรีคนโตที่ไม่เป็นที่โปรดปรานในจวนโหวอันติ้งแห่งเมืองหลวง ทำให้แม่แท้ๆ ของตนต้องเสียชีวิต เป็นคนที่ถูกมองว่าเป็นตัวโชคร้าย ก่อนแต่งงานก็ทำให้แม่เลี้ยงฝันร้ายอยู่หลายวัน ออกเดินทางไปทำบุญนอกเมืองก็ถูกโจรจับตัวไป แต่ใครจะคิดว่าโชคร้ายกลับกลายเป็นโชคดี นางเปลี่ยนนิสัยไปอย่างสิ้นเชิง ไม่ยอมให้ใครมารังแกอีกต่อไปที่แท้ซูชิงซวู่ ผู้สุดยอดสายลับที่ทะลุมิติมาเผชิญกับพ่อที่เย็นชา แม่เลี้ยงที่ชั่วร้าย คู่หมั้นที่นอกใจน้องสาวต่างแม่ แต่ไม่เป็นไร คอยดูว่าเธอจะจัดการพวกชั่วช้า และเอาคืนทุกอย่าง ทว่าทำไมท่านอ๋องผู้นั้นถึงมองมาที่เธอด้วยสายตาแปลกๆ นั่นล่ะเผ่ยเสวียนจู: บุญคุณที่ช่วยชีวิต ไม่มีสิ่งใดตอบแทนได้ นอกจากเอาตัวไปแลก

ไม่เล่นแล้ว ฉันคือคุณนาย

ไม่เล่นแล้ว ฉันคือคุณนาย

zongheng
5.0

ในช่วงสามปีที่หลูเฉียนหนิงอยู่ข้างๆ เขา โจวเป่ยจิ้งคิดอยู่เสมอว่าเธอเป็นเพียงผู้ช่วยพิเศษ เธอต้องการเงินเพื่อรักษาอาการป่วยของแม่ และจะไม่มีวันจากตนเองไป ครั้งแล้วครั้งเล่า ให้เงินแลกกับความต้องการอย่างชัดเจน ในที่สุด เมื่อเขาเกือบจะหลงใหลนั้น หลูเฉียนหนิงก็ไม่อดทนอีกต่อไป "มีคนรักในใจแล้ว ยังนอนกับฉันทุกวัน คุณชั่วชัดๆ" เมื่อข้อตกลงการหย่าถูกโยนต่อหน้าต่อตา โจวเป่ยจิ้งก็ตระหนักว่าภรรยาลึกลับที่เขาแต่งงานเมื่อหกปีที่แล้วกลับคือเธอ? จากนั้นเป็นต้นมา เขาก็ขึ้นชื่อเป็นชายเจ้าชู้อละตามจีบภรรยาทั้งยังเอาเปรียบเธอ! เขาอุ้มเธอไว้ในอ้อมแขนด้วยทัศนคติที่เผด็จการและเอาใจเธออย่างเต็มที่ เมื่อทุกคนรังเกียจที่เธอมีภูมิหลังที่ต่ำต้อย เขาก็มอบทรัพย์สินและหุ้นของตระกูลทั้งหมดอย่างตรงๆ และเข้าไปอยู่บ้านของตระกูลหลู จู่ๆ เธอก็กลายเป็นประธานหลู ซึ่งเป็นเจ้าของทรัพย์สินนับไม่ถ้วน และทุกคนอิจฉา แต่โจวเป่ยจิ้งกลับตกลงไปในวังวนที่ใหญ่กว่านั้น...

การจากลาครั้งที่เก้าสิบเก้า

การจากลาครั้งที่เก้าสิบเก้า

Gavin
5.0

ครั้งที่เก้าสิบเก้าที่ ‘เจต’ ทำให้ฉันใจสลาย คือครั้งสุดท้ายของเรา เราสองคนเคยเป็นคู่รักดาวเด่นของโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาพัฒนาการ รัชดา อนาคตของเราถูกวางแผนไว้อย่างสวยหรูว่าจะเข้าเรียนที่จุฬาฯ ด้วยกัน แต่แล้วในช่วงปีสุดท้ายของม.ปลาย เขากลับไปหลงรักผู้หญิงคนใหม่ที่ชื่อ ‘แคท’ เรื่องราวความรักของเรากลายเป็นละครน้ำเน่าราคาถูกที่น่าเบื่อหน่าย เต็มไปด้วยการทรยศของเขาและการขู่ว่าจะเลิกอย่างไร้ความหมายของฉัน ในงานเลี้ยงจบการศึกษา แคท ‘บังเอิญ’ ดึงฉันตกลงไปในสระว่ายน้ำกับเธอ เจตกระโดดลงไปช่วยโดยไม่ลังเลแม้แต่วินาทีเดียว เขากลับว่ายผ่านฉันที่กำลังตะเกียกตะกายเอาชีวิตรอดไปอย่างไม่ใยดี แล้วโอบแขนรอบตัวแคทก่อนจะพาเธอขึ้นจากสระอย่างปลอดภัย ขณะที่เขาช่วยพยุงเธอขึ้นจากสระ ท่ามกลางเสียงเชียร์ของเพื่อนๆ เขาหันกลับมามองฉันที่ตัวสั่นเทา มาสคาร่าไหลเป็นทางสีดำอาบแก้ม “ชีวิตเธอ ไม่ใช่ปัญหาของฉันอีกต่อไป” เขาพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาเหมือนน้ำในสระที่ฉันกำลังจะจมดิ่งลงไป คืนนั้นเอง บางสิ่งในตัวฉันก็แตกสลายลงอย่างสมบูรณ์ ฉันกลับบ้าน เปิดโน้ตบุ๊ก และคลิกปุ่มยืนยันสิทธิ์เข้าศึกษาต่อ ไม่ใช่ที่จุฬาฯ กับเขา แต่เป็นมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ คนละฟากฝั่งของกรุงเทพฯ

บท
อ่านเลย
ดาวน์โหลดหนังสือ
ซาเปีย ภาคเสียงกระซิบจากสายน้ำ
1

บทที่ 1 โรงยาสารพันโรค

14/03/2025

2

บทที่ 2 การเป็นผู้ให้มีความสุขแบบนี้เอง

14/03/2025

3

บทที่ 3 พิษประหลาด

14/03/2025

4

บทที่ 4 บ้านเลขที่ 24

14/03/2025

5

บทที่ 5 โรงค้าทาส

14/03/2025

6

บทที่ 6 การปะทะที่สมน้ำสมเนื้อ

14/03/2025

7

บทที่ 7 มีนัดกัน

14/03/2025

8

บทที่ 8 ต้อนรับสู่คฤหาสน์เกเลน

14/03/2025

9

บทที่ 9 บทพิสูจน์

14/03/2025

10

บทที่ 10 ตื่นจากฝัน

14/03/2025

11

บทที่ 11 ทำหน้าที่ครั้งแรก

14/03/2025

12

บทที่ 12 ทำหน้าที่ครั้งแรก

14/03/2025

13

บทที่ 13 เจรจาการค้า

15/03/2025

14

บทที่ 14 บังเอิญมีโรคระบาด

15/03/2025

15

บทที่ 15 การเจรจาที่ไม่ลงตัว

15/03/2025

16

บทที่ 16 ค้นพบดาวบอร์น

15/03/2025

17

บทที่ 17 เพื่อนที่ไม่เท่ากับเพื่อน

15/03/2025

18

บทที่ 18 เรื่องราวใหญ่กว่าที่คิด

15/03/2025

19

บทที่ 19 หนุ่มชาวบอร์น

15/03/2025

20

บทที่ 20 อารมณ์สีเทา

15/03/2025

21

บทที่ 21 โรงหมอ

15/03/2025

22

บทที่ 22 เกลียวคลื่นสีผสม

15/03/2025

23

บทที่ 23 คนยังอันตรายกว่ายาพิษ

15/03/2025

24

บทที่ 24 ผมก็คือน้ำ น้ำก็คือผม

15/03/2025

25

บทที่ 25 ค่าเสียหายที่แสนเจ็บปวด

15/03/2025

26

บทที่ 26 แหกคุกช่วยไซทอบ

15/03/2025

27

บทที่ 27 ขอแลกเปลี่ยน

15/03/2025

28

บทที่ 28 เพื่อยาถอนพิษ

15/03/2025

29

บทที่ 29 เจราจาธุรกิจบนโต๊ะอาหาร

15/03/2025

30

บทที่ 30 ความสับสน

15/03/2025

31

บทที่ 31 หนังสือโบราณ

15/03/2025

32

บทที่ 32 การจากลา

15/03/2025

33

บทที่ 33 เพราะเรานั้นจุดยืนต่างกัน

15/03/2025

34

บทที่ 34 ผิดหวัง เสียใจ แค้นใจ

15/03/2025

35

บทที่ 35 ได้กลับบ้าน

15/03/2025

36

บทที่ 36 ถ้าไม่อยากเสียใจ อย่าคิดลองใจใคร

15/03/2025

37

บทที่ 37 ในความขาดมีความสมบูรณ์ ในความสมบูรณ์ซ่อนความขาด

15/03/2025

38

บทที่ 38 เศษแก้วบาดยังไม่เจ็บเท่าสายตาคน

15/03/2025

39

บทที่ 39 เมื่อทิฐิลดลง ความสุขก็จะเพิ่มขึ้น

15/03/2025

40

บทที่ 40 ผูกผันมั่นใจ เข้าใจเคียงคู่

15/03/2025