ท่านประธานอย่ารักฉันมากนักเลย

ท่านประธานอย่ารักฉันมากนักเลย

จิรโชติ ทองม่วง

4.9
ความคิดเห็น
597.2K
ชม
273
บท

คุณเสี่ยเหมียน คือเด็กผู้หญิงธรรมดาคนหนึ่งที่ใช้ชีวิตอย่างเรียบง่าย วันหนึ่งเธอได้รับสายจากสถานีตำรวจซึ่งทำให้ชีวิตของเธอนั้นเปลี่ยนไปตลอดกาล ทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นหลังจากนั้น ก็ไม่ต่างอะไรกับการนั่งรถไฟเหาะ ไม่ช้าเธอก็พบว่า"คุณกู้หนาน"แฟนหนุ่มที่คบกันมานานนั้นได้นอกใจเธอ และไปเป็นชู้กับเพื่อนสาวคนสนิทของเธอ ราวกับว่าสิ่งต่างๆ ยังไม่เลวร้ายพอ เธอก็บังเอิญไปลงเอยกับคุณอา ถิงเจว๋บนรถของเขา พวกเขาแอบมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกัน คุณเสี่ยเหมียนพบว่าตัวเองตกอยู่ในสงครามการแย่งชิงหว่างแฟนเก่าของเธอ "คุณกู้หนาน"และคุณอาของเขา"คุณถิงเจว๋"

บทที่ 1 อย่าทำเรื่องเล็กให้เป็นเรื่องใหญ่

ณ เมืองจิงซื่อ เวลา 20.00 น.

หลังจากที่คุณไป๋เสี่ยเหมียนทำงานล่วงเวลาอย่างเหน็ดเหนื่อยมาทั้งวัน ก็ถึงเวลาที่เธอจะได้พักผ่อน แต่ระหว่างทางที่เธอกลับบ้านนั้น จู่ ๆ ก็มีสายเรียกเข้าจากเจ้าหน้าที่ตำรวจนายหนึ่ง

“สวัสดีครับ นี่ใช่คุณ เสี่ยเหมียน รึเปล่าครับ” เจ้าหน้าที่ถาม “ใช่ค่ะ” เสี่ยเหมียนตอบ “เพื่อนของคุณที่ชื่อว่า กู้หนานและ สวี่โยว่ห่งถูกจับในข้อหาซื้อบริการทางเพศ พวกเขายืนกรานว่า พวกเขาเป็นคู่รักกัน คุณช่วยมาที่สถานีตำรวจ และเป็นพยานให้ได้มั้ยว่า ทั้งสองเป็นคู่รักกันจริง ๆ ผมจะได้ปล่อยตัวพวกเขาไป...”

พอได้ยินข่าวที่น่าตกใจ เสี่ยเหมียนถึงกับตัวแข็งทื่อ เธอพยายามเรียกสติกลับคืนมา แต่ ณ เวลานั้น เธอไม่มีสมาธิจับใจความสิ่งที่ตำรวจนายนั้นพูดต่อเลย เสี่ยเหมียนไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่า เธอวางสายจากเจ้าหน้าที่ตอนไหน และรีบเรียกแท็กซี่ไปสถานีตำรวจอย่างเหม่อลอย

เมื่อมาถึงที่หมาย

พอเห็นชายหญิงคู่หนึ่งนั่งด้วยกันในโถงแค่แวบเดียวเท่านั้น เธอก็รู้แล้วว่า พวกเขาคือใคร ชายคนนั้นคือ กู้หนาน หรือแฟนหนุ่มตัวดีของเธอ ส่วนคนที่นั่งข้างเขา ก็ไม่ใช่ใครอื่น แต่คือ โยว่หง เพื่อนของเธอเอง ทั้งสองนั่งอิงแอบแนบชิดกัน ราวกับคู่รักที่กำลังฮันนีมูนกัน

เสี่ยเหมียนกำหมัดแน่น เพลิงโทสะฉายสะท้อนในดวงตา เธอเดินไปหาพวกเขา ในแต่ละย่างก้าวนั้น มีแต่ความรู้สึกหนักอึ้ง

โยว่หงเห็นเสี่ยเหมียนก่อน “เสี่ยเหมียน ฉันขอโทษ” โยว่หงพูดด้วยสายตาเจ้าเล่ห์ เธอแสร้งทำเป็นขอโทษ

กู้หนานหันกลับมาเห็นแฟนสาวกำลังเดินดุ่ม ๆ มาทางพวกเขา เขาผลักโยว่หงออกไปโดยไม่ต้องคิด และรีบลุกขึ้นยืนก่อนที่เสี่ยเหมียนจะอ้าปากพูด “เสี่ยเหมียน เธอมาแล้วเหรอ?” กู้หนานทักทาย พร้อมกับส่งยิ้มให้อย่างเหนียมอาย

เขาละสายตาจากเสี่ยเหมียนอย่างตื่นกลัว กู้หนานชาไปทั้งตัว เขาไม่สามารถสู้หน้าเสี่ยเหมียนได้เลย

“คุณกู้หนานคะ เล่าให้เธอฟังทุกเรื่องเลยค่ะ” โยว่หงแนะนำ

“เหลวไหลน่า หยุดเลยนะ! อย่ามาล้อเล่นกับเรื่องแบบนี้” กู้หนานจ้องเขม็งไปที่โยว่หง คล้ายจะส่งสัญญาณเตือนเธอไม่ให้หลุดปากพูดอะไรออกไปอีก เขาหันไปหาเสี่ยเหมียนอีกครั้ง “เสี่ยเหมียน ผมสัญญาว่า จะอธิบายทุกอย่างให้คุณฟังทีหลัง แต่ตอนนี้ ผมอยากให้คุณให้การกับตำรวจว่า พวกเราเป็นผู้บริสุทธิ์” เขาร้องขออย่างกับเป็นเรื่องปกติ

กู้หนานเอื้อมมือออกมาจะจับเธอ แต่เสี่ยเหมียนกลับเมินเฉย เธอเค้นเสียงตอบว่า “คุณคงมีคำอธิบายดี ๆ สำหรับเรื่องนี้ซินะ” เสี่ยเหมียนจ้องไปที่กู้หนานอย่างรังเกียจ

หลังจากให้การกับเจ้าหน้าที่ กู้หนานและโยว่หงก็ได้เป็นอิสระ ทั้งสามคนออกมาจากสถานีตำรวจด้วยกัน

“กู้หนาน คุณทำกับฉันแบบนี้ได้ยังไง คนเฮงซวย” เสี่ยเหมียนตะโกนด้วยความโกรธแค้น หลังจากย่างกรายออกมาจากสถานีตำรวจ

“ฟังผมก่อน เสี่ยเหมียน!” กู้หนานขมวดคิ้วและอ้อนวอน เขาพยายามจับมือเสี่ยเหมียน แต่เธอก็พยายามดึงมือตัวเองออก

“หยุดพูดเถอะ! เห็นอยู่ตำตาว่า คุณมีชู้” เสี่ยเหมียนแผดเสียงใส่กู้หนาน “ตอนที่ตำรวจตั้งข้อกล่าวหาว่า คุณไปใช้บริการคุณโส รู้สึกยังไงบ้างเหรอ? ถ้ารู้ว่า เหตุการณ์เป็นแบบนี้ ฉันไม่มาประกันตัวให้หรอก” เสี่ยเหมียนปาดน้ำตาออกจากดวงตาที่แดงก่ำ แววตาของเธอมีแต่ความโกรธและความผิดหวัง

พอคิดว่า ชายหญิงหน้าด้านสองคนนั้น ขอให้ตำรวจโทรหาเธอเรื่องประกันตัว เสี่ยเหมียนก็ยิ่งรู้สึกฉุน พวกเขาได้ในสิ่งที่ต้องการ แม้ว่าจะทำตัวน่ารังเกียจซะขนาดนั้น

คำพูดของเสี่ยเหมียนทำให้กู้หนานถึงกับหน้าม้าน เขาตะคอกกลับว่า “ใช่ ฉันนอนกับโยว่หง แล้วไงเหรอ?”

สิ้นเสียงของเขา เสี่ยเหมียนก็รู้สึกเวียนหัวและใจเหมือนหล่นไปอยู่ที่ตาตุ่ม เธอพยายามทรงตัวไม่ให้ล้มลงไปซะก่อน กู้หนานเดินเข้ามาช่วยแต่เสี่ยเหมียนสะบัดออกและผลักเขาออกไป ราวกับว่า เขาเป็นสิ่งสกปรก

“ไสหัวไปซะ! อย่าเข้ามาใกล้ฉัน!”

กู้หนานรู้สึกเหมือนกับว่า หัวใจของเขาถูกเข็มนับพันทิ่มแทงอยู่ “เสี่ยเหมียน” เขาพูดพึมพำ และเปลี่ยนเป็นน้ำเสียงที่นุ่มนวลขึ้น “ลืมเรื่องผู้หญิงคนอื่นไปได้เลย คุณเป็นคนเดียวที่ผมรัก แค่คนเดียวเท่านั้น”

พอได้ยินสิ่งที่กู้หนานพูด โยว่หงก็รู้สึกหึงหวง แต่เธอแกล้งทำเป็นเข้าใจ และพยายามเกลี้ยกล่อมเสี่ยเหมียนด้วยน้ำเสียงที่นุ่มนวล “เขาพูดถูก คุณและกู้หนาน เกิดมาเพื่อเป็นของกันและกัน ฉันไม่มีทางฉกเขาไปจากคุณได้...”

“หุบปาก!” เสี่ยเหมียนพูดขัดจังหวะขึ้นมาก่อน เธอกัดฟันด้วยความโกรธ “แกไม่มีสิทธิ์พูดอะไรทั้งนั้น นังหน้าด้าน พอกันที เราไม่ใช่เพื่อนกันอีกต่อไปแล้ว”

“เสี่ยเหมียน ได้โปรดอย่าทำกับฉันแบบนี้” โยว่หงอ้อนวอนเสียงเศร้า แต่ดวงตาของเธอกลับฉายแววความพอใจและความหยิ่งผยอง

ถ้าไม่ได้เป็นเพราะคุณกู้หนาน เธอคงไม่เป็นเพื่อนกับคุณเสี่ยเหมียนหรอก! ตอนนี้ เธอได้ทำในสิ่งที่ตั้งใจไว้สำเร็จแล้ว คงไม่ต้องพยายามไปมากกว่านี้

“เสี่ยเหมียน อย่าทำเรื่องเล็กให้เป็นเรื่องใหญ่เลยน่า” กู้หนานพูดอย่างเหลืออด “ผมสัญญาว่า จะรักและแต่งงานกับคุณเท่านั้น คุณยังต้องการอะไรอีกเหรอ?”

“ทำเรื่องเล็กให้เป็นเรื่องใหญ่งั้นเหรอ? รักของคุณนี่คือหมายถึงนอนกับผู้หญิงคนอื่น แล้วเอาแต่โกหกฉันใช่มั้ย? ขอโทษนะ ฉันจะไม่ทนกับความรักแบบนั้นอีกต่อไปแล้ว”

“แค่รักคุณคนเดียว ก็ยังไม่พออีกเหรอ?”

“ไม่พอ รักแล้วก็ต้องซื่อสัตย์ด้วยซิ นี่เห็นอยู่ตำตาว่า คุณไม่ซื่อสัตย์ต่อฉัน!”

กู้หนานระเบิดเสียงหัวเราะ เขาคิดว่า ความคิดของเธอช่างน่าขบขันและไร้เดียงสาราวกับเด็กน้อย เขาพูดกับเธอว่า “เสี่ยเหมียน ผมเป็นลูกคนแรก แถมยังเป็นลูกชายคนเดียวของตระกูล ผมจะไม่มีวันคบผู้หญิงเพียงคนเดียว ไม่ว่าผมจะโสดหรือแต่งงานแล้ว คุณเข้าใจใช่มั้ย?

ก่อนที่เราจะแต่งงานกัน คุณควรทำใจยอมรับให้ได้ ทำใจได้เร็วเท่าไร ก็ยิ่งดี”

“ตำแหน่งภรรยาจะเป็นของคุณคนเดียวเท่านั้น สำหรับผู้หญิงคนอื่น ก็แค่ผ่านมาและผ่านไป แต่ตำแหน่งของคุณจะไม่มีวันเปลี่ยนแปลง”

เขามโนไปเองว่า เขาเป็นผู้ชายที่โรแมนติกและมีเสน่ห์ กู้หนานรอให้เสี่ยเหมียนเคลิบเคลิ้มไปกับคำพูดเหล่านั้น และโผเข้าสู่อ้อมแขนของเขา

“เพียะ!” เสี่ยเหมียนตบหน้ากู้หนานไปฉาดใหญ่

หน้าของเขาถึงกับหันไปอีกทาง ภายใต้แสงไฟริมถนน ปรากฏเป็นรอยแดงรูปฝ่ามือบนผิวหน้าอย่างชัดเจน เขาเซไปด้านหลัง แววตาเต็มไปด้วยความตกใจ

เธอกล้าดียังไงมาตบหน้าเขา?

โยว่หงตกใจจนตัวแข็งทื่อ เธอรวบรวมสติ และแสร้งทำเป็นตรวจดูใบหน้าของชายหนุ่มด้วยความห่วงใย แต่กู้หนานกลับสะบัดเธอออกทันที

“คุณเสี่ยเหมียน นี่คุณเป็นบ้าอะไร?” กู้หนานแผดเสียงด้วยความโกรธ เขามองเธออย่างไม่เชื่อสายตา แววตาของเขามีแต่ความโกรธจัด

นับตั้งแต่เขาเกิดมา ไม่เคยมีใครกล้าตบเขามาก่อน

พอนึกถึงคำพูดที่แสนโหดร้ายของเขา แถมไม่มีท่าทีสำนึกผิดเลย เสี่ยเหมียนก็ตัวสั่นด้วยความโกรธ “ฉันเพิ่งจะรู้ว่า คุณทั้งน่าสมเพชและอวดดีได้ขนาดนี้”

แบ่งสามีกับผู้หญิงคนอื่นงั้นเหรอ? นี่เขาคิดแบบนี้ได้ยังไงกัน

ถึงแม้ว่าเสี่ยเหมียนจะมองไปที่เขา เธอกลับรู้สึกแปลก ๆ ราวกับว่า เธอไม่เคยรู้จักเขาเลยจริง ๆ

“กู้หนาน เราเลิกกันเถอะ จบกันแค่นี้”

เสี่ยเหมียนพร้อมที่จะเดินจากเขาไป เธอเหนื่อยและไม่มีเรี่ยวแรงพอที่จะรับมือกับเรื่องคาว ๆ นี้อีกต่อไป เธอเก็บความขุ่นเคืองไว้ในใจ แต่แล้ว เธอก็รู้ว่า มันไม่มีประโยชน์เลย ที่จะปล่อยให้เขาทำร้ายจิตใจเธอต่อ เขาจะทำให้ชีวิตของเธอยุ่งเหยิงไปมากกว่านี้

“ผมไม่เลิก” กู้หนานแผดเสียง จู่ ๆ เขาก็กลัวการสูญเสีย ราวกับว่า เขากำลังจะเสียสิ่งที่มีค่าและไม่มีอะไรมาทดแทนได้

จังหวะที่เขากำลังจะวิ่งตามเสี่ยเหมียน โยว่หงก็สวมกอดเขาแน่นจากทางด้านหลัง

“กู้หนาน อย่าทิ้งฉันไว้คนเดียว” โยว่หงโอบเอวของกู้หนานอย่างช่ำชองและสัมผัสเขาอย่างอ่อนโยน “ตอนนี้ เสี่ยเหมียนกำลังโกรธหน้ามืดตามัว เธอไม่ได้หมายความอย่างนั้นหรอกค่ะ คุณควรให้เวลาเธอสงบสติอารมณ์บ้าง คุณเป็นผู้ชายที่ดีมาก เธอจะปล่อยให้หลุดมือไปได้ยังไงกัน?”

พอเริ่มเข้าใจสิ่งที่โยว่หงพูด เขาก็สงบลงในที่สุด

ตระกูลเจริญศิริวงศ์เป็นที่นับหน้าถือตา และมีประวัติศาสตร์อันรุ่งเรืองมาหลายศตวรรษ อีกทั้งยังมีบทบาทสำคัญในทางการเมืองของเมืองนี้ พวกเขาทำได้เกือบทุกอย่างที่ต้องการในเมืองนี้ ด้วยความที่กู้หนานเป็นลูกชายและทายาทเพียงคนเดียวของตระกูล สถานะทางสังคมของเขา จึงสูงส่งอย่างหาที่เปรียบไม่ได้ นอกจากนั้น เขายังรูปร่างหน้าตาดี แล้วคุณเสี่ยเหมียนจะหาชายอื่นที่สมบูรณ์แบบเท่าเขาได้ยังไงกัน?

คงจะดี ถ้าเธอได้พักผ่อนสักสองสามวัน เพื่อสงบสติอารมณ์ และทบทวนความสัมพันธ์ใหม่อีกครั้ง อีกด้านหนึ่ง กู้หนานคิดว่า เสี่ยเหมียนต้องรู้ตัวเสียทีว่า ถึงแม้เขาจะรักเธอ แต่ความอดทนของเขาก็มีขีดจำกัด ถ้าคนที่ตบไม่ใช่เสี่ยเหมียน เขาคงได้หักมือคนพวกนั้นไปแล้วแน่ ๆ!

อ่านต่อ

หนังสือที่คุณอาจชอบ

ฉันไม่สามารถซ่อนความรักที่มีต่อคุณได้

ฉันไม่สามารถซ่อนความรักที่มีต่อคุณได้

Oliver
5.0

เว่ยเหยียนทำสิ่งที่กล้าหาญที่สุดในชีวิต คือการที่เธอเป็นเพียง "ของเล่นส่วนตัวที่ไม่มีชีวิต" ของเหลียงเย่ถิง แต่กลับลักลอบตั้งครรภ์ลูกของเขา เพื่อรักษาลูกไว้ เธอทำทุกอย่างที่เป็นไปได้แม้แต่สิ่งที่บ้าบอจนชายหนุ่มไม่สามารถทนได้และขับเธอออกไป เธอรีบพาลูกหนีไปอย่างแน่วแน่ แต่หลังจากนั้นเหลียงเย่ถิงก็รู้สึกตัวและจับเธอกลับมา เว่ยเหยียนพยายามต่อต้านแต่ไร้ผล เธอพูดด้วยความโกรธว่า "ฉันไม่ทนอีกต่อไปแล้ว!" เหลียงเย่ถิงมองดูเจ้าตัวเล็กในอ้อมแขนเธอและพูดว่า "งั้นฉันจะดูแลทั้งคุณและเจ้าตัวเล็กเองนะ?"

หลินซือเยว่ผู้นี้ มีสามชะตาในคราเดียว

หลินซือเยว่ผู้นี้ มีสามชะตาในคราเดียว

มาชาวีร์
5.0

หลังผ่าตัดนักพรตเฒ่าผู้หนึ่งนั้น นางวูบหมดสติและเสียชีวิตลงไป ลืมตาตื่นขึ้นมาอีกที ก็อยู่ในร่างของคุณหนูปัญญาอ่อนที่มีชื่อเดียวกันผู้นี้เสียแล้วทั้งยังจำอดีตชาติยามเป็นปรมาจารย์เต๋าได้อีกด้วย +++ 1 : ไล่ออกจากอารามไท่ผิงกวน แคว้นจิ้น ราชวงศ์เซวียน อารามไท่ผิงกวน “ไป ๆ อาจารย์ขับไล่พวกท่านออกจากอารามแล้ว อย่าได้มาเหยียบที่นี่อีก” “ศิษย์พี่รองรีบปิดประตูเร็วเข้า !” ตุบ ! ห่อผ้าสองห่อถูกโยนออกมาจากประตูอาราม ปัง ! ตามด้วยเสียงปิดประตูลงสลักอย่างหนาแน่น สตรีนางหนึ่งยืนตัวตรงเป็นสง่า เสื้อผ้ากับเส้นผมของนางปลิวไสวดั่งไผ่ลู่ลม หลินซือเยว่เงยหน้าขึ้นมองป้ายชื่ออารามไท่ผิงกวนด้วยสายตาเลื่อนลอย อาศัยอยู่ที่นี่มานานเท่าใดแล้วนะ บางครั้งนางเองก็ลืมเลือนวันเวลาไปเหมือนกัน “คุณหนูเจ้าคะ ศิษย์น้องทั้งสองของท่านทำเกินไปแล้วนะเจ้าคะ เหตุใดถึงไล่พวกเราสองคนออกจากอารามได้เล่า” เผิงฉือกระทืบเท้าเบา ๆ ตรงไปฉวยห่อผ้าทั้งสองบนพื้น ขึ้นมาคล้องแขนตัวเองไว้ “หากไม่ได้รับคำสั่งจากอาจารย์ ศิษย์น้องทั้งสองคงไม่กล้าขับไล่ข้าออกจากอารามหรอก” น้ำเสียงของนางสงบนิ่งฟังแล้วสบายหูยิ่งนัก หาได้มีความโกรธเกลียดแต่อย่างใด “นั่นรถม้า” นิ้วเรียวสวยชี้ไปยังรถม้าคันที่มีคนนั่งเฝ้าอยู่ “ป้าเผิงไปถามดูว่าใช่รถม้าของเราหรือไม่” เผิงฉือไม่รอช้ารีบตรงไปหาคนเฝ้ารถม้าที่อยู่ใต้ต้นไผ่ในทันที ไม่ช้านางก็กลับมาพร้อมกับรอยยิ้มนิด ๆ “เป็นรถม้าของเราจริง ๆ เจ้าคะคุณหนู คนขับบอกว่าเป็นคนของตระกูลหลินเจ้าค่ะ ได้รับคำสั่งจากท่านพ่อของคุณหนู ให้มารับคุณหนูกลับตระกูลหลินเพื่อไปแต่งงานเจ้าค่ะ” “กลับไปแต่งงานนี่เอง” นางเอ่ยเหมือนไม่ใช่เรื่องใหญ่ หันหลังกลับไปทางประตูอาราม ประสานมือค้อมตัวคำนับลาอาจารย์ เผิงฉือเห็นเช่นนั้นก็อดที่จะคำนับตามนางไม่ได้ ภายในอารามไท่ผิงกวน “อาจารย์เหตุใดถึงไม่บอกลากับศิษย์พี่ใหญ่ไปตรง ๆ ล่ะ ทำเช่นนี้นางไม่โกรธท่านไปจนวันตายเลยรึ” เหอกุ้ยแม้มีอายุยี่สิบแปดปีแล้ว ทว่าเขากราบเป็นศิษย์เจ้าอาวาสชุนหวังเหล่ยหลังสตรีผู้นั้น จึงได้เป็นเพียงแค่ศิษย์พี่รองเท่านั้น “นั่นสิอาจารย์ ศิษย์พี่ใหญ่นางไม่เคยออกจากอารามไปไหนไกล ท่านทำเช่นนี้ไม่ใช่ขับไล่นางไปสู่ความตายหรอกรึ” จางเจียเฟิ่งเห็นด้วยกับศิษย์พี่รองของเขา “ให้มันน้อย ๆ หน่อยเจ้าศิษย์โง่ทั้งสอง พวกเจ้าคิดว่าอารามไท่ผิงกวนแห่งนี้ สามารถอยู่รอดมาได้เพราะใครกัน หากไม่ใช่เพราะฝีมือของศิษย์พี่ใหญ่ของพวกเจ้า เห็นนางเงียบ ๆ แบบนั้น ความคิดนางกว้างไกลยิ่งนัก อาจารย์อย่างข้ายังเทียบนางไม่ติดด้วยซ้ำไป” เจ้าอาวาสชุนปีนี้อายุอานามปาเข้าไปหกสิบห้าปีแล้ว ทว่าร่างกายยังแข็งแรง อารามเต๋าแห่งนี้มีวิถีแบบไม่เคร่งครัด ใช้ชีวิตเยี่ยงฆราวาสผู้หนึ่ง สามารถแต่งงานมีครอบครัวได้ “อาจารย์นางอยู่ในอารามวาดยันต์กันภัยให้ชาวบ้านที่มากราบไหว้ ตั้งโต๊ะรักษาโรคภัยให้ผู้คนในตัวอำเภอฝู แต่หนนี้นางต้องกลับบ้านไปเพื่อแต่งงาน นางบริสุทธิ์ถึงเพียงนั้นมิถูกสามีจับกลืนกินจนไม่เหลือกระดูกหรอกรึ” เหอกุ้ยนึกภาพเทพเซียนผู้สูงส่งอย่างหลินซือเยว่ หากต้องร่วมเตียงกับบุรุษหยาบกระด้าง เพียงเท่านั้นเขาก็ทำใจไม่ได้จริง ๆ แทบอยากจะไปแย่งตัวศิษย์พี่ใหญ่ของตัวเองกลับคืนมา “เลิกคร่ำครวญได้แล้ว กลับไปกวาดลานอารามกับตรวจดูน้ำมันตะเกียงให้เรียบร้อย ศิษย์พี่ใหญ่ของพวกเจ้าไม่อยู่ เจ้าทั้งสองต้องรีบร่ำเรียนศึกษาหาความรู้ อารามไท่ผิงกวนจะได้เจริญรุ่งเรืองในภายภาคหน้าต่อไปได้” เจ้าอาวาสชุนทำเสียงดังใส่ลูกศิษย์ทั้งสอง “ไป ๆ ข้าจะสวดมนต์” โบกมือไล่ทั้งคู่ให้ออกจากห้องสวดมนต์ไป เจ้าอาวาสชุนรีบลุกไปปิดประตูลั่นกลอน ท่าทางลุกลี้ลุกลนจนผิดปกติ ย่องเบา ๆ ไปที่ใต้เตียงนอน ดึงหีบไม้เก่าเก็บออกมา ครั้นกดสลักเปิดออก ก็พบตั๋วเงินจำนวนสามพันตำลึงอยู่ในนั้น ตระกูลหลินที่ไม่ได้บริจาคน้ำมันตะเกียงมาหลายปี จู่ ๆ ก็ส่งตั๋วเงินมาให้ พร้อมกับขอรับคนกลับไปเพื่อแต่งงาน ช่วงนี้ชาวบ้านมาทำบุญที่อารามน้อยลง หลินซือเยว่ก็ไม่รู้ว่าเกิดอันใดขึ้นกับนาง ถึงไม่ยอมลงจากอารามไปรักษาผู้คน รายได้เลยหายหดแทบจ่ายอาหารการกิน(สุรานารี)ไม่พอ ตั๋วเงินสามพันตำลึงนี่มาได้ทันเวลาพอดี ! แครก ๆ ๆ ๆ เสียงกวาดลานหน้าอารามดังขึ้นพร้อมกับเสียงบ่นของเหอกุ้ย “ข้ารู้ว่านางเก่งเอาตัวรอดได้ ข้าเพียงไม่อยากให้นางไปก็เท่านั้น” “ศิษย์พี่รองท่านอย่าได้เสียใจไปเลย ไม่ใช่ว่ามีแต่นางที่ต้องแต่งงานมีครอบครัว ท่านเองก็เถอะที่บ้านส่งคนมารับทุกปีไม่ใช่รึ” จางเจียเฟิ่งรู้ดีว่าตนและเหอกุ้ย ถูกครอบครัวลงโทษด้วยการส่งมาอยู่ยังอารามแห่งนี้ ทว่าเพียงชั่วคราวเท่านั้น “ตัวข้านั้นไม่เป็นไรหรอก เจ้านั่นแหละศิษย์น้องสาม ข้าได้ยินว่าที่บ้านของเจ้า เพิ่งหาคู่หมั้นหมายคนใหม่ให้เจ้าอีกคนแล้วไม่ใช่รึ” สองศิษย์พี่น้องหยุดกวาดลานอาราม แล้วหันหน้าไปมองตากัน จากนั้นพวกเขาก็ถอนหายใจดัง ๆ พร้อมกัน ไม่มีศิษย์พี่ใหญ่อยู่ด้วย นับจากนี้ไปยามทำความผิดใครจะออกหน้าคอยช่วยเหลือ ยามเงินหมดใครจะให้หยิบยืม ยิ่งคิดพวกเขาก็ยิ่งไม่สบายใจเป็นอย่างมาก บนถนนมุ่งหน้าสู่เมืองหลวง รถม้าไม้ธรรมดาไม่เล็กไม่ใหญ่ ไร้ป้ายชื่อตระกูลบอกกล่าว คล้ายไม่อยากให้ผู้อื่นล่วงรู้ว่าคนที่นั่งอยู่ด้านในเป็นใคร เผิงฉือพยายามหลอกถามคนขับรถม้าอยู่หลายหน ถึงสถานการณ์ของตระกูลหลินในยามนี้ นางไม่เคยไปที่นั่นมาก่อนไม่รู้จักใครสักคน คนขับรถม้าตอบว่า เขามีหน้าที่มารับคุณหนูรองกลับบ้านเท่านั้น เรื่องอื่นนั้นเขาไม่รู้จริง ๆ “ได้ถามหรือไม่ ใช้เวลากี่วันในการเดินทาง” หลินซือเยว่เอ่ยเสียงเนิบ ๆ “ถามแล้วเจ้าค่ะ เขาบอกว่าราว ๆ สิบวันก็ถึงเมืองหลวงแล้ว” “สิบวันเชียวรึ” หลินซือเยว่มองห่อผ้าที่วางอยู่ด้านข้าง มีเพียงของใช้จำเป็นของนางไม่กี่ชิ้น พร้อมกับก้อนเงินจำนวนห้าสิบตำลึง “คงต้องแวะซื้อของในอำเภอฝูเสียก่อน” เผิงฉือรีบเปิดม่านบอกกับคนขับรถม้า แต่เขากลับทำเสียงฮึดฮัดคล้ายไม่พอใจ “เสียเวลาเดินทางเปล่า ๆ” น้ำเสียงเขากระด้างกระเดื่อง

คุณหมอครับให้ผมเป็นพ่อของลูกเถอะ

คุณหมอครับให้ผมเป็นพ่อของลูกเถอะ

ระพีวีญา
5.0

'คุณหมอเกี่ยวก้อย' บุกไปตามน้องชายที่ทำตัวเกเรเป็นลูกน้อง 'พุฒิธร' นักเลงหน้าหล่อขวัญใจสาวๆ แต่ตามไปตามมาดันพลาดท้องซะงั้น! ตัวอย่าง ขณะที่กำลังจะก้าวออกจากร้านกาแฟ ประตูร้านถูกผลักออกไปอย่างแรงโดยไม่ทันระวัง หมอเกี่ยวก้อยชนเข้ากับใครบางคนอย่างจัง "ขอโทษค่ะ!" เธอรีบกล่าวคำขอโทษทันทีทำให้เอกสารที่อยู่ในมือปลิวกระจัดกระจายไปทั่วพื้น "ไม่เป็นไรครับ ผมช่วยเก็บ" เสียงของชายคนนั้นฟังดูสุภาพและใจดีเกินกว่าที่เธอคาดไว้ เขาก้มลงช่วยเก็บเอกสาร เมื่อเงยหน้าขึ้นสบตากัน หัวใจของเธอแทบหยุดเต้น พุฒิธร! เขาคือพ่อของลูก! คนที่เธอพยายามหลีกเลี่ยงมาตลอดหลายปี ร่างสูงสวมเสื้อเชิ้ตแบรนด์หรู กางเกงขายาวสีดำ รองเท้าหนัง ดูภูมิฐานราวกับคนละคนกับในอดีต เขาเคยเป็นนักเลงทวงหนี้แห่งบ้านดอนนาหอมแน่เหรอ "คุณ...มาที่นี่ได้ยังไง?" หมอเกี่ยวก้อยถามเสียงสั่น

บท
อ่านเลย
ดาวน์โหลดหนังสือ
ท่านประธานอย่ารักฉันมากนักเลย
1

บทที่ 1 อย่าทำเรื่องเล็กให้เป็นเรื่องใหญ่

08/04/2022

2

บทที่ 2 เธอมันขาดสติ

08/04/2022

3

บทที่ 3 สมควรแล้วที่เป็นแบบนี้

08/04/2022

4

บทที่ 4 รอยดูดที่คอ

08/04/2022

5

บทที่ 5 ท่ามกลางความมืด

08/04/2022

6

บทที่ 6 คุณยั่วยวนผมก่อน

08/04/2022

7

บทที่ 7 เพ้อเจ้อ

08/04/2022

8

บทที่ 8 กล้าดียังไงมาทำร้ายเธอ

08/04/2022

9

บทที่ 9 ชู้รัก

08/04/2022

10

บทที่ 10 ทำไมคุณถึงยังอยู่ที่นี่

08/04/2022

11

บทที่ 11 ดูเหมือนว่าคุณยังไม่เป็นคนว่านอนสอนง่าย

09/04/2022

12

บทที่ 12 ไม่ต่างจากขยะ

10/04/2022

13

บทที่ 13 เสี่ยเหมียนออกจากการแข่งขันไปซะ

11/04/2022

14

บทที่ 14 ขยะ

12/04/2022

15

บทที่ 15 ยินดีด้วย

12/04/2022

16

บทที่ 16 คุณถูกไล่ออก

12/04/2022

17

บทที่ 17 ตบมือข้างเดียวมันไม่ดัง

12/04/2022

18

บทที่ 18 ไม่ยกโทษให้

12/04/2022

19

บทที่ 19 อย่าคิดที่จะทรยศฉัน

12/04/2022

20

บทที่ 20 ไม่มีเวลาเล่นด้วย

12/04/2022

21

บทที่ 21 กลับคำ

12/04/2022

22

บทที่ 22 ประดับตัวเองด้วยขนนกที่ยืมมา

12/04/2022

23

บทที่ 23 จูบละแสน

12/04/2022

24

บทที่ 24 จูบจนกว่าคุณจะล้มละลาย

12/04/2022

25

บทที่ 25 หน้าไม่อาย

12/04/2022

26

บทที่ 26 ความจริงปรากฏ

12/04/2022

27

บทที่ 27 ขอโทษ

12/04/2022

28

บทที่ 28 ฉันเป็นคนกินง่าย

12/04/2022

29

บทที่ 29 ทำไมไม่ฟัง

12/04/2022

30

บทที่ 30 เป็นเด็กดีและกินข้าวให้ตรงเวลา

12/04/2022

31

บทที่ 31 จูบผม

12/04/2022

32

บทที่ 32 ฝันกลางวัน

12/04/2022

33

บทที่ 33 ไร้เดียงสาแต่น่ารัก

12/04/2022

34

บทที่ 34 นี่คุณบ้าไปแล้วหรอ

13/04/2022

35

บทที่ 35 สเปรย์พริกไทย

13/04/2022

36

บทที่ 36 ต่างกันยังไง

13/04/2022

37

บทที่ 37 ทำวันนี้ให้ดีที่สุด

13/04/2022

38

บทที่ 38 ชู้รัก

13/04/2022

39

บทที่ 39 ฉันขอร้องคุณอย่าออกไปเลยนะคะ

13/04/2022

40

บทที่ 40 นี่คุณรอให้ผมจูบคุณอยู่ใช่ไหม

13/04/2022